ตอนที่ 2
ศิลาแอบเปิดกระท่อมร้างเป็นบ่อนพนันโดยที่บิดาและน้องสาวไม่รู้ ซึ่งนักพนันส่วนใหญ่ก็เป็นคนงานทั้งในไร่และละแวกใกล้เคียง ในจำนวนนี้มีเพิ่มที่กำลังเป็นหนี้ศิลาอยู่แปดพันบาท เมื่อศิลาคาดคั้นข่มขู่ให้เพิ่มเอาเงินมาใช้ เพิ่มขอผัดผ่อนเพราะยังไม่มีจะให้ ศิลาโมโหทำท่าจะเล่นงานเพิ่มให้น่วม แต่แล้วฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงให้เพิ่มช่วยจัดการให้เป็นการแลกเปลี่ยน
ตกดึก ศักดิ์แตกตื่นมาเรียกอัคนีที่บ้าน บอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว สุพรรษากำลังคุยอยู่กับอัคนีพลอยตกใจไปด้วย อัคนีรีบตามศักดิ์ไปและพบว่าน้องอั้มวัวตัวเมียกำลังเจ็บปวดทรมาน โดยมีเข้มหัวหน้าคนงานในฟาร์มพยายามเยียวยาอยู่
"เกิดอะไรขึ้น" อัคนีถามอย่างร้อนรน
"ผมไม่ทราบเหมือนกันครับนาย ตอนกลางวันก็ยังเห็นมันดีๆอยู่ พอตกค่ำจู่ๆมันก็อ้าปากหายใจแรง มีน้ำมูกไหลแล้วก็กัดฟันเหมือนเจ็บปวดทรมานอะไรสักอย่าง ที่สำคัญเมื่อกี้มันถ่ายเหลวแล้วก็มีกลิ่นแรงมากด้วยครับ"
อัคนีเอะใจ กดมือลงบริเวณเหนือไหล่ของวัว วัวสะดุ้งและกัดฟันอย่างแรงจนอัคนีต้องรีบถอนมือออกมา
"น้องอั้มเป็นอะไรครับคุณไฟ"
"น่าจะกลืนโลหะบางอย่างเข้าไป"
"มันจะเป็นไปได้ยังไงครับนาย อาหารที่ใช้เลี้ยงวัวเราคัดอย่างดี ก่อนจะเอาให้กินก็มีแผ่นแม่เหล็กตรวจจับอย่างละเอียด มันจะมีเศษโลหะปนเปื้อนไปได้ยังไง แล้วนี่เราจะทำยังไงดีครับ เอาสารละลายแคลเซียมให้กินก่อนดีมั้ยครับนาย"
"ไม่ได้ มันจะยิ่งไปเร่งให้โลหะทิ่มผนังกระเพาะเร็วขึ้น แล้วไปทำให้อวัยวะอื่นเสียหายได้ นายรีบไปรับหมอนทีมาที่นี่ดีกว่าเข้ม บอกหมอว่าวัวของเรากลืนโลหะเข้าไป"
เข้มรับคำแล้วรีบวิ่งออกไปทันที ขณะที่ศักดิ์ยังสงสัยไม่หาย
"ถ้ามันมีโลหะปนเปื้อนอยู่ในอาหารจริง ทำไมวัวตัวอื่นถึงไม่มีอาการล่ะครับ ทำไมต้องจำเพาะเจาะจงเป็นแค่น้องอั้มตัวเดียว"
"ก็เพราะมันมีคนเจาะจงให้มันเป็นแค่น้องอั้มตัวเดียวน่ะสิ"
ศักดิ์หันมามองอัคนีปราดเดียว ก็รู้ว่าเจ้านายกำลังเดือดพล่านอยู่ในใจ แล้วอีกครู่ต่อมา ทั้งลูกพี่ลูกน้องก็เตรียมพร้อมเหมือนจะไปออกรบ แต่สุพรรษากับมนตรีตามมาเจอเสียก่อน อัคนีบอกพ่อแม่ว่าตนจะไปคิดบัญชีกับศิลา มั่นใจว่าต้องเป็นมันแน่ๆที่ทำร้ายน้องอั้มวัวตัวเก่งของตน
"ทำไมไฟถึงคิดว่าเป็นเขา"
"ก็วันนี้มันมาหาเรื่องคุณไฟ แต่โดนคุณไฟอัดกลับไปซะน่วม มันเลยแค้นใจเอาอะไรไม่รู้มาให้น้องอั้มกินเพื่อจะแก้แค้นคุณไฟครับนาย" ศักดิ์อธิบาย แต่แล้วก็หน้าจ๋อยคอตก ตอบอ้อมแอ้มว่าเปล่า เมื่อสุพรรษาถามว่าศักดิ์อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเหรอ
"แล้วไฟล่ะ มีหลักฐานอะไรที่ทำให้เรามั่นใจว่าเขาเป็นคนทำ"
"ก็มันเป็นพวกหมาลอบกัด"
"นั่นมันไม่พอที่จะสรุปว่าเขาเป็นคนก่อเรื่องนะไฟ ไฟจะเอาผิดกับใครก็ต้องมีหลักฐานมัดตัวเขา ถ้าไม่มีหลักฐาน สิ่งที่ไฟคิดมันก็เป็นเพียงแค่การสันนิษฐาน ดีไม่ดีเขาจะหาว่าเราไปปรักปรำเขาเอาด้วย"
"แต่แม่ครับ ผมรู้ว่ามันเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากไอ้ศิลา"
"ที่แม่เขาพูดมาทั้งหมดมันถูกต้องแล้วเจ้าไฟ อย่าไปเอาเรื่องใครตอนที่เรายังร้อน มันมีแต่จะเสียเปรียบ เข้าใจมั้ยลูก"
ศักดิ์ยืนเหี่ยว อัคนีได้แต่อึดอัดกระฟัดกระเฟียดเจ็บใจที่รู้ทั้งรู้ว่าใครทำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านพิศาล ศิลากับสมุนอีกสองไม่ยอมไปหลับไปนอน พิศาลก็พลอยเป็นไปด้วย กลัวว่าพวกไร่อดิศวรจะบุกมาจริงอย่างที่ศิลาคาดการณ์
"ทำไมพี่ถึงมั่นใจนักว่านายไฟจะบุกมาที่นี่" อัจจิมาสงสัย
"ก็มันมีเรื่องกับฉัน แกก็เห็นนี่ว่ามันต่อยเตะฉันซะบวมปูด"
"ก็แสดงว่าเขาชนะพี่ไปแล้ว แล้วเขาจะบุกมาแก้แค้นพี่อีกทำไม"
"ถูก" จันขานรับทันที เลยโดนศิลายันโครมซะแทบจุก
"แกจะมาถามหาเหตุผลอะไรกับพวกอดิศวรรังสรรค์ ไอ้พวกนั้นมันหมาลอบกัดตั้งแต่รุ่นพ่อยันลูก ขอให้มันตามมาเอาคืนจริงๆเถอะ โผล่มาเมื่อไหร่กูจะยิงให้ไส้ทะลุเลย"
พิศาลพูดจบก็หยิบปืนยาวที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้างๆขึ้นมาถืออย่างหมายมาด ขณะที่ศิลากับจันและสิงห์ต่างก็ชักปืนสั้นออกจากเอวกราดไปรอบบริเวณอย่างกับอัคนีจะพาคนบุกมาทั้งกองทัพ อัจจิมามองทุกคนอย่างละเหี่ยหัวใจ ส่ายหน้าเอือมๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านไปนอน
ooooooo
เช้าขึ้นอัจจิมาขับรถออกจากฟาร์ม พลันเธอก็ต้องเบรกกะทันหันเมื่ออัคนีขับรถปาดหน้าในระยะประชิด หญิงสาวตบพวงมาลัยอย่างยัวะจัด ก่อนจะกระโจนลงจากรถตรงไปที่รถอัคนี
"จะลอบกัดอะไรอีกล่ะ"
"คนอย่างฉันถ้าจะกัดใครก็จะกัดมันซึ่งๆหน้า ไม่ทำตัวเป็นหมาลอบกัดแบบใครบางคนหรอก"
"นายหมายถึงใคร"
อัคนีเปิดประตูรถกระโดดลงมาใส่อารมณ์กับอัจจิมาทันที
"ก็พี่ชายเธอน่ะสิ แอบเอาตะปูเข้าไปผสมอาหารให้วัวฉันกิน ถ้าหมอนทีมาผ่าตัดให้ไม่ทันเวลา อะไรจะเกิดขึ้น ฉันกับคนงานต้องผลัดกันดูแลน้องอั้มทั้งคืนก็เพราะไอ้คนชั่วนั่นคนเดียว แก้แค้นคนคืนไม่ได้เลยต้องไปลงเอากับสัตว์"
"แล้วนายแน่ใจได้ยังไงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นฝีมือของพี่ชายฉัน ก่อนจะฟาดงวงฟาดงากับคนอื่น หัดมองดูตัวเองซะบ้าง ถ้าระเบียบของอดิศวรรังสรรค์ไม่หย่อนยาน หรือคนงานไม่สะเพร่า ใครหน้าไหนมันจะลอบเข้าไปทำร้ายวัวของนายได้"
"คนแถวนี้ไม่มีใครใจหยาบช้าถึงขนาดจะเอาตะปูไปยัดใส่ปากวัวได้หรอก พี่ชายเธอรู้ว่าน้องอั้มเป็นวัวที่ผลิตนมได้มากที่สุดของฟาร์มฉัน มันเลยเจาะจงทำร้ายน้องอั้มเพื่อให้ฉันเจ็บใจ ถ้าน้องอั้มเป็นอะไรไป ฉันไม่อยู่เฉยแน่ บอกพี่เธอด้วยก็แล้วกัน"
อัคนีทิ้งท้ายแล้วกลับไปขึ้นรถ อัจจิมากัดฟันแน่นมองตามด้วยความเจ็บใจ ด้วยเข้าใจว่าอัคนีใส่ร้ายป้ายสีพี่ชายของเธอ
อัคนีกลับมาดูแลประคบประหงมน้องอั้มที่นอนพักฟื้นหลังผ่าตัด ส่วนอัจจิมาเสร็จธุระก็กลับมาตรวจดูความสะอาดเรียบร้อยในคอกวัวของตน ที่นี่เองเธอบังเอิญได้ยินพี่ชายคุยกับเพิ่มเกี่ยวกับงานบางอย่างที่ให้ทำ แต่พอเธอเข้ามาซักถาม ศิลาก็แถกไปแถกมาแล้วรีบไล่เพิ่มกลับไปพ้นหน้าด้วยความโมโหที่เพิ่มทำให้วัวตัวเก่งของอัคนีล้มตายไม่สำเร็จ
ooooooo
ขณะที่ลูกๆมีเรื่องคาราคาซัง รุ่นพ่อก็กำลังคุกรุ่นอยู่ในร้านขายของกลางตลาด มนตรีกับพิศาลเกิดมาปิ๊งหมวกคาวบอยใบเดียวกัน พิศาลหมายมั่นจะเอาไปเป็นของขวัญวันเกิดให้นายอำเภอวันนี้ ขณะที่มนตรีก็จะซื้อไปเป็นของขวัญให้ท่านผู้ว่าฯ
"ถ้าไปถามนายอำเภอ ท่านก็คงไม่อยากแย่งของชิ้นเดียวกับท่านผู้ว่าฯหรอก จริงมั้ย" มนตรียิ้มอย่างเหนือกว่า
"มึงนี่มันเจ้าเล่ห์ตั้งแต่หนุ่มยันแก่ เอาซี้ ถ้าจะต้องฆ่ากันตายเพราะหมวกใบเดียว กูก็ยอม ให้มันรู้กันไปว่าใครจะได้มันไป"
ว่าแล้วทั้งคู่ต่างก็ยื้อหมวกในมือกันไปมาอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของพนักงานที่มองตามหมวกอย่างหวาดผวาว่ามันจะขาดคามือใครคนใดคนหนึ่ง
"เราอย่าทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ดีกว่านะคะ"
"คุณไม่ต้องมาพูดเลยคุณษา ไม่ว่าคุณจะยกเหตุผลอะไรมาอ้าง ผมก็ไม่ยอม ครั้งนี้ผมไม่มีวันยอมมันเด็ดขาด"
"ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครยอมใคร แต่อยากให้คุณสองคนเคารพในเหตุผลซึ่งกันและกัน คุณจะเห็นหมวกใบนี้หรือหยิบหมวกใบนี้ก่อนมันไม่สำคัญเท่ากับความจำเป็นในการใช้มันนะคะ" สุพรรษาพูดอย่างใจเย็นกับพิศาล แล้วหันมาทางสามีตัวเอง "นายอำเภอท่านเกิดวันนี้ เราก็ควรจะยินดีแล้วก็ร่วมอวยพรไปกับท่านไม่ใช่หรือคะ วันเกิดท่านผู้ว่าฯยังอีกนาน คิดในแง่ดีเราก็ยังมีเวลาหาหมวกใบใหม่ที่อาจจะสวยและเหมาะกับท่านมากกว่านี้ก็ได้ จริงไหมคะ"
"แต่..." มนตรีจะค้านแต่สุพรรษาไม่สน ดึงหมวกคืนมาจากมนตรีแล้วส่งให้พิศาลเป็นคำพิพากษาสุดท้ายของศาลฎีกา
"ฝากอวยพรและแสดงความยินดีกับท่านด้วยนะคะ"
สุพรรษาส่งยิ้มให้พิศาลก่อนจะดึงมือมนตรีที่ยังอาลัยอาวรณ์หมวกใบสวยออกมา พิศาลส่งยิ้มตามหลังสุพรรษา แล้วเหลือบไปมองมนตรีอย่างแค้นใจสุดๆ
"มึงแย่งผู้หญิงที่งดงามที่สุดไปจากชีวิตกู กูจะไม่มีวันอภัยให้มึง ไอ้มนตรี!"
ooooooo
ตกตอนบ่าย อัจจิมาแวะมารับชุดกระโปรงที่สั่งตัดไว้กับพี่หนูต่อ โดยไม่รู้ว่าอัคนีกำลังลองชุดสูทที่ตัดเสร็จแล้วเหมือนกันอยู่ในห้อง ชุดของอัจจิมาเซ็กซี่สุดๆจนเจ้าตัวแทบไม่กล้าใส่ และกระมิดกระเมี้ยนไม่กล้าลองให้พี่หนูต่อดูด้วย เธอเสไปถามถึงอัคนีว่ามารับชุดไปหรือยัง ทันใดเสียงอัคนีก็ดังออกมาจากห้องลองเสื้อก่อนที่เขาจะปรากฏตัว
"คิดถึงมากรึไง ถามหาอยู่นั่นล่ะ"
หญิงสาวหน้าร้อนผ่าว ไม่คิดว่าอัคนีจะได้ยินที่เธอพูด อัคนียื่นสูทคืนให้พี่หนูต่อ บอกว่าพอดีครับ
"เห็นมั้ยล่ะ เป๊ะ...อ๊ะ ทีนี้ก็ตาน้องหนูจี๊ดแล้วนะคะ เอากระโปรงไปลองแล้วออกมาเดินเฉิบๆโชว์หน่อยเร้ว" พี่หนูต่อคะยั้นคะยอคลี่กระโปรงสุดเซ็กซ์ลงตรงหน้าอัจจิมาอีกครั้ง อัคนีมองชุดแล้วหันไปมองอัจจิมา แกล้งทำตาวาวลามเลียใส่ อัจจิมาหน้าแดงเป็นลูกตำลึง แล้วแกล้งทำหูทวนลมพับกระโปรงสุดเซ็กซ์ใส่ถุง ก่อนเงยหน้าพูดกับพี่หนูต่อ
"ไม่เป็นไรค่ะ จี๊ดเชื่อฝีมือพี่หนูต่อ ยังไงก็พอดีอยู่แล้ว"
"ไม่กล้า" อัคนีเปรยเบาๆ อัจจิมาหันขวับมาจิกตาใส่เขาทันที
"ไม่ต้องยุ่งกับฉันสักเรื่องได้มั้ย"
"ไม่มั่นใจ กลัวใส่แล้วเหมือนเอาชุดไปสวมทับไม้กระดานแบนๆสักแผ่น"
"นายไฟ! ไอ้ผู้ชายลามก นี่แน่ะ" อัจจิมารัวกำปั้นใส่แขนอัคนีไม่ยั้ง
"โอ๊ย...อะไรกันเนี่ยแม่คุ้ณ รับความจริงไม่ได้สักเรื่องเลยเหรอ"
อัจจิมาฉุนขาดยกขาเตรียมจะถีบซ้ำเข้าที่เป้าของอัคนี แต่แล้วก็ต้องกรี๊ดลั่น เพราะอัคนีลืมรูดซิปกางเกง "อ๊าย...ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายลามก ซิปก็ไม่รูด"
อัคนีก้มลงมองที่เป้าตัวเอง อายเธอเหมือนกัน แต่ก็ต้องทำหน้าด้านใส่
"ขอบใจนะที่บอก" ว่าแล้วเขาแกล้งทำห่ามใส่โดยการสอดมือเข้าไปจัดเก็บขอบกางเกงในให้เข้าที่ แถมยังเดินเข้าหาเธออีกต่างหาก หญิงสาวถึงร้องกรี๊ด ด่าเขาอุบาทว์ แล้วคว้าถุงเสื้อรีบวิ่งออกไปนอกร้านด้วยความรู้สึกขนหัวลุก ทว่าพี่หนูต่อกลับมองตามเธอไปอย่างไม่เข้าใจ
"อุบาทว์ตรงไหน มาค่ะ พี่หนูต่อช่วย" พี่หนูต่อขยับจะเข้าไปรูดซิปกางเกงให้ อัคนีเสียววาบ มือหนึ่งรีบกุมเป้า อีกมือคว้าถุงเสื้อโกยแน่บออกจากร้านไปแทบไม่ทัน
ooooooo
ขณะที่พิศาลนำของขวัญมาให้นายอำเภอ เขาได้เจอไกรภพโดยบังเอิญ ไกรภพเป็นลูกชายของเพื่อนสนิท ซึ่งรู้จักกันเป็นอย่างดี พิศาลจึงชวนไกรภพไปคุยต่อที่บ้าน และแนะนำให้เขารู้จักลูกชายและลูกสาวของตนด้วย
ไกรภพเพียงเห็นอัจจิมาแค่แวบแรกก็ปิ๊งเธอทันที จากที่คิดว่าจะรีบกลับ เลยเปลี่ยนเป็นชวนทุกคนไปทานอาหารอร่อยที่ร้านหรู ขณะทานอาหารก็พูดคุยเรื่องธุรกิจที่ดินไปด้วย ไกรภพต้องการซื้อที่ดินทำรีสอร์ต โดยอยากได้ผืนที่ติดกับฟาร์มพศวัต ยิ่งพอรู้ว่าที่ตรงนั้นเป็นของพิศาล เขายิ่งมองเห็นลู่ทาง แต่อัจจิมากลับแบ่งรับแบ่งสู้ว่า
"คุณลองมองที่ดินผืนอื่นดีไหมคะคุณไกรภพ เพราะที่ตรงที่คุณต้องการซื้อเป็นที่ที่ฉันต้องการจะขยายฟาร์มออกไป"
"ไอ้ที่ลงไปยังไม่ทันคืนทุนเลย แกยังคิดจะลงทุนเพิ่มอีกเหรอ" ศิลาท้วงติงน้องสาว
"นั่นสิ พ่อว่าทำไอ้ที่มีอยู่ให้มันได้กำไรก่อนมั้ย"
"มันต้องได้กำไรแน่ค่ะพ่อ แต่มันต้องตั้งใจ อดทน และอาศัยเวลา"
"เอาล่ะครับ ค่อยๆคิดกันก็ได้ ผมไม่ได้เร่งรัดอะไร เพียงแต่ถ้าต้องการขายก็ขอให้บอกผม ผมทุ่มราคาไม่อั้น"
"นานๆทีจะได้เจอนายทุนใจป้ำอย่างคุณไกรภพ" ศิลายิ้มชื่นชม
"เราพักเรื่องธุรกิจไว้ก่อนดีไหมครับ จะได้กินข้าวกันอร่อยๆ น้องจี๊ดกินเยอะๆนะครับ ร้านนี้อาหารอร่อยทุกอย่างเลยครับ" ไกรภพกุลีกุจอตักอาหารใส่จานให้อัจจิมา วายุภัคเดินคุยมากับผู้จัดการร้านเหลือบไปเห็นพอดี ให้สงสัยว่าไอ้หนุ่มคนนั้นเป็นใคร
วายุภัคเก็บความสงสัยเอากลับไปเล่าให้อัคนีฟังที่บ้านว่าเขาเห็นหนุ่มหล่อท่าทางร่ำรวยเอาใจอัจจิมาที่ร้านอาหาร ตนมองตามันแวบเดียวก็รู้ว่ามันจ้องจะจับอัจจิมา อัคนีฟังแล้วกรุ่นๆแต่เก็บอาการทำเป็นไม่สนใจ จนวายุภัคทนไม่ไหวโพล่งขึ้นมาว่า
"ถ้าแกมัวแต่ทำงานงกๆอยู่กับวัวอย่างเดียวแบบนี้ มีหวังหมาคาบไปแด๊ก"
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน เรื่องของพศวัตไม่เกี่ยวอะไรกับอดิศวรอยู่แล้ว"
ทั้งวายุภัค ศักดิ์ และเข้มพากันชะงักอย่างไม่เชื่อ แต่ศักดิ์เป็นมากถึงขนาดกระซิบถามความเห็นจากเข้มว่า
"เอ็งว่าคุณไฟชอบคุณจี๊ดรึเปล่า"
"เรื่องของเจ้านาย ลูกน้องไม่เกี่ยว" เข้มตัดบททั้งที่ตัวเองก็อยากรู้ ศักดิ์ขัดใจ ขยับเข้าไปกระซิบถามวายุภัคด้วยคำถามเดียวกัน วายุภัคจึงไล่ให้ไปถามอัคนีเอง...อัคนีรำคาญทุกคน ประกาศเสียงแข็งทันทีว่า
"ฉันไม่มีทางรักลูกศัตรูของพ่อเด็ดขาด ไม่มีวัน!"
ศักดิ์สะดุ้งหน้าเสีย วายุภัคพยักหน้าทำท่าเหมือนจะเชื่อ แต่แววตายังคลางแคลง
ตกกลางคืนจะเอาชุดตัดใหม่มาลองใส่ ปรากฏว่าของในถุงดันเป็นชุดสูทสุดเท่ของอัคนี และยังมีกางเกงในผู้ชายลายหวานแหววที่พี่หนูต่อแถมมาให้อีกหนึ่งตัว อัจจิมาเห็นแล้วแทบกรี๊ด ในขณะเดียวกัน อัคนีก็เพิ่งรู้ตัวเหมือนกันว่าหยิบถุงเสื้อผิดมา ครั้นเช้าวันรุ่งขึ้นต่างฝ่ายต่างก็รีบเอาชุดไปคืนกันตรงรั้วกั้นเขตฟาร์ม
"เอาคืนไป" ทั้งคู่เปล่งเสียงและยื่นถุงเสื้อออกมาพร้อมกัน
"ทีหลังจะวางอะไรก็หัดวางให้เป็นที่เป็นทางหน่อย ไม่ใช่วางให้คนเขาสับสนหยิบผิดหยิบถูกแบบนี้" อัจจิมาว่าให้เสียงขุ่น
"อย่ามาหาเรื่อง ถุงเสื้อมันก็วางของมันที่เดิม เธอนั่นแหละที่เซอะซะหยิบผิดเอง" อัคนีโต้ทันควัน
"ก็เพราะนายนั่นแหละ เข้าไปลองเสื้อแล้วไม่แต่งตัวออกมาให้เรียบร้อย"
"อ๊ะ ก็คนเขามีของ ก็ต้องโชว์ของกันหน่อยสิ"
"อึ๋ยยยย...อุบาทว์"
"แต่ก็มองใช่มั้ยล่ะ ไม่งั้นจะรู้ได้ยังไงว่าอุบาทว์"
"นายไฟ..."
"มองผาดๆอาจจะเห็นว่าอุบาทว์ ลองมองพิศๆดูบ้างมั้ย พิศแล้วเพลินนะจะบอกให้" อัคนีไม่พูดเปล่า ทำท่าจะปลดกางเกงแกล้งเธออีก อัจจิมาถึงกับร้องกรี๊ด ขยับเข้ามาฟาดกำปั้นใส่แขนเขาไม่ยั้ง อัคนีได้แต่ปัดป้องวุ่นวาย ทำให้เธอได้ใจปืนรั้วขึ้นมาทุบเขาพลั่กๆ จนตัวเองเสียหลักล้มคะมำลงมานอนทับบนตัวอัคนี
หน้าต่อหน้าแนบกันพอดิบพอดี
ทั้งคู่นิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นชั่วอึดใจ อัจจิมาตาเหลือกตาโต ในขณะที่อัคนีใจเต้นตึกตัก...พอได้สติ หญิงสาวรีบถอนตัวลุกขึ้นมาแล้วกระโดดข้ามรั้วก่อนจะหยิบถุงเสื้อวิ่งหน้าแดงแจ๊ดออกไป อัคนีลุกขึ้นยืน มองตามเธอไปก่อนจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ooooooo
ศักดิ์ขับรถส่งนมออกมาจากฟาร์ม โดยมีโบพา และจันทูนั่งมาด้วย ขณะทุกคนกำลังเพลิดเพลินร้องเพลงกันลั่นรถ ทันใดรถของศิลาก็โผล่พรวดมาจอดขวางถนน ศิลามาพร้อมสิงห์และจันสองสมุนคู่ใจ แล้วพยายามจะเอานมในถังท้ายรถเททิ้ง ศักดิ์ โบพาและจันทูช่วยกันกางกั้นไม่ยอม เลยเกิดเรื่องวุ่นวายทั้งลงไม้ ลงมือกับศักดิ์จนน่วม แล้วยังจะลวนลามสองสาวใช้แห่งฟาร์มอดิศวร ถ้าอัคนีไม่บังเอิญขับรถผ่านมาเจอ
อัคนีเล่นงานศิลาจนปากคอแตกก่อนจะล้มคว่ำไปจมกองขี้วัว สิงห์กับจันก็เจ็บไม่น้อย ทุกคนไม่กล้าแหยมกับอัคนีอีก แต่กลับไปฟ้องพิศาลให้ไปจัดการแทน
อัคนีมีประชุมที่สหกรณ์โคนม แต่มัวเสียเวลากับพวกศักดิ์เลยมาสายไปครึ่งชั่วโมง ทำให้อัจจิมาที่ร่วมประชุมอยู่ด้วยพูดจาค่อนแคะเขายกใหญ่
ส่วนที่หน้าบ้านมนตรี บัดนี้พิศาลถือปืนจังก้าเดินก๋ากั่นนำหน้าลูกชายกับลูกสมุนเข้ามา แล้วยิงปืนขึ้นฟ้าสามนัดซ้อน ทำเอามนตรีกับสุพรรษาแตกตื่นวิ่งออกมาดู
"มีอะไร ทำไมต้องพกปืนมายิงในบ้านฉัน" มนตรีตะโกนอย่างฉุนจัด
พิศาลลากแขนศิลาเข้ามายืนตรงหน้ามนตรีและสุพรรษา โดยมีสิงห์กับจันตามมายืนขนาบข้างเจ้านายอย่างรู้หน้าที่
"ก็ลูกชายนักเลงโตของมึงยกพวกมาซ้อมลูกชายกู กระทืบซะลูกกูหน้าแหก"
"ไฟน่ะเหรอ" สุพรรษาถามขึ้น
"มันปรักปรำว่าผมเอาตะปูไปให้วัวมันกิน แล้วก็เลยพาพวกมารุมซ้อมผมเพื่อแก้แค้น" ศิลาโวย
"เจ้าไฟไม่เคยรุมใคร มันไม่ใช่นิสัยลูกชายฉัน"
"มึงเป็นพ่อ ยังไงก็ต้องเข้าข้างลูกมึงวันยังค่ำ" พิศาลเสียงดังใส่มนตรี สุพรรษาเริ่มไม่ชอบใจ ถามหาหลักฐาน ถ้ามีก็เอามายืนยัน
"ผมเป็นพยานได้ จู่ๆคุณไฟก็ขับรถมาปาดหน้าคุณศิลา แล้วก็คว้าไม้กอล์ฟท่อนเบ้อเร่อลงจากรถมาฟาดใส่คุณศิลาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว" สิงห์เล่าความเท็จน้ำลายแตกฟอง จันก็เสริมขึ้นอีกอย่างเมามันไม่แพ้กัน
"จากนั้นคุณไฟก็เอาสนับเหล็กใส่มือแล้วต่อยใส่คุณศิลาจนหมอบ แล้วยังไม่สาแก่ใจ คุณไฟยังวิ่งไปหยิบมีดในรถมาแทงคุณศิลาฉึกๆๆๆ"
"ถ้าถึงขนาดนั้น ฉันว่าลูกแกไม่น่ารอดมายืนตรงนี้ได้หรอก"
สิ้นเสียงของมนตรี ปฐพีเดินเข้ามาพร้อมกับศักดิ์ โบพา และจันทู
"ที่รอดมาได้ก็เพราะที่พูดมาทั้งหมดมันไม่เป็นความจริง ลองให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์อีกฟากเล่ามั้ยครับว่าเกิดอะไรขึ้น ว่าไป...ศักดิ์"
"เมื่อเช้าผมขับรถไปส่งนมกับโบพา จันทู อยู่ดีๆคุณศิลาก็ขับรถมาปาดหน้าแล้วก็พาไอ้สิงห์ไอ้จันปีนขึ้นไปเทนมที่ผมกำลังไปส่งทิ้ง ผมกับโบพา จันทูช่วยกันห้าม แต่คุณศิลากับไอ้สองตัวนี่ก็ไม่ยอมฟัง"
"ใช่ค่ะ คุณศิลาทั้งเตะต่อยทั้งกระทืบพี่ศักดิ์จนแทบจะจมดิน ส่วนไอ้สิงห์ไอ้จันมันก็...มัน...มัน..." โบพาไม่กล้าพูดต่อ เอามือปิดหน้าราวกับสิงห์กับจันได้ชำเราเจ้าหล่อนไปแล้ว ส่วนจันทูก็เสียงสั่นเครือ ทำท่าทนไม่ได้ตามไปด้วย จนมนตรีทนไม่ไหวถามขึ้นว่า
"มันกระทืบแกสองคนด้วยรึไง"
"ปะ...เปล่าค่ะ แหม...คุณผู้ชายขา สวยๆอย่างเราสองคนมันจะทำอะไรอย่างอื่นได้ยังไงคะ นอกจากข่มเหงเรา มันจูบตรงนี้ มันจับตรงนั้น มันขยำตรงนู้น มันเค้นซะจนเราสองคนระบมไปหมดทั้งตัวเลยค่ะ"
"โชคดีนะคะที่คุณไฟมาช่วยเราไว้ทัน ไม่งั้นเราคงโดนมันปู้ยี่ปู้ยำ ต้องสูญเสียความสาวความสวยความสดซิงสวิงริงโก้ ให้กับไอ้คนหน้าตาและนิสัยเฮงซวยอย่างมันสองคนแน่ๆ"
เมื่อศักดิ์ โบพา และจันทูยืนยันกันอย่างนี้ มนตรีจึงบอกพิศาลว่า
"นายก็มีพยาน ฉันก็มี แล้วจะเอายังไง จะรู้ได้ไงว่าใครพูดความจริง"
"แต่ที่จริงซะยิ่งกว่าจริงก็คือนายไฟไม่ตีกอล์ฟ เพราะฉะนั้นไม่มีทางมีไม้กอล์ฟในรถนายไฟแน่ ส่วนเรื่องสนับเหล็กกับมีด ฉันว่าถ้านายไฟใช้อาวุธสองอย่างนี้ทำร้ายนายจริง นายก็คงต้องนอนหยอดข้าวต้มอยู่ไอซียู ไม่ได้มายืนทำหน้าหล่ออย่างนี้หรอก" ปฐพีแจกแจง
"เห็นมั้ยว่าไอ้พวกอดิศวรมันเลวขนาดไหน ทำระยำยังไงมันก็ไม่เคยยอมรับ" พิศาลเดือดพล่าน
"กรุณาอย่าเหมารวมว่าเราเลวหรือระยำ เพราะคุณเองก็ไม่มีหลักฐานอะไร นอกจากพยานในที่เกิดเหตุ ซึ่งฝ่ายฉันก็มี รอให้ลูกชายฉันกลับบ้านก่อน ฉันจะซักเขาเอง ถ้าเขาผิดจริง ฉันจะพาเขาไปกราบขอโทษคุณ ฉันเอาเกียรติของฉันเป็นประกัน แต่ถ้าลูกชายฉันไม่ผิด คุณไม่ต้องทำอะไรให้ฉัน นอกจากขอความกรุณาให้เราต่างคนต่างอยู่ ชีวิตจะได้สงบสุขกันซะที"
พิศาลจำต้องนิ่งฟังสุพรรษาร่ายยาวอย่างไม่พอใจ ศิลาเองก็แค้นเคืองที่พ่อเอาเรื่องพวกอดิศวรไม่ได้อย่างใจคิด
ooooooo










