ตอนที่ 15
ชายสองคนค่อยๆกดกระจกรถลง ถามตำรวจอย่างกลัวๆว่ามีอะไร ตำรวจถามกลับทำไมต้องเปิดวิทยุดังขนาดนี้ สองคนโกหกว่าหูไม่ค่อยดี ตำรวจพยักหน้าแล้วยื่นใบปลิวให้บอกว่าพวกเขามารณรงค์เมาไม่ขับ สองคนรับมาถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะขับรถออกไป
ภูมินทร์พยายามโทร.หาอินตรา เสียงมือถือในกระเป๋ากางเกงอินตราดัง เธอไม่สามารถรับได้จนสายหลุดไป ยุวดีสังหรณ์ใจจะเกิดเรื่องไม่ดีกับอินตรา นพดลก็เกรงว่าเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นจะมาจากมนชญา ภูมินทร์จึงลองโทร.ไปหามนชญา
“มนอยู่บ้านค่ะพี่ภู พี่ภูมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พี่คิดถึงก็เลยโทร.มาหาน่ะ มนอยู่บ้านก็ดีแล้ว อย่านอนดึกนะจ๊ะเดี๋ยวหน้าจะหมองและไม่สวยนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ภู”
“งั้นแค่นี้ก่อนนะจ๊ะมน”
มนชญาวางสายแล้วสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที “โถ...คิดว่าอินไม่รู้เหรอ คงกำลังตามหานังมนกันอยู่ล่ะสิ แต่หายังไงก็ไม่เจอหรอก...”
สองคนที่มนชญาจ้างให้เอาอินตราไปฝังทั้งเป็น มาจอดรถที่ป่าช้าแห่งหนึ่ง ช่วยกันยกโลงลงจากรถหาที่ฝัง อินตรารู้สึกตัวว่ามีคนมายกโลงจึงร้องให้ช่วย คนร้ายไม่ใส่ใจโทร.รายงานมนชญาว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ทั้งสองช่วยกันขุดหลุมฝัง
ในขณะที่ภูมินทร์พยายามโทร.หาอินตราแต่ไม่ได้ “โทรศัพท์มนแบตฯหมดไปแล้ว แล้วเราจะทำยังไงกันดีเนี่ย”
ยุวดีคิดได้ “งั้นเราโทร.ไปที่ศูนย์บริการดูมั้ยคะ ลองให้เขาตรวจสอบดูว่าสัญญาณครั้งสุดท้ายของมนอยู่แถวไหน”
ยุวดีโทร.สอบถามศูนย์ ได้ความแล้วหันมาบอกภูมินทร์กับนพดล ทั้งสามคนรีบตามไปช่วยอินตราตามสถานที่ที่ทางศูนย์บอก...
เสียงดินสาดลงมาบนฝาโลง อินตราตกใจกลัวพยายามดันฝาโลงให้เปิด จนฝาเผยอ เศษดินไหลทะลักใส่ยิ่งทำให้เธอตกใจ อินตราเริ่มรู้ว่าตัวเองคงไม่รอดแน่ จึงร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
“คุณพ่อขา...มนขอโทษที่มนคงไม่มีโอกาสได้ดูแลคุณพ่อแล้ว คุณแม่ขา คุณแม่มารับมนด้วยนะคะ...”
บริเวณสี่แยก ภูมินทร์ขับรถมาจอดไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี พลันเขาเห็นมัทนายืนชี้มือไปทางหนึ่ง เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“พี่เห็นคุณอามัทแม่ของมนมาบอกทาง”
“เหรอคะ งั้นเรารีบตามไปเลยสิคะ” ยุวดีไม่เห็นแต่ให้ภูมินทร์รีบไปทางนั้น
ภูมินทร์ขับรถไปตามทางที่มัทนาชี้ทุกทางแยก จนมาถึงปากทางเข้าป่าช้า มัทนาก็หายไป ภูมินทร์ลงจากรถวิ่งไปที่จุดนั้น ยุวดีกับนพดลวิ่งตามไป มาหยุดบนเนินที่อินตราถูกฝัง
“คุณอามัทหายไปแล้ว” ภูมินทร์บอกทั้งสองคน
“แล้วอย่างนี้เราจะหายัยมนเจอได้ยังไงล่ะคะ” ยุวดีมองไปรอบๆ
นพดลจึงบอกให้ช่วยกันหาบริเวณนี้ก่อน ทุกคนเห็นด้วยต่างแยกย้ายกันค้นหา สักพักกลับมารวมตัวกัน ต่างไม่เจออินตรา ยุวดีเริ่มร้องไห้ พนมมือขอให้มัทนาช่วยอีกครั้ง ขาดคำก็ปรากฏร่างมัทนาขึ้นเหนือเนินที่อินตราถูกฝัง แล้วเลือนหายไป ทั้งสามคนเห็นเหมือนกัน พากันวิ่งไปที่จุดนั้น ภูมินทร์รู้สึกว่าดินตรงนี้เหมือนเพิ่งถูกกลบใหม่ ทั้งสามคนหน้าเสีย ช่วยกันหาไม้มาขุด ลึกจนถึงโลงศพ อินตราได้ยินเสียงข้างนอก พยายามรวบรวมพลังร้องช่วยด้วย...
ภูมินทร์ได้ยินโยนไม้ทิ้งเอามือตะกุยดิน นพดลช่วยงัดฝาโลงออกเห็นอินตรานอนหายใจรวยริน ภูมินทร์ดึงร่างเธอขึ้นมากอดไว้แน่น อินตราค่อยๆลืมตาขึ้นมา พอเห็นทุกคนก็ร้องไห้โฮ
ooooooo
พากันกลับมาที่คอนโดฯ ภูมินทร์ประคองปลอบอินตราไม่ห่าง นพดลไปสอบถามทางคอนโดฯให้เช็กกล้องวงจรปิดจนได้เห็นว่ามีชายสองคนมาจับตัวอินตราออกไป ยุวดีเชื่อว่าเป็นฝีมือมนชญา ภูมินทร์ไม่อยากปักใจเชื่อเพราะยังไม่มีหลักฐาน ยุวดีไม่พอใจ
“ก็จับพี่อินมาคาดคั้นสิคะ หรือว่าเอาเข้าเครื่องจับเท็จก็ได้ เดี๋ยวพี่อินก็หลุดความเลวของตัวเองออกมาเองแหละ”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกจ้ะยุ เอาเป็นว่ามนกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็ดีมากพอแล้ว แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันทำให้มนเห็นคุณค่าของชีวิตตัวเองมากขึ้น มนจะไม่เสีย เวลาไปกับเรื่องเจ้าคิดเจ้าแค้นใคร แต่มนจะเอาเวลาของมนที่เหลืออยู่ดูแลคุณพ่อให้ดีที่สุด”
“ดีแล้วล่ะจ้ะมน อย่างน้อยที่สุดมนเองก็จะได้สบายใจ” ภูมินทร์เห็นดีด้วย ต่างกับยุวดีที่ยังหงุดหงิดไม่หาย นพดลยิ้มให้เป็นการปลอบใจ อินตรานึกได้ถามทุกคนว่าหาตนเจอได้อย่างไร ภูมินทร์ ยิ้มก่อนจะเล่าให้ฟัง พออินตรารู้ก็รีบไปไหว้กระดูกแม่ที่วัด
“คุณแม่ขา มนขอบคุณมากค่ะที่ช่วยมน มนสัญญาค่ะ ว่ามนจะใช้ชีวิตใหม่ที่คุณแม่มอบให้มนอีกครั้งอย่างมีคุณค่าที่สุด มนรักคุณแม่นะคะ” อินตราน้ำตาซึม ภูมินทร์จับมือปลอบโยน
พอภูมินทร์กับยุวดีกลับถึงบ้าน พบมนชญารออยู่ เธอปราดมาเกาะแขนถามภูมินทร์ทันทีว่าไปไหนกันมา ทำไมไม่ชวนบ้าง ยุวดีหมั่นไส้ตอบแทนว่าไปทำบุญมา ซึ่งรู้ว่ามนชญาไม่ชอบ มนชญาลอยหน้าลอยตาเย้ย
“อย่ามองมนในแง่ร้ายนักสิจ๊ะยุ ทำไมฉันจะไม่ชอบทำบุญ ไม่อย่างงั้นชาตินี้ฉันจะได้แต่สิ่งดีๆเหรอ”
“จริงของเธอฉันลืมไป มิน่า ทำไมวันนี้ฉันกับพี่ภูถึงเจอพี่อินไปทำบุญด้วย ที่แท้พี่อินก็คงอยากทำบุญเผื่อจะได้...ได้อะไรดีๆอย่างเธอ หรือไม่ก็จะได้ให้บุญช่วยคุ้มครองพี่อินจากสิ่งเลวร้ายเนอะ”
“ว่าไงนะ...เธอเจอพี่อินเหรอ” มนชญาตกใจ
“ใช่ ทำไมเธอต้องตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะ”
“เอ่อ...เปล่า ไม่มีอะไร ฉันก็ตกใจที่รู้ว่าคนอย่างพี่อินไปทำบุญน่ะ”
ยุวดีมองมนชญาอย่างจับผิด มนชญาพยายามเก็บอาการ...พอกลับถึงบ้านก็ระเบิดอารมณ์ไม่พอใจที่อินตรารอดมาได้
ooooooo
คิดหาวิธีกำจัดอินตราเท่าไหร่ไม่สำเร็จเสียที สุดท้าย มนชญาจึงใช้ความใจอ่อนของอินตรามาเป็นเครื่องมือ เธอไปหาอินตราที่คอนโดฯ อินตราหวาดหวั่นจึงให้ไปคุยกันในสวน
“มนคงไม่ไว้ใจพี่มากเลยใช่มั้ย ถึงต้องให้เราลงมาคุยกันที่นี่”
“พี่อินมีเรื่องอะไรก็รีบพูดมาเถอะค่ะ อย่าเสียเวลาเลย”
มนชญาบีบน้ำตาสำนึกผิด “พี่เคยมั่นใจว่าถ้าพี่เป็นมน ทุกๆคนจะต้องรักพี่เหมือนอย่างที่รักมน แล้วพี่ก็จะมีความสุข แต่เปล่าเลยไม่มีใครรักพี่เลยสักคน”
“ก็ในเมื่อพี่อินไม่เคยคิดจะรักคนอื่นก่อน แล้วพี่อินจะหวังได้รับความรักจากใครตอบได้ยังไงล่ะคะ”
มนชญาสะอึกที่โดนสั่งสอน ทำเป็นบีบน้ำตา “จ้ะ พี่เข้าใจแล้ว พี่ก็เลยอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ วันนี้พี่ถึงมาปรึกษากับมนว่าจะมีวิธีไหนบ้างไหมที่เราจะกลับคืนร่างเดิมกัน”
“พี่อินแน่ใจเหรอคะว่าพี่อินอยากกลับร่างเดิม” อินตราไม่อยากเชื่อ
“พี่คิดอยู่แล้วว่ามนต้องไม่เชื่อพี่ โลกนี้ไม่มีใครเชื่อพี่ หรือรักพี่จริงๆเลยสักคน” มนชญาแกล้งร้องไห้เสียใจแล้ววิ่งออกไปหน้าคอนโดฯ มีรถคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว
อินตราวิ่งตามมาดึงมือมนชญาหลบอย่างเฉียดฉิว ทั้งสองล้มไปด้วยกัน คนขับรถหันมาสบถใส่สองสาว
“มนมาช่วยพี่ทำไม พี่อยากตาย หรือว่ามนไม่อยากให้ร่างของตัวเองเป็นอะไรไป”
“มนไม่ได้ยึดติดกับร่างของตัวเองขนาดนั้นหรอกค่ะพี่อิน แต่ถ้าพี่อินอยากกลับร่างเดิมจริงๆ มนก็ยินดีจะร่วมมือกับพี่อินค่ะ”
“จริงเหรอจ๊ะมน แล้วเราต้องทำยังไงกันบ้าง มนรู้บ้างไหม” มนชญาแสร้งทำเป็นดีใจ
“พี่อินต้องอโหสิกรรมสิ่งที่พี่อินผูกใจเจ็บกับมนเอาไว้เมื่อชาติที่แล้ว และมนว่าเราสองคนคงต้องลองกลับไปตรงสถานที่ที่พี่อินเคยขับรถชนมนในวันเกิดสุริยุปราคา”
“ตกลงจ้ะ แต่พี่มีเรื่องจะขอร้องมน” มนชญาทำหน้าหนักใจ พออินตราถามว่าเรื่องอะไรก็ทำท่าจริงจัง “พี่อยากให้เราทำทุกอย่างกันเองสองคน แล้วถ้าเรากลับร่างเดิมกันได้แล้ว พี่ก็จะหนีไปให้ไกลจากทุกคน ได้ไหมจ๊ะมน”
อินตรานิ่งคิดก่อนจะตัดสินใจยอม มนชญาดีใจดึงอินตรามากอดแต่แฝงด้วยแววตาร้าย
ooooooo
ใกล้ถึงวันที่จะเกิดสุริยุปราคา ภูมินทร์ ยุวดีและนพดลช่วยกันคิดวิธีที่จะทำให้อินตราคืนร่าง แต่อินตรากลับครุ่นคิดถึงคำพูดของมนชญา เธอสับสนว้าวุ่นใจไม่รู้จะเชื่อดีหรือไม่ นึกถึงคำเตือนของยุวดี ที่ว่าอย่ามองพี่อินในแง่ดีเกินไป เพราะเขาไม่รู้จักคำว่าสำนึก แต่คำสอนของแม่ชีจันก็ผุดขึ้นมาว่าให้ดำเนินชีวิตไปตามพรหมวิหารสี่ แล้วชีวิตจะพบแต่ความสงบสุข อินตราตัดสินใจทำตามคำสอนของแม่ชีจัน
กิ่งกาญจน์ฟื้นขึ้นมา พอเห็นใบหน้าตัวเองมีแต่รอยเย็บดูน่าเกลียด ก็ร้องกรี๊ดลั่น...เอาผ้าคลุมหน้า แอบออกมาโทรศัพท์ในบริเวณโรงพยาบาล แปลกใจที่วายุไม่รับสาย เธอเดินหงุดหงิดจะกลับห้อง เผอิญชนกับเจ้าหน้าที่ที่หอบหนังสือพิมพ์มา หนังสือพิมพ์หล่นลงทำให้เธอเห็นข่าวการตายของวายุ ก็ตกใจ เสียใจ คิดจะแก้แค้นมนชญาที่ทำให้วายุตายและตนมีสภาพแบบนี้
กิ่งกาญจน์โทร.หามนชญาทันที มนชญาไม่ได้หวาดกลัวอะไรกลับถามว่าโทร.มาทำไม
“แกทำเลวร้ายกับฉันไว้มากนะ นังมนชญา”
“แค่นั้นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคนที่เป็นศัตรูกับฉัน”
“แต่คนอย่างนังกิ่งก็ไม่เคยยอมอะไรใครง่ายๆซะด้วย เมื่อแกทำร้ายฉันได้ ฉันก็จะแฉแก แฉให้คุณภูเขารู้ธาตุแท้ของแกว่าตัวตนที่แท้จริงของแกน่ะเลวร้ายขนาดไหน”
“แกไม่มีหลักฐานอะไรจะเอามาแฉฉันได้หรอก”
กิ่งกาญจน์ท้าว่าอยากลองไหม มนชญาอึ้งไปสักพักแล้วถามว่าต้องการอะไร กิ่งกาญจน์เรียกเงินสิบล้าน แลกกับการไม่มีข่าวหน้าหนึ่ง มนชญาชั่งใจก่อนจะตอบตกลง แต่ก็ไม่เชื่อว่ากิ่งกาญจน์จะไม่คิดร้ายกับตน
มนชญามาหาอินตรา ขอให้ช่วยโดยบอกว่ากิ่งกาญจน์โทร.มาแบล็กเมล์ขอเงินสิบล้าน
“แล้วทำไมเขาต้องแบล็กเมล์พี่อินด้วย พี่อินไปทำอะไรเขาเหรอคะ”
“เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำอะไรคุณกิ่ง แต่พี่กับคุณกิ่งเรามีปัญหากันอยู่บ้าง เพราะคุณกิ่งจ้องจับพี่ภูอยู่ มนคงไม่เคยรู้ใช่ไหมจ๊ะ”
“มนรู้ค่ะ แต่มนเชื่อใจพี่ภู มนก็เลยไม่คิดมาก”
“จ้ะ พี่ยอมรับนะมน เมื่อก่อนพี่ก็เคยทำไม่ดีกับคุณกิ่ง เพราะตอนนั้นพี่ยังคิดไม่ได้ ยังเอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ คุณกิ่งก็เลยขู่ว่าจะฟ้องเรื่องทั้งหมดที่พี่เคยทำไม่ดีกับคุณกิ่งให้พี่ภูรู้เรื่อง พี่ไม่อยากให้พี่ภูเกลียดพี่ เพราะมันเท่ากับว่าพี่ภูจะเกลียดมนไปด้วย แล้วอีกอย่างถ้าคุณพ่อรู้เรื่องเข้า ท่านก็คงไม่สบายใจ”
อินตรานิ่งคิดแล้วตัดสินใจยอมช่วย มนชญายิ้มสมใจ เธอให้อินตราเป็นคนนำเช็คไปให้กิ่งกาญจน์ที่นัดหมาย เพราะไม่ไว้ใจคิดว่าถ้ากิ่งกาญจน์จะทำอะไร ก็ให้อินตรารับแทนไป
สถานที่นัดหมายคือสวนสาธารณะ มนชญาแอบมองอยู่มุมหนึ่ง เห็นกิ่งกาญจน์เดินมาด้านหลังอินตรา ล้วงหยิบขวดออกมาเปิดฝาก็แปลกใจว่าจะทำอะไร เริ่มคาดเดาว่า “นี่คิดจะสาดน้ำกรดฉันเลยเหรอเนี่ย มันจะมากไปหน่อยแล้วนะนังกิ่ง งั้นก็สาดนังมนไปแล้วกัน”
มนชญาเฝ้ามองอย่างลุ้นระทึก กิ่งกาญจน์เงื้อมือจะสาด แต่พออินตราหันหน้ามาก็ชะงัก รีบซ่อนขวดน้ำกรดด้านหลัง “คุณอินตรา คุณมาทำอะไรที่นี่”
“ฉันเอาเช็คเงินสดมาให้คุณแทนมนจ้ะ”
“แล้วทำไมคุณมนไม่มาด้วยตัวเอง”
“มนยังรู้สึกผิดก็เลยไม่กล้าสู้หน้าคุณ นี่ค่ะเช็คเงินสิบล้าน” อินตรายื่นเช็คให้ แล้วบอกอีกว่ามนชญาฝากขอโทษกับสิ่งไม่ดีที่เคยทำไว้กับเธอ
กิ่งกาญจน์ไม่อยากเชื่อ อินตราจึงบอกว่าตนไม่ทราบปัญหาที่มี แต่อยากขอให้ให้อภัยมนชญา เพราะคนที่เอาแต่เจ้าคิดเจ้าแค้นจะมีแต่ความทุกข์ กิ่งกาญจน์คิดตาม อินตราขอตัวกลับ กิ่งกาญจน์มองเช็คในมือแล้วยิ้มอย่างพอใจ...มนชญา ซึ่งแอบดูอยู่เจ็บใจ
“ฉันไม่โง่ยอมเสียเงินให้กับคนที่คิดจะสาดน้ำกรดฉันหรอกนะ” ว่าแล้วมนชญาก็โทร.ไประงับเช็ค
พอกิ่งกาญจน์เอาไปขึ้นเงินก็ไม่ได้ แถมจะถูกจับส่งตำรวจต้องวิ่งหนีออกมาจากธนาคาร มนชญาขับรถโฉบเข้ามาเปิดกระจกเย้ย “ไงจ๊ะ เบิกเช็คไม่ได้เหรอ งั้นไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฉันเผาแบงก์กงเต๊กไปให้เธอแทนก็แล้วกันนะ”
กิ่งกาญจน์โกรธจนตัวสั่น มองตามหลังรถมนชญาที่แล่นไปด้วยแววตาอาฆาตแค้น
ooooooo
อินตรากลับมาถึงคอนโดฯ ภูมินทร์ ยุวดี และนพดลรุมถามว่าไปไหนมาด้วยความเป็นห่วง อินตรา ไม่กล้าบอกความจริงโกหกไปว่าตนไปธุระมา แล้วขอตัวพักผ่อน อินตราเอาแต่ครุ่นคิดว่ากิ่งกาญจน์กับมนชญามีปัญหาอะไรกัน
กิ่งกาญจน์ยังแค้นใจ ขับรถสะกดรอยตามมนชญาเพื่อหาโอกาสแก้แค้น แต่แล้วขณะที่มนชญาขับรถเข้าซอยบ้าน ก็เห็นผีวายุยืนอยู่ข้างทาง มนชญาตกใจเบรกรถกะทันหัน ทำเอากิ่งกาญจน์เบรกตามหัวทิ่มหัวตำ
“บ้าจริง ตาฝาดไปได้เรา” มนชญาบ่นกับตัวเองไม่ทันไร เห็นผีวายุมานั่งในรถ เธอร้องกรี๊ดวิ่งหนีออกมาจากรถ เป็นโอกาสให้กิ่งกาญจน์เข้าประชิดตัว เอาเครื่องช็อตไฟฟ้าจี้จนสลบ
กิ่งกาญจน์ไปเอาถังน้ำมันในรถมาราดใส่มนชญา หวังจะจุดไฟเผา เผอิญมนชญารู้สึกตัวต่อสู้เอาตัวรอด วิ่งหนีมาแถวริมน้ำ กิ่งกาญจน์วิ่งตามมาด้วยความแค้น ทั้งสองต่อสู้กัน มนชญาได้ทีแย่งเครื่องช็อตไฟฟ้ามาได้จี้กิ่งกาญจน์จนอ่อนแรง แล้วเร่งเบอร์แรงสุดจี้ซ้ำจนตาค้าง
“นี่คือบทเรียนของคนที่มันกล้าคิดจะลองดีกับฉัน” มนชญาถีบกิ่งกาญจน์ตกไปในน้ำแล้วโยนเครื่องช็อตตามลงไป ยิ้มอย่างสะใจสุดๆ...
เห็นอินตรายังซึมเศร้า ภูมินทร์เป็นห่วงเข้าไปถาม “มนจ๊ะ มนมีเรื่องอะไรปิดบังพี่อยู่หรือเปล่าจ๊ะ”
อินตราพยายามทำหน้าเป็นปกติ แต่ไม่สบตา ทำให้ภูมินทร์รู้ทันจึงกล่าวว่า “เอาเป็นว่าถ้ามนไม่อยากบอกพี่ก็ไม่เป็นไรนะ เพราะพี่เชื่อว่ามนคงมีเหตุผลที่จะไม่บอกพี่ เพราะ ฉะนั้นพี่ก็จะไม่ถามมนอีก มนจะได้ไม่ต้องโกหกพี่อีก”
อินตราขอบคุณและมองภูมินทร์ด้วยความซาบซึ้งใจที่เข้าใจตน ภูมินทร์ดึงเธอเข้ามากอด
ooooooo
ถึงวันที่จะเกิดสุริยุปราคา นพดลมาเคาะประตูห้องเรียกอินตรา ไม่มีเสียงตอบจึงเปิดเข้าไป ไม่พบอินตรา เจอแต่จดหมายทิ้งไว้ว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง มนขอจัดการปัญหานี้ด้วยตัวเอง”
นพดลเอาจดหมายมาให้ภูมินทร์ ทั้งภูมินทร์และยุวดีต่างไม่สบายใจ...อินตรามาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไกรสรฟัง และว่าตนจะลองเชื่ออีกครั้ง แต่ขอพรจากไกรสรก่อนจะไป... มนชญาขับรถออกจากบ้านโดยไม่รู้เลยว่า อยู่ในสายตาของใครคนหนึ่ง รถมนชญาแล่นมารับอินตราที่รออยู่ข้างทาง
ภูมินทร์ ยุวดี และนพดลมาหาไกรสรที่โรงพยาบาล เอาจดหมายให้ดูและถามว่าอินตรามาที่นี่บ้างหรือเปล่าไกรสร ตอบว่ามาและกำลังไปทำพิธีสลับร่าง นพดลแปลกใจถามไกรสร
“อินตราน่ะเหรอครับ จะยอมทำพิธีสลับร่างคืนกับคุณมน”
“ใช่ อินตรามาขอร้องมนเอง เพราะอินตราไม่มีความสุขที่จะอยู่ในร่างมนอีกแล้ว”
“อย่าหาว่ายุมองพี่อินในแง่ร้ายเลยนะคะคุณพ่อ แต่ยุไม่เชื่อว่าพี่อินจะสำนึกจริงๆ ยุว่าพี่อินต้องมีแผนร้ายหรือคิดจะฆ่ามนเหมือนครั้งก่อนแน่ๆ”
ไกรสรอึ้งเริ่มกังวล ภูมินทร์จึงถามถึงสถานที่ที่อินตราไป ไกรสรบอกว่าที่ที่เกิดเรื่องครั้งแรก ทันใด กัลยาณีเปิดประตูเข้ามา พอเห็นไกรสรนั่งอยู่บนเตียงก็ตกตะลึงซักถามยกใหญ่ ไกรสรบอกภูมินทร์ ยุวดี และนพดลให้ไปช่วยอินตราก่อนทางนี้ เขาจะเคลียร์กับกัลยาณีเอง...
อินตรากับมนชญามาทำบุญอโหสิกรรมให้แก่กันและกันที่วัด จากนั้นทั้งสองก็มาที่เกิดเหตุ มนชญาทำเป็นร้องไห้กระซิกๆ “พี่เห็นที่นี่แล้วพี่รู้สึกผิดที่พี่เคยทำไม่ดีกับมนน่ะจ้ะ”
“ช่างมันเถอะค่ะพี่อิน อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป เรารีบไปกันก่อนที่สุริยุปราคาจะเกิดเถอะค่ะ”
ทั้งสองยืนแหงนมองฟ้าอยู่ริมตลิ่ง อินตราบอกมนชญาให้ตั้งจิตให้มั่น สองสาวจับมือกันโดดลงไปในน้ำ จู่ๆมนชญาก็ลืมตาทะลึ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ กดหัวอินตรากระแทกก้อนหินใต้น้ำ
“แกนี่มันโง่ไม่เลิกเลยนะนังมนชญา ฉันจะฆ่าแกให้ตาย แล้วฉันจะกลับไปบอกทุกคนว่าเราคืนร่างกันแล้ว ทีนี้ฉันก็จะเป็นมนชญาคนใหม่”...อินตราเลือดอาบหมดสติไปแล้ว
รถภูมินทร์มาถึงเห็นรถมนชญาจอดอยู่ ก็รีบลงจากรถร้องเรียก สุริยุปราคาเริ่มเต็มดวง...










