ตอนที่ 6
เพียงวันรุ่งขึ้น คณะเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวฯ นำโดย ดร.วินฤดี ก็ยกขบวนมายังธารารินทร์รีสอร์ตเป็นที่แรก ทุกคนวางตัวเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาติดต่อขอพักห้องที่ดีที่สุด และหรูที่สุดของที่นี่
นทีและพนักงานทุกคนต้อนรับพวกเขาด้วยดีและมีไมตรี แม้จะรู้สึกไม่ค่อยพอใจนักเมื่อพวกเขาเริ่มจู้จี้จุกจิกขอชมห้องทุกห้องก่อนตัดสินใจ แถมยังพูดจากวนๆ ท่าทางเจ้ายศเจ้าอย่างเพื่อเป็นการทดสอบความอดทนของพนักงานทุกคน
ขณะกำลังให้บริการนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อยู่ นทีมองไปเห็นรุ่งเดินลัดเลาะเข้ามาในรีสอร์ต นทีไม่รอช้ารีบเดินตรงไปหารุ่งทันที แต่รุ่งยังไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่บ่นกระปอดกระแปดเรื่องที่สาโรจน์ไหว้วาน
"นี่ถ้าพี่สาโรจน์ไม่ขอร้อง จ้างให้ฉันก็ไม่เข้ามาที่นี่หรอก ประเดี๋ยวจะซวยเพราะบางคนอีก"
"คนอื่นจะซวยเพราะคุณต่างหากล่ะไม่ว่า"
"ซวยที่ไหน? ฮะเฮ้ยยยย!" รุ่งอุทานลั่นเมื่อเห็นนทียืนจังก้า อารามตกใจเธอผงะเสียหลักลื่นล้มหงายหลังลงไปในแอ่งน้ำ
"อ้าว ผิดคาดแฮะ คราวนี้คุณรุ่งอรุณทำความเดือดร้อนให้ตัวเอง ไง...จะแก้ตัวว่ายังไง ที่เข้ามาในนี้อีก"
"คนบ้า คนไม่มีน้ำใจ แทนที่เห็นคนตกน้ำจะช่วย ดันมาเล่นเกมยี่สิบคำถาม"
"ผมรู้ว่าคนอย่างคุณไม่เป็นอะไรมากหรอก เดินผ่านหมา หมายังหลบ เพราะมันกลัวคุณจะปล่อยเชื้อบ้าใส่มัน"
"คุณหาว่าฉันบ้า?"
"ใช่ บ้าที่สุด"
"ใช่ซี้...ฉันมันบ้า งั้นก็ปล่อยให้ฉันตายๆไปเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอก ปล่อยให้ฉันจมน้ำตายไปเลยแล้วกัน"
"น้ำแค่นี้จะจมตายก็ให้มันรู้ไป...รีบลุกขึ้นมาแล้วออกไป ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจจับคุณ"
พูดแล้วนทีเดินหนี รุ่งโมโหมาก แกล้งทำหน้าเลิ่กลั่กแหกปากร้องลั่น
"คุณนทีช่วยด้วย ตะคริว...ตะคริวกินขาฉัน โอ๊ย ช่วยด้วย"
ชายหนุ่มรู้ทันว่าเป็นลูกไม้ แต่แกล้งหันมาทำหน้าตกใจ วิ่งกลับมาหา บอกให้เธอยื่นมือมา รุ่งกระหยิ่มทำตามที่เขาบอกทันที แล้วพยายามออกแรงดึงมือนทีกะให้หล่นลงมาด้วย แต่นทีตั้งหลักรออยู่แล้วจึงดึงรุ่งสุดแรงจนร่างเธอลอยหวือขึ้นมา ก่อนเซถลาลงไปบนกองขี้ช้าง คราวนี้รุ่งแทบจะร้องไห้ เพราะเป็นครั้งที่สองแล้วที่เธอเจอชะตากรรมแบบนี้
นทีกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ยื่นมือดึงเธอขึ้นมาแล้วพาไปล้างหน้าล้างตาที่ลำธารใกล้ๆ
"คุณนี่หาเรื่องให้ผมตลอด"
"ใครบอกว่าฉันหาเรื่อง อยู่เฉยๆเรื่องก็เดินมาหาฉันต่างหาก"
"ทำเหมือนคุณโดนบังคับให้มาที่นี่งั้นแหละ"
"ก็ไม่เชิงหรอก แต่มันก็ประมาณนั้น นี่...คุณได้อ่านหนังสือพิมพ์ที่เขาลงโจมตีธารารินทร์แล้วใช่มั้ย"
"อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือของคุณ ไม่ก็เพื่อนคุณ"
"ฉันสาบานว่าไม่ใช่จริงๆนะ มีคนบอกฉันว่าใครบางคนใส่ร้ายธารารินทร์ เขาให้ฉันช่วยสืบว่าเป็นใคร"
"น้ำหน้าอย่างคุณนะจะช่วยสืบ"
"ใช่ เขาให้ฉันมาคอยสังเกตว่ามีใครแปลกหน้าหรือว่ามีพิรุธเข้ามาที่ธารารินทร์ เขาอาจจะเป็นคอลัมนิสต์ที่ชื่อกูรูสิบทิศก็ได้"
"กูรูสิบทิศ" นทีทวนคำแล้วลุกพรวดเดินออกไปทันที
ooooooo
ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่ร้อนจัด นิตาทำท่าจะหมดแรง แต่ ดร.วินฤดีหรือวินดี้ยังเดินหน้าเชิดไปตามห้องพักภายในรีสอร์ต
"คุณยังไม่ถูกใจห้องไหนเลยเหรอคะ"
"ไม่ล่ะ ห้องนั้นเล็กไป ห้องโน้นใหญ่ไป ด้านที่ติดลำน้ำฉันก็กลัวจะเย็นไป แต่ด้านที่ติดป่ามีต้นไม้เยอะๆ ฉันก็กลัวยุง ส่วนด้านข้างหน้าก็ใกล้ถนน หนวกหูเสียงรถ ถ้าได้ยินเสียงรถฉันจะนอนไม่หลับ"
"งั้น...ตาต้องขอโทษด้วย เพราะรีสอร์ตของเรามีที่พักเท่าที่พาคุณชมจริงๆ"
"แล้วบ้านพักหลังนั้นล่ะคะ"
"หลังไหนคะ"
"นั่นไง" วินดี้ชี้มือไปที่บ้านพักของปฐพี...นิตาอึกๆอักๆ ก็พอดีนทีเดินเข้ามา
"หลังนั้นเป็นบ้านพักของเจ้าของรีสอร์ตครับ"
คำตอบของนทีทำเอาวินดี้อึ้งไปนิด แต่ในใจครุ่นคิดแผนการอย่างรวดเร็ว รุ่งเดินตามหลังนทีมาด้วย มองวินดี้อย่างติดใจสงสัย...
ขณะนั้น ชะเอมถือกุญแจผียืนอยู่หน้าห้องพักของปฐพี ท่าทางลังเลไม่น้อยที่จะล่วงล้ำเข้าไปข้างใน ทันใดนั้นเองปฐพีเดินมายืนซ้อนข้างหลัง เขาส่งเสียงจนชะเอมสะดุ้งโหยงตกใจ
"เธอมาทำอะไรที่นี่"
ชะเอมตะกุกตะกักหาทางเอาตัวรอด "เอ่อ...คือ...พอดีวันนั้นเอมเห็นว่าห้องของคุณปฐพีค่อนข้างรก เอมก็เลยจะมาทำความสะอาดให้ค่ะ"
"ทำความสะอาด? ขอบใจที่หวังดี แต่เธอจะเข้าห้องฉันได้ยังไง มีกุญแจเหรอ หรือว่าเธอมีกุญแจผี"
หญิงสาวหน้าซีด กำกุญแจในมือแน่น ปฐพีมองหน้าชะเอมก็รู้ว่ามีพิรุธ แต่ยังไม่คาดคั้น บอกนิ่งๆว่า
"ขอบใจที่มีน้ำใจ เอาเป็นว่าฉันจะเปิดห้องให้เธอเอง"
"เปิดห้อง?"
"ใช่ เปิดห้อง ทำไมต้องทำท่าอย่างนั้น ฉันไม่ได้เปิดห้องม่านรูดซะหน่อย"
ไขกุญแจห้องเสร็จแล้ว ปฐพีบอกชะเอมให้เข้ามา แต่เห็นเธอยังยืนเฉย เลยแกล้งดึงมือเธอเข้ามาอย่างแรง แล้วปิดประตูปัง ชะเอมยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก ปฐพีมองจับผิดแกมหมั่นไส้
"ยืนตัวแข็งอยู่ทำไม อยากทำความสะอาดห้องให้ฉันไม่ใช่เหรอ...ทำเลยสิ"
"ทำยังไงคะ คุณปฐพีเล่นยืนอยู่ตรงนี้"
"ฉันอยู่ตรงนี้แล้วทำไม หรือเธอคิดจะมาขโมยอะไรในห้องฉัน"
"ไม่ใช่นะคะ เอมไม่ได้คิดจะขโมยอะไร"
"งั้นก็ทำความสะอาดห้องฉันสิ จะมัวชักช้าทำไม เอ้าทำ ฉันจะนั่งดูอยู่ในนี้ล่ะ"
พูดจบปฐพีก็เดินไปนั่งแอ็กท่าไขว่ห้างกอดอกมองเธอตาเขม็ง ชะเอมหน้าเหวอแต่จำต้องหยิบเครื่องดูดฝุ่นขึ้นมา...
ด้านนอกไม่ไกลจากบ้านพักปฐพี วินดี้ยืนกอดอกกวาดสายตามองตรงขึ้นไปในบ้านอย่างชอบใจ
"ผมว่าคุณลองดูห้องพักอื่นอีกรอบดีไหมครับ ห้องติดริมน้ำ ติดชายเขา หรือติดทุ่งดอกไม้ เราก็มี" นทีบอกด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม
"ยังไงดิฉันก็ชอบห้องนั้นค่ะ" วินดี้ยืนยัน ทุกคนทำหน้าปูเลี่ยนๆ ทันใดนั้นเองกลุ่มหนุ่มสาวท่าทางทันสมัยทั้งชายหญิงและตุ้งติ้งที่แต่งตัว ราวกับหลุดออกมาจากแมกกาซีนก็ดาหน้ากันเข้ามาสมทบ ซึ่งพวกเขาก็คือเพื่อนร่วมแก๊งของวินดี้นั่นเอง
แต่ในห้องปฐพีเวลานี้ ชะเอมวางตัวไม่ถูก แกล้งทำความสะอาดไปเรื่อย ที่สุดก็ถึงห้องน้ำ ชะเอมอยากแกล้งปฐพีที่จับจ้องแถมชี้นิ้วสั่งอยู่ได้ ก็เลยเทน้ำยาล้างห้องน้ำหมดไปสามขวด เพียงเพราะได้ยินปฐพีบอกว่าเขาแพ้กลิ่นมัน ได้กลิ่นทีไรเหม็นเหมือนจะเป็นลม
แต่ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัวจริงๆ ชะเอมตั้งใจแกล้งปฐพี แต่ตัวเธอเองที่ดันเป็นลมไปก่อน ชะเอมคอพับคออ่อนอยู่ในอ้อมแขนปฐพีที่พยายามพยุงไว้ จังหวะนี้เองวินดี้ดึงดันเปิดประตูโดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของพวกนที
ทุกคนทั้งในและนอกห้องตะลึงกันไปหมด วินดี้รีบกระชากประตูปิด แล้วหันมาบอกกลุ่มของนทีและกลุ่มพวกตนว่า
"โอเคค่ะ ดิฉันไม่พักที่นี่ก็ได้ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยอำนวยความสะดวก ไป...พวกเรา"
วินดี้เดินนำทุกคนไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ปฐพีเปิดประตูออกมามองพนักงานตัวเองตาเขม็ง และทุกคนก็มองปฐพีตาเขม็งเหมือนกัน
ครู่ต่อมา รุ่งเข้ามาสำรวจความเสียหายของชะเอมที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง ปฐพีเข้าใจว่ารุ่งและทุกคนคิดอะไรอยู่ จึงปฏิเสธเสียงเข้มว่า
"มันไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิดกันนะ ผมแค่ให้ชะเอมเข้ามาทำความสะอาดห้อง แล้วชะเอมเกิดเทน้ำยาล้างห้องน้ำมากไปหน่อยเลยเป็นลมเท่านั้นเอง"
ทุกคนเงียบ แต่สายตาบอกว่าไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์
"แต่คุณปฐพีก็ไม่น่าให้ชะเอมเข้ามาอยู่ในห้องกับคุณปฐพีด้วยกันตามลำพังเลย" รุ่งเถียงเสียงอ่อย
"ผมว่าเพื่อนคุณหาโอกาสมาที่ห้องผมมากกว่านะ" ปฐพีพูดรู้ทัน รุ่งเลยจ๋อยไป แต่นิตาที่ระแวงชะเอมอยู่เป็นทุนถึงกับโพล่งขึ้นว่า
"นี่หมายความว่า...ชะเอมกะจะรวบหัวรวบหางคุณปฐพีหรือคะ"
"รวบหัวรวบหางเขาใช้เวลาผู้ชายกระทำต่อผู้หญิง" บัวลอยขัดขึ้น แต่ระรินสวนทันควันว่า
"แต่ผู้หญิงสมัยนี้ถนัดรวบหัวรวบหางผู้ชาย เชื่อเดี๊ยน"
"อ้าว แล้วทำไมคุณระรินกับคุณบัวลอยถึงไม่รวบหัวรวบหางผู้ชายซักคนล่ะ อายุก็ปูนนี้แล้ว" พุทราจีบปาก รุ่งยิ้มสะใจ ผสมโรงว่า
"คาดว่าผู้ชายสมัยนี้จะฉลาดน่ะค่ะ เลยรวบหัวรวบหางไม่ได้ซักคน"
"คุณรุ่งอรุณ" นทีปรามเสียงเขียว ปฐพีเห็นท่าจะยืดยาว ตัดบทว่า
"เอาล่ะ ไม่มีใครรวบหัวรวบหางใครทั้งนั้น ผมบอกแล้วไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แล้วผู้หญิงคนเมื่อกี้เป็นใคร ทำไมถึงปล่อยให้มาบุกบ้านผมได้"
"พวกเราห้ามแล้วครับคุณปฐพี แต่เขาไม่ยอมท่าเดียว ผมเองก็ไม่อยากทำอะไรรุนแรงเลย..."
"ผมไม่ได้ให้อธิบาย ผมถามว่าเขาเป็นใคร" ปฐพีแทรกเสียงขุ่น
"แขกที่จะมาพักค่ะ แต่เขาตัดสินใจไม่พัก เพราะไม่ถูกใจรีสอร์ตของเราค่ะ"
คำตอบของบัวลอยเล่นเอาปฐพีหน้าเสียไปทันที แล้วอีกครู่ต่อมา ทุกคนก็ตามปฐพีมาที่ออฟฟิศ ปฐพีท่าทางเคร่งเครียด นทีไม่ยอมให้ใครอื่นเข้ามา นอกจากตัวเองและรุ่งอีกคน
"ขอโทษนะคะที่ฉันเข้ามายุ่ง แต่คุณปฐพีอย่าเพิ่งเครียดไปเลยค่ะ บางทีคนกลุ่มนั้นอาจจะไม่ใช่นักท่องเที่ยวจริงๆก็ได้" รุ่งออกตัว
"คุณรุ่งอรุณบอกผมว่ามีคนพยายามใส่ร้ายดิสเครดิตธารารินทร์" นทีเสริม ปฐพียิ่งฉงน มองหน้ารุ่งเหมือนจับผิด รุ่งเลยต้องแจกแจงต่อ
"ก็คอลัมน์ที่เขียนโจมตีธารารินทร์ไงคะ คือพี่สาโรจน์ รุ่นพี่ที่ฉันสนิทเขาให้ฉันช่วยสืบน่ะค่ะ ว่าใครคิดร้ายกับธารารินทร์"
"สาโรจน์? งั้นสาโรจน์คงจะใช้ผิดคนแล้วมั้ง เพราะท่าทางคนที่คิดร้ายต่อธารารินทร์น่าจะเป็นพวกคุณสองคนมากกว่า"
"ไม่ใช่นะคะคุณปฐพี ฉันกับชะเอมไม่มีทางทำอะไรอย่างนั้นแน่ ที่ชะเอมเข้ามาเพราะอยากทำงานกับคุณจริงๆค่ะ"
"แน่ใจ?" ปฐพีหรี่ตามองรู้ทัน รุ่งชะงักแต่กลบเกลื่อนด้วยการตอบรับแข็งขันว่า
"ค่ะ แน่ใจ"
"ผมคิดว่าคนกลุ่มเมื่อกี้ไม่น่าจะใช่นักข่าวที่เขียนโจมตีเรา" นทีบอกกับปฐพี รุ่งรีบเสริมด้วยสีหน้าท่าทางมั่นใจมากๆ
"ฉันก็คิดว่าไม่ใช่นักข่าวหรอกค่ะ เพราะฉันไม่เคยรู้จักแล้วก็ไม่เคยเห็นหน้าด้วย"
"แล้วทำไมคุณต้องรู้จัก แล้วก็เคยเห็นหน้าพวกเขาด้วย" ปฐพีย้อนถามจนรุ่งหน้าเหลอนิ่งอึ้งไปทันที
"นั่นน่ะสิ ทำยังกับคุณเป็นนักเขียนเป็นคอลัมนิสต์งั้นแหละ"
ถูกนทีจ้องจับผิดอีกคน รุ่งยิ่งเงียบกริบไม่กล้าสบตาทั้งสองหนุ่ม
"ผมมั่นใจว่าคนกลุ่มนั้นไม่ใช่นักข่าวที่เขียนโจมตีเราแน่ แต่ถ้าจะมีใครส่งมาสอดแนมอะไรเรารึเปล่า อันนี้ไม่มั่นใจ" นทีสรุป...ปฐพีเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ไม่รู้จริงๆว่าเป็นใคร และทำเพื่ออะไร?
ooooooo
รถตู้คณะของวินดี้แล่นฉิวออกจากธารารินทร์รีสอร์ต ทุกคนในรถนั่งยิ้มแย้ม เม้าท์กันอย่างพึงพอใจในการต้อนรับและบริการของพนักงานทุกคน แม้พวกตนจะป่วนจะกวนกันขนาดไหน ทุกคนก็ยังใจเย็น สุภาพนอบน้อม อีกทั้งสถานที่ก็ดีเยี่ยมหาที่ติไม่ได้
แต่จะให้คะแนนเต็มร้อยโดยไม่ดูรีสอร์ตอื่นเห็นจะไม่ได้ ดังนั้นทั้งคณะจึงมุ่งหน้าไปแมกไม้วัลเล่ย์เป็นแห่งที่สอง และยึดหลักการทำงานภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ทุกคนจู้จี้จุกจิกใส่สนฉัตรกับต้นไทรซึ่งกำลังมีงานถ่ายแฟชั่นเพื่อเป็นการโปรโมตรีสอร์ตของตนเองอยู่พอดี
เมื่อมีกลุ่มลูกค้าพูดจายียวนกวนประสาท สองพี่น้องไม่พอใจอย่างมากและตอบโต้ด้วยถ้อยคำรุนแรงหยาบคาย แถมไล่ตะเพิดเหวี่ยงสัมภาระของทุกคนกระเด็นกระดอนพังเสียหาย จนพวกวินดี้อยู่ไม่ได้ต้องหอบกระเป๋าหนีกันจ้าละหวั่น
โมกข์เห็นการกระทำของลูกๆแล้วไม่ชอบใจนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากติติงทั้งคู่ไปเล็กน้อย ก่อนที่ตัวเองจะหน้าเครียด ลำบากใจอย่างยิ่ง
ส่วนที่ธารารินทร์ ชะเอมเริ่มรู้สึกตัว รุ่งถลาเข้ามาหาด้วยความดีใจ พอชะเอมลืมตาเห็นปฐพี ก็เอ่ยปากขอโทษอย่างรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไร เธอกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ" ปฐพีกล่าวนิ่งๆ ชะเอมยิ่งเกรงใจ ยอมให้รุ่งประคองออกไป และทันทีที่ประตูปิดสนิท นทีก็เอ่ยกับปฐพีว่า
"ถ้าคุณปฐพีไม่ไว้ใจ ก็ให้ชะเอมออกไปได้นี่ครับ"
"ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกคุณนที"
"ทำไมครับ"
"ชะเอมเป็นลูกของน้ามะลิ"
"น้ามะลิ?" นทีสีหน้าตกใจ
"และถ้าผมคาดไม่ผิด ชะเอมก็คือลูกของคุณโมกข์กับน้ามะลิ ลูกที่คุณโมกข์ไม่ยอมรับ"
"น่าสงสารชะเอมนะครับ ในเมื่อคุณโมกข์ต้องการเล่นงานเราตลอดเวลา คุณปฐพียอมให้ชะเอมอยู่ใกล้ขนาดนี้ มันจะไม่เหมือนชาวนากับงูเห่าหรือครับ"
"ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ก็ได้แต่คิดว่าความจริงใจ ความปรารถนาดีที่ผมมีจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นไม่ใช่แค่ตัวชะเอม แต่เป็นตัวของคุณโมกข์ด้วย ผมไม่อยากมีศัตรูเลยจริงๆ" ปฐพีบอกอย่างจริงจัง จริงใจ
ด้านชะเอมกับรุ่งที่พากันออกจากออฟฟิศมา รุ่งอดถามชะเอมไม่ได้ว่า เธอตั้งใจแกล้งปฐพีใช่ไหม ถึงได้ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำตั้งสามขวด ชะเอมไม่ตอบแต่หน้าจ๋อย สายตาบ่งบอกว่าใช่ชัวร์ รุ่งหนักใจถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
"เฮ้อ...รุ่งว่าเอมเลิกล้มแผนการที่จะทำลายคุณปฐพีซะทีเถอะ"
"เอมก็ไม่อยากทำร้ายเขาหรอกนะ แต่รุ่งก็รู้ว่าเอมทำทำไม"
"แล้วมันจะคุ้มมั้ยเอม ที่เอมทำร้ายคนคนหนึ่งที่ดีกับเอม เพียงเพราะเอาชนะใจคนที่ไม่เคยดีกับเอม หนำซ้ำยังคอยยุยงส่งเสริมให้เอมทำในสิ่งที่ชั่วร้าย...ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆ แต่มันก็หลายครั้งแล้วนะที่เอมไม่สบาย แล้วคุณปฐพีเป็นคนที่อยู่ข้างๆ ไม่เคยทอดทิ้งเอมไปไหน"
ชะเอมชะงัก เงียบงันไปใหญ่ ความรู้สึกนับวันยิ่งสับสน
"เอมลองเอาไปคิดดู เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่เอมที่ทำร้ายคุณปฐพีหรอก ยังมีมือที่มองไม่เห็นคอยลอบกัดคุณปฐพีอีกทาง"
"หมายความว่ายังไงรุ่ง"
"มีคนเขียนข่าวให้ร้ายคุณปฐพีและธารารินทร์รีสอร์ต ใช้ชื่อว่ากูรูสิบทิศ รุ่งก็ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นใคร รู้แค่ว่าเป็นนักข่าวท้องถิ่นในแถบนี้ล่ะ แล้วตอนนี้รุ่งกำลังสืบอยู่ อีกไม่นานคงรู้"
"งั้นก็แสดงว่าคุณปฐพีก็ไม่ใช่คนดีซักเท่าไหร่ ถึงได้มีคนปองร้าย"
"เพราะเป็นคนดีต่างหากล่ะ ถึงได้มีแต่คนอิจฉาจ้องทำลาย หรือเอมว่าไม่ใช่...แต่รุ่งเชื่อ ทองแท้ยังไงย่อมไม่แพ้ไฟ" รุ่งพูดจริงจังซะจนชะเอมหุบปากเงียบ ไม่กล้าเถียงหรือคัดค้านอะไรอีก
ooooooo
รถตู้ของคณะวินดี้แล่นออกจากแมกไม้วัลเล่ย์ฝุ่นตลบ แต่ละคนในรถนั่งใจหายใจคว่ำกับการต้อนรับยอดแย่ของสองพี่น้อง บ่นกันขรมว่าช่างน่ากลัว ไม่เห็นสุภาพน่ารักเหมือนธารารินทร์เลยสักนิด
"และที่ไม่น่าเชื่อเลยก็คือคนที่ไล่พวกเรา ดูถูกพวกเรา เป็นเจ้าของรีสอร์ต"
"ถูกค่ะด็อกเตอร์ ที่ซ้อมๆมา หนูลืมหมดเลย"
"ไม่ลืมได้ไง แค่จะพูดยังพูดไม่ทัน ถ้าหนีไม่ทันเราคงจะถูกฝังแล้วแน่ๆ"
"ร้ายขนาดนี้แล้วยังแค่นจะส่งประกวดสุดยอดรีสอร์ต"
"คนบางคนเขาไม่รู้ตัวหรอก เข้าทำนองตัวกูของกู ทุกอย่างที่เป็นกูดีหมด นี่ไงฉันถึงต้องมาเซอร์เวย์โดยที่ไม่ให้พวกเขารู้ตัว แล้วก็เจอแจ็กพอตจนได้"
"แล้วเราจะเอายังไงกับป่าฝนรีสอร์ตคะด็อกเตอร์ ข่าวว่าป่าฝนกับแมกไม้สนิทกันมาก"
"สนิทกันแต่นิสัยอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ ยังไงเราก็ต้องไปดูให้เห็นเองกับตา"
วินดี้สรุปอย่างมุ่งมั่นมากๆ แล้วอีกไม่กี่อึดใจรถตู้ ของชาวคณะก็แล่นเข้าเส้นทางป่าฝนรีสอร์ตของนายวสันต์...เมื่อทราบจากพนักงานของตนว่ามีคนกลุ่มใหญ่มาขอพักที่รีสอร์ต แต่จะขอเดินชมให้ทั่วก่อน วสันต์นึกถึงคำพูดของคมเดชเมื่อวันก่อนที่บอกว่าเร็วๆนี้อาจจะมีคนจาก ททท.มาดูลาดเลา วสันต์จึงออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง
วสันต์สวัสดีคณะของวินดี้อย่างนอบน้อม และพยายามจะปกปิดความลับที่ตัวเองเปิดร้านอาหารป่าไว้ด้านในซึ่งกำลังมีลูกค้าจำนวนไม่น้อยใช้บริการ โดยบอกว่ารีสอร์ตของตนอยู่ในช่วงปรับปรุง วินดี้กวาดตามองไปเห็นรถจอดเรียงรายหลายคัน ส่วนมากเป็นรถแบบโฟร์วีลออฟโรด จึงตั้งคำถามขึ้นว่า
"อยู่ในช่วงปรับปรุงแล้วทำไมรถเยอะนักล่ะคะ"
"เอ่อ รถของพนักงานที่มาช่วยดูการก่อสร้างน่ะครับ"
"โอ้โห พนักงานน่ารักจังเลยนะคะ ช่วยมาดูงานด้วย แล้วจะเปิดบริการอีกทีเมื่อไหร่คะ"
"คงเป็นช่วงวันวาเลนไทน์น่ะครับ จะได้ต้อนรับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรัก เพราะเราเน้นคอนเซปต์ให้แขกที่มาพักที่นี่มีความสุข สบายกายสบายใจเหมือนอยู่ในฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำ โรแมนติก"
"เสียดายจังเลยค่ะ หารีสอร์ตมาตั้งนานเพิ่งมาถูกใจที่ป่าฝนนี่แหละ" เพื่อนร่วมทีมของวินดี้แสร้งตีหน้าละห้อยอย่างสมบทบาท
"ต้องขอโทษจริงๆครับ แล้วก็ขอบคุณมากที่สนใจ"
"ถ้าอย่างนั้นขอเราเดินชมรีสอร์ตหน่อยได้ไหมคะ" วินดี้ถามโดยไม่รอฟังคำตอบ เธอเดินลิ่วนำชาวคณะเข้าไปด้านใน วสันต์ตกใจหน้าซีดเผือดรีบตามไปทันที
วสันต์เดินตามไปขวางกลุ่มของวินดี้ บอกอย่างสุภาพเช่นเดิมว่าทางเราไม่สะดวกให้เข้าไปจริงๆ ต้องขอโทษด้วยครับ
"ทำไมล่ะคะ ก็แค่เดินชมสถานที่นิดเดียวไม่รบกวนหรอกค่ะ"
"ไม่เคยคิดว่าเป็นการรบกวนเลยครับ แต่เป็นห่วงอันตรายมากกว่า เกิดวัสดุก่อสร้างหล่นลงมาถูกพวกคุณผมคงเสียใจ ไว้โอกาสหน้านะครับ ผมจะรับรองอย่างดีเลย"
"ถ้าอย่างนั้นเราคงรบกวนแค่นี้ โอกาสหน้าจะแวะมาใหม่ ขอบคุณมากนะคะ"
"ยินดีครับ"
"ไม่ทราบว่าคุณพอจะให้เบอร์ติดต่อเจ้าของรีสอร์ตได้มั้ย ฉันอยากจะโทร.ไปชมกับเขาว่าพนักงานของที่นี่สุภาพและให้เกียรติแขกที่มาพักมาก"
วสันต์ลืมสนิทว่ายังไม่ได้แนะนำตัว พูดยิ้มแย้มภาคภูมิใจว่า "ผมนี่ละครับเจ้าของป่าฝนรีสอร์ต ผมวสันต์ครับ"
ทั้งกลุ่มตาโตมองวสันต์อย่างทึ่งจัด แต่อีกเดี๋ยวเดียวความทึ่งนั้นกลับมลายหายไปสิ้น เมื่อวสันต์ที่เข้าใจไปเองว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่จาก ททท. ได้เชิญชวนพวกเขาไปชิมอาหารป่ารสเด็ด ซึ่งมีสัตว์ป่าจำนวนมากในกรงให้เลือกสรรกันเต็มที่ พร้อมกันนี้เขาก็แนะนำเมนูเด็ดที่ฟังแล้วชวนสยดสยองขนลุกขนพอง จนหลายคนที่แค่ฟังก็อาเจียนออกมากันแล้ว หนำซ้ำลูกค้าในร้านบางคนก็พานจะอาเจียนตามไปด้วย ทำให้วสันต์โกรธมากถึงกับระงับโทสะไม่อยู่
"พวกคุณเป็นบ้าอะไรถึงได้มาอ้วกใส่ผม ดูซิ ลูกค้าโต๊ะอื่นจะอ้วกตามคุณไปหมดแล้ว"
"ก็ใครบอกให้คุณวิตถารกินอะไรบ้าๆอย่างนี้ล่ะ" วินดี้โต้เสียงแหลม ทำให้วสันต์ยิ่งยัวะ เปล่งวาจาหยาบคายขึ้นทุกที
"บ้าที่ไหน ที่นี่มีแต่ของดีๆบำรุงกำลังโว้ย ไม่อยากกินแล้วเข้ามาทำไม"
"ก็ผมนึกว่าจะมีของป่าแปลกๆ พวกไข่มดแดง ยำแม่เป้ง ผัดเผ็ดหมูป่า ไม่คิดว่าจะเป็นเมนูพิสดารแบบนี้นี่ครับ"
"อาหารบ้านๆแบบนั้นที่นี่ไม่มีหรอกโว้ย รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ออกไปเลย ก่อนที่พวกแกจะได้กินยำตีนฉัน" วสันต์ไม่พูดเปล่า ยกเท้าจะทำจริง วินดี้และผองเพื่อนเลยวิ่งหนีกันกระเจิง แต่วสันต์ยังไม่หนำใจคว้าเอาข้าวของใกล้มือปาไล่ ก่อนจะหันไปบอกลูกค้าที่มองมาเป็นตาเดียวว่า
"ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไร เชิญทานต่อครับ ทานต่อ" ว่าแล้วก็พึมพำก่นด่าพวกนั้นอีก "เส็งเคร็งเอ๊ย เสียเวลาฉันจริงๆ"
กลุ่มของวินดี้วิ่งกระหืดกระหอบหนีตายกลับมาที่รถ และบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่น่าเชื่อนายวสันต์จะถ่อยได้โล่ขนาดนี้ ทั้งๆที่ตอนแรกสุภาพจนเราประทับใจ
"นี่ล่ะที่เขาบอกดูคนต้องดูนานๆ" วินดี้ท่าทางเจ็บใจไม่หาย คนอื่นๆอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า แล้วที่ธารารินทร์จะเป็นอย่างนี้ด้วยหรือเปล่า? บางทีธารารินทร์อาจจะเป็นพวกผักชีโรยหน้าเหมือนที่นี่ก็เป็นได้? วินดี้จึงตัดสินใจทันทีว่า "งั้นเราคงต้องกลับไปที่ธารารินทร์อีกครั้ง"
ooooooo










