ตอนที่ 10
ชาดุลสีหน้าเคร่งเครียด ขณะรับฟังรายงานความเคลื่อนไหวจากซาเมียร์
"วันนี้มีรายงานว่ามีชายสามคนเดินทางเข้าประเทศปารวัตรมาเมื่อวาน พวกเขาเป็นคนไทย และเป็นเจ้าของไร่ที่ผู้ต้องสงสัยเข้าไปซ่อนตัว คนของผมยืนยันว่าหนึ่งในสามคนนี้คือเจ้าของรีสอร์ต และเป็นคนบอกว่าผู้ต้องสงสัยออกจากไร่ไปแล้ว"
"พวกมันมาที่นี่ทำไม"
"ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ตอนนี้กำลังเร่งให้ตรวจสอบอยู่"
"สามคนนี้...เป็นพี่น้องกับผู้หญิงที่ดูแลผู้ต้องสงสัยที่บอกว่าความจำเสื่อมหรือเปล่า"
"ใช่ครับ ผมให้ตรวจสอบนามสกุลแล้ว เป็นนามสกุลเดียวกัน ทั้งสี่คนเป็นพี่น้องฝาแฝด แฝดสี่ครับ"
ชาดุลสังหรณ์ใจอย่างแรง สั่งการเฉียบขาด
"ส่งคนสะกดรอยตามทั้งสามคน และส่งรูปน้องสาวของพวกมันไปให้เจ้าหน้าที่สนามบินตรวจสอบว่าในช่วงสองสาม วันที่ผ่านมา มีคนหน้าตาหรือลักษณะคล้ายกับผู้หญิงคนนี้เข้ามาในประเทศหรือเปล่า และมากับใคร"
"ครับผม" ซาเมียร์รับคำและหันกลับออกไปแล้ว แต่ชาดุลยังคงนั่งเครียด คิดหนัก
ooooooo
ที่โรงแรม...วายุภัคล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยอ่อน หลังพากันตระเวนออกไปตามหาทิพย์ธาราแล้วไม่พบ
"เฮ้อ เมื่อยขา นี่ถ้าฉันเดินต่อไปอีกสักชั่วโมง ขาฉันต้องหลุดแน่ๆ"
"แกไม่มีสิทธิ์บ่นนะไอ้ลม เพราะที่เราทุกคนต้องมาตกระกำลำบากก็เพราะแกรู้เห็นเป็นใจยุให้ยัยน้ำหนีตามผู้ชายมาที่นี่" อัคนีว่าให้
"เออ ซ้ำเติมกันอยู่ได้ ไม่บ่นก็ได้วะ"
"ฉันว่าเราเดินหาแบบนี้ไม่เวิร์กว่ะ เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เดินจนตาย ถ้ามันไม่บังเอิญสุดๆ ฉันว่าไม่น่าจะเจอ"
"ถ้าไม่สุ่มเดินแบบนี้ แล้วแกคิดว่าจะมีวิธีอื่นเหรอ"
ปฐพีตอบไม่ได้ เงียบเสียงลงทันที...ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น สามหนุ่มมองหน้ากันไปมาอย่างแปลกใจ แล้วปฐพีก็นำหน้าไปที่ประตู พอเปิดออกก็พบเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนจังก้า
"เราขอเชิญพวกคุณไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจ เพราะพวกคุณเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดก่อการกบฏ"
"กบฏ!!" สามหนุ่มอุทานหน้าตาตื่น เหวอสุดชีวิต...
ที่แท้ก็เป็นคำสั่งของภูวเนศนั่นเอง ที่ให้ราจีฟดำเนินการดูแลพี่ชายทั้งสามคนของทิพย์ธาราเป็นอย่างดี
ooooooo
ด้านทิพย์ธาราที่ถูกส่งตัวไปยังเซฟเฮาส์ ยามว่างและต้องอยู่คนเดียวแบบนี้ ทิพย์ธารานึกถึงปรียานุชเพื่อนรัก และพี่หมอณัฐคนดี จึงสื่อสารไปหาทางอีเมล์...ทั้งคู่ได้รับพร้อมๆกัน ต่างก็ดีใจที่รู้ว่าทิพย์ธาราปลอดภัย แล้วรีบนำความไปบอกสุพรรษากับมนตรี เพราะเข้าใจดีว่าท่านทั้งสองเป็นห่วงทิพย์ธารามากแค่ไหน
"ตอนนี้น้ำปลอดภัยดีค่ะ เจ้าชายภูวเนศก็ทรงปลอดภัย สบายดีทั้งสองคน"
"แล้วน้ำเจอกับดิน ไฟ ลม หรือยัง"
"เท่าที่ผมอ่านจากเมล์ ผมคิดว่ายังไม่เจอนะครับ เพราะน้องน้ำไม่ได้พูดถึงเลย"
"แป๋มว่ามันก็ยากเหมือนกันนะคะที่จะเจอกัน ยัยน้ำต้องเก็บตัวเพื่อความปลอดภัย ขนาดกับเจ้าชายยังไม่ค่อยได้เจอกันเลย กับสามคนนั้นน่าจะยิ่งยากกว่าอีก"
"โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ เพราะกลัวจะมีการดักฟัง น้ำก็เลยปิดเครื่องไว้ไม่กล้าโทร.กลับมา"
สุพรรษาเริ่มร้อนใจมากขึ้น มนตรีคิดตาม แล้วเสนอขึ้นว่า
"งั้นก็เอางี้สิ หมอณัฐกับแป๋มก็ตอบอีเมล์ไปบอกยัยน้ำว่าไอ้สามคนนั้นมันไปหาที่ปารวัตร ยัยน้ำจะได้รู้ว่าพี่ๆกำลังตามไปช่วย จะได้เบาใจ"
"ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบบอกน้ำเลย"
"แล้วคุณคิดว่า ไอ้สามแฝดมันจะมีปัญญาไปช่วยยัยน้ำได้เหรอ" สุพรรษาท้วงติงอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
"ได้สิคุณ ลูกเราไม่ธรรมดา แล้วไปกันตั้งสามคนมันต้องช่วยน้องมันได้สิ ช่วยไม่ได้เสียชาติเกิดหมด"
มนตรีท่าทีมั่นใจสุดๆ สุพรรษาเลยไม่พูดอะไรอีก ได้แต่พยักหน้าไปอย่างแกนๆ
ooooooo
ปฐพี อัคนี วายุภัค ถูกคนของราจีฟควบคุมตัวไปไว้ที่อาคารเก่าหลังหนึ่งซึ่งสงบเงียบและปลอดภัย พอถึงเวลาอาหารก็มีคนนำมาส่งให้ถึงห้อง ต้องการอะไรก็ร้องขอได้ แต่ถึงแม้จะอยู่สุขสบายเพียงใด สามหนุ่มก็ยังข้องใจไม่หายว่าทำไมพวกตนกลายเป็นกบฏไปได้ แล้วกบฏบ้านนี้เมืองนี้เขาอยู่กันอย่างสุขสบายแบบนี้เลยหรือ?
เช้าวันรุ่งขึ้น เจ้าชายตัวปลอมนำอาหารผสมยาพิษเข้าไปให้ท่านวาสุเทพอีกครั้ง หลังพยายามมาสองสามวันแล้วไม่สำเร็จ แต่ท่านวาสุเทพก็บอกปัดเหมือนเดิมว่า
"พ่อกินไม่ลง"
"แต่ท่านพ่อต้องเสวย เพื่อสุขภาพของท่านเอง"
"ภูวเนศ...ลูกไม่คิดจะทบทวนเรื่องการเปิดสัมปทานเหมืองเพชรจริงๆเหรอลูก"
"ท่านพ่อไม่ควรจะเก็บเรื่องนั้นมาคิดอีก เพราะลูกตัดสินใจไปแล้ว สิ่งที่ท่านพ่อควรทำในตอนนี้คือดูแลตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องการบริหารบ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องเหมือง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกเอง"
ภูวเนศจ้องเขม็งด้วยแววตาแข็งกระด้างและโอหัง วาสุเทพเห็นแล้วรู้สึกหวาดหวั่นใจ และรู้สึกราวกับว่าคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ลูกของตัวเอง
"วันนี้ลูกจะไปที่เหมือง เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของสถานที่การเซ็นสัญญา วันพรุ่งนี้จะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด ทันทีที่เราขายสัมปทานให้ต่างชาติ ทั่วโลกจะต้องรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศปารวัตร"
ภูวเนศยิ้มลำพอง ก่อนจะหันหลังไปเปิดประตูเดินออกไป...วาสุเทพรู้สึกห่อเหี่ยวในหัวใจ ถอนใจเบาๆอย่างสิ้นหวัง
หลังจากเจ้าชายตัวปลอมกลับออกไปได้สักครู่ เจ้าชายตัวจริงก็ปรากฏกาย ด้วยความร่วมมือของวรุณที่เปิดทางให้เข้ามาอย่างระมัดระวังที่สุด
"พ่อกำลังจะกินแล้ว ไม่ต้องห่วง" เสียงวาสุเทพดังขึ้นเนือยๆ ไม่แม้แต่จะมองหน้าลูกชายที่ก้าวเข้ามา
"อย่าเสวยนะท่านพ่อ ในอาหารมียาพิษ"
มือที่จับช้อนชะงักกึก แล้วปล่อยวางมันลงทันที พร้อมๆกับเงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ถัดไปเป็นวรุณ ที่ค่อยๆขยับเข้ามาเก็บถาดอาหารออกไปอย่างรู้หน้าที่ ปล่อยให้พ่อลูกได้อยู่กันตามลำพัง
"ลูกต้องขอโทษท่านพ่อที่ไม่ได้อยู่ดูแลในยามที่ท่านมีภัย"
วาสุเทพขยับตัวมองภูวเนศที่คุกเข่าตรงหน้า...แววตาเต็มไปด้วยคำถาม
"ลูกหมายความว่ายังไง"
"ฝ่ายกบฏวางแผนสังหารลูกระหว่างที่อยู่ประเทศไทย แต่โชคดีที่ลูกรอดมาได้ ระหว่างที่พักรักษาตัว พวกมันส่งเจ้าชายตัวปลอมมาสวมรอยแทนลูก"
"เจ้าชายตัวปลอม แล้วคนที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้"
"พวกมันส่งคนที่หน้าคล้ายลูกไปผ่าตัดทำศัลยกรรมและเปลี่ยนตัวหลังจากที่ สังหารลูกแล้ว แต่โชคดีที่มีคนไทยช่วยชีวิตลูกไว้ และช่วยให้ลูกได้กลับมาปารวัตรอีกครั้ง เรื่องนี้มีเพียงวรุณ ราจีฟ และข้าราชบริพารที่จงรักภักดีบางคนที่รู้
ความจริง หากท่านพ่อสงสัย เรียกพวกเขามาถามได้ ที่ลูกเร่งกลับมาปารวัตรในครั้งนี้ เพื่อบอกความจริงให้ท่านพ่อทราบ และยับยั้งการเปิดสัมปทานเหมืองเพชร ลูกไม่มีวันยอมให้พวกมันขายสมบัติของประเทศให้กับคนต่างชาติเป็นอันขาด"
"นี่แหละ...คือภูวเนศตัวจริง ลูกชายของพ่อกลับมาแล้ว...ใช่ลูกจริงๆ" วาสุเทพพูดด้วยน้ำตาคลอเบ้า ยื่นมืออันสั่นเทามาจับมือลูกชาย
"ตอนนี้พวกกบฏมันยังไม่รู้เรื่องที่ลูกกลับมา เพื่อความปลอดภัยขอให้ท่านพ่อทำตัวเหมือนปกติ อีกเรื่องที่สำคัญ พวกมันให้เจ้าชายตัวปลอมลอบวางยาพิษเพื่อปลงพระชนม์ ขอให้ท่านพ่อหลีกเลี่ยงการเสวยทั้งอาหารและเครื่องดื่มที่พวกนั้นนำมาถวาย"
"ได้...เรื่องในวังลูกไม่ต้องห่วง พ่อดูแลเอง อ้อ แล้วลูกพอรู้หรือเปล่าว่าใครเป็นหัวหน้าพวกกบฏ"
"ชาดุล...มันเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง ทั้งการลอบสังหารลูก การลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อและการเปิดสัมปทานเหมืองเพชร ซาเมียร์ เจ้าชายตัวปลอม และข้าราชการที่กำลังเตรียมการกบฏ ต่างอยู่ภายใต้การชักใยของชาดุลทั้งสิ้น"
วาสุเทพอึ้งไปเล็กน้อย นึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่ชาดุลมาปรึกษาเรื่องสัมปทานเหมืองเพชร ซึ่งชาดุลทำเป็นแข็งขันไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของภูวเนศ...มันคือการแสดง ละครตบตาโดยแท้
"ชาดุล...ไม่น่าเชื่อ คนที่มีอำนาจมากที่สุด กลับเป็นคนที่อันตรายที่สุด ช่างเป็นความโชคร้ายของแผ่นดินเราจริงๆ" วาสุเทพเปรยออกมาด้วยความผิดหวัง
ooooooo
ตกเย็น ชาดุลไปสำรวจสถานที่จัดงานกลางเหมือง ซึ่งทุกอย่างเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่สถานการณ์ในวังเป็นอย่างไร ชาดุลใคร่อยากรู้จากเจ้าชายภูวเนศตัวปลอม
"เรียบร้อยดีครับ จะมีปัญหานิดหน่อยก็แค่ไอ้แก่มันไม่ค่อยยอมกินอาหารที่จัดไว้ให้ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร"
"ไม่มี...หรือว่าไม่รู้" ชาดุลดักคอจนอีกฝ่ายชะงัก "มีสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง เราสงสัยว่าภูวเนศมันยังไม่ตาย และตอนนี้มันอาจจะอยู่ในปารวัตร เพราะฉะนั้นไม่ควรประมาท ถ้ามันเข้าวังได้ และวาสุเทพรู้ความจริง เราจะลำบาก"
"ไอ้แก่นั่นมันจะทำอะไรได้ แค่ยืนเฉยๆมันยังไม่มีแรงเลย"
"วาสุเทพอาจจะทำอะไรไม่ได้ แต่ภูวเนศทำได้ทุกอย่าง สิ่งที่ทำให้ภูวเนศน่ากลัวที่สุด ก็คือความรักที่มันมีต่อประเทศชาติ และประชาชน แต่ไม่ต้องห่วง ไม่ว่ามันจะรักปารวัตรมากแค่ไหน แผ่นดินนี้ไม่ใช่ของพวกมันอีกต่อไป เงินและอำนาจจะทำให้ประเทศนี้อยู่ในกำมือของฉันคนเดียวเท่านั้น"
ชาดุลแสยะยิ้มมั่นใจ มองไปข้างหน้าอย่างฮึกเหิมราวกับกองเงินกองทองวางรออยู่ตรงหน้า
ooooooo
หลบออกจากวังมาแล้ว ภูวเนศแวะไปหาทิพย์ธาราที่เซฟเฮาส์ เป็นเวลาที่ทิพย์ธาราเพิ่งได้รับอีเมล์จากปรียานุชว่าพี่ๆทั้งสามของเธอมา อยู่ที่ปารวัตรแล้ว
"คุณภูวเนศ คุณมาก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องอยากจะถามคุณ"
"คุณอยากรู้ว่าผมคิดถึงคุณหรือเปล่า?"
"ไม่...เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องคิดถึงฉัน แต่ฉันอยากถามว่า...คุณรู้หรือเปล่าว่าตอนนี้พี่ชายทั้งสามคนของฉันอยู่ที่ปารวัตร"
"รู้" เขาตอบสบายๆ เหมือนไม่ได้ร้อนใจใดๆเลย ตรงกันข้ามกับทิพย์ธาราที่ท่าทีร้อนรนเป็นอย่างยิ่ง
"รู้...แล้วคุณรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แล้วทำไมไม่บอกฉัน แล้วตอนนี้ทั้งสามคนเป็นยังไงบ้าง"
"ใจเย็นๆครับคุณหมอน้ำ ผมขอแก้ข้อซักถามทีละข้อ หนึ่ง ผมเพิ่งรู้ไม่นาน สอง ที่ผมไม่บอกคุณเพราะไม่อยากให้คุณต้องเป็นห่วง และสุดท้าย ทั้งสามคนปลอดภัยดี ผมเป็นคนสั่งให้ราจีฟจับตัวพวกนั้นไว้ แล้วพาไปซ่อนตัวในที่ที่ปลอดภัย"
"แล้วทำไมต้องจับพวกนั้นไปซ่อนด้วย"
"พวกเขากำลังอยู่ในอันตราย ถ้าคนของชาดุลรู้ว่าพวกเขามาปารวัตร พวกมันไม่ปล่อยไว้แน่"
"พวกกบฏจะรู้จักสามคนนั้นได้ยังไง ครอบครัวเราไม่ใช่คนดังขนาดนั้นสักหน่อย"
"ถ้าพวกมันไปตามหาผมที่บ้านคุณได้ มันก็ไม่ยากที่จะหาประวัติของทุกคนในไร่ หลังจากที่พวกมันสงสัยว่าผมยังไม่ตาย และลูกชายทั้งสามของเจ้าของไร่ก็เดินทางมาปารวัตร มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คุณไม่ต้องห่วง สถานที่ที่ผมจัดไว้ให้ปลอดภัยกว่าข้างนอก เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะให้คนปล่อยตัวออกมาทันที"
"แล้วถ้าทุกอย่างมันไม่เรียบร้อย ถ้ามีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น ถ้าคุณไม่สามารถบอกให้ลูกน้องปล่อยพวกนั้นได้ ดิน ลม ไฟ จะถูกขังลืมหรือเปล่า"
"ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรผิดพลาด หรือไม่มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงพวกเขาสามคนต้องได้รับการปล่อยตัวแน่นอน"
"แล้วคุณคิดว่าพวกกบฏจะรู้หรือยังว่าสามคนนั้นอยู่ที่นี่"
ภูวเนศตอบเธอได้หมด แต่พอมาถึงคำถามสุดท้ายนี้ เขากลับนิ่งอึ้งไปอย่างไม่แน่ใจ
ooooooo
ขณะเดียวกันนั้นในห้องทำงาน ชาดุลกำลังดูรูปทิพย์ธาราที่ติดอยู่ในพาสปอร์ต โดยซาเมียร์ยืนรายงานอยู่ตรงหน้า
"นี่คือรูปของผู้หญิงที่มีใบหน้าคล้ายกับผู้หญิงไทย ที่เป็นคนรักษาภูวเนศ และเป็นหนึ่งในแฝดสี่ที่เดินทางมาจากประเทศไทย แต่ผู้หญิงคนนี้ถือพาสปอร์ตในชื่ออื่น และยังมีร่องรอยของการปลอมตัวเข้ามา"
"มันมากับใคร"
"มากับผู้ชายไทยคนนี้ครับ" ซาเมียร์วางอีกรูปลงมา ชาดุลเห็นแล้วถึงผงะ "ในวีซ่าบอกว่าทั้งสองคนเป็นคนไทย เป็นสามีภรรยากัน เพิ่งแต่งงานและเดินทางมาฮันนีมูน"
"นี่มันภูวเนศชัดๆ ต่อให้ปลอมตัวยังไง ฉันก็จำมันได้ มันยังไม่ตายจริงๆ แล้วตอนนี้รู้หรือยังว่าพวกมันอยู่ที่ไหน"
"คนของผมกำลังตรวจสอบตามโรงแรมทุกโรงแรม คิดว่าอีกไม่นานคงจะรู้ และผมก็ให้ตรวจสอบที่พักของพี่ชายฝาแฝดทั้งสามคนด้วย บางทีพวกมันอาจจะนัดเจอกัน"
"รีบหาไอ้ภูวเนศและผู้หญิงคนนั้นให้เจอโดยเร็วที่สุด แล้วจัดการเก็บพวกมันซะ อย่าให้มันโผล่ขึ้นมาให้เห็นอีก"
"ครับ แล้วพี่ชายฝาแฝดของมันล่ะครับ"
"ถ้าจำเป็นก็ฆ่ามันซะ ฆ่ามันให้หมด ตอนนี้ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น" ชาดุลออกคำสั่งอย่างดุดัน เหี้ยมเกรียม...
ส่วนที่ห้องรับแขกของเซฟเฮาส์ วรุณกับราจีฟกำลังพูดคุยกับภูวเนศ โดยทั้งหมดไม่รู้ว่าทิพย์ธาราแอบฟังอยู่มุมหนึ่งอย่างเงียบเชียบ
"ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ซาเมียร์ให้คนมาขอข้อมูลจากด่านตรวจคนเข้าเมือง กระหม่อมให้เจ้าหน้าที่ของเราส่งรูปพระองค์ตอนปลอมตัวไปให้มัน ตอนนี้พวกมันรู้แล้วว่าพระองค์ทรงปลอมตัวเข้ามา กระหม่อมติดต่อกับข้าราชบริพารผู้จงรักภักดีที่อยู่ในวังเป็นที่เรียบร้อย การสลับตัวในวันพรุ่งนี้คาดว่าไม่น่ามีปัญหา"
"อย่าลืมส่งคนอารักขาท่านพ่อ ท่านแม่ อย่างดีที่สุด"
"มีอีกเรื่อง...ซาเมียร์ส่งรูปของคุณทิพย์ธารามาที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง และให้หาเจ้าหน้าที่ส่งรูปนักท่องเที่ยวที่หน้าตาคล้ายคุณทิพย์ธาราไปให้มัน ด้วย"
"ถ้าเช่นนั้น พรุ่งนี้หลังจากที่เราออกไปแล้ว ส่งคนมาคุ้มกันที่นี่เพิ่ม แล้วตอนนี้พี่ชายของคุณน้ำเป็นยังไงบ้าง"
"ยังโวยวายเรื่องที่โดนจับ และอาละวาดบ้างเป็นบางครั้ง แต่โดยรวมก็ยังปลอดภัยดี กระหม่อมจัดเวรยามให้อยู่เฝ้าทั้งด้านหน้า และด้านในของสำนักงานที่ดินหลังเก่าเป็นอย่างดี รับรองว่าไม่มีคนสงสัย"
ภูวเนศพยักหน้ารับรู้...ทิพย์ธาราที่แอบฟังอยู่ จิตใจตอนนี้มุ่งแต่จะไปสำนักงานที่ดินหลังเก่า แล้วกลับห้องนอนค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต แต่พอภูวเนศตามเข้ามา เธอก็ทำเป็นยืนชมวิวตรงหน้าต่างแล้วชมว่าวิวที่นี่สวยมาก
"แต่ผมว่าคุณสวยกว่า"
"ชมหรือประชดคะ"
"ผมจะประชดทำไม ผมมีเวลาอยู่กับคุณแค่ชั่วโมงเดียว ผมไม่เสียเวลากับการประชดประชันหรอก ผมทำอย่างอื่นดีกว่า" ว่าแล้วก็จะโผเข้ากอด แต่เธอรีบเบี่ยงตัวหลบ
"นี่อย่ามาเนียนนะ คุณนี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวก็กอด เดี๋ยวก็หอม ทำตัวเป็นปลาหมึกไปได้"
"ก็คุณไม่ยอมผมดีๆ ผมก็ต้องหาจังหวะตอนคุณเผลอเอาเอง ถ้าคุณยอมผมดีๆนะ ผมก็ไม่ทำแบบนี้หรอก...น่านะ ผมมีเวลาอยู่กับคุณอีกไม่นานเองนะ จะไม่ให้ผมได้ชื่นใจหน่อยเหรอ" พูดแล้วไม่รอคำตอบ เขาจู่โจมหอมแก้มเธออย่างรวดเร็ว
"อุ๊ย...พอแล้ว ชื่นใจแค่นี้ก็พอแล้ว ที่คุณบอกว่ามีเวลาอยู่กับฉันอีกแค่หนึ่งชั่วโมง คุณจะไปไหนเหรอคะ"
"คืนนี้ผมต้องเดินทางไปที่ตำหนักฤดูร้อน ไม่ไกลจากวังหลวง เพื่อเตรียมสวมรอยแทนเจ้าชายตัวปลอม เพื่อไปร่วมงานเปิดสัมปทานเหมืองเพชร ถ้าผมจัดการเรื่องทุกอย่างได้เรียบร้อยเมื่อไหร่ จะรีบส่งคนมารับคุณเข้าวังทันที"
"คุณไม่ต้องห่วงฉันนะคะ ฉันดูแลตัวเองได้ คุณมีปัญหามากพอแล้ว ฉันไม่อยากเพิ่มปัญหาให้คุณ ขอแค่คุณทำภารกิจที่คุณคิดไว้ได้สำเร็จ และคุณปลอดภัย แค่นั้นฉันก็ดีใจแล้ว"
"ขอบคุณ...ที่อยู่เคียงข้างผมมาตลอด ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร คุณก็ไม่เคยทอดทิ้งผม...ขอบคุณจริงๆ" ภูวเนศโอบกอดทิพย์ธาราด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม...
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น ราจีฟเริ่มแผนอย่างแยบยล เขาแอบเข้ามาโปะยาสลบเจ้าชายตัวปลอมแล้วพาออกไปจากวัง จากนั้นก็ให้เจ้าชายตัวจริงเข้ามาสวมรอยเตรียมตัวออกงานกับชาดุลที่เหมือง เพชร
ราจีฟนำร่างเจ้าชายตัวปลอมไปทิ้งข้างถนน และโยนพาสปอร์ตของเจ้าชายตัวจริงตอนเข้าประเทศทิ้งไว้ข้างตัวด้วย ก่อนจะโทร.ไปแจ้งความกับตำรวจ
เพียงไม่นาน ซาเมียร์ก็ได้รับการติดต่อจากลูกน้องว่ามีคนพบเจ้าชายภูวเนศนอนหมดสติอยู่ ข้างถนนในป่า ซาเมียร์ จึงสั่งลูกน้องควบคุมตัวไว้ อย่าให้หนีไปได้...สั่งการเสร็จ ซาเมียร์ก็รีบมาแจ้งแก่ชาดุลที่กำลังจดจ่ออยู่ในเหมืองเพชรซึ่งเป็นสถานที่ จัดงานเซ็นสัญญากับชาวต่างชาติ
"ตำรวจในพื้นที่แจ้งว่าพบตัวภูวเนศแล้วครับ มันนอนหมดสติอยู่ในป่าไม่ไกลจากที่นี่ ข้างๆมีพาสปอร์ตตกอยู่ คาดว่าอาจจะโดนชิงทรัพย์ แล้วก็โดนทำร้าย ตอนนี้ยังนอนไม่ได้สติ"
"รีบไปดูให้แน่ใจว่าเป็นตัวจริงหรือเปล่า ถ้าใช่ก็จัดการมันได้เลย คราวนี้อย่าให้พลาดอีกเป็นครั้งที่สอง"
"ครับ" ซาเมียร์รับคำแล้วหันหลังเดินออกไป...แล้วทันทีที่ไปถึงจุดหมาย เจ้าชายเริ่มได้สติพอดี เขาเห็นซาเมียร์ กับตำรวจสามสี่คนยืนห้อมล้อมหน้าตาดุดัน เจ้าชายโวยวายได้ไม่กี่คำก็หมดโอกาสแสดงตัวตน ถูกซาเมียร์ลั่นไกตัดขั้วหัวใจตายคาที่
เสร็จภารกิจสำคัญ ซาเมียร์ยิ้มสบายใจ รีบโทร.ไปรายงานชาดุลโดยไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ฆ่าเจ้าชายตัวปลอมคนของตนไปเรียบร้อยแล้ว
"ดีมาก คราวนี้แน่ใจนะว่ามันตายจริงๆ" เสียงชาดุล ตอบกลับมา
"แน่ใจครับ คราวนี้ไม่พลาดแน่"
"แล้วผู้หญิงไทยที่มาด้วยกัน...อยู่ด้วยหรือเปล่า"
"ไม่เห็นร่องรอยเลยครับ แต่มีสายรายงานว่ามีคนเห็นลูกน้องของไอ้ราจีฟไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆสำนักงานที่ดินหลังเก่า"
"ตามหามันให้เจอทั้งผู้หญิง และฝาแฝดของมัน ถ้าเจอแล้วก็ฆ่ามันซะ ก่อนที่มันจะเปิดโปงความจริง"
"ครับ ผมจะรีบตามหาตัวพวกมันให้เจอ" ซาเมียร์ตัดสายแล้วเดินกลับไปที่รถ สั่งการตำรวจลูกน้องของตน "ติดต่อฝ่ายลาดตระเวนรีบส่งคนไปที่สำนักงานที่ดินหลังเก่า ถ้ามีอะไรผิดปกติรีบรายงานด่วน ฉันกำลังจะรีบไป"
"ครับผม" ลูกน้องรับคำและรีบปฏิบัติการตามคำสั่งอย่างเร่งด่วน
ooooooo
ทันทีที่ภูวเนศสวมรอยเจ้าชายตัวปลอมเดินทางไปถึงเหมืองเพชร ชาดุลพยายามออกคำสั่งกับเขาหลายอย่าง แต่เขาไม่ทำตาม แถมสีหน้าท่าทียังดูแปลกไปจากเดิม ทำให้ชาดุลจับตามองอย่างไม่พอใจ
ด้านทิพย์ธาราที่เซฟเฮาส์ หลังจากเธอแอบได้ยินภูวเนศคุยกับองครักษ์จนรู้แหล่งที่อยู่ของพี่ชายทั้งสาม เช้าวันเดียวกันนี้เธอจึงออกอุบายหลอกสาวใช้แล้วแอบหนีออกไปจากเซฟเฮาส์จน ได้
เป็นเวลาเดียวกันกับที่สามแฝดกำลังหาช่องทางหนีออกจากห้องคุมขังในสำนักงาน ที่ดินหลังเก่า โดยพวกเขาทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่นำอาหารเช้ามาให้จนสลบเหมือด แล้ววิ่งหนีออกมาด้านหน้าตึก และเกือบจะได้เจอทิพย์ธาราที่กำลังวิ่งเข้ามา ถ้าเธอไม่ถูกตำรวจลูกน้องของซาเมียร์ตามมารวบตัวไว้เสียก่อน
ทิพย์ธาราถูกตำรวจจับตัวขึ้นรถไปต่อหน้าต่อตาพี่ชายทั้งสามคน โดยที่พวกเขาช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้เลย นอกจากวิ่งไล่กวดรถไป แต่สุดท้ายก็ตามไม่ทัน เหนื่อยหอบกันแทบขาดใจ
ooooooo










