สมาชิก

ดวงใจพิสุทธิ์

ตอนที่ 10

เช้าวันใหม่ ชินานางตื่นขึ้นมาไม่เห็นหัฏฐ์นอนที่โซฟาจึงรีบลุกเดินออกจากห้องนอน เห็นเขายืนมองวิวอยู่ แล้วเขาก็หันมาส่งยิ้มหยิบถ้วยน้ำเต้าหู้ส่งให้พร้อมบอกว่าขับรถออกไปซื้อมา ชินานางยกดื่มแล้วมองวิวสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความคิดถึงบ้าน

“ช่างมาซ่อมหลังคาต่อแล้ว คุณไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า” หัฏฐ์เตือน ชินานางนึกได้มองตัวเองแล้วรีบวิ่งกลับเข้าห้อง หัฏฐ์มองขำๆก่อนจะออกไปรับหน้าพวกช่าง...

พอซ่อมหลังคาเสร็จ ช่างบอกว่าคราวนี้อยู่ได้อีกหลายปี แล้วถามเมื่อคืนหลับสบายไหม หัฏฐ์ทำหน้า เหวอตอบไม่ถูก ช่างพูดอีกว่าโชคดีที่ฝนไม่ตก เขาจึงยิ้มออกแล้วพยักหน้ารับ ช่างขำสีหน้าหัฏฐ์ พอช่างกลับไป ชินานางก็ตีแขนเขา

“นี่ คุณจะตกใจทำไม เราไม่ได้มีอะไรกันซักหน่อย เดี๋ยวเขาก็เข้าใจผิดหรอก”

“ก็อยู่ๆเขาถามมา ผมตั้งตัวไม่ทัน”

ชินานางว่าช่างเขาห่วงเรื่องหลังคาทำไมกลับคิดไม่บริสุทธิ์ใจ หัฏฐ์แก้ตัวไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย แล้วเฉจะไปขยับรถเข้ามาจอด ชินานางขำแปลกใจเขาจะอายอะไร...

ลดามณีไปหาหัฏฐ์ถึงมหาวิทยาลัยแต่เช้า เจ้าหน้าที่บอกว่ามีสอนตอนบ่ายสอง เธอจึงรีบมาดักเขาที่บ้าน ทันใดก็เห็นหัฏฐ์เพิ่งกลับมาถึง ลงจากรถพร้อมชินานาง เธอเคืองที่หลอกกัน จึงเข้าต่อว่า “ไหนพี่หัฏฐ์บอกว่าไปเที่ยวกับเพื่อนผู้ชาย ทำไมกลับมากับยัยคนนี้”

หัฏฐ์ย้อนถามมีธุระอะไรกับตน เธอโวยที่ปิดบัง ชินานางแทรก “ฉันชื่อชินานาง แล้วฉันก็ไปกับคุณหัฏฐ์แต่ไม่ได้ไปทำอะไรอย่างที่คุณคิด”

ลดามณีสวนรู้ได้อย่างไรว่าตนคิดอะไร ชินานางโต้ว่าอาการเธอมันฟ้องว่าคิดไม่ดี ลดามณีหาว่าชินานางมีแผน ชินานางตอกกลับขนาดชื่อตนยังจำไม่ได้แล้วจะมารู้ใจตนได้อย่างไร หรือเป็นแม่มดหมอผี ลดามณีเต้นเร่าๆฟ้องหัฏฐ์ว่าโดนด่า เขากลับขอให้เธอกลับไปก่อน

“ลดาไม่กลับ พี่หัฏฐ์ต้องบอกลดามาก่อนค่ะว่าไปกับมันทำไม”

“ผมไม่มีความจำเป็นต้องบอกอะไรนี่ครับ”

ลดามณีหน้าเจื่อนผิดหวัง ชินานางไล่ให้ออกไปคุยกันนอกบ้านตน ไม่อย่างนั้นจะถือว่าบุกรุก หัฏฐ์เลี่ยงเข้าบ้านตัวเอง ลดามณียืนคว้างหันรีหันขวาง พูดใส่หน้าชินานางว่าให้ท่าผู้ชายน่าไม่อาย เธอหัวเราะ “อย่าว่าตัวเองเสียๆหายๆอย่างนั้นสิคะ ฉันเข้าใจค่ะว่าอุตส่าห์มาหาผู้ชายถึงบ้าน เจอแบบนี้คงเครียดแย่ ใจเย็นๆนะคะไปเคลียร์กับคุณหัฏฐ์เอาเองฉันไม่เกี่ยว”

ลดามณีวิ่งตามเรียกหัฏฐ์ เขาหันมาขอตัวต้องเตรียมตัวไปสอน เธอแทบจะกรี๊ดด้วยความโกรธ...

ชินานางมายืนเจ็บใจอยู่หลังบ้าน หัฏฐ์เดินเข้ามาทำให้เธอสะดุ้ง เขาขอโทษแทนลดามณี เธอยิ่งไม่พอใจที่ต้องขอโทษแทนกัน เขารีบบอกอย่าเพิ่งโมโหให้ฟังก่อน เธอทนไม่ได้

“ฉันโมโห ฉันทำผิดอะไรแล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาด่าฉันถึงในบ้าน ถ้าคุณเป็นฉันคุณก็ต้องโมโห กลับบ้านคุณไปเลย”

“เราอย่ามาทะเลาะกันเพราะคนอื่นได้ไหม...คุณก็น่าจะดูออกว่าผมไม่ได้ชอบเขา คุณลดาเป็นคนเอาแต่ใจผมถึงต้องคอยเลี่ยงเธอ แต่ผมก็ทำอะไรมากไม่ได้”

“ก็ได้ฉันจะฟังคุณ เพราะฉันก็ดูออกว่าคุณพยายามเลี่ยงแล้ว แต่คราวหน้าฉันจะสู้กว่านี้”

หัฏฐ์ขำว่าเธอร้ายกว่าลดามณี ชินานางยอมรับงอนๆ แล้วทั้งสองหัวเราะให้กัน

ด้านชลีกรปรึกษากับยิ่งยศถึงแผนที่จะเอาชนะคดี ยิ่งยศหวั่นใจถ้าปุ๊กกี้พูดเรื่องในแง่ไม่ดีของเธอ ชลีกรร้อนตัวถามแง่ไม่ดีเรื่องอะไร ตนรักและเอ็นดูหลานมาตลอด ยิ่งยศแก้ตัวว่าทางหัฏฐ์อาจจะพูดให้เด็กสับสน เราต้องหาเหตุผลมาหักล้าง ถ้ามีโอกาสเจอเด็กควรแสดงความรัก
“อ๋อได้สิ งั้นฉันคงต้องรีบไปเยี่ยมหลานฉัน

ใช่ไหมคะ”

“เคยมีฎีกากรณีที่พยานเป็นเด็ก แต่เด็กกลัวหรือตกประหม่ามากไม่กล้าเบิกความในศาล ศาลก็ต้องตัดพยานนั้นไปเพราะถือว่าไม่อยู่ในสภาพที่จะเป็นพยานได้”

ชลีกรพยักหน้ายิ้มๆอย่างเข้าใจแล้วว่าตนควรจะทำอย่างไร...

ooooooo

วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ก่อนไปโรงเรียนลูกหมีขอให้ชนนีซื้อช็อกโกแลตไว้ให้ ชนนีแซวมีคนที่ชอบแล้วหรือ ลูกหมีรีบบอกว่าจะเอาไว้ให้ปุ๊กกี้ ชนนีจึงให้ลูกหมีทิ้งเงินไว้ ลูกหมีโอดโอยออกให้ก็ไม่ได้ ชนนีแจงว่าถ้าใช้เงินตนก็แปลว่าตนให้ ลูกหมีจึงรีบควักเงินส่งให้

หัฏฐ์จูงปุ๊กกี้ออกมาจะขึ้นรถ หทัยตามมาส่งห่อขนมคุกกี้พร้อมติดสติกเกอร์รูปหัวใจให้ปุ๊กกี้ หัฏฐ์ติงให้ก่อนตนได้อย่างไร ตนว่าถึงโรงเรียนแล้วจะให้ ว่าแล้วก็หยิบดอกกุหลาบในรถออกมาให้ปุ๊กกี้ หทัยบอกปุ๊กกี้ว่าเอาสติกเกอร์ไปติดให้เพื่อนๆและแบ่งคุกกี้ให้เพื่อนที่เราชอบ หัฏฐ์จึงขอสติกเกอร์มาติดให้ปุ๊กกี้บ้าง หนูน้อยยิ้มมีความสุขที่ป้าและน้ารักตน

ต่างกับบ้านสาวิตรที่ชลีกรจะออกจากบ้านไปทำธุระบอกว่าค่ำๆจะกลับ ลูกๆไม่ได้ไปโรงเรียนอ้างว่าป่วย เด็กๆเล่นกันเสียงลั่นบ้าน สาวิตรหน่ายใจที่เดี๋ยวนี้บ้านไม่สงบเหมือนเคย

ด้วยเป็นวันสำคัญ จิรัชจึงแวะมาหาชินานางแต่บัวบอกว่าออกไปข้างนอก เขารีบโทร.หาชินานาง เธอบอกว่าฉลองวาเลนไทน์อยู่ร้านเค้ก เขาใจหายวาบรีบถามฉลองกับใคร เธอหัวเราะ

“ทำเสียงเหมือนโล่งใจที่ฉันจะมีคู่เลยนะแก เสียใจด้วยฉันมาซื้อให้แม่กับนายลูกหมี แกมาปาร์ตี้คนเกลียดวาเลนไทน์กับฉันไหมล่ะ แต่ให้ไวเลยนะ ขืนช้าฉันจะคว้าคนแถวนี้แล้ว”

จิรัชบอกจะรีบไป มองดอกกุหลาบในมืออย่างหมายมั่น...เผอิญหัฏฐ์มาร้านเดียวกับชินานาง เห็นเฝือกลายการ์ตูนที่ขาเธอก็จำได้เข้ามาทัก เธอแปลกใจถามไม่มีสอนหรือ เขายักไหล่บอกวาเลนไทน์ฟีเว่อร์ทำให้ต้องงดสอนกะทันหันแล้วขอนั่งด้วยคน ชินานางบอกได้... ตนรอเพื่อนอยู่ เขารีบถามผู้ชายหรือผู้หญิง เธอบอกว่าผู้ชาย เขาถามทันทีว่าแฟนหรือเปล่า จิรัชมาถึงพอดีได้ยินลุ้นว่าเธอจะตอบอย่างไร ชินานางมองหน้าหัฏฐ์บอก “ถ้าเป็นแฟน...”

หัฏฐ์แทรกตนจะได้ไม่อยู่เป็นกอขอคอ เธอรีบบอกว่าใช่ที่ไหนคือจิรัช หัฏฐ์ถาม “แล้วอ้อยหวานไม่ใช่แฟนแน่นะ ไม่อยากให้เข้าใจผิด”

“จะบ้าเหรอ! อ้อยหวานเป็นแฟนได้ไง สนิทกันตั้งนานแล้ว”

หัฏฐ์ดีใจถามเธอจะถอดเฝือกเมื่อไหร่ เธอตอบว่าวันวาเลนไทน์ เขาจึงอาสาขับรถพาไป จิรัชได้ฟังคำพูดของชินานางก็เศร้าลง ตัดสินใจถือดอกไม้เดินคอตกกลับไป...

จิรัชกลับมาที่บ้านพักพิง จูนเห็นเขาถือดอกไม้มาก็ใจเต้นรัวรอ แต่แล้วกลับเห็นเขาโยนทิ้งในลัง จึงเปรยว่าน่าเสียดาย เขาหันมาบอกไม่รู้จะเก็บทำไมไม่มีประโยชน์ จูนดักคอไม่ได้เอาไปให้ใคร หรือว่า...กำลังจะให้แล้วโดนปฏิเสธ เขาพยักหน้าเนือยๆ จูนเห็นใจระคน ผิดหวัง

ที่โรงเรียน ลูกหมีกับปุ๊กกี้สนุกสนานกับการแลกสติกเกอร์กับเพื่อนๆ...ชลีกรถือถุงขนมมาขอเยี่ยมปุ๊กกี้ คุณครูขอให้เธอรอเพราะอีกชั่วโมงเศษๆก็จะเลิกเรียน แต่เธอกลัวจะเจอหัฏฐ์มารับจึงอ้างว่าต้องรีบกลับสงขลา แล้ววางบัตรประชาชนให้ว่าตนนามสกุลเดียวกับปุ๊กกี้เป็นป้าเด็ก อยากเห็นว่าหลานสบายดีไหม...คุณครูมาตามปุ๊กกี้ ลูกหมีขอไปเป็นเพื่อนแต่ไม่ได้รับอนุญาต พอปุ๊กกี้เห็นว่าเป็นชลีกรก็หวาดกลัวตัวแข็งทื่อ ชลีกรปรี่เข้ามากอดกลบเกลื่อนให้ครูเห็นว่าตนคิดถึงหลานมาก แล้วขอพาไปนั่งคุยที่หน้าห้องอ้างว่าจะแกะของที่เอามาฝากเกรงจะรบกวน

ลูกหมีพยายามแอบตามมาจะดูว่าใครมาหาปุ๊กกี้ แต่ถูกครูจับได้พาตัวกลับห้องเรียน...ชลีกรได้โอกาสข่มขู่ปุ๊กกี้ทันที “แกจำได้ไหมว่าฉันเคยสั่งแกไว้ว่ายังไงฮึ นังปุ๊กกี้ ต่อไปนี้จำไว้ถ้ามีใครถามว่าอยากอยู่กับใคร แกต้องบอกว่าอยากอยู่กับฉัน เข้าใจไหม! พูดสิแกอยากอยู่กับใคร”

ปุ๊กกี้ปากคอสั่นน้ำตาไหลพราก ชลีกรตบปากขู่ให้พูดว่าจะอยู่กับป้าลี หนูน้อยจำต้องพูดออกมา ชลีกรกำชับให้จำไว้ว่าพูดเองไม่มีใครสอน “แล้วก็ห้ามพูดเรื่องที่ฉันมาที่โรงเรียน เพราะทุกคนเป็นพวกเดียวกับฉัน ถ้าแกพูด ฉันจะรีบมาจัดการแกให้เป็นเหมือนหมาข้างถนน”

ปุ๊กกี้กลัวสุดขีดร้องไห้ พอดีออดเลิกเรียนดัง ครูมาตามให้ไปเก็บของเตรียมกลับบ้าน เห็นหนูน้อยร้องไห้ก็แปลกใจ ชลีกรรีบบอกว่าปุ๊กกี้อยากตามตนกลับไปด้วย...คุณครูจูงปุ๊กกี้กลับมาที่ห้อง ปุ๊กกี้ตัวสั่นไปพิงกำแพงสะอื้น ลูกหมีมองอย่างแปลกใจ

เย็นวันนั้นปุ๊กกี้ก็กลับมามีอาการหวาดผวา ซึมเศร้าเหมือนตอนมาใหม่ๆ ทั้งหัฏฐ์และหทัยกลัดกลุ้ม...หัฏฐ์โทร.ปรึกษาเสนีย์ ไม่รู้ว่าปุ๊กกี้เป็นอะไร กลับจากโรงเรียนก็ไม่พูดไม่จา เสนีย์สันนิษฐานอาจโดนครูดุหรือทะเลาะกับเพื่อน หัฏฐ์บอกถามลูกหมีแล้วไม่มีอะไร เกรงวันขึ้นศาลจะยิ่งไปกันใหญ่ เสนีย์บอกยังพอมีเวลาซักซ้อม...

หลังจากข่มขู่ปุ๊กกี้ ชลีกรมาหาลดามณีที่โรงแรมขอให้ขึ้นเป็นพยาน เธอกำลังเสียใจเรื่องหัฏฐ์กับชินานางจึงปัดไม่อยากยุ่งเรื่องอื่นแค่เรื่องคนข้างบ้านหัฏฐ์ก็ปวดหัวพอแล้ว ชลีกรเคืองหลุดปากว่าเห็นแก่ผู้ชายมากกว่า ครอบครัว ลดามณีโกรธ “อย่ามาใช้คำพูดแบบนี้กับ
ลดานะคะ”

ชลีกรหน้าเจื่อนทำอะไรไม่ถูกคว้ากระเป๋าเดินออกไปอย่างเคืองๆ เข่นเขี้ยว “เก่งนักนะ คอยดูฉันจะไม่เหลืออะไรให้แกเลย”...

ooooooo

วันต่อมาเสนีย์มาซักซ้อมกับปุ๊กกี้และซื้อขนมเอแคลร์มาฝากด้วย หทัยส่งขนมใส่มือ ปุ๊กกี้หน้าซีดมองขนมในมือ คิดถึงที่ถูกกระทำจากชลีกร บังคับให้กินเอแคลร์ที่บูดแล้ว จึงเกิดอาการหวาดกลัวบีบขนมเละคามือ แล้วร้องกรี๊ดออกมาตาเหลือกตัวสั่นราวกับชัก

หทัยกับหัฏฐ์ตกใจเข้ากอดปลอบปุ๊กกี้ เสนีย์ก็ตกใจ “เฮ้ย! หลานแกเป็นอะไรวะ โทษทีฉันไม่รู้ว่าหลานแกไม่ชอบเอแคลร์”

“ฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็นปุ๊กกี้เป็นแบบนี้” หัฏฐ์ตกใจงุนงง

ทางบ้านชนนี ลูกหมีชะเง้ออยากไปเล่นกับปุ๊กกี้ แต่ชนนีให้รอตอนนี้ปุ๊กกี้มีแขก ลูกหมีบ่นเป็นห่วงปุ๊กกี้ เมื่อวานก็มีคนมาหาแล้วปุ๊กกี้ก็ร้องไห้ใหญ่ ชนนีกับชินานางสงสัยว่าใคร

ปุ๊กกี้นั่งเก้าอี้กลางห้องเหมือนสถานการณ์ในศาล เสนีย์ปลอบไม่ต้องกลัวแล้วให้ลองบอกว่าอยากอยู่กับใคร ปุ๊กกี้กอดตุ๊กตาดวงใจแน่นนั่งหดตัวก้มหน้า เสนีย์ย้ำถ้ามีคนถามให้ตอบว่าอยากอยู่กับน้าหัฏฐ์...

ปุ๊กกี้ยังคงก้มหน้าไม่พูด หทัยพยายามปลอบ หนูน้อยเอาแต่ส่ายหน้าไม่กล้าอ้าปากพูด หัฏฐ์จึงลองถามใหม่

“ปุ๊กกี้อยากอยู่กับลุงวิตรป้าลีหรืออยากอยู่กับป้าหทัย น้าหัฏฐ์...”

“ยะ...ยะ อยู่กับใครก็ได้...ปุ๊กกี้อยู่กับใครก็ได้” ปุ๊กกี้ตอบเสียงสั่นเบา

หัฏฐ์ตกใจทำไมตอบแบบนั้น ถามเสนีย์ยังพอมีความหวังไหม เสนีย์ถอนใจถ้ายังเป็นแบบนี้คงยากแต่ยังพอมีทางแก้ จะขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติม แล้วชวนหัฏฐ์ไปสงขลาด้วยกัน มีคนเก่าแก่ชื่อบุญเรือนและคนของชลีกรชื่อพร้อมพร สองคนนี้ถูกไล่ออก หัฏฐ์จำบุญเรือนได้เพราะเคยเจอตอนงานศพหรรษาพี่สาว เป็นคนสนิทของภาวนาและดูแลปุ๊กกี้ เสนีย์บอกข้อมูลที่ได้มาตรงกัน เราต้องรีบไปสืบหาสองคนนั้นให้เจอก่อน

หัฏฐ์เดินไปส่งเสนีย์ที่รถ หทัยพยายามปลอบปุ๊กกี้ให้รู้ว่าตนกับหัฏฐ์มีความสุขมากที่ปุ๊กกี้มาอยู่ด้วย เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ปุ๊กกี้หน้าเศร้าไม่ยอมพูดจาเดินกอดดวงใจขึ้นห้องนอน...หัฏฐ์เครียดเดินมาชะเง้อมองหาชินานาง เผอิญเธอออกมาเดินเล่นชมจันทร์เห็นเขาจึงทักทำไมยังไม่นอนปกติเห็นนอนเร็ว เขาฝืนยิ้มบอกคืนนี้อากาศดีอยากชวนเธอออกมาสูดอากาศก่อนนอน

“เป็นอะไรรึเปล่าสีหน้าไม่ค่อยดีนะ ไปเข้าห้องน้ำซะดีไหม”

“พูดซะเสียเลย” หัฏฐ์หัวเราะออกมาได้

ชินานางถามหัวเราะได้แล้วสบายขึ้นบ้างไหม แล้วถามกลุ้มเรื่องอะไร หัฏฐ์เล่าเรื่องในวันนี้ให้ฟัง ชินานางจึงอาสาไปช่วยคุยกับบุญเรือนและพร้อมพรให้ เพราะเป็นผู้หญิงด้วยกันน่าจะพูดกันง่ายกว่า หัฏฐ์ถามต้องลงไปสงขลาจะไปได้หรือ เธอคิดๆแล้วบอกว่าถือเป็นการตอบแทนที่เขาขับรถพาตนไปซ่อมหลังคาบ้านที่ต่างจังหวัด หัฏฐ์ยิ้มดีใจ

ooooooo

วันต่อมา เสนีย์ หัฏฐ์และชินานางมาถึงสงขลา เสนีย์เสนอให้แยกกันไปเจรจา ตัวเขาจะไปหาพร้อมพร ให้หัฏฐ์กับชินานางไปหาบุญเรือนตามสถานที่ที่ได้ข้อมูลมา

หัฏฐ์กับชินานางเดินผ่านสวนยางมาด้วยความหมายมั่นจะได้เจอบุญเรือน พลันกลับเจอสุนัขวิ่งไล่ ทั้งสองตกใจจูงกันวิ่งหนีออกมาที่ถนน หยุดหอบเหนื่อยมองหน้ากันหัวเราะ ชินานางเปรยทำไมข้อมูลไม่บอกว่ามีสุนัขดุด้วย หัฏฐ์หัวเราะเอามือปัดผมที่ปรกหน้าให้

ชินานาง เธอสบตาเขาอึ้งๆ พอดีมีชาวบ้านเดินมา หัฏฐ์จึงถามหาบ้านบุญเรือน

“ป้าบุญเรือนอยู่หน้าสวนโน่น ทำไมไม่เดินบนถนนดีๆล่ะ เห็นวิ่งกันออกมาจากสวนยาง บนถนนเดินง่ายไม่ต้องตัดสวนยาง”

“อ้าว ไม่ใช่ทางที่มาเหรอคะ”

“ทางสวนยางมันทางลัด แต่หมาดุ วิ่งหนีกันมาล่ะสิ”

ทั้งสองหัวเราะเขินๆ...พอเดินมาถึงบ้านบุญเรือนก็ตะโกนเรียก บุญเรือนออกมาเห็นหัฏฐ์ก็จำได้ จึงนั่งคุยกัน บุญเรือนรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับภาวนาและปุ๊กกี้ก็เสียใจ ยินดีจะไปเป็นพยานให้

ด้านเสนีย์มาพบพร้อมพรแต่เธอไม่ให้ความร่วมมือเพราะกลัวชลีกร และมีคนของชลีกรที่ซุ่มอยู่ ถ่ายรูปส่งไปให้ชลีกรทันที...ชลีกรเห็นภาพก็โกรธหาว่าพร้อมพรหักหลัง สั่งคนไปจัดการขู่ให้หลาบจำจะได้ไม่กล้ามาแว้งกัดตน

แม้จะผิดหวังที่ได้พยานมาเพียงปากเดียว แต่เสนีย์ก็เสนอให้หัฏฐ์พาชินานางเที่ยวสงขลาเพราะไหนๆก็เดินทางมาถึงทั้งที หัฏฐ์ถามจะไปที่ไหนดี เสนีย์โบ้ยให้ถามพนักงานโรงแรม ว่าแล้วก็ขอแยกไปที่อื่น หัฏฐ์แปลกใจว่าเพื่อนมีธุระอะไร

เสนีย์มาที่โรงแรมของลดามณี หวังจะได้พบเธอสักครั้ง แล้วเธอก็เดินมาจริงๆ เขาลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปทัก ลดามณีตกใจเมื่อเห็นหน้าเสนีย์ นึกถึงอดีตครั้งแรกที่เจอกันเมื่อแปดปีก่อนในมหาวิทยาลัยและความสุขที่ผ่านมา...ก่อนจะเอ่ยถามเขามาทำไมที่นี่

เสนีย์บอกว่ามาทำคดี ตนเป็นเพื่อนกับหัฏฐ์ ลดามณีอึ้งปัดไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้น เขาเปรยว่าเธอเปลี่ยนไปมาก หญิงสาวยิ้มเยาะ “แล้วใครล่ะที่ทำให้ลดาเป็นแบบนี้”

“ลดา...พี่ขอโทษ ตอนนั้นพี่ยังวัยรุ่น พี่...”

ลดามณีตัดบทไม่ต้องการรื้อฟื้น เขาขอร้องให้เธอฟังสักนิด เธอโวยเขาหายไปแปดปี ปล่อยให้ตนเป็นคนโง่คิดไปต่างๆนานาว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วจะกลับมาทำไมตอนนี้ ไปตายเสีย พูดจบเธอก็เดินหนี...ลดามณีกลับเข้าห้องร้องไห้แทบขาดใจ คิดถึงวันที่เสนีย์ขอกลับเมืองไทยก่อนเพราะพ่อไม่สบาย แล้วเขาก็ขาดการติดต่อไปเลย

คิดถึงอดีตแล้วยิ่งให้เจ็บใจ จะต้องทำให้เสนีย์เจ็บปวดบ้าง คิดแล้วก็รีบโทร.หาหัฏฐ์ เขากำลังเดินมาส่งชินานางที่ห้องพักในโรงแรม กระเซ้าเย้าแหย่เธอเล็กน้อยให้ชุ่มชื่นใจ พอกลับเข้าห้องตัวเอง ลดามณีก็โทร.เข้ามาต่อว่าว่าเขามาสงขลาทำไมไม่ติดต่อเธอ แล้วทำทีว่าสัญญาณไม่ดีขอเบอร์โทร.ที่ห้องและเลขห้องจะโทร.กลับไปหาใหม่ หัฏฐ์หลงเชื่อบอกไป เธอบอกเดี๋ยวจะไปหา เขาตกใจที่เสียรู้ จึงรีบโทร.หาชินานางให้มาช่วยเป็นไม้กันหมา ชินานางเปลี่ยนชุดนอนแล้ว จึงต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน

ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูห้อง หัฏฐ์รีบเปิดประตูรับเพราะคิดว่าเป็นชินานาง...ลดามณียืนยิ้มเผล่ แซวว่าเปิดประตูเร็วจนเธอตกใจ หัฏฐ์หน้าเจื่อนจะทำอย่างไรดี ลดามณีแทรกตัวเข้าไปในห้องเขาทันทีเดินสำรวจในห้องแล้วชมว่าเขาเป็นระเบียบมาก หัฏฐ์พยายามบอกให้ลงไปคุยกันที่ล็อบบี้ แต่เธอไม่สนใจกลับแกล้งสะดุดขาตัวเองล้มเพื่อฉุดให้หัฏฐ์ล้มลงไปด้วย เขาตกใจพยายามดันตัวออกตำหนิว่าเธอไม่ควรทำแบบนี้

“พี่หัฏฐ์คะ ลดาจริงใจกับพี่หัฏฐ์นะคะ”

“ขอโทษนะ ผมไม่เคยคิดอะไรกับคุณลดา”

ลดามณีเจ็บปวดผิดหวังแต่ยังยื้อกอดเขาไว้ ทันใดมีเสียงเคาะประตู หัฏฐ์ฉวยโอกาสผละตัวออกพุ่งไปเปิดประตู ชินานางเดินเข้ามา ลดามณีตกใจถามเอาพี่เลี้ยงเด็กมาด้วยทำไม เขาคว้ามือชินานางมากุมทันทีบอกเธอไม่ใช่พี่เลี้ยงเด็ก แล้วจูงมือมานั่งที่โซฟา ลดามณีโวย

“พี่หัฏฐ์จับมือมันทำไมคะ แล้วให้มันเข้ามาทำไม”

“คุณลดาบอกว่ามีเรื่องปุ๊กกี้จะมาปรึกษา ผมก็อยากให้คุณช้างนั่งฟังด้วย เพราะ...เราก็เหมือนคนคนเดียวกัน” ชินานางตาโพลง หัฏฐ์รีบบอก “ไม่ต้องอายนะ” ลดามณีแว้ดหมายความว่าอย่างไร “ผมอยากให้คุณช้างฟังด้วย เพราะผมไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดเรื่องผมกับคุณ เธอยิ่งขี้หึงอยู่...ที่สุดเลย”

ชินานางร้องฮ้า! หัฏฐ์โอบกอดบอกเธอนั่นแหละที่ขี้หึง ลดามณีลุกยืนถามทั้งสองเป็นแฟนกันหรือ หัฏฐ์รับว่าใช่ ชินานางหันมองตาเหลือก หัฏฐ์ย้ำ “ผมกับคุณช้างเป็นแฟนกัน แต่เรื่องของผมช่างมันเถอะครับ คุยเรื่องของปุ๊กกี้ดีกว่า เชิญคุณลดานั่งก่อนครับ”

ลดามณีรู้สึกเสียหน้ามาก โกรธบอกไม่มีอะไรจะคุย แล้วคว้ากระเป๋ากลับออกไป...ชินานางโวยหัฏฐ์ทันทีทำไมพูดแบบนั้นตนเสียหาย เขาหัวเราะแหะๆโทษเธอที่มาช้าทำให้ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร เธอทุบแขนเขาอั๊กๆ เขายิ่งกระเซ้าไหนว่าไม่ขี้หึง เธอยิ่งของขึ้น เขารีบขอโทษแล้วบอกว่าแหย่เล่น ชินานางกระฟัดกระเฟียดเดินกลับห้อง หัฏฐ์มองตามยิ้มมีความสุข

ในขณะที่ลดามณีเดินหงุดหงิดกำลังจะออกจากโรงแรม เจอเสนีย์ก็พาลโกรธ เสนีย์พยายามจะชี้แจงถึงสาเหตุที่ตนหายไปถึงแปดปี แต่เธอไม่ฟังและไม่ยอมให้อภัยทุกคน เขาแปลกใจหมายถึงใครอีก...เสนีย์รีบมาพบกับหัฏฐ์ถามเรื่องราว หัฏฐ์จึงถามกลับว่าเขากับลดามณีมีอะไรกัน เสนีย์ถอนใจยอมรับว่าเราเคยรักกันมากมาก่อน แล้วเล่าถึงความผูกพันที่ผ่านมา จนกระทั่งพ่อป่วยจึงกลับเมืองไทยแล้วลงเรียนกฎหมายต่อไม่ได้กลับไปหาเธออีกเลย

“แล้วทำไมนายต้องเลิกกับเขา”

“ตอนนั้นมีคนมาอ้างว่าเป็นคนของพ่อลดา รู้ว่าเราอยู่ด้วยกันที่เมืองนอก สั่งห้ามไม่ให้เรายุ่งเกี่ยวกับลดาอีก ไม่งั้นจะจับลดาแต่งงานกับคนอื่น...ตอนนั้นเราไม่อยากรั้งเขาไว้กับคนที่ไม่มีอะไรคู่ควรอย่างเรา เราหยิ่งเกินกว่าจะถูกเรียกว่าหนูตกถังข้าวสาร”

หัฏฐ์สงสัยที่บ้านเสนีย์ก็ไม่ได้ยากจน แต่เขากลับคิดว่าไม่ได้รวยเท่าลดามณี ตอนนี้เขาอยากอธิบายให้เธอฟังไม่อยากติดค้างไปตลอดชีวิต หัฏฐ์พยักหน้าเข้าใจเพื่อน

ด้วยความโกรธ ลดามณีกลับมาบอกชลีกรว่าจะขึ้นเป็นพยานฝ่ายเธอ ชลีกรดีใจมาก จากที่น้ำเสียงไม่พอใจที่เธอกลับมาก็เปลี่ยนท่าทีเอาอกเอาใจทันที

ด้านพร้อมพรโดนชลีกรสั่งลูกน้องเผาบ้าน ทำให้เธอกับแม่และน้องตกระกำลำบากต้องนอนริมถนน น้องสาวต่อว่าเพราะเธอไม่เชื่อแม่ไปยุ่งเกี่ยวกับชลีกร

หัฏฐ์กลับมาเล่าให้หทัยฟังว่าบุญเรือนยินดีมาเป็นพยานให้ เธอเล่าว่าปุ๊กกี้ถูกชลีกรกีดกันไม่ให้เข้าพบภาวนา แต่ไม่รู้ว่าโดนทำอะไรรุนแรงบ้างเพราะเธอถูกไล่ออกมาก่อน...

ที่บ้านพักพิง จูนช่วยเหลือเด็กที่โดนพ่อทำร้ายมาอีกหนึ่งคน ระหว่างทำแผลให้เด็ก พ่อเด็กมาโวยวายจะเอาตัวเด็กกลับ ถึงขนาดคว้าเก้าอี้จะฟาดจูน จิรัชเห็นรีบวิ่งเข้ามาขวางจึงโดนฟาดเข้าเต็มเปาสลบไป...จูนตกใจมากนั่งเฝ้าจิรัชในห้องพยาบาล กังวลว่าเขาจะไม่ฟื้น

กลางดึกจิรัชฟื้นขึ้นมาเห็นจูนฟุบหลับกุมมือเขาอยู่ข้างเตียงก็ยิ้มปลื้ม สักพักเธอตื่นขึ้นมาเห็นเขามองก็ดีใจที่เขาไม่เป็นอะไรแล้ว จิรัชเป็นห่วงเห็นว่าดึกมากจึงบอกให้เธอกลับบ้าน

“ไม่ต้องมาไล่หรอก งั้นฉันขอดูแลให้นายทาน อาหารให้เรียบร้อย ทานยาให้เสร็จฉันถึงจะยอมกลับ”

จิรัชยิ้มขอบคุณและรู้สึกดีๆกับเธอมากขึ้น...จูนกลับเข้าบ้าน เสนีย์ถามทำไมกลับดึก เธอเล่าเรื่องเพื่อนที่ศูนย์โดนทำร้าย เสนีย์จึงถามว่าเด็กที่มีอาการหวาดกลัวเซื่องซึมส่วนใหญ่จะมาจากสาเหตุอะไร จูนตอบว่าส่วนใหญ่มาจากโดนทำร้ายข่มขู่ เสนีย์จึงขอให้เธอไปให้การในศาล

ooooooo

เช้าวันใหม่ชลีกรบอกสาวิตรว่าจะต้องรีบไปพบยิ่งยศเพราะได้พยานมาอีกคน เขาแย็บหวังว่าจะได้เรื่องกว่าชมพูนุช ชลีกรยิ้มอย่างหมายมั่นว่าคนนี้จะช่วยแฉให้ฝ่ายหัฏฐ์เละไปเลย

แต่แล้วชมพูนุชกลับมาหาเสนีย์ที่สำนักงาน ขอขึ้นเป็นพยานฝ่ายเขาบอกมีข้อมูลลับของชลีกรมาแฉ ที่จะทำให้หัฏฐ์ได้เปรียบทันที...เสนีย์มาบอกหัฏฐ์ที่บ้านและซักซ้อมกับปุ๊กกี้ไปด้วย ปุ๊กกี้ยังคงกอดดวงใจท่าทางหวาดกลัวไม่ยอมพูด นึกถึงความกราดเกรี้ยวของชลีกรที่มาข่มขู่ที่โรงเรียน ลูกหมีซึ่งนั่งเป็นเพื่อนตอบแทน ชินานางจึงเสนอให้ลองให้ลูกหมีเป็นคนถามคำถามปุ๊กกี้ ลูกหมีบอก
ทุกคนอย่าบังคับปุ๊กกี้ จะทำให้ปุ๊กกี้ร้องไห้ ผู้ใหญ่ทุกคนอึ้ง

เสนีย์เห็นว่าปุ๊กกี้ยังไม่พร้อมจึงคิดว่าครั้งนี้มีบุญเรือนเป็นพยานคนเดียวน่าจะมีผลดีกว่า ทนายสุวัฒน์จะให้คนรับบุญเรือนมาส่งให้ถึงมือ กว่าทางโน้นจะเห็นรายชื่อพยานเพิ่มเติม เธอก็มาอยู่กับเราเรียบร้อยแล้ว...

หัฏฐ์เดินออกมาส่งเสนีย์ เห็นปุ๊กกี้เล่นอยู่กับลูกหมี จึงเดินเข้ามายืนข้างชินานาง เธอเปรยว่าเราไม่ควรกดดันเด็กมากเกินไป หัฏฐ์จึงคิดว่าจะไม่เอาปุ๊กกี้ขึ้นเป็นพยาน

ลูกหมีพยายามชวนปุ๊กกี้พูดคุยแต่ก็ตอบเป็นคำๆ นึกได้ว่าบัวเคยพาไปให้อาหารลูกสุนัขแถวเขตก่อสร้างในหมู่บ้าน จึงพาปุ๊กกี้ไปดู หัฏฐ์กับชินานางคุยกันไม่ทันมอง พอจะเรียกเด็กๆไปกินขนมก็ไม่เห็น ในบ้านก็ไม่มีเกรงจะออกไปเล่นข้างนอก จึงรีบไปตามหา

ลูกหมีจูงปุ๊กกี้มาที่เขตก่อสร้าง เห็นลูกสุนัขวิ่งเล่น ปุ๊กกี้ยิ้มชอบใจเข้าไปเล่นกับลูกสุนัข อยากเอากลับไปเลี้ยงที่บ้าน แต่ลูกหมีบอกว่ามันมีแม่ที่หวงมันมากๆปุ๊กกี้เศร้าลงทันที

“แม่มันคงรักลูกมันเนอะ”

“รักสิ แม่ที่ไหนก็รักลูกทั้งนั้นแหละ”

“แล้วถ้าไม่ใช่ลูกมันล่ะ จะรักไหม” ลูกหมีบอกคงรัก แต่ปุ๊กกี้ส่ายหน้าจะร้องไห้ “ไม่รักหรอก ถ้าเป็นลูกตัวอื่นมันต้องกัดให้ตาย กัดให้ตาย...” ปุ๊กกี้คิดถึงความโหดร้ายของชลีกรแล้วร้องไห้ออกมา “ปุ๊กกี้ไม่ใช่ลูก ป้าลีไม่รักปุ๊กกี้ ป้าลีตีปุ๊กกี้ ปุ๊กกี้ไม่อยากอยู่กับป้าลี”

“ก็อยู่กับป้าหทัยกับน้าหัฏฐ์สิ”

“ไม่ได้ ถ้าปุ๊กกี้พูด ป้าลีจะฆ่าปุ๊กกี้ เหมือนที่ฆ่า... คุณย่า” ปุ๊กกี้สะอื้น

ลูกหมีตกใจให้ปุ๊กกี้ไปบอกหัฏฐ์ แต่ปุ๊กกี้สะบัดมือออกไม่ไป หันมา...เจอคนงานก่อสร้างหน้าตาน่ากลัว ก็ตกใจถอยกรูดมาเกาะกับลูกหมี เด็กทั้งสองหวาดกลัว

หัฏฐ์กับชินานางกลับมาที่บ้านช่วยกันหาพร้อมชนนี บัวและส้มทั้งสองบ้าน ชินานางเอ่ยขึ้นหวังว่าเด็กๆ คงไม่ไปเล่นแถวที่ก่อสร้าง บัวนึกได้ว่าที่นั่นมีลูกสุนัขน่ารัก ทุกคนตกใจจะรีบไปตามเด็กๆที่นั่น ไม่ทันออกประตูบ้าน คนงานก่อสร้างจูงมือลูกหมีกับปุ๊กกี้เข้ามาส่งให้

“หลานคุณย่าไปเล่นกับหมา ผมกลัวแม่หมามันจะกัดเลยพามาส่งครับ”

หัฏฐ์ยกมือไหว้ขอบคุณ คนงานย้ำกับเด็กทั้งสองว่าอย่าไปเล่นที่นั่นอีก เศษหินเศษดินอาจตกมาใส่หัวได้ ชนนีจึงให้บัวไปแบ่งขนมฝากให้ลูกเขา ชินานางกระซิบขำๆกับหัฏฐ์

“โชคดีนะที่มีย่าเป็นคนกว้างขวาง รู้จักทั้งหมู่บ้าน”

ooooooo

พอชลีกรรู้ว่าบุญเรือนเป็นพยานให้ฝ่ายหัฏฐ์ก็เผลอโวยยิ่งยศว่าไม่ได้...หาว่าเธอร้ายมาก ยิ่งยศสงสัยบอกชลีกรเล่าเรื่องบุญเรือนอย่างละเอียดไม่มีกั๊กให้ฟัง เธอเครียดจัดจะเล่าอย่างไรไม่ให้พัวพันถึงตัวเอง ยิ่งยศมองอย่างพิจารณาว่าต้องมีอะไรลึกลับแน่

เมื่อบุญเรือนมาถึงบ้านหัฏฐ์ได้เจอปุ๊กกี้ก็น้ำตาปริ่มโผเข้ากอดกัน ปุ๊กกี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อว่าทิ้งตนไปทำไม “ย่าไม่ได้ทิ้งค่ะ เขาไล่ย่าออก ย่าร้องไห้คิดถึงนายหญิงกับคุณปุ๊กกี้ทุกวัน เป็นห่วงเหลือเกิน”

หัฏฐ์กับหทัยมองอย่างสะเทือนใจ ส้มก็พลอยน้ำตาร่วงด้วยความสงสาร...ด้านลูกหมีชะเง้อมองอยากไปหาปุ๊กกี้ แต่ชินานางห้ามไว้ปล่อยให้ปุ๊กกี้ได้เจอกับคนที่เคยเลี้ยงมา ชนนีข้องใจทำไมบุญเรือนถึงปล่อยให้ปุ๊กกี้มอมแมมผอมแกรนอย่างนั้น ชินานางเล่าว่าแกโดนไล่ออก ลูกหมีโพล่งออกมา “เรื่องทั้งหมดมาจากป้าใจร้ายแหละครับ...”

ชินานางหันมาถามว่าลูกหมีรู้อะไรมา ลูกหมีกัดปากยุกยิกอยากเล่าแต่เล่าไม่ได้เพราะปุ๊กกี้ห้ามไว้...เสนีย์ซักซ้อมถามบุญเรือน ปุ๊กกี้ยังนั่งเกาะแจไม่ยอมห่าง

บุญเรือนเล่าทั้งน้ำตาว่าอยู่ๆชลีกรก็หาคนมาเฝ้าภาวนาและไม่ให้ตนเข้าไปเจอ แถมไล่ตนออกจากบ้าน เสนีย์แย้งว่าทำไมสาวิตรไม่คัดค้านทั้งที่เธอเป็นคนเลี้ยงเขามา บุญเรือนสะอื้น

“ป้าถูกใส่ร้าย...ว่าขโมยของนายหญิงค่ะ”

เสนีย์เริ่มหนักใจ...ในคืนนั้นบุญเรือนได้นอนในห้องปุ๊กกี้หน้าเตียง แต่กลางดึกปุ๊กกี้ก็ลงมานอนซุกตัวข้างๆขอให้บุญเรือนอยู่กับตนที่นี่ตลอดไป แต่บุญเรือนบอกว่าตนต้องดูแลบ้าน ปุ๊กกี้หาว่าไม่รักตนแล้ว บุญเรือนกอดบอกว่ารักมากเหมือนเดิม และตอนนี้ปุ๊กกี้ก็มีหัฏฐ์กับหทัยดูแล ทั้งสองรักหนูมาก ปุ๊กกี้ซุกตัวหวาดกลัว

“แต่ป้าลีจะเอาปุ๊กกี้กลับไป”

“ไม่ต้องกลัวนะคะ ย่าจะช่วย จะไม่ยอมให้ใครเอาตัวปุ๊กกี้กลับไปลงนรกที่บ้านนั้นอีก”...

เช้าวันใหม่ทุกคนเดินขึ้นศาลเข้ามาในห้องพิจารณาคดี บุญเรือนเดินไปคอกพยานอย่างมั่นใจ ชลีกร มองเคืองแค้นชิงชัง เสนีย์ซักถามเรื่องราวที่ผ่านมาตามที่ซักซ้อม แล้วถามว่าชลีกรเคยมาช่วยดูแลปุ๊กกี้บ้างไหม บุญเรือนส่ายหน้า

“ไม่เคยค่ะ เธอดูแลแต่ลูกของตัวเอง เวลาคุณปุ๊กกี้โดนรังแก ก็เข้าข้างแต่ลูกของตัวเอง”

ยิ่งยศค้านว่าไม่มีหลักฐานพิสูจน์ เสนีย์จึงถามใหม่ ว่าเคยเห็นชลีกรดูแลเรื่องอาหารและซื้อของให้ปุ๊กกี้ อบรมสั่งสอนด้วยความเมตตาหรือสนทนาอย่างสนิทสนมอย่างที่ทำกับบุตรตัวเองไหม บุญเรือนตอบว่าตั้งแต่ภาวนาล้มป่วยตนไม่เคยเห็นเลย

ในขณะที่ทุกคนมาศาล ป้อม แป้งและเปเป้ลูกๆ ของสาวิตรกับชลีกรก็อาละวาดมีนิสัยเหมือนแม่ เอาชนะทะเลาะกันเองยกใหญ่ จนน้ำไม่รู้จะห้ามปรามอย่างไรดี...

ยิ่งยศขึ้นซักค้านบุญเรือน ต้อนจนเธอพูดไม่ถูกอย่างที่ซักซ้อมมา กลายเป็นที่น่าสงสัยว่าเครื่องเพชรของภาวนาจะมาอยู่ในห้องเธอได้อย่างไร ในเมื่อคนที่รู้รหัสเซฟนอกจากภาวนาแล้วก็มีเธอกับสาวิตรเท่านั้น บุญเรือนถูกป้อนคำถามให้ต้องตอบว่าปรักปรำชลีกรเป็นคนกลั่นแกล้ง

จูนเป็นลำดับต่อไปที่ขึ้นเป็นพยานอธิบายถึงลักษณะของเด็กที่ถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกายจนจิตใจหวาดผวา กลัวคนไปหมดซึ่งเหมือนอาการของปุ๊กกี้ ยิ่งยศซักค้านให้ดูว่าอาการของปุ๊กกี้เกิดขึ้นหลังจากมาอยู่กับหัฏฐ์และหทัยแล้ว

ชลีกรหัวเราะสะใจ สมน้ำหน้าทุกคนที่หน้าหงายกันหมด สาวิตรไม่เห็นด้วยที่ซ้ำเติมบุญเรือนเพราะอย่างไรเสียก็เป็นคนเลี้ยงตนมา ชลีกรแว้ดแล้วทีบุญเรือนมาให้การว่าตนเสียๆหายๆ ทำไมไม่เดือดร้อนบ้าง ยิ่งยศปรามอย่าเพิ่งทะเลาะกันเอง จะเสียรูปคดี สาวิตรเบื่อหน่ายเรื่องเหล่านี้เหลือเกิน...บุญเรือนเสียใจขอโทษหัฏฐ์กับหทัยที่ทำให้แย่ลง หทัยปลอบว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว จูนเองก็โกรธยิ่งยศมากที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมบิดเบือนความจริง บุญเรือนลาทุกคนกลับสงขลา

ช่วงบ่ายลดามณีมาเป็นพยานฝ่ายชลีกร เสนีย์จับตามองเธอตลอดเวลา ยิ่งยศซักถามว่าทุกครั้งที่เธอมาเยี่ยมปุ๊กกี้ จะเจอผู้ร้องอยู่กับเด็กทุกครั้งไหม เธอตอบว่าหัฏฐ์ไม่ค่อยมีเวลา จะพบปุ๊กกี้อยู่กับสาวใช้เป็นประจำ

“ในเมื่อผู้ร้องไม่ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีความพร้อมในการเลี้ยงดูเด็ก ผู้ร้องเคยแสดงออกให้พยานเห็นหรือไม่ว่าจะขอดูแลเด็กหญิงหวันยิหวาเพื่ออะไร” ยิ่งยศซัก

“เพื่อเงินค่ะ เขาเคยพูดหลังจากเปิดพินัยกรรมว่าจะเป็นคนดูแลเงินของหลานทุกบาททุกสตางค์”

หัฏฐ์อึ้งมองลดามณีที่พูดไม่เป็นความจริง ลดามณีจ้องกลับอย่างท้าทายก่อนจะย้ำว่าปุ๊กกี้เกิดและเติบโตในครอบครัวพิพัฒน์พงษ์บวรก็ควรจะอยู่กับครอบครัวที่มีความพร้อมทุกอย่าง...เสนีย์ขึ้นขอเบิกพยานอีกปาก

ยิ่งยศแย้งว่าไม่มีในรายชื่อแต่ศาลอนุญาต

ลูกน้องเสนีย์พาพร้อมพรเข้ามา ชลีกรตกใจ สาวิตรแปลกใจ...เมื่อสามวันก่อนเสนีย์บอกหัฏฐ์ว่าพร้อมพรติดต่อเข้ามา ยอมเป็นพยานเพราะบ้านไฟไหม้เชื่อว่าเป็นฝีมือชลีกร พร้อมพรพรั่งพรูความร้ายของชลีกรว่าไม่ให้ปุ๊กกี้กินข้าว บางทีก็ขังไว้ในห้องแคบๆน่าสงสารมาก...

พร้อมพรขึ้นนั่งบนคอกพยาน เสนีย์ซัก “ตลอดเวลาที่คุณทำงานอยู่ในบ้านของตระกูลพิพัฒน์พงษ์บวร ได้เคยเห็นผู้ค้านคือนายสาวิตรมีเวลาดูแลเด็กหญิงหวันยิหวาหรือไม่”

“คุณสาวิตรไม่ค่อยมีเวลาค่ะ แทบจะไม่ค่อยเห็นอยู่กับครอบครัวเลยด้วยซ้ำ”

เสนีย์ถามแล้วใครดูแล พร้อมพรตอบว่าพวกสาวใช้ เสนีย์ถามอีกว่าเคยเห็นชลีกรดูแลหลานบ้างไหม เธอบอกว่าชลีกรไม่ค่อยมีเวลาดูแลแม้แต่ลูกตัวเอง ชลีกรฮึดฮัดจะลุกขึ้นโวย สาวิตรดึงไว้ พร้อมพรพูดต่อว่า “เพราะคุณชลีกรต้องดูแลคุณภาวนาที่กำลังป่วยหนักค่ะ”

เสนีย์หน้าเสียรีบถามว่าเคยเห็นชลีกรทำร้ายร่างกายหรือดุปุ๊กกี้หรือไม่ เธอตอบว่าไม่เคย ฝ่ายหัฏฐ์มองหน้ากันเลิ่กลั่ก เสนีย์ให้พร้อมพรช่วยเล่าความสัมพันธ์ของชลีกรกับปุ๊กกี้ให้ฟัง

“คุณชลีกรไม่ค่อยมีเวลา แต่พอว่างก็จะดูแลลูกกับหลานค่ะ เวลาคุณหวันยิหวาดื้อ คุณชลีกรก็จะเตือนค่ะ”

เสนีย์จำต้องตัดจบหมดคำถาม ยิ่งยศยิ้มกริ่ม เดินออกมาซักค้าน เสนีย์เครียดที่กลับตาลปัตร สีหน้า

พร้อมพรยังนิ่งสนิท...เสร็จจากศาลในวันนี้ ชลีกรยิ้มเยาะถากถางใส่หน้าหัฏฐ์ ว่าคราวหน้าทนายเขาจะหาพยานมาเพิ่มอีกไหม ตนอยากขอบคุณที่พยานกี่คนๆก็ให้การเป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตน ลดามณีแทรกให้เปลี่ยนทนายใหม่จะดีกว่า เสนีย์เจ็บปวดและเสียความมั่นใจไปมาก

ชลีกรพาทุกคนมาฉลอง ลดามณีบอกให้เอาปุ๊กกี้กลับมาให้ได้ อยากสมน้ำหน้าคน ยิ่งยศแทรกขอพาคนมาร่วมฉลอง สาวิตรคิดว่าเป็นภรรยาของยิ่งยศ แต่เขาบอกว่าไม่ใช่แล้วชี้ไปที่คนที่เดินเข้ามา สาวิตรตกใจ “นี่คุณรู้ตั้งแต่ต้นแล้วใช่ไหมว่าพร้อมพรจะขึ้นเป็นพยานให้ฝ่ายโน้น”

“แต่กลับพูดเป็นประโยชน์กับฝ่ายเรา พวกนั้นมันอ่อนจริงๆ คุณฉลาดมากทนายยิ่งยศ”

“ถ้าฉลาดสักนิด มันน่าจะรู้ว่าคนอย่างพร้อมพรไม่มีวันจะทรยศคุณลีได้ ไม่มีทาง” พร้อมพรยิ้มให้ชลีกร สีหน้าสะใจมาก

กลับบ้าน หทัยเครียดจนร้องไห้ออกมา หัฏฐ์ปลอบเรายังมีโอกาสอย่าเพิ่งถอดใจ แต่ตัวเขาเองก็หวั่นใจไม่แพ้กัน...คืนนั้นเขานอนไม่หลับกลัวจะแพ้คดี ตัดสินใจกดโทร.หาชินานาง เสียงเธองัวเงียถาม มีอะไร โทร.มาป่านนี้ เขาบอกว่าเขานอนไม่หลับ เธอตาสว่างขึ้นอย่างห่วงใยถามคิดมากหรือ เขาตอบว่านิดหน่อย แต่เธอเย้าคงไม่นิดหน่อยเพราะถึงขนาดนอนไม่หลับ

“ช้างก็นอนไม่ค่อยหลับเหมือนกัน อยากจะมาเจอที่ระเบียงไหม จะได้ไม่ต้องเปลืองค่าโทรศัพท์” หัฏฐ์ดีใจถามได้หรือ เธอบอกอีกห้านาทีเจอกัน สีหน้าเขาร่าเริงขึ้นทันที

ดวงใจพิสุทธิ์

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด