สมาชิก

ค่าของคน

ตอนที่ 17

ลักษมณ์นอนเสียใจอยู่บนโซฟา คุณแขเข้ามาปลอบโยน "ใจเย็นๆนะคะคุณลักษมณ์ แม่รจเรขเขาเป็นคนหยิ่ง มีทิฐิ ทางเราเองก็ทำเขาเจ็บช้ำน้ำใจเอาไว้มาก เขาคงไม่ยอมเราง่ายๆ"

"แต่เด็กในท้องนั่นมันลูกผม ผมรู้ว่าเขาเป็นลูกผม คุณกล้วยพูดมาได้ยังไงว่าเป็นลูกนายเจษฎา"

"แม่รจเรขอาจจะพูดไปด้วยความน้อยใจ คุณลักษมณ์ อย่าเพิ่งท้อแท้สิคะ เอาความดีเข้าสู้เอาชนะใจแม่รจเรขให้ได้ ลูกเมียเราแท้ๆนะคะ จะยอมให้คนอื่นเขาไปง่ายๆได้ยังไง"

ลักษมณ์ฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นมา...

ในขณะเดียวกัน พิมานเริ่มรู้ตัวแล้วว่า ผู้หญิงที่มีค่าที่สุดในชีวิต และรักเขาอย่างจริงใจคือ ณัฏฐา เขาพยายามโทร. มาหาเธอ แต่เธอไม่รับสาย พิมานเศร้าใจ มองไปเห็นหนังสือพระราชนิพนธ์ อิเหนา จึงหยิบมาเปิดดู สะดุดหน้าที่คั่นไว้ นึกถึงคำกลอนของณัฏฐา ตอนเขาตามไปหาเธอที่ห้องสมุด

"...ฉุกใจได้คิดสิการแล้ว ดั่งดวงแก้วตกต้องแผ่นผา"

ร้าวระยำช้ำจิตเจ็บอุรา ปิ่มว่าจักวายชีวี..."

พิมานยิ้มเยาะตัวเองอย่างขมขื่น "ตอนคุณอ่านหนังสือเล่มนี้ คุณจะคิดไหม ว่าอิเหนานี่ช่างโง่เหลือเกิน มีดวงแก้วล้ำค่าในมือ แล้วยังขว้างทิ้งไป...อิเหนาโง่เหมือนผมไม่มีผิด"

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ลักษมณ์เดินลงบันไดมาด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง สั่งพุฒไปเอากาแฟมา ทุกคนในบ้านแปลกใจ วีระวัฒน์เข้ามาทัก "คุณลักษมณ์มีอะไรเหรอครับถึงเรียกผมมาแต่เช้า"

"ผมมีเรื่องอยากให้คุณจัดการหน่อย..."

หลังฟังรายละเอียดจากลักษมณ์แล้ว วีระวัฒน์บอกว่าไม่ใช่เรื่องยากอะไร รับปากจะจัดการให้เร็วที่สุด ลักษมณ์อยากทำทุกอย่างให้รจเรขสบายใจ เขาให้พุฒเอารถออกจะไปเยี่ยมรจเรข และได้เตรียมดอกจำปาใส่กระทงไปให้เธอด้วย

ถึงโรงพยาบาล ลักษมณ์ถือกระทงดอกจำปาตรงไปที่ห้องรจเรข แต่แล้วผิดหวังเมื่อพยาบาลบอกว่า รจเรขกลับบ้านไปแล้ว...

คุณยายพารจเรขกับไก่มาไหว้พระทำบุญที่วัด รับศีลรับพร แล้วขอฤกษ์แต่งงานให้รจเรข พระท่านกล่าวว่า ถ้าคิดดี

ทำดี เวลาไหนๆก็ดีทั้งนั้น พอคุณยายขอให้รดน้ำมนต์ปัดเป่าสะเดาะเคราะห์ให้ไก่ พระท่านก็เทศน์ว่า

"ทำตัวไม่ดี มันก็ซวย อย่าไปโทษโชคโทษเคราะห์ ถ้ารดน้ำมนต์แล้ว ยังทำตัวขาดสติเหมือนเดิม น้ำมนต์ก็ช่วยอะไรไม่ได้นะโยม"

"ครับ หลวงพ่อ ผมสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอะไรวู่วามอีกแล้ว" ไก่กราบหลวงพ่อ

ขณะหลวงพ่อประพรมน้ำมนต์ให้ คุณยายกับรจเรขร่วมอธิษฐานจิต ขอบุญกุศลที่ทำไว้ช่วยไก่ให้พ้นเคราะห์ ระหว่างนี้เอง เจษฎาเดินเข้ามาพร้อมวีระวัฒน์ รจเรขแปลกใจ ไก่หน้าเสีย

"ไม่ต้องตกใจครับ คุณรจเรข ผมมาดี"

เจษฎาอธิบายให้ทุกคนฟังว่า "คุณลักษมณ์ให้ทนายทางฝ่ายเขามาบอกว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้แล้วกันไป"

"ไหนแกว่ามันเป็นคดีอาญา จู่ๆมันแล้วกันไปได้ด้วยเหรอวะ เจษ" ไก่ไม่เข้าใจ

"คุณลักษมณ์ทำให้ตำรวจยอมเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นอุบัติเหตุปืนลั่น เป็นแค่การทะเลาะวิวาทกันในครอบครัว ไม่ใช่การพยายามฆ่า แกไม่ต้องเข้าคุก ก็แค่ไปเสียค่าปรับ แล้วก็ลงบันทึกไว้" เจษฎาตอบทั้งที่อึดอัดใจ

"คุณลักษมณ์สั่งให้ผมวิ่งเต้นทุกทาง เพื่อให้คุณรุจิรัตน์ พ้นจากข้อหาให้ได้"   วีระวัฒน์เสริม

รจเรขดีใจ แต่ยังสงสัยว่าลักษมณ์จะมาไม้ไหน วีระวัฒน์ บอกว่า ลักษมณ์แค่ต้องการทำให้เธอสบายใจ ลูกในท้องจะได้ แข็งแรง เจษฎาฟังแล้วยิ่งเครียด...

ooooooo

กลับถึงบ้าน ทุกคนท่าทางเคร่งเครียด เจษฎาขอคุยกับรจเรข เขาถามเธอตามตรงว่า อยากเปลี่ยนใจเรื่องแต่งงานกับเขาไหม

"พี่รักกล้วยมาก พี่อยากแต่งงานกับกล้วยมากยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น แต่เมื่อคุณลักษมณ์แสดงตัวออกมาชัดเจน ว่ารักลูกของเขาขนาดไหน พี่เลยไม่แน่ใจว่ากล้วยอยากกลับไปหาเขาหรือเปล่า"

"กล้วยรับปากแต่งงานกับพี่ไปแล้ว พี่เจษเห็นกล้วยเป็นคนพูดจาโลเลอย่างนั้นหรือคะ"

"แต่กล้วยกับลูก จะมีชีวิตที่ดีกว่า ถ้าเป็นภรรยาและลูกของลักษมณ์ นฤนารถไมตรี"

"ไม่ใช่ค่ะพี่เจษ คุณยายสอนกล้วยเสมอว่า คุณค่าของคนอยู่ที่ความดี ไม่ได้อยู่ที่เงิน ลูกของกล้วยโชคดีที่มีพ่อเป็นคนดี เป็นคนมีน้ำใจประเสริฐสุดอย่างพี่เจษค่ะ"

เจษฎาปลื้มใจกุมมือรจเรขถามย้ำว่าแน่ใจหรือ รจเรขบีบมือเจษฎาและรับคำอย่างตัดสินใจ  เจษฎาดีใจดึงเธอมากอด น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมา...

อีกครู่ต่อมา รจเรขกับไก่มานั่งพับเพียบต่อหน้าคุณยาย ฟังท่านอบรม

"กล้วยทำถูกแล้วลูก ความรักของหนุ่มสาวมันวูบวาบ เดี๋ยวก็หายไป แต่ที่ผูกใจกันไว้ได้จนแก่เฒ่าน่ะ คือความดี ยายเห็นพ่อเจษมาตั้งแต่เล็กๆ  เขาเป็นคนดีจริงๆ  แล้วยังมีบุญคุณ ช่วยเหลือเรากับพี่ชายมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน"

"กล้วยทราบดีค่ะคุณยาย บุญคุญพี่เจษชาตินี้ทั้งชาติกล้วยก็ใช้ไม่หมด กล้วยรับปากคุณยายแล้ว กล้วยไม่มีวันทำให้พี่เจษเสียใจ"

"ไหนๆเราก็พ้นเคราะห์แล้ว บวชให้ยายเสียเลยดีมั้ย"

ไก่รับคำ คุณยายดีใจดึงไก่มากอดอย่างปลาบปลื้ม...

ooooooo

คืนเดียวกัน ลักษมณ์นั่งซึมอยู่ในผับท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม สายตาเขาจับจ้องที่กระทงดอกจำปาตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด พิมานเดินเข้ามายืนดูพี่ชายอย่างหนักใจ

"แม่ให้ผมมาตามพี่ลักษมณ์ เกิดอะไรขึ้นครับ" พิมานลงนั่งข้างๆ

"คุณกล้วยเขาไปแล้ว พิมาน เขาคงไม่อยากเห็นหน้าฉัน เขาคงเกลียดฉันมาก ถึงขนาดไม่ยอมรับว่าเด็กในท้องเป็นลูกของฉัน" ลักษมณ์พูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก

พิมานไม่อยากเชื่อ ลักษมณ์บอกว่ารจเรขยืนยันกับเขาว่าลูกในท้องเป็นลูกเจษฎา พิมานย้อนถามว่าลักษมณ์เชื่อหรือ ลักษมณ์ส่ายหน้า

"ไม่ ฉันรู้เด็กนั่นลูกของฉัน แต่ในเมื่อคุณกล้วยเขาไม่ยอมรับ คุณกล้วยเขาไม่รักฉัน นายจะให้ฉันทำยังไง"

"ใครบอกพี่ลักษมณ์ครับ คนทั้งบ้านเขาก็ดูออกกันทั้งนั้นว่าคุณกล้วยรักพี่ลักษมณ์มากแค่ไหน ก็มีแต่พี่ลักษมณ์ คนเดียวแหละที่ไม่รู้"

"นายแน่ใจเหรอ พิมาน"

"ครับ คุณกล้วยรักพี่ พี่ลักษมณ์ต่างหากที่ต้องทำให้ คุณกล้วยเห็นว่าพี่ลักษมณ์รักเขามากขนาดไหน สู้นะครับพี่ อย่าปล่อยให้ผู้หญิงดีๆหลุดมือไป เหมือนอย่างผม" คำพูดของพิมานทำให้ลักษมณ์มีใจฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง...

วันรุ่งขึ้น ลักษมณ์ให้พุฒออกไปข้างนอกกับเขา ไปตระเวนซื้อของใช้เด็กมากมาย มีทั้งสำหรับเด็กชายและเด็กหญิง รวมทั้งของใช้พวกแชมพู สบู่อาบน้ำ มากมายใช้ไปได้จนโต

ส่วนคุณยาย ไก่ รจเรข ป้าเขียน และอ่วมเตรียมงานบวชของไก่อยู่ที่วัด ไก่ถือพานบายศรีขอขมาคุณยาย จากนั้นเขาขอนอนค้างที่วัดจนกว่าจะถึงวันบวช คงไม่ได้อยู่อวยพรงานแต่งงานของรจเรขกับเจษฎา จึงขออวยพรล่วงหน้า

"กล้วยเป็นคนดี พี่ขออวยพรให้น้องของพี่ มีความสุข สมหวัง พ้นจากความทุกข์โศกเสียทีนะ"

รจเรขกราบขอบคุณพี่ชายอย่างปลาบปลื้ม คุณยายเองก็ชื่นใจ...ทุกคนกลับมาที่บ้านสวนยกเว้นไก่ ป้าเขียนกับอ่วมซึ่งเดินนำหน้ามาตกใจ เมื่อเห็นพุฒหอบหิ้วถุงมากมายยืนชะเง้อ ชะแง้อยู่ ป้าเขียนตะโกนถาม

"เอ้อ...อะไรกันล่ะเนี่ย มาหาใครล่ะ พ่อคู้น..."

ป้าเขียนไม่คุ้นหน้าพุฒเอาเลย แต่พอลักษมณ์เดินเข้ามาอีกทางบอกว่ามาหารจเรข ป้าเขียนสะดุ้งหันมอง รจเรขประคองคุณยายเดินมาพอดี คุณยายถามว่าใครมา ลักษมณ์ยกมือไหว้...ทั้งคุณยายและรจเรขตกใจ รจเรขเดินหนีไม่พูดไม่จา ลักษมณ์หน้าเจื่อน เขาเดินตามคุณยายเข้ามานั่งพับเพียบเก้ๆกังๆตรงหน้า พุฒเอาของมาวางกองโต

"ผมซื้อของใช้มาฝากคุณกล้วยกับลูกน่ะครับ แล้วก็มีของฝากคุณยายกับคนอื่นในบ้านด้วย" ลักษมณ์บอกให้รู้ว่าเขามาด้วยความตั้งใจดี

คุณยายมองหน้าป้าเขียนไปมาอย่างลำบากใจ "ก็... ขอบใจนะที่นึกถึง"

ลักษมณ์ขออนุญาตคุยกับรจเรข คุณยายไม่รู้จะทำอย่างไร จึงปล่อยให้ลักษมณ์ไปตามหารจเรขเอาเอง มาเจอกำลังนั่งถักไหมพรมอยู่ในสวน พอดีเธอปัดโดนม้วนไหมพรมกลิ้งจากตะกร้าลงมาที่พื้น ลักษมณ์เข้ามาเก็บให้ รจเรขเห็นหน้าเขาก็ชักสีหน้าใส่ทันที

"ไหมพรมสีฟ้า...แปลว่าเราจะได้ลูกชายใช่ไหมครับ คุณกล้วย" ลักษมณ์ยิ้มประจบ

"คุณมาที่นี่ทำไมคะ"

"ผมซื้อของมาเยอะเลย มีทั้งอาหารบำรุงของคุณกล้วย แล้วก็ของใช้ของลูก"

"ฉันบอกแล้วว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของคุณ คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่ง แล้วก็เอาของคุณกลับไปซะด้วย" รจเรขคว้าตะกร้าเดินหนี แต่ลักษมณ์ยังตามตื๊อ

"อย่าปฏิเสธผมเลย คุณกล้วย ผมรู้นะ ที่คุณพูดอย่างนี้เพราะคุณโกรธผมใช่มั้ย" พอเห็นรจเรขนิ่งไม่พูด ลักษมณ์จึง

รุกต่อ "ผมรู้ว่าผมทำให้คุณเสียใจมามาก คุณจะงอนผมไปอีกนานขนาดไหนก็ได้ แต่อย่าใจร้ายเอาลูกเอาเมียผมไปยกให้เป็นลูกเมียคนอื่นแบบนี้"

รจเรขเสียใจที่ลักษมณ์พูดเหมือนไม่อยากเสียลูกไป แต่ไม่เคยพูดว่ารักเธอเลย จึงตัดพ้ออย่างน้อยใจว่า "ฉันไม่ใช่ เมียคุณ คุณอย่าลืมสิคะ ว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร ระหว่างคุณกับฉัน เราจบกันแล้ว ฉันกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่ดี ที่รักฉัน"

"คุณมีลูกกับผม คุณจะไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไง"

รจเรขขึ้นเสียง "ลูกของฉัน ไม่ใช่ลูกของคุณ ได้ยินมั้ย เขาเป็นของฉัน คุณไม่มีวันได้เขาไป เพราะเขาเป็นของฉัน คุณกลับไปได้แล้ว กลับไป"

ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ ที่ลักษมณ์ไม่เคยพูดคำว่ารักเธอเลย ทำให้รจเรขหน้ามืดซวนเซ ลักษมณ์จะเข้าประคอง แต่เจษฎาโผล่มาเสียก่อน เข้าประคองรจเรขที่ยังตะเบ็งเสียงใส่ลักษมณ์

"อย่ามาอ้างความเป็นพ่อ   เพื่อมาเอาลูกในท้องของฉันไป ฉันไม่ยอม ไม่มีวันยอม"

"กล้วยใจเย็นๆจ้ะ เดี๋ยวจะเป็นอะไรไป...คุณกลับไปซะดีกว่า อย่ามาทำลายความสุขของกล้วยอีกเลย ผมขอร้อง"

"ผมกลับก็ได้ แต่ผมจะกลับมา ผมจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะได้ลูกเมียของผมคืน" ลักษมณ์ยอมล่าถอยกลับไป

เจษฎาประคองรจเรขซึ่งน้ำตาไหลรินมองลักษมณ์ที่เดินจากไปด้วยความน้อยใจ...

หลังจากนั้น รจเรขหลบมานอนร้องไห้ในห้อง ที่ลักษมณ์พูดถึงแต่ลูก ห่วงลูก แต่ไม่เคยพูดว่าห่วงเธอ รักเธอสักคำ...คุณยายเดินออกมาส่งเจษฎาที่นอกชาน ถือโอกาสถามเขาเสียเลยว่า

"ในเมื่อพ่อเจษก็พร้อมอยู่แล้ว แต่งๆกันให้หมดเรื่องไปดีไหม"

"ผมอยากแต่งให้เร็วที่สุดอยู่แล้วครับ แต่ตอนแรกตั้งใจจะซื้อบ้านให้เรียบร้อยก่อน คอนโดฯมันคับแคบ เดี๋ยวกล้วยกับลูกจะอึดอัด"

"เรื่องบ้านช่องน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกตั้งนานกว่าแม่กล้วยจะคลอด ค่อยๆดูกันไปก็ได้ เชื่อยายเถอะ"

เจษฎาเริ่มเห็นด้วย เขาเองก็กลัวจะเสียรจเรขไปเพราะลักษมณ์รุกหนักเข้ามาทุกที...

ooooooo

เมื่อตัดสินใจแน่วแน่...พิมานมาลาท่านนพพร เขายื่นใบลาออกเพราะรู้ตัวว่าไม่ดีพอที่จะเป็นนักการทูต ท่านนพพรเสียดายความสามารถ แต่ก็เข้าใจความ รู้สึกของพิมาน ก่อนที่พิมานจะกลับ เขาได้ฝากกล่องของสิ่งหนึ่งไว้กับท่านนพพร โปรดมอบให้แก่ณัฏฐา

ท่านนพพรกลับมาบ้าน มอบกล่องนั้นให้แก่ลูกสาว คุณหญิงศรีสวัสดิ์ไม่ค่อยพอใจบอกณัฏฐาไม่ต้องเปิดดู ให้ทิ้งไปเลย แต่พอท่านนพพรบอกว่าพิมานมาลาออก สองแม่ลูกก็ตกตะลึง ณัฏฐาเอากล่องของพิมานมาเปิดดูตามลำพัง ในกล่องมีหนังสือพระราชนิพนธ์อิเหนาและจดหมายหนึ่งฉบับ จึงหยิบจดหมายมาเปิดอ่าน

"คุณณัฏฐาครับ...ผมทราบดีว่าผมคงไม่มีโอกาสอีกแล้ว ที่จะได้พูดกับคุณ ผมเข้าใจดีว่าผมทำให้ทุกคนผิดหวังและเสียใจในความเลวของผม โดยเฉพาะคุณ ที่ให้ความรักความกรุณาและเชื่อมั่นในตัวผมมาตลอด ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าที่ผ่านมาผมทำผิดมากมายขนาดไหน ความผิดครั้งนั้น ทำให้ผมต้องสูญเสียคนที่มีค่าที่สุดไปถึงสองคนคือมาร์กี้และคุณ...คงจะสายไปเสียแล้ว ที่ผมจะเรียกร้องเอาคนที่ผมรักทั้งสองคนกลับคืนมา ก่อนที่เราจะจากกัน ผมอยากให้คุณรู้ว่า คุณเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด และมีค่าที่สุดสำหรับผมเสมอ...พิมาน"

ณัฏฐาน้ำตาเอ่อล้นด้วยความสะเทือนใจและตื้นตัน...

ขณะเดียวกัน พิมานมากราบขอโทษคุณแข ที่ทำให้ผิดหวัง  คุณแขขอโทษลูกชายเช่นกันที่ทำให้ชีวิตเขาวุ่นวายไปหมด

"คุณแขยังมีโอกาสแก้ตัวนะครับ" ลักษมณ์พรวดพราดเข้ามา

คุณแขกับพิมานงง ลักษมณ์บอกว่าเขาคิดวิธีที่จะทำให้ รจเรขยอมกลับมาแล้ว และคุณแขคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยได้...

ooooooo

วันรุ่งขึ้น...ป้าเขียนเอากระดาษที่หลวงพ่อฝากมาให้คุณยาย เป็นฤกษ์แต่งงานของเจษฎากับรจเรข คุณยายรีบโทร.แจ้งเจษฎาว่าเร็วที่สุดก็สิ้นเดือนนี้  เจษฎาดีใจเพราะโดยส่วนตัวแล้วเขาพร้อมอยู่เสมอ...แต่รจเรขหน้าเสียมันเร็วเกินกว่าที่เธอจะเตรียมตัวเตรียมใจ คุณยายให้ เหตุผลว่าไม่อยากให้ท้องของรจเรขโตมากไปกว่านี้ เกรงจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน

ขณะเดียวกัน ลักษมณ์พาคุณแขมาที่บ้านสวน คุณแขยังหวั่นใจ เพราะทางเธอทำกับลูกหลานเขาเอาไว้เยอะ ถ้าเขา จะด่าจะว่าอย่างไรก็คงต้องทนกันแล้ว

อ่วมเดินมาเจอ รีบโกหกลักษมณ์ว่ารจเรขไม่อยู่ ลักษมณ์ กลับบอกว่าเขามาหาคุณยาย... ลักษมณ์พาคุณแขคลานเข่ามานั่งพับเพียบต่อหน้าคุณยาย และแนะนำว่าคุณแขเป็นแม่เลี้ยงของเขา คุณยายรับไหว้แล้วถามว่ามีธุระอะไร คุณแขเอื้อนเอ่ย ว่าเธอมาอธิบายเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเธอที่เข้าใจรจเรขผิด จึงกีดกันจากลูกชาย ทำให้ลักษมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยจนเป็นเรื่องวุ่นวายพัวพันอย่างนี้

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ หลานสาวฉันเป็นคนเต้นกินรำกิน ฐานะทางบ้านก็ยากจน คนบางคนเขาดูแต่เปลือก เขาก็ต้องกลัวไว้ก่อนว่ายัยกล้วยจะไปปอกลอก หาประโยชน์เอาจากเขา" คุณยายพูดเรียบๆแต่เชือดเฉือนในที ทำเอาคุณแขหน้าชาก้มหน้ารับผิด ลักษมณ์เห็นดังนั้นจึงช่วยไกล่เกลี่ย

"แต่คุณกล้วยก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วครับคุณยาย ว่าเธอเป็นคนดี มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี"

"ค่ะคุณยาย ที่ดิฉันมาวันนี้ ก็อยากจะมากราบขอโทษคุณยาย แล้วก็ขอโทษหนูรจเรขด้วย ที่ผ่านมา คุณลักษมณ์ทำเหมือนไม่ให้เกียรติหนูรจเรข ก็เป็นเพราะดิฉันเอง คุณยายอย่าโกรธคุณลักษมณ์เลยนะคะ"

"เรื่องมันแล้วไปแล้ว อะไรที่เสียไปก็ใช่จะเอากลับคืนมาได้ ฉันไม่ถือสาอาฆาตใครให้มันเป็นบาปหรอก ก็ถือว่าแล้วกันไปเถอะ"

คุณแขกับลักษมณ์สีหน้าดีขึ้นที่คุณยายไม่ถือสา คุณแขถือโอกาสเอ่ยปากสู่ขอรจเรขให้ลักษมณ์ คุณยายนิ่งไปจนสองคนเริ่มร้อนใจ กว่าจะพูดอย่างลำบากใจว่า

"คงจะไม่ได้หรอกค่ะ"

ลักษมณ์อ้อนวอนให้คุณยายเห็นใจเขา คุณยายถอนหายใจก่อนจะบอกว่า "ยายมีหลานสาวอยู่คนเดียว แล้วก็ออกปากยกให้คนอื่นไปแล้ว ยายเป็นผู้ใหญ่ จะพูดจาต้องมีสัจจะ จะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามอารมณ์เหมือนเด็กๆไม่ได้"

"นี่หมายความว่าคุณกล้วยกำลังจะ..." ลักษมณ์ไม่อาจพูดคำว่าแต่งงานออกมา

คุณยายเดาใจออกว่าลักษมณ์จะพูดอะไรจึงตอบว่าใช่ รจเรขจะแต่งงานกับเจษฎาสิ้นเดือนนี้ คุณแขแตะแขนลักษมณ์เชิงปลอบใจ รจเรขซึ่งแอบฟังอยู่หลังประตูใจหายวาบซวนเซเกือบล้มแล้วรีบวิ่งหนี ลักษมณ์ได้ยินเสียงผิดปกติวิ่งไปดู เห็นรจเรขวิ่งลงจากเรือน จึงตามลงไป

ลักษมณ์รวบตัวรจเรขไว้ได้เตือนว่า "คุณกล้วย อย่าวิ่ง ผมเป็นห่วงลูก"

รจเรขได้ยินยิ่งน้อยใจ บอกให้ลักษมณ์ปล่อยตัวเธอ มันไม่เหมาะเพราะเธอกำลังจะแต่งงาน แต่ลักษมณ์ดึงดัน

"ไม่ ผมไม่ยอม คุณจะแต่งงานกับนายเจษฎาไม่ได้ เรากำลังจะมีลูกด้วยกัน แต่งงานกับผมนะคุณกล้วย"

รจเรขใจจะขาด หันมองคุณยายกับคุณแขที่เดินตามมา ตัดสินใจพูดออกไปว่า

"ฉันทำไม่ได้ค่ะ คุณลักษมณ์ มันสายไปแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ"

รจเรขดึงมือลักษมณ์ออกจากตัวเธอ แต่ลักษมณ์ไม่ยอม คว้ามือเธอไว้ คุณแขเข้ามารั้งแขนลักษมณ์และปรามว่า

"อย่าค่ะคุณลักษมณ์ หนูรจเรขพูดถูก มันสายไปแล้ว"

"แต่คุณกล้วยเป็น..."

"อย่าพูดคำนั้นอีกเลยค่ะ คุณลักษมณ์ ฉันทนฟังอีกไม่ไหว ให้มันจบกันเท่านี้เถอะนะคะฉันขอร้อง"

คุณยายมองหลานสาวด้วยความสงสาร เข้าไปประคองพากลับเข้าบ้าน ลักษมณ์ได้แต่มองตามด้วยหัวใจแตกสลาย

สองยายหลานประคองกันลงนั่ง คุณยายลูบผมรจเรขปลอบว่า "ยายรู้ว่ามันเลือกยากนะลูก จะทำตามที่ใจอยากทำ หรือจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง"

รจเรขย้อนถามว่า ถึงแม้สิ่งที่ถูกต้องมันทำร้ายคนที่เรารักอย่างนั้นหรือ คุณยายตอบว่า จะทำร้ายคนที่เรารัก หรือรักเรา ก็ไม่ดีทั้งนั้น เราควรทำในสิ่งที่ถูกต้อง ความดีจะคุ้มครองเราเอง...

ooooooo

ค่าของคน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด