ตอนที่ 12
เมื่อตั้งสติได้ มนชญาควบคุมอารมณ์อย่างมาก ถามอินตราว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือว่ามาก่อเรื่องอะไรอีก วารีออกรับแทน
“ไม่หรอกจ้ะ อินตราไม่ได้มาก่อเรื่องอะไร แต่อินตราอยู่ที่นี่ได้สักพักหนึ่งแล้ว”
มนชญาลืมตัวตวาดถาม “อะไรนะคะ...” พอเห็นสายตาวารีที่มองตะลึงก็รู้สึกตัวเสียงอ่อนลง “แล้วพี่อินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะคุณป้า ทำไมมนไม่เคยรู้มาก่อน”
อินตราหนักใจลอบสบตายุวดีกับภูมินทร์...พอมนชญารู้เรื่องทั้งหมดก็แกล้งทำเป็นเห็นใจอินตรา จะพากลับไปอยู่บ้าน อินตรากระอักกระอ่วนอ้างว่าไม่อยากทำให้กัลยาณีไม่สบายใจ
“แต่พี่อินมาอยู่ที่นี่ คนอื่นๆก็คงไม่สบายใจเหมือนกันนะคะ เดี๋ยวพี่อินขึ้นไปเก็บเสื้อผ้านะคะ แล้วกลับบ้านเรากัน มนจะพูดกับคุณอาณีให้เองค่ะ”
“ให้พี่อินอยู่ที่นี่ก็ได้จ้ะมน เธอจะได้ไม่ต้องมีปัญหากับคุณอาณี” ยุวดีช่วยเกลี้ยกล่อม
มนชญาไม่เห็นด้วย อ้างว่าวารีจะไม่สบายใจ แต่วารีกลับตอบว่า “แล้วแต่อินตราเถอะจ้ะ ส่วนตัวป้า ป้าไม่มีปัญหาอะไร ถ้าอินตราจะอยู่ที่นี่ต่อไป ป้าก็ยินดี”
“คราวนี้เป็นหน้าที่ของพี่อินต้องตัดสินใจแล้วนะคะ” ยุวดีได้ทีขยิบตาให้อินตราอยู่ต่อ
อินตรามองมนชญาอย่างหวั่นๆแต่ตัดสินใจตอบไปว่า ตนขออยู่บ้านนี้ต่อไป ยุวดียิ้มแฉ่งขณะที่มนชญาเม้มปากด้วยความโมโห...พอมีโอกาสก็ลากอินตรามาเหวี่ยงไปมุมหนึ่งที่ลับตาคน ตวาดใส่แล้วตามไปบีบแขนอย่างแรง “แกกล้าดียังไงถึงย้ายมาอยู่ในบ้านพี่ภูอย่างงี้ฮึ...แกคงอยากให้คนอื่นรู้เรื่องของเรามากสินะ แกกล้าลองดีกับฉันใช่มั้ยมนชญา”
อินตราสีหน้าเจ็บปวด ปฏิเสธพัลวัน แต่มนชญาไม่เชื่อ แถมขู่ว่าถ้าอยากลองดีกับตน เรื่องไกรสรก็จะไม่เป็นแค่คำขู่ ว่าแล้วก็ผลักอินตรากระเด็นไปหัวกระแทกตู้ก่อนจะเดินไป...อินตรานั่งมึนสักพักก่อนจะวิ่งตามออกมา เจอภูมินทร์กับยุวดี ก็รีบถามว่ามนชญาอยู่ไหน สองพี่น้องตอบว่ากลับไปแล้ว อินตราใจหายวาบสีหน้าตกใจจนภูมินทร์กับยุวดีสงสัย...
นึกถึงภาพในอดีตที่อินตราเห็นตอนนั่งสมาธิกับแม่ชีจัน ความร้ายกาจของเอี่ยมที่กระทำกับตนขนาดทำของเสน่ห์ให้ท่านชายทัดหันไปลุ่มหลงแต่ไม่นานของนั้นก็ถูกนบกับพิกุลจับได้เอาไปทำลาย เอี่ยมโกรธแค้นถึงขั้นให้ว่านบ่าวในบ้านซึ่งหลงรักเอี่ยม เอางูเห่ามาปล่อยในห้องนอนบัว แต่เผอิญบัวไปสวดมนต์อยู่ในห้องพระ สร้อยซึ่งเป็นบ่าวดูแลบัวต้องรับกรรมไปแทน...คิดแล้วทำให้อินตราหวั่น
ใจเกรงมนชญาจะไปทำร้ายไกรสรอย่างแน่นอน
ประตูห้องพักไกรสรถูกผลักเข้ามาอย่างแรง จนไกรสรซึ่งหลับอยู่สะดุ้งตื่น มนชญาปราดเข้ามาด้วยสีหน้าถมึงทึง กราดเกรี้ยวใส่
“คุณพ่อรู้หรือยังคะว่าลูกสาวแสนดีของคุณพ่อย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพี่ภู แหม...ทำเป็นเรียบร้อยอ่อนหวาน แต่ที่จริงแล้วนังมนก็ใช่ย่อย คงอยากได้พี่ภูมากจนอดใจไม่ไหว ถึงกับต้องวิ่งเร่ไปอยู่บ้านเขาอย่างงี้น่ะ”
ไกรสรส่งเสียงเหมือนห้ามไม่ให้พูดถึงลูกสาวในทางไม่ดี มนชญายิ่งไม่พอใจ “คุณพ่อไม่ต้องมาปกป้องมันหรอกค่ะ คุณพ่อควรจะโกรธนังมนด้วยซ้ำ เพราะว่าความดื้อรั้นของมันกำลังจะทำให้คุณพ่อเดือดร้อน”
ไกรสรมองอย่างหวาดๆ มนชญาหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมา “เดี๋ยวคุณพ่อเอียงหัวให้อินหน่อยนะคะ อินจะช็อตตรงชายผมที่ท้ายทอยของคุณพ่อ จะได้ไม่มีใครเห็นรอยไหม้ไงคะ”
ไกรสรตกใจส่งเสียงร้องอยู่ในลำคอ มนชญายิ้มเยาะว่าจะใช้เบอร์แรงที่สุด จะได้ทีเดียวจบ ไปสวรรค์เร็วๆมนชญาปรับเครื่องเห็นกระแสไฟแปลบปลาบ ไกรสรพยายามขยับตัวหนี มนชญาจี้เครื่องช็อตไฟฟ้าลงที่ท้ายทอยไกรสร เขากระตุกอย่างแรง ทันใด...อินตรา ภูมินทร์ และยุวดีวิ่งเข้ามา เห็นไกรสรกระตุกๆแล้วแน่นิ่งไป มนชญารีบเก็บเครื่องช็อตไฟฟ้าลงกระเป๋า แล้วทำทีเป็นตกใจร้องไห้โฮว่า
พ่อเป็นอะไร
“เกิดอะไรขึ้นน่ะมน”ภูมินทร์เข้ามาถาม
“มนไม่รู้ค่ะ มนคุยกับคุณพ่ออยู่ดีๆคุณพ่อก็ชักแล้วสลบไปเลยค่ะ”
อินตรากอดไกรสรร้องไห้ ภูมินทร์บอกยุวดีให้ไปตามหมอมา ไม่นานหมอ พยาบาลวิ่งเข้ามาตรวจเช็ก สักพักหันมาบอกทุกคนว่า คนไข้หัวใจหยุดเต้น...อินตราตะลึงน้ำตาไหลพราก
ร่างไกรสรถูกบุรุษพยาบาลเข็นออกไปจากห้องเพื่อไปห้องฉุกเฉิน อินตรา มนชญา และทุกคนวิ่งตาม มนชญาแสร้งร้องไห้ฟูมฟายเป็นห่วง อินตราทนไม่ไหวคว้าแขนมนชญาไว้อย่างไม่เกรงกลัวอีกแล้ว
“มนรู้นะว่าที่คุณพ่อเป็นอย่างนี้เพราะฝีมือของพี่อิน ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็ มนไม่ยอมแน่”
“มนอย่าพูดแบบนี้สิจ๊ะ พี่กลัว...”มนชญายียวนกลับ สะบัดหน้าวิ่งตามไกรสรไป
อินตรามองตามอย่างไม่พอใจแต่ทำอะไรไม่ได้...ทุกคนยืนกระวนกระวายอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน มนชญาร้องไห้ออเซาะภูมินทร์ ยุวดีมองอย่างหมั่นไส้ พอดีนพดลตามมาถึงถามว่าไกรสรเป็นอย่างไรบ้าง มนชญาหันมาตอบทำเป็นเสียอกเสียใจ
“คุณหมอยังไม่ออกมาจากห้องเลยจ้ะ”
“แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมอยู่ดีๆคุณท่านถึงชักจนหัวใจหยุดเต้นอย่างงี้”
“คงต้องถามพี่...เอ่อ...มนแล้วล่ะ เพราะมนเป็นคนเดียวที่อยู่กับคุณพ่อ” อินตราตอบเอง
มนชญามองอินตราประมาณว่ารู้นะว่ากำลังเล่นงานตนอยู่ มนชญาปั้นหน้าเศร้า “มนไม่รู้เหมือนกันจ้ะนพ มนเข้าไปในห้องก็เจอคุณพ่อชักอยู่แล้ว”
“อ้าว...ไหนมนบอกว่า ก่อนหน้าที่คุณพ่อจะชัก มนคุยกับคุณพ่ออยู่ไม่ใช่เหรอ” อินตราท้วง
“นั่นสิ พี่ก็ได้ยินมนบอกว่ามนกำลังคุยกับคุณอาก่อนที่คุณอาจะชักนะ ตกลงนี่มันยังไงกันแน่จ๊ะ” ภูมินทร์ช่วยซัก
มนชญาอึกอัก เห็นสายตาภูมินทร์กับยุวดีเหมือนคาดคั้นพยายามหาทางออก “มน...มนตกใจจนจำอะไรไม่ได้ค่ะ มนห่วงแต่คุณพ่ออย่างเดียว” พูดจบมนชญาแกล้งเป็นลมล้มพับไป
ภูมินทร์ตกใจรับร่างเธอไว้ทัน ยุวดีมองอย่างหมั่นไส้ กระซิบให้ภูมินทร์พามนชญาไปให้พ้นๆ ก่อนที่ตนจะตบคนหน้าห้องฉุกเฉิน ภูมินทร์พยักหน้ารับอย่างจำใจ แต่ไม่วายส่งสายตามองอินตราด้วยความห่วง อินตรายิ้มให้ เขาจึงสบายใจขึ้น ประคองมนชญาออกไป ยุวดีถอนใจ
ภูมินทร์พามนชญามานอนพักในห้องพักคนไข้ มนชญาออดอ้อนกอดแขนเขาไม่ยอมปล่อย รำพันว่าตนคงเครียดเรื่องไกรสร แล้วยังจะเรื่องอินตราเข้าไปอยู่บ้านภูมินทร์อีก
ภูมินทร์พยายามทำหน้าเป็นปกติ ปลอบมนชญา “ก็พี่รู้น่ะสิว่าถ้ามนรู้เข้า มนจะยิ่งไม่สบายใจ และอินตราก็คงจะมาอยู่ไม่นาน พี่ก็เลยไม่ได้บอก”
“แต่พี่ภูก็น่าจะ...”
“มนจ๊ะ...พี่ว่ามนอย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่นเลยนะ ตอนนี้มนควรจะเป็นห่วงอาการของคุณอามากที่สุดนะ” ภูมินทร์ตัดบท มนชญาหน้าม้าน เอียงหน้าซบไหล่ภูมินทร์อย่างออดอ้อน จึงไม่เห็นสีหน้าภูมินทร์ที่เบื่อหน่ายสุดๆ...
ระหว่างนั้น หมอออกมาจากห้องฉุกเฉิน อินตรา นพดลและยุวดีปรี่เข้าถามอาการไกรสร หมอไม่พูดอะไรแต่ให้ทุกคนเข้าเยี่ยม...จากนั้น นพดลก็มาหาภูมินทร์กับมนชญาที่ห้องพักคนไข้ มนชญาทำเป็นรีบลุกขึ้นถาม “นพจ๊ะ คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง”
“คุณหมอบอกว่าอาการคุณท่านไม่ดีเลยครับ เป็นตายเท่ากัน” นพดลหน้าเศร้า
มนชญาปิดหน้าร้องไห้โฮ วิ่งออกไป ภูมินทร์กับนพดลวิ่งตาม เปิดประตูเข้ามาในห้องไกรสร เห็นอินตรากับยุวดียืนอยู่ข้างเตียงเศร้าๆ มนชญาโผเข้ากอดร่างไกรสรร้องไห้
“คุณพ่อขา คุณพ่อต้องอยู่กับมน อย่าทิ้งมนไปนะคะ” มนชญาแอบยิ้มในหน้าก่อนจะหันไปโผกอดภูมินทร์รำพัน
“พี่ภูขา ถ้าคุณพ่อเป็นอะไรไป มนจะทำยังไงดี”
ภูมินทร์ลูบหัวปลอบมนชญา แต่สายตามองไปที่อินตรา คล้ายว่าคำที่พูดนั้นต้องการจะปลอบอินตรามากกว่า “มนทำใจดีๆไว้นะจ๊ะ พี่เชื่อว่าคนดีๆอย่างคุณอา พระท่านต้องคุ้มครอง”
อินตราพยักหน้ารับรู้ ในขณะที่มนชญาร้องไห้กระซิกๆ
กอดภูมินทร์ ยุวดีหมั่นไส้ บอกภูมินทร์ให้พามนชญากลับบ้านไปก่อน ภูมินทร์ไม่อยากกลับ แต่ยุวดีขยิบตาส่งซิก เขาจึงประคองมนชญากลับไป มนชญาหันมาฝากนพดลดูแลไกรสรด้วย นพดลรับปากเดินตามไปส่งแล้วปิดประตูห้อง...
ไกรสรค่อยๆลืมตาขึ้นถามช้าๆว่า “อินตรา กลับ ไป แล้ว ใช่ไหม”
อินตราเข้าจับมือไกรสรดูท่ามีความสุขทั้งพ่อและลูก...เพราะก่อนหน้านี้ คุณหมอออกมาบอกว่า “ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นกับคุณไกรสร เหมือนกับว่าสมองของท่านถูกกระตุ้นด้วยอะไรบางอย่างอย่างแรง ทำให้อาการท่านดีขึ้น”
อินตรากอดไกรสรด้วยความดีใจ ไกรสรค่อยๆพูดช้าๆ “อาจจะเป็นเพราะอินเอาไฟมาช็อตที่ท้ายทอยพ่อก็ได้นะ”
“ไม่ว่าจะเพราะอะไร แต่อาการของคุณพ่อดีขึ้นอย่างนี้ มนก็ดีใจที่สุดเลยค่ะ”
“เราปิดบังเรื่องคุณท่านหายแล้วเอาไว้อย่างที่คุณมนบอกก็ดีเหมือนกันนะครับ พวกเราจะได้วางใจได้ว่าอินตราจะไม่ย้อนกลับมาทำร้ายคุณท่านอีก” นพดลเสนอ
ยุวดีพยักหน้าเห็นด้วย แล้วนึกได้ “ว่าแต่คุณอารู้ได้ยังไงคะว่ายัยมนกับพี่อินสลับร่างกัน ขนาดยุเป็นเพื่อนมน ทีแรกยังดูไม่ออกเลยค่ะ”
“แค่มองตาอาก็รู้แล้วว่ามนมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป มนคนนั้นไม่ใช่ลูกสาวที่น่ารักของพ่อ” ไกรสรมองอินตราอย่างรักใคร่ สองพ่อลูกกอดกันให้ชื่นใจ
ooooooo
คืนนั้น ภูมินทร์ขับรถมาส่งมนชญาที่บ้าน มนชญาทำท่าทางกะปลกกะเปลี้ย กัลยาณีกับนิดเดินออกมาเห็นตกใจ “ว้าย ตายแล้ว หนูมนเป็นอะไรไปจ๊ะ”
“คุณอาขา...คุณพ่อ...” มนชญาทำเป็นพูดไม่ออกร้องไห้สะอึกสะอื้น
“คุณพี่เป็นอะไร ภู...บอกอาสิว่าคุณพี่เป็นอะไร”
“เมื่อตอนเย็นคุณอาไกรสรอาการทรุดลงครับ ตอนนี้อยู่ในห้องไอซียู คุณหมอบอกว่าตอนนี้อาการคุณอาเป็นตายเท่ากัน”
กัลยาณีตกใจ สั่งนิดไปบอกคนรถเอารถออก ภูมินทร์รีบห้าม “ผมว่าคุณอาอย่าเพิ่งไปตอนนี้เลยครับ อยู่เป็นเพื่อนคอยดูแลมนดีกว่านะครับ ยังไงซะตอนนี้คุณอาไกรสรก็อยู่ในมือคุณหมอแล้ว”
ท่าทางกัลยาณีสบายใจขึ้น ภูมินทร์ลากลับ กัลยาณีพามนชญามานอนในห้องและปลอบไปด้วย “หนูมนต้องเข้มแข็งเอาไว้นะจ๊ะ ตอนนี้คุณพี่อาการไม่ดี ถ้าหนูมนเป็นอะไรขึ้นมาอีกคน อาจะแย่นะลูกนะ”
“ที่คุณพ่อเป็นอย่างนี้เพราะมน มนผิดเอง...มนผิดเอง” มนชญาฟูมฟายให้ดูน่าสงสาร
“เกิดอะไรขึ้น ไหนเล่าให้อาฟังสิ”
“ถ้ามนพูดไปแล้ว คุณอาสัญญานะคะว่าเราจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับ มนไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่ามนเป็นต้นเหตุทำให้คุณพ่อต้องตาย”
“จ้ะๆ อาสัญญา”
“วันนี้มนไปรู้มาว่าพี่อินเข้าไปอยู่ในบ้านพี่ภูค่ะ มนทั้งเสียใจ ทั้งน้อยใจไม่รู้จะไปพูดกับใคร มนก็เลยไประบายกับคุณพ่อ แล้วอยู่ดีๆคุณพ่อก็ชักขึ้นมาค่ะคุณอา ฮือๆๆ มนไม่น่าพูดเลย”
“หนูมนไม่ผิดหรอก ตาภูต่างหากล่ะที่ผิด ตาภูทำยังงี้ได้ยังไง ให้ผู้หญิงคนอื่นเข้าไปอยู่ในบ้าน อย่างนี้ก็เท่ากับว่าตาภูไม่ให้เกียรติหนูมนเลยนะ”
“คุณอาอย่าว่าพี่ภูเลยค่ะ พี่ภูเป็นคนดีรู้ไม่เท่าทันพี่อิน”
“หนูมนหมายความว่ายังไง”
“พี่อินเคยบอกกับมนค่ะว่าพี่อินจะทำทุกอย่างให้พี่ภูเปลี่ยนใจไปรักกับเขาให้ได้ แล้วมนว่าอีกไม่นานพี่อินคงจะทำสำเร็จแน่นอนค่ะ”
กัลยาณีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ บอกมนชญาว่าตนจะจัดการเอง ตนยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้ มนชญาแอบยิ้มสมใจ...คืนนั้น กัลยาณีโทร.หาวารีทันที ขอให้จัดการเรื่องแต่งงาน วารีท้วงว่าอาการไกรสรยังไม่ดีขึ้นเลย กัลยาณีจึงบอกว่า
“ก็เพราะว่าคุณพี่อาการไม่ดีนั่นแหละค่ะ ณีถึงอยากให้หนูมนกับตาภูแต่งๆกันสักที เผื่อว่าถ้าคุณพี่รับรู้ว่าลูกสาวได้เป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว คุณพี่อาจจะมีกำลังใจแล้วทำให้อาการดีขึ้นก็ได้นะคะ”
วารีหนักใจ รับปากจะคุยกับภูมินทร์ให้ แล้วจะแจ้งกลับ ดุสิตเห็นท่าทางวารีก็รู้ว่าฝ่ายนั้นเร่งรัดเรื่องแต่งงาน วารีปรึกษาว่าเกรงจะผิดใจกับกัลยาณี สงสัยต้องบังคับภูมินทร์แล้ว ดุสิตไม่เห็นด้วย ควรจะให้ภูมินทร์เลือกเองเพราะเป็นชีวิตของเขา วารีก็เห็นด้วยจึงได้แต่ไม่สบายใจ
ooooooo
คืนนั้น ไกรสรนั่งซักถามเรื่องราวต่างๆทำไมถึงสลับร่างกันได้ อินตราเล่าให้ฟังอย่างละเอียด พร้อมกับบอกว่า ที่ตนบอกใครไม่ได้เพราะโดนขู่ไว้ว่า
จะทำร้ายพ่อ ตนจึงยอมทำทุกอย่างตามที่มนชญาต้องการ แต่แล้วเขาก็ยังมาทำร้ายพ่อจนได้
“ก็คิดซะว่าบางทีอาจจะเป็นกรรมที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วก็ได้นะลูก แล้วที่เขาทำกับพ่อทุกอย่างในชาตินี้ พ่อก็จะอโหสิกรรมให้เขา และพ่อก็ได้แต่หวังว่า เขาจะไม่สร้างบาปสร้างกรรมอะไรเพิ่มอีก เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนที่จะรับกรรมก็คือตัวเขาเอง”
อินตราพยักหน้าเห็นดีด้วย พลัน ภูมินทร์ย้อนกลับมา เขาเปิดประตูเข้ามาเห็นไกรสรนั่งบนเตียงก็ตะลึง หันไปมองยุวดีกับนพดลที่นั่งอยู่ในห้องไม่มีท่าทีแปลกใจอะไร อินตรายกนิ้วชี้แตะปาก “เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างเราสี่คนนะคะพี่ภู”
ภูมินทร์พยักหน้างงๆ...พอกลับมาบ้านก็ซักอินตรากับยุวดียกใหญ่
“นี่เท่ากับว่าอินตราทำร้ายคุณอา แต่เราเอาผิดอินตราไม่ได้เลยใช่ไหม”
“ก็ใช่น่ะสิคะ ถ้าขืนลองเราป่าวประกาศออกไป คนที่จะซวยก็มีแต่คุณอาไกรสรกับมน”
ภูมินทร์จะพูด พอดีวารีออกมาด้วยสีหน้าไม่สบายใจ บอกภูมินทร์ว่ามีเรื่องจะคุยด้วย พอภูมินทร์รู้เรื่องที่อยากให้แต่งงานทั้งที่ไกรสรยังอาการหนักก็ไม่เห็นด้วย วารีพูดตามที่กัลยาณีบอกว่าไกรสรอาจจะอาการดีขึ้น ยุวดีพึมพำว่ามนชญาแผนสูง วารีได้ยินไม่ถนัดถามอะไรนะ
“เอ่อ...ยุบอกว่า ยุไม่เห็นด้วยเลยนะคะที่จะมาจัดงานรื่นเริงอะไรกันตอนนี้ แล้วยุว่านะคะ ถ้าคุณอาไกรสรรู้ว่าพี่ภูต้องรีบแต่งงานกับมน ทั้งๆที่ยังไม่พร้อมเพราะท่าน คุณอาไกรสรไม่มีวันรู้สึกดีหรอกค่ะ”
“ก็จริงของยุ ว่ายังไงล่ะภู” วารีถอนใจหันไปถามภูมินทร์
“แม่ครับ ผมไม่แน่ใจว่าผมยังรักมนอยู่รึเปล่า”
วารีเข้าใจลูกชาย จึงบอกไปว่า แล้วแต่ภูมินทร์จะจัดการ ภูมินทร์สบตายุวดีอย่างโล่งใจ...ยุวดีรีบโทร.ไปเล่าให้นพดลฟัง แต่พอนพดลท้วงกลับมาว่า เป็นห่วงมนชญาจะอาละวาดอีก ก็ไม่สบายใจไปด้วย
ooooooo
วันรุ่งขึ้น พอมนชญาได้ฟังกัลยาณีบอกว่า วารีแจ้งกลับมาว่าภูมินทร์ขอเวลาสักพัก ก็ไม่พอใจ อย่างมาก...มนชญาเข้ามาในห้องอย่างหงุดหงิด แววตามุ่งมั่นไม่ยอมแพ้
มนชญาโทร.หาภูมินทร์ “พี่ภูคะ เย็นนี้เราไปทานข้าวกันนะคะ มนมีเรื่องจะคุยกับพี่ภู”
“เอ่อ...คือว่าเย็นนี้พี่มีประชุมน่ะจ้ะ ยังไม่รู้เลยว่าจะเลิกกี่โมง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ดึกแค่ไหนมนก็จะรอ นะคะพี่ภู มนมีเรื่องจะปรึกษาพี่ภูจริงๆ”
ภูมินทร์จำต้องรับปากอย่างไม่เต็มใจ มนชญายิ้มอย่างมีแผน...คืนนั้น มนชญามานั่งรอภูมินทร์ในร้านอาหารหรู
แห่งหนึ่ง เธอผสมยาบางอย่างลงในเครื่องดื่มที่เตรียมไว้ให้เขา พอหันไปเห็นภูมินทร์เดินเข้ามา ก็รีบวางช้อนที่ใช้คนแล้วทัก
“พี่ภูมาเร็วกว่าที่มนคิดเอาไว้ซะอีกนะคะ”
“พอดีว่าพี่เลิกประชุมเร็วน่ะจ้ะ ว่าแต่มนมีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่เหรอ”
“ยังไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ พี่ภูดื่มน้ำให้หายเหนื่อยก่อนดีไหมคะ” มนชญาเลื่อนแก้วน้ำให้
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ไม่หิว มนมีเรื่องอะไรจะพูดก็พูดมาเลยก็ได้นะจ๊ะ เราจะได้ไม่กลับบ้านกันดึกเกินไป”
มนชญาหงุดหงิดที่ภูมินทร์ไม่ยอมดื่ม พยายามหาวิธีเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาซับน้ำตาอ้างว่า “แต่พี่ภูดื่มก่อนก็ได้นะคะ มนขอเวลาทำใจสักครู่”
เวลาผ่านไป ภูมินทร์มองมนชญาอย่างอดทนแล้วจึงถามว่าเธอมีอะไรจะพูด มนชญาหงุดหงิดที่ภูมินทร์ไม่ยอมดื่มน้ำเสียที จึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ภูมินทร์ถอนใจอย่างเบื่อหน่าย...มนชญาหายไปนาน ภูมินทร์มองนาฬิกาอย่างอึดอัด ไม่รู้จะทำอะไรจึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม มนชญาเดินกลับมาเห็นพอดี เธอยิ้มอย่างสมใจ...
ขณะเดียวกัน อินตรากอดไกรสรไม่อยากกลับบ้าน ไกรสรบอกว่าเรื่องร้ายๆผ่านไปหมดแล้ว ต่อไปเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดเหมือนเดิม ให้กลับบ้านไปพักผ่อน อย่าทำตัวเป็นเด็กงอแง นพดลกับยุวดีหัวเราะ อินตราจึงยอมลากลับ...นพดลแยกกลับไป ยุวดีกับอินตรากลับบ้านด้วยกัน ยุวดีถามอินตราว่าวันนี้คุยกับภูมินทร์บ้างหรือเปล่าว่าไปไหน อินตราส่ายหน้า
ในขณะที่ภูมินทร์เริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย มองผู้หญิงที่เดินผ่านอย่างอารมณ์พลุ่งพล่านเขาพยายามตั้งสติ แปลกใจว่าตัวเองเป็นอะไร จึงยกแก้วน้ำขึ้นดื่มอีกแล้วชวนมนชญากลับ มนชญาโผกอดยั่วยุอารมณ์เขา ยังไม่อยากกลับ และอยากให้เขาอยู่เป็นเพื่อน ทำเสียงออดอ้อน
ภูมินทร์ยกมือจะลูบไล้มนชญา แต่หักห้ามใจไว้ได้ ลุกพรวดขึ้น “มน พี่กลับก่อนนะ พี่ไม่ค่อยสบาย”
มนชญาตกใจรีบเดินตามไปที่ลานจอดรถ ภูมินทร์ยิงรีโมตเปิดล็อกรถ มนชญาตามมากอดดันตัวเขาพิงรถ โน้มคอเขาลงมาอย่างยั่วยวน
“พี่ภูจะหนีมนไปไหนคะ เรายังไม่ได้คุยธุระอะไรกันเลยนะ”
“เอาไว้วันหลังเถอะมน วันนี้พี่...พี่...” ภูมินทร์พูดไม่ออก
“พี่ภูทำไมคะ...พี่ภูมีอะไรก็พูดออกมาตรงๆสิคะ ทำอย่างกับมนเป็นคนอื่นไปได้”
มนชญายื่นหน้าไปจูบภูมินทร์ก่อน ในที่สุดภูมินทร์ก็ทนไม่ไหวเปิดประตูรถ ผลักมนชญาเข้าไปที่เบาะหลัง ทั้งสองกอดจูบกันอย่างเร่าร้อน พลันมือถือภูมินทร์ดังขึ้น ทำให้เขาชะงักได้สติ ดันตัวออกจากมนชญา...เสียงโทรศัพท์ดังจนหยุด มนชญาจับหน้าภูมินทร์ให้หันกลับมาหา “เรามาต่อเรื่องของเรากันดีกว่านะคะพี่ภู”
มนชญาจูบภูมินทร์อย่างเล้าโลม แต่เขาตัดใจได้ผลักเธอออก กล่าวขอโทษแล้วเปิดประตูรถวิ่งออกไป มนชญาตกใจตามออกมาร้องเรียก แต่ภูมินทร์โบกแท็กซี่ขึ้นรถไปทันที...มนชญามองตามอย่างหงุดหงิด ไม่ทันไรก็มีช่างภาพเดินออกมาหา มนชญาถามว่าเรียบร้อยไหม ช่างภาพส่งกล้องวีดิโอให้ดูเอง มนชญายิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะส่งเงินค่าจ้างให้ ช่างภาพรับเงินมาแล้วบอกว่า วันหลังให้เขาบริการ
อีก มนชญาตอบคงไม่ต้องแล้ว
ooooooo
ยุวดีแปลกใจที่โทร.หาภูมินทร์เท่าไหร่ก็ไม่รับสาย กำลังคุยกับอินตราอย่างเป็นห่วง ก็พอดีภูมินทร์กลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ยุวดีรีบถามว่าไปไหนมา ภูมินทร์ไม่ตอบเดินหนีขึ้นห้อง เขารีบเข้าไปในห้องน้ำ เอาน้ำราดหัวระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
มนชญาขับรถกลับมาบ้าน เห็นกัลยาณีเพิ่งกลับมาเช่นกัน จึงยิ้มอย่างมีแผนร้าย ยีหัวตัวเอง แล้วดึงผ้าให้ขาดเยิน ขับรถพุ่งเข้ามาจอดหน้าตึกแล้วลงจากรถร้องไห้วิ่งผ่านหน้ากัลยาณี
“หนูมนไปไหนมาจ๊ะ อาคิดว่าวันนี้หนูมนจะไปเยี่ยมคุณพ่อซะอีก...เอ๊ะ...หนูมน...”
กัลยาณีตามไปเคาะประตูห้องถามมนชญาเป็นอะไร มนชญาทำเป็นร้องไห้บอกกัลยาณีว่าตนไม่สบายใจเรื่องพ่อ ขอตัวพักผ่อน กัลยาณีแปลกใจแต่ไม่อยากรบกวน
วันรุ่งขึ้น ยุวดีอ่านข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ “คู่รักไฮโซอดใจไม่ไหว เพราะเลื่อนงานแต่งงานไปอย่างไม่มีกำหนด เลยใช้ลานจอดรถเป็นที่แสดงความรักต่อกันอย่างดูดดื่ม...ไม่อายผีสางเทวดากันบ้างหรือไง เสียดายไม่มีเขียนอักษรตัวย่อหรือภาพประกอบ จะได้เดาได้หน่อยว่าเป็นใคร”
“ดีแล้วล่ะพ่อแม่ของพวกเขาจะได้ไม่ต้องทุกข์ใจ ไม่มีพ่อแม่คนไหนทนเห็นลูกประพฤติตัวแย่ๆแบบนี้ได้หรอกยุ ยิ่งถ้าเป็นลูกผู้หญิงด้วยแล้ว จะมีแต่เสียกับเสีย” วารีเปรย แต่พออินตราก้มหน้าเศร้าๆเพราะกระทบเรื่องที่ผ่านมาของอินตรา จึงบีบมือปลอบ “แต่ถ้าทำผิดแล้วปรับปรุงตัว พ่อแม่ทุกคนก็พร้อมจะให้อภัยนะจ๊ะ”
อินตราเงยหน้ายิ้มรับ ยุวดีบ่นว่าแม่สอนผิดคนแล้ว วารีได้ยินไม่ถนัดถามว่าอะไรนะ ยุวดียิ้มกลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร แล้วสบตากับอินตราอย่างรู้กัน
ooooooo
และแล้ว กัลยาณีก็ได้รับซีดีส่งมาที่บ้าน พอเปิดดูก็ตกตะลึงกับภาพภูมินทร์กับมนชญาที่ลานจอดรถ เธอรีบเอาแผ่นออกมาถือไปหามนชญาที่ห้องนอน มนชญารอท่าอยู่แล้วแกล้งทำท่าเศร้าอยู่บนเตียง ฟังกัลยาณีโวย
“ทำไมหนูมนทำตัวแบบนี้ มิน่าล่ะ เมื่อคืนหนูมนถึงได้กลับมาบ้านสภาพอย่างงั้น โธ่ๆๆอาเคยสอนแล้วใช่ไหมว่าเป็นลูกผู้หญิงต้องรู้จักรักนวลสงวนตัว แต่หนูก็ไม่เชื่ออา แล้วถ้าคลิปนี้หลุดออกไป พวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันฮึหนูมน”
“คุณอาขามนทำผิดไปแล้ว มนขอโทษค่ะ มนพยายามหักห้ามใจแล้ว แต่...”
“แต่อะไร...”
“แต่มนฝืนพี่ภูไม่ได้” มนชญาเหลือบมองสายตากัลยาณีที่วาวโรจน์อย่างโกรธจัด...
กัลยาณีแล่นไปที่บ้านภูมินทร์ทันที พบอินตรานั่งแกะสลักอยู่กับวารีก็ไม่พอใจ อินตรายกมือไหว้ เธอกลับบอกให้กองไว้ตรงนั้น เพราะตนไม่นับญาติด้วย กัลยาณีไม่รอช้า เอาซีดีออกมาให้วารีเปิดดู วารีเห็นแล้วตกใจ
“คุณพระช่วย ที่แท้ข่าวในหนังสือพิมพ์คือตาภูกับหนูมนเหรอเนี่ย ว่าแต่คุณณีไปเอาคลิปนี้มาจากไหนคะ”
“มีผู้หวังดีส่งให้ณีค่ะ และไม่รู้ว่าผู้หวังดีคนนั้นจะสาระแนหวังดีส่งให้ใครอีก”
“ตายจริง...แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดีคะเนี่ย”
“ก็เพราะอย่างนี้แหละค่ะ ณีถึงต้องรีบมาปรึกษาคุณพี่ เพราะณีรู้ว่าคุณพี่เป็นคนดีไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวที่คิดว่าคนของคุณพี่เป็นผู้ชายแล้วจะไม่เสียหายเท่าคนของณี”
วารีรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจจนตัวงอ กัลยาณีตกใจถามว่าเป็นอะไร วารีตอบว่าจู่ๆก็เจ็บขึ้นมา แต่ไม่เป็นอะไรมาก แล้วตนจะคุยกับภูมินทร์ให้ กัลยาณีกำชับว่าคุยอย่างเดียวไม่ได้ต้องจัดการให้ภูมินทร์กับมนชญาแต่งงานกันเร็วที่สุด วารีพยักหน้ารับเครียดๆ
ooooooo
เย็นนั้น ภูมินทร์กลับจากทำงาน เห็นอินตรา สอนการบ้านให้กุ๊กไก่อยู่ก็เข้ามาอ้อนกุ๊กไก่ให้ช่วยหาน้ำเย็นๆ ให้ดื่มหน่อย กุ๊กไก่รีบวิ่งตื๋อไป ภูมินทร์หันมาขโมยหอมอินตรา
“วันนี้พี่เหนื่อย พี่ขอกำลังใจจากมนหน่อยนะจ๊ะ”
อินตราตกใจ “พี่ภู เดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก ว่าแต่เมื่อคืนพี่ภูเป็นอะไรเหรอคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เมื่อคืนอินตราพยายามจะทำอะไรสักอย่าง แต่ช่างเขาเถอะ เพราะพี่จะไม่ยอมให้อินตราได้สิ่งที่ต้องการเด็ดขาด” ภูมินทร์เครียดขึ้นมา
ยุวดีเดินออกมาบอกว่าวารีเรียกไปพบ พอภูมินทร์กับยุวดีมานั่งตรงหน้าวารี เธอซักทันทีว่าเมื่อคืนไปทำอะไรมา ภูมินทร์แปลกใจ วารีจึงเปิดซีดีให้ดู ยุวดีกับภูมินทร์เห็นแล้วตกใจ อินตราเดินผ่านมาเห็นพอดี วารีถามภูมินทร์ว่ามีอะไรจะปฏิเสธ
“คุณแม่ครับ มันไม่ใช่อย่างที่คุณแม่คิดนะครับ ผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง...”ภูมินทร์พยายามจะอธิบาย
วารีเอ็ดที่ลูกชายไม่ให้เกียรติผู้หญิง และตนก็โดนกัลยาณีมาถอนหงอก “ไม่รู้ล่ะ ยังไงๆภูก็ต้องแต่งงานกับหนูมน ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ภาพนี้จะหลุดออกไป”
“แต่ผมไม่ได้รักมน มนชญาที่คุณแม่รู้จักตอนนี้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมรัก”
วารีตบหน้าภูมินทร์ผัวะ ยุวดีกับอินตราตกตะลึง แล้ววารีก็เกิดอาการเจ็บแปลบที่หัวใจจนล้มพับไป ทุกคนตกใจรีบพาวารีส่งโรงพยาบาล ดุสิตปรี่เข้าถามหมอที่เดินออกมาว่าภรรยาเขาเป็นอย่างไรบ้าง
“คนไข้เป็นโรคหัวใจ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็น ห่วงแล้ว แต่ต้องคอยระวังไม่ให้มีเรื่องมากระทบกระเทือนจิตใจนะครับ เพราะไม่อย่างงั้นหัวใจอาจจะวายเฉียบพลันเป็นอันตรายถึงชีวิตได้” ...ยุวดีกอดดุสิตร้องไห้ใจไม่ดี อินตรามองทุกคนด้วยความสะเทือนใจ
ooooooo










