ตอนที่ 13
ไม่วายโทษตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้วารีต้องเข้าโรงพยาบาล ยุวดีปลอบใจอย่าคิดอย่างนั้น เพราะคนที่ก่อเรื่องไม่หยุดคืออินตราที่ใช้ร่างมนชญาสร้างความเดือดร้อนให้ทุกคน
“ฉันว่าเรื่องคลิปวิีดิโออะไรนั่นต้องเป็นแผนของยัยพี่อิน ที่คิดจะจับพี่ภูให้ได้แน่ๆ ดูสิ คุณแม่ก็เลยต้องมาป่วยไปด้วยเลย”
แต่อินตราก็ยังคิดว่าเป็นเพราะตน...ภูมินทร์กังวลใจเกรงอินตราจะเข้าใจเขาผิดจึงเลียบเคียงถามยุวดี “ยุ มนเขาเข้าใจพี่เรื่องซีดีใช่ไหม ว่ามันไม่ใช่อย่างที่เห็น”
“เข้าใจสิคะ มนไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลซักหน่อย แต่มนกำลังโทษตัวเองค่ะว่า ที่คุณแม่ต้องป่วย ที่ทุกคนต้องเดือดร้อนเป็นเพราะเขา”...ภูมินทร์ฟังแล้วไม่ค่อยสบายใจ
อินตราเสียใจ คิดถึงคำสอนของแม่ชีจัน ที่บอกให้ตนนั่งสมาธิจะทำให้เกิดสติ จึงตัดสินใจทำตาม เธอตั้งใจนั่งสมาธิจนเห็นเรื่องราวในอดีตมากขึ้น
ในอดีต เอี่ยมขอให้ลออช่วยหายาเสน่ห์มาหยดลงในน้ำ ให้ท่านชายทัดได้ดื่ม แต่เผอิญบัวมาขัดจังหวะทำน้ำหกเสียก่อน ทำให้เอี่ยมโกรธแค้นมาก ถึงขั้นทำของให้ท่านชายทัดลุ่มหลง ถึงกับผละจากบัวมาหาเอี่ยมในทันที แต่แล้วนบกับพิกุลก็จับได้ ช่วยกันเอาของนั้นไปให้พระทำลายมนต์เสน่ห์ลง เอี่ยมโกรธถึงกับทำร้ายบัวด้วยการแอบจับข้อเท้าบัวขณะเดินลงบันไดบ้าน บัวตกลงมาเห็นสายตาเอี่ยมเข้าพอดี แต่บัวก็ให้อภัยไม่บอกเรื่องนี้กับใคร อ้างว่าเหยียบชายผ้าถุงตกลงมาเอง...แต่ไม่วาย เอี่ยมยังไม่สำนึก ผลักประตูห้องบัวเข้ามา บัวตกใจถามเข้ามาทำไม
“ฉันจักเข้ามาบอกว่า หล่อนไม่ต้องมาแกล้งทำดีกับฉันหรอกนะ ถึงอย่างไรเสีย ฉันก็ไม่เลิกเกลียดหล่อน”
“ทำไมพี่เอี่ยมต้องจงเกลียดจงชังบัวด้วยเล่าคะ ถึงอย่างไรเราก็เหมือนพี่น้องกันนะคะ”
“แต่ฉันไม่ได้อยากเป็นพี่น้องกับหล่อน และถ้าไม่มีหล่อน ฉันก็จักได้เป็นคุณหนู และท่านชายทัดก็จักสนใจฉัน ไม่ใช่หล่อน” เอี่ยมเหลือบไปเห็นถุงใส่สร้อยที่ท่านชายทัดให้บัว ก็ปราดเข้าไปหยิบ บัวห้ามแต่เอี่ยมกลับบอกว่า
“ในเมื่อฉันไม่ได้ หล่อนก็จักต้องไม่ได้เช่นกัน”
“พี่เอี่ยมอย่า นั่นมันของของบัว ท่านชายทัดให้บัว”
เอี่ยมยื้อแย่งสุดฤทธิ์ พลันประตูห้องเปิดผาง คุณหญิงเข้ามาด้วยสีหน้าดุดัน “หยุดเดี๋ยวนี้นะอี่ยม เอาของคืนบัวไปเดี๋ยวนี้”
เอี่ยมตกใจรีบแก้ตัว “ท่านแม่คะ เอี่ยมแค่ไม่อยากให้คุณบัวรับของจากท่านชาย เกิดใครรู้เข้าเขาจักว่าเอาได้...”
เอี่ยมพูดไม่ทันจบ คุณหญิงตบหน้าเอี่ยมผัวะ “ไม่ต้องมาโกหกฉัน ฉันได้ยินที่หล่อนคุยกับบัวหมดแล้ว แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าหล่อนคิดอย่างไรกับท่านชายทัด แต่ฉันจักบอกให้เอาบุญว่า ท่านชายทัดนั้นมิใช่คนโง่ ถึงจะมาเหลียวมองคนไร้ชาติตระกูลต่ำศักดิ์อย่างหล่อนหรอกย่ะ”
เอี่ยมมองคุณหญิงด้วยสายตาโกรธเกลียด ก่อนจะกระแทกเท้าออกไป คุณหญิงเข้ามากอดบัวด้วยความทะนุถนอม
“โธ่...บัว เป็นเยี่ยงไรบ้างลูก นังเอี่ยมมันทำอะไรลูกหรือไม่จ๊ะ...”
เอี่ยมเคียดแค้น สาปแช่งบัว ขอให้ฉิบหายแทนตน ขอให้ต้องทรมานจนตายอย่างที่ตนเป็น...เสียงสาปแช่งดังก้องโสตประสาทจนอินตราต้องสะดุ้งลืมตาขึ้น หายใจถี่หอบอย่างตื่นตระหนก
ooooooo
วันรุ่งขึ้น อินตรารีบไปกราบแม่ชีจัน เล่าเรื่องที่ตนเห็นในสมาธิให้ฟัง แม่ชีไขข้อข้องใจว่า “นิมิตที่หนูเห็นทั้งหมด และคำอธิษฐานของอินตราในอดีตชาติ มันคือเหตุที่ทำให้หนูกับเจ้าของร่างนี้ ต้องสลับร่างกันในชาตินี้”
“แต่เท่าที่มนเห็นในนิมิต มนเมื่อชาติที่แล้วก็ไม่ได้ตั้งใจจะแย่งอะไรจากพี่อินเลยนะคะคุณแม่ชี”
“แต่อินตราเขาไม่คิดเช่นนั้นน่ะสิ ตราบใดที่เขายังไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการจนพอใจ จิตของเขาก็จะมีแต่ความอิจฉาริษยา แล้วก็จะจองเวรจองกรรมกันไปอย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด”
อินตรากลัดกลุ้ม แล้วจะต้องทำอย่างไรดี...ขณะเดียวกัน วารีออกจากโรงพยาบาลกลับบ้าน ยุวดีแปลกใจที่อินตราไม่อยู่ ถามสาวใช้ก็ไม่มีใครรู้ ภูมินทร์กำลังจะไปตาม พอดีอินตราเดินเข้าบ้านมา เขาปรี่เข้าไปถามว่าไปไหนมาเขาเป็นห่วงแทบแย่ อินตราไม่ตอบแต่กลับบอกว่ามีเรื่องอยากคุยด้วย ภูมินทร์แปลกใจ เดินตามมานั่งฟัง อินตราเล่าว่าไปนั่งสมาธิเห็นภาพอดีต
“มนว่ามนเห็นภาพในอดีตชาติเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ ในอดีตชาติพี่ภูกับมนรักกันโดยที่เราไม่รู้ว่าพี่อินพี่สาวของมนก็แอบหลงรักพี่ภูอยู่ พี่อินถึงได้เกลียดมนมาก หาว่ามนไปแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของพี่อิน พี่อินก็เลย...”
อินตราเล่าเรื่องที่ตนเห็นในอดีตให้ภูมินทร์ฟังทั้งหมด ตั้งแต่เอี่ยมแอบเปลี่ยนดอกไม้ที่บัวถวายพระเป็นของตัวเองแล้วอธิษฐาน...ไม่ว่าจักชาตินี้ชาติไหน ขอให้ตัวเองได้ทุกอย่างที่เป็นของบัว จนมาถึงเรือล่มจมน้ำ เอี่ยมเห็นท่านชายทัดช่วยบัวไม่เหลียวแลตัวเอง เอี่ยมจมน้ำด้วยความอาฆาตแค้น สาปแช่งบัว ขอให้เกิดร่วมชาติกันอีกและให้บัวฉิบหายแทนตนและทรมานจนตายอย่างที่ตนเป็นอยู่
“แม่ชีบอกว่าเพราะเหตุนี้ล่ะค่ะ มนกับพี่อินถึงต้องสลับร่างกันในชาตินี้”
“แล้วแม่ชีบอกมนหรือเปล่าว่า ถ้าเรารู้สาเหตุอย่างนี้แล้ว เราควรจะทำยังไง ถึงจะให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้”
“แม่ชีไม่ได้บอกหรอกค่ะ แต่มนคิดเอง”
“มนคิดว่าเราต้องทำยังไงหรือจ๊ะ”
“มนคิดว่า...เราต้องเลิกกันค่ะพี่ภู มนอยากให้เราต่างคนต่างเดินทางชีวิตของตัวเอง ในเมื่อตอนนี้พี่อินอยู่ในร่างของมน พี่ภูก็ควรจะเปิดใจรับความรักที่พี่อินมีต่อพี่ภูให้ได้ เผื่อว่าชาตินี้เราจะได้หมดเวรกันไป”
“ไม่ได้หรอกมน พี่ไม่ยอม...มันต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้สิมน”
“วิธีไหนล่ะคะ มนมองไม่เห็นทางเลย ตราบใดที่เรายังรักกันอยู่ พี่อินก็ต้องไม่พอใจ แล้วพี่อินก็จะสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นที่เขาไม่รู้เรื่องด้วย ทั้งคุณพ่อ ป้านวล คุณป้า และต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะมีใครอีก และสุดท้ายพี่อินก็อาจจะจองเวรกับมนเหมือนชาติที่แล้ว และถ้าชาติหน้ามีจริง มนต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้อีกน่ะเหรอคะพี่ภู” อินตราร้องไห้
ภูมินทร์ดึงอินตรามากอด “แต่ถ้าชาตินี้พี่ไม่มีมน แล้วพี่จะอยู่ยังไง”
“เราต้องอยู่ได้สิคะ เราสองคนอาจจะไม่ได้อยู่เพื่อกันและกัน แต่เราต้องอยู่เพื่อครอบครัวของเรา ส่วนเราสองคนก็ถือซะว่าเราไม่ได้เกิดมาคู่กัน เราทำบุญร่วมกันมาแค่นี้นะคะพี่ภู” อินตราดันตัวออกจากอ้อมกอดภูมินทร์ รวบมือเขาสักพักเหมือนขอกำลังใจ ก่อนจะปล่อยมือ แล้วหันหลังเดินจากไป น้ำตาไหลพรั่งพรู
ปล่อยภูมินทร์ยืนน้ำตาไหลมองคนรักเดินจากไปอย่างเจ็บปวด อินตรากลับเข้าห้องร้องไห้โฮอย่างสุดที่จะกลั้นไว้ได้อีก
ooooooo
ระหว่างนั่งเศร้าซึม ภูมินทร์ครุ่นคิดเรื่องที่อินตราพูดทั้งหมด แล้วตัดสินใจเข้ามาในบ้านบอกวารีกับดุสิตว่า
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ตกลงผมจะแต่งงานกับมนครับ”
ทุกคนตกตะลึง โดยเฉพาะยุวดี...
พอมนชญารู้จากกัลยาณีว่า วารีโทร.มาบอกว่าภูมินทร์ตกลงแต่งงานแล้ว มนชญาดีใจสุดๆ...ในขณะที่อินตราเก็บเสื้อผ้าหอบกระเป๋าไปหาไกรสรที่โรงพยาบาล พอเห็นหน้าไกรสรก็โผกอดร้องไห้สะอึกสะอื้น จนไกรสรตกใจว่าลูกสาวเป็นอะไร
วันต่อมา มนชญาดึงภูมินทร์ไปสตูดิโอเพื่อถ่ายภาพชุด แต่งงาน มนชญาสีหน้าระรื่นในขณะที่ภูมินทร์หน้าเศร้า...เมื่อสมหวัง มนชญาจึงเพิ่มโบนัสให้ช่างภาพที่เธอจ้างถ่ายคลิปช่างภาพโทร.มาขอบคุณและแสดงความยินดีด้วย
เผอิญช่างภาพเป็นเพื่อนกับวายุ และวายุแวะมาหา ช่างภาพทัก “อ้าว...เฮ้ย ไอ้ยุ หายหัวไปไหนมาตั้งนานวะเนี่ย ได้ข่าวว่าโดนประกาศจับเหรอวะ”
“ก็เออสิวะ” วายุเดินเข้ามานั่งในห้อง
“เฮ้ยๆแล้วยังไง อย่าบอกนะว่าจะมาขออยู่กับฉัน ฉันไม่ให้อยู่นะโว้ย ขี้เกียจติดร่างแหไปกับแกด้วย”
“เออ ฉันรู้น่ะ ฉันไม่มาสร้างความเดือดร้อนให้แกหรอก ฉันก็แค่อยากจะมาขอยืมเงินแก”
“จะเอาเท่าไหร่”
“ก็มากเท่าที่ฉันจะไม่ต้องกลับมาขอแกอีกล่ะ”
“เออ...งั้นเงินโบนัสที่ฉันเพิ่งได้มา ฉันให้แกยืมไปหมดเลยก็แล้วกัน” ช่างภาพให้ด้วยความหงุดหงิด
วายุสงสัยว่าเงินโบนัสจากอะไร ช่างภาพจึงเล่าให้ฟัง วายุอึ้ง คิดไม่ถึงว่าโลกจะกลมขนาดนี้ รีบกลับมาเล่าให้กิ่งกาญจน์ฟัง
ขณะนั้น กิ่งกาญจน์ได้รับการ์ดแต่งงานของภูมินทร์กับมนชญาก็โกรธขยำปาทิ้ง และพาลขว้างข้าวของในห้องอยู่ พอวายุมาเล่าให้ฟัง แทบไม่อยากเชื่อ
“นี่นังมนชญามันกล้าทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ นั่งนี่นี่มันงูพิษจริงๆ”
“นั่นน่ะสิคุณ ใครจะไปนึกล่ะ ว่าคุณหนูไฮโซจะใช้วิธีจับผู้ชายแบบนางอิจฉาในละครทีวีอย่างงี้ล่ะ และก็ได้ผลซะด้วยสิ” วายุยิ้มเหยียดๆ
“แต่ฉันจะไม่ยอมให้แผนนังมนมันสำเร็จเด็ดขาด”
“แล้วคุณจะทำยังไง...”
กิ่งกาญจน์ยิ้มอย่างมีแผน ที่ร้ายพอจะทำลายงานแต่งงานของมนชญาลงได้
ooooooo
ประตูห้องพักมีเสียงเคาะ ช่างภาพเปิดประตูรับ เห็นวายุกลับมาอีก ก็แปลกใจรีบบอกว่าเขาไม่มีเงินให้ยืมแล้วนะ
“เปล่า วันนี้ฉันไม่ได้มาขอเงินแก แต่ฉันหาลูกค้าใหม่มาให้” วายุพยักหน้าเรียกกิ่งกาญจน์เดินเข้ามา
ทั้งสองเข้ามานั่งตรงหน้าช่างภาพ วายุทำเป็นกดมือถือไม่สนใจ ให้กิ่งกาญจน์คุยกับช่างภาพเอง
“คือ ดิฉันแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอยู่ค่ะ แต่เขายังไม่ยอมตกลงปลงใจกับฉันสักที ก็เลยไม่รู้จะทำยังไง คุณมีวิธีไหนแนะนำไหมคะ”
“ก็เอาวิธีที่แกเพิ่งใช้กับลูกค้าคนเก่าก็ได้” วายุทำเป็นแนะนำ
“วิธีของคุณมนชญาน่ะเหรอ”
“เออ นั่นแหละ มันได้ผลดีนี่”
“คุณมนชญาใช้วิธียังไงเหรอคะ” กิ่งกาญจน์ทำเป็นสนใจ
“ก็แค่คุณมนชญาเอายาปลุกอารมณ์ให้คุณภูมินทร์กิน แล้วผู้ชายน่ะนะ พอเจอฤทธิ์ยานั่นเข้าไปล่ะก็ ร้อยทั้งร้อย อดใจไม่ไหวหรอก แล้วพอจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน ผมก็ถ่ายวีดิโอเอาไว้แล้วก็ส่งไปให้ที่บ้านของคุณมน”
กิ่งกาญจน์พยักหน้าตั้งใจฟัง แล้วหันไปสบตากับวายุอย่างรู้กัน ที่วายุแอบใช้มือถืออัดภาพการสนทนาไว้
ooooooo
วันต่อมา มนชญาควงแขนภูมินทร์มาเยี่ยมไกรสรที่โรงพยาบาล ไกรสรทำเป็นนอนนิ่งไม่รู้สึกตัว มนชญาตีหน้าเศร้าเข้ามากราบที่มือไกรสรอย่างเสแสร้ง
“คุณพ่อขา มนกับพี่ภูมาให้คุณพ่ออวยพรให้กับการเริ่มต้นชีวิตคู่ของเราสองคนค่ะ แล้วมนก็เสียดายมากๆเลยค่ะ ที่คุณพ่อจะไม่ได้ไปร่วมงานมงคลของมน”
ภูมินทร์กวาดตามองไปรอบห้องหาอินตรา พอไม่เห็นก็โล่งใจ มนชญาหันมาดึงแขนเขา “เรากลับกันเถอะค่ะพี่ภู เรายังต้องไปแจกการ์ดผู้ใหญ่อีกหลายคนเลยนะคะ”
มนชญาดึงภูมินทร์กลับออกไป อินตราโผล่ออกมาจากที่ซ่อน ไกรสรลืมตาขึ้นเห็นแววตาเศร้าเสียใจของลูกสาวก็ลุกขึ้นมานั่งเรียกลูกสาวเบาๆ
“มน...ถ้ามันต้องทุกข์ใจมากขนาดนี้ มนก็ไม่น่าตัดสินใจแบบนี้เลยนะลูก”
“แต่นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้มนกับพี่อินหมดกรรมที่ผูกพันกันมาได้ ถ้าพี่อินได้ทุกอย่างในสิ่งที่เขาต้องการ พี่อินจะได้ไม่โกรธ ไม่จองเวรกับมนอีก” อินตราโผกอดไกรสรร้องไห้
ooooooo
และแล้ววันงานก็มาถึง มนชญาแต่งตัวอยู่ในห้องของโรงแรม กัลยาณีเอาเครื่องเพชรชุดใหญ่ใส่ที่คอให้ นิดนั่งมองอย่างตื่นเต้น ชมว่ามนชญาสวยเหมือนเจ้าหญิง
“แน่สิ ใครจะมาสวยเหมือนหลานสาวฉัน ไม่มีอีกแล้ว” กัลยาณีปลื้มใจกับหลานสาว
มนชญายิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่อินตรานอนร้องไห้อยู่ในห้องพักที่คอนโดฯ มียุวดีกับนพดลเฝ้ามองอย่างเห็นใจ
ภูมินทร์ก็หน้าเศร้าไม่ต่างจากอินตรา ดุสิตเข้ามาคุยด้วย
“ลูกผู้ชายก่อนจะทำอะไรต้องคิดให้รอบคอบ และเมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจให้ดีที่สุดด้วย”
“ครับพ่อ...”ภูมินทร์รับคำ
“งั้นก็ลุกขึ้นแต่งตัวได้แล้ว ไป เดี๋ยวไม่ทันเวลาหรอก”
ภูมินทร์ลุกขึ้นไปแต่งตัวอย่างหงอยๆ...
ด้านกิ่งกาญจน์เตรียมพร้อมกับแผนการที่จะล้มงานแต่งงานให้จงได้ วายุไรต์ซีดีภาพการสนทนาของเธอกับ
ช่างภาพให้โดยไม่รู้ว่า เธอจะเอาไปทำอย่างไร
กิ่งกาญจน์มาที่โรงแรม เดินเตร็ดเตร่แถวห้องแต่งตัวเจ้าสาว พอเห็นแม่บ้านผ่านมา จึงเข้าไปฝากของ
“ดิฉันฝากของขวัญไปให้เจ้าบ่าว-เจ้าสาว คุณภูมินทร์กับคุณมนชญาหน่อยสิคะ ดิฉันเป็นเพื่อนของพวกเขาน่ะค่ะ แต่พอดีว่ามีธุระด่วนต้องรีบไป เลยอยู่ร่วมงานไม่ได้”
“ได้สิคะ”
“ค่ะ ช่อดอกไม้นี้ฝากให้เจ้าสาวนะคะ ส่วนกล่องของขวัญนี้ให้เจ้าบ่าว คุณป้าต้องส่งให้ถึงมือเลยนะคะ”
“ค่ะ” แม่บ้านรับปากมั่นเหมาะ
กิ่งกาญจน์ขอบคุณ แม่บ้านรับของมาแล้วเดินไป...มาเคาะประตูห้อง นิดเปิดประตูออกมา แม่บ้านบอกว่ามีคนฝากช่อดอกไม้มาให้เจ้าสาว มนชญาได้ยินเดินออกมารับ แปลกใจที่ไม่มีนามบัตรว่าใครส่งมา
“เขาบอกว่าเป็นเพื่อนของคุณกับคุณเจ้าบ่าว แต่เขาติดธุระ อยู่ร่วมงานไม่ได้ เขาก็เลยฝากดิฉันให้เอาดอกไม้มาให้คุณ และกล่องของขวัญนี่ให้คุณเจ้าบ่าวค่ะ”
มนชญามองกล่องของขวัญอย่างไม่ไว้ใจ แต่ยิ้มกลบเกลื่อน รับของขวัญมาบอกว่าจะเอาให้เจ้าบ่าวเอง แม่บ้านส่งของขวัญให้ก่อนจะเดินกลับไป มนชญารีบเปิดกล่องของขวัญดูเห็นเป็นแผ่นซีดียิ่งแปลกใจ กัลยาณีเข้ามา
“มน...มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
“ไม่มีอะไรค่ะ แต่ตอนนี้มนเริ่มหิวแล้วล่ะค่ะ คุณอา กับนิดช่วยไปหาอะไรให้มนทานหน่อยสิคะ” มนชญายิ้มเหมือนไม่มีอะไร
“ได้จ้ะๆ อาว่าจะไปดูความเรียบร้อยข้างล่างด้วย ไปนังนิด”
สองคนออกไป มนชญารีบล็อกประตูห้อง แล้วเปิดซีดีดู เห็นช่างภาพกำลังพูดคุย
“ก็แค่คุณมนชญาเอายาปลุกอารมณ์ให้คุณภูมินทร์กิน แล้วผู้ชายน่ะนะ พอเจอฤทธิ์ยานั่นเข้าไปล่ะก็ ร้อยทั้งร้อย อดใจไม่ไหวหรอก แล้วพอจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน ผมก็ถ่ายวีดิโอเอาไว้แล้วก็ส่งไปให้ที่บ้านของคุณมน”
มนชญาตะลึงงัน กดเอาซีดีออกมาหักทิ้งในห้องน้ำทันที สบถว่า “ใครมันกล้าลองดีกับฉัน...”
จากนั้นมนชญาก็ผลุนผลันออกจากห้องทั้งชุดแต่งงาน สอดส่ายสายตาหาตัวแม่บ้านที่เอาของมาให้ เพื่อซักถามรูปพรรณสัณฐานของคนที่ฝาก...
ooooooo
กิ่งกาญจน์เดินหัวเราะสะใจอยู่ลำพัง “ฉันอยากจะรู้นักว่าถ้าคุณภูได้เห็นซีดีแล้ว เขาจะทนแต่งงานกับแกได้ไหม”
ทันใด เสียงมนชญาดังขึ้นด้านหลัง “เสียใจด้วยนะที่แกจะไม่ได้รู้”
กิ่งกาญจน์สะดุ้งหันขวับไปมอง มนชญาหน้าถมึงทึงพูดใส่หน้า “เพราะพี่ภูจะไม่มีวันได้เห็นซีดีและหน้าแกอีกต่อไป”
มนชญาตบหน้ากิ่งกาญจน์จนล้มไปกองกับพื้น แล้วโดดคร่อมเค้นคอถาม
“แกรู้จักไอ้ช่างภาพคนนั้นได้ยังไง”
“ฉันรู้จักก็แล้วกัน และฉันก็จะเอาเขามาประจานความ ชั่วของแก”
มนชญาตบอีกฉาด กิ่งกาญจน์ต่อสู้ จนเป็นฝ่ายได้ตบมนชญาบ้าง “คิดว่าฉันจะยอมแกงั้นเหรอนังมน”
มนชญารวบรวมแรงผลักกิ่งกาญจน์กระเด็น แล้วตามไปจับหัวเธอกระแทกกำแพงอย่างแรงหลายทีจนแตกเลือดอาบ กิ่งกาญจน์มึนสะลึมสะลือ มนชญายังลากเธอไปพร้อมกับพูดไปด้วยว่า “แล้วแกจะได้รับบทเรียนที่กล้าลองดีกับฉัน”
มนชญาเหวี่ยงกิ่งกาญจน์เข้าไปในห้องเก็บของ เท่านั้นยังไม่พอ หันไปเห็นขวดแก้ววางอยู่ ก็เอามาฟาดกำแพง ขวดแตกเป็นปากฉลาม มนชญาเอาปากฉลามจ่อที่หน้ากิ่งกาญจน์ เธอดิ้นรนร้องด้วยความกลัว
“อย่า...อย่า...”
“ทีอย่างนี้ทำมาเป็นกลัวตาย เก่งจริงก็เก่งให้มันถึงที่สุดสิ แล้วในเมื่อฉันเคยเตือนแกแล้วว่าอย่ามายุ่งกับฉัน แต่แกไม่ฟัง เห็นทีฉันคงต้องอุดปากแกด้วยไอ้นี่ซะแล้ว แกจะได้ไม่มีฤทธิ์มาสร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”
กิ่งกาญจน์น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัว ยิ่งสร้างความ สะใจให้กับมนชญา เธอบีบปากกิ่งกาญจน์ เงื้อขวดปากฉลามขึ้นก่อนจะแทงพรวดลงไป เลือดสาดกระเด็นเปรอะกำแพง...
ooooooo
มีพนักงานเดินผ่านห้องเก็บของ ได้ยินเสียงผิดปกติก็มาขยับลูกบิดประตู แต่ห้องล็อกเปิดไม่ได้ จึงไม่สนใจอะไรเดินผ่านไป มนชญายืนนิ่งไม่ส่งเสียง พอได้ยินเสียงฝีเท้าเดินไปก็ยิ้มกระหยิ่มใจ
ยุวดีเดินมากับนพดล มาถึงห้องแต่งตัวมนชญา ยุวดีบอกนพดลว่า
“เดี๋ยวฉันขอแวะทำหน้าที่เพื่อน ทักทายพี่อินก่อนนะ เกิดไม่ทักเลย เดี๋ยวจะดูน่าสงสัย”
นพดลพยักหน้าเข้าใจ ยุวดีเคาะประตูเรียกมนชญา ไม่มีเสียงตอบก็แปลกใจ
“เอ๊ะ...มนไปไหน”
ไม่ทันไร มนชญาเดินกลับมาส่งเสียงว่า “ฉันอยู่นี่...”
ยุวดีกับนพดลหันไปเห็นมนชญาผมเผ้ายุ่งเหยิงหน่อยๆก็แปลกใจ
“มนไปไหนมา”
“ฉันออกไปหาเพื่อนน่ะ มีเพื่อนสมัยเรียนแวะมาหา แล้วก็เลยหกล้ม ฉันขอตัวก่อนนะ”
ยุวดีกับนพดลมองมนชญาที่เดินเข้าห้องไปอย่างแปลกใจ มนชญาเข้ามาในห้องยิ้มอย่างสะใจมองตัวเองในกระจกเงา พึมพำ “ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางงานแต่งงานของฉัน คืนนี้ฉันจะต้องเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุด...”
ในขณะเดียวกัน อินตรามาหาแม่ชีจันด้วยความเศร้าสร้อย ก้มกราบปรับทุกข์
'“แม่ชีคะ วันนี้มนรู้สึกแย่จังเลยค่ะ มนพยายามไม่คิดไม่กังวลแล้ว แต่มันก็ทำไม่ได้”
แม่ชีจันเข้าใจความรู้สึกของอินตรา แต่มันเป็นกรรมจึงได้แต่ปลอบว่า “หนู...ทุกข์นั้นเป็นของใครของมัน ไม่มีใครช่วยเราให้พ้นทุกข์ได้ นอกจากตัวเราเอง”
อินตราจึงนั่งสมาธิเพื่อสงบสติอารมณ์ตนเอง และเธอก็ได้เห็นอดีตชาติที่สร้างความแค้นจนเกิดการสาปแช่งแก่ตนจากเอี่ยม...เอี่ยมได้ขอร้องให้ลออช่วยทำเสน่ห์ใส่ท่านชายทัด ให้หลงใหลตน ลออนำตุ๊กตาดินปั้นสองตัวมีสายสิญจน์พันติดกันไว้มาให้เอี่ยม
“ข้าไปให้ไอ้หมอผีมันทำมาให้เอ็ง หมอผีท่านบอกว่า ให้เอ็งเอาไปวางไว้ใต้ที่นอนของท่านชายทัด ไม่เกินพระอาทิตย์ตกดิน ท่านชายทัดจักเป็นของเอ็งแต่เพียงผู้เดียว”
เอี่ยมหาวิธีไปบ้านท่านชายทัด ด้วยการทำขนมจะเอาไปให้ที่บ้าน พลันเจอเข้ากับว่านบ่าวในบ้านซึ่งก็คือวายุในปัจจุบัน ว่านทำหน้าที่คนสวน เฝ้าแอบมองเอี่ยมมานานอย่างรักใคร่พอมีโอกาสรีบเข้ามาถาม
“คุณหนูเอี่ยมจักไปไหนหรือขอรับ”
“ข้าจะไปไหนมันก็เรื่องของข้า ไพร่อย่างเอ็งไม่เกี่ยว”
“ให้ข้าช่วยถือของให้ไหมขอรับคุณหนูเอี่ยม”
“เอ๊ะ...ไอ้ว่าน ข้าบอกแล้วไม่ใช่รึว่า อย่ามายุ่งกับข้า เอ็งนี่ชักจักกำเริบเสิบสานใหญ่ คอยดูเถิด ถ้าเอ็งยังไม่เลิกยุ่งกับข้า ข้าจักให้เจ้าคุณพ่อเฆี่ยนเอ็งให้หลังลายเลย”เอี่ยมสะบัดเดินไป
ว่านมองตามอย่างเข่นเขี้ยว สักวันจะต้องเอาเอี่ยมมาเป็นเมียให้ได้...
เอี่ยมมาถึงเรือน พบนบออกมาต้อนรับ เอี่ยมแนะนำตัวแล้วบอกว่าทำขนมมาให้ท่านชายทัด นบแปลกใจ “ท่านชายทัดก็ไปที่เรือนท่านเจ้าคุณ แม่หญิงไม่ได้พบท่านชายดอกรึ”
“สงสัยจักสวนกัน ถ้าเช่นนั้นข้าฝากขนมเอาไว้ให้ท่านชายด้วยแล้วกัน...ข้ากลับล่ะ” เอี่ยมส่งขนมให้ จะเดินกลับแล้วแกล้งทำสะดุดล้ม
นบปราดเข้าประคองถามเป็นอะไร เอี่ยมตอบ“ข้าไม่รู้เหมือนกัน อยู่ดีๆก็เวียนหัว ขอข้าเข้าไปพักข้างในให้หายเวียนหัวก่อนได้ไหม”
นบประคองเอี่ยมเข้ามานั่งพักในเรือน“แม่หญิงนั่งพักอยู่ตรงนี้ก่อน ประเดี๋ยวข้าจักไปหาน้ำและยามาใส่แผลให้”
เอี่ยมพยักหน้าแอบยิ้มในหน้า พอนบเดินไป เอี่ยมก็หายเป็นปลิดทิ้งลุกขึ้นเดินหาห้องนอนท่านชายทัด จนเห็นประตูบานใหญ่ “จักต้องเป็นห้องนั้นเป็นแน่”
เอี่ยมผลักประตูเข้าไป เห็นข้าวของในห้อง ทำให้มั่นใจว่าเป็นห้องท่านชายทัดแน่ จึงล้วงของที่เหน็บเอวออกมา ตั้งจิตพนมมือ“ขอให้อำนาจคุณไสยมนต์ดำจงทำให้ท่านชายทัดหลงรักข้าด้วยเถิด”...เอี่ยมเอาของไปสอดไว้ใต้ที่นอนของท่านชายทัด
ขณะนั้น ท่านชายทัดกำลังมองบัวและยิ้มด้วยความรัก จู่ๆก็หุบยิ้ม กะพริบตาถี่ๆเพราะถูกมนต์ไสยดำเข้าแล้ว...เอี่ยมเดินกลับมาที่ชานเรือนเห็นนบกำลังมองหา เอี่ยมแสร้งบอกว่าไปตามหานบ จะบอกว่าตนหายแล้วขอตัวกลับ นบไม่ติดใจสงสัยเดินออกมาส่งเอี่ยมที่หน้าเรือน
พอเอี่ยมถึงบ้านเดินขึ้นเรือนมา ท่านชายทัดเห็นเอี่ยม ก็ร้องเรียกปราดเข้าหาทิ้งบัวทันที
“น้องเอี่ยมไปไหนมา พี่มารอเสียตั้งนาน”
“ท่านชายรอข้าด้วยเรื่องใดหรือเจ้าคะ”เอี่ยมยิ้มหวานรู้ว่าได้ผล
ท่านชายทัดชวนเอี่ยมออกไปเดินเล่น เอี่ยมแกล้งพูดเสียงดังให้บัวได้ยินว่า เกรงบัวจะไม่ชอบใจ ท่านชายทัดตอบว่า ทำไมบัวต้องไม่สบายใจ ในเมื่อคนที่ต้องการคือตัวเขา เอี่ยมยิ้มกริ่มเกาะแขนท่านชายทัดเดินไป บัวมองตามอึ้งๆด้วยความสะเทือนใจ
ooooooo
วันต่อมา ท่านชายทัดยังมาพะเน้าพะนออยู่กับเอี่ยม พิกุลมาเห็นก็งง เข้าเรือนมาเห็นบัวนั่งซึมเศร้ายิ่งแปลกใจ ถามบัวว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจึงเป็นแบบนี้บัวส่ายหน้าเศร้าๆ พิกุลสงสัยจะต้องหาความจริงให้ได้... พิกุลเดินหงุดหงิดมาในตลาด ชนเข้ากับนบพอดี จึงต่อว่า
“ข้ามาจากเรือนของบัว แต่ข้าทนอยู่นานไม่ได้ เพราะข้าไม่อยากเห็นผู้ชายเจ้าชู้หลายใจที่นั่น”
“แม่หญิงหมายถึงใคร”
“จะมีใครเสียอีกเล่า ก็ท่านชายทัดนายของท่านน่ะสิ ไม่น่าเชื่อว่าเห็นเยี่ยงนั้นจะเจ้าชู้ไม่หยอก”
“ไม่จริง ท่านชายทัดไม่ใช่คนเจ้าชู้ ท่านชายไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนนอกจากแม่หญิงบัว”
“ถ้าเช่นนั้นเห็นทีว่าท่านชายคงจะถูกทำเสน่ห์ใส่แล้วกระมัง ใครๆก็รู้ว่าท่านชายทัดน่ะรักใคร่อยู่กับแม่บัว จนกำลังจักให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ท่านชายกลับไม่สนใจบัวเลย เอาแต่พะเน้าพะนออยู่กับพี่เอี่ยม จนบัวได้แต่นั่งน้ำตาตกใน ข้าล่ะสงสารบัวเสียจริงจริ๊ง”
นบครุ่นคิด นึกถึงวันที่เอี่ยมมาแล้วหายไปขณะที่เขาไปหายาจึงสงสัย กลับมาค้นห้องท่านชายทัด และก็ได้พบตุ๊กตาดินปั้นใต้ที่นอน นบเอามาให้พิกุลดู ทั้งสองช่วยกันเอาไปให้พระที่วัดช่วยแก้มนต์ดำให้...ฉับพลัน ท่านชายทัดสะบัดมือออกจากเอี่ยมทันที ทิ้งเอี่ยมเดินไปหาบัว เอี่ยมได้แต่ร้องกรี๊ดๆ
ท่านชายทัดตามง้อบัว ไม่เหลียวแลเอี่ยมอีกเลย ทำให้เอี่ยมโกรธแค้นอาฆาต พอว่านเข้ามาถามไถ่เอี่ยมจึงใช้ว่านจัดการ ฆ่าบัว แต่คนที่รับเคราะห์แทนคือสร้อย เอี่ยมไปด่าว่าว่านที่ทำงาน ไม่สำเร็จ จึงถูกว่านข่มขืนเอาเป็นเมีย ยิ่งสร้างความแค้นให้แก่เอี่ยมและโทษว่าเป็นเพราะบัวที่ทำให้ตนต้องมีมลทิน จึงอาฆาตสาปแช่งบัว...อินตราลืมตาขึ้นจากสมาธิ รู้สึกปลงกับอดีต
ooooooo
เช่นเดียวกับภูมินทร์ที่ยืนหน้าเศร้า รอต้อนรับแขกหน้างานกับดุสิต วารี และกัลยาณี ยุวดีดูแลส่วนให้แขกเซ็นชื่อและรับของชำร่วยเห็นสีหน้าพี่ชายก็สงสาร บ่นกับนพดล
“เฮ้อ...ฉันสงสารพี่ภูจังเลย งานแต่งงานของตัวเองแท้ๆ
ดันต้องมาแต่งกับคนที่ไม่ได้รัก”
“ผมเองก็สงสารคุณมนเหมือนกัน อุตส่าห์รักกันมาตั้งนาน แต่สุดท้ายกลับเสียคนที่รักให้อินตราเสียนี่”
“อย่างว่าแหละ บางทีพี่ภูกับยัยมนอาจจะไม่ได้เกิดมาคู่กันจริงๆก็ได้”
พลันวารีนึกได้ถามขึ้นว่า “เอ๊ะ...ทำไมป่านนี้หนูมนยังไม่ลงมาอีก แขกเหรื่อก็เริ่มมากันแล้ว”
“ถ้างั้นเดี๋ยวณีไปตามให้นะคะ” กัลยาณีอาสา
“เดี๋ยวผมมานะครับ” ภูมินทร์ถือโอกาสขอตัวไปผ่อนคลายความเครียด ดุสิตกับวารีมองตามลูกชายอย่างเข้าใจความรู้สึก
ภูมินทร์หลบมาโทร.หาอินตรา แต่พออินตราเห็นชื่อภูมินทร์ที่หน้าจอก็ไม่รับสาย ภูมินทร์เปลี่ยนเป็นส่งข้อความเข้ามาว่า...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่มนก็จะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่พี่รัก ตลอดไป...อินตราอ่านแล้วน้ำตาร่วงพรู ใจแทบขาด
ที่ต้องเสียคนรักไป
มนชญาให้ช่างเติมหน้าแต่งผมให้เข้าที่เข้าทาง มองตัวเองในกระจกอย่างพอใจ พลันมือถือดังขึ้น พอกดรับต้องตกใจ เพราะเป็นเสียงวายุโทร.เข้ามา
ooooooo
ขณะที่ภูมินทร์กำลังเดินกลับเข้าไปในงาน เห็นวายุยืนลับๆล่อๆอยู่ก็แปลกใจ...ในขณะที่กัลยาณีมาตามมนชญาที่ห้อง พบช่างแต่งหน้า บอกว่า
“คุณมนออกไปแล้วนี่คะ หนูนึกว่าคุณมนชญาเธอจะไปที่งานซะอีก”
“เปล่านี่ พิธีจะเริ่มอยู่แล้ว ยังจะไปไหนอีกนะ” กัลยาณีเริ่มไม่สบายใจ...
มนชญาเดินบ่นมาตามทางตรงมาที่สวนของโรงแรมด้วยความหงุดหงิด “นี่ถ้าฉันไม่กลัวงานแต่งฉันล่มกลางคันล่ะก็ ฉันจะโทร.เรียกตำรวจมาลากคอแกเดี๋ยวนี้เลย”
พอเจอหน้าวายุ มนชญาก็โวย “แกกล้ามากนะ ที่มาโผล่หัวที่นี่”
“ถ้าไม่มีดีก็คงไม่กล้าหรอก” วายุยิ้มเยาะอย่างเป็นต่อ
“แกมีอะไรกับฉันก็รีบว่ามา ฉันไม่ว่าง”
วายุชูแผ่นซีดีให้ดู มนชญาแปลกใจถามว่าอะไร
“คำสารภาพของไอ้ต้น ช่างภาพ ผู้ร่วมขบวนการจับผู้ชายของเธอ”
“นี่แกกับนังกิ่งกาญจน์รู้จักกันเหรอ”
“ใช่ เรารู้จักกัน เพราะว่าเราบังเอิญมีศัตรูคนเดียวกัน”
“แกต้องการอะไร...”
“เงินสิบล้าน”
“คิดจะออกนอกประเทศงั้นสิ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ เธอต้องรีบเอาเงินมาให้ฉัน ไม่อย่างงั้นซีดีแผ่นนี้ถึงมือผัวเธอแน่”
มนชญาครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะตอบ “ได้ ฉันจะให้เงินแก แต่แกต้องสัญญากับฉันว่า ถ้าแกหนีออกไปนอกประเทศแล้ว แกจะไม่กลับมาเมืองไทยอีก”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ถ้าเธอไปเอาเงินให้ฉันเดี๋ยวนี้”
“ให้ฉันแต่งงานเสร็จก่อนไม่ได้รึไง ขืนฉันหายตัวไปตอนนี้ คนในงานได้วุ่นวายกันแน่”
“ไม่ได้...ขืนปล่อยให้เธอกลับเข้าไปในงาน เธอต้องเบี้ยวฉันแน่ ไปเอาเงินมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย”
มนชญากำลังครุ่นคิด...ทันใดนั้น ภูมินทร์พาตำรวจเข้ามาล้อมจับวายุ
“หยุด แล้วยกมือขึ้น”
ทั้งวายุและมนชญาตกใจ วายุถาม “นี่เธอแจ้งตำรวจเหรอ”
“ฉันเปล่านะ”
“นายวายุ มอบตัวเดี๋ยวนี้” ตำรวจสำทับอีกที
“มอบให้โง่สิวะ” วายุกระชากปืนออกจากเอว ดึงมนชญามาเป็นตัวประกันทันที...
ooooooo










