สมาชิก

เนตรนาคราช

ตอนที่ 1

เมื่อ 500 ปีก่อน...ตำนานบันทึกไว้ว่าเนตรนาคราชคือดวงตาของพญานาคที่สิงสถิตอยู่ภายใต้แม่น้ำโขงในขณะที่จำศีลได้ถูกผู้มีวิชาขโมยไปเพราะเชื่อว่าดวงตาพญานาคคือสิ่งทรงพลานุภาพที่เผาผลาญทุกสิ่งให้พินาศ ใครที่ได้ครอบครองจะมีอำนาจอยู่ในมือ แต่ละปีพญานาคจะตื่นจากจำศีลขึ้นมาหนึ่งวันคือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 และพ่นไฟทวงดวงตาของตนคืน เป็นปรากฏการณ์สืบต่อกันมาจนกระทั่งทุกวันนี้...

ปัจจุบัน...คืนหนึ่งที่กรุงเทพฯ ดร.มานพพิจารณากระบอกทองเหลืองที่ได้มาโดยบังเอิญเมื่อสิบปีก่อน แล้วนำมาเทียบกับหนังสือโบราณเล่มใหญ่ตรงหน้า ซึ่งมีรูปวาดกระบอกทองเหลือง มีอักขระต่างๆเหมือนเป็นคำปริศนา พลิกไปอีกหน้ามีรูปขาวดำพญานาคแสดงอาการโกรธอยู่เหนือน้ำ ดวงตาสาดแสงไปทั่ว ใต้รูปกำกับตัวหนังสือภาษาไทยโบราณเขียนว่า “เนตรนาคราช”

ดร.มานพศึกษาเรื่องนี้มานานนักหนา แถมยังมีลูกสาว ดร.กาญจนา นักโบราณคดีให้ความร่วมมือด้วยดีเสมอมา ดร.มานพมีบุตรสาวสองคน คนโตคือรัตนากร และคนน้อง ดร.กาญจนา สองสาวสวยและเก่งคนละแบบ แต่ปัจจุบันรัตนากรไม่ได้อยู่กับครอบครัว แยกตัวไปปฏิบัติภารกิจของตนที่ต้องเสี่ยงอันตรายแทบทุกครั้ง

อัศวิน...ชายหนุ่มรูปหล่อ รู้จักใกล้ชิดกับครอบครัวนี้มาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากบิดาของเขาเป็นเพื่อนรักกับ ดร.มานพ บิดาของอัศวินเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามพิเศษจึงผลักดันให้ลูกชายเจริญรอยตาม และนี่คือสาเหตุหนึ่งที่รัตนากรอยากเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษแทนที่จะเป็นนักโบราณคดีเหมือน ดร.มานพ เพราะเธอได้ยินเรื่องราวจากบิดาของอัศวินตั้งแต่เด็กจนได้แรงบันดาลใจ

อัศวินกับรัตนากรสนิทกันมาก เรียนและฝึกวิชาการต่อสู้ร่วมกัน แต่พอเรียนจบทั้งสองถูกส่งไปประจำคนละหน่วยงาน รัตนากรมักจะถูกส่งไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ จนห่างเหินกัน แต่อัศวินยังคงพบเจอกาญจนาเป็นประจำ และมีโอกาสทำงานร่วมกันบ้างเป็นครั้งคราว

คืนนี้ อัศวินและกาญจนาร่วมมือกันจัดการคนร้ายในคราบนักธุรกิจที่ปลอมดาบโบราณล้ำค่าได้เหมือนมาก แต่เหมือนยังไงก็ไม่พ้นเครื่องสแกนแสนทันสมัยของกาญจนาไปได้ พวกเขาถูกตำรวจจับตัวไปดำเนินคดี ส่วนดาบเล่มนั้น อัศวินและกาญจนานำกลับมาให้ ดร.มานพตรวจดูอย่างละเอียด

“พวกมันปลอมได้เหมือนจริงๆ ขอบใจมากนะอัศวินที่ขจัดไอ้คนเลวพวกนี้”

“ด้วยความยินดีครับ ดีที่มี ดร.กาญจนา นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญไปด้วย เรื่องก็เลยง่ายหน่อย”

“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณพ่อยังดูเกือบไม่ออก ดีที่หนูมีเครื่องสแกนช่วยคอนเฟิร์มว่าปลอม”

ดร.มานพวางดาบกลับลงไปในกล่อง บอกว่าอย่างน้อยก็เอามาเป็นของจำลองใช้แสดงในงานให้เด็กรุ่นหลังได้รู้จัก...แล้วหันมาชมลูกสาวตนเก่งมาก แต่กาญจนาถ่อมตัวว่าตนแค่ไปตรวจของ พี่อัศวินต่างหากที่เก่งที่สุด

“เอาล่ะ ถือว่าภารกิจของเราจบได้สวยงามอีกครั้งหนึ่ง”

สามคนแย้มยิ้ม แล้วย้ายมานั่งในห้องรับแขกจิบเครื่องดื่มเย็นๆอย่างเป็นกันเอง

“พูดถึงภารกิจ ได้ข่าวยายรัตน์บ้างไหมอัศวินสามปีแล้วนะที่ยายรัตน์ไม่กลับบ้าน”

“รัตนากรอยู่หน่วยภารกิจลับสุดยอด ไม่มีใครทราบว่าใครอยู่ที่ไหน ผมไม่มีสิทธิ์ทราบได้เลยครับ”

ดร.มานพสีหน้ากังวล กาญจนาส่งยิ้มปลอบใจบอกบิดาไม่ต้องห่วง พี่สาวของตนเก่งที่สุด เก่งกว่าอัศวินเสียอีก

“อ้าว เมื่อกี้ไหนว่าพี่เก่งที่สุดไง”

“เออน่า เก่งทั้งคู่ก็แล้วกัน”

อัศวินอมยิ้ม แล้วรับปากสองพ่อลูกก่อนขอตัวกลับไปว่าพรุ่งนี้ตนจะมาฉลองความสำเร็จเสร็จอีกหนึ่งภารกิจ

ooooooo

บ่ายวันใหม่ อัศวินมาตามสัญญา...ปรากฏว่ารัตนากรตามมาทีหลัง ทุกคนประหลาดใจ เพราะสามปีผ่านไปเพิ่งจะได้เห็นหน้าเธอ เลยถือโอกาสชนแก้วดื่มต้อนรับการกลับมาอย่างปลอดภัยของเธอ

“สามปีผ่านไปไวเหมือนโกหก พี่รัตน์สวยขึ้นนะคะ”

“พี่ว่าเราขุดของโบราณมากไปแล้วยายกาญ เห็นอะไรสวยไปหมด”

ทั้งหมดต่างหัวเราะกัน รัตนากรหันมองอัศวินที่ได้แต่ยิ้มๆไม่พูดอะไร

“ไงพี่อัศวิน เอาแต่ยิ้ม ไม่ได้เจอกันสามปีพูดไม่เป็นแล้วเหรอ” รัตนากรกระเซ้า...เขาเลยหยอกกลับว่าสามปีเท่านั้นเองเหรอ ตนนึกว่าสิบปีแล้วซะอีก

เสียงหัวเราะดังอีกครืน ต่างตักอาหารกินกัน อัศวินกับรัตนากรจ้องมองกันด้วยรอยยิ้ม

“พ่อขอขอบใจอัศวินมาก ในเวลาสามปีที่ผ่านมาเธอช่วยให้เราได้มรดกสำคัญของชาติกลับมาหลายชิ้นจับตัวการได้หลายคน”

“ด้วยความยินดีครับ”

“ยังเหลือชิ้นสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง...เนตรนาคราช”

“นี่ยังตามหาเนตรนาคราชกันอยู่อีกเหรอคะ” รัตนากรแทรกขึ้นมา บิดายอมรับและว่าคืบหน้าไปมากแล้วด้วย

“แต่เนตรนาคราชไม่ใช่เป็นมรดกของชาติเป็นเพียงตำนานมากกว่า”

“มีตำนานในอดีตเคยกลายเป็นจริงมาแล้ว แต่ก็อย่างว่า...พี่รัตน์เป็นคนสมัยใหม่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้”

“โอเค คุยเรื่องอื่นดีกว่า” รัตนากรตัดบทอย่างไม่เชื่อ อัศวินไม่แสดงความเห็น แต่ขอตัวกลับก่อนเพราะมีธุระ แต่ไม่ทันที่เขาจะไป เสียงโทรศัพท์มือถือกาญจนาดังขึ้น วีรกิจแฟนหนุ่มของเธอโทร.มา เธอจึงเลี่ยงออกไปคุย โดยให้พี่สาวไปส่งอัศวินที่รถ

รัตนากรแปลกใจเพิ่งรู้ว่าน้องสาวมีแฟนแล้ว แต่ไม่ได้จะขัดขวางอะไร ถามอัศวินไปเล็กน้อยก่อนย้ำเรื่องเนตรนาคราชอีกครั้งว่า

“พี่อัศวินฟังหูไว้หูจะดีกว่า เท่าที่จำได้ คุณพ่อติดตามเรื่องนี้ได้สิบปีแล้วมั้ง รัตน์ไม่เชื่อว่าจะมีจริง”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้ามีจริงพี่ก็จะตามคืนมาให้ได้”

“หนีภารกิจไปทำงานให้คุณพ่อแบบนี้ระวังจะถูกหัวหน้าเล่นงานนะคะ”

อัศวินยิ้มยักไหล่จ้องรัตนากรนิ่ง ถามว่ากลับมาคราวนี้จะอยู่นานแค่ไหน หญิงสาวบอกยังไม่แน่ใจ อยากมีภารกิจกับเขาอีกเหมือนตอนเรียนจบใหม่ๆ สนุกดี

“ไม่หนุกหรอก เราน่ะบ้าเกินไป พี่ขี้เกียจลุ้น...เอาล่ะ พี่ไปก่อนนะ”

“ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้ที่สนามซ้อม”

“อะไรกัน เพิ่งกลับมาจะซ้อมเลยเหรอ”

หญิงสาวส่งยิ้มแทนคำตอบ แล้วโบกมือลาชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี

ooooooo

รัตนากรกลับเข้ามารื้อข้าวของในกระเป๋าได้ครู่เดียว น้องสาวก็ตามเข้ามาออดอ้อนว่าคิดถึงพี่สาวมากเหลือเกิน

“อย่ามาโม้ คิดถึงแฟนจนไม่มีเวลาคิดถึงพี่มากกว่า... ว่าแต่ใครเหรอ นายคนนี้”

“ไม่ต้องยุ่งเลย พี่อัศวินซักถามสอบสวนไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องถึงมือพี่รัตน์”

“ขุดกระดูกเหมือนกันหรือเปล่า”

“โน...เป็นนักธุรกิจ”

“โห...ต้องรีบพามาให้พี่รู้จักโดยเร็ว นักธุรกิจไว้ใจไม่ได้ บทจะโกงล่ะก็เก่งกว่าคนธรรมดาหลายเท่า หยุดไม่อยู่”

“เสียใจด้วยค่ะ ตอนนี้อยู่เมืองนอก”

“หนีคดีเหรอ”

กาญจนาเหล่พี่สาวอยู่อึดใจก่อนจะต่างคนต่างขำ แล้วแหย่เย้ากันเรื่องแฟนกันต่อไป แต่รัตนากรยืนยันว่าตนยังไม่มี กาญจนาเลยว่าเหมือนพี่อัศวิน สงสัยจะขึ้นคานกันทั้งคู่...

เสร็จภารกิจส่วนตัว รัตนากรเข้าไปหาบิดาในห้อง เห็นท่านกำลังตรวจดูกระบอกทองเหลือง บนโต๊ะมีหนังสือโบราณหลายเล่ม เธอเดินมาใกล้เมียงมองอย่างสนใจ แต่พอเห็นกระบอกอันเดิมที่บิดาเคยบอกว่าใส่แผนที่ก็ส่ายหน้าครางออกมาเบาๆว่า

“เนตรนาคราชอีกแล้ว”

“ใช่ แผนที่บอกเส้นทางไปสู่เนตรนาคราช”

“คุณพ่อเอามาจากไหนคะเนี่ย”

“พ่อได้มาจากเขตสามเหลี่ยมทองคำ”

“ใกล้แม่น้ำโขง...ที่มาของเรื่องเนตรนาคราชซะด้วย”

“ใช่แล้วลูก”

ดร.มานพตอบหนักแน่น...แล้วค่อยๆลำดับเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อนที่ได้กระบอกทองเหลืองนี้มาโดยบังเอิญ

วันนั้น ดร.มานพและกาญจนา พร้อมด้วยทีมงานอีกสามคนเดินทางไปที่สามเหลี่ยมทองคำ แวะเข้าไปที่ย่านตลาดขายของโบราณแล้วมีชายคนหนึ่งถูกไล่ยิงเข้ามาฟุบอยู่แทบเท้า ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งไล่กวดเข้ามาจะยิงซ้ำแต่กาญจนาชกมือปืนคนนั้นเสียก่อน

หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์มีแผ่นหนังปิดลูกตาข้างหนึ่งเหมือนโจรสลัดก้าวออกมากล่าวเสียงดังฟังชัดว่า

“ไอ้นี่ขโมยบางอย่างของผมมา คุณสองคนอย่าเกี่ยวจะดีกว่า”

ชายสองคนเข้ามาที่ชายบาดเจ็บเจียนตาย จับร่างหงายพาดบนโต๊ะตรวจค้นร่างกายและย่ามอย่างถี่ถ้วน คนที่เหลือเอาปืนกราดมาที่สองพ่อลูกเป็นเชิงห้ามเคลื่อนไหว อึดใจมันสองคนหันมาทางหัวหน้าตาเดียวนามว่าเคน พร้อมชูกระบอกทองเหลืองยาวหนึ่งศอกขึ้นมา

เคนยิ้มอย่างพอใจแล้วส่งซิก ชายสองคนจึงลากชายผู้เคราะห์ร้ายออกไป เคนก้าวตามแต่ไม่วายหันมาจ้องสองพ่อลูกอีกครั้งก่อนผละไป กาญจนารีบเข้ามาตรวจดูร่างของบิดา ถามท่านว่าเป็นอะไรหรือเปล่า

“พ่อไม่เป็นอะไรหรอก ลูกล่ะ”

“หนูไม่เป็นไรค่ะ คุณพ่อเห็นกระบอกทองเหลืองนั่นหรือเปล่าคะ”

“เห็นสิลูก ตามบันทึกที่เรามีอยู่นั่นคือกระบอกทองเหลืองที่เก็บแผนที่นำไปสู่เนตรนาคราช”

“แสดงว่าเรื่องราวของเนตรนาคราชอาจเป็นความจริง”

“เห็นแบบนี้แล้ว...พ่อเชื่อว่าเรื่องราวของเนตรนาคราชเป็นความจริงแน่นอน เราต้องหาทางเอามาให้ได้”

ทั้งสองต่างรีบพรวดออกไปดู แต่พวกมันหายกันไปหมดแล้ว พ่อลูกมองกันอย่างเสียดาย...

หลังจากนั้นในตอนเย็น รถตู้ของทีมงานพาสองพ่อลูกกลับมาส่งบ้าน คนขับรถหยิบย่ามที่ ดร.ลืมไว้เดินตามมาให้ถึงประตูบ้าน

“ท่านลืมย่ามครับ”

กาญจนารับย่ามนั้นมาส่งให้บิดาและกระเซ้าว่า “อินเดียน่าโจนส์ลืมย่ามได้ยังไงคะ” พูดจบเธอรู้สึกแปลกๆ ขยับย่ามขึ้นลงแล้วถามว่า “ข้างในมีอะไรคะ หนักผิดปกติ”

“ก็แค่แปรงปัดผงกับแว่นขยาย”

“ไม่น่าจะหนักแบบนี้”

ดร.มานพรับย่ามของตนจากมือลูกสาวบอกว่าหนักจริงด้วย...เลยจัดแจงเปิดย่าม แล้วก็ต้องคาดไม่ถึง หยิบของสิ่งนั้นออกจากย่าม...มันคือกระบอกทองเหลืองท่อนหนึ่ง!

สองพ่อลูกตะลึงถึงกับจ้องหน้ากันอย่างประหลาดใจ เพ่งมองกระบอกทองเหลืองอีกครั้งอย่างพิจารณา

“แต่พวกมันเอาจากคนตายไปแล้วนี่คะพ่อ”

“เราอาจจะโชคดีกว่าที่คิด”

ดร.มานพกล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้นไม่แพ้กาญจนาที่แววตาเป็นประกายด้วยความดีใจ...

หลังจากฟังบิดาเล่าเหตุการณ์วันนั้นจบลง รัตนากรลูกสาวคนโตของ ดร.มานพก็ยังไม่ปักใจเชื่อ

“หนูว่าอาจจะเป็นความบังเอิญมากกว่า”

“หรืออาจจะเป็นเรื่องจริง”

“ยังไงหนูก็ไม่เชื่อว่าเนตรนาคราชเป็นเรื่องจริง... กู๊ดไนต์ดีกว่าค่ะ”

บิดาพยักหน้าและเอียงแก้มให้ลูกสาวที่ไม่ได้เจอกันนานถึงสามปีหอมหนึ่งฟอด

“พ่อดีใจที่ลูกกลับบ้าน อยู่นานๆนะลูก”

“ค่ะ” รัตนากรรับคำแล้วเดินยิ้มออกจากห้องไป ทิ้งให้บิดาเปิดตำราโบราณค้นคว้างานของท่านต่อไป

ooooooo

เสร็จการฝึกซ้อมการต่อสู้ในเช้าวันรุ่งขึ้นที่นัดหมายกันไว้ตั้งแต่เมื่อคืน อัศวินกับรัตนากรถูก ผบ.ภิรมย์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเรียกตัวมารับมอบภารกิจสำคัญ...

ครั้งนี้ทั้งคู่ต้องแยกกันทำงาน รัตนากรลุยเดี่ยวเพราะต้องคุ้มกันมิเชลภรรยาของอัยการฮ่องกงที่กำลังจะคว่ำพวกมาเฟีย ส่วนอัศวินมีผู้ช่วยให้อีกคนที่ต้องไปจับพ่อค้าอาวุธสงครามชาวต่างชาติที่มากบดานในพัทยา แล้วพรุ่งนี้เขาจะได้เจอกับคู่หูคนใหม่

ด้านเคน...วายร้ายตาเดียวที่เคยปะทะกับ ดร.มานพและกาญจนาที่สามเหลี่ยมทองคำแล้วสองพ่อลูกได้กระบอกทองเหลืองมาโดยไม่รู้ตัว แต่บัดนี้มีข่าวแพร่สะพัดจากสื่อที่พยายามตามสัมภาษณ์ ดร.มานพเรื่องเนตรนาคราชไปปรากฏทางจอทีวี ทำให้เคนรู้เห็นและจำชายสูงวัยคนนี้ได้ จึงสั่งสมุนตามล่าตัวโดยเร็วที่สุด

ไม่ทันข้ามวัน กาญจนาซึ่งขับรถมารับบิดาออกจากองค์กรมรดกไทยสังเกตเห็นมีรถคันหนึ่งติดตามจึงหยุดรถแล้วบอกให้บิดารู้ตัวก่อนที่เธอจะลงมาพร้อมปืนคู่กาย ปรากฏว่ารถคันนั้นชะลอและหักเลี้ยวไปอีกทาง เธอและพ่อจึงเดินทางกลับบ้านด้วยความปลอดภัย แต่ยังไม่วางใจในสถานการณ์แปลกๆที่ประสบ

เมื่อกาญจนานำเรื่องนี้มาเล่าให้รัตนากรฟัง พี่สาวยิ่งเป็นห่วงบิดาและน้อง แต่พรุ่งนี้เธอต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่เพิ่งได้รับมอบหมายจึงกำชับน้องสาวให้ระวังตัว และอย่าเป็นไปกับพ่อมากนักเรื่องเนตรนาคราช แต่คืนนี้ ดร.มานพก็ยืนยันว่ากระบอกทองเหลืองที่ได้มาเหมือนในหนังสือโบราณแต่จะมีแผนที่อยู่ข้างในจริงหรือเปล่าตนยังหาทางเปิดไม่ได้ รหัสซับซ้อนมาก
“ก็แค่ตัดส่วนบนที่ปิดออก” รัตนากรพูดยิ้มๆ เพราะในใจยังไม่เชื่อ

“กระบอกทองเหลืองมีอายุกว่า 500 ปี แผนที่อยู่ข้างในอาจจะอยู่ในสภาพที่กรอบหรือแห้ง เปิดไม่ถูกวิธีอาจทำลายแผนที่ได้”

“อืม...จริงของคุณพ่อ”

“ตำนานว่ามนุษย์ขโมยดวงตาของพญานาคตัวเมียไป ตัวผู้ตื่นจากจำศีลอาละวาดหนัก คลื่นไฟคลื่นน้ำท่วมทำลายมนุษย์ที่อยู่ริมแม่น้ำจนหมดสิ้น”

“ต้องรีบหาดวงตาส่งคืนพญานาคตามเวลาที่กำหนดไว้เพื่อไม่ให้มนุษย์ถูกทำลาย”

“อะไรทำนองนี้ ถ้าลูกมีเวลาพ่อจะเล่าให้ฟัง”

“ค่ะ แต่วันนี้รัตน์ต้องขอตัวก่อน มีภารกิจเดินทางพรุ่งนี้ค่ะ คงไม่ได้เจอคุณพ่อสองสามวัน”

“ปลอดภัยกลับมานะลูก”

หญิงสาวยิ้มรับแล้วออกจากห้องบิดากลับห้องตัวเองไปจัดกระเป๋าเดินทางเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้

ooooooo

ภารกิจของรัตนากรเสี่ยงอันตรายเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เธออารักขามิเชลได้อย่างดีเมื่อมีคนร้ายจู่โจมเข้ามาถึงเซฟเฮ้าส์ แต่มีบางอย่างทำให้รัตนากรรู้สึกว่ามิเชลน่าสงสัย

มิเชลไม่กลัวคนร้ายแล้วยังรู้ประวัติครอบครัวรัตนากรทุกคน โดยเฉพาะ ดร.มานพที่ค้นคว้าเรื่องเนตร–นาคราช...ด้านอัศวินที่ได้คู่หูคนใหม่คือภาคภูมิซึ่งเคยเจอกันมาก่อนตอนไปอบรม FBI ทั้งคู่ทำงานเข้าขาตามไล่ล่ามาเฟียต่างชาติค้าอาวุธสงครามที่พัทยาสำเร็จลุล่วงภายในวันเดียว

หลังเสร็จภารกิจในเย็นนั้น อัศวินพาภาคภูมิไปทำความรู้จักกาญจนาถึงที่ทำงานของเธอ ก่อนจะพากันไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ระหว่างนี้เอง อัศวินได้รับการติดต่อจาก ผบ.ภิรมย์ให้รีบมาพบ เขาจึงฝากภาคภูมิไปส่งกาญจนากลับบ้าน ส่วนตัวเองบึ่งรถไปพบหัวหน้าโดยเร็ว

รัตนากรพลาดโดนคนร้ายจับไปพร้อมมิเชล ซึ่งทางฮ่องกงแจ้งมาว่าพวกมาเฟียได้ตัวมิเชลไปแล้ว สามีของเธอซึ่งเป็นอัยการกำลังรอรายละเอียดอยู่

อัศวินอาสาติดตามตัวเป้าหมายแต่หัวหน้าบอกว่าไม่ทันการณ์แล้ว อัยการต้องขึ้นศาลภายในสองชั่วโมง เราต้องรออย่างเดียว หวังว่ารัตนากรจะติดต่อมาเร็วที่สุด

“ผมมั่นใจว่ารัตนากรต้องทำได้ครับ”

“ผมอยากให้คุณเตรียมพร้อมรอคำสั่งผมในกรณีที่ต้องตามเอาตัวรัตนากรกลับมา”

อัศวินรับทราบและอดเป็นห่วงรัตนากรไม่ได้...ขณะเดียวกันนั้น รัตนากรถูกจับไว้ที่โกดังเก็บของ เธอเผชิญหน้ากับชายชาวจีนกลุ่มหนึ่งแล้วโดนเขาคาดคั้นเรื่องแผนที่ค้นหาของโบราณที่ได้ข่าวว่าอยู่ในมือ ดร.มานพบิดาของเธอ รัตนากรไม่ตอบอะไรทั้งนั้น หากแต่พูดจายียวนกวนประสาทเขาอยู่ไปมา และเมื่อเขาลงมือ เธอก็เอาคืนไปมากกว่า สุดท้ายเธอเป็นต่อ ล็อกตัวหัวหน้าได้แล้วสั่งลูกน้องให้ทิ้งปืน ก่อนต่อรองให้พวกมันพามิเชลมา

หนึ่งในกลุ่มคนร้ายเดินหายเข้าไปด้านใน อึดใจก็พามิเชลออกมา รัตนากรดันตัวประกันผ่านพวกมันและบอกให้มิเชลเดินตามมา มิเชลรีบพรวดมาทางด้านหลังของเธอที่ถอยหลังโดยมีตัวประกันอยู่ตรงหน้าเป็นกำบัง พวกสมุนได้แต่ยืนจ้องอย่างทำอะไรไม่ถูก

ออกมาด้านนอก มิเชลชะงักกึกเจอชายสองสามคนยืนจังก้า มีรถจอดอยู่สองสามคัน รัตนากรตวัดปืนใส่พวกมันอีกด้านหนึ่งพร้อมกับเอาตัวประกันบังตัวเองไว้ตลอดเวลา

“ทิ้งปืนแล้วถอยมารวมกันตรงนี้”

คนร้ายทำตามโดยดี รัตนากรรีบสั่งมิเชลขึ้นรถก่อนหันไปกราดยิงเหล่าร้ายแล้วโดดขึ้นรถในตำแหน่งคนขับหนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด ทิ้งความเจ็บใจไว้ให้พวกมันที่ได้แต่ยืนมองกันตาปริบๆ

อัศวินเรียกตัวภาคภูมิกลับมาหลังจากเขาไปส่งกาญจนาถึงบ้าน แล้วอีกครู่ต่อมา ผบ.ภิรมย์ก็ได้รับการติดต่อจากรัตนากรจึงนำความมาบอกอัศวินที่อยู่กับภาคภูมิ สองหนุ่มค่อยยิ้มได้...ไม่ต้องลุยกันอีกแล้ว

กาญจนากลับบ้านปลอดภัย คุยอวดบิดาว่ามีสองหนุ่มคอยดูแลเลยไม่มีใครติดตามเหมือนวันก่อน แล้วคืนนั้นเธอก็มาช่วยบิดาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเนตรนาคราชต่อไปจนดึกดื่น

คืนเดียวกัน รัตนากรพามิเชลหลบไปที่เซฟเฮ้าส์ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คุ้มกันหลายคน แล้วพรุ่งนี้จะมีหน่วยเสริมมารับเธอแต่เช้า คืนนี้ให้มิเชลนอนพักได้ตามสบาย

“ยังอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า เวลาเหลือเฟือสำหรับพวกมัน”

“ดูเหมือนเธอจะรู้จักพวกมันดี” รัตนากรตั้งข้อสังเกต มิเชลถึงกับเงียบไป “พวกมันเป็นพวกไหนเหรอ ถึงรู้เรื่องเกี่ยวกับ ดร. มานพกับฉัน แล้วก็แผนที่ที่ ดร.มานพค้นคว้าอยู่”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”

“เธอยังรู้เลยว่าฉันเป็นลูกสาว ดร.มานพ”

“ฉันก็แค่อ่านประวัติของเธอเท่านั้นเอง ฉันง่วงแล้ว ไปนอนดีกว่า” มิเชลรวบรัดแล้วผละไป รัตนากรมองตาม อย่างจับพิรุธ...

ทางด้านสองพ่อลูกที่ยังค้นคว้าข้อมูลกันดึกดื่น กาญจนาถามพ่อว่ายังจำเหตุการณ์ในร้านอาหารที่สามเหลี่ยมทองคำเมื่อสิบปีก่อนได้ไหม ดร.มานพบอกจำได้แน่นอน วันที่เราได้กระบอกแผนที่มา

“คุณพ่อจำหัวหน้าพวกมันได้ไหมคะ”

“ไอ้คนที่ตาปิดข้างหนึ่งแบบโจรสลัดใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ มีบันทึกในหนังสือเล่มนี้ น่าแปลกมากที่หมู่บ้านหนึ่งในอดีตเกือบ 500 ปีมาแล้วทายาทที่เป็นชายเกิดมามักจะมีตาบอดข้างหนึ่ง ลือว่าเป็นอาถรรพณ์ที่บรรพบุรุษไปขโมยดวงตาพญานาคมา”

“มีจริงเหรอลูก” ดร.มานพประหลาดใจ กาญจนาก้มอ่านในหนังสือเล่มนั้นต่อไป

“บรรพบุรุษจึงสั่งให้ทายาทตามหาดวงตาพญานาคไปคืนเพื่อเป็นการล้างอาถรรพณ์ที่สืบทอดมา”

“ดวงตาพญานาค...เนตรนาคราช” ดร.มานพพึมพำ ดวงตาเป็นประกาย กาญจนาตื่นเต้นไม่แพ้พ่อ บอกว่าเนตรนาคราชเริ่มเป็นจริงขึ้นมาทุกทีแล้ว!

ooooooo

เนตรนาคราช

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด