นิยายไทยรัฐ
บ่วงหงส์
พิมพ์ลภัสตั้งท่าจะปรี๊ดเต็มที่ แต่ก็ต้องผิดคาดเมื่อรเมศไม่ได้ซ้ำเติมเธอ แถมออกหน้าปกป้องต่างหาก ลูกค้าจอมหื่นโกรธมาก โวยวายกลบเกลื่อนความผิดตัวเองจนรเมศต้องขู่เสียงเข้ม
“ที่ห้องอาหารนี้มีกล้องวงจรปิดมากกว่าห้าตัว คงพิสูจน์ได้แน่ว่าใครพูดความจริง ถ้าพนักงานผมทำเกินกว่าเหตุ ผมจะไล่ออกทันที แต่ถ้าคุณทำอนาจารพนักงานของผมจริง ผมคงต้องเชิญคุณไปคุยกันที่สถานีตำรวจ”
“วงจรปิดบ้าบออะไรกัน ได้! ไม่รับผิดชอบก็ได้ แต่จำไว้เลยนะ ผมจะไม่มีวันมาเหยียบที่นี่อีก”
แหวจบก็ผละหนี แต่ก็ถูกพิมพ์ลภัสตามไปทวงค่าอาหารหน้าตาย
“เดี๋ยวก่อน...จะรีบไปไหน คุณยังไม่ได้จ่ายค่าอาหารเลย จะจ่ายสดหรือชาร์จจากบิลค่าห้องพักดีคะ”
ลูกค้าจอมหื่นหน้าเสีย ก่อนทำเป็นฮึดฮัดควักเงินจ่ายแบบไม่เต็มใจนัก รเมศมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยแววตานิ่งเฉย มองไม่ออกว่าเห็นด้วยหรือไม่ชอบใจจนพิมพ์ลภัสเริ่มใจไม่ดี
จินตนาโล่งใจมากที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ แต่ก็ไม่วายถูกพัชรีเรียกมาดุเพราะกลัวไม่เข้าเรื่อง
“กล้าได้ทุกอย่าง แล้วเรื่องแบบนี้ทำไมถึงไม่กล้า”
“คุณพัชรีบอกเสมอว่าลูกค้าคือพระราชา เราต้องอดทน ต้องเอาใจเขาเสมอนี่คะ”
พัชรีส่ายหน้าอ่อนใจ “เหลวไหล ทฤษฎีนั่นน่ะใช้เฉพาะกับพระราชาที่มีคุณธรรม ไม่ใช่ฝรั่งกุ๊ยข้างถนนแบบนั้น ทีหลังถ้าเจอแบบนี้อีกต้องรายงานฉันรู้ไหม”
พิมพ์ลภัสได้ที สนับสนุนใหญ่ “ใช่...ทีหลังอย่ามัวแต่อาย เพราะสิ่งที่เธอจะได้คือความเจ็บใจ ทั้งเจ็บใจตัวเองและเจ็บใจไอ้กุ๊ยนั่น คนที่ต้องอายไม่ใช่เธอ ไอ้ฝรั่งลามกนั่นต่างหากที่ต้องอาย”
รเมศที่เงียบอยู่นาน โพล่งขึ้นอย่างอดไม่ได้ “พิมพ์ลภัสพูดถูก ถ้าเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นอีก ทุกคนไม่ต้องกลัว แจ้งผู้จัดการได้ทันที โรงแรมของเรามีนโยบายให้พนักงานปฏิบัติต่อลูกค้าอย่างดีที่สุดก็จริง แต่ถ้าลูกค้าทำไม่ถูกไม่ควร โรงแรมของเราก็พร้อมจะปกป้องพนักงานของเราอย่างดีที่สุดเหมือนกัน”
ท่าทีเห็นด้วยของเขาทำให้พิมพ์ลภัสใจชื้น หันไปสบตาขอความดีความชอบ
“สรุปว่าฉันก็ไม่โดนไล่ออกหรือลงโทษใดๆใช่ไหม”
“ใช่...แต่ถ้ามีครั้งต่อไป ขอความกรุณาช่วยควบคุมอารมณ์แล้วก็แก้ไขปัญหาอย่างมีสติ ผมจะขอบคุณมาก”
บวรทัตมารายงาน หลังจากนั้นเรื่องลูกค้าจอมหื่นเช็กเอาต์จากโรงแรมพร้อมความอับอาย รเมศเบาใจมากที่ไม่ต้องวุ่นวายอีก เช่นเดียวกับขนิษฐาที่ชื่นชมความกล้าหาญของพิมพ์ลภัสอย่างจริงใจ
“ถึงเขาจะช่วยปกป้องเพื่อนร่วมงานก็จริง แต่ก็เกือบทำให้โรงแรมเราโดนฟ้องเพราะพนักงานทำร้ายร่างกายลูกค้านะครับ ขืนไปชมเข้าล่ะก็ ผมเกรงว่าจะเอาใหญ่”
ขนิษฐารู้ทันคนปากแข็ง แกล้งพูดให้คิด “แต่บางครั้งการที่เราต้องพยายามอยู่ฝ่ายเดียวมันก็ทำให้เหนื่อยแล้วก็ท้อนะคะ แล้วถ้าเราเหนื่อยเราท้อ บางทีเราก็อาจจะหมดกำลังใจไปง่ายๆเหมือนกัน”
พูดจบก็ผละไปทำงาน ทิ้งรเมศให้ยืนอึ้ง บวรทัตเห็นด้วยกับขนิษฐาเลยเสริมทิ้งท้ายยิ้มๆ
“ถ้าเป็นผม...ผมจะไม่ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากหรอกครับ รู้สึกยังไงก็พูดไปตรงๆดีกว่า”
ooooooo
วีรกรรมของพิมพ์ลภัสทำให้ใครต่อใครมองเธอแง่ดีขึ้น โดยเฉพาะจินตนาที่รอดเงื้อมือลูกค้าจอมหื่นได้เพราะอดีตนางแบบออกโรงปกป้อง รเมศก็รู้ความจริงข้อนี้ดีและตัดสินใจเขียนข้อความลงโพสอิทแปะไว้ด้านในหนังสือเกี่ยวกับงานบริการที่พิมพ์ลภัสทำตกไว้ในสวนตอนเข้าใจผิดว่าถูกผีหลอกเมื่อหลายวันก่อน
พัชรีได้รับมอบหมายจากรเมศให้คืนหนังสือ
พิมพ์ลภัส เลยถือโอกาสเรียกมาชมเชยเรื่องวีรกรรมเด็ดหลังเลิกงาน “วันนี้เธอทำดีมากนะพิมพ์ลภัส ฉันขอบใจเธอมาก นอกจากเธอจะช่วยเพื่อนแล้ว ยังช่วยไม่ให้โรงแรมต้องเสียเงิน เสียชื่อเสียง ถึงการกระทำของเธอมันจะดูห่ามเกินไปหน่อยก็เถอะ เอาเป็นว่าฉันขอชมเชย”
“จะชมทั้งทียังอุตส่าห์รอจนคนกลับไปหมดแล้วนะคะ”
“จะชมต่อหน้าหรือลับหลังใครมันไม่สำคัญ มันอยู่ที่ใจเรามากกว่า เรารู้ดีที่สุดว่าเราทำอะไร เมื่อก่อนฉันเคยดูถูกเธอ แต่ความจริงแล้วคนอย่างเธอคิดจะทำดีก็ทำได้เหมือนกัน”
“ถ้างั้นขอเปลี่ยนจากคำชมเป็นเงินที่จะจ่ายเป็นค่าอาหารกับค่าซักรีดให้อีตาฝรั่งกุ๊ยนั่นแทนได้ไหม”
“นึกแล้ว...ชมยังไม่ทันถึงห้านาที ดียังไม่ทันข้ามวันเลยนะ ดีแตกซะแล้ว คนอย่างเธอต้องดูกันไปยาวจริงๆ”
รเมศคอยดูอยู่แล้วและแอบตามมาส่งพิมพ์ลภัสกลับหอพักเหมือนเคย แต่ก็ถูกอภิชาติที่เป็นห่วงอดีตนางแบบเช่นกันตัดหน้า เลยต้องหมุนตัวกลับเซ็งๆ หึงจัดเพราะโอกาสไม่เป็นใจสักที!
คำชื่นชมจากคนรอบข้างทำให้พิมพ์ลภัสรู้สึกดี ภูมิใจมากที่ได้ทำเพื่อคนอื่นบ้าง และข้อความให้กำลังใจบนแผ่นโพสอิทที่มากับหนังสือที่ได้รับจากพัชรีก็ทำให้ยิ้มกว้าง
“The beginning is always the hardest. Don’t give up.”
พิมพ์ลภัสเปิดดูผ่านๆ ก่อนจะวางลงเพื่อเข้านอน แต่ในใจก็แอบทึ่ง เข้าใจเองว่าอภิชาติเป็นคนเขียนข้อความให้กำลังใจการเริ่มต้นงานบริการของเธอ...ว่าถึงจะเป็นเรื่องยากที่สุด แต่เธอก็จะไม่ยอมแพ้แน่นอน
พิมพ์ลภัสหลับฝันดีตลอดคืน ต่างจากรเมศที่งุ่นง่านเพราะหึงพิมพ์ลภัสกับอภิชาติ และสีหนาทเพื่อนสนิท หุ้นส่วนอีกครึ่งของโรงแรมจารวีและญาติหนุ่มของขนิษฐาก็เหมือนจะรู้ โทร.มาหยั่งเชิงแต่เช้าของวันต่อมา
รเมศทำไขสือ แหวกลบเกลื่อนให้เพื่อนรักห่วงนาราหรือหนูนาแฟนสาวของเขามากกว่า
สีหนาทยิ้มกว้าง แซวกลับ “จำไม่ได้เหรอ...เมื่อก่อนแกเคยถูกเพื่อนสาววายแซวว่าเป็นเมียฉัน แหม...เดี๋ยวนี้เมียเป็นข่าวกับสาวๆคนโน้นคนนี้ ผัวเห็นข่าวเมียในหน้าบันเทิงบ่อยกว่าหน้าเศรษฐกิจอีก”
“ไอ้สิงห์! ถ้าเรียกฉันว่าเมียอีกคำเดียว เจอหน้ากันคราวหน้าฉันต่อยแกคว่ำต่อหน้าหนูนาแน่”
“เออๆ ขอโทษ...แล้วตกลงทั้งหมดที่เป็นข่าวมีตัวจริงบ้างไหมวะ”
“ไม่มี...นักข่าวก็นั่งเทียนเขียนทั้งนั้นแหละ”
“รวมถึงนางแบบที่ชื่อพิมพ์ลภัสด้วยเหรอวะ ได้ยินว่าตอนนี้หายหน้าหายตาจากวงการ ไม่รู้ใครเอามาเก็บไว้”
“ลืมไป...แกวางสายไว้ที่โรงแรมเยอะ”
“แกยังปากหนัก ปากไม่ตรงกับใจ ทำให้เรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากอยู่หรือเปล่า”
รเมศถึงกับพูดไม่ออก คำพูดของเพื่อนรักแทงใจดำอย่างแรง สีหนาทเลยถือโอกาสแนะนำ
“จะบอกให้นะไอ้เมศ แกอยากทำอะไรก็ทำสิ อยากใกล้ชิดก็ไปหา อยากคุยด้วยก็คุยดีๆ อย่าเอาแต่ดุด่าเขา แกเป็นเจ้าของโรงแรม เป็นเจ้านาย เป็นเจ้าหนี้ด้วย แกอยากทำอะไรก็ทำได้อยู่แล้ว ไม่รู้จะคิดมากไปทำไม”
“เหมือนที่แกใช้ตำแหน่งหน้าที่เอาหนูนามาไว้ใกล้ตัวใช่ไหม”
“แกก็เอาอย่างฉันสิ หัดใช้หัวใจนำหน้าเหตุผลบ้าง...”
ooooooo
นอกจากวีรกรรมของพิมพ์ลภัสจะทำให้เพื่อนร่วมงานยอมรับในตัวเธอมากขึ้นแล้ว บรรดาหัวหน้างานทั้งพัชรีและนงนุชก็พลอยโล่งใจขึ้นด้วย รเมศเลยตัดสินใจให้เธอทำตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟเหมือนเดิม
และเพื่อพิสูจน์คำแนะนำของสีหนาทเพื่อนรัก รเมศเลยลงไปดูการทำงานของพิมพ์ลภัสถึงห้องอาหาร พัชรีเรียกให้อดีตนางแบบไปบริการ เพราะเจ้านายหนุ่มจงใจเลือกนั่งในโซนของเธอ พิมพ์ลภัสอิดออดแต่สุดท้ายก็เดินไปยื่นเมนูให้เขาเลือกอาหารแบบเสียไม่ได้ รเมศเลยแกล้งถามถึงเมนูแนะนำและความเห็นของเธอ
“รสชาติเป็นยังไง แล้ว...คุณชอบไหม”
พิมพ์ลภัสผงะ ก่อนจะตอบตามที่คิด “ก็ชอบค่ะ เพิ่งเคยได้กินเป็นครั้งแรก”
“งั้นก็เอาอันนี้แหละ แล้วก็เอายำพริกหยวกไข่ต้มยางมะตูม”
“มันเผ็ดนะคะ คุณกินเผ็ดได้ใช่ไหม”
รเมศตาเป็นประกาย ย้อนถาม “เป็นห่วงเหรอ”
“ฉันก็ห่วงแขกทุกคนนั่นแหละค่ะ เกิดท้องไส้ผิดสำแดงขึ้นมา เดี๋ยวมาโทษว่าฉันไม่เตือนก่อนอีก!”
ท่าทางเขินๆของเธอทำให้รเมศชอบใจ พิมพ์ลภัสเห็นแววตารู้ทันก็รวนกลบเกลื่อน บอกให้เขาสั่งของหวานเลยทีเดียว พัชรีเห็นท่าทางอดีตนางแบบฮึดฮัดเลยเดินมาดู รเมศเลยแกล้งฟ้อง
“ทุกอย่างเกือบจะเรียบร้อยครับ ถ้าพิมพ์ลภัสไม่บอกให้ผมสั่งอาหารกับของหวานไปเลยทีเดียว”
พัชรีหันไปส่งสายตาดุทันที พิมพ์ลภัสเลยต้องรีบแก้ตัว
“ฉันแค่หวังดี สั่งทีเดียวจะได้ไม่ต้องรอนานไง ไม่ได้ขี้เกียจซะหน่อย”
“ไม่ได้ขี้เกียจ แต่กลัวที่ต้องเผชิญหน้าใช่ไหม”
“ไม่ได้กลัว! แค่อึดอัด...ก็คุณตั้งใจมาจับผิดฉันนี่!”
พิมพ์ลภัสแหวเสียงเขียวแบบลืมตัว พัชรีเลยไล่ไปส่งออเดอร์ในครัว รเมศได้แต่มองตามเซ็งๆ...ตั้งใจมาพูดดีด้วยแท้ๆแต่ก็จบไม่สวยเหมือนเคย
กว่ามื้ออาหารจะเสร็จสิ้น พิมพ์ลภัสก็ต้องถอนหายใจไม่รู้กี่รอบ แววตายิ้มๆและท่าทางกวนประสาทของรเมศทำให้ระแวง และเมื่อเห็นว่าเขาอิ่มจึงเดินไปเก็บจาน เจ้าของโรงแรมหนุ่มอยากยืดเวลาอยู่กับเธอเลยขอให้เติมน้ำ อดีตนางแบบรู้ดีว่าเขาแกล้งเลยรินแบบกระแทกกระทั้น น้ำเลยล้นหกใส่เสื้อสูทของเขาเต็มๆ!
พัชรีเห็นความวุ่นวายก็ตามมาดู เอ็ดเสียงดังจนพิมพ์ลภัสต้องขอโทษยกใหญ่ รเมศเห็นท่าทางจ๋อยๆก็นึกสงสาร แต่ก็ฟอร์มจัด ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อน
“จะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ คุณก็ต้องรับผิดชอบ ตามผมไปที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้!”
ooooooo
ระหว่างที่รเมศหาทางทำโทษพิมพ์ลภัส มาธวีก็โดนกดดันอย่างหนักจากสมานเสี่ยจอมหื่นที่อยากได้พิมพ์ลภัสเป็นเมียน้อย ม่ายสาวเจ้าของห้องเสื้อมาร์ธาเหนื่อยใจมาก ก่อนจะตาเป็นประกายเมื่อเสี่ยจอมหื่นเสนอเพิ่มค่าจ้างให้เป็นพิเศษถึงหนึ่งล้านบาทหากหาตัวพิมพ์ลภัสพบ
มาธวีอยากได้เงินมากแต่ก็จนใจจะตามหาตัวอดีตลูกเลี้ยง พลันก็เหมือนโชคช่วย เมื่อจู่ๆหนึ่งในลูกค้าประจำห้องเสื้อของเธอก็โผล่มาพร้อมภาพถ่ายของ
พิมพ์ลภัสในชุดพนักงานเสิร์ฟของโรงแรมจารวี!
พิมพ์ลภัสไม่สำเหนียกถึงอันตรายจากอดีตแม่เลี้ยงที่เตรียมมาหาเรื่องถึงเชียงราย มัวหัวเสียเพราะถูกรเมศลากตัวไปดูเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องทำงาน รเมศแกล้งเดินไปเดินมาแต่ไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อจนเธอต้องโวย
“ว้าย! แล้วทำไมยังไม่ใส่เสื้ออีก”
“เสื้อที่สำรองไว้ที่นี่ส่งซักหมดพอดี”
“ฉันไปเอาตัวใหม่ให้”
“ไม่ต้อง...เดี๋ยวผมให้คุณบวรทัตจัดการให้ ส่วนคุณ...เอาสูทกับเสื้อไปแผนกซักรีด รีดให้ดีๆแล้วเอากลับมาคืนผม ที่สำคัญคือคุณต้องทำเองทั้งหมด อย่าให้ผมรู้ว่าไปใช้ใครทำให้นะ”
พิมพ์ลภัสหน้าเสีย ก่อนจะบอกเสียงห้วน “ฉันทำไม่เป็น!”
“ก็หัดทำซะ มีปากก็ถามเขาว่าทำยังไง คนอื่นมีงานต้องทำ มานั่งช่วยคุณแก้ปัญหาไม่ได้ตลอดหรอกนะ หรือจะให้ผมลงโทษคุณด้วยวิธีอื่น...อย่างเช่น...หักเงินเดือน”
“อย่าหักนะ ฉันจะพยายามทำ”
รเมศชอบใจมากที่ปราบพยศอดีตนางแบบได้ พิมพ์ลภัสได้แต่กลอกตาเซ็งๆ แต่ก็ยอมเดินไปห้องซักรีดเพราะไม่อยากโดนหักเงินเดือน เหล่าพนักงานซักรีดเห็นหน้าอดีตนางแบบก็เริ่มผวา กลัวจะมีเรื่อง ก่อนจะได้มองหน้ากันงงๆเมื่อพิมพ์ลภัสบอกว่าจะขอเอาเสื้อของรเมศมาซัก
“เดี๋ยวฉันทำเองค่ะ พวกคุณคงงานล้นมือแล้ว”
“แล้วเธอไม่ไปทำงานของเธอหรือไง มาทำงานอื่นแบบนี้ งานตัวเองก็เสียหมด เอาเปรียบพนักงานคนอื่นด้วย”
“คุณพัชรีอนุญาตแล้วค่ะ จริงๆก็เพราะฉันซุ่มซ่ามทำน้ำหกใส่คุณรเมศก็เลยต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง”
“หัดระมัดระวังให้มากกว่านี้สิ ยังดีที่เป็นคุณเมศ ถ้าเป็นแขก เธอโดนมากกว่านี้อีก พอๆ...ฉันไม่ใช่หัวหน้าโดยตรงของเธอ ไม่อยากจะบ่นอะไรมาก ที่บ่นนี่ก็หวังดีหรอกนะ จะทำอะไรก็ไปทำเถอะ”
พนักงานซักรีดทำท่าจะผละไปทำงานของตน พิมพ์ลภัสคิดนิดเดียวก่อนจะขอให้สอนซักรีดเสื้อ เหล่าพนักงานได้ยินก็ถึงกับอึ้ง แต่ก็ใจไม่แข็งพอจะปล่อยให้อดีตนางแบบซักรีดผ้าเองตามลำพัง
พิมพ์ลภัสพยายามสุดความสามารถ จนพนักงานซักรีดที่ช่วยสอนบอกว่าพอใช้ได้จึงนำไปคืนรเมศ
“ฉันทำดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าคุณไม่พอใจ เดี๋ยวฉันส่งซักแห้งให้ก็ได้”
รเมศมองฝีมืออดีตนางแบบอย่างละเอียดลออ พอใจที่เธอทำด้วยตัวเอง “ไม่ต้อง...ผมแค่อยากให้คุณรับผิดชอบสิ่งที่คุณทำ ถึงมันจะไม่เรียบร้อยเท่าไหร่แต่ก็ถือว่าใช้ได้สำหรับคนเพิ่งเคยรีดผ้าเป็นครั้งแรก”
“ฉันรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว ขอกลับไปทำงานต่อก่อนนะคะ”
พิมพ์ลภัสจะผละไป รเมศอยากอยู่กับเธอต่อเลยพยายามยื้อไว้อีกครั้ง
“ช่วยผมใส่เสื้อหน่อยสิ”
“เอ่อ...ฉันว่าอันนี้ฉันไม่ต้องรับผิดชอบนะ ในเมื่อคุณเป็นคนถอดเอง”
“แต่คุณเป็นคนทำให้ผมต้องถอด ถ้าคุณรู้จักควบคุมอารมณ์และระมัดระวังมากกว่านี้ ผมก็ไม่ต้องเปียก แล้วคุณก็ไม่ต้องมายืนอยู่ตรงนี้ เอาเป็นว่านี่เป็นบทลงโทษที่คุณซุ่มซ่าม ไม่มีน้ำอดน้ำทนแล้วกัน”
เหตุผลของรเมศทำเอาพิมพ์ลภัสพูดไม่ออก ยอมขยับไปสวมเสื้อให้แต่โดยดี พลันบรรยากาศรอบตัวก็คลายความตึงเครียด กลายเป็นความอ่อนหวานที่ทำให้หัวใจเต้นแรง ก่อนที่ทุกอย่างจะสูญสลายเพราะโทรศัพท์ของรเมศที่แผดเสียงลั่นทำให้ทั้งสองตื่นจากภวังค์...
ooooooo
มาธวีนั่นเองที่โทร.ขัดจังหวะ พิมพ์ลภัสรีบใส่เสื้อให้จนเสร็จแล้วผละไปทำงาน รเมศได้แต่มองตามด้วยความเสียดาย ก่อนจะรวบรวมสติแตกกระเจิงรับสายม่ายสาวเจ้าของห้องเสื้อ มาธวีไม่รอช้าขอไปเตรียมงานล่วงหน้าที่เชียงราย รเมศแปลกใจที่อีกฝ่ายอยากมาเร็วแต่ก็ตอบรับโดยดีเพราะเห็นว่าเป็นงาน
ขนิษฐาทราบเรื่องจากบวรทัตที่ต้องจัดเตรียมห้องพักและรถรับส่งจากสนามบินให้ทีมงานของมาธวี อดไม่ได้จะเข้าไปคุยกับรเมศ กลัวพิมพ์ลภัสจะมีเรื่องกับมาธวี
“เธออยากมาเตรียมงานเนิ่นๆ ถ้าคุณน้องไม่ติดอะไร ผมรบกวนมาต้อนรับคุณวีกับผู้ช่วยด้วยได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ แต่น้องว่าคุณเมศควรจะเตือนคุณพิมพ์ล่วงหน้าด้วยนะคะ เดี๋ยวเจอหน้ากันแล้วได้ปะทะเปิดเปิงกันไปหมด ได้ข่าวว่าอดีตแม่เลี้ยง ลูกเลี้ยงคู่นี้เขายิ่งไม่ค่อยลงรอยกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ”
รเมศถอนใจยาว รู้ดีแต่คิดว่าควบคุมได้ “ผมจะหาทางบอกพิมพ์ลภัสแล้วกันนะครับว่าไม่มีสิทธิ์ไปปะทะอะไรกับใครทั้งนั้น ตอนนี้เขาเป็นพนักงานของโรงแรม ส่วนคุณวีเป็นแขกที่เราเชิญมา พิมพ์ลภัสต้องเจียมตัวว่าในฐานะพนักงาน เขาไม่มีสิทธิ์ก้าวร้าวหรือทำกิริยาไม่ดีใส่แขกอย่างเด็ดขาด!”
ขนิษฐาส่ายหน้าอ่อนใจกับความปากแข็งของรเมศ สังหรณ์ใจว่าเรื่องอาจไม่ราบรื่นอย่างที่เขาคิด...
คำเตือนของขนิษฐาทำให้รเมศคิดหนัก ก่อนจะบุกมาหาพิมพ์ลภัสถึงหอพักกลางดึกของวันเดียวกัน อดีตนางแบบหน้าเจื่อน กลัวเขาหาเรื่องลงโทษหรือกวนประสาทเธออีก แต่ก็ยังทำใจสู้โพล่งออกไป
“คุณมีเรื่องอะไรสำคัญเหรอคะ ถึงต้องมาพูดให้ได้ตอนตีหนึ่ง”
“พอดีเห็นว่าพรุ่งนี้คุณหยุด ผมเลยจะมาเตือนคุณไว้ก่อน...คณะของคุณมาธวีจะเดินทางมาพักที่โรงแรมตั้งแต่วันพรุ่งนี้เพื่อเตรียมงานแฟชั่นโชว์ คุณวีเขาอยากมาเตรียมงานตั้งแต่เนิ่นๆ”
พิมพ์ลภัสเบ้ปาก พึมพำแขวะอดีตแม่เลี้ยงที่ชอบสร้างภาพ รเมศได้ยินแว่วๆเลยดุเสียงเข้ม
“อย่ากล่าวหาคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองก็เป็นอย่างนั้นสิพิมพ์ลภัส”
“ฉันเป็นแบบนั้นเมื่อไหร่กัน!”
“ต้องให้ผมบอกอีกเหรอว่าคุณเคยสร้างภาพต่อหน้าผมยังไง ตอนไหน”
พิมพ์ลภัสหน้าตึง “เอาเป็นว่า...ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาเตือน”
“ไม่ต้องขอบคุณผม ผมก็แค่กลัวว่าคุณสร้างปัญหาอีก จำไว้นะพิมพ์ลภัส...ตอนนี้คุณเป็นพนักงานของโรงแรม คุณต้องให้ความเคารพและให้ความสะดวกกับแขก ถึงแม้แขกคนนั้นจะเป็นอดีตแม่เลี้ยงที่คุณไม่ชอบหน้าก็เถอะ”
ถ้อยคำตอกย้ำสถานะตกต่ำทำให้พิมพ์ลภัสต้องกลั้นน้ำตาแทบแย่ ก่อนจะทำเสียงแข็งกลบเกลื่อน
“ฉันจำได้ค่ะว่าตอนนี้ฉันเป็นใคร ทำอะไรอยู่ ฉันจะพยายามเคารพและให้ความสะดวกแก่แขกเท่าที่ฉันเห็นสมควร แต่คุณก็ควรเตือนแขกพิเศษของคุณด้วยว่าแขกที่ดีควรทำตัวยังไง เพราะถ้าเขาหาเรื่องฉัน ฉันไม่อยู่เฉยแน่!”
พิมพ์ลภัสสะบัดหน้าจากไปแล้ว ทิ้งรเมศให้มองตามด้วยความรู้สึกผิดที่ไม่เคยพูดดีๆกับเธอได้เลย เมื่อสีหนาทรู้เรื่องวีรกรรมปากไม่ตรงกับใจของเพื่อนรัก ก็อดไม่ได้จะปลอบและให้กำลังใจ
“วันนี้ไม่ดี วันหน้าก็ทำให้ดีกว่าวันนี้ เรื่องความรักมันต้องใจเย็นๆ”
“ทำอย่างกับแกใจเย็นนักนี่”
“ความรักของใครก็ของมันสิวะ วิธีการมันแตกต่างกันไปอยู่แล้ว แกก็น่าจะรู้ดีว่าคนของแกนิสัยเป็นยังไง ในเมื่อแกเชื่อมั่นที่จะอดทนรอ แกก็ต้องใจเย็น ค่อยๆเป็นค่อยๆไป”
ooooooo
พิมพ์ลภัสนอนหลับสนิทถึงเช้าเพราะเจอศึกหนักทั้งวัน กานดาไม่อยากปลุกเพราะเข้าใจความลำบากของอดีตนางแบบดี แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ต้องปลุกมาเคลียร์เรื่องเสื้อผ้าใช้แล้วที่อีกฝ่ายใส่เปลืองเหลือเกิน
“ถ้าเธอยังใส่เสื้อผ้าเปลืองแบบนี้ ฉันจะไม่ซักให้แล้ว เอาของเธอคืนไปเลย”
“โอเคๆ ฉันสัญญาต่อไปนี้จะใส่ชุดนอนซ้ำ ชุดทำงานก็จะใส่อย่างดี ไม่ให้เปื้อนมาก เธอจะได้เหนื่อยน้อยลง”
“ถ้าอยากให้ฉันเหนื่อยน้อยลงจริงก็ช่วยเก็บกวาดห้องบ้างสิ เห็นไหมเนี่ยว่ารกขนาดไหน ของของเธอทั้งนั้น”
พูดพลางชี้นิ้วทั่วห้อง พิมพ์ลภัสมองตาม เห็นจริงทุกอย่างแต่ก็ยังเถียงตามประสาคนเอาแต่ใจ
“ไม่ใช่ของฉันคนเดียวสักหน่อย ของเธอก็มี”
“แต่ของฉันเก็บเข้าที่ หรืออย่างน้อยฉันก็วางเป็นที่เป็นทางมากกว่าเธอ ขอร้องล่ะพิมพ์ลภัส ผ้าไม่ซักแล้ว แค่ทำความสะอาดห้องก็น่าจะช่วยกันบ้าง ฉันไม่ใช่คนรับใช้เธอนะ เอาแต่กินแรงกันแบบนี้มันก็ไม่ไหวนะ”
“กินแรงซะที่ไหน ฉันก็ให้ของตอบแทนเธอไง เธออยากได้อะไร เลือกได้นะ แลกกับการที่เธอทำความสะ...”
“พอเลย! ไม่ต้องเอาอะไรมาล่อ ฉันไม่หลงกลเธอแล้ว ชุดนั้นฉันยังไม่ได้ใส่เลย!”
กานดายื่นคำขาด พิมพ์ลภัสเลยยอมผลัดทำความสะอาดห้องคนละสัปดาห์ ชุติมาเห็นกานดายอมให้
พิมพ์ลภัส แถมเอาผ้ามาซักให้อีกต่างหาก ก็อดไม่ได้จะเหน็บ
“พวกเธอดูจะสนิทกับยัยพิมพ์ลภัสนะ”
“อยู่ห้องเดียวกัน ทำงานด้วยกัน สนิทกันก็ไม่เห็นแปลก”
“แต่นิสัยอย่างยัยนั่น ฉันไม่เห็นว่าจะน่าสนิทด้วยตรงไหน”
จินตนาได้ยินเลยแก้ตัวแทนพิมพ์ลภัส “ถึงเขาจะร้ายไปบ้าง แต่จริงๆแล้วก็เป็นคนมีน้ำใจนะ”
ชุติมายักไหล่ไม่เชื่อแม้แต่น้อย “แค่ช่วยเธอจากไอ้ลูกค้าหื่นกาม ยัยพิมพ์ลภัสก็กลายเป็นมีน้ำใจไปแล้ว เธอเปลี่ยนใจง่ายไปไหม ฉันว่ายัยนั่นก็ทำเอาหน้าหรือไม่ก็อยากอวดว่าตัวเองพูดภาษาอังกฤษเก่งแค่นั้นแหละ
เชื่อสิ...ต่อให้พวกเธอดีกับเขามากแค่ไหน เดี๋ยวเขาก็หาเรื่องมาให้พวกเธอปวดหัวอีกจนได้นั่นแหละ!”
พิมพ์ลภัสหาเรื่องปวดหัวให้พวกกานดาได้จริงๆ เมื่อเธอร่ำร้องขอให้พาไปเที่ยวตลาดนัด จินตนากับ
อภิชาติลำบากใจมาก โดยเฉพาะรายแรกเห็นว่าอดีตนางแบบมีบุญคุณก็อยากช่วย แต่ก็กลัวถูกจับได้
พิมพ์ลภัสเห็นทุกคนลังเลเลยพยายามเกลี้ยกล่อม จนในที่สุดเพื่อนทั้งสามก็ต้องยอมเพราะทนถูกตื๊อไม่ไหว
ชุติมาแอบได้ยินพิมพ์ลภัสพูดกับพวกกานดาก็ไปฟ้องวิมล และเมื่อรเมศรู้เรื่องก็ร้อนใจมาก ทั้งห่วงทั้งโกรธสารพัดที่อดีตนางแบบขัดคำสั่งเขาไม่ให้ออกนอกโรงแรม แล้วก็เป็นเรื่องจริงๆเมื่อพิมพ์ลภัสถูกจับตัวระหว่างทาง!
ooooooo
ถนอมนั่นเองตัวการจับตัวพิมพ์ลภัสตามคำสั่งกิตติชัย อภิชาติ กานดาและจินตนาพยายามจะช่วยแต่ก็ถูกเล่นงานเกือบเอาตัวไม่รอด รเมศตามมาจนเจอทั้งสาม กำชับให้โทร.หาบวรทัตเพื่อจัดการเรื่องทุกอย่าง ส่วนตัวเองรุดตามรถของคนร้ายที่ลักพาตัวพิมพ์ลภัส
พิมพ์ลภัสกลัวจับจิต แต่สติและสัญชาตญาณเอาตัวรอดทำให้ตัดสินใจกระโจนลงจากรถ รเมศที่ขับรถตามมาติดๆหัวใจแทบวายเมื่อเห็นร่างของอดีตนางแบบ หักเลี้ยวหลบข้างทางและพุ่งไปประคองร่างเธอทันที!
กานดา จินตนาและอภิชาติที่ขับรถเครื่องตามมาด้วยความเป็นห่วงพิมพ์ลภัส ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นรเมศโอบกอดร่างสั่นเทาของพิมพ์ลภัสอย่างหวงแหน และถ้าพวกเขาตาไม่ฝาดก็เหมือนจะเห็นว่ารเมศจูบขมับพิมพ์ลภัสด้วย
พิมพ์ลภัสและพวกกานดาถูกนำตัวไปตรวจร่างกายและทำแผลที่โรงพยาบาล รเมศเฝ้ารออย่างอดทน จนเมื่อเหล่าพนักงานพบหมอเรียบร้อย จึงไล่ทุกคนกลับก่อน เว้นแค่พิมพ์ลภัสที่เขาลากตัวไปตำหนิเป็นการส่วนตัว
“เห็นไหมว่าการกระทำโง่ๆของคุณ มันทำให้เกิดอะไรตามมาบ้าง!”
“ก็ถ้าคุณไม่ออกกฎบ้าๆนั่น ฉันก็ไม่ต้องทำแบบนี้หรอก คุณทำเหมือนฉันไม่มีหัวใจ ให้ฉันอยู่แต่ในโรงแรม ทำงานใช้หนี้คุณงกๆ ห้ามติดต่อใคร ห้ามออกไปไหน คุณคิดบ้างไหมว่าฉันจะรู้สึกยังไง”
“แล้วคุณคิดบ้างไหมว่าผมรู้สึกยังไง คิดว่าผมจะสามารถเชื่อคำพูดคุณหรือไว้ใจคุณได้อีกเหรอ คุณบอกว่าผมทำเหมือนคุณไม่มีหัวใจ ถ้าคุณมีหัวใจ...คุณคงไม่ทำอย่างนั้นตั้งแต่แรกหรอกพิมพ์”
แววตาตัดพ้อของเขาทำให้พิมพ์ลภัสละอายใจต้องเบือนหน้าหนี รเมศตามไปสบตา ดุเสียงเข้ม
“ผมยังยืนยันคำเดิมว่ากฎก็คือกฎ ตราบใดที่คุณยังใช้หนี้ไม่หมด ผมก็คงให้คุณออกไปจากที่นี่ไม่ได้คุณอาจจะอึดอัด แต่ถ้าคุณคิดให้มากกว่านี้อีกสักนิดคุณจะรู้ว่ากฎของผมก็คอยปกป้องคุณด้วย คุณคิดว่าเจ้านายเก่าจะปล่อยคุณไปง่ายๆหลังจากที่คุณทำงานให้มันไม่สำเร็จเหรอ”
“คุณเป็นห่วงฉันเหรอ”
รเมศอึกอัก “ผมห่วง...ว่าโรงแรมจะขาดทุน แถมถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็จะเสียชื่อเสียงอีก”
พิมพ์ลภัสน้อยใจมาก แหวกลับเสียงเขียว “ไม่ต้องห่วง ต่อให้ฉันถูกนายกิตติชัยฆ่าตาย ฉันก็จะเป็นผีมาทำงานเสิร์ฟใช้หนี้คุณจนกว่าจะครบทุกบาททุกสตางค์เลย...คนหน้าเงิน!”
“คุณมากกว่ามั้งพิมพ์ลภัส ถ้าไม่หน้าเงินก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก ผมหมดเรื่องจะพูดกับคุณแล้ว คุณไปพบคุณวิมลด้วย เขาจะเป็นคนตัดสินความผิดของคุณ”
คำพูดดูถูกของเขาทำให้พิมพ์ลภัสเจ็บจนน้ำตาคลอ แต่ยังทำใจแข็งทิ้งท้าย “สักวัน...วันที่ฉันหมดหนี้สิน หมดเวรกรรม ฉันจะไปให้พ้นจากคนใจร้ายใจดำอย่างคุณ ไปให้พ้นจากที่นี่...แล้วฉันจะไม่กลับมาเหยียบมันอีกเลย!”
ooooooo
รเมศอ่อนใจกับความปากไม่ตรงกับใจของตัวเองมาก ทั้งที่ร้อนรนและเป็นห่วงพิมพ์ลภัสแท้ๆ แต่ก็ไม่เคยพูดดีด้วยได้เลยนับตั้งแต่เธอต้องมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ...กิตติชัยรู้เรื่องจากถนอมถึงความล้มเหลวของแผนจับตัวพิมพ์ลภัสก็เคืองมาก อาละวาดโวยวายจนอรอุษาต้องปลอบให้ใจเย็นๆ
“เป็นไงล่ะ ฉันเตือนคุณแล้ว ไม่น่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนเลย”
“ใครมันจะไปคิดว่าพิมพ์ลภัสจะสำคัญกับไอ้รเมศถึงขนาดตามมาช่วยด้วยตัวเอง”
“ปกป้องขนาดนี้แสดงว่าพิมพ์ลภัสไม่ใช่แค่พนักงานเสิร์ฟธรรมดาแน่ๆ”
“คุณจะบอกว่าไอ้รเมศมันตกหลุมรักพิมพ์ลภัสงั้นเหรอ”
อรอุษายิ้มร้าย มั่นใจในสัญชาตญาณความเป็นผู้หญิง “มันก็น่าคิดไม่ใช่เหรอคะ และถ้ามันเป็นไปตามที่คิด ถึงนายรเมศจะมีซีดีของคุณ เขาก็คงไม่กล้าส่งให้ตำรวจ ไม่งั้นพิมพ์ลภัสจะมีเอี่ยวไปด้วย...”
มาธวีกับลูกทีมมาถึงโรงแรมจารวีในวันเดียวกัน รเมศเลยต้องพักเรื่องปรับความเข้าใจกับพิมพ์ลภัสและไปต้อนรับตามมารยาทเจ้าของโรงแรมที่ดี ขนิษฐามาร่วมด้วยในฐานะตัวแทนของสีหนาทหุ้นส่วนอีกครึ่งของโรงแรม มาธวีเห็นสาวสวยมาพร้อมรเมศก็เข้าใจผิดคิดว่าเป็นคู่แข่งหัวใจ
ขนิษฐาเห็นสายตาและท่าทางออดอ้อนอย่างมีชั้นเชิงของมาธวีก็รู้ทัน มั่นใจว่าม่ายสาวเจ้าของห้องเสื้อมาร์ธาไม่ธรรมดา และเป้าหมายสำคัญคงหนีไม่พ้นรเมศหุ้นส่วนและเพื่อนของสีหนาทญาติหนุ่มของเธอ
มาธวีระแวง กลัวขนิษฐาจะขัดขวางการสานสัมพันธ์ระหว่างเธอกับรเมศเลยพยายามหาข้อมูล หวังยกตัวเองให้เหนือกว่า ขนิษฐารู้ทันและไม่อยากมีปัญหา รีบออกตัวยิ้มๆว่ามีคู่หมั้นแล้ว
รเมศตามมารยาสาไถยของมาธวีไม่ทัน ตั้งรับทุกอย่างตามมารยาท ขนิษฐาเป็นห่วงกลัวเขาต้องเดือดร้อนโดยไม่รู้ตัว เมื่ออยู่ตามลำพังก็อดไม่ได้จะเตือนด้วยความหวังดี
“น้องคิดว่าตัวจริงคุณวีดูอ่อนหวานกว่าที่คิดนะคะ ก่อนหน้านี้น้องเคยเห็นแต่ในรูป เธอดูเป็นผู้หญิงสวย เก่ง มั่นใจในตัวเอง ตอนคุยกับคุณพิมพ์เธอก็บอกว่าทั้งร้ายทั้งแรง”
ชื่อของพิมพ์ลภัสทำให้รเมศหน้าเจื่อน ก่อนจะกลบเกลื่อนเสียงเข้ม “อย่าไปเชื่ออะไรพิมพ์มากเลยครับ รายนั้นน่ะอคติมาเต็ม นี่ผมก็เพิ่งไปเตือนเธอตามที่คุณน้องแนะนำ บอกให้เขาอย่าสร้างปัญหาแล้วก็คอยบริการแขกของเราให้ดี บวกกับเพิ่งเกิดเรื่องไปโดนคาดโทษไปขนาดนั้น พิมพ์คงไม่กล้าทำอะไรตามใจตัวเองแล้ว”
“แต่น้องว่าคุณเมศระวังเอาไว้หน่อยก็ดีนะคะดูท่าเสือสองตัวจะอยู่ในถ้ำเดียวกันยาก!”
ooooooo
นอกจากจะถูกรเมศตำหนิ พิมพ์ลภัสยังต้องรับโทษจากวิมลพร้อมกับคนอื่นๆ แต่โทษของเธอเหมือนจะหนักกว่าใคร คือต้องทำความสะอาดหอพักทั้งหลัง!
“ให้ฉันทำคนเดียวดีกว่าค่ะ ฉันผิดเอง อย่าให้พวกเขาต้องเดือดร้อนเพราะความสิ้นคิดของฉันเลย”
“สายไปแล้วพิมพ์ลภัส ตอนทำไม่คิด ทำไปแล้วเพิ่งมาคิดได้ว่าทำคนอื่นเดือดร้อนไปด้วย แล้วขอบอกเลยว่า โทษจากฉันน่ะแค่สถานเบามากๆ ยังมีคุณพัชรีกับคุณนงนุชรอซ้ำพวกเธออีก”
กานดา จินตนาและอภิชาติหน้าเสีย วิมลถอนใจยาว สั่งสอนเสียงอ่อน
“ฉันเข้าใจนะว่าพวกเธอรักและเห็นใจกัน แต่สิ่งที่พวกเธอทำยิ่งเป็นการให้ท้ายพิมพ์ลภัส แทนที่พิมพ์ลภัส จะสำนึกผิด ทำตัวอยู่ในกรอบของกฎระเบียบ แต่กลับยิ่งได้ใจเพราะมีเพื่อนคอยช่วยให้แหกกฎได้”
พิมพ์ลภัสน้ำตาคลอ รู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนลำบาก วิมลสงสารเลยเตือนสติด้วยความหวังดี
“เก็บเรื่องวันนี้ไว้เป็นบทเรียนนะพิมพ์ลภัส ทุกสิ่ง ที่เธอเจอมันเพราะผลจากการกระทำเธอทั้งนั้น เธอทำตัวเองและเธอก็ต้องแก้ไขมันเอง ฉันอยากให้เธอคิดได้และปรับเปลี่ยนตัวเอง ฉันหวังว่าเรื่องแบบวันนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”
พิมพ์ลภัสสะเทือนใจมาก และต้องอึ้งในเวลาต่อมา เมื่อรู้จากพวกกานดาว่ารเมศกับบวรทัตกุเรื่องบอกทุกคนว่าเธอกู้หนี้นอกระบบเพื่อปกป้องความลับเรื่องกิตติชัย ส่งคนมาทำร้ายเธอ
ความดีและความรอบคอบของรเมศทำให้พิมพ์ลภัส อ่อนท่าทีลงบ้าง แต่กระนั้นก็ทิฐิไม่อยากยอมรับความจริง ส่วนมาธวีก็พยายามหลอกถามรเมศถึงพิมพ์ลภัส แต่เขาก็เฉไฉเปลี่ยนเรื่องไม่ยอมบอกอะไรเลย
หลังปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมด กานดาก็รู้จนได้ ว่าชุติมานั่นเองเป็นตัวการฟ้องรเมศเรื่องพาพิมพ์ลภัส หนีเที่ยว จินตนาตกใจมาก แล้วก็ถึงกับหน้าเสียเมื่อกานดาบุกไปเอาเรื่องประชาสัมพันธ์สาว
“ไม่ต้องมาทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง ฉันมั่นใจว่าเป็นเธอ เธอเป็นคนไปบอกคุณวิมลว่าพวกเราพาพิมพ์ออกไปข้างนอก เพราะเธอ...พวกเราเลยถูกลงโทษกันหมด!”
ชุติมาไม่สะทกสะท้าน ตอกกลับหน้าตาย “ฉันแค่ทำสิ่งที่ถูกต้อง พวกเธอทำผิดกฎก็สมควรแล้วที่จะถูกลงโทษ แล้วแทนที่พวกเธอจะมาด่าฉัน พวกเธอเลิกยุ่งเกี่ยวกับพิมพ์ลภัสจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะยัยนี่อีก”
“อคติมันบังตาเธอไปหมดแล้วชุ ถ้าเธอเปิดตาเปิดใจให้กว้างกว่านี้ เธอจะเห็นว่าพิมพ์ลภัสไม่เหมือนเดิมแล้ว ยัยนี่นิสัยดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ ไม่งั้นพวกฉันไม่ทน คบด้วยหรอก”
พิมพ์ลภัสยืนฟังทุกอย่าง นึกปลื้มและซึ้งในน้ำใจกานดาและจินตนาที่ยอมรับเธอเป็นเพื่อน ชุติมาเห็นสายตา ที่ทุกคนมองไปทางพิมพ์ลภัสด้วยความชื่นชมก็หมั่นไส้
“พวกเธออยากจะคบยัยนี่ก็คบไป เอาที่สบายใจเลย แต่ไม่ต้องมากล่อมให้ฉันไปเป็นพวกด้วย ฉันไม่อินกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนของพวกเธอหรอก”
กานดาเจ็บใจ ประกาศลั่นให้ต่างคนต่างอยู่ ก่อนจะผละไป พิมพ์ลภัสจะตาม แต่ก็ถูกชุติมาแขวะไล่หลัง
“นี่ๆ รู้ไหมว่าตอนนี้คุณรเมศกำลังพาแขกคนสำคัญ ดีกรีนางแบบเก่าแถมเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังไปทัวร์โรงแรมอยู่ เหตุการณ์มันคุ้นๆเนอะ เหมือนเคยเกิดมาก่อน แต่คนระดับคุณมาธวีคงไม่จับพลัดจับผลูมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ ทำงานใช้หนี้เหมือนคนแถวนี้หรอก...ว่าไหม”
ooooooo