ตอนที่ 7
ทิชากรหน้าเศร้ากลับเข้ามาที่ห้องพัก รักยมตามเข้ามาด้วย แล้วทั้งคู่ก็ทุ่มเถียงกันแจ้วๆด้วยเรื่องเก็บองุ่น
"บอกแล้วว่าให้ท่องคาถาทำให้องุ่นทั้งไร่ไปอยู่ในตะกร้าเราซะเลย ไม่งั้นนะป่านนี้ก็ชนะพี่ซาร่ากับคนสวยใจดำคนนั้นไปแล้ว"
"จะบ้าเหรอยม ขืนทำแบบนั้นสิ คนเขาจะได้แตกตื่นกันทั้งไร่"
ยมกอดอกกระฟัดกระเฟียดอย่างเจ็บใจ รักส่ายหน้าเหนื่อยใจแล้วหันไปเห็นทิชากรนั่งหน้าเศร้า
"กะทิเสียใจเหรอที่แข่งไม่ชนะน่ะ"
"หรือกะทิไม่พอใจที่นายลมอุ้มคนสวยใจดำคนนั้น"
"เปล่าจ้ะ เขาสองคนจะทำอะไรกันมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับกะทิสักหน่อย กะทิแค่เหนื่อยๆน่ะจ้ะ งั้นเดี๋ยวกะทิไปอาบน้ำก่อนนะ"
ทิชากรถอดเครื่องประดับในตัวออก แล้วก้มลงไปจะถอดสร้อยกระพรวนที่ข้อเท้า แต่กลับไม่พบของรักของหวงเส้นนี้...ในเวลาเดียวกัน หมอไสยดำกำลังทำพิธีกรรมบางอย่าง โดยมีสร้อยกระพรวนของทิชากรวางอยู่บนแท่นพิธี
ทิชากรทำกระพรวนหลุดหายโดยไม่รู้ตัวตอนเก็บองุ่นในไร่ เธอเดินหาทั้งในและนอกห้องพักจนทั่วจึงไม่พบ ชองแตลเยี่ยมหน้าเข้ามาทำทีเป็นมิตร ส่งยิ้มให้ก่อนถามไถ่ทิชากรว่าหาอะไรอยู่เหรอ?
"หากระพรวนข้อเท้าของฉันอยู่น่ะค่ะ ไม่รู้ว่าทำหล่นหายที่ไหน"
"ตอนนี้ปล่อยเรื่องกระพรวนข้อเท้าไปก่อนเถอะค่ะ ฉันว่าคุณเข้าไปร่วมงานก่อนเถอะค่ะ งานจะเริ่มแล้ว"
"ฉันไม่ไปหรอกค่ะ"
"อ้าว...ทำไมล่ะคะ"
"ฉันไม่ค่อยอยากไปน่ะค่ะ"
"คุณกะทิไม่ไปไม่ได้นะคะ ฉันเชื่อว่าทุกคนกำลังรอคุณอยู่ แล้วคุณก็เป็นแขกของลม ถ้าคุณไม่ไปจะเป็นการไม่ให้เกียรติลมนะคะ แล้วอีกอย่างพี่ซาร่าก็ไปงานนี้ด้วย ฉันว่าถ้าคุณไม่ไป พี่ซาร่าได้วิ่งตามหาคุณให้วุ่นแน่ค่ะ"
ทิชากรสีหน้าลังเล ชองแตลจึงเข้ามาใกล้ จับแขนทิชากรเขย่าเบาๆ อ้อนวอน
"ไปเถอะนะคะคุณกะทิ จะได้ไปสนุกกันไงคะ"
"ก็ได้ค่ะ งั้นกะทิขอตัวไปเก็บของที่ห้องก่อนนะคะ"
ชองแตลยิ้มรับ แต่พอทิชากรคล้อยหลัง รอยยิ้มนั้นก็เลือนหายกลายเป็นร้ายกาจขึ้นมาแทน
"ได้สนุกแน่ เพราะฉันมีโชว์เด็ดๆให้เธอดู"
ooooooo
บรรยากาศงานกลางคืนอบอุ่นและเป็นกันเอง มีแขกเหรื่อพอประมาณนั่งกระจายกันตามโต๊ะต่างๆ โดยมีอาหารเสิร์ฟเป็นระยะ และบนเวทีมีการเล่นดนตรีคลอตลอด ในโต๊ะใหญ่ซึ่งเป็นครอบครัวอดิศวร ทุกคนพร้อมหน้าพูดคุยกันอย่างมีความสุข
"กระหม่อมต้องขอบพระทัยเจ้าชายมากที่ให้เกียรติเสด็จมาร่วมงานของกระหม่อม ว่าแต่เสียดายจังที่เจ้าชายต้องเสด็จกลับพรุ่งนี้แล้ว" วายุภัคเอ่ยขึ้นมา สุพรรษาเห็นด้วยเสริมต่อทันที
"นั่นสิเพคะ เจ้าชายน่าจะอยู่ต่ออีกสักหน่อย จะได้หายคิดถึง"
"ผมก็อยากอยู่ต่อครับ แต่ผมติดงานราชการต้องไปอิตาลี ผมก็เลยว่าจะฝากคุณน้ำเอาไว้ที่นี่ก่อน ปล่อยเอาไว้ที่ปารวัตรลำพังกลัวว่าจะเหงาน่ะครับ"
"เจ้าชายรักและดูแลน้ำดีอย่างนี้ ไม่เสียแรงที่ยกน้องสาวให้เลย"
ทุกคนหัวเราะกับคำพูดของวายุภัค แล้ววายุภัคก็ลุกขึ้นขอตัวไปเปิดไวน์ขวดใหม่มาให้ แต่ไม่ทันจะเดินกลับมาที่โต๊ะ เจ้าชายภูวเนศก็ลุกตามมายืนอยู่ข้างหลัง
"อ้าว...เจ้าชายต้องการอะไรหรือ"
"ไม่มีอะไรหรอก เราแค่อยากจะคุยกับคุณเฉยๆ เราชอบงานในวันนี้มาก คุณลมเก่งนะที่สามารถจัดการงานออกมาได้ดีขนาดนี้ แต่คุณจัดการได้ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องความรักของคนอื่นๆ ว่าแต่ทำไมเรื่องหัวใจคุณลมถึงจัดการไม่ได้สักทีล่ะ"
"ก็ในเมื่อเธอไม่รักกระหม่อม กระหม่อมก็ไม่รู้จะทำยังไง"
"แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าเธอไม่รัก เคยถามกันหรือยัง แล้วเราก็เชื่อว่าเรื่องของหัวใจเราจะใช้อะไรตัดสินไม่ได้นอกจากหัวใจ ลองทำตามเสียงหัวใจเรียกร้องดูสิคุณลม เผื่อว่ามันจะช่วยจัดการเรื่องหัวใจของคุณได้อีกเยอะเลย"
วายุภัคยิ้มรับบางๆ พอดีภานุเดินเข้ามา สองคนจึงยุติการสนทนา
"เริ่มงานเลยไหมลม" ภานุถาม
"อีกเดี๋ยวก็ได้ รู้สึกว่าแขกจะยังมาไม่ครบเลย" พูดแล้ววายุภัคก็ชะเง้อมองหาทิชากร
เช่นเดียวกับซาร่าก็กำลังมองหาทิชากร เหลียวไปเหลียวมาพลางบ่น
"เอ...ทำไมคุณน้องกะทิยังไม่มาอีกนะ"
"นั่นหนูกะทิมาแล้ว...หนูกะทิ ทางนี้จ้ะ" สุพรรษาร้องเรียก ทุกคนจึงหันไปมองตาม เห็นชองแตลเดินเข้ามาพร้อมทิชากร
"เห็นไหมคะคุณกะทิ ฉันบอกแล้วว่าทุกคนรอคุณอยู่ ...คุณกะทิจะไม่ยอมมาร่วมงานค่ะ ชองแตลก็เลยต้องไปลากตัวมาให้"
"ขอบใจมากจ้ะหนูชองแตล" สุพรรษาพูดยิ้มๆ แล้วเบนความสนใจไปทางทิชากร "ถ้าหนูไม่มานะ งานนี้หมดสนุกแน่ๆเลย มาเถอะจ้ะมานั่งกับป้าดีกว่า"
ทิชากรเดินตามไปนั่งกับสุพรรษา ในขณะที่ซาร่า อัจจิมา และชะเอมมองชองแตลเป็นตาเดียว ก่อนจะหันกลับมาสุมหัวซุบซิบ
"น้องๆจับตาดูยายชองแตลให้ดีๆนะคะ พี่ว่างานนี้ชีต้องคิดทำอะไรแน่ๆ"
อัจจิมากับชะเอมพยักหน้าเห็นด้วยกับซาร่า แล้วจากนั้นทั้งสามคนก็เอาแต่จับจ้องคอยมองชองแตลอย่างไม่ไว้ใจ
ใกล้เวลามอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการแข่งขันเก็บองุ่น ภานุกล่าวเชิญเจ้าชายภูวเนศขึ้นกล่าวบนเวทีเพื่อเป็นเกียรติกับพวกเราทุกคน
"ผมเคยอาศัยอยู่ ณ ที่ไร่แห่งนี้ในช่วงเวลาหนึ่ง และถึงแม้จะช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่าที่ไร่แห่งนี้สวยงามน่าประทับใจสำหรับแขกผู้มาเยือนได้นั้นไม่ได้เกิดจากความสวยงามของธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความรักความสามัคคีของสมาชิกในครอบครัวอดิศวรที่ร่วมแรงร่วมใจกันสรรค์สร้างดินแดนสวรรค์แห่งนี้ขึ้น และผมก็มั่นใจเหลือเกินว่าที่ไร่แห่งนี้จะคงความสวยงามตลอดไป ดั่งเช่นความรักของสมาชิกทุกคนในครอบครัว"
ภูวเนศกล่าวจบ แขกทุกคนปรบมือกราว สุพรรษาและมนตรีตื้นตันใจอย่างมาก ส่วนคนอื่นๆก็มีสีหน้าปลาบปลื้ม พอภูวเนศลงจากเวทีกลับมานั่งที่ ทิพย์ธาราจับมือเขาและกล่าวขอบคุณจากใจจริง
"ขอบคุณทำไม ผมพูดจากความจริงทั้งนั้น" คำพูดภูวเนศยิ่งทำให้ทิพย์ธารายิ้มกว้างสุดซาบซึ้ง...ทันใดเสียงภานุประกาศขึ้นมาว่า
"และต่อไปนี้ขอเชิญทุกท่านรับชมการแสดงจากคนงานของไร่ที่ร่วมแรงร่วมใจกันคิดเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ขอเชิญรับชมเลยครับ"
หลังชมการแสดงอันแสนสนุกสนานของบรรดาคนงานไปแล้ว ต่อไปเป็นการมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะการแข่งขันเก็บองุ่น ซึ่งตามธรรมเนียมสุพรรษากับมนตรีต้องเป็นผู้มอบ แต่ครั้งนี้พวกท่านให้วายุภัคมอบแทน และให้ทิชากรเชิญรางวัล ชองแตลหมั่นไส้มาก แล้วพอต้องออกไปรับรางวัลพร้อมกับซาร่าจากมือวายุภัค ชองแตลก็สร้างความฮือฮาด้วยการหอมแก้มขอบคุณวายุภัคฟอดใหญ่
ทุกคนคาดไม่ถึงอึ้งกันไปหมด โดยเฉพาะทิชากรถึงกับทนไม่ไหวเดินออกจากงานไปเลย ซาร่าก็สุดทนรีบสุมหัวกับพวกอัจจิมาเพื่อหาทางทำให้วายุภัคกับทิชากรคืนดีกันให้ได้ ก่อนที่ชองแตลจะแผลงฤทธิ์มากไปกว่านี้
อีกครู่ อัจจิมาจึงทำทีมาขอยืมที่เปิดขวดไวน์ของวายุภัคที่ซื้อมาจากฝรั่งเศส ขณะเดียวกันชะเอมก็ไปหลอกทิชากรให้ไปเป็นเพื่อนหยิบของในห้องเก็บของของวายุภัค แล้วพอสองฝ่ายมาเจอกัน อัจจิมากับชะเอมก็รีบปิดล็อกห้องให้ทั้งคู่ อยู่กันตามลำพัง
ทิชากรหันรีหันขวางพยายามจะเปิดประตู แต่วายุภัคเดินเข้าไปขวางและกล่าวอย่างเข้าใจ
"ไม่ต้องพยายามหรอกคุณ พวกนั้นคงอยากให้เรามาอยู่ด้วยกันน่ะ เขาคงไม่ยอมให้เราเปิดประตูง่ายๆหรอก"
"แล้วทำไมพวกเขาต้องจับฉันเข้ามาอยู่กับคุณด้วยล่ะ"
"เขาคงอยากให้เราปรับความเข้าใจกันมั้ง"
"เราไม่มีอะไรต้องเข้าใจกันอีกแล้ว เชิญคุณไปเข้าใจกับแฟนคุณเถอะ"
"จะให้ผมบอกอีกกี่ครั้งว่าผมกับชองแตลไม่ได้เป็นอะไรกัน จริงอยู่ที่ผมกับเธอเคยคบกันเกินความเป็นเพื่อน แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้ผมกับชองแตลเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น และจะไม่มีวันเปลี่ยนความสัมพันธ์กลับไปเหมือนเมื่อก่อนได้อีก"
"แต่ฉันว่าสิ่งที่คุณทำกับคุณชองแตลมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูดเลยสักนิด แล้วคุณก็อุตส่าห์ให้ดอกกุหลาบเธอ เป็นฉัน ฉันก็คิดว่าคุณไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนกับเธอ"
"ผมให้ดอกกุหลาบชองแตลตอนไหน มีแต่ผมฝากดอกกุหลาบกับชองแตลให้คุณ แต่คุณนั่นแหละที่ไม่สนใจ หนำซ้ำยังหักดอกกุหลาบผมทิ้งด้วย"
"ดอกกุหลาบอะไร ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง ฉันยืนยันว่าฉันไม่เคยได้รับดอกกุหลาบอะไรจากคุณทั้งนั้น มีแต่ของคุณชองแตล แล้วเธอก็ยังบอกด้วยว่าคุณเป็นคนโรแมนติกมาก"
วายุภัคอึ้งแล้วนึกถึงคำบอกเล่าของชองแตลตอนนำกุหลาบกลับมาคืน เธอบอกว่าทิชากรไม่ยอมรับ หนำซ้ำยังหักดอกไม้ทิ้งด้วย เธอพยายามห้ามแล้วแต่ทิชากรก็ไม่ฟัง...
"ผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าชองแตลทำอะไรกับกุหลาบของผมที่ผมฝากไปให้คุณ"
"คิดเหรอว่าฉันจะเชื่อคุณง่ายๆ"
"แล้วทำไมคุณไม่เชื่อผมบ้างกะทิ ทำไมไม่เชื่อว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง ทำไมไม่เชื่อว่าผมรักคุณ ส่วนเรื่องอดีตของผมก็เหมือนกัน ผมห้ามไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วและไม่สามารถย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงได้อีก ขอให้คุณเชื่อผมว่านับจากนี้ ผมจะไม่มีผู้หญิงคนไหนอีกเลย... นอกจากคุณ"
ทิชากรยืนนิ่งอย่างตัดสินใจไม่ถูก วายุภัคขยับเข้ามาใกล้และโอบเธอไว้ด้วยความรัก
"ผมรักคุณนะกะทิ ขอโอกาสให้ผมนะครับ"
"ถ้าคุณทำฉันเสียใจอีกล่ะก็ ฉัน...ฉัน...ฉันจะกลับบ้าน และจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย"
"ตกลงครับที่รัก" วายุภัคดีใจโอบกอดเธอแน่น ทิชากรกอดตอบและยิ้มทั้งน้ำตา
แล้วพอออกมาจากห้องได้ ทั้งคู่ก็เห็นอัจจิมา ชะเอมและซาร่าออกันอยู่หน้าห้องอย่างลุ้นๆ
"แผนสูงกันจริงๆเลยนะครับ" วายุภัคแซวยิ้มๆ
"คุณกะทิอย่าโกรธพวกเรานะคะ พวกเราทำไปเพราะหวังดีจริงๆ" ชะเอมรีบออกตัว ทิชากรเขินอายแต่ก็ยิ้มรับบางๆ
"ว่าแต่จะจัดงานแต่งกันเมื่อไหร่ดีคะ พี่ซาร่าจะได้ เตรียมตัดชุด"
"เรื่องแต่งคงไม่นานหรอกครับ แต่ตอนนี้ผมต้องทำให้คุณกะทิมั่นใจในตัวผมซะก่อน" พูดจบชายหนุ่มก็ดึงมือหญิงสาวออกไปทันทีเลย
"คุณจะพาฉันไปไหนคะคุณลม"
วายุภัคไม่ตอบแต่เดินจูงมือทิชากรเข้ามาในงาน พวกซาร่าตามต้อยๆ พอชองแตลเห็นก็รีบลุกขึ้นไปหาวายุภัค
"หายไปไหนมาคะลม แขกถามหาคุณกันใหญ่เลย"
"ผมไปปรับความเข้าใจกับแฟนมาน่ะครับ"
"อะไรนะคะ"
"ผมกับคุณกะทิ เรากำลังดูใจกันอยู่ครับ" วายุภัคพูดเสียงดังฟังชัด สุพรรษาถึงกับยิ้มหน้าบาน
"จริงเหรอลม"
"จริงสิครับแม่ และผมก็มั่นใจว่าอีกไม่นานที่ไร่ของเราคงได้มีงานมงคลแน่ๆครับ ยังไงกระหม่อมก็ต้องขอเชิญฝ่าบาทล่วงหน้าเลยนะ"
"เราไม่พลาดอยู่แล้ว ถ้ามีข่าวดีเมื่อไหร่เราจะบินกลับมาอีกครั้งแน่นอน แต่ยังไงเราก็ต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้าก่อนเลยก็แล้วกันนะ"
ทั้งคู่ยิ้มให้ภูวเนศ จากนั้นวายุภัคก็พาทิชากรออกไปเต้นรำท่ามกลางเสียงเพลงรักหวานซึ้ง โดยมีสายตาของชองแตลมองตามด้วยความเคียดแค้นชิงชังทิชากร แล้วพอเสร็จจากงานเลี้ยงวายุภัคยังเอ่ยปากขอหมั้นทิชากรไว้ก่อน แต่เธอท้วงว่า มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือ?
"ไม่เร็วไปหรอกครับ เพราะถ้าเราหมั้นกัน คุณจะได้เชื่อใจผมไงว่าผมจะรักและซื่อสัตย์กับคุณคนเดียว"
"คุณลมคะ แค่แหวนวงเดียวมันไม่ได้เพิ่มความมั่นใจให้ฉันได้หรอกนะคะ แต่มันอยู่ที่การกระทำของคุณต่างหากที่จะพิสูจน์ตัวคุณเอง"
"โอเคเลยครับ งั้นต่อจากวินาทีนี้แหละ ผมสัญญาว่าผมจะรักและซื่อสัตย์กับคุณคนเดียว แต่เรื่องในอดีตผมแก้ไม่ได้ก็ปล่อยๆมันไปก็แล้วกันนะ"
"ปล่อยไม่ได้นะคะคุณลม เพราะถ้าคุณทำผู้หญิงที่ชื่อปิ่นมุกท้องจริงๆล่ะก็ ฉันก็คงต้องขอบาย"
"อ้าว แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ ตอนนี้ผมติดต่อปิ่นมุกไม่ได้เลย แต่คุณไม่ต้องห่วงนะ ถ้าผมได้เจอปิ่นมุกเมื่อไหร่ ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าผมไม่ได้ทำปิ่นมุกท้อง"
"ฉันก็อยากจะเห็นเร็วๆเหมือนกันค่ะ"
ทิชากรมุ่งมั่นมาก พอแยกจากเขากลับไปที่ห้องพัก เธอจึงลองโทร.หาปิ่นมุกอีกที แต่เครื่องก็ยังไม่เปิดเหมือนเดิม ครั้นเช้าขึ้นลองโทร.ใหม่ก็ยังเหมือนเดิมอีก จึงได้แต่ฝากข้อความเอาไว้อีกครั้ง
สายหน่อย นากรีจดรายชื่อเจ้าพ่อหมอผีในอำเภอใกล้ๆมาให้ทิชากร แต่พอทิชากรพร้อมด้วยชะเอมและอัจจิมาเดินทางไปดูก็เสียเที่ยวอีก หมอผีแต่ละคนมีแต่พวกหลอกลวงชาวบ้าน ไม่ได้มีวิชาอาคมอะไรเลยที่จะทำร้ายวายุภัคได้
ขากลับ อัจจิมาสังเกตเห็นว่ามีรถกระบะคันหนึ่งขับตาม เธอจึงคว้าปืนเตรียมพร้อมก่อนบอกให้ชะเอมชะลอรถให้รถคันนั้นตีคู่ขึ้นมา แล้วชะเอมก็เห็นหน้าชายในรถชัดเจน ก่อนที่รถจะแซงหน้าไปโดยไม่มีเหตุร้ายอะไร ชะเอมจำได้ว่าชายในรถคือลูกน้องกำนันทอง อัจจิมาแปลกใจทำไมเขาต้องขับรถตามพวกเราด้วย ทิชากรนึกออกบอกว่า
"คุณมิ้งค์เคยบอกว่ากำนันทองให้คนคอยตามดูคุณลมค่ะ หรือกำนันทองจะสะกดรอยตามทุกคนที่เกี่ยวข้องกับคุณลมคะ"
"งั้น...เป็นไปได้ไหมคะว่าพวกเรากำลังตามหาผิดที่ พ่อแม่คุณปิ่นอาจไม่เกี่ยวกับเรื่องคุณไสย แต่อาจจะเป็นกำนันทอง"
"จี๊ดว่าชัวร์ป้าบค่ะ งั้นน้องกะทิต้องรีบบอกคุณลมให้รู้นะคะ เขาจะได้ระวังตัว"
ฟังชะเอมกับอัจจิมาแล้วทิชากรร้อนใจเป็นอย่างมาก พอกลับถึงไร่ก็รีบมุ่งหน้าไปโรงบ่มไวน์เพื่อจะพบวายุภัคให้ได้ แต่ถูกเสกกางกั้นเพราะวายุภัคกำลังปรุงไวน์อยู่ข้างใน สั่งห้ามไม่ให้ใครเข้าไป
"งั้นฉันจะรออยู่ตรงนี้จนกว่าคุณลมจะเสร็จงานก็แล้วกัน"
ชองแตลเดินออกมาได้ยินพอดี เธอปั้นหน้ายิ้มหวานเข้าไปทักถามทิชากรว่า
"คุณกะทิมีเรื่องสำคัญอะไรกับลมหรือเปล่าคะ ฝากฉันเข้าไปบอกลมก็ได้นะคะ เพราะลมคงต้องทำงานอยู่ในนั้นอีกนาน คุณจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคอย"
"งั้นฉันฝากบอกคุณลมว่า...ฉันมีเรื่องของกำนันทองอยากจะคุยกับเขาน่ะค่ะ"
"กำนันทอง...พ่อของคุณมิ้งค์น่ะเหรอคะ มีอะไรเหรอคะ"
"คือตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ากำนันทองเป็นคนที่ไม่หวังดีกับคุณลม ฝากให้เขาระวังตัวด้วย คุณชองแตลบอกคุณลมให้ได้ นะคะ แล้วถ้าเขาเสร็จงานแล้ว ช่วยฝากบอกให้เขาไปหาฉันด้วย ฉันจะได้เล่าที่มาที่ไปให้เขาฟัง"
"โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไปบอกคุณลมให้เลยนะคะ ส่วนคุณกะทิก็กลับไปรอที่ห้องเถอะค่ะ อากาศเย็นเดี๋ยวจะไม่สบาย"
ทิชากรยิ้มให้แทนคำขอบคุณแล้วผละออกมา ชองแตล มองตามด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ แล้วพอกลับเข้าไปข้างในก็ไม่ยอมบอกวายุภัคตามที่รับปากเอาไว้
ooooooo










