ตอนที่ 4
รถแท็กซี่เข้ามาจอดหน้าบ้าน ปุ๊กกี้ยังหากระเป๋าเงินไม่เจอ ภาวนาจึงพยายามขึ้นบันไดไปหา พอรู้ว่าของมีค่าทั้งหมดคงโดนชลีกรยึดไป จึงบอกปุ๊กกี้ว่าเราจะไปสงขลากัน ที่นั่นมีคนรู้จัก แต่พอปุ๊กกี้ประคองภาวนาจะออกจากบ้าน กลายเป็นพร้อมพรที่กลับมา
“ลงมาได้ยังไง คุณท่านต้องขึ้นไปนอน” พร้อมพรโวยวายพร้อมลากภาวนาจนเซถลา
ภาวนาร้องให้ปล่อยและไล่เธอออก พร้อมพร
ไม่สนใจบอกว่าท่านไม่สบายต้องนอนพัก ปุ๊กกี้เข้าทุบตี
พร้อมพรให้ปล่อยย่า ภาวนาหน้ามืดทรุดลง กุ้งเรียกแท็กซี่เพิ่งมาถึง วิ่งเข้ามาตกใจจะเข้าประคองภาวนา พร้อมพรทำทีโวยกุ้ง ว่าปล่อยให้คุณท่านลงมาจนเป็นลมได้อย่างไร
พร้อมพรจับปุ๊กกี้มาขังในห้อง ขู่ห้ามบอกใครว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นจะให้ชลีกรเล่นงาน สั่งให้อยู่ในห้องห้ามออกมา ถ้าได้ยินเสียงจะโดนตี ปุ๊กกี้กลัว
ตัวสั่นงันงก จากนั้นพร้อมพรก็ออกมาเอาเรื่อง รปภ. ค้นสมุดลงรายชื่อพบว่าวันนี้มีคนมาเป็นทนายสุทิน ก็ยิ่งตกใจ
ไม่กล้าบอกว่าตนก็ไม่อยู่ ทำทีเห็นใจจะไม่ฟ้องเจ้านายเพราะสงสารลูกเมียถ้าโดนไล่ออก แล้วเธอก็ฉีกหน้าที่มีชื่อสุทินทิ้ง กลับเข้าบ้านมาเล่นงานกุ้งอีกคนที่ปล่อยให้ภาวนาลงมา กุ้งนั่งหวาดเกรง
“ต่อไปนี้ห้ามแกขึ้นไปชั้นบน ห้ามยุ่งกับคุณปุ๊กกี้ด้วย ฉันจะให้ยัยน้ำเป็นคนดูแลแทน ไม่ต้องเถียง แล้วอย่าให้คุณลีรู้เรื่องนี้นะ เพราะแกจะไม่ใช่แค่ตกงานเฉยๆแน่ ฉันเตือนแกได้แค่นี้”
วันต่อมา หัฏฐ์เดินมาที่ห้องนิทรรศการเห็นชนนีกับลูกหมีถือช่อดอกไม้คนละช่อบอกว่าเอามาแสดงความยินดีกับชินานางและจิรัช ลูกหมีแทรก “เป็นเพื่อนนะครับ ไม่ได้เป็นแฟน”
ชนนียิ้มๆชวนหัฏฐ์เข้าไปชมด้วยกัน ตรงมุมแสดงงานของจิรัช เขากำลังพรีเซนต์ให้ลูกค้าที่จะซื้อฟัง ชนนีรอจะมอบดอกไม้ หัฏฐ์จึงขอเดินไปดูทางอื่น หัฏฐ์เดินมาด้านหลังชินานาง เธอกำลังพรีเซนต์งานให้ลูกค้าฟังเช่นกัน
“รูปนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือเรื่องต้นส้มแสนรักค่ะ มันสื่อถึงความผูกพันของเด็กกับธรรมชาติ ทั้งสองเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณบริสุทธิ์”...ลูกค้าชื่นชอบ
ชินานางหันมาเจอหัฏฐ์ก็ตกใจ เขาเปรยยิ้มๆ “อืม...ตัวแทนของจิตวิญญาณบริสุทธิ์...”
ชินานางถามมาทำไม เขาบอกลืมหรือว่าตนสอนอยู่ที่นี่ เธอแย้งว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องสอน เขาบอกรู้แล้ว แล้วชมว่าเธอพรีเซนต์ได้ดี เธอหาว่าเขากวน เขาบอกไม่ได้กวนอยากฟังจริงๆ หรือจะให้ตนคิดเอง แล้วเขาก็แกล้งพูดถึงภาพตามความคิดตัวเอง ชินานางถอนใจ จำต้อง อธิบายงานตามหน้าที่ หัฏฐ์ฟังแต่ละภาพแล้วทึ่งที่มีสาระแฝงอยู่ทุกภาพ ชินานางประชด
“ทำไม ที่ผ่านมาคุณนึกว่างานฉันไก่กามาตลอดล่ะสิ”
“ถ้าดูแต่ผลงานจะไม่รู้เลยว่าคนวาดคือคุณ”
ชินานางไม่พอใจ หัฏฐ์รีบบอกให้อธิบายต่อ
“ไม่ ที่พูดหมายความว่าอะไร บอกมานะ”
“ก็...ผมชมว่าคุณเขียนรูปได้ดี ดีกว่าที่ผมคิด”
“แล้วไป ถ้าคุณไม่ทำรูปมาสเตอร์พีซของฉันพังจะดีกว่านี้อีก บอกให้”
บริเวณโต๊ะอาหารว่าง ลูกหมีย่องมาหยิบขนมกิน แล้วเกิดติดใจกินไปเรื่อย ชนนีเข้ามาปรามเก็บไว้ให้คนอื่นทานบ้าง แล้วว่าไหนจะเอาดอกไม้ไปให้อา ลูกหมี ขอกินอีกนิด ชนนียิ้มๆ
ผลงานของจิรัชและชินานางเป็นที่พอใจ อาจารย์ชมว่าวันหนึ่งทั้งสองจะเป็นศิลปินมีชื่อ หัฏฐ์ได้ยินพลอยชื่นชมไปด้วย ชินานางหันมาสบตาทำนองเก่งไหมล่ะ เขาทำท่าตบมือให้
บ่ายวันนั้นชลีกรกับครอบครัวกลับจากญี่ปุ่น ซื้อของมามากมาย สาวิตรขึ้นมาดูภาวนา พร้อมพรสะดุ้งเล็กน้อย รายงานว่าท่านพักผ่อนเต็มที่ พอสาวิตรออกไป ชลีกรก็กระซิบถามเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมพรเก็บอาการให้นิ่งบอกเรียบร้อยไม่มีอะไรต้องห่วง ชลีกรถามถึงปุ๊กกี้ก่อเรื่องไหม เธอใส่ความว่าสามวันก่อนร้องไห้มาทุบประตูจะหาย่า ตนเลยเอาไปขังในห้อง
“แล้วไป นึกว่าแกปล่อยให้มันไปหาย่าเสียอีก งั้นรีบไปเอาตัวออกมาขัดสีฉวีวรรณซะ เดี๋ยวคุณสาวิตรถามหา ไปฉันไปด้วย” ชลีกรเดินนำไปห้องปุ๊กกี้
ปุ๊กกี้นั่งซุกตัวกอดดวงใจอยู่มุมห้อง ภายในห้องกลิ่นเหม็นเน่า พร้อมพรใจหายวาบคิดว่าตายเสียแล้ว ชลีกรตำหนิทำไมไม่ให้ทานอะไรเลยหรือ พร้อมพรชี้ที่จานอาหารวางทิ้งไว้...ชลีกรเอะใจต้องมีอะไรแน่จึงย้ำถามพร้อมพรอีกครั้ง เธออึกอักสารภาพว่าปุ๊กกี้เข้าไปเจอภาวนาแป๊บเดียวคงยังไม่ทันได้คุยอะไรกัน ชลีกรปรี๊ดเผลอตบหน้าพร้อมพรฉาดใหญ่ ด่าซ้ำ
“โง่ งี่เง่า!ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้จับตาดูดีๆ...” พร้อมพรจับมือบอกนี่พี่นะ “ไม่ต้องมาสะเออะนับญาติกับฉัน ถ้าแกทำฉันเดือดร้อนล่ะน่าดู” ชลีกรกราดเกรี้ยวใส่ไม่ยั้ง แล้วกลับมาใส่อารมณ์กับภาวนาที่ยังนอนนิ่งอีก “ยายแก่เอ๊ย ถ่วงความเจริญอยู่ได้ เมื่อไหร่จะตายๆไปเสียทีนะ”
ooooooo
ลูกหมีแอบนั่งกินขนมอยู่หลังบ้าน ชินานางมาเห็นติงว่ากินตั้งแต่ที่งานยังไม่อิ่มอีกหรือ พอดีเห็นหัฏฐ์อุ้มลูกสุนัขเข้ามาถามเป็นของบ้านนี้หรือเปล่า ลูกหมีตื่นเต้นเพราะมันน่ารัก ชินานางประชดไม่รู้เลยหรือว่าบ้านตนเลี้ยงสุนัขหรือเปล่า เขาสวนไม่ชอบรู้เรื่องชาวบ้าน เธอปรี๊ด
“ฉันก็ไม่ชอบ แต่ฉันมีความสังเกตพอจะรู้ว่าบ้านคุณก็ไม่ได้เลี้ยงหมา”
ลูกหมีถามเอามาจากไหน หัฏฐ์บอกเห็นมันวิ่งอยู่หน้าบ้าน คงหลงทางมา ลูกหมีชวนไปเดินหาเจ้าของ ชินานางก็สงสารแต่ไม่อยากช่วยหัฏฐ์โบ้ยว่าใครเจอก็ไปหาเอง ไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น หัฏฐ์ตำหนิสอนเด็กแบบนี้ได้อย่างไร แต่ลูกหมีอยากไปช่วยจึงเข้าไปจูงมือหัฏฐ์ ชินานางไม่คิดจะห้ามเดินเข้าบ้าน ชนนีเห็นสีหน้าถามทะเลาะกับใครมาอีก บัวกระเซ้าพ่อแง่แม่งอนเหมือนใน ละคร ชินานางไม่โกรธกลับบอกบัวให้ไปถามตามร้านค้าว่าลูกหมาใครหาย ถ้าเจอให้มาติดต่อบ้านเรา บัวถามรูปพรรณสุนัขยกใหญ่ ชินานางถอนใจไปหาเองดีกว่า
“ที่แท้ก็อยากช่วยเขา” ชนนีพึมพำ ชินานางได้ยินบอกไม่ใช่ ตนแค่สงสารลูกสุนัข
หัฏฐ์กับลูกหมีเดินถามทุกบ้านในซอยจนเหนื่อย หัฏฐ์คิดว่าลูกสุนัขอาจจะหิวจึงซื้อไส้กรอกให้มันกิน
ลูกหมีถามถ้าหาเจ้าของไม่เจอตนขอเลี้ยงได้ไหม หัฏฐ์บอกได้ชั่วคราวเพราะมันคงอยากหาเจ้าของมากกว่า ลูกหมีเห็นจริงถ้าเป็นตนหลงทางก็อยากหาย่ากับอาช้าง
ชินานางขี่จักรยานผ่านมาถามยังหาเจ้าของไม่เจออีกหรือ ลูกหมีดีใจที่อามาช่วย เธอบอกไม่ใช่แค่ออกมาซื้อของ แล้วเธอก็ขี่จักรยานออกไป แต่แล้วชินานางก็มองหาคนไปทั่ว จนมาเห็นหญิงคนหนึ่งก้มๆเงยๆเหมือนหาของ จึงถามว่าหาลูกสุนัขหรือเปล่า เธอรีบบอกว่าใช่หาเจ้าขุย ชินานางจึงบอกว่ามันอยู่กับเพื่อนตน แล้วพาเจ้าของซ้อนท้ายมา พอลูกสุนัขเห็นเจ้าของก็วิ่งไปหา เจ้าของกอดมันด้วยความดีใจ แล้วขอบคุณหัฏฐ์กับลูกหมีอย่างมาก
หัฏฐ์เปรยนึกว่าจะใจร้ายที่แท้ก็แอบช่วยหา
ชินานางได้ยินบอกไม่ได้ช่วย แค่ไปซื้อของแล้วบังเอิญเจอ เขาเหน็บซื้อของมาเต็มรถเลยนะ ชินานางหน้าเสียที่โดนจับได้ เขายิ้มอย่างเอ็นดู
กลับเข้ามาในบ้าน หทัยเอารูปปุ๊กกี้ที่ชินานางวาด ให้ใส่กรอบมาวาง หัฏฐ์ถามยังไม่ได้คุยกับหลานอีกหรือ เธอพยักหน้าบอกหลายเดือนแล้ว
เหมือนชลีกรจะกันตลอด หัฏฐ์จึงชวนหาวันว่างไปเยี่ยม หทัยดีใจบอกจะโทร.ไปทางสาวิตรแต่ไม่มีเบอร์ หัฏฐ์นึกได้โทร.หาลดามณีแทน
พอลดามณีได้รับโทรศัพท์จากหัฏฐ์ว่าจะมาเยี่ยมปุ๊กกี้ที่กรุงเทพฯ ก็ดีใจออกนอกหน้า แอนแย็บถาม
แล้วมาร์คล่ะ เธอกลับบอกว่าใครเข้ามาก็เก็บสแปร์ไว้ก่อนแล้วค่อยเลือก
คืนนั้นจิรัชโทร.ถามชินานางจะปันเงินสามสิบเปอร์เซ็นต์จากการขายภาพไปให้มูลนิธิจะร่วมด้วยไหม เธอยินดีอย่างยิ่งโอ่ว่าตนเป็นนางงามรักเด็กเหมือนกัน จิรัชบอกพรุ่งนี้จะไปจัดการ
“เออแล้วที่แกเล่าล่ะว่าไปเจอแฟนอาจารย์ข้างบ้าน น่ะ จะไปบริจาคที่นั่นใช่ไหม ไปยุ่งมากเดี๋ยวเขาหึงเอานะ” จิรัชล้อว่าหวงตนหรือ “เฮอะๆ...ถ้าแกขายออกฉันจะดีใจมาก แต่ไม่อยากให้ไปยุ่งกับคนมีแฟนแล้ว”
จิรัชจึงบอกว่าเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน ชินานางเยาะก็น่าหรอกคนแบบนั้นใครจะอยากได้เป็นแฟน จิรัชสวนระวังจะเข้าตัวเห็นพูดถึงอยู่เรื่อย วันนี้ก็เห็นเขามาดูงาน หญิงสาวล้อกลับหึงหรือ เขาพลั้งปากว่าใช่...เธอร้องเฮ้ย! เขาแก้ตัว “ล้อเล่น ผู้หญิงอย่างแกใครจะอยากได้เป็นแฟน”
“ไอ้เพื่อนเลว ล้อคำพูดฉันเหรอ ทำไมฉันไม่ดีตรงไหน พูดมาเลยพูดมาสิ นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆนะฉันจะจับหักคอซะเลย”...จิรัชต้องดึงโทรศัพท์ออกจากหูขำๆ
วันต่อมา จิรัชนำเงินมาบริจาคที่บ้านพักใจ ครูใหญ่ขอบคุณที่อุตส่าห์เป็นครูอาสาแล้วยังหาเงินเข้ามูลนิธิอีก พอดีจูนเดินเข้ามา ครูใหญ่แนะนำให้รู้จักกัน จูนพยักหน้าแล้วเชิดออกไป จิรัชจึงบอกครูใหญ่ว่าเรารู้จักกันแล้ว...พอจิรัชเดินออกมา จูนดักรอถามเขาต้องการอะไร เขางงๆ
“ลงทุนขนาดนี้เชียวเหรอ อายุก็ไม่เท่าไหร่ ไม่น่ามีความคิดความอ่านที่ดี ฉันยังไม่ไว้ใจนายหรอก ถ้าคิดจะมากวนประสาทฉันเล่นๆก็เลิกเถอะ ฉันไม่ใช่เด็กอ่อนหัด”
“โห...ว่าซะ จะไม่ยอมญาติดีกับผมเลยเหรอ”
จูนจิกตาตอบหนักแน่นว่าไม่ได้ผล จิรัชส่ายหน้างงว่าตนทำอะไรผิดนักหนา
ooooooo
สาวิตรกลับมาบ้านเห็นลูกๆทานขนมกันสนุกสนาน จึงถามถึงปุ๊กกี้ ชลีกรบอกว่าปุ๊กกี้ติดเพื่อนขอเล่นต่อ เช้าก็ตื่นสายทำให้คนอื่นๆสายไปด้วยจึงให้ไปกลับรถโรงเรียน สาวิตรเป็นห่วงเพราะเย็นมากแล้วยังไม่ถึงบ้านอีก ไม่ทันไรปุ๊กกี้มาถึงท่าทางอ่อนเพลีย เขาจึงเรียกให้ทานขนม
น้ำสาวใช้บอกว่าขนมหมดแล้ว เขาเอ็ดทำไมไม่แบ่งไว้ให้ปุ๊กกี้ ชลีกรเคืองบอกทุกทีไม่เห็นกิน ขนมเหลือทิ้งตลอด สาวิตรตำหนิเหลือก็ยังดีกว่าขาด ทำให้เธอยิ่งโกรธปุ๊กกี้มากขึ้น...ป้อม แป้งและเปเป้ออกไปวิ่งเล่น ชลีกรจูงกึ่งลากปุ๊กกี้มาเอ็ดหาว่าออเซาะสาวิตร ถ้าฟ้องอะไรอีกจะโดนตี พลันเสียงลดามณีเรียกหาปุ๊กกี้
ชลีกรจึงชะงักทำทีลูบหลังลูบหัว
“ปุ๊กกี้ ดาร์ลิ้งมาหาอาหน่อย...อาซื้อเสื้อผ้ามาฝากเยอะแยะเลย มาดูสิจ๊ะ”
ป้อม แป้ง เปเป้วิ่งมาถามมีของพวกตนบ้างไหม ลดามณีบอกว่าคนอื่นมีพ่อแม่ซื้อให้แล้ว แต่ปุ๊กกี้ไม่มี พอเห็นสภาพปุ๊กกี้ก็เอ่ยถามชลีกร ทำไมหลานใส่เสื้อผ้าเก่าแบบนี้ ชลีกรอึกอัก ลดามณีดึงปุ๊กกี้มาดูเสื้อผ้าที่ซื้อให้พร้อมขนมอีกหลายอย่าง แล้วบอกว่าน้าหัฏฐ์จะลงมาเยี่ยม ปุ๊กกี้ต้องบอกว่าตนเป็นอาที่ใจดีที่สุดในโลก ชลีกรมองอย่างเจ็บใจ
พอลดามณีกลับไป ชลีกรหมั่นไส้ที่ปุ๊กกี้กำลังกินเอแคล ก็เข้าไปกระชากแล้วส่งต่อให้ลูกๆของตัว แถมหยิบถุงเสื้อผ้าทั้งหมดไปด้วย ปุ๊กกี้มองเอแคลร์ที่ตกอยู่ชิ้นหนึ่งด้วยความหิวโหยจำต้องหยิบมาใส่ปากอย่างน่าสงสาร
ต่างจากลูกหมีที่กินขนมมากมายจนต้องปรามกัน ล้อว่าคงมีพยาธิ ลูกหมีร้องลั่นว่าไม่มี ชนนีทำอาหารใส่ชามให้ชินานางเอาไปให้หทัยที่บ้าน เธอไม่อยากไปเจอหัฏฐ์จึงถามทำไมต้องทำให้ ชนนีบอกว่าที่บ้านนั้นกินแต่อาหารปิ่นโตคงจะเบื่อ ชินานางเบ้หน้าจำต้องยกไปตามคำสั่ง
มาถึงหน้าบ้าน ชินานางเรียกส้มให้มารับ หันมาเจอหัฏฐ์ยืนอยู่ จึงถามถึงหทัย เขาตอบว่าอาบน้ำอยู่ มีธุระอะไร เธอบอกว่าแม่ให้เอาแกงมาให้หทัย หัฏฐ์กวน
“อ้อ แสดงว่าไม่ใช่ของผม งั้นรอพี่หทัยลงมารับแล้วกัน” ส้มเดินออกมาชินานางเรียกให้มารับชามแกง หัฏฐ์แทรก “ส้ม ไปบอกให้คุณหทัยมารับดีกว่า”
ชินานางเริ่มโกรธบอกส้มไม่ต้องไปแล้ววางชามแกงไว้ที่โต๊ะหิน หัฏฐ์ท้วงวางแบบนั้นไม่มีเจ้าของตนกินได้ เธอสะบัดเสียงอย่างเหลือทน...เชิญตามสบาย...เขายิ้มขำๆที่ยั่วเธอได้
ชินานางเดินหงุดหงิดกลับมาบ้าน ส้มรีบเล่าให้บัวฟังว่า ปกติหัฏฐ์ไม่เคยแกล้งใคร แต่นี่ชอบแกล้ง
ชินานาง ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ ทั้งสองหัวเราะกันคิกคัก
ooooooo
เช้าวันใหม่เป็นวันหยุด ปุ๊กกี้เดินลงมาเห็นมีขนมวางอยู่บนโต๊ะ จึงเข้ามาหยิบกินชิ้นหนึ่ง ป้อม แป้งและเปเป้เห็นฟ้องชลีกรใหญ่ว่าปุ๊กกี้ขโมยขนม ชลีกร
กราดเกรี้ยวกระชากปุ๊กกี้ออกมาเอ็ดว่าสั่งแล้วไม่ให้กินก่อน แล้วหยิบเอแคลร์ที่ค้างคืนจนบูดมาส่งให้ ประชด
“เอาขนมนี่คืนไปสิจ๊ะหลานรัก”
ปุ๊กกี้รับมากัดกินหน้าเบ้บอกว่ามันบูด ชลีกรหน้าเหี้ยมสั่งให้กินเข้าไป เมื่อปุ๊กกี้ไม่ยอมกินก็จับยัดใส่ปากจนหนูน้อยสำลักน้ำหูน้ำตาไหล สาวิตรวิ่งเข้ามาล้วงคอหลานให้คายออกมา...
บ่ายวันนั้น จิรัชเห็นจูนกำลังสนใจคนแก่ที่เจ้าหน้าที่กำลังป้อนข้าว จึงเดินเข้ามาถามว่าสมาชิกใหม่หรือ ตนนึกว่าที่นี่รับแต่เด็ก เจ้าหน้าที่ตอบว่าพบเห็นคนเดือดร้อนก็ต้องช่วยหมด จิรัชมีสีหน้าสงสารถามจูนว่าถูกทอดทิ้งหรือ จูนน้ำเสียงสะเทือนใจว่าถูกทำร้าย ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มักจะตกเป็นเหยื่อของคนจิตใจวิปริต จิรัชสะท้อนใจ จูนหันมองทำนองว่าตัวเองดูคนผิดไปหรือเปล่า
ขณะเดียวกันปุ๊กกี้เห็นชลีกรคุยกับพร้อมพรข้างล่าง ว่าทำไมภาวนาถึงรู้สึกตัวบ่อย ให้เพิ่มยามากขึ้น แต่พร้อมพรเกรงจะตายเสียก่อน ชลีกรเสียงเข้ม ถ้าสาวิตรมาตอนที่ภาวนาตื่นเราสองคนได้ตายก่อนแน่
ปุ๊กกี้ตกใจรีบวิ่งไปที่ห้องภาวนา พยายามปลุกให้ตื่น ภาวนาลืมตาขึ้นมาลูบหัวหลานรัก ในมือกำยาเอาไว้น้ำตาซึม...ชลีกรกำลังจะเปิดประตูเข้ามา เสียงแป้งร้องเรียกให้มาช่วยสอนการบ้าน ภาวนาให้ปุ๊กกี้ไปหลบในห้องน้ำห้ามออกมา ชลีกรบอกลูกขอดูคุณย่าก่อน แป้งบ่นอย่าช้าขี้เกียจรอ เธอรับคำลูกน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่พอเปิดประตูเข้ามาก็เสียงเขียวทันที
“ฉันจะทำยังไงกับแกดีนะ ฆ่าให้ตายซะดีไหม”
ภาวนาลืมตาขึ้นมา “ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก จนกว่าจะได้เห็นเธอรับผลกรรมที่เธอก่อไว้...เธอวางยาฉัน ทำร้ายหลานฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจมาลากคอเธอเข้าคุก”
ชลีกรตกใจ “ที่ลีเป็นแบบนี้ก็เพราะความลำเอียงของนายแม่นั่นแหละรักแต่นายยะกับนังปุ๊กกี้ เคยสนใจลีกับลูกบ้างไหม นายแม่บงการชีวิตคนอื่นมาพอแล้ว ต่อไปนี้เป็นตาของลีบ้าง”
“เธอคิดว่าแผนชั่วของเธอจะเอาชนะฉันได้เหรอ อย่าหวังเลยว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนเธอ จำคำฉันไว้” ภาวนายิ้มเยาะ
ชลีกรแค้นใจ ปุ๊กกี้ชะโงกหน้าออกมา เห็น
ชลีกรเอาหมอนกดปิดหน้าย่าก็กลัวตัวสั่น...
ในตอนเย็นหัฏฐ์ถือขนมมาฝากลูกหมีที่บ้าน
ชนนีกำลังเตรียมอาหาร บัวหน้าตื่นมาบอกว่าเครื่องซักผ้า เป็นอะไรไม่รู้เสียงดังจนน่ากลัว หัฏฐ์จึงไปช่วยดูให้
เขากดหยุดเครื่องแล้วหมุนดูเห็นว่ามันเอียงจึงขยับและหนุนขาให้เท่ากัน พอเปิดเครื่องก็นิ่งสงบ บัวชมว่าเก่ง ชินานางแขวะยังไม่เห็นซ่อมอะไรเลย ลูกหมีร้องว่า
โตขึ้นจะเป็นช่างซ่อมอย่างน้าหัฏฐ์ เขาแย้งตนเป็นอาจารย์ ลูกหมีจึงพูดใหม่ จะเป็นอาจารย์ที่เท่เหมือนน้าหัฏฐ์ ชินานางเบ้ปากหมั่นไส้
ชนนีชวนหัฏฐ์ทานข้าวเย็นที่บ้าน ชินานางแย้งอย่ากวนเวลาเขาเลย เดี๋ยวตนยกกับข้าวไปให้เป็นการตอบแทน หัฏฐ์บอกวันนี้หทัยไม่อยู่ตนขอทานข้าวที่นี่ด้วยคน ชนนียินดีแต่ชินานางปฏิเสธ แล้วก็แพ้เสียงข้างมากจึงหน้างอ
ตอนค่ำหทัยกลับมาเห็นปิ่นโตยังวางเหมือนเดิมจึงถามหัฏฐ์ไม่ทานข้าวเย็นหรือ เขาบอกทานที่บ้านชนนีแล้ว หทัยแปลกใจแย็บถามแอบติดใจใครหรือเปล่า
“พี่หทัยคิดไกลไปแล้วครับ มีอะไรที่ไหนก็แค่เพื่อนบ้านกัน ผมก็พยายามจะผูกมิตรไว้อย่างที่พี่บอก จะได้ไม่มีปัญหากันไงครับ”
ทันใดลดามณีโทร.เข้ามา หัฏฐ์แปลกใจที่โทร.มาดึก เสียงเธอสะอื้นบอกว่านายแม่เสียแล้ว ทั้งหัฏฐ์และหทัยตกใจเป็นห่วงจิตใจปุ๊กกี้มาก...หลังจากวางสาย ลดามณีกับสาวิตรก็เถียงกัน ต่างฝ่ายต่างโทษว่าไม่ดูแลแม่ แล้วจะมาเสียใจทำไม
ooooooo
วันต่อมาทุกคนในบ้านไปวัดหมด เหลือกุ้งกับน้ำที่นั่งถอนใจสงสารปุ๊กกี้ ขนาดไปงานศพยังต้องแต่งชุดดำเก่าๆของพี่ๆ ของตัวเองชลีกรเอาให้ลูกตัวเอง ใส่หมด กุ้งบอกน้ำว่าถ้าไม่ติดว่าเป็นห่วงปุ๊กกี้ตน
ลาออกไปนานแล้ว น้ำมาใหม่ไม่กล้าพูดอะไรมากกลัวตกงาน
ในงานกรรมการบริษัทที่มาร่วมงานตกใจเพราะวันก่อนยังไปพูดคุยที่บ้าน ทำไมมาจากไปไว จึงถามสาวิตรว่าหมอสรุปอย่างไร เขาตอบว่านายแม่เป็นหลายโรค ทั้งหอบหืด ความดันสูงและหัวใจ...ลดามณีเห็นหัฏฐ์กับหทัยมาก็ทำทีร้องไห้เสียใจโผกอดหทัยแล้วจะเข้าหาหัฏฐ์ แต่เขาถอยออกอย่างสุภาพทำให้เธอชะงักร้องไห้หนักขึ้น
ชลีกรจูงปุ๊กกี้เข้ามาหา ท่าทางหนูน้อยยังช็อกและหวาดกลัว ขืนตัวไม่ยอมขยับตามแรงดึง พอชลีกร บอกให้ไปหาน้ากับป้า หนูน้อยก็ส่ายหน้าพร่ำพูดว่า “ไม่ ปุ๊กกี้ไม่ดี ปุ๊กกี้ไม่ดี”
ชลีกรแก้ต่างให้ว่าปุ๊กกี้ขวัญเสีย เข้าใจผิดว่าตัวเองทำให้พ่อแม่และย่าตายเพราะไม่อยากอยู่กับแก หทัยสงสารหลานจับใจดึงหลานมากอดน้ำตาร่วง “โถ...ปุ๊กกี้ ไม่ใช่ความผิดของปุ๊กกี้ซะหน่อย ไม่เป็นไรนะลูก อย่าคิดอย่างนั้น”
หัฏฐ์ลูบหัวหนูน้อยปลอบว่า ปุ๊กกี้เป็นเด็กดีทุกคนรักปุ๊กกี้ โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดนั้นตอกย้ำความรู้สึกหนูน้อยขนาดไหน...อีกมุมหนึ่งแขกในงานคุยกันว่ามีคนตายในครอบครัวติดๆ กันสงสัยจะมีตัวโชคร้ายในบ้าน อีกคนบอกว่าเป็นหลานในบ้านลูกนายหัววิริยะ ขนาดบุญเรือนคนเก่าแก่ยังอยู่ไม่ได้ หัฏฐ์ผ่านมาได้ยินไม่พอใจอย่างมาก เข้าตำหนิ มีมนุษยธรรมกันบ้างไหม ถ้าเด็กได้ยินจะรู้สึกอย่างไร ชลีกรรีบเข้ามาปรามและขอโทษแทนแขกในงาน หัฏฐ์บอกให้ไปขอโทษปุ๊กกี้ และควรจะมีเมตตากับเด็กบ้าง ชลีกรหวั่นใจกับท่าทีของหัฏฐ์
ทนายสุทินมาพร้อมสุวัฒน์ลูกชายที่ไปทำงานกรุงเทพฯเสียนานเพิ่งกลับมา ชลีกรทักทายเสียงเรียบๆ เชิงประชดเล็กน้อย “นายแม่จากไปอย่างสงบ คงเป็นเพราะท่านรู้ว่ามีทนายสุทินคอยจัดการให้ท่านไปซะทุกเรื่อง”
สุทินรับคำไม่แสดงอารมณ์ ชลีกรเอ่ยถามถึงคดีของวิริยะไปถึงไหนแล้ว สุทินตอบว่ายังไม่มีเบาะแส ตนก็รอทำคดีอยู่ เธอว่าที่ไม่มีเบาะแสเพราะมันอาจเป็นอุบัติเหตุจริง สุทินมองอย่างจับผิด “ก็อาจเป็นได้ครับ อะไรที่เราไม่คาดคิดมันเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างเมื่อสองอาทิตย์ก่อน คุณท่านยังแข็งแรงดี ยังได้คุยกันอยู่เลย ไม่คิดว่าท่านจะเสียเร็วขนาดนี้”
“เอ๊ะ! คุณแม่ป่วยอยู่แต่ในห้อง ทนายสุทินคุยกับนายแม่ได้ยังไงคะ” ชลีกรเผลอตกใจ
เข้าทางสุทิน เขาบอกคุยทางโทรศัพท์ ชลีกรอ้างว่าเสียงทางโทรศัพท์อาจจะหลอกว่าท่านแข็งแรง เพราะช่วงหลังท่านหอบหนัก เขาทำเสียง “เหรอครับ...แต่ผมฟังท่านสดใสคุยตั้งนาน”
“คุยเรื่องอะไรกันคะ...” ชลีกรวิตก
สุทินยิ้มๆ บอกหลายเรื่องแล้วขอตัวเดินไป ชลีกรมองตามอย่างหวั่นใจว่าเขารู้อะไรบ้างแล้วนึกถึงคำพูดภาวนาก่อนตายที่ว่า...อย่าหวังว่าทุกอย่างจะเป็นตามแผน จำคำฉันไว้...ชลีกรรีบแยกหลบคนออกมาโทร.สั่งสมุน “หาตีนผีให้ฉันคนนึง เลือกที่ขึ้นชื่อที่สุด ฉันมีคนให้จัดการ...” กุ้งเป็นห่วงปุ๊กกี้แอบเอาขนมและนมขึ้นมาให้ที่ห้องนอน หนูน้อยส่ายหน้าหวาดระแวงไม่กล้ากิน แม้กุ้งจะบอกว่าขนมของตนเองไม่ได้หยิบของใครมา แต่หนูน้อยก็ไม่ไว้ใจ
ชลีกรมาถึงบ้านก็ปรี่ไปหาพร้อมพร ตบหน้าฉาดใหญ่ ฐานปล่อยให้ภาวนาได้คุยกับทนายสุทิน พร้อมพรตกใจโกหกว่าตนแค่ลงมาทานข้าวแป๊บเดียว ไม่รู้ไปคุยกันตอนไหน
“ให้ทำงานแค่นี้ยังพลาด แกออกไปเลยนะ ไสหัวกลับไปอยู่บ้านเดี๋ยวนี้เลย แล้วถ้าทำฉันเดือดร้อนอีกล่ะก็ บ้านที่ฉันให้พวกแกอยู่ ฉันก็จะเอาคืน ถ้าเลี้ยงเสียข้าวสุกก็จะไม่เลี้ยง ออกไป”
“พี่ไม่รู้จริงๆว่า...”
“แกไม่ใช่พี่ฉัน ออกไป ฉันไม่ฟังแกแล้ว ออกไปเดี๋ยวนี้” ชลีกรตวาดจนพร้อมพรตัวสั่น ด้านหัฏฐ์กับหทัยปรึกษากันว่าจะขอปุ๊กกี้ไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้เด็กได้ยินคำพูดสะเทือนใจ และอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ
ooooooo
คืนนั้นสุทินประสบอุบัติเหตุขั้นโคม่า หมอบอกสุวัฒน์ลูกชายว่าอาการยังน่าวิกฤติ...สีหน้าสุทินกระตุกเบาๆ เหมือนยังผวากับการถูกรถบรรทุกไล่บี้จนหักหลบ หมอพยายามปั๊มหัวใจ
เช้าวันใหม่ หัฏฐ์กับหทัยตัดสินใจคุยกับสาวิตรและชลีกร ขอปุ๊กกี้ไปอยู่ด้วย สาวิตรเครียดเพราะรักหลานและเกรงคนจะหาว่าทอดทิ้ง ชลีกรคิดคำพูดที่จะกำจัดปุ๊กกี้ไปให้ได้ ทำทีปลอบสามีว่าให้หลานได้ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆอาจดีสำหรับหลาน ตนเห็นหลานซึมเศร้าแล้วสงสาร ลดามณีเห็นด้วย แต่ใจจริงคือจะได้มีข้ออ้างไปใกล้ชิดหัฏฐ์
“แล้วจะรับไปเมื่อไหร่คะ รับไปเลยไหมคะ” ชลีกรกลัวจะเปลี่ยนใจ
หัฏฐ์เห็นว่ายังไม่ปิดเทอม จึงให้ปุ๊กกี้สอบเสร็จก่อนแล้วตนจะมารับ ชลีกรบอกว่าเดือนหน้าก็สอบแล้ว ตนจะเตรียมเอกสารการย้ายที่เรียนและจะย้ายชื่อออกจากทะเบียนไว้ให้ สาวิตรใจหายต้องขนาดนั้นเชียวหรือ หัฏฐ์บอกก็ดีเหมือนกันจะได้สะดวกเรื่องเข้าโรงเรียนใหม่...สาวิตรตัดใจยอมยกปุ๊กกี้ให้แต่ขอจ่ายค่าเลี้ยงดูและค่าเล่าเรียนให้ทุกเดือน หัฏฐ์จะค้านแต่หทัยสะกิดปรามเกรงเรื่องจะยาว ชลีกรหน้างอไม่พอใจ
พอหัฏฐ์กับหทัยกลับไป ชลีกรก็กราดเกรี้ยวใส่ปุ๊กกี้ที่ยังอยู่เป็นภาระ น้ำยกขนมมาเสิร์ฟป้อม แป้งและเปเป้ ชลีกรไม่ให้ปุ๊กกี้กิน เปเป้แกล้งเดินชนปุ๊กกี้ขนมหล่นแล้วฟ้องแม่ว่าปุ๊กกี้ทำ
“นังปุ๊กกี้ แกแกล้งลูกฉันเหรอ แกตั้งใจใช่ไหม” ชลีกรกระชากแขนปุ๊กกี้ เงื้อมือจะตบ
หนูน้อยยกมือไหว้ด้วยความกลัว แต่เธอก็ไม่เว้นฟาดผัวะลงไป
น้ำถือผ้าขี้ริ้วมาจะเช็ด ชลีกรดึงผ้ามาปาใส่หน้าปุ๊กกี้สั่งให้เป็นคนทำ น้ำบอกว่ามีเศษแก้วแตกเกรงจะบาดมือ เธอตวาด “ไม่ต้องยุ่ง ถ้ามันทำไม่ได้ก็ปล่อยให้มันโดนแก้วตำไปสิ มันจะได้ฉลาดขึ้น...โง่เหมือนควาย”
ปุ๊กกี้น้ำตาร่วงก้มลงเช็ดถูแล้วสะดุ้งเมื่อโดนแก้วบาดนิ้วอย่างน่าสงสาร...ทางหทัยรู้สึกกังวลใจอยากให้ปุ๊กกี้ไปอยู่ด้วยเร็วๆ กลัวพวกนั้นเปลี่ยนใจ หัฏฐ์รู้สึกว่าชลีกรอยากให้หลานไปพ้นตัว ส่วนสาวิตรก็ดูจะฟังภรรยา ตนจะรีบไปติดต่อโรงเรียนเอาไว้ให้หทัยจัดห้องรอไว้ได้เลย
ooooooo
เมื่อใกล้เวลาสอบ ชินานางก็ควบคุมลูกหมีให้เลิกเล่นเลิกดูทีวี จัดเวลาให้อ่านหนังสือและติววิชาที่อ่อนให้ ลูกหมีโอดครวญแต่พอชนนีบอกว่าพ่อแม่จะเสียใจถ้าสอบตก ลูกหมีฮึดจะทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจให้ได้
เช้าวันใหม่ ปุ๊กกี้ใส่ชุดนักเรียนเดินลงมามองพี่ๆ นั่งทานอาหารเช้าอย่างหิวๆ พอสาวิตรเดินมา ชลีกรก็ทำทีเรียกปุ๊กกี้ให้มาทานอาหารเช้า แต่พอสาวิตรบอกว่าวันนี้ไม่ทานมีประชุมเช้าเดินออกไป ชลีกรก็หงุดหงิดดึงปุ๊กกี้ออกไม่ให้กิน รอให้ลูกๆตนกินเสร็จก่อน ไม่ทันไรรถโรงเรียนมารับ ปุ๊กกี้เลยไม่ได้ทานข้าว น้ำถือกระเป๋าจะไปส่ง ชลีกรเอ็ดให้ปล่อยปุ๊กกี้ทำเอง
ปุ๊กกี้มาถึงโรงเรียนแต่เช้า นั่งมองเพื่อนๆกินข้าวเหนียวหมูปิ้งเศร้าๆ เพื่อนหันมาเห็นบอกให้ไปซื้อกิน ปุ๊กกี้นั่งก้มหน้าไม่มีเงิน เสียงออดดัง เพื่อนฝากให้ปุ๊กกี้ทิ้งขยะ ปุ๊กกี้เห็นข้าวเหนียวยังเหลือ ด้วยความหิวจึงหยิบกินเข้าปากก่อนจะทิ้งถุง น้ำตาคลอเบ้า
เด็กที่บ้านพักใจยังได้ทานอาหารที่ดีกว่าปุ๊กกี้ จูนมาช่วยดูแลเด็กๆ จิรัชก็มาแต่เช้ายืนมองยิ้มๆอย่างชื่นชมในตัวจูน....ตกเย็นปุ๊กกี้กลับจากโรงเรียน ชลีกรใช้ให้ถูบ้าน น้ำสงสารแต่จำต้องปล่อยให้ทำ ด้วยความเป็นเด็กจึงบิดผ้าไม่หมาด ชลีกรเดินมาลื่นล้ม โมโหตบตีหนูน้อยไม่ยั้ง
ปุ๊กกี้นั่งร้องไห้เนื้อตัวเขียวช้ำอยู่ในห้อง น้ำค่อยๆ โผล่เข้ามาเอายาจะทาให้ แต่ปุ๊กกี้หวาดผวาซุกตัวไม่ให้น้ำเข้ามาใกล้ น้ำสงสารเหลือกำลังได้แต่วางยาไว้ให้หนูน้อยทาเอง
ชลีกรมีผ้ารัดแขนซ้นคุยอยู่กับลูกๆเรื่องที่ปุ๊กกี้จะไปอยู่กับป้าและน้า ป้อมและแป้งดีใจว่าปุ๊กกี้ตัวเหม็น ตะกละชอบจ้องมองเวลาพวกตนกินขนม สาวิตรปราม
ไม่ให้พูดแบบนี้พี่น้องต้องรักกัน แต่เด็กๆซึ่งแม่เสี้ยมสอนมาให้เหยียดปุ๊กกี้ก็ไม่ยอมหยุดพูด ชลีกรสาธยาย
“ลูกๆก็พูดไปตามที่เห็น คุณไม่รู้หรอกว่าลับหลังคุณ ยัยปุ๊กกี้น่ะร้ายกาจขนาดไหน ทั้งโกหกทั้งมารยา แกล้งทำน้ำหกจนลีเจ็บตัว ไม่รู้ไปเอานิสัยมาจากใคร” สาวิตรแก้ตัวแทนว่าหลานคงเสียใจอยู่ ชลีกรเป่าหู “มีปัญหามากขึ้นทุกวัน ให้น้าเขาลองไปอบรมกันเองก็ดีแล้วเผื่อจะนิสัยดีขึ้นบ้าง จะได้ไม่มาโทษลีว่าทำหลานเขาเสีย”
เด็กๆแย่งกันขอห้องปุ๊กกี้ ชลีกรบอกลูกๆว่า
ทุกคนจะมีห้องส่วนตัว สาวิตรเอ็ดทำแบบนี้ได้อย่างไร ชลีกรฉุนขึ้นเสียงจะดุลูกๆทำไม ในเมื่อปุ๊กกี้ไปแล้ว
ห้องก็ว่าง สาวิตรเสียงอ่อนทำแบบนี้เหมือนไล่หลาน เธอบอกไล่ที่ไหน น้าป้าเขาออกปากขอเองทุกคนก็ได้ยิน สาวิตรอ่อนใจ
ooooooo
จิรัชให้เด็กๆบ้านพักใจวาดรูปต้นไม้หน้าศูนย์ จูนเดินมาดูแล้วยอมรับว่า ตั้งแต่เด็กๆเรียนศิลปะดูพวกเขาสงบและใจเย็นขึ้น จิรัชยิ้มปลื้มเสนออยากทำสวนใหม่ให้สวยๆ จะพาเพื่อนที่เป็นสถาปัตย์มาทำให้ จูนแย้งไม่มีงบประมาณ จิรัชบอกไม่ใช่ปัญหา อยากช่วยรักษาจิตใจเด็กๆ
บ่ายแก่จิรัชเห็นจูนกำลังจะกลับ จึงเดินตามเป็นเพื่อน เธอกลับหาว่าเขาเป็นพวกวิ่งราวกระเป๋าเกือบทุ่มลงพื้น เขาโอดโอยว่าเธอใจร้ายอุตส่าห์เป็นห่วงเห็นว่าทางเปลี่ยว เธอสวนห่วงตัวเองจะดีกว่า เขาจึงบอกงั้นให้เธอคอยสู้กับผู้ร้ายแทนตน แล้วชวนเธอว่าวันพุธพาเด็กๆไปเที่ยวดูงานของตนที่หอศิลป์ แต่จูนกลับ
บอกว่าอาทิตย์หน้าไม่อยู่ ต้องไปช่วยโรงเรียนชาวเขาทั้งอาทิตย์ จิรัชตาโพลงขอไปด้วย จูนปรามบอกลำบากเปล่าๆ เขาบอกทนได้
“ฉันไม่ได้ห่วงว่าคุณจะลำบาก ฉันห่วงตัวเองต่างหาก ขืนไปกับคุณฉันแย่แน่”
“โหย ดูถูกกันเกินไปแล้ว ขอไปด้วยนะอยากไปเขียนรูป รับรองจะไม่สร้างปัญหา สาบานด้วยเกียรติของลูกตะเข้”
จูนค้อนบอกแค่คำสาบานก็เชื่อไม่ได้แล้ว จิรัชตื๊อขอจนเธอต้องเดินหนี...
เช้าวันใหม่ ลูกหมีสอบเสร็จวันสุดท้าย กลับบ้านอย่างอ่อนเพลีย ชินานางแซวไหนคุยนักหนาว่าจะเอาที่หนึ่งมาให้ อาการแบบนี้มันยังไงๆอยู่ ลูกหมีแย็บถามถ้าตนสอบได้ที่หนึ่ง เธอจะให้อะไร ชินานางบอกจะเลี้ยงมื้อใหญ่ ลูกหมีถามอีกแล้วถ้าสอบได้ที่ 10 ย่าจะให้อะไร ชนนีบอกจะทำขนมอร่อยๆให้กิน ลูกหมีเอื้อนเอ่ยอีกว่าถ้าได้ที่ 25 ชินานางขัดนั่นมันที่โหล่ ลูกหมียิ้มแหะๆ ก็ถ้าตนไม่ตกจะให้อะไร ชินานางกุมขมับอยากร้องไห้ ชนนีขำปนเซ็ง
ชินานางออกมายืนคิดว่าจะสอนลูกหมีวิธีไหนดี หัฏฐ์เดินมาเมียงมอง เธอหันมาเห็นเชิดหน้าคอตั้งจะเดินเข้าบ้าน เขาแหย่ถึงกับต้องหนีเลยหรือ เธอหันมาแว้ด นี่บ้านตนทำไมต้องหนี เขาบอกเห็นๆอยู่ เธอโวยทำไมชอบหาเรื่องตน เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นว่า ไม่ได้หาเรื่องอยากชวนคุย...แล้วเอ่ยถามว่าเลี้ยงเด็กยากไหม ชินานางแปลกใจทำไมต้องอยากรู้
“ก็...ผมจะต้องรับหลานมาอยู่ด้วย” สีหน้าหัฏฐ์กังวลจริง
“อืม...เด็กทั่วไปก็คงไม่ยาก แต่สำหรับนายลูกหมีอาจจะยากหน่อย เพราะอาจจะแสบกว่าเด็กคนอื่น หลานคุณเป็นยังไงล่ะ”
หัฏฐ์เล่าว่าเป็นเด็กผู้หญิงเรียบร้อย ชินานางบอกแบบนั้นน่าจะเลี้ยงง่าย หัฏฐ์รู้สึกสบายใจขึ้น ชินานางเห็นอย่างนั้นจึงชิ่งหนีเข้าบ้าน เขามองตามยิ้มๆ...
วันต่อมาหัฏฐ์กับหทัยมารับปุ๊กกี้ ชลีกรลากปุ๊กกี้ออกมาจากห้องเพราะหนูน้อยยังหวาดกลัวที่จะต้องไปอยู่ที่อื่น ไม่วายเธอยังกำชับและขู่ห้ามเล่าเรื่องที่บ้านให้ใครฟัง ไม่อย่างนั้นจะตามไปจัดการ “ป้าหทัยกับน้าหัฏฐ์ของแกเขาเป็นพวกเดียวกับฉัน เขาไม่เข้าข้างแกหรอก ถ้าพูดมากแกจะโดนหนักกว่าอยู่กับฉันอีก ไม่มีใครอยากรักแก เพราะแกมันเป็นตัวซวย จำไว้”
ปุ๊กกี้สะอื้นเบาๆไม่กล้าร้องเสียงดัง พอลงมาข้างล่าง ชลีกรก็เปลี่ยนท่าทีเป็นโอบกอดปุ๊กกี้ ปลอบว่าไปอยู่โรงเรียนใหม่จะได้เจอเพื่อนใหม่ๆ แล้วตนจะไปเยี่ยมบ่อยๆ ลดามณีเข้ามากอด
หัฏฐ์เอื้อนเอ่ย “ลองเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมดู ถ้าคุณลีคิดถึงก็เชิญได้เลย ผมกับพี่หทัยก็จะพยายามพาหลานกลับมาเยี่ยมทางนี้บ่อยๆ”
“ปุ๊กกี้ไม่เหงาหรอกค่ะ อาลดาจะไปอยู่กรุงเทพฯ ไปหาปุ๊กกี้บ่อยๆดีไหมจ๊ะ”
ปุ๊กกี้มองทุกคนอย่างหวาดกลัว ชลีกรทำเป็นเสียใจไม่อยากให้หลานไป ฝากฝังหัฏฐ์กับหทัยดูแล
ถ้ามีปัญหาอะไรให้ส่งข่าว เธอกอดลาปุ๊กกี้กระซิบย้ำ “ถ้าพูดมากฉันจะเอาขนมยัดปากแกให้ตาย”...หนูน้อยตัวสั่นคำขู่ของเธอยังเต็มสองหู
ooooooo
ลูกหมีถือจานขนมที่ชนนีทำให้เดินออกมา
ชินานางเตือนระวังหก ขาดคำลูกหมีก็ทำหกและโทษว่าชินานางเสียงดังทำให้ตกใจ ทันใดเสียงรถของหัฏฐ์แล่นมา ลูกหมีดีใจที่หัฏฐ์กับหทัยกลับมาแล้ว อยากเห็นหน้าหลานสาวเขา ชนนีจึงหยิบจดหมายที่ส่งผิดบ้านออกไปให้ด้วย
ส้มวิ่งมาขนของลงจากรถ ปุ๊กกี้ยังหวาดกลัวไม่ยอมลง หัฏฐ์กับหทัยปลอบประโลมชวนเข้าบ้าน ส้มชมว่าปุ๊กกี้น่ารัก ลูกหมีโผล่พรวดมาเห็นปุ๊กกี้ก็ยักคิ้วถูกใจ
“โห หลานน้าหทัยน่ารักจังเลยคร้าบ...โห ปิ๊งๆๆๆ”
หทัยกับหัฏฐ์ขำ ปุ๊กกี้กลับแสดงความหวาดกลัวตัวสั่น มือถือหัฏฐ์ดังขึ้น เขารับสายแล้วบอกชลีกรว่ามาถึงแล้วไม่ต้องห่วง ปุ๊กกี้ได้ยินชื่อรีบวิ่งไปซุกตัวที่มุมหนึ่ง ทุกคนแปลกใจทำไมหนูน้อยต้องกลัวขนาดนั้น ลูกหมีอ้าปากค้างงงๆ ก่อนจะวิ่งผ่านสวนไปรายงานชนนีกับชินานาง ทั้งสองรีบตามลูกหมีไปที่หลังบ้าน หทัยกำลังปลอบขวัญปุ๊กกี้ว่าทุกคนที่นี่รักหนู เห็นชนนีกับชินานางมายืนมอง หทัยรีบแนะนำให้สวัสดี หนูน้อยเอาแต่หวาดกลัว
หทัยกับส้มพาปุ๊กกี้มาที่ห้องนอนที่จัดไว้ให้ ส้มจัดชุดใส่ตู้ แปลกใจทำไมมีแต่เสื้อผ้าเก่าๆ...ชนนีคุยกับหัฏฐ์อยู่ในสวน คิดว่าปุ๊กกี้มีอาการแบบนี้เพราะเสียขวัญอยู่ แถมย้ายมาที่นี่ก็ไม่คุ้นกับใครเลย ชนนีเสนอ ก่อนโรงเรียนจะเปิด ตอนกลางวันคงอยู่คนเดียวตนจะเป็นหูเป็นตาให้ หัฏฐ์ยกมือไหว้ขอบคุณ ลูกหมีรับปากพูดอย่างแก่แดดว่าจะเป็นเพื่อนเล่นและปกป้องปุ๊กกี้ให้
ตกค่ำ หทัยเป็นห่วงปุ๊กกี้อยากให้ไปนอนด้วยกันสักระยะ แต่หัฏฐ์ไม่เห็นด้วยเกรงเด็กจะปรับตัวช้า เพราะถูกฝึกให้นอนคนเดียวมาแต่เล็ก
“ถ้าหลานตื่นขึ้นมาแล้วตกใจล่ะ”
“งั้นให้ส้มไปนอนเป็นเพื่อนไปก่อนสักพัก เพราะพี่หทัยก็ต้องทำงาน อดนอนไม่ไหวหรอกครับ”
“ก็จริง บางทีพี่ก็ต้องกลับดึก หลานจะสับสนเปล่าๆ เอาอย่างหัฏฐ์ว่าก็ได้จ้ะ”
“ค่อยๆแก้ไปครับ อีกไม่นานหลานก็ปรับตัวได้เอง” หัฏฐ์ยิ้มอย่างอ่อนโยน
เช้าวันใหม่ ชลีกรเก็บรูปภาพภาวนากับปุ๊กกี้ออกหมด เอารูปครอบครัวตัวเองมาวางแทน สาวิตรลงมาถามทำไมบ้านเงียบ เธอบอกว่าปิดเทอมแล้วเลยให้เด็กๆตื่นสายได้ สาวิตรหมายถึงคนงานไปไหนหมด ชลีกรรีบบอกว่าตนทำบัญชีอยู่ไม่อยากให้คนงานเห็น แล้วชี้ให้สาวิตรดูว่า
“ลีตรวจดูบัญชีกงสีแล้ว ถ้าไม่รวมบริษัทกับโรงแรม เรายังมีค่าเช่าตึก ค่าเช่าตลาด ทำไมไม่มีใครจัดการตรงนี้เลยล่ะคะ”
สาวิตรบอกว่านายแม่เป็นคนทำเอง ชลีกรรีบอาสารับช่วงเพราะเขาก็คงไม่มีเวลา อ้างป่านนี้เงินทองรั่วไหลไปขนาดไหนแล้วก็ไม่รู้ สาวิตรพยักหน้าไม่ติดใจอะไร
ooooooo










