ตอนที่ 7
สุดท้าย พิมานจำต้องมากราบขอโทษท่านนพพรให้เหตุผลว่า เขาสับสนจนขาดสติจึงทำอะไรผิดพลาดไปหมด ท่านนพพรเห็นว่าพิมานเป็นคนดีทำงานเก่งจึงไม่ติดใจเอาความแต่เรื่องนี้ต้องแล้วแต่ คุณหญิงศรีสวัสดิ์กับณัฏฐา พิมานจึงขอให้คุณแขพามายกธูปเทียนแพเพื่อขอขมาคุณหญิงศรีสวัสดิ์ คุณแข รับรองว่าพิมานจะไม่กลับคำพูดอีก คุณหญิงศรีสวัสดิ์จึงให้เป็นการตัดสินใจของณัฏฐาเอง ณัฏฐามองพิมานอย่างบอบช้ำ
"ถ้าเรายกเลิกการหมั้น หนูว่ามันคงจะเสียหายกันทุกฝ่าย...ฉันจะหมั้นกับคุณค่ะคุณพิมาน หนูเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในเวลานี้...หนูขอตัวก่อนนะคะ" ณัฏฐาไหว้ลาทุกคน
ข่าวการหมั้นของพิมานกับณัฏฐา ทำให้คนในบ้านดีใจที่พิมานกับลักษมณ์จะได้ไม่ต้องทะเลาะกันอีก แต่ก็เสียใจที่ทำให้รจเรขจะต้องจากไป มีจิตคนเดียวที่หมั่นไส้...พอเจษฎารู้ก็ดีใจรีบโทร.หารจเรข เพื่อถามว่าจะกลับวันไหน
"...กล้วยจะออกจากบ้านนั้นวันไหนจ๊ะ เดี๋ยวพี่ไปรับ จะได้ดูแลเอกสารให้ด้วย"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่เจษ กล้วยไม่รู้จะเสร็จกี่โมง เสร็จแล้วกล้วยจะเลยไปหาคุณยายที่บ้านสวนเลย คิดถึงคุณยาย"
เจษฎาจึงบอกว่าเขาจะไปรอที่บ้านสวน จะได้กราบเรียนคุณยายเรื่องขอรจเรขแต่งงาน รจเรขพูดไม่ออก ไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา ได้แต่หนักใจ...
วีรวัฒน์คุยอยู่กับลักษมณ์ในห้องทำงาน เขาแกล้งแหย่ลักษมณ์ "โล่งอกไปที ครอบครัวของคุณหญิงศรีสวัสดิ์มีพี่น้องเยอะแยะ แต่ละคนก็มีเส้นสายใหญ่ๆโตๆทั้งนั้น ถ้าไปผิดใจกับพวกนี้เข้า ไม่ใช่แค่อนาคตคุณพิมานจะดับวูบ ธุรกิจของเราก็จะพลอยติดขัดไปด้วย อย่างนี้ผมก็จัดการเรื่องการหย่าได้เลยใช่มั้ยครับ"
ลักษมณ์มองเคืองๆแล้วโยนซองเอกสารให้ "ยังก่อน...
คุณช่วยไปรับมาร์กี้จากอังกฤษให้หน่อย มาร์กี้คุ้นกับคุณอยู่แล้ว แกจะได้ไม่ตกใจ"
"อ้าว...ถ้าผมไปอังกฤษ แล้วใครจะจัดการเรื่องหย่าให้คุณลักษมณ์ล่ะครับ"
"เอ๊ะ ก็บอกว่ายังไม่ต้องไง เรื่องอะไรสำคัญกว่าก็ไปทำก่อนซี"
"แต่จะช้าจะเร็ว ผมก็ต้องทำนะครับ นอกจากคุณลักษมณ์
จะไม่ต้องการหย่า" วีรวัฒน์พูดยิ้มๆเพราะรู้ใจลักษมณ์ และเพื่อเตือนสติให้ถามใจตัวเองดีๆ
ไม่ทันพูดจบ เจนจิราโผล่มาฉอเลาะ "...เจนดีใจที่สุดเลยค่ะ ตอนแรกเจนใจเสียหมดเลยนึกว่าพลาดทำแผนของลักษมณ์พังซะแล้ว แต่ในที่สุดเค้าก็หมั้นกันจนได้"
ลักษมณ์อึ้งพูดไม่ออก เจนจิราหันไปถามวีรวัฒน์ว่าทำเรื่องหย่าเสร็จหรือยัง วีรวัฒน์ตอบว่า เมื่อไหร่ที่ลักษมณ์สั่งมาเขาดำเนินงานทันที เจนจิราเคืองหันไปอ้อนลักษมณ์ว่าเรารอกันมานานแล้ว จะได้กลับมาเหมือนเดิมกันเสียที ลักษมณ์ ตัดบทขอตัวไปทำงาน เจนจิราจึงบอกว่าเธอจะรอฉลองกับเขาหลังงานหมั้นของพิมาน ลักษมณ์ฝืนยิ้มอย่างหนักใจ
เห็นว่าลักษมณ์ไม่อยู่ รจเรขจึงเอาชุดราชปะแตนที่เขาต้องใส่วันงานมาแขวนให้ในห้องนอนและจัดข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง เธอรำพึง "อีกไม่กี่วัน ฉันคงไม่ได้ทำแบบนี้ให้คุณแล้วนะคะคุณลักษมณ์" พลันต้องสะดุ้ง เมื่อลักษมณ์เปิดประตูเข้ามา "คุณลักษมณ์! ทำไมกลับเร็วจังคะ"
"ถ้าไม่รีบกลับ ผมจะจับได้เหรอว่าตอนที่ผมไม่อยู่ คุณแอบเข้ามาในห้องผม...เข้ามาทำไม แอบมานอนเตียงผม แล้วฝันถึงผมรึเปล่า" ลักษมณ์เดินเข้าใกล้จนรจเรขถอยไปชนเตียง
"บ้า พูดจาเพ้อเจ้อ ฉันเอาชุดที่คุณจะใส่พรุ่งนี้มาแขวนให้แค่นั้นเอง...ฉันไปดีกว่า"
รจเรขจะเดินหนี ลักษมณ์ขวางหน้า "เดี๋ยวก่อน ยังไปไม่ได้ ผมยังไม่เสร็จธุระกับคุณ"
รจเรขแปลกใจว่าธุระอะไร ลักษมณ์เอาของที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมาส่งให้ "ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่ะ มีของจะให้คุณดู"
รจเรขรับกล่องกำมะหยี่กล่องใหญ่มาเปิดดู เป็นเครื่องเพชรชุดใหญ่ ลวดลายแบบเก่าดูมีค่ามาก ลักษมณ์บอกว่าให้ใส่วันงานหมั้นพิมาน เป็นของเก่าของแม่เขาเอง รจเรขรีบบอกว่าเธอเช่าเครื่องประดับมาพร้อมชุดแล้ว จำไม่ได้หรือ ลักษมณ์หยิบสร้อยมาสวมที่คอเธอพร้อมกับพูดว่า ภรรยาของนายลักษมณ์ นฤนารถไมตรี จะใส่ของปลอมได้อย่างไร แล้วหยิบแหวนขึ้นมา
"ผมขอโทษ ที่ตอนแต่งงานไม่มีแหวนแต่งงานให้คุณ"
"ไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ได้แต่งงานกันจริงๆซักหน่อย"
"แต่ไหนๆคุณก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาผม ผมอยากให้ เครื่องประดับชุดนี้กับคุณนะครับ ถือเป็นของขวัญจากผม"
"แต่นี่มันของเก่าของคุณแม่คุณ คุณเก็บไว้ให้ภรรยาตัวจริงของคุณดีกว่าค่ะ"
"คุณกล้วย...คุณเป็นภรรยาผม ไม่ว่าเราจะแต่งกันเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม ผมไม่อยากให้คุณลืมเรื่องของเรา เวลาคุณเห็นแหวนวงนี้ คุณจะจำได้ว่าครั้งหนึ่งคุณเคยแต่งงานกับผู้ชายชื่อลักษมณ์ นฤนารถไมตรี คนนี้...ขอผมสวมให้คุณได้ไหม" ลักษมณ์จับมือรจเรขขึ้นมาบรรจงสวม
รจเรขไหว้ลักษมณ์อย่างตื้นตัน และรับปากว่าวันข้างหน้า ไม่ว่าเธออยู่ที่ไหน เธอจะระลึกเสมอว่าเธอเคยเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนฤนารถไมตรี ทั้งสองสบตากันอย่างอาลัยอาวรณ์
ooooooo
วันงานหมั้นของพิมาน ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายมากันเพียบ ลักษมณ์พารจเรขแนะนำว่าเป็นภรรยาของ เขากับทุกคน ต่างพากันแปลกใจแต่ก็ชอบใจกับความสวยและมารยาทงามของรจเรข จึงกระเซ้าเย้าแหย่อย่างเอ็นดู จนรจเรขหน้าแดง...พิมานแอบมองอย่างเศร้าๆ ณัฏฐาสะเทือนใจ แต่ก็ยอมรับว่ารจเรขเป็นคนมีเสน่ห์ จริงๆ แล้วเลยถามพิมานอย่างสงสัย
"แต่คุณลักษมณ์กับคุณรจเรขเค้ารักกัน ดิฉันไม่เข้าใจ ทำไมคุณพิมานถึงได้..."
"ระหว่างผม พี่ลักษมณ์ และคุณรจเรข มีหลายเรื่องที่คุณไม่รู้"
ณัฏฐาจึงถามว่าอะไร พิมานอึกอักพอตัดสินใจจะเล่า คุณหญิงศรีสวัสดิ์มาตามไปพบผู้ใหญ่เสียก่อน...คุณแขเห็นความใกล้ชิดสนิทสนมของลักษมณ์กับรจเรขก็รู้สึกหนักใจ เสร็จพิธีหมั้น ลักษมณ์เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดหล่อ ให้ชื่นไปบอกรจเรขว่าเขาชวนไปดินเนอร์นอกบ้าน พอดีเจนจิราโทร.เข้ามาทวงสัญญา ลักษมณ์โกหกว่าไม่อยากออกไปไหน อยากพักผ่อน เขาวางสายแล้วส่งมือถือให้พุฒ สั่งว่าถ้าเจนจิราโทร. มาอีกบอกไปว่าเขานอนหลับแล้วห้ามใครกวน
รจเรขถอดเครื่องประดับเก็บใส่กล่อง ยกเว้นแหวนที่ลักษมณ์สวมให้ คุณแขแวะเข้ามาหาในห้องเห็นแหวนที่นิ้ว ชื่นเลี่ยงออกไปรอหน้าห้อง คุณแขมาขอบใจรจเรขที่ทำให้งานผ่านไปได้ด้วยดี รจเรขยิ้มรับ "ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเองก็ไม่ได้คิดจะแต่งงานกับคุณพิมานอยู่แล้ว"
"แต่เธอคงไม่ได้คิดจะแต่งงานกับคุณลักษมณ์ใช่ไหม ฉันถามตรงๆ เธอกับคุณลักษมณ์ใกล้ชิดกัน มันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้าง ฉันเข้าใจ แต่ตอนนี้เธอหมดหน้าที่แล้ว เธอกับคุณลักษมณ์ก็ถือว่าสิ้นสุดกัน ฉันไม่อยากให้เธอคิดเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้"
"ดิฉันไม่กล้าคิดหรอกค่ะ"
"ดีแล้วจ้ะ ถ้าเธอไปจากที่นี่วันไหนก็ไปลาฉันที่เรือนขาว ด้วย ถึงยังไงเธอก็เคยเป็นสมาชิกคนหนึ่งของบ้านเรา...แหวนนั่น ของคุณแม่คุณลักษมณ์ใช่ไหม ฉันจำได้"
"ค่ะ คุณลักษมณ์ให้ดิฉันเป็นที่ระลึก"
"แหวนวงนี้เป็นของเก่าแก่ของคุณหญิงท่าน ตกทอดกันมาตั้งแต่รุ่นย่ารุ่นยาย น่าเสียดาย คุณลักษมณ์ไม่น่าเอาไปยก ให้คนอื่นเล่นๆแบบนี้เลย" คุณแขพูดทิ้งท้ายก่อนจะกลับไป...
รจเรขมองแหวนน้ำตารื้น...ลักษมณ์เปิดประตูเข้ามาอย่างร่าเริง "อ้าว! ทำไมยังไม่แต่งตัว"
รจเรขตอบว่าเธอไม่ไปแล้ว และคืนกล่องเครื่องเพชรให้เขา ลักษมณ์แปลกใจ บอกว่าเขาให้แล้วไม่เอาคืน รจเรขหลบตาบอกกับเขาว่า "ฉันไม่อยากได้ค่ะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน อีกวันสองวันฉันก็จะไปแล้ว คุณกลับไปมีชีวิตของคุณ ฉันกลับไปมีชีวิตของฉัน ฉันไม่อยากมีอะไรเตือนให้นึกถึงคุณ"
"ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน คุณไม่มีความทรงจำดีๆ บ้างเลยเหรอ" ลักษมณ์น้อยใจ
รจเรขตอบโดยไม่หันมองว่าไม่มีเลย ลักษมณ์เสียใจถือกล่องเครื่องเพชรกลับออกไป ปิดประตูดังปัง รจเรขน้ำตาไหลพราก...คืนนั้น รจเรขไม่ลงมาทานข้าวเย็น แย้มเป็นห่วง ชื่นสงสัยว่าคงเพราะคุณแขพูดอะไรกับรจเรขแน่ๆถึงทำให้เธอเศร้าลงทันที พุฒก็ว่าลักษมณ์อารมณ์ดีๆอยู่ พอรจเรขไม่ไปทานข้าวก็อารมณ์เสียขับรถออกจากบ้านแทบชนเขาตาย แย้มฟังแล้วอ่อนใจ
อึดอัดใจอยากถามว่าอะไรคือความลับที่พิมานยังไม่ได้บอก ณัฏฐาจึงโทร.นัดพิมานออกมาพบในคืนนั้น เผอิญเห็นลักษมณ์นั่งเมาอยู่ในร้าน พิมานถามบริกรว่าลักษมณ์มาคนเดียวหรือ บริกรตอบว่าลักษมณ์จองโต๊ะไว้ว่าจะฉลองกับภรรยา แต่ไม่ทราบว่าทำไมมาคนเดียว ณัฏฐาสงสัยว่าคงมีปัญหากับรจเรข พิมานเข้าไปถาม
"อย่าบอกนะครับว่าพี่ลักษมณ์ดีใจ ถึงขนาดออกมาดื่มฉลองวันหมั้นของผมคนเดียว"
"แล้วนายล่ะ มายังไง อ้อ...พาคู่หมั้นคนสวยมากินข้าวนี่เอง"
พิมานย้อนถามว่าเขามีคู่หมั้น แล้วลักษมณ์ล่ะ หย่ากับภรรยาแล้วหรือ ลักษมณ์เหมือนโดนจี้ใจ วางเงินบนโต๊ะแล้วลุกเดินปังๆออกไป พิมานยิ้มสะใจตามออกมาพูดให้เจ็บใจอีก
"เดี๋ยวก่อนซีครับพี่ลักษมณ์ ท่าทางพี่ลักษมณ์ไม่มีความสุขเลยนี่ครับ ทำไมล่ะครับ ผมก็หมั้นกับคุณณัฏฐาตามที่พี่ต้องการแล้วนี่ พี่ลักษมณ์ยังจะมีปัญหาอะไรอีก"
ลักษมณ์หันกลับมาบอกว่าเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร พิมานยิ้มเยาะ "ผมรู้นะ ผมดูอาการที่พี่ลักษมณ์ทำกับคุณกล้วย ผมก็รู้ พี่ลักษมณ์ชอบคุณกล้วยเข้าให้แล้ว ใช่มั้ยล่ะครับ"
ลักษมณ์ฟึดฟัด พิมานยิ่งสะใจ "น่าขำ สุดท้ายพี่ลักษมณ์ ก็มาหลงรักผู้หญิงที่ตัวเองเคยดูถูกเอาไว้ ผู้หญิงที่พี่จ้างให้เขา มาแต่งงานหลอกๆด้วย ผู้หญิงที่พี่บอกว่าต่ำต้อยไม่มีค่า ไม่คู่ควรกับผม แต่พี่กลับมาหลงรักเธอเข้าซะเอง"
"ไอ้พิมาน!" ลักษมณ์โกรธกระชากคอเสื้อพิมาน
พิมานหัวเราะเยาะดึงมือลักษมณ์ออกมาตบที่อกตัวเอง "ผมรู้นะ ที่พี่ลักษมณ์กลุ้มใจอยู่เนี่ย เพราะพี่ไม่อยากหย่ากับคุณกล้วยใช่มั้ย รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ เจ็บมั้ยครับ เข้าใจผมแล้วใช่มั้ยครับ ว่าการต้องพรากจากคนที่เรารักมันเป็นยังไง"
ลักษมณ์โดนแทงใจดำแต่ยังไม่ยอมรับ เขาผลักพิมานล้มลงแล้วพูดใส่ว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายใจเสาะอย่างพิมาน ณัฏฐาวิ่งมาประคองพิมานลุกขึ้น เธอได้ยินทุกคำพูด...ทั้งสองกลับมานั่งคุยกัน พิมานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
"ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้วค่ะ แล้วก็เห็นใจคุณพิมานมากด้วย...ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะยกเลิกการหมั้นระหว่างเราสองคน"
"คุณณัฏฐา! คุณจะทำอย่างนั้นได้ยังไง"
"ไม่ต้องกลัวค่ะ ครั้งนี้ คุณจะไม่ใช่คนผิด ฉันจะเป็นฝ่ายขอถอนหมั้นเอง ฉันไม่อยากหมั้นกับคุณทั้งที่หัวใจคุณอยู่ที่คนอื่น นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วค่ะ อีกหกเดือนหลังจากนี้ ฉันจะถอนหมั้น แล้วปล่อยให้คุณเป็นอิสระ เพื่อกลับไปหาคนที่คุณรัก"
"คุณณัฏฐา...ผม...ผมไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆ..." พิมานกุมมือณัฏฐาอย่างขอบคุณ
แต่ในใจณัฏฐาเจ็บช้ำแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่...
ooooooo
วันรุ่งขึ้น รจเรขจะออกไปหาบ้านเช่าก่อนจะย้ายของออกไปจึงฝากกุญแจบ้านให้แย้มไว้คืนลักษมณ์ พอดีมีรถมาส่งเฟอร์นิเจอร์ พุฒรายงานว่าลักษมณ์สั่งจัดห้องใหม่ไว้ แต่ไม่บอกว่าให้ใคร ทุกคนมองข้าวของที่เป็นสีชมพูทั้งหมด จึงเชื่อว่าเป็นผู้หญิงแน่ รจเรขยิ้มเจื่อนๆ บอกชื่นว่า "เห็นไหม ชื่นไม่ต้องห่วงแล้ว คุณลักษมณ์
มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนแล้วละจ้ะ ฉันไปก่อนนะจ๊ะ"
เจษฎาช่วยรจเรขหาบ้านเช่า พอมานั่งทานข้าวกลางวัน เธอก็คืนแหวนให้เขา เจษฎาเศร้าที่ถูกปฏิเสธ รจเรขไม่อยากทำร้ายจิตใจจึงพูดถนอมน้ำใจว่าเธอยังไม่พร้อม ยังมีภาระเลี้ยงดูทางบ้านอยู่อีก เจษฎาโล่งใจ เขารับรองว่าเขาเลี้ยงดูครอบครัวของเธอได้
"มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกค่ะ ช่วงที่ผ่านมา กล้วยเจออะไรหนักๆมาเยอะ กล้วยอยากอยู่นิ่งๆเงียบๆ แล้วค่อยคิดว่าตัวเองต้องการอะไร กล้วยยังไม่พร้อมจะแต่งงานจริงๆค่ะ พี่เจษ"
"กล้วยแน่ใจนะ ว่ากล้วยไม่ได้รัก...คนอื่น กล้วยคงไม่ได้ชอบนายลักษมณ์ใช่มั้ย"
รจเรขส่ายหน้า เจษฎารู้สึกว่าเธอไม่เดือดร้อนเรื่องหย่าเลย รจเรจแก้ตัวว่าลักษมณ์ยุ่งมาก ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่อย่างไรเสียก็ต้องหย่ากันแน่ เจษฎากุมมือรจเรข พูดย้ำ เขาจะรอจนกว่าเธอจะพร้อม รจเรขอยากขัด แต่เจษฎาตัดบทว่ารอหน่อยก็ดี เขาจะได้มีเวลาเก็บเงินซื้อบ้าน เพื่อรับคุณยายและไก่มาอยู่ด้วยกัน รจเรขถอนใจยิ้มแห้งๆ
แยกจากเจษฎามา รจเรขมาเดินซื้อของจะให้ลักษมณ์ ไว้เป็นที่ระลึก เธอเลือกดูเข็มกลัดเนกไท พอดีเจนจิราผ่านมาเห็น เข้ามาหาเรื่องดึงเข็มกลัดไป รจเรขเหนื่อยใจ
"ไปที่ชอบๆเถอะค่ะ คุณเจนจิรา อย่ามาเบียดเบียนกันเลย แล้วดิฉันจะทำบุญกรวดน้ำไปให้"
เจนจิราแทบกรี๊ดย้อนว่ารจเรขต่างหากที่ต้องไปที่ชอบๆ เพราะพิมานหมั้นไปเรียบร้อยแล้ว รจเรขจึงพูดอย่างนุ่มนวลแต่เจ็บแสบว่าเป็นเพราะเจนจิราถูกสั่งห้ามไปบ้านลักษมณ์ จึงไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เธอจะออกจากบ้านแล้ว เจนจิราโกรธหาว่ารจเรขคงฝันว่าจะได้มาแทนที่เธอ แต่อย่าหวัง เพราะเธอกับลักษมณ์เกิดมาเพื่อกันและกัน พูดจบเจนจิราโยนเข็มกลัดคืนให้ก่อนจะเดินจากไป รจเรขรู้สึกสลดใจอย่างบอกไม่ถูก...
ในขณะที่วีรวัฒน์หอบเอกสารมาหาลักษมณ์ที่ห้องทำงาน "เมื่อกี้คุณแขโทร.หาผม ให้เอาเอกสารหย่ามาให้คุณลักษมณ์เซ็นครับ"
ลักษมณ์บ่ายเบี่ยงว่ายุ่งอยู่ ให้วางไว้ก่อน วีรวัฒน์ย้ำว่าเขาจะรีบส่งไปที่สำนักงานเขต ลักษมณ์อ้างว่าเขาต้องอ่านให้ละเอียดก่อน ทั้งที่วีรวัฒน์แย้งมันเป็นฉบับเดิม ลักษมณ์ทำปากขมุบขมิบเหมือนก่นด่า วีรวัฒน์ขำจึงประชดว่า "เอาไว้ล่างสุดเลยไหมครับ จะได้เซ็นให้ช้าที่สุด"
พลันเลขาฯเข้ามารายงานว่ามีคนมาขอพบ ไม่ทันไร เจษฎาเดินเข้ามาหน้าตาเอาเรื่อง ประสานสายตากับลักษมณ์ "น้องชายคุณก็หมั้นหมายกับผู้หญิงที่คุณต้องการไปแล้ว ทำไมคุณยังไม่ยอมหย่าให้กล้วย"
"มันเป็นเรื่องของผมกับภรรยา คุณเกี่ยวอะไร" ลักษมณ์ไม่พอใจ
เจษฎาอ้างว่าเขาเป็นคนที่รจเรขจะแต่งงานด้วย ลักษมณ์โวย "คุณกล้วยจะไปตกลงแต่งงานกับคุณได้ยังไง ในเมื่อเขายังเป็นภรรยาของผมตามกฎหมาย"
เจษฎาเข้าไปกระชากคอเสื้อลักษมณ์ "ก็เพราะคุณไม่ยอมเซ็นใบหย่าให้เขาซักทีน่ะสิ ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง คิดจะเบี้ยวใช่มั้ย"
วีรวัฒน์รีบห้ามและบอกว่าเขาเตรียมเอกสารไว้พร้อมแล้ว เจษฎาจึงบอกให้เซ็นต่อหน้าเขาเลย ลักษมณ์ไม่พอใจที่มาสั่งและใจจริงไม่อยากหย่าจึงฉีกเอกสารทิ้งต่อหน้าต่อตาแล้วเรียก รปภ.มาเอาตัวเจษฎาออกไป วีรวัฒน์เก็บเศษเอกสารขึ้นมามองหน้าลักษมณ์ ลักษมณ์ขอโทษอ้างว่าเขาลืมตัว
วีรวัฒน์รู้ทัน "ถึงคุณจะฉีกใบหย่า ผมก็หาใบใหม่มาให้เซ็นได้ ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้หรอกครับ ยกเว้นแต่ว่า...คุณอยากจะแต่งงานกับคุณรจเรขจริงๆ"
ลักษมณ์เมินหน้าหนีไม่ยอมรับความจริง...
ในขณะที่คุณยายเตรียมทำห่อหมกรอรับรจเรข และให้ป้าเขียนโทร.ถามรจเรขว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ รจเรขยังตอบไม่ได้ ป้าเขียนกระซิบถามว่าลักษมณ์จะเบี้ยวไหม คุณยายไม่รู้เรื่องหย่ามาดึงโทรศัพท์ไปคุยเอง รจเรขตกใจรีบบอกคุณยายว่าพรุ่งนี้บ่ายๆเธอคงไปถึง คุณยายถามอีกว่าลักษมณ์ชอบทานห่อหมกอะไรจะทำฝากกลับไปให้ รจเรขน้ำตาร่วงไม่รู้จะบอกอย่างไร...
พอเดินมาห้องโถง รจเรขเจอกับลักษมณ์เข้าพอดี ลักษมณ์ ต่อว่าทันทีว่าอยากได้ใบหย่าก็น่าจะบอกเขาตรงๆ ไม่ใช่ให้ เจษฎาไปทวง รจเรขตกใจบอกไม่รู้เรื่อง ลักษมณ์เห็นแววตาใสซื่อ
"งั้นก็แล้วไป ไอ้ทนายมันคงรักคุณมาก จนทนรอไม่ไหว"
"จะมีใครรอหรือไม่มี ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปอยู่ดี"
ลักษมณ์ใจหายไม่ยอมรับรู้ "พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง ยังไง
วันนี้คุณก็ยังเป็นลูกจ้างผมอยู่ ผมมีงานให้คุณทำ คุณก็ต้องทำให้เสร็จ ถ้าไม่เสร็จก็ยังไปไหนไม่ได้"
รจเรขแปลกใจว่างานอะไร ลักษมณ์ดึงมือเธอไปห้องที่จะจัดใหม่ แล้วให้เธอรับหน้าที่จัดห้องใหม่ให้ รจเรขแย้งว่าใกล้จะค่ำอยู่แล้ว แต่ลักษมณ์ไม่สนใจ ถ้าไม่เสร็จเธอต้องอยู่ทำจนกว่าจะเสร็จ มิฉะนั้นเขาจะถือว่าเธอไม่มีความรับผิดชอบ และถ้าอยากได้อะไรเพิ่มให้พุฒไปหาซื้อได้...รจเรขหนักใจ แต่แล้วก็คิดได้ ขอให้แย้มกับชื่นช่วยเปิดห้องเก็บของ แล้วเลือกของที่ดีๆมาตกแต่งห้องอย่างลงตัว กว่าจะเสร็จก็ดึกดื่น แย้มบ่นกับพุฒและชื่นว่าถ้าลักษมณ์ให้ทำแบบนี้บ่อยๆ เธอคงกระดูกหักตายแน่ แต่ชื่นกลับชอบใจถ้ามันทำให้รจเรขอยู่บ้านนี้ต่อไป...จิตได้ยินรีบมาเล่าต่อคุณแข
"ฉันว่าแล้ว เรื่องความรักมันไม่เข้าใครออกใคร แล้วคุณลักษมณ์จะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้" คุณแขบ่นอย่างหนักใจ พิมานผ่านมาได้ยินพูดอย่างสะใจ
"พี่ลักษมณ์เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอง...พี่ลักษมณ์ใช้เงินซื้อทุกอย่างไม่เคยต้องง้อใคร คราวนี้ล่ะครับ พี่ลักษมณ์จะได้เรียนรู้เสียทีว่าสำหรับคนบางคน เงินก็ซื้อไม่ได้"
คุณแขเตือนพิมานอย่ามัวสนใจเรื่องในบ้านลักษมณ์ ควรเอาเวลาไปดูแลคู่หมั้นให้เขาเห็นว่าเราใส่ใจ พิมานเข้าใจแต่ย้อนคำพูดของคุณแขจนต้องอึ้งว่า "แม่พูดเองไม่ใช่เหรอครับ เรื่องความรัก มันไม่เข้าใครออกใคร..."
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่รจเรขจะอยู่ที่นี่ เธอจึงร้อยกระแตมาให้ลักษมณ์เป็นครั้งสุดท้าย และถือโอกาสลาเขา แต่ลักษมณ์ กลับบอกว่าเธอยังไปไหนไม่ได้ รจเรขพยายามพูดอ่อนโยนว่า เธอไม่มีสิทธิ์อยู่บ้านนี้อีกต่อไป เขาก็รู้ และเธอวางซองเอกสารใบหย่าที่วีรวัฒน์เอามาให้เซ็นใหม่ให้ลักษมณ์ เขาอยากรั้งเธอไว้ แต่พูดไม่ออกจึงอวยพรให้เธอโชคดี พอเธอเดินออกไป ลักษมณ์มองเอกสารอย่างเจ็บใจ น้อยใจ "ใครมาขอให้เซ็นก็เซ็น ไม่ต้องคิดเลยหรือไง..."
ลักษมณ์หยิบปากกามาจดจะเซ็นบ้าง แต่แล้วก็ทำไม่ได้ขว้างปากกาทิ้ง พลันนึกได้รีบโทร.หาวีรวัฒน์...
ooooooo
วันรุ่งขึ้น พิมานจะไปลารจเรขก่อนไปทำงาน แต่คุณแขรั้งไว้ว่าเดี๋ยวรจเรขก็ต้องมาลาเธอที่เรือนขาว... รจเรขเตรียมตัวเรียบร้อย ถามชื่นว่าลักษมณ์ตื่นหรือยัง ชื่นตอบอย่างเคืองๆว่าออกไปข้างนอกแต่เช้าไม่ยักอยู่ส่งก่อน รจเรขไม่ว่าอะไร ให้ชื่นช่วยไปเรียกแท็กซี่ให้ พลันมีรถตู้คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอด วีรวัฒน์กับลักษมณ์ ลงจากรถและเรียกพุฒให้มาขนกระเป๋าเข้าบ้าน พอเห็นรจเรขหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าอยู่ก็ถาม "นั่นจะเอากระเป๋าไปไหนไม่ทราบ"
รจเรขตอบว่าเธอจะไปแล้ว ลักษมณ์รีบห้าม "อย่าเพิ่งผมมีอะไรจะอวดคุณ...ออกมาได้"
ประตูรถเปิดออก เด็กหญิงลูกครึ่งหน้าตาน่ารักแต่งตัวเปรี้ยว เคี้ยวหมากฝรั่ง กระโดดลงมากอดคอลักษมณ์ เขาสั่งแย้มให้หาอะไรมาให้มาร์กี้ทาน แย้มยืนงงถามว่าเด็กคนนี้เป็นใคร
ลักษมณ์ไม่ตอบ สั่งรจเรข "ส่วนคุณยังไปไหนไม่ได้ ทั้งนั้น คุณจะต้องอยู่ดูแลลูกให้ผม"
ทุกคนตกใจ ลักษมณ์จึงอธิบาย "มาร์กี้เป็นลูกสาวของผม ผมเพิ่งให้คุณวีรวัฒน์ไปรับมาจากอังกฤษ แกจะมาอยู่กับเราตั้งแต่นี้เป็นต้นไป...มาร์กี้ คุณผู้หญิงสวยๆคนนี้คือภรรยาแด้ดดี้ ต่อไปมาร์กี้ต้องเรียกเค้าว่ามอมมี่นะ มอมมี่คนใหม่ของมาร์กี้ไง"
พอตั้งสติได้ รจเรขบอกลักษมณ์ว่าเราตกลงกันแล้วว่าเธอหมดหน้าที่จากบ้านนี้แล้ว ลักษมณ์ค้าน "ยัง ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตามสัญญาที่เราตกลงกันไว้ คุณจะไปจากผมได้ก็ต่อเมื่อพิมานแต่งงานแล้วต่างหาก แต่นี่แค่หมั้นเอง คุณจะไปจากที่นี่ได้ต่อเมื่อนายพิมานมันเข้าหอไปกับคุณณัฏฐาแล้วเท่านั้น ชื่น เอากระเป๋าคุณผู้หญิงไปเก็บ"
ชื่นดีใจรีบยกกระเป๋าไป รจเรขจะยื้อ ลักษมณ์ดึงเธอไปคุยในห้องทำงาน อธิบายเหตุผลกึ่งขอร้องว่า "เอเลนอร์ แม่ของมาร์กี้เค้าตั้งท้องตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เค้าเลี้ยงลูกไม่เป็น มาร์กี้เลยดื้อมาก พอเอเลนอร์แต่งงานใหม่ เค้ากลัวลูกจะมีปัญหากับพ่อใหม่ เลยส่งมาให้ผมเลี้ยงที่นี่"
"ไม่มีความรับผิดชอบ มีลูกแล้วไม่เลี้ยง ปล่อยให้โตมาเองเหมือนต้นไม้ ไม่อบรมเลี้ยงดู ไม่สนใจไยดีแล้วจะเป็นพ่อคนทำไม" รจเรขพูดกระทบ
"แหม ผมอยากให้พ่อบางคนมาได้ยินคุณพูดจัง เผื่อมันจะละอายใจบ้าง" ลักษมณ์ชอบใจ
"ฉันด่าคุณนั่นแหละ ฉันไม่นึกเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้" รจเรขเสียงเขียว
"เอาเถอะน่ะ ผมมันคนสุกๆดิบๆแบบนี้แหละ ไม่ใช่ เทพบุตรบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนนายพิมานเค้านี่ แต่ถึงพ่อมันจะไม่เอาไหน เด็กก็ไม่ควรมารับกรรมนะคุณ" ลักษมณ์ไม่โกรธกลับขอร้องให้รจเรขช่วยอบรมสั่งสอนมาร์กี้ อย่าให้กลายเป็นเด็กขาดความอบอุ่น
ใจรจเรขอ่อนยวบ พอดีได้ยินเสียงเอะอะกับเสียงมาร์กี้หัวเราะลั่น...มาร์กี้สนุกกับการเล่นเข็นกระเป๋าพุ่งใส่วีรวัฒน์ แย้ม และชื่นอย่างสนุกสนาน พิมานเดินมา กระเป๋าพุ่งเข้ามาชน มาร์กี้ตกใจ แต่พอพิมานเห็นมาร์กี้ก็ตะลึง ทรุดลงคุกเข่า มาร์กี้ถามว่าเขาเป็นใคร ลักษมณ์กับรจเรขเดินออกมา ลักษมณ์ตำหนิ "พูดไม่เพราะเลยมาร์กี้ ทำไม
พูดกับ...คุณอา...อย่างนั้นล่ะ"
"โน โน คุณอา...มาร์กี้อยู่นี่" มาร์กี้ชี้ไปที่วีรวัฒน์
ลักษมณ์อธิบายว่าพิมานเป็นอาอีกคน แต่มาร์กี้
ไม่ยอมฟังวิ่งจี๋ออกไปเล่นนอกบ้าน วีรวัฒน์รีบตามออกไป รจเรขเร่งแย้ม พุฒ และชื่นให้ตามไปดูแลกลัวมาร์กี้จะตกน้ำ แล้วเธอก็วิ่งตามออกไปด้วย ลักษมณ์หันมามองพิมานซึ่งหน้าเจื่อน
"คุณกล้วยรู้อะไรเกี่ยวกับมาร์กี้บ้างครับ"
"ก็รู้แค่ว่าเป็นลูกฉันกับเมียฝรั่ง"
"แล้วเค้าว่ายังไงบ้าง"
"จะไปว่าอะไร ฉันมันคนไม่ดี จะมีกี่ลูกกี่เมียใครเค้าจะไปสนใจ คุณกล้วยเค้าเป็นคนรักเด็ก นอกจากไม่ว่าแล้วยังใจดี จะอยู่ช่วยฉันเลี้ยงมาร์กี้ด้วยซ้ำ"
"ฮ้า! พี่ลักษมณ์หมายความว่า..."
"ฉันกับคุณกล้วยตกลงกันแล้วว่าจะยังไม่หย่า จะอยู่ ช่วยกันเลี้ยงลูก...ก็ดีเหมือนกัน บ้านจะได้ไม่เหงา มีครบทั้ง พ่อ แม่ ลูก เป็นครอบครัวตัวอย่างไง"
พิมานฟังแล้วอึ้งที่ทุกอย่างผิดแผนไปหมด ลักษมณ์ รู้ทันพูดเยาะๆว่า "ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ คุณอา...แกเลือกเองนะพิมาน ให้มันเป็นอย่างนี้ แล้วทำไมทำหน้าเหมือนคนจะตาย หรือว่าเกิดเสียดายขึ้นมา"
พิมานหน้าซีด สับสนจนลักษมณ์รู้สึกสมเพช...และแล้วเป็นอย่างที่รจเรขห่วง มาร์กี้วิ่งหนี รจเรขตะครุบตัวไว้ได้ แต่พลาดพากันตกไปในสระน้ำ รจเรขกอดมาร์กี้อย่างห่วงใย มาร์กี้หน้าตาตื่นขอโทษ รจเรขสงสารจึงยิ้มแล้วชวนเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ทำให้มาร์กี้หัวเราะได้
ooooooo










