ตอนที่ 10
วายุภัคบุกป่าฝ่าดงเข้าไปหาว่านพญาลิ้นงูทองเพื่อนำกลับมารักษาทิชากรอย่างไม่ย่อท้อ แม้เขาจะถูกทั้งทากและแมลงต่างๆกัดเจ็บปวดแค่ไหนก็อดทนเดินทางต่อไปทางทิศเหนือตามที่ไกรฤทธิ์กำชับ แล้วเขายังต้องไปข้ามลำน้ำอันเชี่ยวกรากจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดอีก
หนึ่งวันเต็มๆแล้วที่วายุภัคอยู่ในป่า ส่วนทิชากรซึ่งยังนอนไม่รู้สติอยู่ที่บ้าน ทิพย์และไกรฤทธิ์พบว่ารอยดำที่ข้อเท้าของเธอเป็นวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากพิษงูในร่างเธอเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ไกรฤทธิ์จึงให้ทิพย์นำผ้าชุบน้ำมนต์เช็ดแผลให้ลูก เดี๋ยวเดียวรอยดำนั้นก็ค่อยๆจางไป
"แผลลูกดีขึ้นแล้ว อย่างนี้กะทิจะไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหมจ๊ะ"
"น้ำมนต์มันจะช่วยได้แค่บรรเทาอาการพิษงูให้ลดน้อยลง ไม่ให้กะทิทรมานมากเกินไปก็เท่านั้น"
"โธ่...กะทิลูกแม่" ทิพย์ถึงกับน้ำตาตกกอดร่างลูกสาวด้วยความสงสารจับใจ ไกรฤทธิ์เองก็เศร้าไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน นอกจากรอความหวังจากวายุภัคเพียงคนเดียว...รักกับยมเห็นสภาพสามคนพ่อแม่ลูกก็พลอยเศร้าสะเทือนใจไปด้วย
"สงสารกะทิจังเลยเนอะที่ต้องมาเป็นแบบนี้"
"มันเป็นเรื่องของชะตากรรมนะรัก เบื้องบนกำหนดเอาไว้แล้วว่าคนที่จะช่วยต้องเป็นคนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกับกะทิ"
"เฮ้อ...งั้นเราก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของนายลม"
"ใช่ ต่อไปนี้ก็คงหมดหน้าที่ของเราแล้ว"
"งั้นเรามาช่วยส่งกำลังใจให้กะทิกับนายลมกันเถอะนะ"
ขณะที่ใครต่อใครก็สวดมนต์ภาวนาส่งกำลังใจให้วายุภัคที่บุกป่าไปหาว่านพญาลิ้นงูทอง...ทุกคนหารู้ไม่ว่าเวลานี้วายุภัคต้องผจญกับอันตรายมากมาย ทั้งเหนื่อยทั้งหิว โชคยังดีที่เขามีอาหารกระป๋องติดมาจึงประทังความหิวไปได้บ้าง
หลังจากนอนตากยุงและตากน้ำค้างมาทั้งคืน เช้าขึ้นวายุภัครู้สึกปวดศีรษะจี๊ด แต่เขาก็ต้องแข็งใจไปต่อเพื่อทิชากร
ooooooo










