ตอนที่ 14
เมื่อจวนตัว วายุจึงล็อกคอมนชญาเอาปืนจ่อเป็นตัวประกัน นพดล ยุวดี วารี ดุสิต และกัลยาณีวิ่งตาม ออกมา ต่างตกใจร้องห้ามวายุ อย่าทำอะไรมนชญา ภูมินทร์ ดึงตัวกัลยาณีไว้ไม่ให้เข้าไป หันบอกยุวดีให้ดูแลทุกคน ส่วนตัวเขากับนพดลตามตำรวจไปช่วยมนชญา
นพดลกระซิบภูมินทร์ “เราต้องระวังไม่ให้ร่างของคุณมนเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
ภูมินทร์พยักหน้ารับ...มนชญาร้องให้คนช่วย ขณะถูกวายุลากถูลู่ถูกัง แล้วแกล้งล้ม วายุโกรธตบหน้าแล้วกระชากผมให้ลุกขึ้น เพราะรู้ว่าเป็นมารยาของเธอ
“ถ้าไม่อยากโดนมากกว่านี้ก็อย่ามาทำดัดจริตสำออยกับฉัน ไป...”
มนชญาเห็นตำรวจ ภูมินทร์ และนพดลตามมาจึงร้องขึ้นว่า“ตำรวจตามมาแล้ว แกไม่รอดแน่”...พอวายุหันไปมอง ก็ฉวยโอกาสใช้ศอกกระทุ้งท้องวายุอย่างแรงจนตัวงอ แล้วผลักเขาวิ่งหนีไปหาภูมินทร์ “พี่ภูช่วยมนด้วย...”
วายุลุกขึ้นคว้าปืนเล็งไล่หลังมนชญา ภูมินทร์กับนพดลตกตะลึง เสียงปืนดังปัง...ขึ้น มนชญาหยุดชะงักหันไปมองวายุ เห็นวายุเลือดซึมออกจากท้องเพราะโดนตำรวจยิงใส่เสียก่อนวายุจะขยับ ตำรวจจึงยิงใส่อีกหลายนัด เลือดกระเซ็นใส่มนชญา เธอตกใจร้องกรี๊ด ร่างวายุล้มลง สายตาวายุยังจ้องมองมนชญาจนสิ้นใจ มนชญาเห็นแล้วหวาดผวา แต่ก็แอบยิ้มมุมปากอย่างสะใจ
ภูมินทร์ประคองมนชญากลับมาหาทุกคนในโรงแรม กัลยาณีเข้ากอดด้วยความห่วงใย มนชญารีบบอกทุกคน “มนว่าเรารีบกลับเข้าไปในงานเถอะนะคะ ป่านนี้แขกคงรอกันแย่แล้วไปกันเถอะค่ะพี่ภู”
ภูมินทร์ไม่เดินตาม หันไปสบตาคนอื่นๆอย่างหนักใจ กัลยาณีจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น “แต่ชุดของหนูเปื้อนเลือดเต็มไปหมดเลย หนูจะเข้าไปในงานได้ยังไง อาว่าวันนี้เราล้มเลิกงานไปก่อนเถอะนะคะ”
“ไม่ค่ะ มนไม่ล้มเลิก เดี๋ยวมนโทร.ให้ที่ร้านเอาชุดใหม่ มาเปลี่ยนก็ได้”มนชญาหงุดหงิด
“แต่ป่านนี้แขกในงานคงรู้เรื่องกันหมดแล้ว ทุกคนคงหวาดกลัว ไม่มีใครมีกะจิตกะใจจะร่วมแสดงความยินดีกับเราหรอกนะ”วารีเตือน
มนชญาเผลอตวาดกลับ “คุณป้าอย่าคิดไปเองสิคะ คนเลวๆอย่างไอ้วายุมันตาย ใครเขาจะไปสนใจ เข้างานกันเถอะค่ะพี่ภู”
“แต่พี่เห็นด้วยกับคุณอาณีและคุณแม่นะมน พี่ว่าวันนี้เราอย่าเพิ่งแต่งงานกันเลยนะ”
มนชญาเห็นภูมินทร์แข็งขืนก็พูดไม่ออก ปล่อยแขนเขาแล้ววิ่งออกไป กัลยาณีห่วงหลานวิ่งตามไป ยุวดีสบตานพดลโล่งใจ...พอมีโอกาสอยู่กันตามลำพัง ยุวดีก็พูดกับภูมินทร์และนพดล
“เดชะบุญจริงๆเลยนะคะ ที่พี่ภูไม่ได้แต่งงานกับยัยพี่อิน อย่างว่าล่ะค่ะ คนไม่ใช่คู่กัน ต่อให้พยายามแค่ไหนก็จะไม่ได้คู่กันอยู่วันยังค่ำ”
“ว่าแต่ไม่รู้ว่าวายุมาทำอะไรที่นี่ อินตราถึงต้องลงไปหา” นพดลสงสัย
ภูมินทร์เองก็แปลกใจ พลัน มีพนักงานโรงแรมวิ่งกันวุ่น เสียงผู้จัดการให้คนโทร.เรียกรถพยาบาล นพดลจึงเข้าไปถามว่ามีเรื่องอะไร ผู้จัดการตอบว่า พบผู้หญิงถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสถูกขังอยู่ในห้องเก็บของ ทุกคนตามไปดู พอเห็นว่าเป็นกิ่งกาญจน์ก็ตกใจ
ooooooo
วันต่อมา อินตรากราบลาแม่ชีจัน แม่ชีถามว่าสบายใจขึ้นแล้วใช่ไหม อินตรายิ้มๆ รับว่าใช่ การนั่งสมาธิครั้งนี้ ทำให้ตนมีสติขึ้น และรู้ว่าอย่าไปยึดติดกับสิ่งใด ทุกอย่างบนโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง
อินตรากลับมาที่โรงพยาบาล เผอิญเห็นข่าวในทีวีว่าวายุถูกวิสามัญในโรงแรมชื่อดัง ก็ตกใจรีบเดินเข้าห้องไกรสร จึงไม่ได้ฟังข่าวต่อไปที่ว่า จะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในเร็ววัน...อินตราเข้ามาในห้องไม่เห็นไกรสร ก็แปลกใจรีบไปถามพยาบาล
“มีผู้หญิงพาออกไปเดินเล่นที่สวนน่ะค่ะ” อินตรายิ่งเป็นกังวลรีบตามไป
มองไปทั่วบริเวณสวนไม่เห็นไกรสรก็หวั่นใจ “คุณพ่อหายไปไหน...”
พลันหันกลับมาเกือบชนเอาภูมินทร์ถึงกับจะหงายหลัง ภูมินทร์รวบเธอเข้ามากอดไว้แล้วกระซิบว่า ไกรสรอยู่อีกด้าน อินตราจึงถามว่าอยู่ไหน
“มนยังไม่ต้องไปหาคุณอาตอนนี้หรอกจ้ะ ป่านนี้ยุกับนพคงพาคุณอาไปเดินเล่นที่อื่นแล้วมั้ง...มนหายไปไหนมา พี่โทร.หาตั้งแต่เมื่อคืน ทำไมไม่รับสาย”
“อย่าค่ะพี่ภู พี่ภูแต่งงานแล้วนะคะ” อินตรานึกได้ดันตัวออก
“ใครว่าพี่แต่งงานแล้ว...พอดีเมื่อคืนเกิดเรื่องวายุเสียก่อน งานแต่งงานก็เลยต้องล้มเลิกกะทันหัน เพราะฉะนั้นตอนนี้พี่ก็ยังมีสิทธิ์กอดผู้หญิงที่พี่รัก ส่วนต่อไปเรื่องราวของเรามันจะลงเอยยังไงก็สุดแท้แต่โชคชะตา แต่ตอนนี้ เวลานี้...ขอให้พี่ได้รักมนก็พอ”
อินตราน้ำตาไหล ภูมินทร์เช็ดน้ำตาให้แล้วดึงเธอมากอด อินตรากอดตอบอย่างซึ้งใจ แต่ก็อดห่วงมนชญาไม่ได้ จึงถามว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ภูมินทร์หน้าเครียด...
ขณะเดียวกัน กัลยาณีมาเคาะประตูห้องเรียกมนชญาด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่มีเสียงตอบจึงเปิดประตูเข้าไป พบว่า ในห้องข้าวของเกลื่อนกระจาย แต่มนชญาไม่อยู่จึงบ่น
“หนูมนนะ ทำไมถึงต้องอาละวาดขนาดนี้ เมื่อก่อนไม่เห็นจะเคยเจ้าอารมณ์อย่างนี้เลย ถ้าเป็นนังอินตราก็ว่าไปอย่าง”
พลัน กัลยาณีเห็นซองน้ำตาลตกอยู่ที่พื้น จึงหยิบมาเปิดดู เป็นพินัยกรรมปลอมที่ตนเซ็นชื่อเป็นพยานให้ แต่ข้อความกลับเป็นว่า สมบัติทั้งหมดยกให้มนชญาแต่เพียงผู้เดียว กัลยาณีตกตะลึง เพราะมนชญาเคยบอกว่า จะแบ่งกับตนคนละครึ่ง กัลยาณีไม่พอใจมาก คืนนั้นจึงนั่งรอมนชญากลับมา... มนชญาเข้าบ้านมาในสภาพเมามาย
“นี่มนไปกินเหล้ามาค่อนวันค่อนคืนเหรอเนี่ย ทำไมเดี๋ยวนี้มนถึงได้ทำตัวเหลวไหลอย่างนี้” กัลยาณีตำหนิหลานสาว
“ถึงทำตัวดีก็ไม่เห็นจะมีใครอยากเอาไปทำเป็นเมียนี่คะ คุณอาไม่มีธุระอะไรกับมนใช่ไหมคะ มนขอตัว”
“เดี๋ยว...อามีเรื่องจะถาม”
มนชญาสีหน้าเบื่อหน่าย หันมาถามว่าเรื่องอะไร กัลยาณีโยนซองน้ำตาลให้ดูก่อนจะถาม
“ทำไมพินัยกรรมถึงเขียนว่า สมบัติทั้งหมดจะเป็นของมนคนเดียว ทั้งๆที่มนเคยบอกอาว่ามนจะยกสมบัติให้อาครึ่งหนึ่ง”
“คุณอาจะไม่โลภไปหน่อยเหรอคะ แค่ทุกวันนี้มนให้ คุณอาอาศัยอยู่ที่นี่ก็บุญแค่ไหนแล้ว” มนชญายิ้มอย่างไม่แคร์
“มน...ทำไมถึงพูดกับอาแบบนี้”
“ก็แล้วทำไมมนจะพูดไม่ได้ล่ะคะ คุณอาว่าแต่อินตราเป็นกาฝาก แต่จริงๆแล้วคุณอาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากอินตราเลยสักนิด คุณอาเองก็เป็นกาฝาก เป็นผีดูดเลือดที่คอยเกาะคุณพ่อไม่ยอมปล่อยเหมือนกัน”
กัลยาณีโกรธจนตบหน้ามนชญาไปอย่างแรง มนชญาหันกลับมาจ้องหน้า “ตบครั้งนี้มนจะไม่เอาคืนหรอกค่ะ ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่ช่วยมนทำพินัยกรรมปลอม แต่คุณอาจงรู้ตัวเอาไว้นะคะว่า ถ้าคุณพ่อตายเมื่อไหร่ คุณอาเตรียมหาที่อยู่ใหม่ได้เลย”
มนชญาเดินไป กัลยาณีทรุดนั่งร้องไห้อย่างเจ็บใจ ก่อนจะผลุนผลันออกไป...กัลยาณีมาหาไกรสรที่โรงพยาบาล เห็นนอนนิ่งอยู่บนเตียง ก็โผกอดร้องไห้โฮ รำพันในสิ่งที่มนชญาทำกับตน ไกรสรแอบลืมตามองน้องสาวแต่ทำอะไรไม่ได้
ooooooo
ครอบครัวภูมินทร์นั่งทานข้าวเช้าร่วมกัน ยุวดีถามถึงอาการกิ่งกาญจน์ ภูมินทร์ตอบว่า พ้นขีดอันตรายแล้ว รอแค่เธอฟื้นขึ้นมาเท่านั้น แต่แผลที่หน้าของเธอคงได้แต่รักษาให้หาย แผลเป็นยังคงหลงเหลือ ยุวดีเห็นใจแต่ก็ดีใจถ้ากิ่งกาญจน์ฟื้นขึ้นมาจะได้รู้เสียทีว่าใครทำเธอ ทันใด มีข่าวโทรทัศน์ว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงอีกสองสามวันนี้ และจะเห็นได้ชัดในภาคกลางของไทย สองคนสบตากันตื่นเต้นดีใจ
วันนี้ ไกรสรโทร.เรียกนพดลกับอินตรามาพบแต่เช้า เพื่อถามเรื่องที่จะคืนร่าง เพราะเกรงถ้าตนเป็นอะไรไป คงมีคนอื่นเดือดร้อนนั่นก็หมายถึงกัลยาณี
“คุณพ่ออย่าพูดแบบนี้สิคะ มนใจไม่ดีเลย” อินตราโผกอดไกรสร
“พ่อพูดตามความจริงลูก ไม่มีใครรู้ได้หรอกว่าเราจะตายเมื่อไหร่ และถ้าพ่อจะตาย พ่ออยากจะแน่ใจว่าทุกคนที่พ่อรักจะมีชีวิตที่ดี และสุขสบาย พ่อถึงจะนอนตายตาหลับ”
“พวกเราเคยช่วยกันหาทางให้คุณมนกับอินตรากลับร่างเดิมกันหลายครั้งแล้วครับ แต่ก็ยังไม่สำเร็จ พวกเราก็เลยต้องรอจนกว่าจะถึงวันที่เกิดสุริยุปราคาใหม่อีกครั้งครับ”
พอดีภูมินทร์โทร.เข้ามือถืออินตรา เพื่อบอกข่าว อินตราดีใจหันไปบอกไกรสรกับนพดล “พี่ภูบอกมีข่าวออกมาว่ากำลังจะมีสุริยุปราคาเกิดขึ้นเร็วๆนี้ นี่พี่ภูกับยุก็เลยกำลังขับรถมารับมนไปหาแม่ชีจัน จะได้คิดกันว่าจะทำยังไงต่อไปดี”
ทุกคนยิ้มแย้มด้วยความดีใจ...
นึกได้ว่าตัวเองทำกิริยาไม่ดีเอาไว้ มนชญาจึงหอบกระเช้ามากราบขอโทษวารีที่บ้าน วารีจำใจรับไว้ มนชญาถามหาภูมินทร์ วารีตอบว่าออกไปข้างนอกกับยุวดี มนชญาแปลกใจว่าสองคนไปไหนกัน...
ด้านหน้าโรงพยาบาล ภูมินทร์กับยุวดีขับรถมารับอินตรากับนพดล มนชญาขับรถเข้ามาเห็นก็แปลกใจว่าจะพากันไปไหน จึงขับรถตามจนมาถึงวัด “มาทำอะไรกันที่นี่”
มนชญาแอบตามจนถึงกุฏิแม่ชีจัน แอบฟังทุกคนคุยกัน อินตรากล่าวกับแม่ชีจันว่า
“อีกไม่กี่วันนี้ก็จะเกิดสุริยุปราคาแล้ว อย่างนี้ก็จะมีโอกาสที่มนกับพี่อินจะกลับคืนร่างเดิมกันได้ใช่ไหมคะ”
แม่ชีจันพยักหน้า ภูมินทร์รีบถาม “แล้วต้องทำยังไงกันบ้างเหรอครับ แม่ชีช่วยบอกผมหน่อยเถอะครับ ผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้มนกลับคืนร่างเดิมให้ได้”
สีหน้ามนชญาที่แอบฟังอยู่ตะลึง ที่ภูมินทร์รู้เรื่องสลับร่าง แค้นใจเพราะเหตุนี้ถึงไม่ยอมแต่งงานกับตน...แม่ชีจันตอบภูมินทร์ว่ายังไม่รู้วิธีจะช่วย แต่คืนนี้จะพยายามนั่งสมาธิเพ่งจิตหาหนทางช่วยให้ได้ ทุกคนก้มกราบแม่ชีจัน แต่มนชญาที่แอบฟังอยู่ โกรธและแค้นใจมาก คิดแผนร้ายอีกครั้ง
ooooooo
คืนนั้น แม่ชีจันนั่งสมาธิแน่วแน่อยู่หน้าหิ้งพระ ในนิมิตได้เห็นภาพอดีตตอนที่ท่านชายทัดพายเรือให้บัวกับเอี่ยมนั่งกลับจากวัด บัวกล่าวกับเอี่ยม “พี่เอี่ยมอย่าพูดเยี่ยงนั้น ถ้าเกิดสิ่งใดขึ้น น้องจักเป็นคนช่วยพี่เอี่ยมเองค่ะ”
และตามด้วยภาพพายุฝนกระหน่ำ เรือล่ม เอี่ยมตะเกียกตะกายจมน้ำ เห็นท่านชายทัดว่ายน้ำผ่านตัวเองไปช่วยบัว ตัวเองจมลงสู่ใต้น้ำอย่างทรมานจึงกล่าวอาฆาต...ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้กูกับมึงกลับมาเกิดร่วมชาติกันอีก แต่ขอให้มึงฉิบหายแทนกู ขอให้มึงทรมานจนตายอย่างที่กูเป็น...
แม่ชีจันลืมตาพรวดขึ้นอย่างนึกอะไรได้ “ที่แท้การสลับร่างคืน มันไม่ได้เกี่ยวกับการเกิดสุริยุปราคาหรือนี่”
ทันใด...ประตูกุฏิเปิดผางออก แม่ชีจันสะดุ้งหันไปมอง เห็นมนชญายืนสีหน้าถมึงทึง แม่ชีจันมีท่าทีสงบเยือกเย็น มนชญาก้าวเข้ามา ปิดประตูให้สนิท
“นั่งสมาธิอยู่ตั้งนานสองนาน ได้เรื่องอะไรบ้างไหม ตกลงว่าฉันกับมนจะสลับร่างคืนกันได้ยังไง”
แม่ชีจันไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับสอนว่า “หนูไม่เหนื่อยบ้างหรือ กับการอยากมีอยากได้ของที่ไม่ใช่ของของตัวน่ะ”
“อย่ามาปากดีหน่อยเลย ถ้าแม่ชีไม่อยากเดือดร้อน แม่ชีบอกฉันมาดีกว่า ว่าแม่ชีรู้อะไร” มนชญากระชากแขนแม่ชีให้หันมา แล้วจ้องตาอย่างคาดคั้น
“อย่าก่อกรรมทำเวรอีกเลยนะหนู เวรกรรมมันจะติดตัวหนูไปทุกชาติ แล้วหนูจะไม่มีวันได้พบกับความสุขที่แท้จริง”
“มีสิ ฉันกำลังจะมีความสุขกับพี่ภู กับร่างของนัง
มนชญา ถ้าไม่มีมารอย่างพวกแกมาขัดขวาง บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ ว่าแม่ชีรู้อะไรมา” มนชญาบีบแขนแม่ชีจัน เค้นถาม พอเห็นแม่ชีไม่ตอบก็โมโห ผลักแม่ชีอย่างแรง ล้มไปหัวกระแทกหิ้งพระ เทียนไขบนหิ้งล้มลง เปลวไฟลุกลามไปติดข้าวของอย่างรวดเร็ว มนชญาเองก็ตกใจละล้าละลังไม่รู้จะทำอย่างไร ตัดสินใจวิ่งหนีออกไปไม่คิดจะช่วยแม่ชีจัน
พอออกมานอกกุฏิ มนชญาหันกลับไปมอง ยิ้มสะใจ “ตายไปซะได้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่มีใครช่วยนังมน ฉันจะได้อยู่ในร่างของนังมนอย่างนี้ตลอดไป”
ไฟลามเลียไปทั่วกุฏิ...มนชญาหนีกลับมาบ้าน ยืนมอง ตัวเองในกระจกอย่างไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้น “นังมนชญา ยังไงฉันก็ต้องเป็นแกให้ได้ ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหน มาขัดขวางฉันได้ทั้งนั้น”
ขาดคำไฟในบ้านก็ดับพึ่บลง มนชญาหงุดหงิดไปปิดเปิดสวิตช์ใหม่ แต่ไฟก็ไม่ติด จึงเปิดประตูจะเรียกสาวใช้ แต่ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นป้านวลยืนอยู่ ถอยหลังหันกลับ เจอแม่ชีจันอีกถึงกับผงะล้มลงร้องโวยวายอย่ามายุ่งกับตน
“อย่ากลัวแม่ชีเลย แม่ชีอโหสิกรรมให้ลูกทุกอย่าง แต่แม่ชีขอลูกอย่าสร้างเวรสร้างกรรมต่อไปอีกเลย เพราะมันจะเป็นบาปติดตัวลูกต่อไปไม่รู้จบ”
ป้านวลปรากฏตัวขึ้นหลังแม่ชีจัน ร้องไห้รำพัน “อิน พอได้แล้วนะลูกนะพอได้แล้ว อย่าทำเรื่องเลวร้ายต่อไปอีกเลยนะลูกนะ”
“ไม่...ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน พวกแกไม่เกี่ยว” มนชญาลุกวิ่งหนี ร้องลั่นอย่ามายุ่งกับตน แล้วพลัดตกบันได...
มนชญาสะดุ้งตื่น มองไปรอบห้อง พบว่าตัวเองฝันไปก็ถอนใจ ยังไม่สำนึก “พวกนี้ตายแล้วยังมารังควานฉันอีก สมน้ำหน้าแล้วที่ตายๆกันไปซะได้ อยู่ต่อไปก็เป็นมารขวางความสุขของฉันซะเปล่าๆ”...คำพูดของมนชญาทำให้รู้ว่าบาปมันเกาะกินใจจนยากจะแก้ไข
ooooooo
วันรุ่งขึ้น ภูมินทร์มารับอินตราที่คอนโดฯแต่เช้า พอกำลังจะปิดทีวีก็เห็นข่าวไฟไหม้กุฏิคลอกแม่ชีจันสิ้นชีวิต อินตราแทบล้มทั้งยืน น้ำตาไหลพราก ภูมินทร์ประคอง เธอคร่ำครวญ
“พี่ภูคะ ทำไมใครที่มารับรู้เรื่องของมนกับพี่อิน ถึงต้องพากันเดือดร้อนหรือว่าตายกันไปหมด พี่ภู...มนไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะเรื่องของมนอีกแล้ว”
“ถ้างั้นเราก็ต้องรีบหาทางให้มนกลับคืนร่างเดิมให้ได้ถึงจะไม่มีแม่ชีจันอยู่ช่วยพวกเราแล้ว แต่พี่นี่แหละที่จะต้องช่วยมนให้กลับคืนร่างเดิมให้ได้” ภูมินทร์กอดปลอบคนรัก
คืนนั้น อินตรานั่งสมาธิและได้พบแม่ชีจัน เธอก้มกราบแม่ชี ถามว่าแม่ชีเป็นคนดี ทำไมต้องมาตายอย่างทรมานเช่นนี้ แม่ชีจันตอบอย่างสำรวม
“ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเองนะลูก แม่ชีก็เคยมีกรรมที่ก่อเอาไว้ตั้งแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้แม่ชีถึงต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ”
“เหมือนอย่างมนใช่ไหมคะ สิ่งที่เกิดขึ้นกับมนก็คงจะเป็นกรรมที่มนเคยทำเอาไว้”
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับหนูไม่ใช่เพราะกรรม แต่เป็นเพราะแรงอาฆาตของอินตรา และแม่ชีเพิ่งจะรู้ว่าควรจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร วิธีที่ลูกจะสลับร่างคืนได้...”
แม่ชีจันพูดไม่ทันจบ ภูมินทร์มาเคาะประตูเรียก อินตราสะดุ้งหลุดจากสมาธิ ลุกมาเปิดประตูให้ ภูมินทร์ถามว่าทำไมมาเปิดช้า เขาเป็นห่วงแทบแย่
“มนนั่งสมาธิอยู่ค่ะ แล้ววันนี้พี่ภูไม่ไปทำงานเหรอคะ”
“พี่รู้ว่ามนไม่สบายใจเรื่องแม่ชีจัน พี่ก็เลยอยากจะมาอยู่เป็นเพื่อนมน เผื่อว่ามนอยากไปไหนให้สบายใจขึ้น พี่จะได้พาไป”
อินตรายิ้มให้กับความมีน้ำใจของภูมินทร์...แล้วทั้งสองก็มาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่แม่ชีจัน อินตราเล่าให้ภูมินทร์ฟังถึงตอนเช้าที่ตนนั่งสมาธิ ได้พบแม่ชีจัน และท่านกำลังจะบอกวิธีสลับร่างคืน แต่เขามาขัดจังหวะเสียก่อน ภูมินทร์รีบขอให้นั่งใหม่อีกครั้ง
“มนไม่รู้ว่ามนจะทำได้หรือเปล่าน่ะสิคะ แม่ชีบอกว่าทุกคนมีเวรกรรมเป็นของตัวเอง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับมนมันคงเป็นเวรกรรมที่เกิดจากแรงอาฆาตของพี่อิน...”
และแล้วมนชญายังมีแผนชั่วร้ายจะกำจัดอินตรา ด้วยการจ้างคนไปจับตัวมา โดยใช้ยาสลบ แล้วจับใส่รถเข็นผ้าซักพาออกมา เดินสวนกับภูมินทร์โดยที่เขาไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรเลย เข้ามาเคาะประตูห้องเรียกอินตรา พอไม่มีเสียงตอบจึงลองบิดลูกบิดประตูเปิดเข้าไป เดินหาเธอ เห็นกระเป๋าถือยังวางอยู่ก็แปลกใจ
มนชญาควบคุมชายสองคนเอาร่างอินตราใส่โลงไม้ มัดมือเหมือนตราสัง แล้วให้เอาไปฝังทั้งเป็น จ่ายค่าจ้างให้แล้วแยกตัวไป ระหว่างทางอินตรารู้สึกตัวพบว่าตัวเองถูกมัดมืออยู่ในที่แคบและมืด จึงทุบฝาโลงโครมๆร้องให้คนช่วย...เผอิญรถกระบะที่คนร้ายขับเห็นด่านตำรวจก็ตกใจหาวิธีกลบเสียงร้องของอินตรา จึงเปิดวิทยุเสียงดัง ตำรวจโบกให้จอดตรวจตราแล้วถามว่าทำไมต้องเปิดวิทยุเสียงดัง สองคนทำหน้าเลิ่กลั่กหาคำตอบ...
ooooooo










