ตอนที่ 2
ที่ประเทศปารวัตร...
กษัตริย์วาสุเทพมิได้ทรงแปลกพระทัยเลยแม้แต่น้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของ เจ้าชายภูวเนศหลังเสด็จกลับมาจากประเทศไทย มีเพียงวรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่เป็นสหายกับเจ้าชายรับรู้ได้ถึงความผิด ปกติ เพราะเจ้าชายไม่เคยแสดงความเป็นมิตรกับชาดุล นายกรัฐมนตรี และซาเมียร์ ผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างออกนอกหน้าขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่าสองคนนี้จะเสนองานใดๆ เจ้าชายก็ไม่มีข้อโต้แย้ง แถมยังเห็นด้วยไปเสียหมดทุกเรื่อง...
ส่วนที่ประเทศไทย...เจ้าชายภูวเนศตัวจริงยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ปากช่อง เวลานี้เขาจำตัวเองได้แล้ว แต่ยังจำเหตุการณ์ในวันที่ถูกสังหารไม่ได้แน่ชัด ส่วนราจีฟที่เป็นคนลงมือเพราะถูกบีบบังคับจากซาเมียร์ เขาตามมาที่โรงพยาบาล และรู้ว่าภูวเนศยังมีชีวิตอยู่ แต่เขายังไม่กล้าแสดงตัว ได้แต่ฝากกระดาษโน้ตข้อความเตือนให้ระวังตัว อันตรายรอบด้าน ให้ กบดาน และรอติดต่อกลับไป...ผ่านเด็กคนหนึ่งมาให้ภูวเนศอ่านข้อความเหล่านั้นแล้ว ตกใจ และสงสัยว่าใครกันเป็นคนส่งมา ครั้นจะเรียกเด็กคนนั้นมาถามก็ไม่ทันเสียแล้ว และตัวเองก็ยังเดินไม่ได้ หมดปัญญาที่จะตามออกไป ส่วนเด็กรีบกลับออกมารับเงินค่าจ้างจากราจีฟ ก่อนที่ราจีฟจะขึ้นรถที่จอดรออยู่แล้วมุ่งหน้าไปยังสนามบิน
บ่ายนี้เอง ณภัทรนำเครื่องสำอางที่วายุภัคฝากซื้อจากเกาหลีมาส่งต่อให้ทิพย์ธาราเป็นคน เอาไปให้ ทิพย์ธาราแปลกใจอย่างมากที่อยู่ๆพี่ชายของเธอก็อุตริจะใช้ของแบบนี้ ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะกลัวแดดกลัวดำ คิดไปคิดมามันน่าจะมีอะไรมากกว่าห่วงหล่อ แล้วก็น่าจะเกี่ยวกับเรื่องความรักของเธอด้วย ซึ่งพี่ๆทั้งสามน่าจะกำลังวางแผนอะไรกันอยู่
พอตกเย็นกลับไปถึงบ้านพร้อมเครื่องสำอาง เธอจึงไปคาดคั้นเอากับนที ลูกน้องคนสนิทของปฐพี แต่ก็ไม่ได้ความอะไร นทีปฏิเสธลูกเดียว...แต่แล้วหลักฐานภาพถ่ายของเธอกับณภัทร พร้อมประวัติณภัทรอย่างละเอียดที่เจอในห้องทำงานของปฐพีก็ทำให้เธอมั่นใจ ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าความหวงและห่วงน้องสาวเกินมาตรฐานสากลกำลังก่อตัวขึ้นอีก แล้ว
ค่ำนั้นเอง อัคนีและวายุภัครุกเร่งให้ปฐพีไปจัดการกับณภัทร เพราะถึงคิวเขาแล้วตามที่ตกลงกันไว้ แต่ปฐพีทำยึกยักจะบ่ายเบี่ยง อ้างว่าช่วงนี้งานยุ่ง แท้จริงแล้วไม่อยากยุ่งกับเกย์ต่างหาก ทิพย์ธาราเข้ามาได้ยินพี่ๆพูดถึงเกย์ กลัวน้องสาวจะต้องแต่งงานกับเกย์...คำถามว่าใครเป็นเกย์จึงโพล่งออกจากปาก ของเธอทันที
"ก็...ทั่วๆไปน่ะ เราคุยกันว่า ผู้ชายสมัยนี้เป็นกันเยอะจนแยกไม่ออกว่าใครเป็น ใครไม่เป็น"
"ใช่ โดยเฉพาะพวกที่เป็นแต่แอบๆ เก็บๆ แล้วมาหลอกแต่งงานกับผู้หญิงเพื่อบังหน้า ไอ้พวกเนี้ย น่ากลัวที่สุด"
"ชายสมัยนี้ไว้ใจยาก เห็นขาวๆ สะอาดๆ ติ๋มๆ หงิมๆ ก็ใช่ว่าจะดี ถ้าพี่เป็นผู้หญิงชาตินี้ขออยู่เป็นโสดดีกว่า"
ว่าแล้วทั้งสามคนก็พยักหน้าเออออไปด้วยกัน ทิพย์ธารากวาดตามองทุกคนคนอย่างรู้ทัน แล้วก็กอดอกพูดเสียงดัง ฟังชัด
"น้ำไม่คิดแบบนั้น น้ำเชื่อว่าบนโลกนี้ยังมีผู้ชายดีๆ และน้ำก็พยายามค้นหาผู้ชายของตัวเอง และตอนนี้น้ำก็เจอแล้ว ไม่ต้องบอกทุกคนก็คงรู้ว่าน้ำหมายถึงใคร ต่อไปนี้ไม่ใช่การขอร้อง แต่เป็นข้อตกลง น้ำจะให้โอกาสพี่ณัฐในการศึกษานิสัยใจคอกัน ถ้าเราเข้ากันไม่ได้น้ำจะไม่ฝืน แต่ถ้าเข้ากันได้ดี ทุกคนก็ต้องยอมรับ"
"พี่ก็ไม่เคยบอกว่าไม่ยอมรับ ถ้าผู้ชายคนนั้นมันดีจริง แต่ไอ้นี่มัน..."
"คนที่จะบอกได้ว่าพี่ณัฐดีหรือไม่คือน้ำ เพราะน้ำคือ คนที่จะต้องอยู่กับเขา ไม่ใช่ไฟ เพราะฉะนั้นน้ำขอเวลาสามเดือนในการทำความรู้จักกันโดยไม่มีใครมาขัดขวางหรือ วางแผนจับผิด"
สามหนุ่มมองหน้ากันอย่างไม่ยอมรับ...แต่แล้วปฐพีก็โพล่งขึ้นมาจนสองหนุ่มที่เหลือเหวอๆกันไป
"ได้...สามเดือนก็สามเดือน ครบกำหนดแล้วค่อยมาคุยกันอีกที"
"ดี เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ หวังว่าคงไม่มีใครไปเฝ้าหรือสะกดรอยตามเวลาน้ำไปไหนมาไหนกับพี่ณัฐ ตกลงตามนี้ ขอบคุณมาก...อ้อ แล้วนี่ของลม พี่ณัฐฝากมาให้ ถ้าลมฝากซื้อเพราะมีแผนประหลาดๆอยู่ในใจ ก็ขอให้หยุด และทำตามข้อตกลงของเรานับตั้งแต่วันนี้"
ทิพย์ธาราวางถุงเครื่องสำอางไว้บนโต๊ะแล้วกลับออกไปทันที สามหนุ่มได้แต่มองหน้ากันอึ้งๆ แล้วอัคนีกับวายุภัคก็หันมาทางปฐพี อยากรู้ว่าที่พูดตกลงกับน้องเมื่อกี๊ เขาไม่ได้คิดจะทำตามนั้นจริงๆใช่ไหม?
ooooooo
ด้านเพื่อนซี้อย่างปรียานุช พอรุ่งขึ้นทิพย์ธารามาเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ปรียานุชก็ฟันธงได้ทันทีว่า
"ชัวร์ ฉันเอาหัวเข่าเป็นประกัน ถ้าฉันทายผิดขอให้ เข่าเสื่อมไปตลอดชีวิต พวกพี่ๆแกไม่มีทางทำตามที่พูดไว้ เป็นอันขาด"
"แต่อย่างน้อยพวกเขาจะได้รู้ว่าฉันเอาจริง ไม่งั้นชอบแอบทำอะไรลับหลัง แล้วก็พังทุกที กี่รายๆไม่เคยเกินเดือน นี่ถึงขนาดให้นทีมาสืบเรื่องพี่ณัฐ ฉันว่าต้องแอบวางแผนอะไรกันแน่ๆ"
"เออ...ว่าแต่แกแน่ใจเหรอว่าคุณหมอโนบิตะเขาจะเป็นคนที่ใช่จริงๆ"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนที่ใช่มันเป็นยังไง ที่ผ่านมาก็เจอแต่คนที่ไม่ใช่จนฉันขี้เกียจหาแล้ว...เลือกคนที่พอเหมาะกับ เรา มีอะไรๆที่มันเสมอๆกัน อยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็คงจะใช่เองมั้ง"
"เฮ้ย แล้วถ้าเกิดแกตกลงปลงใจกับคนที่เสมอๆกันกับแก แล้วจู่ๆแกดันมาเจอไอ้คนที่แกรู้สึกว่าเขาใช่ แกจะทำยังไงวะ"
"ไม่รู้สิ แต่ฉันว่าคนที่ใช่สำหรับฉันมันคงไม่มีหรอก" ทิพย์ธาราตอบซื่อๆ แอบปลงนิดๆ เพราะตั้งแต่เกิดจนโตเป็นสาวยังไม่เคยเจอแม้แต่สักครั้งเดียว...
แยกจากเพื่อนซี้มาแล้ว คุณหมอทิพย์ธาราก็แวะมาดูคนไข้นิรนามที่กำลังกินอาหารอย่างตั้งใจ จนหมดคำสุดท้ายเธอก็ปรบมือชื่นชมเขาว่าเก่งมาก
"ผมทำตามที่คุณบอก ทานอาหารให้หมด ทานยาตามที่คุณสั่ง ผมอยากหายเร็วๆ"
"พูดง่ายๆ เข้าใจง่ายๆแบบนี้น่ารักกว่าตอนอาละวาดเยอะเลย"
"ตอนนั้น...ผมดูแย่มากเลยเหรอ"
"ไม่ถึงกับแย่ แต่ไม่น่ารัก แต่ตอนนี้เริ่มน่ารักแล้ว ให้ทำอะไรก็ทำ แถมยังทานเก่งอีกต่างหาก"
ภูวเนศรู้สึกเขินขึ้นมานิดๆอย่างไม่มีเหตุผล...ทิพย์ธาราเหลือบมาเห็นพอดี สะดุดตากับท่าทีที่ไม่เคยเห็น
"แค่หมอชมนิดๆหน่อยๆ ไม่ต้องเขินหรอกน่า คุณทำตามที่หมอบอกมันก็ดีกับร่างกายของคุณเอง และอีกไม่นานสมองคุณก็จะกลับมาทำงานตามปกติ เดี๋ยวหมอจะเพิ่มยาบำรุงให้ ร่างกายคุณจะได้ฟื้นไวๆ"
พูดจบ คุณหมอจะกลับออกไป แต่ถูกคนไข้เรียกเอาไว้ คนไข้อยากรู้ชื่อของคุณหมอ
"หมอน้ำค่ะ" เธอตอบยิ้มๆ
"เอ่อ คุณหมอน้ำ เมื่อไหร่ผมจะลุกเดินหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ"
"มันขึ้นอยู่กับความพยายามของคุณ ตอนนี้กล้ามเนื้อของคุณยังไม่มีแรงเพราะผลของการผ่าตัด และคุณนอนอยู่ บนเตียงมานาน คุณจะต้องเริ่มทำกายภาพบำบัดตามขั้นตอน เพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ ถ้าคุณมีความพยายามมาก คุณก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้เร็ว"
"ผมไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ คุณหมอจะให้ผมทำอะไร บอกมาได้เลย"
ภูวเนศมองทิพย์ธาราด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยพลัง เป็นแววตาที่มีอำนาจอย่างประหลาด จนทิพย์ธาราแอบชะงัก...
นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ทิพย์ธาราก็ดูแลเอาใจใส่คนไข้ นิรนามให้ทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง แล้ววันหนึ่งเธอตั้งชื่อแสนแปลกให้เขาว่า "ปูเป็น"
ระหว่างที่ทิพย์ธาราดูแลนายปูเป็น เธอพัฒนาความสัมพันธ์กับณภัทรอย่างลุ่มๆดอนๆ เพราะสามพี่ชายยังสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำตัวเป็นกำแพงเบอร์ลินไม่ให้ณภัทร มีโอกาสอยู่กับทิพย์ธาราสองต่อสอง แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่า ยิ่งเขากีดกันณภัทรมากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์ระหว่างทิพย์ธารากับคนไข้หนุ่มก็ยิ่งทวีความแนบแน่นมากขึ้น เท่านั้น
ทิพย์ธาราดูแลนายปูเป็นอย่างใกล้ชิด ทั้งสองค่อยๆพัฒนาความสนิทสนมและความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ภูวเนศรู้เรื่องของทิพย์ธารามากขึ้นจากความช่างเม้าท์ของปรียานุช เขาสงสารทิพย์ธาราอยู่ลึกๆที่ต้องมีพี่ชายจอมจุ้นถึงสามคน โดยไม่รู้ว่าตัวเองตกหลุมรักน้ำเสียงที่อ่อนหวาน และความเอาใจใส่ ของคุณหมอสาวแสนสวยเข้าอย่างจัง เป็นความรู้สึกที่แสนแปลกประหลาดสำหรับเจ้าชายทระนงผู้ไม่เคยก้มหัวให้ผู้หญิงคนไหน
ในขณะที่ทิพย์ธาราก็แอบสงสัยในความฉลาดเกินคนปกติของนายปูเป็น จนบางครั้งแอบคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะเป็นเจ้าชายจริงๆ แต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเจ้าชายตัวจริงเพิ่งเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่ากลับประเทศปารวัตรไปแล้ว
ooooooo
วันหนึ่ง ณภัทรมีโอกาสได้พบกับปฐพีด้วยความบังเอิญ พอรู้ว่าเขาเป็นคนดูแลกิจการรีสอร์ต ณภัทรยิ่งยินดีที่ได้รู้จัก เพราะเขากำลังมีความคิดว่าจะพาพ่อแม่ของเขามาเที่ยวและทำความรู้จักกับ ครอบครัวของทิพย์ธารา
ปฐพีรู้สึกไม่ชอบใจ นำความกลับมาบอกวายุภัคและอัคนีต่อหน้าพ่อกับแม่ โดยทิพย์ธาราก็อยู่ด้วย มนตรีผู้พ่อเห็นดีที่ณภัทรเข้าตามตรอก ออกตามประตู มากันทั้งครอบครัวแบบนี้จะได้รู้จักกันซะเลยทีเดียว...แต่อัคนีท้วงแกมประชด ว่า
"ทำยังกะจะมาดูตัว นี่ตกลงปลงใจจะยกลูกสาวให้เขาเลยหรือไง"
ทิพย์ธารารีบสะกิดพ่อกับแม่ พร้อมกับบุ้ยใบ้ให้จัดการพี่ๆด่วน ในขณะที่ปฐพีก็รีบสะกิดให้อัคนีนิ่งลง
"นี่...เราสามคนไม่ต้องมาพูดมาก เราบอกให้น้องลองดูใจกับเขา เราจะไม่เข้าไปยุ่ง แล้วนี่อะไร สะกดรอยตามเขาไปทุกที่แบบนี้ ไม่รักษาคำพูด ไม่ใช่นิสัยลูกผู้ชายเลยนะ"
"โห...ฟ้องกระจาย" วายุภัคโอดครวญ ทิพย์ธาราเชิดใส่ ไม่สน รีบเกาะแขนแม่เป็นแนวร่วม
"โอเคครับ เอาเป็นว่าพวกผมขอโทษที่ผิดข้อตกลง เราขอแก้ตัววันที่ไอ้...เอ่อ...คุณหมอนั่นมันจะมาเที่ยวที่บ้านเรา พวกผมสามคนจะดูแลเขาอย่างดี"
อัคนีกับวายุภัคมองหน้าปฐพีงงๆ ปฐพีรีบสะกิดให้ เออออ ทั้งสองคนเลยหันมาแล้วก็พยักหน้าพร้อมเพรียงกัน ยืนยันว่าจะดูแลเขาอย่างดี
"ดี พวกเรารับปากแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องมีปัญหา เพราะพ่อเองก็อยากรู้จักผู้ชายที่มาจีบน้ำว่าจะหน้าตาท่าทางเป็นยังไง ก่อนหน้านี้ไม่ได้เจอสักคน พวกเราเล่นตีซะแตกกระเจิงกลับไปก่อนเจอพ่อแม่ทุกที ตอนนี้น้ำก็โตแล้ว ถ้ามีผู้ชายดีๆสักคนที่เขาจริงใจกับน้ำจริงๆ พ่อก็จะไม่ห้าม"
"ถ้าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันดีจริง..."
"เราสามคนก็ไม่ห้ามเหมือนกัน"
"แต่ที่ผ่านมา...ไม่เห็นจะมีใครดีจริงสักคน"
"ดู...ดูมันพูด เฮ้อ ฉันล่ะเหนื่อยจะเถียงกับพวกแกจริงๆ"
มนตรีถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกับลูกชายทั้งสามคนที่ตั้งหน้าตั้งตาหวงห่วงน้องสาวอย่างไร้เหตุผล
ooooooo
ภูวเนศหน้าตาเกือบจะกลับเป็นปกติ แผลบวมไม่เหลือแล้ว แผลเป็นก็ตกสะเก็ดลอกออกเกือบหมด หน้าตาดูละม้ายคนเดิม แต่มีหนวดเคราและผมที่สั้นกว่า...
วันนี้เขาต้องไปทำกายภาพบำบัดในน้ำ หรือที่เรียกว่าวารีบำบัด โดยคุณหมอน้ำคอยดูแลอย่างใกล้ชิด พอเขาหย่อนตัวลงสระน้ำ คุณหมอกลับนั่งหน้าแดง แทบไม่กล้ามองเพราะเขาดูเซ็กซี่เหลือเกิน
"คุณหมอคิดอะไรอยู่" เสียงเขาถามขึ้นมา
"คือ...หมอคิดว่า ตอนนี้ร่างกายคุณก็ดูเหมือนจะแข็งแรงดี เกือบจะปกติ คุณเริ่มจำอะไรขึ้นมาได้บ้างหรือยัง เช่น บ้านคุณอยู่ที่ไหน ตกลงคุณเป็นคนประเทศอะไรกันแน่"
"ผมยังจำอะไรได้ไม่ค่อยมาก แต่เท่าที่รู้บ้านผมไม่ได้ อยู่ประเทศปารวัตร และผมก็ยังไม่รู้ว่าผมมาจากไหน" ภูวเนศจำเป็นต้องโกหกเพื่อความปลอดภัยของตนเอง แต่นั่นยิ่งทำ ให้คุณหมอรู้สึกสงสารเขามากขึ้น
ขณะนั้น ณภัทรกำลังตามหาหมอน้ำ พอรู้จากปรียานุช ว่าพานายปูเป็นไปทำกายภาพ ทั้งคู่จึงพากันไปที่สระน้ำ แล้วไปเห็นเธอกำลังอยู่ในอ้อมแขนเปลือยเปล่าของนายปูเป็นในสระ หลังจากลื่นเสียหลักตกลงไป ณภัทรรู้สึกหวงหมอน้ำรีบเข้าไปช่วยเหลือ ขณะที่ปรียานุชเริ่มจับสังเกตว่านายปูเป็นท่าจะชอบเพื่อนของเธอเข้าแล้ว
เมื่อทิพย์ธาราหรือหมอน้ำอธิบายกับณภัทรว่าเธอเดินซุ่มซ่ามลื่นตกลงไปในสระ เอง ณภัทรเลยไม่ติดใจ แต่ปรียานุชยังคงมาซักไซ้อย่างรู้แกวนายปูเป็นถึงห้องคนไข้ พลางก็เกิดรู้สึกคุ้นหน้านายคนนี้ซะจริง แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน
ooooooo
ที่ประเทศปารวัตร...เจ้าชายภูวเนศตัวปลอมแอบเอายาบางอย่างใส่ในอาหารให้ กษัตริย์วาสุเทพเสวย บ่อยครั้งเข้าพระองค์ก็มีอาการอ่อนเพลีย ร่างกายอ่อนแอเดินเหินแทบไม่ได้ เอาแต่นอนไร้เรี่ยวแรงจนวันนี้ทรงเข้าประชุมไม่ได้ ภูวเนศจึงนั่งเป็นประมุขในที่ประชุม โดยมีชาดุล ซาเมียร์กับคณะรัฐมนตรีอีกสามคนพร้อมหน้า รวมทั้งวรุณและราจีฟด้วย
แล้วชาดุลในฐานะนายกรัฐมนตรีก็เปิดประเด็นซึ่งเป็นหัวข้อประชุมในวันนี้ขึ้นมาว่า
"หลายท่านคงทราบแล้วว่าขณะนี้มีชาวต่างชาติติดต่อขอเข้ามาทำสัมปทานที่ เหมืองเพชรทางตอนเหนือของประเทศปารวัตร เราเห็นว่าข้อเสนอที่เขาเสนอมามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก และมันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศเราอย่างมหาศาล"
วรุณชะงัก แอบปรายตามาทางราจีฟที่ยังนิ่งไม่ยอมสบตา พอเขาหันไปทางภูวเนศก็ไม่สบตาอีกเช่นกัน ทำให้เขาเริ่มร้อนใจ จนเมื่อมีรัฐมนตรีสองท่านเอ่ยขึ้นมา วรุณก็ค่อยเบาใจ
"แต่องค์เหนือหัวทรงคัดค้านการทำเหมืองของต่างชาติ"
"ใช่ คนพวกนั้นจะเข้ามาเพื่อตักตวงจากประเทศเราแล้วก็กลับไป"
"นั่นมันเป็นความคิดแบบเก่า" ชาดุลแย้งทันควัน...วรุณชะงักกึก เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ แต่ภูวเนศกลับนิ่งเฉยไม่รู้สึกอะไร "ข้อเสนอใหม่ที่เราได้ เราจะสามารถควบคุมการทำเหมืองได้อย่างเต็มที่ และชาวต่างชาติจะไม่มีสิทธิ์มากไปกว่าเรา...ชาวปารวัตร"
"แต่องค์เหนือหัวทรงมอบอำนาจให้เจ้าชายเป็นผู้ ตัดสินใจพระทัยในเรื่องนี้ เจ้าชายทรงมีความเห็นเช่นไร"
"เราเห็นด้วยกับท่านชาดุล ตอนนี้โลกของเราเปลี่ยนไปมาก ความเห็นของเสด็จพ่อถูกต้องในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ตอนนี้ เราต้องปรับเปลี่ยนเพื่อรับมือกับโลกภายนอกที่กำลังเข้ามาในประเทศ เราเห็นด้วยที่จะเปิดประเทศเพื่อให้ปารวัตรเป็นที่รู้จักของคนภายนอก โดยเฉพาะนักลงทุนจากต่างชาติที่พร้อมจะเข้ามาลงทุนในประเทศของเรา ถ้าเราทำให้คนเหล่านั้นนำเงินเข้ามาในประเทศเราได้มากเท่าไหร่ นั่นหมายถึงความกินดีอยู่ดีและความสุขของประชาชนจะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย... ให้ทางต่างประเทศยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการสัมปทานเหมืองเพชรมาให้เราดูโดย ด่วน เสด็จพ่อให้เราดูแลเรื่องนี้แล้ว ถ้าเราเห็นชอบ ก็พร้อมเปิดทำการได้เลย"
ยิ่งฟัง วรุณก็ยิ่งแปลกใจกับความคิดที่เปลี่ยนไปของเจ้าชายภูวเนศ...เมื่อออกจากที่ ประชุม วรุณรีบเดินตามราจีฟ ถามเขาว่าหายไปไหนมา ทำไมตนติดต่อไม่ได้เลย
"ตอนนี้เรายังตอบอะไรท่านไม่ได้ เอาไว้ถ้าเราพร้อมเมื่อไหร่เราจะรีบติดต่อไปทันที แยกย้ายกันไปก่อน เรากำลังถูกจับตามองอยู่" พูดจบราจีฟก็เดินหนีไปทันที วรุณมองซ้ายมองขวาอย่างระวัง
ที่มุมหนึ่งของตึก ชาดุลกับซาเมียร์ยืนมองมา แล้วชาดุลก็สั่งการซาเมียร์ว่า
"ติดต่อกับสหรัฐอเมริกาและจีนให้รีบส่งสัญญาฉบับสมบูรณ์มาด่วน ทางเราพร้อมเซ็นทันที"
"ครับ" ซาเมียร์รับคำแล้วผละไป...ดวงตาชาดุลยังจับจ้องไปที่วรุณ แล้วพึมพำออกมาอย่างมาดหมาย...ร้ายกาจ
"ประเทศปารวัตรจะต้องเป็นของข้าคนเดียวเท่านั้น ไม่มีใครหน้าไหนมาขัดขวางเราได้"
แล้ววันเดียวกันนี้ ภูวเนศที่ประเทศไทยก็ได้รับกระดาษข้อความจากใครบางคนที่แอบเอาเข้ามาวางไว้ที่หมอนบนเตียงคนไข้
"องค์เหนือหัวยังทรงปลอดภัย รักษาตัวให้ดี รู้ที่อยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง จะติดต่อมาเมื่อทุกอย่างพร้อม"
ข้อความเหล่านี้ทำให้ภูวเนศทั้งสงสัย และโล่งใจที่อย่างน้อยพ่อยังปลอดภัย...แต่ตัวเขาเองคงต้องรีบคิดอ่านว่าจะทำอย่างไรกับอนาคตต่อไป
ooooooo










