สมาชิก

ดวงใจพิสุทธิ์

ตอนที่ 11

ชินานางออกมานั่งคุยกับหัฏฐ์ที่ศาลาริมน้ำ เธอเย้าให้เขาบอกอาการหมอ หัฏฐ์มีเรื่องเดียวคือเรื่องปุ๊กกี้ เธอจึงปลอบว่าถ้าอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด เขาทำดีที่สุดแล้ว ต้องยอมรับผลของมันให้ได้ หัฏฐ์ย้อนถามตนต้องยอมรับที่จะเสียปุ๊กกี้ไปหรือ

“แล้วพอจะเหลือทางอื่นที่ไม่ต้องเสียปุ๊กกี้อีกไหมคะ ค่อยๆคิดสิคะ”

“ผมเองก็คิดจนหัวแทบแตก นอนไม่หลับ ยังคิดไม่ออกเลย”

ชินานางแนะนำว่าคิดไม่ออกก็ต้องหยุดคิดบ้าง บางทีการที่เครียดเกินไปก็ทำให้เราคิดอยู่แง่มุมเดียว “คุณคิดแค่ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับปุ๊กกี้ก็พอค่ะ มันอาจจะต้องยอมแพ้หรือเสียเปรียบบางอย่าง แต่ก็ยังดีกว่าเสีย ปุ๊กกี้ไป”

หัฏฐ์นิ่งอึ้งสักครู่ ถอนหายใจแล้วหันมายิ้มให้ ขอบคุณ ตนมัวแต่ทุกข์เรื่องจะแพ้คดี จนลืมไปเลยว่าเราต้องการอะไรที่สุด ชินานางแปลกใจที่เขาคิดได้ไว...

วันต่อมา ชลีกรมั่นใจว่าตัวเองชนะคดีแน่ทุกอย่างจะต้องเป็นของตน จึงซื้อของเข้ามาจัดแต่งบ้านใหม่ให้คนขนของเก่าไปเก็บในห้องเก็บของ สาวิตรลงมาเห็นไม่ค่อยพอใจเตือนให้ระวังค่าใช้จ่ายไม่ใช่คิดแต่จะขายสมบัติ ชลีกรหาว่าเขาหงุดหงิดเรื่องงานแล้วมาลงที่ตน ทีเขาทำแต่งานไม่มีเวลาให้ครอบครัวตนยังไม่ว่าอะไรเมื่อไหร่จะมีเวลาว่างไปทานข้าวนอกบ้านกันบ้าง

“ไปไม่ได้ อาทิตย์นี้มีประชุมกรรมการตลอด”

“อ้าว มีประชุมกรรมการแล้วทำไมลีไม่ได้เข้าประชุมล่ะคะ”

สาวิตรถามเธอเกี่ยวอะไรกับบริษัท ชลีกรหน้าเสียหันไปพาลคนงานที่กำลังยกของ...

หัฏฐ์และหทัยนั่งปรึกษากับชนนีและชินานาง หัฏฐ์พูดด้วยสีหน้าสบายใจขึ้น “ครั้งนี้ผมได้เรียนรู้เรื่องการพ่ายแพ้ ความทุกข์ แต่พอคุณช้างเตือนสติผมถึงรู้ว่าทุกปัญหาต้องมีทางออก”

“เห็นไหมคะแม่ ช้างก็พูดดีๆเป็น” ชินานางยืดตัวเป็นปลื้ม

ชนนีถามหัฏฐ์จะแก้ไขอย่างไร หัฏฐ์บอกเรารู้ว่าฝ่ายนั้นอยากได้สมบัติไม่ใช่ตัวปุ๊กกี้ ดังนั้นถ้าเราสู้ไม่ชนะ เราก็แค่ยอมให้เขาได้สมบัติไปแลกกับการได้ปุ๊กกี้มา เราก็ไม่สูญเสียหลาน หทัยดีใจที่หัฏฐ์คิดได้ ชนนีเห็นด้วย สมบัตินอกกายไม่ต้องไปสนใจ หัฏฐ์ยอมรับว่าตอนแรกไม่อยากให้ปุ๊กกี้เสียสิทธิ์ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าปุ๊กกี้สำคัญกว่า

“ทุกคนคงเครียดกับเรื่องนี้เต็มทีแล้ว ผมอยากพาพี่หทัยกับหลานไปพักผ่อนแล้วก็อยากเชิญคุณน้าคุณช้างกับลูกหมีไปด้วยกันนะครับ”

ชินานางเหน็บเที่ยวกับเขาทีไรมีเรื่องทุกที ชนนีจะขอตัวแต่หทัยไม่ยอม บอกว่าครั้งนี้ชวนจูนกับเสนีย์ไปด้วย ชินานางจึงขอชวนจิรัชอีกคน หัฏฐ์พยักหน้าหงึกๆ

ooooooo

ทุกคนมาถึงบ้านพักริมทะเล มีเพียงเสนีย์ที่ยังมาไม่ถึง จูนบ่นว่าเสนีย์ยังไม่เลิกคิดจะให้หัฏฐ์เป็นน้องเขยถึงให้ไปรับตนมาด้วย หัฏฐ์หัวเราะ จูนบอกไม่ต้องห่วงเพราะตนเห็นเขาเป็นพี่ไม่ใช่ผู้ชาย หัฏฐ์ร้องเฮ้ย...ผู้ชายที่เป็นเกย์หรือ จูนหัวเราะร่า

ปุ๊กกี้ยิ้มแย้มวิ่งเล่นกับลูกหมีริมหาด ทำให้หทัยคลายความเครียดลงมาก ชนนียินดีด้วยและอวยพรให้คดีจบลงอย่างราบรื่น ชินานางกับจิรัชเล่นไล่จับกับเด็กๆ หัฏฐ์กับจูนเห็นแล้วรู้สึกจี๊ดๆในใจ ลูกหมีหันมาเห็นทั้งสองคนจึงวิ่งมาชวนให้ไปเล่นด้วยกัน จูนชอบเล่นกับเด็กอยู่แล้วแต่หัฏฐ์ขอยืนเป็นกรรมการ ยิ่งเห็นปุ๊กกี้หัวเราะได้เขาก็มีความสุข แต่พอเห็นชินานางล้มก็แทบถลาเข้าไปช่วย จิรัชประคองเธอลุก ชินานางเบี่ยงตัวออกเดินเองอย่างเข้มแข็ง...

ช่วงบ่ายๆแดดร่ม หัฏฐ์จูงปุ๊กกี้และชินานางจูงลูกหมีออกมาเดินเล่น หัฏฐ์รู้สึกโล่งสบายใจขึ้นมาก ชินานางบอกให้ตะโกนดังๆจะยิ่งดีขึ้น แต่เขาไม่กล้า ลูกหมีจึงตะโกนแทน ทั้งสองสะดุ้งแล้วหัวเราะออกมา ถามลูกหมีเป็นอะไร

“ลูกหมีก็เครียดไง เครียดอยู่ตอนเนี้ย”

“อะไรลูกหมี ตัวแค่นี้มีเรื่องเครียดด้วย” ชินานางติง

ลูกหมีบอกผู้ใหญ่คุยอะไรกันไม่รู้เรื่อง ตนอยากไปวิ่งเล่นกับปุ๊กกี้ หัฏฐ์ขำบอกให้ไปได้แต่อย่าไปไกล ลูกหมีร้องเย้จูงปุ๊กกี้วิ่งไปเล่นทราย ชินานางกำชับลูกหมีให้ดูแลปุ๊กกี้ ลูกหมีย้อนว่าให้เธอดูแลหัฏฐ์ด้วย เธอโวยผู้ชายต้องดูแลผู้หญิงต่างหาก หัฏฐ์กระเซ้ารู้แล้วว่าลูกหมีเหมือนใคร เธอมองเขาจะว่าใคร แล้วเขาก็บอกว่าเหมือนเธอ

“นายลูกหมีน่ะแสบจะตาย จะเหมือนช้างได้ยังไง”

“นั่นแหละเหมือนที่สุด”

ชินานางทุบแขนเขาอั้กที่หาว่าตนแสบ หัฏฐ์วิ่งหนี ทั้งสองวิ่งไล่กันเหมือนเด็กๆ...ด้านลูกหมีก่อทรายเป็นบ้าน ใช้เปลือกหอยแทนตัววิ่งหนีปีศาจ ลูกหมีบอกให้ปุ๊กกี้หนีปีศาจเข้าบ้าน แล้วลูกหมีก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า จะไม่ให้ตนบอกหัฏฐ์หรือชนนีเรื่องป้าใจร้ายจริงๆหรือ ผู้ใหญ่ช่วยเราได้นะ ปุ๊กกี้ส่ายหน้าจะร้องไห้ ไม่ให้บอกใครถ้าบอกตนจะไม่เป็นเพื่อนด้วยอีก

“ก็ได้ๆ ไม่บอกก็ได้ ลูกหมีไม่พูดแล้ว” ปุ๊กกี้ให้ลูกหมีสัญญา “สัญญาๆ...ลูกหมีจะปั้นทรายเป็นหุ่นยนต์ให้ดูนะ” ลูกหมีเปลี่ยนเรื่องไม่ให้ปุ๊กกี้โกรธ...

ด้านชลีกรชื่นชมของตกแต่งบ้านที่ซื้อมาใหม่ สาวิตรเห็นแล้วถอนใจเลี่ยงออกไปทำงาน เธอรู้สึกว่าเขาห่างเหินขึ้นทุกวัน เริ่มสงสัยว่ามีอะไร...บ่ายวันนั้นจึงแต่งตัวสวยหรูถือเอกสารตามเข้าประชุมที่บริษัท ทุกคนมองอย่างงงๆ เธอกล่าวขอโทษที่มาช้า แล้วกล่าวเสียงดังฟังชัด

“ดิฉันมาประชุมในฐานะผู้ดูแลอสังหาริมทรัพย์ เผื่อว่าใครอยากทราบเรื่องอะไร จะได้ไม่ต้องมานั่งค้นนั่งเปิดเอกสาร เพราะดิฉันจดจำได้หมด แล้วก็เตรียมเอกสารมาด้วย ดีไหมคะ”

เก้าอี้มีจำนวนพอดีคน กรรมการท่านหนึ่งจึงลุกขึ้นให้เธอนั่ง สาวิตรมองอย่างไม่ค่อยพอใจ...เย็น

วันนั้นชลีกรควงแขนสาวิตรกลับบ้าน ชวนคุยว่าสมชายชมว่าตนเสนอความเห็นได้โดนใจ สาวิตรบอกสมชายเป็นคนชอบประจบประแจง เธอขุ่นเคืองทันที

“เอ๊ะ นี่คุณหมายความว่าลีแสดงความเห็นไม่ได้เรื่องหรือคะ” เห็นเขานิ่งจึงเปลี่ยนท่าที “งั้นพรุ่งนี้เราสั่งอาหารเหลาไปเลี้ยงพวกกรรมการดีกว่า เขาจะได้รู้สึกว่าเราดีกับเขา มีอะไรจะได้คุยกันง่ายๆ”

“ผมว่าคุณอย่ามายุ่งเรื่องบริษัทดีกว่านะลี”

ชลีกรปรี๊ดที่เขาเห็นตนไม่มีความสามารถ แต่พอเปิดประตูเข้าบ้านก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นของแต่งบ้านถูกลูกทั้งสามเอามากลิ้งเล่นเกลื่อนพื้นจึงเอ็ดตะโรใส่ลูกๆ สาวิตรติงจะเอ็ดลูกทำไม เธอน่าจะอยู่ดูแลพวกเขามากกว่า ว่าแล้วก็เดินหนีขึ้นข้างบน ชลีกรยิ่งโกรธสั่งลูกๆให้เก็บ เด็กๆกลัวลานรีบเก็บ ชลีกรตามขึ้นไปถามสาวิตรหาว่าเป็นความผิดตนหรือ เขาบอกว่าใช่

“นี่ใจคอคุณจะให้ลีอยู่แต่ในบ้าน ไม่ให้ออกไปไหนเลยหรือคะ”

“ปกติคุณก็ออกอยู่แล้วนี่ ก็แค่ไม่เห็นด้วยที่คุณจะไปยุ่งกับบริษัท”

ชลีกรเสียงอ่อนลงแค่อยากช่วย สาวิตรบอกถ้าอยากช่วยก็ช่วยดูแลลูกดูแลบ้านให้ดี ต่อไปถ้าเราชนะคดี เธอต้องดูแลปุ๊กกี้ด้วยอีกคน แล้วก็ต้องดูแลให้ดี อย่าให้ใครมาว่าได้อีก ชลีกรสวนที่เขาหมางเมินไม่พูดด้วยเพราะเรื่องนี้หรือ เขาเชื่อว่าตนดูแลปุ๊กกี้ไม่ดีใช่ไหม สาวิตรไม่ได้อยากเชื่อแต่เห็นสภาพหลานแล้ว...เขา
ไม่อยากพูดต่อ

“ทำไม! สภาพยัยปุ๊กกี้เป็นยังไง นี่คุณกำลังหมิ่น ประมาทเมียของคุณเองนะคะ” สาวิตรเอือมเดินออกจากห้อง ชลีกรโวยจะไปไหน เขาบอกจะไปหาที่สงบๆนอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ชลีกรยิ่งขุ่นเคืองที่สามีเปลี่ยนไปจึงโทร.สั่งลูกน้องให้สะกดรอยตามสาวิตรและรายงานทุกระยะ

ooooooo

เย็นวันนั้น ขณะที่หัฏฐ์ยืนดูเด็กทั้งสองวิ่งเล่นกัน ก็เอ่ยขอบคุณชินานางที่ช่วยตนทุกอย่าง เธอบอกไม่ต้องขอบคุณบ่อย เป็นเพื่อนบ้านกันมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน แต่แบบคราวที่แล้วไม่เอาอีก หัฏฐ์งงคราวไหน ชินานาง บอกคราวที่ลดามณีมาหาเขา หัฏฐ์หัวเราะ

“อ๋อ...ที่ต้องเป็นแฟนผมน่ะเหรอ”

“ที่ต้องแกล้งเป็นแฟนคุณต่างหาก”

หัฏฐ์สบตาชินานางอยากพูดความในใจ พอดีจูนมาเรียกให้ไปช่วยจุดไฟสำหรับปิ้งอาหารทะเล ชินานางจึงบอกจะดูแลเด็กๆให้เอง...จิรัชเห็นหัฏฐ์มาช่วยจูนแล้วก็จะไปหาชินานาง แต่จูนท้วงไม่เต็มใจช่วยปิ้งอาหารก็เชิญตามสบาย เสนีย์มาถึงพอดีถามใครไม่เต็มใจช่วยน้องตนพอเห็นหน้าจิรัชก็งงๆ คิดว่าเป็นหัฏฐ์ ทั้งสองมองกันเก้อๆ

ถึงเวลาทานอาหาร เสนีย์พยายามชวนปุ๊กกี้คุย

หนูน้อยกอดดวงใจแน่น เขาจึงอยากช่วยเอาตุ๊กตาไปซัก ให้ ปุ๊กกี้ส่ายหน้า หัฏฐ์ถามแกล้งอะไรหลานตน ลูกหมีฟ้องว่าเสนีย์จะเอาดวงใจไปอาบน้ำ หัฏฐ์บอกเขาต่างหากที่ควรไปอาบน้ำ ว่าแล้วก็ลากเพื่อนไปลงทะเล ชนนีกับชินานางขำเพิ่งเคยเห็นหัฏฐ์เล่นสนุก จิรัชมองแววตาชินานางแล้วใจแป้ว เช่นเดียวกับจูนที่มองจิรัชอยู่

จิรัชแยกมานอนมองฟ้า จูนเดินมาเห็นคิดว่าเขามองพระอาทิตย์ตก เขาบอกไม่ใช่ เขามองท้องฟ้าแล้วชวนให้เธอนอนดูด้วยกัน ต่างสร้างจินตนาการว่าเมฆเป็นรูปอะไร...

ลูกหมีกินอิ่มบ่นพุงจะแตก ชินานางว่าสวาปามเข้า ไปมาก ลูกหมีงงแปลว่าอะไร ปุ๊กกี้แปลให้ว่ากินจุ ลูกหมีอายต่อว่าชินานางว่าตนต่อหน้าปุ๊กกี้ได้อย่างไร ชนนีขำเห็นด้วย ลูกหมีเป็นหนุ่มแล้วก็อายเป็น ลูกหมีบอกย่าพูดถูกแล้วชวนปุ๊กกี้ไปวิ่งเล่นสลายพุง หัฏฐ์จึงชวนทุกคนไปเดินเล่น ชนนีกับหทัยขอตัว เสนีย์อาสาดูแลทั้งสองที่บ้าน ชินานางวิ่งไล่จับลูกหมีออกไป หัฏฐ์วิ่งตาม เสนีย์มองตุ๊กตาดวงใจที่ปุ๊กกี้วางทิ้งไว้อย่างครุ่นคิด ทำไมถึงรักมากมาย

ลูกหมีกับปุ๊กกี้วิ่งมาเห็นจิรัชกับจูนนอนมองดาวบนฟ้าก็ลงไปนอนด้วย ชินานางกับหัฏฐ์ตามมาถึง หัฏฐ์จึงชวนเธอไปเดินเล่น ชินานางกำชับลูกหมีห้ามไปวิ่งซนที่ไหน ลูกหมีหัวเราะคิกคัก กระซิบจิรัชว่า “สงสัยอาช้างกับน้าหัฏฐ์จะอยากเป็นแฟนกัน ฮิฮิฮิ”

จิรัชหันขวับมองตาม จูนเห็นสายตาจิรัชเหมือนเศร้าลง...ชินานางเดินมาตามชายหาด บอกหัฏฐ์ว่าถ้าตนมากับเพื่อน คงลงไปเล่นน้ำทะเลแล้ว เขาถามแล้วมากับตนเล่นไม่ได้หรือ เธอบอกไม่เหมือนกัน เขาโพล่งขึ้น “งั้นคิดว่ามากับแฟนก็แล้วกัน”

ชินานางเหวอมองหน้าหัฏฐ์ เขาหัวเราะออกมา เธอโวยที่ชอบแกล้ง เขาบอกเขาคงไม่ลงทะเลตอนกลางคืนแน่มันอันตราย เกิดเหยียบสัตว์มีพิษจะแย่ ชินานางหลิ่วตามองทำนองว่าสอนเสียยาวเหยียด พอเขาพูดจบก็ดึงมือเขาลงทะเลทันทีบอกอย่าระเบียบจัดนักเลย ฉีกกฎบ้างก็ได้ แล้วเล่าว่าตอนเด็กๆพ่อแม่ชอบพาตนมา เขากระเซ้าตอนนี้ก็แก่แล้วสิ เธอชะงักหันมอง

“แก่เป็นยายแล้วไม่รู้หรือ มาเที่ยวกับคุณตาข้างบ้าน”

หัฏฐ์หัวเราะร่ากับความไหลลื่นของเธอ...ทั้งสองเดินกลับมาที่เด็กๆอยู่กับจูนและจิรัช เห็นเด็กทั้งสองหลับไปแล้ว ชินานางจึงบอกให้หัฏฐ์อุ้มลูกหมี ตนจะอุ้มปุ๊กกี้เอง จิรัชมองเศร้าๆทำไมชินานางไม่นึกถึงตนเลย จูนก็มองจิรัชอย่างเจ็บลึกๆ

ooooooo

เช้าวันใหม่ ป้อม แป้งและเปเป้ ทะเลาะด่ากันหยาบคายเสียงดัง สาวิตรไม่พอใจตำหนิชลีกรไม่สั่งสอน เธอยิ่งโกรธที่โทษเป็นความผิดตนตลอด ชักสงสัยว่า สาวิตรทำไมเปลี่ยนไป พอมาทำผมที่ร้านก็ได้ยินลูกค้า คุยกันเรื่องสามีมีเมียน้อย จึงต้องมาเสริมสวยเข้าไว้ยิ่งให้กังวล

รุ่งเช้าหทัยชวนเด็กๆเล่นน้ำทะเลเพราะเห็นว่ายังไม่มีแดด เสนีย์เห็นปุ๊กกี้ร่าเริงขึ้นก็สบายใจ มองหัฏฐ์ ชินานางและเด็กๆเล่นกันราวกับเป็นพ่อแม่ลูกแล้วให้สะท้อนใจ คิดถึงลดามณี

หลังเล่นน้ำเสร็จ ชินานางใช้คอตตอนบัดแคะหูเอาน้ำออก หัฏฐ์เห็นเข้ามาช่วย จัดการจับแก้มเธอให้เอียงนิ่งๆแล้วเทน้ำหยอดเข้าไปในหูเธอ สักครู่ก็เอียงหน้าเทออก ลูกหมีกับปุ๊กกี้ตามมาแอบมอง ลูกหมีจุ๊ปากให้ปุ๊กกี้อย่าส่งเสียง...ชินานางสั่นสะท้านที่โดนชายหนุ่มจับแก้ม

ลูกหมีกับปุ๊กกี้วิ่งมาที่โต๊ะอาหาร จิรัชถามหาชินานางทำไมยังไม่มา หลับหรือเปล่า ลูกหมีหัวเราะคิกคักกระซิบ “ไม่ได้หลับครับ อาช้างเขาเป็นแฟนกับน้าหัฏฐ์”

“อย่าแก่แดดสิลูกหมี เดี๋ยวอาช้างโกรธไม่รู้นะ” จิรัชติง

จูนได้ยินยิ้มเจื่อนๆ ลูกหมีทำท่าที่หัฏฐ์ทำกับชินานาง โดยใช้หน้าจิรัชเป็นตัวแทน แถมย้ำถ้าไม่เชื่อถามปุ๊กกี้ได้ ชนนีเดินมาเอ็ดคิดว่าลูกหมีแกล้งจิรัช ลูกหมีจะเล่าแต่จิรัชปิดปากไว้...

จิรัชหลบมายืนมองทะเลเศร้าๆ จูนเข้ามายืนข้างหลังมองอย่างเห็นใจ “รู้สึกยังไงก็น่าจะพูดออกไปเลย จะเก็บเอาไว้ทำไม” จิรัชหันมาถามเรื่องอะไร “ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ขนาดฉันยังดูออกเลย...ว่าคุณแอบรักเพื่อนสนิท คุณแอบรักคุณช้าง รักเขาขนาดนี้ทำไมไม่พูดออกไป”

จิรัชอึ้ง กล่าวยิ้มๆ “ขอเก็บไว้ในใจดีกว่า”

“เก็บไว้ทำไม พูดออกไปเลย บอกเขาไปสิว่าคุณรู้สึกยังไง ถ้าไม่พูดคุณก็จะต้องรู้สึกเสียใจไปแบบนี้”

จิรัชเดินเข้าประชิดจนจูนใจสั่นแล้วกล่าว “การที่เรารักใครซักคน หรือเคยรักใครซักคนมันดีออก เพราะการที่เราได้แอบรักมันก็เป็นความสุขอย่างนึง ถึงแม้บางครั้งมันจะเจ็บ แต่เมื่อเราเห็นเขามีความสุข เราก็จะรู้สึกสุขไปด้วย เรื่องบางเรื่องถ้าพูดออกไปแล้วทำให้ความสัมพันธ์มันเปลี่ยน สู้เก็บเอาไว้กับตัวดีกว่า”

“ความรู้สึกนายกำลังเปลี่ยนไป...เปลี่ยนไปยังไง”

จิรัชสบตายิ้มพยักหน้า “แล้วทำไมผมถึงต้องบอกคุณ เก่งจริงคุณก็ดูผมให้ออกสิ”

จูนใจเต้นรัวอ้างว่าคุยกับเขาแล้วงง ว่าแล้วก็เดินหนีไป จิรัชชักจะรู้ใจตัวเอง...ในขณะที่ชนนีบอกหัฏฐ์ว่าขากลับขอแวะซื้อของที่ตลาด ลูกหมีโอดโอยยังไม่อยากกลับ หทัยบอกว่าตนกับหัฏฐ์ต้องทำงาน ลูกหมีขออยู่กับชนนี ชินานางและปุ๊กกี้ต่อ แต่ชินานางบอกตนก็มีงาน เสนีย์ฉวยโอกาสถามปุ๊กกี้อยากอยู่กับหัฏฐ์หรือกับคนอื่น ปุ๊กกี้ตอบเต็มคำว่า

“อยากอยู่กับน้าหัฏฐ์ค่ะ”

เสนีย์ทำท่าเยสให้หัฏฐ์ ทุกคนยิ้มมีความสุข... ต่างกับชลีกรที่ร้อนรนอยากรู้ให้ได้ว่าสาวิตรมีเมียน้อยหรือไม่ ตามมาดูที่ทำงาน เลขาหน้าห้องบอกว่าเขาออกไปพบลูกค้าแต่ไม่ได้บอกว่าที่ไหน ชลีกรกราดเกรี้ยวใส่เป็นเลขาอะไรไม่ได้เรื่อง แล้วเธอก็โทร.สั่งลูกน้องให้ดูสิว่าคนที่สาวิตรไปพบเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย...

กลับถึงบ้านเสนีย์เห็นตุ๊กตาของปุ๊กกี้วางอยู่ ก็บอกหัฏฐ์ว่าทำไมปล่อยให้หลานเล่นของสกปรกเสียภาพพจน์ หัฏฐ์บอกว่าหทัยก็ตั้งใจจะเอาไปซักแต่ก็เกรงจะขาดละลายไปกับน้ำ ซื้อของใหม่มาให้ก็ยังอุ้มแต่ตัวเก่า เสนีย์ว่าไม่ทิ้งของเก่าเด็กก็เลยติดของเก่าอยู่ “...เอาอย่างนี้สิ แค่โยนลงถังขยะแล้วบอกปุ๊กกี้ว่าคนเก็บขยะมาเอาไปแล้ว”

“ปุ๊กกี้คงร้องไห้แย่” หัฏฐ์กังวล

“ก็คงจะร้องหาอยู่สองสามวันเดี๋ยวก็ลืม เด็กๆ ลืมง่ายจะตาย พี่สาวฉันใช้วิธีนี้กับลูกเหมือนกัน รายนั้นติดจุกนมหลอก ดูดจนเปื่อย พอแม่เอาโยนทิ้งเด็กงอแงอยู่สามวันก็หาย”

หัฏฐ์บอกเสนีย์หลานยังเล็กมากแต่ปุ๊กกี้โตแล้วคงไม่เชื่อง่ายๆ เสนีย์ยุว่าอย่างไรก็เป็นเด็กอยู่ดี ลองคิดดูว่าอยากปล่อยให้หลานกอดตุ๊กตาสกปรกอยู่ทั้งปีทั้งชาติหรือ หัฏฐ์ครุ่นคิด

ooooooo

เช้าวันใหม่ทุกคนตกใจกับเสียงกรีดร้องของปุ๊กกี้ ชินานาง ลูกหมีและชนนีรีบวิ่งมาที่บ้านหัฏฐ์ เห็นปุ๊กกี้ดิ้นรนไม่ให้ใครจับตัว ร้องกรี๊ดๆ ร้องไห้ตัวโยน “เอาคืนมา เอาคืนมา...”

ลูกหมีถลาเข้าถามปุ๊กกี้เป็นอะไร ชินานางรีบถามหัฏฐ์เกิดอะไรขึ้น หัฏฐ์หน้าเศร้าบอกตนทิ้งดวงใจไป ชนนีตบอก ชินานางตำหนิ “ทิ้งไปได้ยังไง ดวงใจไม่ได้เป็นแค่ตุ๊กตานะ เขาเป็นเพื่อนสนิทของปุ๊กกี้ คุณดูไม่ออกเลยเหรอ”

หัฏฐ์เสียใจยอมรับว่าตัวเองคิดน้อยไป ชินานางให้รีบไปเอาคืนมา ไม่ทันไรส้มวิ่งกลับมาบอกว่าปั่นจักรยานตามรถขยะไม่ทัน ชินานางใจหายที่เขาทำร้ายจิตใจปุ๊กกี้มาก ลูกหมีว่าหัฏฐ์ใจร้าย ปุ๊กกี้กรีดร้องโหยหวน ทุบตีหัฏฐ์ด้วยมือเล็กๆสุดแรง “เกลียด เกลียดน้าหัฏฐ์ เกลียด...”

หัฏฐ์แทบใจสลาย ชนนีเตือนให้ช่วยกันปลอบหลานก่อน ชินานางให้เขาถอยเธอจะเข้าไปกอดปลอบ แต่ปุ๊กกี้ลงไปดิ้นกับพื้นไม่ยอม ลูกหมีเข้าช่วยปลอบกลับโดนปุ๊กกี้ถีบกลิ้งออกมา ชนนีบอกให้ทุกคนถอยแล้วตรงเข้าโอบกอดปุ๊กกี้โดยไม่ย่อท้อกับแรงถีบทุบของเด็กน้อย

“นี่ย่าเองลูก ใจเย็นๆนะคะคนดี หลานรักของย่า โอ๋...โอ๋...ขวัญเอ๊ยขวัญมานะลูกนะ”

ปุ๊กกี้สงบลงสะอื้นในอ้อมกอดของชนนี ทุกคนสลดใจกับภาพตรงหน้า ลูกหมีบอกปุ๊กกี้ไม่ต้องกลัวตนจะปกป้องเอง แต่ปุ๊กกี้กลับปัดมือลูกหมีและผลักออกไป ร้องไห้พึมพำ “ปุ๊กกี้ไม่ดี ไม่มีคนรัก คุณพ่อคุณแม่คุณย่าทิ้งปุ๊กกี้ไปหมด ดวงใจก็ทิ้งไป ปุ๊กกี้เป็นตัวซวย...”

“จุ๊ๆๆไม่เอาลูก อย่าพูดอย่างนั้นสิจ๊ะ ปุ๊กกี้ยังมีป้าหทัย น้าหัฏฐ์ มีย่ากับอาช้างอยู่กันเยอะแยะเลย ทุกคนรักปุ๊กกี้นะลูก”

ชินานางให้หัฏฐ์อุ้มปุ๊กกี้ไปนอนบนห้อง แต่หนูน้อยไม่ยอม ชนนีบอกปุ๊กกี้ว่าให้น้าอุ้มนะลูก ย่าอุ้มไม่ไหว แล้วย่าจะขึ้นไปอยู่ด้วย ปุ๊กกี้จึงยอมให้อุ้มแต่ไม่มองหน้าหัฏฐ์ เขาเสียใจมาก พอวางปุ๊กกี้ลงบนเตียง หนูน้อยซุกหน้ากับหมอนนอนคุดคู้อย่างน่าสงสาร ชนนีนั่งลงข้างๆลูบหัวฮัมเพลงกล่อม บอกย่าจะอยู่ด้วยไม่ไปไหน... ชินานางดึงหัฏฐ์ให้ลงไปข้างล่าง

หัฏฐ์แทบหมดแรงตำหนิตัวเองไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตนเห็นว่าตุ๊กตามันสกปรกและเก่าจนซ่อมไม่ได้แล้ว ชินานางเพิ่งเคยเห็นเขาร้องไห้ปลอบว่าตนเข้าใจ เมื่อครู่ต้องขอโทษที่ว่าเขารุนแรง แต่เขาต้องรู้ว่าดวงใจไม่ใช่ตุ๊กตาธรรมดา มันน่ามีอะไรพิเศษแม่ปุ๊กกี้อาจทำให้เอง หัฏฐ์ใจหายวาบ นึกได้ว่าพี่สาวตัวเองชอบทำการฝีมือ ตนไม่น่าเลย...ชินานางปลอบให้ให้เวลาปุ๊กกี้สักพัก ไม่นานแกก็จะรู้ว่าเขาทำไปเพราะรักและห่วงใย หัฏฐ์หวังเช่นนั้นแล้วลุกขึ้นจะไปตามหารถขยะให้เจอ ชินานางจึงขอไปช่วย

ทั้งสองมาที่สำนักงานเขต สอบถามถึงรถขยะที่ออกจากหมู่บ้านจะไปไหน เจ้าหน้าที่บอกว่าจะเอาขยะไปทิ้งที่อ่อนนุช ทั้งสองรีบตามไปแล้วขอรื้อหาที่กองขยะที่เพิ่งมาเทใหม่ แม้มันจะสูงท่วมหัวก็ไม่หวั่น ชินานางเข้าช่วยอย่างไม่รังเกียจ หัฏฐ์จึงเอาผ้าเช็ดหน้าออกมามัดปิดปากจมูกของเธอ หากันจนเย็นย่ำก็ไม่เจอ

ชินานางนั่งดมยาดมอยู่ในรถ หัฏฐ์ขอบคุณและยอมรับกับเธอว่าสภาพจิตใจของปุ๊กกี้ย่ำแย่มากควรพบจิตแพทย์ ชินานางดีใจ “ดีแล้วค่ะที่คุณยอมรับ หมอบอกว่าถ้าผู้ใหญ่เพิกเฉยไม่ช่วยแก้ไข รอยด่างในใจของแกก็จะลุกลามไปตามวัย แล้ววันหนึ่งมันก็จะกัดกินใจของเด็กไปจนหมด ถึงวันนั้นก็ไม่มีทางแก้แล้ว”

“ผมไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นกับหลานผม ผมจะหาจิตแพทย์เก่งๆมารักษา ปุ๊กกี้จะต้องหาย”

ชินานางจะช่วยติดต่อหมอให้ หัฏฐ์หวั่นใจแค่อาทิตย์เดียวก็จะขึ้นศาลแล้ว ปุ๊กกี้จะพร้อมหรือไม่ ตนไม่อยากให้หลานเกลียดตนมากไปกว่านี้ ชินานางให้รอคุยกับหมอก่อน หมอจะบอกเองว่าปุ๊กกี้สามารถขึ้นศาลได้หรือไม่ วันนี้ปุ๊กกี้เสียใจแต่อีกไม่นานจะต้องเข้าใจว่าเขาหวังดี

“คุณเป็นนักปลอบใจที่ดีมากเลยรู้ไหม ถ้าไม่มีคุณคอยให้สติ ผมคงแย่” หัฏฐ์กุมมือเธอ

ชินานางอึ้งเขิน เสบอกเขาว่าสบายใจแล้วก็กลับกัน เย็นมากรถจะติด...ชินานางคิดว่าน่าไปหาซื้อตุ๊กตาที่คล้ายดวงใจไปคืนหลาน หัฏฐ์เกิดความคิดว่า ถ้าหรรษาเป็นคนเย็บดวงใจขึ้นมา ตนก็ควรจะทำคืนให้หลานเอง ชินานางแปลกใจเขาเย็บผ้าเป็นหรือ เขาถอนใจจะพยายาม

กลับถึงบ้านเห็นปุ๊กกี้เพลินกับการช่วยชนนีทำขนมแม้สีหน้าจะเศร้า ชนนีหันมาถามเจอไหม เขาส่ายหน้า ปุ๊กกี้เบะร้องไห้ใจสลาย หทัยโผกอดปุ๊กกี้ชวนไปหาซื้อใหม่แต่หนูน้อยไม่เอาคืนนี้ปุ๊กกี้ไม่ยอมกลับไปนอนบ้าน ชนนีจึงพาไปนอนด้วย และชวนให้สวดมนต์ก่อนนอนพร้อมลูกหมี จากนั้นชินานางก็ดึงลูกหมีออกมาให้ปุ๊กกี้นอนกับชนนีสองคน ลูกหมีคร่ำครวญขอไปนอนกับปุ๊กกี้ด้วย เมื่อไม่ให้ก็แกล้งก่อกวนสารพัด พักใหญ่ก็หมดแรงผล็อยหลับไปเอง

ในขณะเดียวกัน หัฏฐ์คร่ำเคร่งพากเพียรกับการเย็บตุ๊กตาให้มีขนาดเท่าดวงใจ...รุ่งเช้าหัฏฐ์กับหทัยมาที่บ้านชนนีด้วยเป็นห่วงปุ๊กกี้ ชินานางบอกหัฏฐ์ว่าติดต่อหมอได้แล้ว หมอนัดให้ไปวันนี้ หทัยหวั่นใจว่าปุ๊กกี้จะยอมไปไหม หัฏฐ์คิดว่าต้องให้ชนนีช่วยอีกสักครั้ง...

หน้าห้องหมอ ชินานาง ลูกหมีและหัฏฐ์นั่งรอ ท่าทางหัฏฐ์เครียด ชินานางเอ่ยถามเมื่อคืนเห็นไฟห้องเขาเปิดทั้งคืน ทำตุ๊กตาอยู่หรือ เขาเย้าว่าเธอแอบดูอีกแล้ว และบอกว่าเกือบเสร็จ ชินานางยิ้มปลื้ม ปุ๊กกี้ต้องภูมิใจแน่ๆ ลูกหมีบอกหัฏฐ์เป็นผู้ชายยังอุตส่าห์เย็บตุ๊กตาให้ปุ๊กกี้ ชินานางเป็นผู้หญิงแท้ๆไม่เคยทำอะไรให้ตนเลย ชินานางเหวอบอกได้เดี๋ยวจัดให้ หัฏฐ์ยิ้มขำออกมาได้

ปุ๊กกี้นั่งตักชนนีตัวสั่นอยู่ตรงหน้าหมอ หมอชวนปุ๊กกี้เล่นเกมทายภาพหยดหมึกว่าเห็นเป็นภาพอะไร ปุ๊กกี้เห็นหยดหมึกสีดำก็หวาดกลัวคิดถึงห้องมืดๆที่เคยโดนขัง ร้องไห้กลัวๆ จากนั้นหมอก็คุยกับหัฏฐ์ตามลำพัง ว่าชินานางเล่าว่าปุ๊กกี้ต้องขึ้นศาลสืบพยาน ตนคิดว่าควรเลื่อนออกไปก่อน สภาพจิตใจแกไม่พร้อมรับความกดดันอีก แกสับสนและมีเรื่องทุกข์ใจ แล้วยังหวาดกลัวคนแปลกหน้ามากกว่าปกติ หัฏฐ์ถามพอจะรู้ไหมว่าเกิดจากอะไร

“พบกันครั้งเดียวยังบอกไม่ได้หรอกครับ แต่อาการที่แสดงออกตอนนี้เหมือนกับว่าเด็กผ่านความสะเทือนใจอย่างรุนแรงมา”

หัฏฐ์สารภาพว่าตนผิดเองที่ทิ้งตุ๊กตาของปุ๊กกี้ไป หมอให้เล่ารายละเอียด หมอตั้งใจฟังแล้ววิเคราะห์ว่าเด็กเหมือนแก้วที่เปราะบาง แค่เรื่องเล็กๆก็ทำให้แตกได้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องใหญ่ขนาดเสียพ่อแม่และย่าในเวลาไล่เลี่ยกัน หัฏฐ์เสียใจที่พาหลานมาพบหมอช้า หมอบอกยังไม่สาย ความรักความอบอุ่นและความเข้าใจจะช่วยรักษาจิตใจเด็กได้ เราต้องช่วยเอาชนะความกลัวของเด็กให้ได้ แล้วเขาจะได้หลานสาวที่น่ารักกลับคืนมา หัฏฐ์ยิ้มอย่างมีความหวังขึ้น

ooooooo

เมื่อลูกน้องรายงานและส่งภาพให้ชลีกรดูว่า สาวิตรเดินกับผู้หญิงคนหนึ่ง มีการแตะแขนประคองกันก็ปรี๊ดแตก ตรงไปที่บริษัท ถามเลขาว่าสาวิตรไปไหน พอรู้ว่าว่าไปตรวจโรงงานก็รีบตามไปอย่างฉุนเฉียว

มาถึงโรงงาน เห็นหญิงสาวเดินดูเครื่องจักรแล้วถอยมาชนสาวิตร เขาประคองเธอไว้ ชลีกรตาวาวถลาเข้าไปกระชากผมหญิงสาวให้หันมาแล้วตบฉาดใหญ่ สาวิตรตกใจเอ็ดชลีกรเป็นบ้าอะไรขึ้นมา เธอโวยวายว่าเขาเอาเมียน้อยมาโชว์ตัวถึงโรงงาน ใครจะทนได้

“เมียน้อยที่ไหน นี่คุณแพร ลูกค้ารายใหญ่จากภูเก็ต”

ชลีกรไม่เชื่อ แพรโมโหมากไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ เพราะตนจะไม่เป็นลูกค้าบริษัทนี้อีก ตนจะไปแจ้งความ สาวิตรถามชลีกรหายบ้าหรือยังก่อนจะเดินตามแพรไป ชลีกรหน้าเหวอ...

มาถึงโรงพัก ชลีกรเปลี่ยนท่าทีเป็นอ่อนโยน จับแขนขอโทษแพรและชมว่าเธอทั้งสวยทั้งใจดี จะไม่ให้ตนเข้าใจผิดได้อย่างไร ตนยินดีจ่ายค่าซ่อมจมูกให้ แพรสะบัดเสียงว่าจมูกตนของจริง สาวิตรส่ายหน้าเอือมๆ...พอ

กลับบ้าน สาวิตรก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าจะตามไปขอโทษสามีของแพรที่ภูเก็ต ชลีกรโวยจะต้องอะไรนักหนา เขาบอกแพรเป็นลูกค้ารายใหญ่ ถ้าหลุดมือไปบริษัทต้องสะเทือน ชลีกรกระฟัดกระเฟียดว่าเขาอยากไปประคองเธอ ตนจึงเข้าใจผิด สาวิตรมองหน้าถามให้คนตามดูตนใช่ไหม เธอว่าเขาทำตัวให้น่าสงสัยก่อน เขาโกรธมาก

“เลิกตามผม ถ้าคุณไม่หยุด ผมจะเลิกกับคุณ”

“ว่าไงนะ! เดี๋ยวนี้กล้าพูดกับลีแบบนี้เหรอ” ชลีกรแผดเสียงไล่หลัง “คุณจะไปไหนคุณสาวิตร กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”

ป้อม แป้งและเปเป้ ยืนตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงแม่ทะเลาะกับพ่อ สาวิตรเดินออกมาเห็นลูกๆก็สงสาร วางกระเป๋าดึงลูกๆมากอดปลอบ ชลีกรตามออกมาเห็นลูกๆเสียขวัญก็ยืนอึ้ง...

ในขณะที่ปุ๊กกี้ได้รับความรักจากหัฏฐ์และหทัยเต็มเปี่ยม...หัฏฐ์โชว์ตุ๊กตาที่พากเพียรเย็บกับมือให้หทัยและชินานางดู หทัยบอกจะช่วยก็ไม่ยอม ชินานางชื่นชมสำหรับผู้ชายที่เพิ่งเคยทำครั้งแรก ตนว่าสวยใช้ได้ ถึงคะแนนไม่เต็มสิบแต่คะแนนความตั้งใจเต็มร้อย แล้วบอกให้หัฏฐ์เอาไปให้ปุ๊กกี้เลย ระหว่างนั้นปุ๊กกี้นั่งดูการ์ตูนอยู่กับลูกหมีที่บ้าน หทัยขอบคุณชินานางที่ช่วยดูแล เธอบอกว่าแม่มีความสุขที่ได้เลี้ยงเด็กๆ

ชินานางเดินเข้ามาเรียกลูกหมีให้ไปช่วยชนนีในครัว ตนจะชงกาแฟมาเลี้ยงหทัยกับหัฏฐ์ ลูกหมีอิดออด จึงต้องเข้าไปดึงตัว หทัยขำ หัฏฐ์บอกลูกหมีด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ลูกหมีครับป้าหทัยกับน้าขอคุยกับปุ๊กกี้ลำพังได้ไหมครับ”

ลูกหมีมองปุ๊กกี้อย่างห่วงๆ แล้วมองหน้าชินานางเห็นสายตาดุก็กลืนน้ำลายเอื๊อก บอกปุ๊กกี้ไม่ต้องกลัว หทัยกับหัฏฐ์ใจดี ถ้ากลัวก็ร้องเรียกตนได้ตลอดเวลา...พอสองอาหลานเดินมาถึงครัว ก็หยุดมองหน้ากัน แล้วหันกลับย่องไปแอบฟัง ชนนีกับบัวเห็นก็สงสัย ชนนีเข้ามาตีแขน ชินานางทำเสียงให้เบาๆ ทั้งสามร่วมกันแอบดู หัฏฐ์ย่อตัวลงตรงหน้าปุ๊กกี้ หนูน้อยถอยหนี

“น้ารู้ว่าตอนนี้ปุ๊กกี้โกรธเกลียดน้ามาก แต่ปุ๊กกี้ฟังน้าหน่อยได้ไหมคะ น้าไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งดวงใจไป เพียงแต่ว่า...ไม่ล่ะ น้าจะไม่ขอแก้ตัวอะไรทั้งนั้น น้ารู้ตัวว่าทำผิด ผิดมากๆ น้ารักหนูนะปุ๊กกี้ รักมากเหมือนหนูเป็นลูกแท้ๆของน้า...” หัฏฐ์เชยคาง ปุ๊กกี้สะดุ้งเบาๆ “น้าสัญญาว่า ต่อไปน้าจะไม่ทำให้หนูเสียใจอีก เชื่อน้านะ น้าไม่เคยคิดจะทำร้ายปุ๊กกี้เลย น้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น” หัฏฐ์หยิบตุ๊กตาส่งให้ “ตุ๊กตาตัวนี้น้าเย็บเอง อาจจะไม่สวยไม่ดีเหมือนกับดวงใจของปุ๊กกี้ แต่น้าก็ทำให้หนูด้วยความรัก น้าไม่หวังว่ามันจะแทนที่ดวงใจของหนูได้ เพียงแต่น้าอยากจะบอกให้ปุ๊กกี้รู้ว่า น้ารักปุ๊กกี้ และน้าเสียใจจริงๆ น้าขอโทษ ยกโทษให้น้าได้ไหม”

ปุ๊กกี้เห็นถึงความจริงใจของน้าชาย ยื่นมือที่สั่นน้อยๆรับตุ๊กตามากอดแนบอก หัฏฐ์และหทัยน้ำตาซึม หัฏฐ์ดึงหลานสาวมากอด ชินานางและชนนีผ่อนลมหายใจโล่งอก หันไปเห็นลูกหมีน้ำตาซึมก็ดึงมากอดอย่างเอ็นดู

หัฏฐ์โทร.เล่าให้เสนีย์ฟัง เขาเสียใจที่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันละเอียดอ่อนสำหรับเด็ก หัฏฐ์บอกเรื่องที่หมอแนะนำให้เลื่อนขึ้นศาลของปุ๊กกี้ออกไปก่อน เสนีย์บอกเลื่อนได้แต่ไม่นานเพราะทางโน้นอาจจะอ้างได้แล้วเราจะเสียเปรียบ...

หทัยเป็นห่วงว่าแค่เดือนเดียวปุ๊กกี้จะอาการดีขึ้นไหม หัฏฐ์บอกทางฝ่ายโน้นเขาอ้างว่าธุรกิจต้องดำเนิน หทัยบ่นห่วงแต่เงินไม่คิดถึงจิตใจเด็กบ้างเลย ถ้าเราแพ้ปุ๊กกี้จะเป็นอย่างไร

“ก็คงเหมือนส่งแกกลับไปอยู่ในนรก แล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้และพยายามจะแก้ไขตอนนี้ มันก็สูญเปล่า”...

ด้านเสนีย์ครุ่นคิดจะแก้เกมอย่างไรดี คิดแล้วตัดสินใจโทร.หาลดามณี บอกมีเรื่องสำคัญขอปรึกษา... เสนีย์มารอเธออยู่นานที่ล็อบบี้ จนคิดว่าเธอไม่ยอมมาพบ ลุกขึ้นจะกลับ ลดามณีควงชายหนุ่มหล่อล่ำเข้ามา เสนีย์หวั่นไหวแต่เก็บอาการไว้ เธอจุ๊บแก้มชายหนุ่มแล้วขอให้เขานั่งรอสักครู่ ชายหนุ่มเดินไปนั่งอีกโต๊ะ เสนีย์เริ่มเรื่องขอให้ลดามณีช่วยปุ๊กกี้ เธอยืนยันว่าช่วยแต่ช่วยให้ปุ๊กกี้กลับมาอยู่บ้าน เสนีย์ขอให้คุยกันดีๆ

“คุยดีเพื่ออะไรคะ เพื่อให้ลดาเจ็บอีกยังงั้นหรือ ลดาโตแล้วค่ะ ลดาไม่โง่ให้พี่เสหลอกเหมือนเมื่อก่อนหรอก”

เสนีย์พยายามจะบอกว่าไม่เคยหลอก ลดามณีไม่ยอมฟังคำแก้ตัวของเขา ถ้าไม่คุยเรื่องปุ๊กกี้เธอก็จะกลับ เขาจึงบอกว่าปุ๊กกี้ต้องพบจิตแพทย์ ลดามณีชะงัก อย่างน้อยก็มีความรักหลาน จึงยอมนั่งฟังเขาต่อ เสนีย์เอ่ยขึ้นว่าเธอเปลี่ยนไปมาก เธอสวนเวลาเปลี่ยนใจคนเปลี่ยนเป็นธรรมดา เสนีย์ถอนใจเริ่มถามจริงจังว่าตอนอยู่สงขลา ปุ๊กกี้มีอาการซึมเศร้าไหม เธอตอบว่าเป็นธรรมดาที่พ่อแม่และย่าตายจากจะเริงร่าได้อย่างไร

“ลดาเคยเห็นปุ๊กกี้โดนเด็กอื่นในบ้านรังแกบ้างไหม”

“ก็มีบ้าง ลูกพี่สาวิตรซนยังกะลิง...” ลดามณีนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งที่ป้อม แป้งและเปเป้แย่งดวงใจของ ปุ๊กกี้ไป จึงโดนปุ๊กกี้ผลักล้ม ชลีกรปราดเข้ากระชากแขนปุ๊กกี้มาเอ็ด แต่พอเห็นตนเดินมาก็ปล่อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลดามณีรู้สึกเสียใจที่เข้าข้างพี่สะใภ้

“นึกออกไหมครับว่าเคยเห็นปุ๊กกี้ถูกทำร้ายทารุณบ้างไหม”

“ก็...มี...ไม่รู้สิ ไม่เห็น ไม่ได้สนใจ...ลดาไม่มีอะไรจะคุยแล้ว” ว่าแล้วก็เดินหนีไปหาแฟนหนุ่ม เสนีย์มองอย่างสงสัย

ooooooo

ลดามณีกลับเข้าบ้านเห็นไม่มีใครอยู่จึงเลียบเคียงถามกุ้งสาวใช้ ว่าตั้งแต่แม่ป่วยใครเป็นคนดูแลปุ๊กกี้ กุ้งอึกอักๆอยู่พักใหญ่กว่าจะกล้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เธอแทบไม่อยากเชื่อ

กุ้งยืนยันว่าชลีกรใจร้ายมาก ทั้งข่มขู่กักขังปุ๊กกี้ไม่ให้กินข้าวบางครั้งก็โดนตี ตนจะช่วยก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ลดามณีโกรธทำไมไม่บอก กุ้งเสียงอ่อยว่าเธอไม่ค่อยกลับบ้าน

“แล้วพี่วิตรล่ะ เธอก็ควรจะบอกพี่วิตรสิ”

“คุณลดาว่าคุณสาวิตรจะฟังหนูหรือจะฟังเมียเขาล่ะคะ หนูไม่กล้าหรอกค่ะ”

ลดามณีทั้งโมโหทั้งโกรธชลีกรที่ทำกับหลานตนขนาดนั้น เริ่มรู้สึกผิดที่ตัวเองไม่เคยกลับมาช่วยดูแล ยิ่งสงสารปุ๊กกี้จับใจ...

วันต่อมาขณะที่หัฏฐ์ทำงานไปคอยมองดูปุ๊กกี้เล่นกับลูกหมีไปด้วย ลดามณีซื้อขนมแวะมาให้ทั้งปุ๊กกี้และลูกหมี สีหน้าละอายรู้สึกผิด บอกหัฏฐ์ว่าขอมาเยี่ยมหลาน ปุ๊กกี้ชะงักหยุดเล่นมองอาสาวอย่างหวาดกลัว ลดามณีเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ลูกหมีทำท่าสยอง

“อา...ขอโทษนะปุ๊กกี้ ขออากอดหน่อยได้ไหม... อาสงสารปุ๊กกี้นะ” ปุ๊กกี้ยอมให้กอด ลดามณีน้ำตาซึม “อาคิดถึงคุณย่าจังเลย”

หัฏฐ์มองท่าทีหญิงสาวที่เปลี่ยนไป ชินานางเดินเข้ามาชะงักมองห่างๆ...หลังจากวันนั้น ปุ๊กกี้ก็ดูร่าเริงขึ้น จากการดูแลเอาใจใส่ของทุกคน ทำให้หัฏฐ์และชินานางพลอยสนิมสนมกันมากขึ้นไปด้วย หมอมีเอกสารยืนยันว่าปุ๊กกี้สามารถขึ้นให้การได้แล้ว

เช้าวันไปศาล หทัยแต่งตัวแปรงผมให้ปุ๊กกี้ด้วยความรัก ปลอบใจไม่ต้องกลัวใครทั้งนั้น ให้พูดทุกอย่างไปตามความจริง ป้ากับน้าจะอยู่ข้างหนูตลอด ปุ๊กกี้ยังมีสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย พอมาถึงศาลหัฏฐ์ชักไม่มั่นใจว่าจะเป็นการทำร้ายจิตใจปุ๊กกี้ไหม จึงไม่อยากกดดัน แต่เสนีย์บอกว่าขอแค่ปุ๊กกี้พูดคำเดียวว่าอยากอยู่กับใครก็พอ

“แล้วถ้าเกิดปุ๊กกี้กลัวจนไม่ยอมพูดล่ะ ทุกครั้งที่คุยเรื่องนี้ ปุ๊กกี้แทบจะไม่เคยยอมพูดเลย”

“นายก็เลือกเอาแล้วกัน ถ้าไม่ให้ปุ๊กกี้ขึ้นให้การ แล้วเราต้องแพ้ ปุ๊กกี้ต้องกลับไปอยู่กับป้าสะใภ้ ปัญหาที่กำลังจะเยียวยา มันจะกลับมาเลวร้ายกว่านี้อีกแน่”

หัฏฐ์นิ่งคิด หนักใจแทบหายใจไม่ออก...เมื่อหทัยจูงปุ๊กกี้มา เสนีย์ก็ชมว่าน่ารักเหมือนเจ้าหญิงน้อยๆ หัฏฐ์นั่งลงตรงหน้าถามหลานรักว่าพร้อมไหม หนูน้อยส่ายหัวเบาๆแววตาหวาดๆ

ดวงใจพิสุทธิ์

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด