ตอนที่ 15
ในคืนงานศพ เจษฎาแอบเปิดกระเป๋ารจเรข เอาซองยามาจดชื่อยาและชื่อหมอ วันรุ่งขึ้นเขามารับไก่ออกจากโรงพยาบาล จึงไปพบหมอ ถามอาการรจเรขว่าป่วยเป็นอะไร แต่หมอไม่อาจให้คำตอบ ได้เพราะผิดจรรยาแพทย์ เจษฎาเห็นมีแต่คนไข้ท้องโตนั่งรอ จึงถามพยาบาลว่าคุณหมอท่านนี้เป็นหมอด้านไหน ได้รับคำตอบว่าเป็นหมอสูตินรีเวช เจษฎาถึงกับอึ้ง ไม่กล้าบอกไก่
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของงานศพมาร์กี้ รจเรขแต่งชุดดำยืนเศร้าอยู่หน้ากระจก น้ำตารื้นด้วยความอาลัยที่หลังจากนี้เธอคงต้องไปจากลักษมณ์ เธอยิ้มปลอบใจตัวเอง "มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมดหรอกนะ อย่างน้อยเราสองคนก็เคยมีวันที่ดีๆ"
รจเรขเปิดลิ้นชักเก็บของ เจอโถเซรามิกที่เธอเก็บดอกจำปาที่ลักษมณ์ให้ จึงพยายามตัดใจ "ถึงมันจะเคยดีแค่ไหน มันก็เป็นอดีตไปหมดแล้ว ลืมเสียเถอะ ลืมให้หมด อย่าเก็บไว้ทรมานใจตัวเองอีกเลย"
รจเรขดมดอกจำปาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะทิ้งลงถังขยะ แล้วเดินออกจากห้องไป เจอลักษมณ์ยืนรออยู่หน้าบ้าน เธอเข้าไปบอกเขาว่าเธอพร้อมแล้ว ลักษมณ์ได้ยินคำนี้แล้วแสลงใจ
"คุณพร้อมเสมอล่ะ มีแต่ผมที่ยังทำใจไม่ได้เสียที"
"คุณลักษมณ์หมายถึง..." รจเรขไม่แน่ใจว่าเขาพูดเรื่องของเธอ หรือเรื่องเผาศพมาร์กี้
"ไปเถอะ...ถ้าคุณพร้อมผมก็พร้อม ยิ้มสวยๆหน่อย วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คุณจะไปกับผมในฐานะคุณผู้หญิงของนฤนารถไมตรี" ลักษมณ์แบมือให้รจเรขจับ
รจเรขวางมือให้เขาจูงเดินไปขึ้นรถ คุณแขกับแย้มยืนมองถอนใจ แย้มบ่น "เฮ้อ...คุณลักษมณ์กับคุณรจเรขรักกัน เราเป็นคนอื่นยังดูออก ทำไมตัวเขาเองดูตัวเองไม่ออก"
"อาจจะเป็นความผิดของฉันที่ไปกีดกันแม่รจเรขตั้งแต่ต้น จนเกิดปัญหาบานปลายอย่างนี้" คุณแขโทษตัวเอง
แย้มจึงถามว่าคุณแขยอมรับรจเรขแล้วหรือ คุณแขยอมรับว่ารจเรขเป็นคนดี เธอมองรจเรขผิด กว่าจะรู้ดูเหมือนจะสายไปแล้ว คุณแขเศร้าใจ...
ระหว่างทางที่คุณหญิงศรีสวัสดิ์กับท่านนพพรนั่งรถมาวัด เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถแท็กซี่คันหนึ่ง จึงโทร.บอกณัฏฐาให้บอกคุณแขเริ่มงานไปได้เลย...มรรคนายกให้พ่อกับแม่ของมาร์กี้ถือกระถางธูปและรูปนำหน้าขบวน ลักษมณ์รับกระถางธูปมาแล้วหันไปเรียกพิมาน
"นายช่วยถือกระถางธูปหน่อย ฉันถือรูปเอง"
พิมานรับกระถางธูปมาด้วยแววตาขอบคุณ พุฒแอบเปรยกับชื่นว่าแปลก ทำไมลักษมณ์ถึงให้พิมานถือ จิตยื่นหน้ามาพูดว่าคงเพราะรู้ว่ากำลังจะหย่ากันกับรจเรข จึงไม่อยากให้มาเกี่ยว ณัฏฐายิ่งสะกิดใจสงสัย "ขออย่าให้เป็นอย่างที่ฉันคิดเลยนะคะ คุณพิมาน..."
ริมถนน คนขับแท็กซี่ไม่ยอมรับว่าผิด จึงต้องรอประกันมาเคลียร์ ท่านนพพรจึงให้คนขับรถรอจัดการ เขาจะรีบไปงานเผาศพ จึงโบกแท็กซี่ที่ผ่านมา พอท่านนพพรกับคุณหญิงศรีสวัสดิ์กำลังขึ้นรถ ผู้โดยสารที่อยู่บนรถแท็กซี่คันที่เฉี่ยวชน ได้ยินท่านนพพรบอกว่าจะไปวัด จึงวิ่งลงจากรถ
มาขอไปด้วยคน เพราะเธอกำลังจะไปเช่นกัน คุณหญิงศรีสวัสดิ์มองหญิงวัยไม่เกินสามสิบ แต่งชุดดำแต่ดูเปรี้ยว ลักษณะเป็นฝรั่งจึงไม่ถือสา
โลงศพมาร์กี้ถูกตั้งบนเมรุเรียบร้อย ทุกคนทยอยลงจากเมรุ วีระวัฒน์วิ่งมากระซิบกับลักษมณ์ว่าเอเลนอร์กำลังมา พิมานถามว่ามีอะไร ลักษมณ์จึงตอบว่าแม่ของมาร์กี้กำลังมา พิมานตกใจ "มาได้ยังไงครับ ใครบอกเขา พี่ลักษมณ์เชิญเขามาเหรอ"
"ฉันให้วีระวัฒน์ส่งเมลไปบอก มาร์กี้ก็เป็นลูกเขาด้วยเหมือนกัน ลูกเขาตายทั้งคน ฉันก็ต้องบอกแม่เขาตามธรรมเนียม เห็นเขาเงียบไป ไม่คิดเหมือนกันว่าเขาจะมา"
ท่าทางพิมานเป็นกังวลจนณัฏฐาเห็นแล้วยิ่งข้องใจ จนต้องเข้ามาถามว่าทำไมถึงไม่อยากให้แม่ของมาร์กี้มา พิมานสะดุ้งรีบบอกว่าไม่มีอะไร พอดีท่านนพพรกับคุณหญิงศรีสวัสดิ์มาถึง พิมานจึงรีบขอตัวเลี่ยงไป คุณหญิงศรีสวัสดิ์รีบเล่าให้ณัฏฐาฟังว่านั่งรถมากับใคร...เอเลนอร์เดินมาหาลักษมณ์ ทั้งสองกอดทักทายกัน ลักษมณ์พาเธอมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก รจเรขแนะนำตัวว่าเธอเป็นแค่คนดูแลมาร์กี้ เอเลนอร์หันมาเห็นพิมาน ชะงักไม่ทักทาย
พอถึงเวลา ทุกคนเดินขึ้นเมรุไปวางดอกไม้จันทน์ พิมานขึ้นเป็นคนสุดท้าย เขาคร่ำครวญขอให้มาร์กี้ยกโทษให้เขาด้วย... เอเลนอร์บอกลักษมณ์ว่าเธอจะกลับวันนี้เลย จึงลาทุกคนแล้วเดินไป คุณหญิงศรีสวัสดิ์กระซิบคุยกับคุณแขว่านี่หรือภรรยาคนแรกของลักษมณ์ หน้าตาดีแต่ไม่น่าทิ้งลูกได้ลงคอเลย ณัฏฐาไป ดักรอขอคุยกับเอเลนอร์ แนะนำตัวว่าเธอเป็นคู่หมั้นของพิมาน เธออยากรู้ว่าพิมานกับมาร์กี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร...
บริเวณเมรุ ลักษมณ์กับคุณแขและรจเรขยืนส่งแขก คุณหญิงศรีสวัสดิ์เห็นพิมานเศร้ามากก็แปลกใจ ถามคุณแขว่า พิมานดูท่าจะรักมาร์กี้มาก คุณแขก็คิดเช่นนั้น จึงปรึกษาว่าน่าจะเลื่อนงานมงคลเข้ามากำหนดเดิม เพราะพิมานจะได้ลืมความเศร้าลงบ้าง คุณหญิงศรีสวัสดิ์เห็นด้วยแล้วนึกได้ว่าณัฏฐาหายไปไหน จึงเดินตามหา มาพบนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ใต้ต้นไม้
"ยัยหนู มานั่งทำอะไรตรงนี้ คนเขาตามหากันให้ทั่ว นี่ร้องไห้ทำไม เป็นอะไรลูก"
ณัฏฐาโผกอดคุณหญิงศรีสวัสดิ์ พูดทั้งน้ำตา "คุณพิมานเป็นพ่อมาร์กี้ค่ะ ผู้หญิงฝรั่งคนนั้นเป็นภรรยาของคุณพิมาน ไม่ใช่คุณลักษมณ์"
ท่านนพพรกับคุณหญิงศรีสวัสดิ์โกรธมาก เดินกลับมาต่อว่าพิมานกับคุณแขหาว่าช่วยกันปิดบังหลอกลวง รจเรขได้ยินความจริงถึงกับช็อกเช่นกัน คุณแขตกใจเมื่อรู้ความจริง ลักษมณ์จะอธิบายแต่ณัฏฐาขอให้พิมานเป็นคนพูดด้วยตัวเอง พิมานจึงตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
"เอเลนอร์เป็นภรรยาของผม มาร์กี้เป็นลูกของผม พี่ลักษมณ์เป็นแค่คนมารับผิดชอบในสิ่งที่ผมไม่กล้ารับ ผมขอโทษที่โกหก ท่านพูดถูกผมมันเลว ผมมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ผมผิดไปแล้ว"
"ในเมื่อรู้ตัวก็ดีแล้ว คนอย่างคุณไม่คู่ควรกับลูกสาวผม ผมขอยกเลิกทุกอย่างที่เราตกลงกันไว้" ท่านนพพรบอกพิมาน
"และจากนี้ไป ให้ถือว่าดิฉันไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลนฤนารถไมตรี ถ้าพบเห็นกันที่ไหน ก็ไม่ต้องทัก ให้ถือว่าเป็นคนไม่รู้จักกัน ก็จะขอบคุณมาก...ไปยัยหนู" คุณหญิงศรีสวัสดิ์โกรธมาก
รจเรขร้องกรี๊ดขึ้นมาเพราะคุณแขเป็นลมเธอรับไว้ได้ ลักษมณ์กับพิมานหันมาดูแลจึงไม่อาจตามณัฏฐาไปได้
ooooooo
พอคุณแขฟื้นขึ้นมาอยู่ที่เรือนขาว เธอซักไซ้ เรื่องราวกับพิมาน เขายอมรับว่าตอนเรียนที่อังกฤษ เขามีอะไรกับเอเลนอร์ซึ่งเป็นเด็กเสิร์ฟในผับจนตั้งท้อง พ่อแม่เธอจะเอาเรื่อง เขาไม่รู้จะทำอย่างไร คุณแขเอ็ด "เลยเอาไปโยนให้คุณลักษมณ์อย่างนั้นเหรอ คุณลักษมณ์ ยอมได้ยังไงคะ ทำไมไม่บอกแม่ ถ้าแม่รู้ แม่จะไม่ยอมให้พิมานทำแบบนี้ ลูกทำให้เด็กคนนึงเกิดมาแล้วไม่รับผิดชอบ ไม่ดูดำดูดี แม่สอนพิมานมาให้เป็นคนแบบนี้เหรอลูก"
พิมานมองคุณแขด้วยความเจ็บปวดไม่แพ้กัน "ไม่เลยครับ ตั้งแต่ผมจำความได้ แม่สอนให้ผมเป็นคนดี แม่บอกผมทุกวันว่าผมต้องเรียนดี มีความประพฤติดี มีหน้าที่การงานที่ดี ให้สมกับที่คุณพ่อเมตตาให้ผมได้ใช้นามสกุลนฤนารถไมตรี ทั้งที่ผมเป็นแค่ลูกคุณแม่...ลูกเมียน้อย"
"พิมาน ทำไมพูดอย่างนั้น" ลักษมณ์ตำหนิพิมาน
"มันเป็นเรื่องจริงครับพี่ลักษมณ์ แม่ตั้งความหวังเอาไว้ ว่าผมจะต้องเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ เป็นนักการทูต เป็นลูกชายที่คุณพ่อภูมิใจ"
"แล้วแม่ผิดด้วยเหรอลูก ที่อยากให้ลูกของแม่ได้ดี" คุณแขน้ำตาคลอ
"แม่ไม่ผิดครับ ไม่มีใครผิดทั้งนั้น ผมผิดเอง ผิดที่ทำไม่ได้ ผมพยายามแล้วนะแม่ แม่ไม่รู้หรอกว่าผมกลัวขนาดไหน ตอนที่รู้ว่าเอเลนอร์ท้อง ผมกลัวแม่ผิดหวัง ผมกลัวแม่เสียใจ ผมไม่ได้อยากเป็นคนเลวที่ทิ้งลูกตัวเอง แต่ผมก็ต้องทำ เพราะผมทนเห็นแม่ผิดหวังไม่ได้" พิมานระเบิดความรู้สึกออกมาด้วยความเสียใจ "แต่สุดท้าย ผมก็ทำพังหมดทุกอย่าง ผมผิดเอง ผมขอโทษครับ แม่"
คุณแขเข้าไปกอดพิมานด้วยความสะเทือนใจ "พิมานไม่ผิดหรอกลูก แม่ผิดเองที่ทำให้พิมานต้องเป็นอย่างนี้ แม่ขอโทษนะพิมาน...เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ทำให้ตระกูลนฤนารถไมตรีต้องมัวหมอง แม่เสียใจจริงๆนะคะ คุณลักษมณ์"
"อย่าคิดมากเลยครับคุณแข ชื่อเสียงเกียรติยศมันก็แค่หัวโขน มันไม่ได้สำคัญมากไปกว่าคนในครอบครัว"
แต่คุณแขยังกังวลทางครอบครัวณัฏฐา เพราะทำให้ ชื่อเสียงเสียหายไปด้วย คุณหญิงศรีสวัสดิ์กับท่านนพพรคงไม่ให้อภัยง่ายๆ...
จริงอย่างที่คิด คุณหญิงศรีสวัสดิ์จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ณัฏฐาขอยุติเรื่องนี้ด้วยการไปเรียนต่อเมืองนอก "ถ้าหนูไม่อยู่ คนที่นินทาก็คงไม่มีเรื่องจะพูด เรื่องมันก็จะเงียบไปเอง"
ท่านนพพรเข้าใจลูกสาว ยอมรับในการตัดสินใจของเธอ...
วันต่อมา รจเรขเคาะประตูห้องลักษมณ์แล้วเปิดเข้ามา พบเขานอนหลับตาอยู่บนเก้าอี้ยาวข้างหน้ามีโกศใส่อัฐิของมาร์กี้วางอยู่ จึงถามด้วยความเป็นห่วงว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
"คงจะเหนื่อยน่ะ นอนน้อยมาหลายคืน เมื่อเช้าก็รีบตื่นไปเก็บกระดูก คุณมีอะไรหรือเปล่า" ลักษมณ์ตอบโดยไม่ลืมตามอง
รจเรขมองลักษมณ์อย่างอาลัยรู้ว่าเขาไม่มีเธออยู่ในสายตา บอกเขาว่าเธอมาลา ลักษมณ์สะเทือนใจถามไปว่าเธอจะไปเมื่อไหร่ รจเรขกลั้นสะอื้นตอบว่า...เดี๋ยวนี้ ลักษมณ์นิ่งไปสักพักอยากจะลุกขึ้น แต่อีกใจลังเลจึงนอนนิ่ง ถามว่าไปลาคุณแขหรือยัง
"ยังค่ะ ดิฉันคิดว่าเพิ่งจะเกิดเรื่องยุ่งๆ ท่านอาจจะยังไม่สะดวก ดิฉันฝากกราบลาด้วยก็แล้วกันนะคะ แล้วดิฉันจะหาโอกาสมากราบลาท่านด้วยตัวเองอีกครั้ง"
"คุณจะกลับบ้านสวนเลยหรือเปล่า"
รจเรขตอบว่าค่ะ...ลักษมณ์จะไปส่ง แต่รจเรขบอกว่าอย่าลำบากเลย เธอแค่มาลาเท่านั้น ลักษมณ์เจ็บจี๊ดในใจ พูดอย่างเจ็บปวด "ก็แปลกดีนะ ผมเคยมีทั้งเมียทั้งลูก แต่ถึงเวลามันก็สิ้นสุดลงหมดทุกอย่าง ดีเหมือนกัน คุณจะได้ไปตั้งต้นใหม่กับคนที่เขารักคุณ แล้วคุณก็รักเขา"
ลักษมณ์นิ่งไปอย่างเหนื่อยใจ รจเรขพนมมือไหว้ลา เห็นเขานิ่งเฉย จึงเดินออกไปทั้งน้ำตานองหน้า ลักษมณ์ไม่ลืมตามอง แต่น้ำตาไหลรินออกมาเช่นกัน
ooooooo
บ้านสวน คุณยายกับป้าเขียนกำลังเจียนใบตองเพราะมีคนสั่งทำห่อหมกเป็นร้อยห่อ คุณยายจึงคิดจะทำเผื่อรจเรข ไม่ทันขาดคำ รจเรขเข้ามากราบ คุณยาย ดีใจมาก ป้าเขียนรีบบอกว่าคุณยายทำห่อหมกแบบไม่เผ็ดไว้เผื่อมาร์กี้ด้วย
"แล้วนี่ไม่ได้เอามาด้วยเหรอลูก ยายคิดถึง วันก่อนยังฝันว่าแกมาหา บอกว่าจะมาอยู่ด้วย"
รจเรขน้ำตาร่วง คุณยายตกใจ "แม่กล้วย มีเรื่องอะไรหรือเปล่า"
"ตั้งแต่กลับจากบ้านสวน มาร์กี้ก็ไม่สบายค่ะ...มาร์กี้...เป็น มะเร็งในเม็ดเลือด...แก..." รจเรขกลั้นสะอื้นไม่อยู่ ร้องไห้ออกมา
คุณยายเข้าใจทันทีว่ามาร์กี้จากไปแล้ว รจเรขเล่าว่ามาร์กี้ป่วยมานานแล้วแต่ไม่มีใครรู้ คุณยายหดหู่ใจ แต่มีสติพอที่จะปลอบใจรจเรขก่อนจะแยกตัวไปสวดมนต์...รจเรขถือกระเป๋าเข้ามาพักในห้อง ป้าเขียนถือน้ำตามเข้ามา เห็นรจเรขหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมก็รีบประคองนั่ง
"คุณกล้วย เป็นอะไรหรือเปล่าคะ หน้าซี้ดซีด"
"ไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะป้า แค่เพลียนิดหน่อยเอง นอนพักสักครู่ก็หายแล้วล่ะ" พูดจบรจเรขรู้สึกคลื่นไส้จะอาเจียน ป้าเขียนตกใจรีบยกกระโถนมารอง
ป้าเขียนตกอกตกใจจะให้ไปหาหมอ รจเรขรีบบอกว่าเธอหาแล้ว หมอบอกเป็นโรคกระเพาะ ป้าเขียนพยักหน้าโดยไม่สงสัยอะไร...
ส่วนลักษมณ์เข้ามานั่งเศร้าคิดถึงความสุขที่เคยมีอยู่ในห้องนอนของรจเรข มองไปทางไหนก็คิดถึงแต่ภาพรจเรขกับมาร์กี้ เขาพยายามตัดใจ เหลือบไปเห็นดอกจำปาในถังขยะ เขาเก็บขึ้นมาเห็นมันร่วงหลุดเป็นชิ้นก็รำพึง "เขาทิ้งแล้ว เรายังจะเก็บเอาไว้ทำไม...ในเมื่อเขาลืมได้ เราก็ต้องลืมได้ อย่าไปเจ็บ อย่าไปจำ"
พลัน เจนจิราโทร.เข้ามาส่งเสียงเจื้อยแจ้ว "เป็นยังไงบ้างคะ ลักษมณ์โอเคขึ้นบ้างหรือยัง"
ลักษมณ์ตอบไปว่าเขาโอเคแล้ว เจนจิรารีบบอกว่า อยากได้เพื่อนปรับทุกข์ให้บอกเธอ เธออยู่เคียงข้างเขาเสมอ ลักษมณ์รู้สึกดีขึ้นที่ยังมีคนแคร์เขาอยู่บ้าง...
รจเรขอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดผ้าถุง เกล้ามวยทะมัด ทะแมงมาช่วยงานในครัว เห็นมะดันอดไม่ได้ที่จะฝานกิน พอดีสมพรเพื่อนบ้านหอบกระจาดมะม่วงมาฝากคุณยาย เห็นรจเรขก็ทักทายชมว่าคุณยายโชคดี มีหลานสาวน่ารัก ได้ข่าวว่าแต่งงานไปกับเศรษฐีสบายไปแล้วยังไม่ลืมยาย แล้วบ่นถึงลูกสาวบ้านอื่น ที่หนีไปกับผู้ชายแล้วต้องซมซานกลับมา แถมมีลูกติดท้องมาด้วย ทำให้อับอายทั้งบ้าน ออกไปไหนไม่ได้ต้องเอาปี๊บคลุมหัว
รจเรขได้ยินแล้วสะดุ้งหน้าเสีย ป้าเขียนเห็นรจเรขทำท่าพะอืดพะอม รีบถามว่าเป็นอะไร สมพรรีบถามด้วยความอยากรู้ อยากเห็นว่าท้องหรือเปล่า รจเรขหลบตาตอบว่าเธอเป็นโรคกระเพาะ แล้วขอตัวไปทานยา...รจเรขหลบมาเข้าห้องน้ำ อาเจียนจนหมด ไส้หมดพุง กลุ้มใจที่ตัวเองแพ้หนัก เกรงคุณยายจะรู้ความจริง
เรื่องที่รจเรขท้อง เจษฎาครุ่นคิดไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปิดบัง เขาคิดไม่ออกเดินออกจากร้าน เห็นไวน์บาร์ร้านถัดไป ลักษมณ์นั่งดื่มอยู่กับเจนจิราท่าทางกรึ่มๆ จึงเข้ามานั่งตรงข้าม เจนจิราแหวใส่ทันที ลักษมณ์แปลกใจที่เจอเจษฎาที่นี่ เจษฎาโต้ว่าเขาก็เหมือนกัน และขอคุยด้วย
"ผมยังติดค้างอะไรคุณอีกเหรอ ไม่นะ ทั้งใบหย่า ทั้งเมีย ผมให้คุณไปหมดแล้วนี่"
"คุณรู้มั้ยว่ากล้วยไม่สบาย" เจษฎาถามหยั่งเชิง
"ถ้างั้น คุณยิ่งไม่ควรมานั่งตรงนี้ ควรจะรีบไปดูแลเขาโดยด่วน"
"คุณไม่รู้เลยใช่ไหมว่ากล้วยไม่สบายเป็นอะไร" เจษฎาถามให้แน่ใจ
"ผมรู้หรือไม่รู้แล้วมันจะยังไง ตอนนี้ผมกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว มันหน้าที่ของคุณไม่ใช่เหรอ คุณเจษฎา ที่จะดูแลเขาให้ดี"
เจนจิราเกาะแขนลักษมณ์ลอยหน้าบอกเจษฎาว่าลักษมณ์ จบกับรจเรขไปแล้ว และเธอก็มีหน้าที่ดูแลลักษมณ์ ลักษมณ์บอกให้เจษฎากลับไปดูแลรจเรข เพราะคงทำได้ดีกว่าเขา เจษฎามั่นใจว่าลักษมณ์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย จึงขอตัวกลับไป
วันรุ่งขึ้น พุฒเห็นลักษมณ์นอนหลับอยู่บนโซฟา ก็มาปลุกให้ทานโจ๊กร้อนๆ ลักษมณ์แสลงใจเพราะรจเรขมักจะทำให้เขาทานบ่อยๆจึงตะเพิดใส่พุฒให้เอาออกไป พุฒมาบ่นกับแย้มไม่น่าทำของที่รจเรขชอบทำ แย้มเองก็ลืมไป พุฒบ่น
"พูดก็พูดเถอะ คุณแย้ม ผมไม่เข้าใจเล้ย ในเมื่อคุณลักษมณ์รักคุณผู้หญิง แล้วจะไปหย่ากันทำไม"
"มันเป็นเรื่องของทิฐินั่นแหละ ทั้งสองคน ไม่รู้จะแข็งใส่กันให้มันได้อะไรขึ้นมา ฉันล่ะเซ็ง" แย้มบ่นบ้าง
ชื่นวิ่งหน้าตื่นเข้ามาบอกพุฒว่าลักษมณ์เรียกหาแอลกอฮอล์อีก พุฒหนักใจเพราะเมื่อคืนยังไม่ทันสร่าง
ooooooo
รจเรขแอบมาเก็บมะยมใส่กระทงในสวน หันมาเจอไก่ก็ตกใจ ไก่ขำที่เรื่องแค่นี้ต้องทำเหมือนแอบขโมย รจเรขยิ้มแหยๆ ขณะเดียวกัน เจษฎาซึ่งมาบ้านสวนด้วยกันกับไก่ กำลังซักถามป้าเขียนว่ากล้วยมีอาการป่วยอย่างไรบ้าง
"ก็เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียนเป็นพักๆน่ะค่ะ เห็นว่าเป็นโรคกระเพาะ"
เจษฎาจึงรู้ว่ารจเรขไม่ได้บอกใคร เดินมาในสวนเห็นรจเรขกำลังกินมะยมอย่างเอร็ดอร่อย รจเรขเงยหน้ามาเห็นก็ตกใจ เจษฎามองเธออย่างห่วงใยแล้วทักว่าหน้าตายังไม่สดใส
"กล้วยเป็นอะไร ทำไมไม่บอกพี่ตรงๆ ทำไมต้องปิดบังพี่ด้วย"
"กล้วย...กล้วยไม่ได้ปิดบังอะไรนี่คะ ขึ้นบ้านกันเถอะค่ะ ตรงนี้ชักร้อนแล้ว"
"เดี๋ยวกล้วย อย่าเพิ่งไป วันนี้พี่ตั้งใจจะมาพูดกับคุณยาย...เรื่องของเรา"
"ไม่ได้นะคะ พี่เจษ...ไม่..."
"เราจะต้องแต่งงานกัน แต่งให้เร็วที่สุดด้วย"
"ไม่ค่ะ พี่เจษคะ กล้วยขอโทษ กล้วยผิดเองที่เคยพูดว่าจะแต่งงานกับพี่เจษ ตอนนั้นกล้วยพูดเพื่อประชดคุณลักษมณ์ แต่จริงๆแล้วกล้วยแต่งงานกับพี่เจษไม่ได้"
ไก่เดินเข้ามาได้ยินพอดี จึงต่อว่า "ทำไมล่ะกล้วย อย่าบอกนะว่ายังรัก ยังรอนายลักษมณ์อยู่ ฝันว่ามันจะมาง้อให้กลับไปหรือไง จะบอกให้นะ มันไม่ได้รักกล้วยจริงหรอก กล้วยก็เป็นแค่หมากในเกมของมัน แค่นางรำจนๆคนนึง ที่มันจะจ้างมาต้มยำทำแกงเล่นยังไงก็ได้"
"กล้วยรู้ค่ะพี่ไก่ กล้วยรู้ดีว่ากล้วยไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขา กล้วยไม่ได้รอ ไม่ได้ฝันอะไรทั้งนั้น แต่...กล้วยแต่งงานกับพี่เจษไม่ได้จริงๆ"
"ทำไมล่ะ กล้วยจะไปหาใครที่รักกล้วย ดีกับกล้วยมากกว่าไอ้เจษไม่มีแล้ว มันเป็นคนดีที่สุดแล้ว"
"กล้วยรู้ค่ะ พี่ไก่ กล้วยเองต่างหากที่ไม่ดีพอสำหรับพี่เจษ"
เจษฎารีบบอกว่าถ้าหมายถึงเรื่องนั้น เขาไม่สนใจ รจเรขตกใจว่าเจษฎาหมายถึงเรื่องไหน ไก่งงว่าพูดอะไรกัน เจษฎาไม่ตอบไก่ พูดกับรจเรขอีกว่า "กล้วยก็รู้ว่ากล้วยไม่มีเวลามาก อีกไม่นานทุกคนก็ต้องรู้ความจริง เราต้องรีบแต่งงานกันให้
เร็วที่สุดนะกล้วย"
"พี่เจษคะ ถ้าพี่รู้แล้วพี่ก็น่าจะเข้าใจ ว่าทำไมกล้วย ถึงแต่งงานกับพี่ไม่ได้"
ไก่ทนไม่ไหวที่ไม่รู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน ไม่พอใจที่รจเรขปฏิเสธ จึงเขย่าตัวเธอถามว่าทำไม เจษฎาเป็นห่วง ห้ามไก่ ไก่จึงผลักรจเรขไปกระแทกเจษฎา รจเรขช้ำใจระเบิดออกมาว่า
"กล้วยท้องค่ะ พี่ไก่"
ไก่ตกตะลึง รจเรขย้ำว่าเธอท้องกับลักษมณ์ แต่ ลักษมณ์ไม่รู้เพราะเธอไม่ได้บอก และไม่อยากเอาเรื่องนี้มาผูกมัดเขาไว้ ไก่เสียใจที่น้องสาวต้องท้องไม่มีพ่อ...เจษฎาวิ่งตามรจเรขซึ่งมานั่งสงบสติอารมณ์อยู่ใต้ต้นไม้ เขาพยายามพูดเรื่องวัยเด็กที่เขาต้องคอยหาดอกจำปาหรือไอศกรีมมาปลอบให้เธอหยุดร้องไห้ รจเรขตื้นตันใจ เจษฎากุมมือเธอ พูดอย่างจริงจังว่า ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเลี้ยงลูกได้อย่างไร จะทนสายตาและคำนินทาของชาวบ้านได้อย่างไร
"พี่ไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสตอนที่กล้วยลำบาก พี่รู้ว่ากล้วยไม่ได้อยากแต่งงานกับพี่ กล้วยไม่ต้องรักพี่อย่างที่กล้วยรักเขาก็ได้ แต่ขอให้พี่ได้รักได้ดูแลกล้วย ได้ทำให้กล้วยหยุดร้องไห้ ได้ไหม"
รจเรขน้ำตาไหล มองเจษฎาอย่างซาบซึ้ง เขาดึงเธอมากอดปลอบ และพูดว่าเธอพร้อมเมื่อไหร่ เขาจะไปคุยกับคุณยาย รจเรขไม่มีทางออกได้แต่พยักหน้าทั้งน้ำตา
ooooooo
เย็นวันนั้น เจนจิราซื้อของกินมามากมายมาฝากลักษมณ์ ส่งเสียงเรียกใช้พุฒกับชื่นอย่างวางอำนาจ เห็นลักษมณ์นอนหมดสภาพอยู่ในห้องทำงาน ก็สั่งให้ชื่นมาช่วยกันประคองลักษมณ์ขึ้นไปบนห้อง แล้วไล่ให้ชื่นออกไป...ลักษมณ์เพ้อเรียกรจเรขแล้วดึงเจนจิราไปกอด เจนจิราได้ทีสวมรอยทันที ชื่นไม่รู้จะทำอย่างไร มาปรึกษาแย้มกับพุฒ ต่างถอนใจคิดถึงรจเรข
วันรุ่งขึ้น ป้าเขียนมาตามรจเรขไปใส่บาตร ได้ยินเธอ อาเจียนอยู่ในห้องน้ำ จึงถามตรงๆว่าเป็นแบบนี้มากี่เดือนแล้ว รจเรขหน้าเจื่อน ป้าเขียนถามว่าจะจัดการอย่างไร รจเรขจึงบอกเรื่องที่เจษฎาขอเธอแต่งงาน ป้าเขียนเห็นดีด้วย และ ชมว่าเจษฎาเหมือนพ่อพระ รจเรขรู้สึกว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ...
ไม่รู้จะทำอย่างไรดี แย้มจึงมาตามคุณแขไปดูลักษมณ์ บนห้อง คุณแขกังวลเพราะเธอเป็นแค่แม่เลี้ยง แต่แย้มยุให้ลุยไปก่อน คิดเสียว่าทำแทนคุณหญิงแม่ของลักษมณ์...แย้มยื่นกุญแจห้องให้ คุณแขเกรงเห็นภาพอุจาด พอดีห้องไม่ได้ล็อกเปิดเข้าไป พบลักษมณ์นอนเปลือยอยู่ใต้ผ้าห่ม ไม่เห็นเจนจิรา คุณแขเข้าไปดูลักษมณ์แล้วปลงที่เมามายได้ขนาดนี้ ลักษมณ์ รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา "เอ๊ะ...คุณแข ป้าแย้ม มาทำไมกันครับนี่"
"ก็เป็นห่วงคุณน่ะสิคะ นึกว่าป่านนี้เหลือแต่ซากแล้ว เมื่อคืนนี้แม่..." แย้มพูดไม่ทันจบ
เสียงเจนจิราดังออกมาจากห้องน้ำ เธอเดินออกมาในชุดเสื้อคลุมนอนของลักษมณ์ ทำทีตกใจ "อุ๊ย เข้ามาทำอะไรกันเนี่ย นี่ห้องส่วนตัวนะ"
แย้มย้อนถามว่าเจนจิราต่างหากเข้ามาทำไมในห้องส่วนตัวของลักษมณ์ เจนจิราหัวเราะ เข้าไปกอดออเซาะลักษมณ์
"แหม คุณแขขา ผู้หญิงผู้ชายอยู่ด้วยกันทั้งคืน จะทำอะไรล่ะคะ"
"เจน...นี่คุณหมายความว่า เมื่อคืนนี้เรา..." ลักษมณ์ ตกใจ
"ค่ะ...ก็ลักษมณ์บอกว่าเหงา ชวนให้เจนอยู่เป็นเพื่อน เจนก็ต้องอยู่สิคะ จะปฏิเสธได้ยังไง"
คุณแขไม่พอใจเตือนลักษมณ์ว่าจะสำมะเลเทเมากับผู้หญิงที่ไหนก็ได้ ไม่ควรมาใช้ห้องนอนที่เคยเป็นของพ่อแม่มาก่อน พูดจบคุณแขเดินออกไปทันที แย้มมอง
เจนจิราเหยียดๆ ก่อนจะเดินตามไป ลักษมณ์เครียดนั่งกุมขมับไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะทำอะไรไม่รู้ตัวขนาดนี้
พิมานพยายามเข้าไปขอโทษท่านนพพร แต่ดูท่าจะไม่มีทางหายโกรธ เพราะไม่ยอมให้โอกาสเขาเลย เขาจึงโทร.ไปหาณัฏฐาที่บ้าน เด็กที่บ้านบอกว่าเธอมาที่โรงเรียนคนตาบอด เขาจึงตามไป วิงวอนขอให้เธอฟังคำขอโทษจากเขา
"ผมรู้ว่าคุณคงผิดหวัง ที่ผมไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คุณคิด แต่ผมอยากให้คุณรู้ว่า ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงหรือปิดบังคุณ เพียงแต่ผมไม่กล้า..."
"ฉันเข้าใจค่ะ มันคงเป็นเรื่องยากมากที่จะยอมรับ หรือบอกกับใครๆว่าเราเคยทำเรื่องที่เลวร้ายขนาดนั้นมาก่อน"
"แล้วคุณจะให้อภัยผมได้ไหม" พิมานขอด้วยความละอายใจ
"ฉันให้อภัยคุณค่ะ แต่ฉันคงมองหน้าคุณอีกไม่ได้ ขอโทษนะคะ ลาก่อนค่ะคุณพิมาน"
พิมานมองตามณัฏฐาที่เดินไปขึ้นรถจากไป เขารู้ว่าเขาได้เสียเพื่อนที่ดีคนนี้ไปจริงๆ...
เจนจิราได้ใจที่ได้อยู่ในเรือนใหญ่โดยลักษมณ์ไม่ว่าอะไร จึงโทร.หาจอยจะจัดปาร์ตี้ริมสระน้ำ แย้มไม่พอใจไปฟ้องคุณแข ทำให้คุณแขต้องโทร.ตามลักษมณ์จากที่ทำงานมาหาที่เรือนขาว ลักษมณ์เหนื่อยหน่าย บอกคุณแขว่าไม่พอใจอะไรก็จัดการไปได้เลย คุณแขย้อนถามว่า เขาจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆหรือ ลักษมณ์บ่นว่าเขาเหนื่อย อยากไปจากที่นี่สักพัก...
ooooooo










