สมาชิก

ธาราหิมาลัย

ตอนที่ 9

หลังจากพาภูวเนศไปหลบซ่อนตัวได้แค่สองสามวัน ชาดุลก็ส่งคนมาตามหาภูวเนศถึงไร่อดิศวร โดยอ้างว่าเป็นญาติ แต่ทุกคนก็บอกว่าลาออกไปแล้ว ชาดุลไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง จึงสั่งคนให้คอยเฝ้าอยู่แถวนั้น ทำให้ราจีฟและวรุณไม่วางใจ รีบส่งข่าวให้ภูวเนศหนีกลับเข้าประเทศโดยเร็ว

ภูวเนศเป็นห่วงทั้งพ่อ และกลัวว่าครอบครัวทิพย์ธาราจะเดือดร้อน เขาจึงตัดสินใจกลับ โดยปลอมตัวเป็นคู่สามีภรรยากับสายสืบหญิงที่ถูกส่งตัวมา สร้างความไม่พอใจให้ทิพย์ธาราเป็นอย่างมาก ด้วยความหึงหวงเธอจึงบอกว่าจะจดทะเบียนสมรสกับเขาและทำหน้าที่ภรรยาด้วยตัว เอง ภูวเนศทั้งขำทั้งดีใจที่เห็นทิพย์ธาราหึง และยอมลงทุนหนีไปกับเขาทั้งที่รู้ว่ามันอันตราย

แผนการหนีออกนอกประเทศถูกเตรียมการณ์ไว้อย่างเงียบเชียบ มีเพียงวายุภัคเท่านั้นที่รู้ เขาไม่ห้ามเพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้วายุภัคยังดำเนินการพาภูวเนศและทิพย์ธาราไปจดทะเบียนและส่งขึ้น เครื่อง ก่อนที่จะกลับมาที่ไร่

ทันทีที่กลับมาถึงไร่ วายุภัคโดนพ่อแม่และพี่น้องซักเป็นการใหญ่ เพราะนากรีสาวใช้ประจำไร่องุ่นที่แอบเห็นวายุภัคและทิพย์ธาราพาภูวเนศไปซ่อน นำเรื่องมาเม้าท์จนหมดเปลือก วายุภัคจำต้องเล่าความจริงทั้งหมดให้ทุกคนฟัง ส่วนปรียานุช ก็มีเหตุจำเป็นต้องเล่าให้ณภัทรรับทราบเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

ทุกคนแทบช็อกกับเรื่องราวต่างๆจากปากวายุภัคและปรียานุช โดยเฉพาะสุพรรษาถึงกับเป็นลมหมดสติ ที่ลูกสาวหอบเสื้อผ้าหนีตามเจ้าชายไปต่างประเทศ

ooooooo

เช้าวันแรกที่ปารวัตร ทิพย์ธารารู้สึกตื่นตา ตื่นใจกับสภาพแวดล้อมที่งดงามแปลกตา ซึ่งเธอมองผ่านจากโรงแรมที่พักได้อย่างชัดเจน พอสายหน่อยราจีฟก็เข้ามาพบภูวเนศ และพูดคุยกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะลากลับไปด้วยความสงสัยว่าหญิงสาวชาวไทยคนนี้ เป็นใคร

ยังมีเวลาพอสมควรที่จะต้องประชุมกับวรุณ ภูวเนศจึงพาทิพย์ธาราออกไปชมเมือง โดยไปหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่มีหน้าต่างสามบานเด่นตระหง่านสวยงาม

"คุณน้ำเห็นหน้าต่างนั่นหรือเปล่า"

"เห็น ทำไมเหรอคะ"

"หน้าต่างของชาวปารวัตรส่วนใหญ่จะมีสามบานแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของคนที่มีฐานะดีกว่าชาวบ้านทั่วไป"

"มันมีความหมายยังไงเหรอคะ"

"หน้าต่างตรงกลาง สำหรับผู้ชายที่เป็นเจ้าของบ้าน ส่วนบานเล็กสองข้าง สำหรับภรรยาคนที่หนึ่ง และภรรยาคนที่สอง...คุณเห็นไหม คนที่นี่ใครๆเขาก็มีภรรยามากกว่าหนึ่งคนกันทั้งนั้น มันเป็นเรื่องปกติ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนยอมรับ"

"ฉันก็ไม่ได้คิดว่าธรรมเนียมของคุณไม่ดีนะคะ เพราะแต่ละประเทศก็มีธรรมเนียมปฏิบัติที่แตกต่างกันตามลักษณะสังคมและผู้คน ฉันขอย้ำว่า ฉันไม่ได้คิดว่าการที่คุณมีภรรยาหลายคนเป็นสิ่งไม่ดีในประเทศของคุณ แต่สำหรับฉัน...ฉันรับไม่ได้ ก็แค่นั้นเอง"

ทิพย์ธาราพูดนิ่งๆนิ่มๆ แล้วดึงมือภูวเนศที่เกาะกุมออก เดินหนีกลับไปที่รถ ภูวเนศถึงกับจ๋อยสนิท ถอนใจออกมาเฮือกใหญ่

"เฮ้อ...ใจแข็งจริงๆ"

ooooooo

กลับมาถึงโรงแรม ทิพย์ธาราลงจากรถเดินหน้าบึ้งนำลิ่วเข้าไปก่อน ภูวเนศก้าวตามและพยายามง้องอน แต่เธอไม่อยากพูดเรื่องเดิมๆอีก ย้ำเตือนเขาทันทีที่เข้าห้องพักว่า

"คุณบอกว่าจะมีประชุมกับทหารองครักษ์ไม่ใช่เหรอ ฉันว่าคุณรีบไปเถอะ ฉันไม่อยากให้คุณต้องเสียเวลาเพราะฉัน"

"ผมไม่ได้คิดว่ามันเสียเวลา แต่ผมต้องการอธิบายให้คุณเข้าใจ"

"คุณอธิบายมาพอแล้วค่ะ ไปทำงานได้แล้วนะคะเจ้าชาย ฉันยังไม่อยากฟังอะไรตอนนี้"

ภูวเนศนิ่งไปอย่างจำยอม เพราะรู้ดีว่าพูดตอนนี้คงไม่มีประโยชน์

"ผมให้คนเตรียมเสื้อผ้าพื้นเมืองไว้ให้เพื่อใส่พรางตัว ส่วนโทรศัพท์มือถือหรือโทรศัพท์ที่โรงแรมผมไม่อยากให้คุณใช้ เพราะฝ่ายกบฏดักฟังโทรศัพท์ ถ้ามันรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่มันอาจจะสงสัย เพื่อความปลอดภัยงดใช้โทรศัพท์จะดีที่สุด"

"ค่ะ"

ภูวเนศเห็นแววตาไม่พอใจของเธอแล้วก็ได้แต่ก้มหน้าเดินออกไปอย่างหนักใจ ทันทีที่ประตูปิด ทิพย์ธาราล้มตัวลงนอนบนเตียงและบ่นออกมาอย่างเซ็งจิต

"ทำไมต้องมีหน้าต่างมากกว่าหนึ่งบานด้วยนะ...เฮ้อ!"

ooooooo

วรุณและราจีฟเดินทางมายังโรงแรมด้วยความระมัดระวัง แล้วเข้าพบภูวเนศในห้องหนึ่ง ก่อนอื่นราจีฟเริ่มต้นด้วยการสารภาพผิด ซึ่งเป็นความผิดใหญ่หลวงที่เขายังสำนึกอยู่จนทุกวันนี้

"กระหม่อมได้กระทำผิดมหันต์ต่อเจ้าชายและประเทศชาติ กระหม่อมเห็นแก่ตัวเอง ครอบครัวและลูกเมียมากกว่าราชบัลลังก์ ที่จะต้องรักษาอย่างที่เคยให้คำสัตย์เอาไว้ กระหม่อมสมควรได้รับโทษ กระหม่อมน้อมรับพระอาญา"

ภูวเนศมองราจีฟที่คุกเข่าลงตรงหน้าด้วยความเข้าใจและเมตตามากกว่าจะโกรธแค้น

"แต่ถ้าคนที่ยิงเราไม่ใช่ท่าน เราอาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมาเหยียบแผ่นดินปารวัตรอีกครั้ง เราเข้าใจในสิ่งที่ท่านทำ เราไม่อยากให้ท่านคิดเรื่องรับโทษในเวลานี้ ขอให้ ผ่านงานใหญ่ที่รอเราอยู่ข้างหน้าไปก่อน แล้วเราค่อยมาคุยกัน"

ราจีฟรู้สึกโล่งใจและผ่อนคลาย ความเมตตาของภูวเนศยิ่งเพิ่มความจงรักภักดีที่มีอยู่แล้วให้มีมากขึ้นไป อีก...ต่อจากนั้นวรุณก็เข้าเรื่องสำคัญของบ้านเมือง

"หลังจากกระหม่อมได้สอบถามกับข้าราชการระดับผู้ใหญ่ที่เคยแฝงตัวเข้าร่วม ประชุมลับกับแกนนำกบฏที่ต้องการล้มล้างราชบัลลังก์ ก็พอจะรู้ว่าแกนนำของมันมีใครบ้าง"

วรุณหยิบรูปทั้งสามใบออกมาจากแฟ้มวางลงเบื้องหน้าเจ้าชาย

"หัวหน้าคณะกบฏคือชาดุลอย่างไม่ต้องสงสัย ซาเมียร์ คุมกำลังตำรวจ เจ้าชายตัวปลอมเป็นชาวปารวัตรหัวรุนแรงที่เติบโตในต่างประเทศ ด้วยใบหน้าที่คล้ายพระองค์ทำให้ชาดุลดึงเข้ามาร่วมคณะกบฏ ที่เหลือเป็นข้าราชการและนักวิชาการหัวรุนแรงบางคน"

"เราไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนต้องการล้มราชบัลลังก์ มากมายถึงขนาดนี้"

"คนเหล่านี้มาเพราะถูกจูงใจด้วยลาภ ยศ ชื่อเสียง ชาดุลบอกว่าถ้าเขาได้เป็นประธานาธิบดี เขาจะเลื่อนยศ มอบตำแหน่งให้มากมาย การล้มล้างระบอบราชวงศ์เอื้อผลประโยชน์ ให้กับไอ้ชาดุล ครอบครัว และพรรคพวกของมันเท่านั้น"

"คนโลภย่อมเป็นเหยื่อของคนเลว...แล้วตอนนี้ท่านพ่อเป็นยังไงบ้าง"

"พระอาการดีขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่น่าวางใจ เพราะเจ้าชายตัวปลอมพยายามแอบใส่ยาลงไปในพระกระยาหารทุกครั้งที่มันมีโอกาส ยาพิษตัวนี้นำเข้ามาจากรัสเซีย คนสั่งเป็นแพทย์ใกล้ชิดของชาดุล"

"ท่านพ่อทรงทราบเรื่องเหมืองหรือยัง"

"ยังครับ"

"วรุณ...หาทางเข้าเฝ้า และทูลท่านพ่อให้ทรงทราบเรื่องเหมืองเพชรให้เร็วที่สุด ส่วนเรื่องเจ้าชายตัวปลอม เราจะเป็นคนเข้าไปกราบทูลท่านด้วยตัวเอง"

ภูวเนศออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ราจีฟกับวรุณรับคำสั่งอย่างแข็งขัน แต่แอบชำเลืองมองหน้ากันเหมือนมีบางอย่างที่ยังค้างคาใจ...แล้ววรุณก็ตัดสิน ใจถามขึ้นว่า

"กระหม่อมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหญิงไทยที่เดินทางมากับพระองค์ เธอคือใคร และกระหม่อมควรปฏิบัติกับเธออย่างไร"

"คุณน้ำเป็นคนที่ช่วยเหลือเราตอนอยู่ประเทศไทย ที่เรากลับมาที่นี่ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะความช่วยเหลือจากเธอ และที่สำคัญเธอคือผู้หญิงที่เรารัก เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเราจะแต่งตั้งให้เธอเป็นพระชายาของเรา"

สององครักษ์ชะงักเล็กน้อย ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่แอบกังวลอยู่ลึกๆ ส่วนภูวเนศที่ดูมุ่งมั่นจริงจังมาก ครั้นกลับไปห้องพักเห็นทิพย์ธารานอนหลับในชุดพื้นเมืองสวยงาม เขาเดินมานั่งใกล้ๆ สัมผัสใบหน้าเธอด้วยความรักและสงสาร พร้อมกับระลึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับวายุภัค

"ผมจะดูแลคุณอย่างดีที่สุด ไม่ให้ผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ของคุณ"

ooooooo

ผ่านไปสักพัก ทิพย์ธาราค่อยๆรู้สึกตัวตื่นด้วยอาการงัวเงีย เธอบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนปรือตาขึ้น ทันใดก็ต้องชะงักกึก เพราะภูวเนศนอนท้าวคางอยู่ข้างๆ เธอผงะรีบถอยกรูดออกห่าง พลางสำรวจเสื้อผ้าตัวเองด้วยความระแวง ภูวเนศถึงกับยิ้มๆอย่างรู้ทัน

"ผมไม่ทำอะไรคุณตอนหลับหรอกน่า ผมรอให้คุณตื่นก่อน แล้วค่อยทำ..." เขาพูดพร้อมกับโน้มหน้ามาจะจูบ แต่ถูกเธอสกัดด้วยหมอนอย่างเต็มรัก

"ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ขอโทษด้วยที่คุณคงไม่ได้ทำอะไรๆ ที่คุณอยากทำ"

"เดี๋ยวก็รู้..." ภูวเนศลุกพรวด เธอตกใจร้องลั่น รีบวิ่งเข้าห้องน้ำปิดประตูทันทีก่อนที่เขาจะตามมาทัน

"คราวหน้าจะปล้ำตอนหลับให้ดู ไม่รอให้ตื่นแล้วหนีเป็นครั้งที่สอง"

ภูวเนศแกล้งตะโกนขู่ ทิพย์ธาราถึงสะดุ้งนิดๆ รีบกระชับเสื้อด้วยความอาย...หลังจากนั้นไม่นาน ภูวเนศก็พาทิพย์ธารามาเดินในตลาด โดยทิพย์ธาราแต่งชุดพื้นเมืองกลมกลืนกับชาวบ้าน ส่วนภูวเนศปลอมตัวเป็นคนแก่ ติดหนวด ใส่แว่นพรางตัว

"คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม" เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย

"ผมอยากให้คุณมาเห็นวิถีชีวิตของชาวปารวัตร แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงต้องกลับมาเพื่อช่วยท่านพ่อ...ท่านพ่อทรงปกครอง ปารวัตรด้วยจิตใจอันเปี่ยมไปด้วยเมตตาและคุณธรรม ท่านสอนให้ประชาชนทุกคนรักในแผ่นดินเกิด ใช้ชีวิตอย่างพอประมาณ และพึ่งพาตัวเองมากกว่าวัตถุ ท่านสอนเสมอว่าระบบทุนนิยมอาจจะทำให้เราสบายกายเพิ่มมากขึ้น แต่ความสุขทางใจลดน้อยลง"

ทิพย์ธารามองไปรอบๆ ก็เห็นจริงดังคำของเขา เพราะชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาต่างยิ้มแย้มบ่งบอกว่ามีความสุข

"ท่านพ่อไม่อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจในปารวัตร เพราะไม่มีใครรักประเทศปารวัตร และประชาชนชาวปารวัตรเท่ากับชาวปารวัตรด้วยกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครเข้ามาทำธุรกิจก็มุ่งหวังที่จะกอบโกยเป็นหลัก และถ้าประชาชนของเราไม่มีภูมิคุ้มกัน ก็จะตกเป็นทาสของระบบทุนนิยม หลายประเทศที่ตกเป็นทาสของทุนนิยม ผู้คนต้องเสียเวลาไปกับการหาเงิน และหาวิธีที่จะใช้เงินเพื่อซื้อความสุข แต่ประชาชนชาวปารวัตรไม่ต้องใช้เงินซื้อความสุข เพราะความสุขมีอยู่ทุกที่ และมีอยู่ในใจของพวกเราทุกคน"

"นี่เป็นเหตุผลที่ท่านพ่อคุณไม่อยากให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำสัมปทานเหมืองเพชรใช่ไหมคะ"

"ใช่...แต่ก็มีคนที่ไม่เห็นด้วย พยายามที่ขายสัมปทานให้กับชาวต่างชาติ"

"คนที่ไม่เห็นด้วยเป็นใครเหรอคะ"

"ชาดุล...นายกรัฐมนตรีของปารวัตร ชาดุลเป็นนายก          รัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ผมคิดว่าเขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารผม และกำลังคิดก่อการกบฏ"

"เขาจะกบฏไปทำไม ในเมื่อเขาก็เป็นถึงนายกรัฐมนตรี"

"ท่านพ่อทรงไม่สนับสนุนการแปรรูปธุรกิจของรัฐ ให้เอกชนหรือต่างชาติเข้ามาถือหุ้น ถึงแม้รัฐจะมีกำไรมากขึ้น แต่ประชาชนจะต้องลำบากแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ชาดุลไม่พอใจ เขาต้องการขายสมบัติชาติและครอบครองในฐานะเจ้าของธุรกิจ"

"ถ้าเขาต้องการเป็นใหญ่แทนท่านพ่อของคุณ ทำไมเขาต้องวางแผนกำจัดคุณ และสร้างเจ้าชายตัวปลอมขึ้นมาแทนให้เสียเวลา"

"เพราะประชาชนจงรักภักดีต่อท่านพ่ออย่างมาก ถ้าชาดุลล้มราชบัลลังก์ ประชาชนต้องลุกฮือ เขาจึงใช้วิธีกำจัดท่านพ่ออย่างแยบยล ด้วยการให้คนใกล้ตัวใส่ยาพิษลงไปในอาหาร และคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือ..."

"คุณ?"

"อืม...ชาดุลหาคนที่มีใบหน้าใกล้เคียงผมมากที่สุด แล้วส่งไปทำศัลยกรรมให้เหมือนจนแยกไม่ออก ก่อนจะส่งไปฝึกเลียนแบบบุคลิกจนเหมือนผมทุกอย่าง เจ้าชายตัวปลอมเป็นคนใส่ยาพิษลงไปในอาหาร จนอาการท่านพ่อทรุดหนัก ถ้าแผนพวกมันสำเร็จ เจ้าชายจะได้ขึ้นครองราชย์ และจะประกาศสละราชสมบัติ แต่งตั้งให้ชาดุลขึ้นเป็นประธานาธิบดี และประชาชนจะหมดข้อกังขาในการขึ้นมายึดอำนาจ"

"คุณคิดว่าเขาจะทำอะไรหลังจากขึ้นเป็นประธานาธิบดี"

"ขายทุกอย่างที่เป็นของชาวปารวัตร เพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ก่อนจะไปทำธุรกิจในประเทศอื่นต่อไป"

"นี่มันพวกขายชาติชัดๆ"

"ผมต้องหยุดพวกมัน ก่อนที่ประเทศปารวัตรจะไม่เหลือแม้แต่แผ่นดินให้ประชาชนได้ยืน"

ทิพย์ธารารับฟังด้วยความเข้าใจ และเธอพร้อมจะเคียงบ่าเคียงไหล่ให้กำลังใจเขาตลอดเวลา

แต่ในเวลาเดียวกัน กบฏอย่างชาดุลก็พร้อมที่จะเร่งให้ถึงช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนถ่ายอำนาจโดยเร็ว เมื่อเขารู้จากเจ้าชายตัวปลอมว่าท่านวาสุเทพย้ายออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่ที่วังแล้ว ชาดุลจึงทวงถามเรื่องยาพิษตัวใหม่ที่สั่งให้เอาใส่ในอาหารให้วาสุเทพกิน

"ยังไม่ค่อยได้โอกาส ตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาล ไอ้แก่มันไม่ค่อยกินอะไรเลย"

"ก็บังคับมันสิ ไม่เห็นจะยากเลย ใช้ความไว้วางใจให้มันเป็นประโยชน์ เรามีเวลาไม่มากแล้ว ต้องรีบจบทุกอย่าง ให้ได้ก่อนที่ภูวเนศมันจะกลับมา"

"ภูวเนศมันยังไม่ตายเหรอ?"

"ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ทางสายข่าวรายงานมาว่าจนถึงวันนี้ยังไม่พบศพมัน แต่ไม่ว่ามันจะอยู่หรือมันจะตาย เราต้องไม่ประมาท เพราะเครือข่ายไอ้พวกจงรักภักดีมันก็มีอยู่ไม่น้อย ถ้ามันปลุกกระแสมวลชนให้ลุกฮือขึ้นมาเมื่อไหร่ เราจะทำงานกันลำบาก รีบกำจัดไอ้แก่ และเปลี่ยนถ่ายอำนาจให้เร็วที่สุด...กลับไปวางยาไอ้แก่และบังคับให้มันกินให้ได้ และถ้าในวังมีอะไรผิดปกติก็รีบรายงานเราโดยด่วน"

"ครับ"

"ถ้าภูวเนศมันยังไม่ตาย   มันก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ และมันก็จะได้รู้ว่าความจงรักภักดีที่ล้าหลังไม่มีทางเอาชนะเราได้" ชาดุลบอกกับตัวเองด้วยความฮึกเหิม...

ooooooo

ทางประเทศไทย...หลังรับรู้เรื่องราวของนายปูเป็นหรือเจ้าชายภูวเนศจนตกอกตกใจช็อกไปตามๆกัน ทุกคนเป็นห่วงทิพย์ธารามากที่ต้องไปอยู่ในภาวะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับภูวเนศด้วย โดยเฉพาะคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงกับอยู่เฉยไม่ได้ อยากจะไปตามตัวลูกสาวกลับมา แต่ลูกชายทั้งสามไม่ยอม และขอเดินทางไปเอง โดยมี ปรียานุชกับณภัทรพาไปส่งขึ้นเครื่องที่สนามบิน

ด้านภูวเนศกับทิพย์ธาราที่ปารวัตร แม้ทั้งคู่ได้อยู่ใกล้ชิดภายในห้องเดียวกันก็จริง แต่ทิพย์ธาราก็ไม่ยอมให้เขาล่วงเกินเธออีก โดยเธอให้เขานอนที่โซฟานอกห้องนอน และสั่งห้ามเขาอย่าได้ฉวยโอกาสเป็นอันขาด ไม่งั้นเธอจะหนีกลับประเทศไทย

"คุณไม่หนีหรอก เพราะคุณเป็นห่วงผม" เขาพูดยิ้มๆ อย่างรู้ใจเธอ

"เพิ่งรู้ว่าเจ้าชายภูวเนศก็เป็นคนหลงตัวเองกับเขาเหมือนกัน"

"หรือว่าไม่จริง ถ้าคุณไม่ห่วงผม คุณคงไม่ยอมตามมาถึงที่นี่"

"ที่ฉันมาเพราะไม่อยากให้คุณแต่งงานกับคนอื่นต่างหาก ถึงแม้จะเป็นแค่แต่งงานบังหน้าก็ตาม"

"โอเค...คุณไม่เป็นห่วงผม แต่คุณหึงผม" เขาสรุปด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม ทำเอาเธอเขินๆ ไม่กล้าสบสายตา

"จะเรียกว่าอะไรก็เรียกไปเถอะ ฉันไม่อยากเถียงให้เสียเวลา เถียงยังไงก็ไม่ชนะ เจ้าชายเอาแต่ใจ...ไปนอนดีกว่า" เธอ หันหลังจะเดินเข้าห้องนอน เขายังทำเนียนเดินตามหน้าตาเฉย แต่พอเธอหันมาถลึงตาใส่ เขาก็ไม่กล้าหือ ได้แต่อมยิ้มด้วยความเอ็นดู

ooooooo

เช้าวันนี้ เจ้าชายตัวปลอมแอบใส่ยาพิษในอาหารแล้วนำเข้าไปให้ท่านวาสุเทพด้วยตัวเอง แต่พอเข้ามาในห้องก็ต้องแปลกใจ เมื่อพบว่าวรุณกับองคมนตรีอีกคนอยู่ในห้องด้วย วาสุเทพจึงรวบรัดตัดบทและให้ทั้งสองคนออกไปก่อน

วาสุเทพไม่มีท่าทีสนใจอาหารที่ลูกชายยกมาให้เลยแม้แต่น้อย กลับแสดงสีหน้าหนักใจ ก่อนตัดสินใจเอ่ยปากว่า

"พ่ออยากรู้เรื่องการเปิดสัมปทานเหมืองเพชร ทำไมลูกถึงยอมให้ต่างชาติเข้ามาทำสัมปทานในประเทศของเรา"

"ผมทำเพื่อประเทศ และประชาชนของปารวัตร"

"เพื่อประเทศและประชาชน พ่อถามเราหน่อย การเปิดสัมปทาน นอกจากนักลงทุนที่เข้ามาตักตวงทรัพยากรธรรมชาติของเราแล้ว ประเทศและประชาชนของเราจะได้อะไร"

"ได้เงิน ได้ความมั่งคั่ง ถ้าเราเปิดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน เงินก็เข้ามาในประเทศอีกมากมาย ประชาชนของเราก็จะกินดีอยู่ดี ลูกยังไม่เห็นว่ามันจะไม่ดีตรงไหน"

"มันไม่ดีตรงที่ เงินที่เข้ามามันตกอยู่ในมือของคนเพียงกลุ่มเดียว คือกลุ่มนักธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์จากการลงทุน มันไม่ได้กระจายลงไปสู่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ นอกจากไม่มีประโยชน์แล้ว ยังเพิ่มความช่องว่างระหว่างประชาชน ให้เพิ่มมากขึ้น"

"แต่การเปิดสัมปทานทำให้รัฐบาลมีงบประมาณมาพัฒนาประเทศ เงินพวกนั้นมันก็ลงไปถึงประชาชนเอง"

"แล้วงบประมาณของรัฐที่เรามีอยู่ทุกวันนี้มันไม่เพียงพอยังไง เงินในคลังของเราก็ยังมี ถ้าเราแก้ปัญหาเรื่องคอรัปชันได้ ให้ประชาชนได้รับผลอย่างเต็มที่ เงินที่มีก็เรียกได้ว่าเหลือเฟือ แต่ถ้าเรายังแก้ปัญหาคอรัปชันไม่ได้ ต่อให้มีเงินเข้ามากกว่านี้อีกล้านเท่า  ประชาชนก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี

พ่อว่าลูกควรจะหยุด และคิดทบทวนดูให้ดีว่าสิ่งที่ลูกกำลังทำลูกทำเพื่อประเทศชาติ ประชาชน หรือลูกทำเพื่ออะไรกันแน่"

"ลูกจะทำเพื่ออะไร ไม่จำเป็นต้องรายงานท่านพ่อ ในเมื่อท่านพ่อมอบหมายให้ลูกดูแลเรื่องนี้ ก็ควรจะวางมือ และไม่เข้ามาแทรกแซงอย่างที่กำลังทำอยู่ตอนนี้"

วาสุเทพแทบไม่เชื่อหู มองภูวเนศที่ยืนอยู่ตรงหน้า ทั้งแปลกใจและผิดหวัง

"ภูวเนศ...ลูกรู้ตัวหรือเปล่าว่าลูกเปลี่ยนไปมาก"

"ไม่ใช่แค่ลูกที่เปลี่ยน แต่โลกนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าท่านพ่อเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้าง อาจจะทำให้ท่านพ่อเข้าใจลูก และเข้าใจโลกนี้มากขึ้น ท่านพ่อควรจะปล่อยวางเรื่องของบ้านเมือง และรักษาสุขภาพตัวเองจะดีกว่า"

ภูวเนศเลื่อนถาดอาหารมาให้ ก่อนจะก้มศีรษะและเดินออกไป แต่วาสุเทพมิได้ใส่ใจอาหารตรงหน้า มองตามลูกชายไป ในใจจุกแน่นด้วยความผิดหวังและกังวลอย่างรุนแรง

ooooooo

ปฐพี อัคนี วายุภัค เดินทางมาถึงปารวัตรโดยสวัสดิภาพ แต่แล้วปัญหาก็เกิดเมื่อสามหนุ่มไม่รู้จะไปทางไหนต่อ จะเริ่มตามหาทิพย์ธาราจากตรงไหนดี?

"ไอ้ปูเป็นมันเป็นเจ้าชายไม่ใช่เหรอ เราไปหาในวังเลยแล้วกัน" ปฐพีโพล่งขึ้น...วายุภัคตกใจสวนทันทีว่า

"เฮ้ย ไม่ได้ เพราะเจ้าชายตอนนี้มันเป็นตัวปลอม ขืนไปมันก็รู้หมดสิว่าไอ้ปู...เอ่อ...เจ้าชายตัวจริงยังไม่ตาย แล้วก็เข้ามาในประเทศนี้แล้ว ดีไม่ดีเราสามคนจะถูกฆ่าตายอยู่หน้าวัง ฐานรู้มาก"

"แล้วอย่างนี้เราจะไปที่ไหนดีวะ" อัคนีบ่นอย่างเซ็งๆ

ปฐพีคิดไปคิดมา แล้วก็ชวนอีกสองหนุ่มไปตั้งหลักหาโรงแรมพักกันก่อน แล้วค่อยออกตามหาทิพย์ธารา ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่จะพากลับเมืองไทยทันที

และแล้วโรงแรมที่สามหนุ่มเลือกพักก็เป็นที่เดียวกับทิพย์ธาราและภูวเนศอยู่ แต่สองฝ่ายคลาดกันไปมา ยังไม่ได้เจอกันจังๆ

เมื่อภูวเนศรู้จากวรุณว่าชาดุลเร่งเวลาที่จะเซ็นสัญญากับต่างชาติเรื่อง สัมปทานเหมืองเพชรภายในสามวันนี้ เขาจึงคิดจะยับยั้งโดยการเข้าวังไปพบท่านพ่อให้เร็วที่สุด และท่านพ่อจะได้รับทราบความจริงเรื่องเจ้าชายตัวปลอม ก่อนที่ท่านจะเป็นอันตรายมากไปกว่านี้

แล้วในตอนเย็นวันนี้เอง วรุณกับราจีฟก็มีข่าวมารายงานภูวเนศอีกครั้งว่า

"สายข่าวของเราที่แฝงตัวเข้าไปทำงานในกรมตำรวจแจ้งมาว่าซาเมียร์สั่งตั้งทีม ตำรวจเฉพาะกิจเพื่อตามหาพระองค์ตามรูปในพาสปอร์ตที่พระองค์ทรงปลอมตัว กระหม่อมคิดว่ามันอาจจะรู้เรื่องที่พระองค์เสด็จกลับ"

"ถ้าพวกนั้นรู้ว่าเราปลอมตัวเข้ามา พวกมันจะรู้เรื่องคุณน้ำหรือเปล่า"

"แน่นอน...ตอนนี้ซาเมียร์ให้ตำรวจออกตามหาพระองค์ และคุณทิพย์ธารา"

ภูวเนศหน้าเครียดขึ้นมาทันทีด้วยความเป็นห่วงทิพย์ธาราที่ออกไปข้างนอก โดยเธอทิ้งโน้ตบอกไว้ว่าจะออกไป โทรศัพท์กลับเมืองไทย

ไม่นานภูวเนศก็พรางตัวออกจากห้องไปตามหาทิพย์ธารา ขณะที่สามหนุ่มพี่ชายฝาแฝดของทิพย์ธาราก็เตรียมจะออกไปตระเวนตามหาน้องสาวเหมือนกัน

โชคดีภูวเนศไปเจอทิพย์ธาราที่ตู้โทรศัพท์ แล้วพาเธอกลับที่พักทันที พร้อมกันนี้ก็บอกให้เธอรู้ตัวว่าเรากำลังถูกคนของชาดุลสอดส่องตามหา ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรออกจากที่พัก

ฝ่ายสามแฝด หลังตระเวนไปเรื่อยตามตลาดและแหล่งชุมชนแล้วไม่พบเจอทิพย์ธารา ทั้งหมดพากันกลับห้องพักด้วยสภาพป้อแป้อ่อนแรง แล้วยังต้องมาโดนแม่ดุด่าซ้ำอีกตั้งนานสองนานจนสายโทรศัพท์แทบไหม้

ooooooo

เพียงเช้าวันรุ่งขึ้น  ราจีฟก็มาส่งข่าวแก่ภูวเนศอีกครั้งเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขาและทิพย์ธารา เพราะเวลานี้ชาดุลระแคะระคายว่าภูวเนศยังไม่ตายและน่าจะมาอยู่ในปารวัตรกับผู้หญิงไทยอีกคน ภูวเนศเป็นห่วงทิพย์ธารามาก จึงฝากฝังราจีฟช่วยหาที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัยให้ทิพย์ธาราเป็นการด่วน

"แล้วคุณล่ะคะ" ทิพย์ธาราถามสวนทันควัน

"ผมมีเรื่องต้องจัดการ เรียบร้อยแล้วจะรีบตามไปทันที"

"แต่ว่า..."

"คุณไม่ต้องห่วงผม ผมจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด และแผนการที่วางไว้จะต้องสำเร็จไปได้ด้วยดี"

ภูวเนศให้คำมั่น ทิพย์ธาราพยายามจะไม่คิดมาก ทั้งที่ในใจแสนจะเป็นห่วง...หลังจากติดต่อเรื่องสถานที่กันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่คนของราจีฟต้องพาทิพย์ธาราออกจากโรงแรม

"คนของราจีฟจะพาคุณไปที่เซฟเฮาส์ เป็นบ้านพักที่ปลอดภัย และอีกไม่นานผมจะรีบตามไป"

"ค่ะ ระวังตัวด้วยนะคะ"

ภูวเนศยิ้มรับและมองตามรถที่เคลื่อนออกไปจากหน้าโรงแรม จังหวะนี้เองสามแฝดสวนกลับเข้ามา ภูวเนศมองไปเห็นพวกเขา ถึงกับตะลึงด้วยความแปลกใจ

"นั่นมัน..." แล้วภูวเนศก็หันขวับหลบไปอีกทาง ทำเอาราจีฟเพ่งมองไปยังสามหนุ่มด้วยความสงสัย

ooooooo

ธาราหิมาลัย

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด