ตอนที่ 18
ถึงแม้จะได้รับคำตอบจากคุณยายที่เธอถามว่า สิ่งที่เธอทำถูกแล้วใช่ไหม และคุณยายเตือนว่า ให้เธอทำในสิ่งที่ถูกต้อง ความดีจะคุ้มครองเราเอง...รจเรขก็อดสะเทือนใจไม่ได้เพราะในใจเธอรู้ว่า เธอยังตัดลักษมณ์ออกจากใจไม่ขาด แต่ด้วยความดีของเจษฎาก็ทำให้เธอทำร้ายจิตใจเขาไม่ได้เช่นกัน
ในขณะที่พิมานนั่งเล่นเปียโนเศร้าๆอยู่ที่เรือนขาว ลักษมณ์เดินห่อเหี่ยวเข้ามานั่งข้างๆ พิมานหยุดมองอย่างเห็นใจ "พี่ลักษมณ์..."
"นายรู้แล้วใช่ไหม" ลักษมณ์ถามอย่างขมขื่น
"ครับ"
"แทนที่นายจะสงสารฉัน นายน่าจะสมน้ำหน้านะ ฉันแย่งคุณกล้วยมาจากนาย แต่สุดท้ายฉันก็ต้องสูญเสียทั้งเมีย ทั้งลูกให้เขาไป...มันคงเป็นเวรกรรม"
"แต่มันก็ทำให้ผมได้รู้จักกับคุณณัฏฐา ผมถึงได้รู้ ว่าความรักที่แท้จริงมันเป็นยังไง" พิมานยิ้มด้วยความขมขื่นไม่แพ้กัน
"ยังไงเหรอ"
"ความรักไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยการครอบครองนี่ครับ แค่เราได้รัก ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข มันก็เพียงพอแล้ว" พิมานมองเหม่อออกไปด้วยความคิดถึงณัฏฐา...
ในขณะเดียวกัน ณัฏฐานั่งอ่านจดหมายของพิมานซ้ำไปซ้ำมาอย่างครุ่นคิด คุณหญิงศรีสวัสดิ์เปิดประตูเข้ามา เธอรีบเอาจดหมายซ่อนใต้หมอน
"ไม่ต้องปิดแม่หรอกยัยหนู แม่รู้ว่าหนูยังคิดถึงคุณพิมานอยู่"
"หนูสงสารเขาเท่านั้นเองค่ะ" ณัฏฐาหลบสายตาแม่ที่มองอย่างค้นหาความจริง
คุณหญิงศรีสวัสดิ์จับมือณัฏฐา วางแหวนทองเก่าๆวงหนึ่งให้ในมือ
"ยัยหนู ดูอะไรนี่..."
"แหวน...ของใครคะ"
"คุณพ่อให้แม่ตอนที่รักกันใหม่ๆ ตอนนั้นใครๆก็บอกแม่ว่า คุณพ่อไม่เหมาะสม อายุมากกว่าแม่ตั้งเยอะ ฐานะทางบ้านก็สู้ตระกูลของแม่ไม่ได้"
"แต่คุณแม่ก็เลือกคุณพ่อ"
"แม่มองข้ามความบกพร่องทุกอย่างของคุณพ่อไปได้ เพราะแม่รู้ว่าคุณพ่อเป็นคนดี เป็นคนที่จะไม่มีวันทำให้แม่ต้องเสียใจ"
ณัฏฐามองแม่อย่างซึ้งใจ คุณหญิงศรีสวัสดิ์ย้ำ "ยัยหนู
คิดให้ดีๆ ถ้าหนูไม่ได้รู้สึกกับคุณพิมานขนาดนั้น ก็ลืมเขาไปเถอะลูก"...
คุณหญิงศรีสวัสดิ์ปล่อยให้ณัฏฐาไตร่ตรองตามลำพัง เธอออกมาหาท่านนพพร ซึ่งยืนรออยู่หน้าห้อง ถามว่าณัฏฐาตัดสินใจอย่างไร คุณหญิงศรีสวัสดิ์ยิ้มให้ก่อนจะบอกว่า ลูกไม่ตอบแต่เธอสังหรณ์ใจว่าจะได้จัดงานแต่งงานปีนี้แน่ สองคนยิ้มให้กันอย่างพ่อแม่ที่หวังดีต่อลูก...
ooooooo
งานแต่งงานใกล้เข้ามาทุกที เจษฎาพารจเรขมาลองชุดแต่งงาน ที่ร้านซึ่งดูเล็กและเรียบกว่าร้าน
ที่ลักษมณ์เคยพารจเรขไป เธอลองชุดไทยเรือนต้น มองตัวเองในกระจกแล้วอดคิดถึงลักษมณ์ไม่ได้ ภาพความหวานชื่นในอดีตผุดขึ้นมา รจเรขยิ้มเศร้าๆกับตัวเอง พึมพำว่าเธอจะเก็บมันไว้ในใจตลอดไป
พลันต้องสะดุ้งเมื่อเจษฎาเรียก "กล้วย...กล้วยเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ พี่เห็นหายไปนานพี่เป็นห่วง กลัวจะเป็นลมอยู่ในห้อง"
"เปล่านี่คะ"
"พี่เห็นหายไปนาน พี่เป็นห่วง กลัวจะเป็นลมอยู่ใน ห้อง...สวยจัง" เจษฎาตะลึงมองรจเรข
"กล้วยว่าจะเอาชุดนี้แหละค่ะ"
ทั้งสองจะเดินออกจากห้อง พลันมือถือเจษฎาดังขึ้นเป็นเสียงเตือนปี๊บๆ เขาหยิบมาดูแล้วบอกว่า "ถึงเวลาพอดี"
"เวลาอะไรคะ"
เจษฎาเดินไปเอาแก้วน้ำมาส่งให้ "เวลาทานยาของกล้วยไงจ๊ะ วันนี้เรายุ่งๆพี่กลัวกล้วยจะลืม เลยตั้งเตือนไว้ ทานยาก่อนนะ เดี๋ยวเราค่อยไปดูบ้านกัน"
"ค่ะ...พี่เจษดีกับกล้วยที่สุดเลย" รจเรขซาบซึ้งกับความเอาใจใส่ของเขา
"ทานยาก่อน อย่ามัวแต่ซึ้ง เดี๋ยวไอ้ตัวเล็กในท้องไม่แข็งแรงนะจ๊ะ"
ด้านนอก...ลักษมณ์แอบมองอยู่หน้าห้อง เห็นเจษฎาเอาใจใส่รจเรขอย่างมาก ถึงกับน้ำตาซึม ทั้งอิจฉา เข้าใจและสำนึกผิด พึมพำ "ผมไม่เคยดีกับคุณ ไม่เคยดูแลคุณแบบนี้เลย เพราะอย่างนี้คุณกล้วย คุณถึงได้เลือกนายเจษฎา"
ooooooo
พอเสร็จจากการลองชุด เจษฎาพารจเรขมาดูบ้านจัดสรร พนักงานขายชี้ชวนให้ดูโมเดลบ้านหลังหนึ่งที่พนักงานขายเชียร์สุดๆ
"บ้านหลังนี้ดีมากนะครับ เนื้อที่จะมากกว่าแปลงอื่นเพราะอยู่หัวมุม จะให้ความเป็นส่วนตัว สนามก็กว้าง แล้วตอนนี้เราเหลือแค่หลังเดียวด้วย แค่แปดล้านห้าเอง"
รจเรขสบตาเจษฎาอย่างเกรงใจ "เอาหลังเล็กดีกว่าค่ะ
พี่เจษ แปดล้านห้า รวมตกแต่งอีกก็คงเกือบสิบล้าน เราผ่อนไม่ไหวหรอกค่ะ"
"ไปดูของจริงก่อนดีไหมครับ จะได้เปรียบเทียบกันก่อนตัดสินใจ" พนักงานขายแนะนำ
เจษฎามองรจเรขเชิงให้เป็นคนเลือก เธอส่ายหน้า "ไปดูหลังเล็กอย่างเดียวก็พอค่ะ เผอิญต้องไปทำธุระกันอีกหลายอย่าง"
"ครับ งั้นไปดูหลังเล็กอย่างเดียวนะครับ หลังเล็กก็ดีครับ กะทัดรัด ดูแลง่าย เหมาะกับครอบครัวเล็กๆ" พนักงานขายพารจเรขกับเจษฎามาขึ้นรถกอล์ฟของโครงการ
ไม่ทันจะไป ผู้จัดการฝ่ายขายวิ่งเข้ามา สีหน้ามีพิรุธร้องเรียก "เดี๋ยวครับ เดี๋ยวก่อน"
เจษฎาหันมาถามว่ามีอะไร ผู้จัดการบอกลูกน้องว่าลูกค้ารายนี้เขาดูแลเอง แล้วเชื้อเชิญเจษฎากับรจเรขขึ้นรถ พนักงานขายยืนงง...ผู้จัดการพามาดูบ้านหลังใหญ่ เจษฎาบอกว่า
"ไม่ต้องดูหลังนี้หรอกครับ เราตัดสินใจจะซื้อหลังเล็ก"
"โอ๊ย ไม่ได้ครับ นี่เป็นโอกาสพิเศษที่สุด ที่ผมอยากจะเสนอให้คุณเจษฎาโดยเฉพาะ เชิญในบ้านก่อนครับ" ผู้จัดการแย้ง
สองคนฟังผู้จัดการแนะนำบ้านหลังใหญ่ที่ตกแต่งพร้อมดูหรูหรา
"เนื่องจากคุณทั้งสองเป็นผู้โชคดีที่เข้ามาชมบ้านของเราเป็นรายที่ 99 ทางโครงการมีโปรโมชั่นพิเศษ ให้คุณทั้งสองซื้อบ้านหลังใหญ่ได้ในราคาพิเศษเพียง 5 ล้านบาทครับ"
"อะไรนะ ลดลงไปตั้งเกือบครึ่ง มีโปรโมชั่นแบบนี้ด้วยเหรอ" เจษฎาไม่อยากเชื่อ
"ครับ ถ้าคุณเจษฎาตกลงก็เซ็นชื่อในใบจองเลยครับ ราคา 5 ล้านนี่รวมตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ ครัว รายละเอียดทุกอย่างอยู่ในสัญญานี้หมดแล้ว คุณตรวจดูได้"
เจษฎารับเอกสารมาอ่านอย่างรวดเร็ว เห็นว่าเรียบร้อยดี เขาหันมายิ้มขำๆกับรจเรข
"นึกไม่ถึงเลยกล้วย ว่าเราจะโชคดีขนาดนี้"
"นั่นสิคะพี่เจษ กล้วยก็แทบไม่เชื่อเหมือนกัน"
เจษฎากอดเอวรจเรข ก้มหน้ามาพูดกับท้องเธอ "เจ้าตัวเล็กออกมา จะได้มีสนามกว้างๆเอาไว้วิ่งเล่น ดีไหมครับ"
รจเรขยิ้มพยายามมีความสุขไปกับเจษฎา ห่างออกมา ลักษมณ์แอบมองภาพสองคนมีความสุขถึงกับน้ำตาซึม แต่ก็สุขใจที่ได้ทำเพื่อรจเรขกับลูกบ้าง...เจษฎากับรจเรขกำลังจะขึ้นรถกลับ ไม่ลืมที่จะหันมาขอบคุณผู้จัดการ
"ไม่เป็นไรเลยครับ...แต่นี่เป็นโอกาสพิเศษจริงๆ เซลส์คนอื่นอาจจะไม่รู้เรื่อง ถ้าคุณเจษฎามีข้อสงสัย โทร.ติดต่อผมคนเดียวเลยนะครับ สวัสดีครับ"
พอรถเจษฎาแล่นออกไป วีระวัฒน์เดินมาพูดกับผู้จัดการ "ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยจัดการเรื่องนี้"
"โอ๊ย ยินดีครับ ว่าแต่ว่าเจ้านายคุณวีระวัฒน์จะซื้อบ้านเป็นของขวัญให้เพื่อนทั้งที ทำไมไม่อยากให้เขารู้ล่ะครับ"
"เจ้านายผมตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ในวันแต่งงานน่ะครับ คุณก็อย่าหลุดปากก็แล้วกัน"
ให้เผอิญเจษฎาลืมมือถือไว้ จึงวกรถกลับมาจอดที่หน้าสำนักงานขาย พนักงานขายคนเดิมออกมาต้อนรับ เจษฎาบอกว่าเขาลืมมือถือไว้
"อ้าว ลืมไว้ที่ไหนครับ ผมช่วยหา"
"คงจะที่นั่งคุยกันเมื่อกี้"
พนักงานขายพาเจษฎามาที่โต๊ะ เห็นมือถือวางอยู่จริง "เจอแล้วครับ..."
เจษฎากำลังจะเดินออกไป เห็นวีระวัฒน์เดินออกทางประตูหลังพอดี เจษฎาชะงัก มองตามด้วยความเอะใจ...
ooooooo
ในรีสอร์ตที่เขาใหญ่ พิมานหลบมาพักผ่อนหา ความสบายใจให้กับตัวเอง เขานั่งจิบไวน์ชมจันทร์ อยู่ที่เทอร์เรซ บรรยากาศดูโรแมนติก แต่ในใจเขาเศร้าอย่างบอกไม่ถูก...จู่ๆณัฏฐาเดินเข้ามาทักด้วยท่าทีขวยเขิน
"บังเอิญจังเลยนะคะ ที่มาเจอคุณพิมานที่นี่"
"คุณณัฏฐา...เอ่อ..." พิมานสะดุ้ง คิดไม่ถึงทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดอะไร
"ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยคะ"
"เชิญครับ คุณณัฏฐามาคนเดียวหรือ" พิมานมองว่าณัฏฐามากับใคร
"มากับคนขับรถค่ะ ดิฉันมาธุระที่นี่ เพิ่งจะมาถึงเมื่อเย็นนี้เอง" ณัฏฐาแอบมองพิมานเขินๆ
พิมานดีใจที่พบณัฏฐาอีกครั้ง แต่ก็เจียมตัวไม่กล้าแสดงความรู้สึก เกรงจะทำให้เธอไม่สบายใจ พยายามคิดหัวข้อสนทนา พอดีเห็นดาวตกจึงชวนคุย
"คืนนี้มีดาวตกด้วย...ตอนเด็กๆแม่เคยบอกว่าถ้ามีดาวตกให้อธิษฐาน แล้วจะได้สมความปรารถนา"
"แล้วคุณพิมานได้อย่างที่ขอหรือเปล่าคะ"
พิมานตอบขำๆ "ก็...ได้บ้างไม่ได้บ้าง"
"งั้นดิฉันลองอธิษฐานดูบ้างดีกว่า" ณัฏฐาหลับตาพนมมือ
พิมานแอบมองณัฏฐาด้วยหัวใจปริ่มเปรม พอเธออธิษฐานเสร็จลืมตามาเห็นพิมานยิ้มอยู่ก็ยิ้มตอบ พิมานทำหน้าเก้อ ณัฏฐาแอบหวังว่าเขาจะถามอะไรเธอบ้าง แต่เขาไม่พูดอะไร เธอจึงตัดสินใจเริ่มเอง
"คุณพิมานไม่อยากรู้เหรอคะ ว่าดิฉันอธิษฐานอะไร"
"คุณณัฏฐาอธิษฐานอะไรล่ะครับ" พิมานถามเอาใจ
"ดิฉันอธิษฐาน...ขอให้ผู้ชายคนที่นั่งอยู่ข้างๆขอดิฉันแต่งงานอีกครั้งหนึ่ง"
พิมานอึ้ง งงๆ ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน ณัฏฐาถาม อีกครั้งว่า
"คุณพิมานคิดว่า ดิฉันจะผิดหวังหรือเปล่าคะ"
พิมานดีใจเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าและกุมมือณัฏฐา "ไม่มีวันที่ผมจะทำให้คุณณัฏฐาผิดหวังอีกแล้ว ผมสัญญา..."
สองคนสบตากัน ถ่ายทอดความรักจากหัวใจให้กัน และกัน
ooooooo
คืนนั้น ขณะที่ลักษมณ์กำลังนั่งดูหนังสือตกแต่งบ้าน พวกเฟอร์นิเจอร์เด็ก เจษฎาโทร.เข้ามาบอกว่ามีธุระสำคัญจะคุยด้วยเรื่องรจเรข ลักษมณ์รู้สึกกังวล แต่ยอมให้เจษฎาเข้ามาพบในบ้าน
มาถึง เจษฎายื่นเช็คที่วีระวัฒน์จ่ายให้โครงการบ้านจัดสรรมาตรงหน้าลักษมณ์ แล้วถามอย่างฉุนเฉียว
"นี่มันหมายความว่ายังไง"
"คือ...ผม..." ลักษมณ์พูดไม่ออก ทำให้เจษฎาโกรธ
"คุณให้ทนายของคุณ แอบไปจ่ายเงินค่าบ้านที่ผมไปดู คุณหลอกให้ผมซื้อบ้านราคาแปดเก้าล้าน ที่ผมไม่มีปัญญาซื้อ คุณต้องการอะไร"
"คุณเจษฎา...คุณกำลังเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้คิดจะหลอกให้คุณเป็นหนี้ ผมแค่อยากให้คุณซื้อบ้านหลังนั้นเท่านั้นเอง"
"ด้วยเงินของคุณ...ผมรู้ ว่าคุณมีเงินเยอะแยะ แต่คุณเอาเงินตั้งหลายล้านมาซื้อบ้านให้ผมเพื่ออะไร...คุณอยากให้ผมกับกล้วยเป็นหนี้บุญคุณคุณใช่ไหม คุณต้องการให้ผมกับกล้วยก้มหัวศิโรราบให้กับอำนาจเงินของคุณใช่ไหม เพราะคุณซื้อทุกอย่างได้ คุณเลยเหนือกว่าผมงั้นเหรอคุณลักษมณ์...คุณคิดว่าเงินของคุณจะทำให้คุณชนะใจกล้วยได้ใช่ไหม"
ลักษมณ์มองเจษฎาอย่างเจ็บปวด ก่อนจะพูดอย่างจริงใจ
"ไม่หรอกครับ ผมรู้ ว่าเงินของผมไม่มีค่าอะไรเลย สำหรับคนอย่างคุณกล้วย แต่มันก็เป็นอย่างเดียวที่ผมมี...ผมแค่อยากทำอะไรที่ดีๆให้คุณกล้วยกับ...ลูก บ้างเท่านั้นเอง"
"ผมมีปัญญาดูแลลูกเมียของผม" เจษฎาพยายามระงับอารมณ์ เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลักษมณ์ผู้ทระนง ดูน่าสงสาร
"คุณเจษ เราก็รู้กันอยู่แก่ใจ ว่าลูกในท้องคุณกล้วยเป็นลูกของใคร ผมรู้ว่าคุณกล้วยกำลังจะแต่งงานกับคุณ ผมไม่ได้ คิดจะยื้อแย่งหรือแข่งขัน ผมยอมแพ้ ผมขอแค่ได้ทำอะไรเพื่อคุณกล้วยกับลูกบ้าง ได้ไหม...ผมขอร้อง"
เจษฎามองลักษมณ์ที่หมดความยโสโอหังอย่างสิ้นเชิง รู้สึกสงสาร แต่พอคิดถึงสิ่งที่ลักษมณ์เคยทำในอดีต ก็อดหมั่นไส้ไม่ได้
"วันนี้เป็นบ้าน ต่อไปจะเป็นอะไร รถ เครื่องเพชร คุณจะใช้เงินแสดงความรักที่คุณมีต่อกล้วยกับลูกไปอีกนานแค่ไหน มันถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเรียนรู้ซะที...คุณลักษมณ์ คุณใช้เงินซื้อความต้องการทุกอย่างไม่ได้ เอาเงินของคุณคืนไป"
เจษฎาฉีกเช็คทิ้งต่อหน้า ก่อนจะเดินกลับไป ลักษมณ์ ทรุดนั่งร้องไห้อย่างหมดสภาพ...
ooooooo
วันต่อมา คุณแขฟังจิตรายงานว่า ลักษมณ์เสียใจนอนซม ไม่ลงมากินข้าวกินปลา น้ำท่าไม่อาบ นอนอยู่ ในห้องมืดๆทั้งวัน ทำให้คุณแขเป็นห่วงเป็นใย
"โถ คุณลักษมณ์ น่าสงสาร"
"ตอนคุณพิมานว่าหนักแล้วนะคะ แต่มาคุณลักษมณ์นี่ จิตว่าหนักกว่า"
"คุณลักษมณ์ก็แย่ ตาพิมานก็แย่ เฮ้อ...ฉันจะทำยังไงดีนะ แม่จิต" คุณแขบ่น
"จะทำอะไรกับผมเหรอครับคุณแม่" พิมานถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้ามา หน้าตาสดใส
"ตาพิมาน...นี่ลูก...หนูณัฏฐา" คุณแขแปลกใจที่เห็นณัฏฐาเดินตามเข้ามา
"สวัสดีค่ะ คุณป้าแข หวัดดีจ้ะจิต" ณัฏฐาไหว้คุณแข
จิตยิ้มแป้น "นี่...นี่หมายความว่า คุณพิมานกับคุณณัฏฐา..."
"ผมไปเจอคุณณัฏฐาที่เขาใหญ่ เลยชวนให้กลับมาพร้อมกัน นี่ยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลย คุณแม่มีอะไรเลี้ยงคุณณัฏฐาหรือเปล่าครับ"
"มีสิจ๊ะมี ไป...จิต ไปบอกในครัวว่าเตรียมตั้งโต๊ะอาหารเย็นได้แล้ว" คุณแขดีใจกุลีกุจอสั่งจิต จิตรับคำรีบเดินตามเข้าครัว
"หนูช่วยค่ะ คุณป้าแข" ณัฏฐารีบอาสา
พิมานมองตามแม่กับคนรักเดินเข้าครัว รู้สึกมีความสุขมาก...
ระหว่างรับประทานอาหาร ลักษมณ์ซึ่งมาร่วมโต๊ะด้วย ได้บอกพิมานว่าให้ไปทำงานที่บริษัท พิมานแปลกใจ "อะไรนะครับ"
"นายก็ลาออกจากราชการแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันอยากให้นายมาช่วยดูแลบริษัทแทนฉันระหว่างที่ฉันไม่อยู่"
"คุณลักษมณ์จะไปไหนคะ" ณัฏฐาถามด้วยความสงสัย
"ผมจะไปอเมริกาครับ ว่าจะไปตั้งแต่หลังงานศพมาร์กี้แล้ว บังเอิญมันมีเรื่องอื่น...แต่ตอนนี้ ผมก็ไม่มี
อะไรแล้ว" ท่าทางลักษมณ์ขรึมเศร้า
"คุณลักษมณ์ไปแค่สองสามเดือน พิมานไปช่วยดูแลชั่วคราวก็ดีค่ะ" คุณแขพูดเอาใจ
"ให้พิมานรับผิดชอบไปเลยดีกว่าครับ...ไม่แน่ ผมอาจจะอยู่ที่โน่นสักพัก"
คุณแข พิมาน และณัฏฐามองหน้ากันไปมา ทั้งเข้าใจทั้งสงสารลักษมณ์...พิมานกับณัฏฐาเดินคุยกันที่หน้าเรือนขาว พิมานตั้งข้อสงสัยว่า สิ้นเดือนนี้รจเรขจะแต่งงาน ลักษมณ์คงไม่อยากอยู่จนถึงวันนั้น
"แต่ฉันแน่ใจนะคะว่าเขาสองคนรักกัน รักกันมากด้วย มันจะต้องมีปาฏิหาริย์อะไรสักอย่างทำให้สองคนกลับมาอยู่ด้วยกัน"
"เหมือนคุณกับผมงั้นเหรอ" พิมานมองตาณัฏฐา
"ค่ะ ถ้าคนสองคนรักกันมากพอ ความรักจะพาเขากลับมาหากัน เหมือนที่ฉันกลับมาหาคุณ" ณัฏฐาพูดอย่างเขินๆ...
ooooooo
งานแต่งงานของรจเรขกับเจษฎาจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ คุณยาย ป้าเขียน และอ่วมช่วยกันเช็ดจานสำหรับถวายอาหารพระ รจเรขจัดดอกไม้ เจษฎานั่งช่วยอยู่ใกล้ๆ ป้าเขียนบ่นเสียดายที่พระไก่ไปธุดงค์ ไม่ได้มาร่วมงาน รจเรขพูดเรียบๆว่า
"ก็แค่ใส่บาตร เลี้ยงพระ ไม่ได้มีอะไรมากซักหน่อย"
เจษฎารู้สึกว่ารจเรขไม่ค่อยมีความสุข จึงลองหยั่งเชิงถามว่าจะเชิญแขกมากินเลี้ยงบ้างไหม รจเรขกลับบอกว่า ไม่อยากทำอะไรให้วุ่นวาย แต่พอเห็นสายตาเจษฎาเหมือนจับผิด เลยฝืนยิ้มเปรยๆว่า เธอเหนื่อยนิดหน่อย
"จ้ะ พี่เข้าใจ" เจษฎาพยายามเอาใจ ทั้งที่ในใจครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
"กล้วยขอตัวเอาดอกไม้ไปถวายพระก่อนนะคะ"
เจษฎามองตาม เห็นได้ชัดว่ารจเรขไม่ได้ตื่นเต้นกับงานแต่งงานนี้เลย คุณยายเองก็ชำเลืองมองอย่างหนักใจ...
ในห้องพระ รจเรขวางแจกันดอกไม้บนหิ้ง ก้มกราบพระแล้วนั่งสงบสติอารมณ์ก่อนจะคุยกับโกศพ่อแม่ที่วางอยู่
"พ่อจ๋า แม่จ๋า พรุ่งนี้กล้วยจะแต่งงานกับพี่เจษแล้ว พ่อกับแม่ช่วยเป็นกำลังใจให้กล้วยขอให้กล้วยเข้มแข็งพอที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ขอให้กล้วยตัดใจจากคุณลักษมณ์ให้ได้นะคะ"
ด้านหน้าห้อง เจษฎายืนฟังอยู่อย่างสะเทือนใจ เขาหลบมานั่งที่เก้าอี้มุมหนึ่งของบ้าน คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน รจเรขเดินมาตามไปทานข้าว เขามองเธออย่างอาลัยอาวรณ์ก่อนจะตัดสินใจบางอย่าง
"ถึงเวลาทานข้าวแล้วเหรอนี่ พี่นั่งคิดอะไรต่ออะไรเพลินไปหน่อย"
"พี่เจษชอบเก้าอี้ตัวนี้จริงๆนะคะ พอพี่เจษหายไป กล้วยก็รู้เลยว่าต้องมาอยู่ที่นี่"
"มันทำให้พี่นึกถึงความหลังน่ะ กล้วย พี่ถามอะไรหน่อยสิ ตอบพี่มาตามตรงเลยนะ"
"ค่ะ..."
"กล้วยรักพี่ไหม"
รจเรขฝืนยิ้ม กลบเกลื่อนความในใจ "ทำไมพี่เจษถึงถามกล้วยอย่างนี้ล่ะคะ เราจะแต่งงานกันอยู่แล้วนะ"
"พี่รู้ แต่มันไม่เกี่ยวกันนี่...แต่งงานก็ส่วนแต่งงาน แต่พี่อยากรู้ กล้วยรักพี่ไหม"
รจเรขมองสบตาเจษฎา ไม่อาจโกหกเขาได้อีก แต่พยายามที่จะตอบอย่างถนอมน้ำใจเขาด้วยการกุมมือเขา พูดอย่างจริงใจ
"พี่เจษเชื่อใจกล้วยนะคะ กล้วยจะแต่งงานกับพี่ เป็นภรรยาของพี่ กล้วยจะซื่อสัตย์กับพี่เจษไปตลอดชีวิต และจะไม่มีวันทำให้พี่เจษผิดหวังในตัวกล้วยเป็นอันขาดค่ะ กล้วยสัญญา"
เจษฎาจับมือรจเรขดึงมาวางแนบอก เขารู้ว่าเธอไม่มีทางรักเขาได้ แต่พยายามเก็บความรู้สึกไว้ ฝืนยิ้มแล้วบอกเธอว่า
"ที่พี่อยากได้ยินก็แค่นี้ล่ะจ้ะ ขอบคุณมากนะกล้วย พี่ก็สัญญาว่าพี่จะทำให้กล้วยมีความสุขที่สุด และจะไม่ทำให้ กล้วยเสียใจเป็นอันขาดเหมือนกัน"
เจษฎาดึงรจเรขเข้ามากอดเหมือนถ่ายทอดความรัก ให้เป็นครั้งสุดท้าย รจเรขกอดตอบด้วยความรู้สึกอย่างพี่ชาย เจษฎารับรู้ความรู้สึกนั้น แอบเมินหน้าน้ำตาไหล
ooooooo
คืนเดียวกัน ลักษมณ์แต่งตัวเตรียมเดินทาง ให้ พุฒมายกกระเป๋าไปใส่รถ พุฒหน้าเศร้า อยากยับยั้งเจ้านายแต่ไม่อาจทำได้ เสียงมือถือดังขึ้น ลักษมณ์ หยิบมามองดู แปลกใจที่เจษฎาโทร.มา...
วันรุ่งขึ้น ป้าเขียนกับอ่วมช่วยกันปัดกวาดหน้าบ้าน ปูผ้าบนโต๊ะยาวที่จะจัดวางของสำหรับใส่บาตรพระ บนเรือนจัดวางอาสนะ และจัดที่ทางอย่างเรียบร้อย ป้าเขียนมองหาคุณยายว่าหายไปไหน อยากถามเรื่องชากับกาแฟ ไม่ทันไรเห็นคุณยายหน้าเคร่งเครียดเดินขึ้นบันไดมา
"คุณยายคะ..." ป้าเขียนกำลังจะเอ่ยปากถาม พอดีเห็นเจษฎาเดินตามขึ้นมาก่อน "อ้าว คุณเจษมาถึงแล้วเหรอคะ แล้วทำไมยังไม่แต่งตัว หรือว่าจะไปแต่งตัวห้องหลวงพี่"
"ผมขอพบกล้วยก่อนได้มั้ยครับ"
"อุ๊ย...ไม่ได้หรอกค่ะคุณเจษ มันผิดธรรมเนียม ต้องรอยกขันหมากสู่ขอกันซะก่อน คุณกล้วยถึงจะออกมาได้"
เจษฎาสบตาคุณยายเชิงขอร้อง คุณยายจึงบอกป้าเขียนว่าไม่เป็นไร ให้ไปตามรจเรขออกมา ป้าเขียนเดินไปด้วยความแปลกใจ ระคนสงสัยสีหน้าเจษฎาที่ดูหม่นๆชอบกล
บนเก้าอี้ไม้ตรงมุมบ้านที่เจษฎาชอบมานั่งเป็นประจำ รจเรขเดินเข้ามาหา มองเจษฎาอย่างสงสัย
"พี่เจษคะ..."
เจษฎาลุกขึ้นยืนมองรจเรขอย่างเต็มตา รจเรขเห็นสีหน้าเขาหมองคล้ำถามอย่างห่วงใย
"ทำไมหน้าตาเหมือนไม่ได้นอนเลย มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"กล้วยจำได้มั้ยจ๊ะ พี่เคยบอกกล้วยที่เก้าอี้ตัวนี้ว่าพี่เคยสัญญากับตัวเองจะไม่ยอมให้ใครทำให้กล้วยร้องไห้"
"ค่ะ..."
"แม้แต่ตัวพี่เอง..." เจษฎาจับมือรจเรขขึ้นมากุมอย่างแสนรัก
"พี่เจษหมายความว่ายังไงคะ"
"พี่รู้...ว่ากล้วยไม่ได้รักพี่ กล้วยแต่งงานกับพี่ เพื่อรักษาคำพูด รักษาสัญญา ไม่ใช่เพราะความรัก"
"แต่กล้วยเต็มใจนะคะ กล้วยเต็มใจแต่งงานกับพี่เจษ จริงๆ"
"แล้วกล้วยจะมีความสุขเหรอจ๊ะ...ทุกอย่างที่พี่ทำ ก็เพราะพี่อยากให้กล้วยมีความสุข แต่ถ้ามันทำให้กล้วยต้องร้องไห้ พี่จะทำไปทำไม"
"ไม่จริงค่ะ พี่เจษ พี่ไม่เคยทำให้กล้วยร้องไห้เลย พี่เจษดีกับกล้วย รักแล้วก็ห่วยใยกล้วยตลอดเวลา"
"กล้วยเลยต้องตอบแทนบุญคุณพี่อย่างนั้นใช่มั้ยจ๊ะ พี่ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้น สิ่งเดียวที่พี่ต้องการคือให้น้องของพี่มีความสุข แล้วพี่ก็รู้แล้วว่าพี่ต้องทำยังไง"
รจเรขมองเจษฎาอย่างไม่เข้าใจ เจษฎาหันไปเรียก "คุณลักษมณ์ครับ..."
ลักษมณ์เดินเข้ามา รจเรขตกตะลึง มองเจษฎาสลับกับลักษมณ์ด้วยความงง เจษฎายิ้มให้รจเรขแต่แววตาเศร้า ลูบมือรจเรขอย่างเบาๆ
"กล้วยจะต้องได้แต่งงานกับคนที่กล้วยรัก และมีความสุขตลอดไป...พี่ทำตามสัญญาแล้วนะจ๊ะ ขอให้กล้วยของพี่มีความสุขตลอดไป" เจษฎาปล่อยมือเธอแล้วจะเดินจากไป
"พี่เจษ..." รจเรขผวาตาม โผเข้ากอดเจษฎาทั้งน้ำตา
"ลาก่อน น้องรักของพี่" เจษฎาพยายามตัดใจ ผละออกแล้วเดินไป
รจเรขมองเจษฎาที่เดินห่างออกไป น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน ลักษมณ์ขยับเข้ามาใกล้เรียกเธออย่างแผ่วเบา
"คุณกล้วย..."
รจเรขหันมามองหน้าลักษมณ์ รู้สึกสับสนในใจ ตัดสินใจเดินหนี ลักษมณ์ตามร้องเรียก...เดินตามมาทันรั้งตัวเธอไว้
"คุณกล้วย เดี๋ยวก่อนครับ"
รจเรขนิ่ง ยังสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ลักษมณ์จับไหล่รจเรขให้หันมาเผชิญหน้ากันอย่างนุ่มนวล
"ผมสัญญาว่าผมจะยอมรับการตัดสินใจของคุณทุกอย่าง แต่คุณต้องฟังผมพูดก่อน"
"ค่ะ..." รจเรขนิ่งฟัง ทั้งที่ในใจยังคุกรุ่นไปด้วยความ น้อยใจ เสียใจ
"ผมรู้ว่าผมทำผิดมามาก ผมทำร้ายคุณทั้งร่างกาย จิตใจ ผมอยากให้คุณรู้ ว่าทุกครั้งที่เห็นคุณร้องไห้ ผมก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าคุณ...คุณกล้วย มีคำคำนึงที่ผมไม่เคยพูดออกไป ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ ว่ามันสำคัญกับคุณ...ผมขอโทษ" ลักษมณ์ดึงมือรจเรขมากุม
"เท่านั้นใช่ไหมคะ" รจเรขรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ไม่ใช่คำพูดที่เธอหวังจะได้ยิน
ด้วยความน้อยใจ รจเรขดึงมือออกจากมือลักษมณ์ จะเดินไป ลักษมณ์ยื้อเอาไว้อีก
"ยัง...ยังมีอีกคำหนึ่ง...แต่งงานกับผมนะครับ คุณกล้วย" ลักษมณ์หมุนตัวรจเรขให้หันมาแล้วคุกเข่าลง
รจเรขใจอ่อนลงแต่ยังอดตัดพ้อไม่ได้ว่า "พี่เจษขอให้ คุณมาทำหน้าที่แทนเหรอคะ"
"ใครบอก ผมทำไปเพราะผมรักคุณต่างหาก ได้ยินไหมครับคุณกล้วย ผมรักคุณ ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีใครมีค่าพอที่ผมจะมอบหัวใจให้ นอกจากคุณคนเดียว แล้วคุณล่ะครับ รักผมบ้างมั้ย" ลักษมณ์ลุกขึ้นยืน รบเร้าขอคำตอบ
รจเรขพูดไม่ออก ยิ้มทั้งน้ำตา ลักษมณ์ดึงเธอมากอดด้วยความดีใจ
"คุณยอมรับ ที่จะเป็นภรรยาของนายลักษมณ์ นฤนารถไมตรีไหมครับ"
"ค่ะ คุณลักษมณ์"
ลักษมณ์ดีใจสุดๆ กอดรจเรขแน่นด้วยใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุข
ooooooo
พิธีการงานแต่งงานในวันนี้ จึงเปลี่ยนแปลงเจ้าบ่าว ลักษมณ์นั่งพับเพียบต่อหน้าคุณยาย มีคุณแข พิมานกับณัฏฐานั่งยิ้มอยู่ตรงข้าม ทุกคนสีหน้าเปี่ยมสุข
"ดิฉันจะมาขออนุญาตคุณยาย รับแม่กล้วยกลับบ้านค่ะ ไม่อยู่ไม่กี่วัน พ่อลูกชายดิฉันงอแงเหลือทน งานการไม่เป็นอันทำ" คุณแขเอ่ยปาก
"ถ้าเจ้าตัวเขาไม่ขัดข้อง ดิฉันก็เต็มใจจะยกให้ค่ะ ไปตามแม่กล้วยให้ออกมาได้แล้ว" คุณยายหันไปสั่งป้าเขียน
ป้าเขียนลุกออกไป ลักษมณ์ตื่นเต้นมองไปที่ประตูไม่วางตา คุณแขเห็นแล้วยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะหันมารับรองกับคุณยาย
"คราวนี้คุณยายไม่ต้องห่วงนะคะ ดิฉันจะดูแลแม่กล้วยเป็นอย่างดี จะไม่ยอมให้นักเลงโตที่ไหนมาทำให้เจ็บช้ำน้ำใจอีกแล้วค่ะ"
ลักษมณ์ได้ยินรู้ว่าโดนแขวะ ทำหน้าเก้อ ทุกคนยิ้มขำๆ
ประตูห้องเปิดออก ป้าเขียนเดินนำหน้ารจเรขออกมา พอเห็นรจเรขทุกคนก็ตะลึง เธออยู่ในชุดไทยเรือนต้น สีหน้าแจ่มใสอย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน...รจเรขเข้ามานั่งพับเพียบข้างลักษมณ์ คุณแขหยิบกล่องเครื่องเพชรและกล่องแหวนในพาน เปิดออกส่งให้คุณยาย
"เครื่องเพชรชุดนี้ เจ้าคุณทวดของคุณลักษมณ์ได้รับพระราชทานมาค่ะ ตกทอดกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว คุณหญิง... ดิฉันหมายถึงคุณแม่ของคุณลักษมณ์ ท่านสั่งไว้ว่า ให้มอบให้กับสะใภ้ใหญ่ของนฤนารถไมตรี"
คุณยายหยิบมาดูพอเป็นพิธี ก่อนจะส่งคืนให้คุณแขและชมว่างามเหลือเกิน คุณแขหยิบแหวนส่งให้ลักษมณ์
"สวมให้รจเรขสิคะคุณลักษมณ์"
ลักษมณ์รับแหวนมาบรรจงสวมให้รจเรข ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของทุกคน
ooooooo
เมื่อกลับมาที่บ้านนฤนารถไมตรี ในห้องนอนของลักษมณ์ รจเรขเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดยาวเรียบๆแต่ดูงามสง่า นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ลักษมณ์หยิบสร้อยประจำตระกูลมาสวมให้
"ถึงแม้จะเป็นงานเลี้ยงภายใน แต่ผมก็อยากให้คุณสวมสร้อยเส้นนี้ เพราะผมถือว่าวันนี้เป็นวันแรกที่คุณยอมรับ ว่าคุณเป็นภรรยาของผมอย่างแท้จริง"
"แต่ฉันคิดว่ามันมากเกินตัว..."
"ไม่จริงหรอกครับ ของพวกนี้มันก็แค่สิ่งสมมติ ไม่มีอะไรจะมีค่ามากไปกว่าการที่ผมได้ภรรยาสุดที่รักกลับคืนมาอีกแล้ว"
รจเรขมองสร้อยบนคอ แล้วมองลักษมณ์อย่างเชื่อมั่นว่า ผู้ชายคนนี้จะเป็นคนที่เธอมอบชีวิตและจิตใจให้ได้...
สองคนเดินจูงมือกันออกมาที่สนามหน้าบ้าน ที่ประดับประดาไปด้วยไฟและดอกไม้อย่างสวยงาม มีคุณแข พิมาน และณัฏฐายืนคุยกันอยู่ แย้ม ชื่น พุฒ และจิตยืนรวมกลุ่มกัน มองรจเรขกับลักษมณ์อย่างชื่นชมยินดี เสียงเพลงบรรเลงไพเราะคละเคล้ากับเสียงหัวเราะรื่นเริงของทุกคนในครอบครัว ทำให้ลักษมณ์กับรจเรขรู้สึกอบอุ่นใจและมีความสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ooooooo
- อวสาน-










