ตอนที่ 13
คืนนี้...ที่ร้านอาหารหรูเงียบๆแห่งหนึ่ง เจค พาพุธกันยาในร่างหอมกับเขนไปทานอาหารฉลองการเข้าสู่วงการครั้งที่สองของ “หอมน้ำ”
เจควางแผนว่าจะให้เขนเป็นผู้จัดการและให้ทับทิมเป็นผู้ติดตาม หอมพุธติงว่าคนอื่นจะหมั่นไส้เอา
“ไม่เห็นจะเป็นไร พี่ทับก็สนิทกับพวกเราอยู่แล้ว หอมน่ะใสซื่อ ให้เขนกับพี่ทับช่วยกันดูแลน่ะดีแล้ว”
เขนพูดไปกินไปแต่สนใจกินมากกว่าพูด เลยไม่เห็นเจคสบตากับหอมยิ้มๆให้กัน กลับถึงห้องนอนคืนนี้ เขนโทรศัพท์ขอโทษศวัสที่ตอนเย็นคุยกับเขาไม่ได้เพราะนักข่าวเยอะมาก ทุกคนเข้ามารุมล้อมสัมภาษณ์หอม ศวัสถามว่าหอมตื่นเต้นไหม เขนบอกว่านิดหน่อย ย้อนถามศวัสว่า “คุณหมอถามทำไมหรือคะ”
“ฟังให้ดีนะ ฉันอยากให้เธอคอยสังเกตท่าทางตลอดจนคำพูดทุกอย่างของหอมน้ำให้ดี ถ้าเห็นมีอะไรผิดปกติ ก็รีบโทร.มาบอกฉันทันที”
“ค่ะ...” เขนตอบรับมึนๆ แล้วพึมพำ “แปลก...
หรือว่า!” เขนยกมือปิดปากใจคอไม่ดี
เมื่อพุธกันยาในร่างหอมเข้าห้องพักของหอมน้ำที่หอแล้ว เธอมองดูตัวเองในกระจกพึมพำอย่างพอใจว่า...
“เปลี่ยนร่างใหม่ก็ดีเหมือนกัน อายุลดไปเป็นสิบปี” แล้วเดินมานั่งที่เตียง ยกมือตบที่นอนเบาๆอย่างภูมิใจในความมีตัวตนของตัวเองอีกครั้ง ค่อยๆเอนนอนอย่างมีความสุข...พลันก็สะดุ้งเมื่อมีเสียงเรียก
“คุณพุธกันยา...”
เป็นเสียงของหอมน้ำพร้อมกับร่างเงาที่ปรากฏเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือนราง พุธกันยาในร่างหอมลุกนั่งพิงหัวเตียงเอ่ย
“ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งเราจะมาเปลี่ยนสถานะกัน เธอกลายเป็นผีส่วนฉันกลายเป็นคน” หอมน้ำโต้ว่า ตนไม่ใช่ผี ตนยังไม่ตายแต่ถูกพุธกันยามาแย่งร่างตนไป
พุธกันยาหัวเราะถามว่า “ไม่น่าเชื่อใช่ไหมล่ะ แต่มันก็เป็นไปแล้วจริงๆ”
หอมน้ำอ้อนวอนว่าตนอยากกลับเข้าร่าง พุธกันยาบอกให้ไปเกิดใหม่ บางที...ชีวิตเธออาจจะดีกว่าเก่าก็ได้
“ร่างนี้เป็นร่างของหอม คุณจะปล้นไปเลยไม่ได้ ไม่ยุติธรรม หอมจะต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของหอม หอมเชื่อในกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว”
“ฉันไม่ใช่คนชั่ว ฉันได้รับโอกาสอันมหัศจรรย์ที่สุดเท่านั้น ซึ่งหากเป็นเธอ เธอก็ต้องฉวยเอาไว้”
“ไม่ค่ะ หอมจะไม่มีวันทำอย่างคุณเด็ดขาด และหอมจะไม่ยอมถอดใจ ร่างนี้เป็นของหอม หอมจะต้องเอาคืนให้ได้”
“ไปฝึกจิตทำให้ใครๆเห็นเธอได้ก่อนก็แล้วกัน ไม่ใช่มาแบบแวบๆวับๆ แบบนี้เวียนหัว” พูดแล้วเลื่อนตัวลงนอนอย่างไม่แยแส หอมมองร่างตัวเองที่ถูกพุธกันยาสิงอยู่อย่างแน่วแน่
ooooooo
หอมน้ำเจ็บปวดว้าวุ่นใจ คืนนี้จึงไปหาศวัส ซึ่งนอนหลับสนิทอยู่ เขาแว่วเสียงหอมเรียกเหมือนอยู่ในความฝัน เมื่อตื่นขึ้นมาเขารำพึง “หอมน้ำ...” เดินไปยังจุดที่ฝันเห็นหอมน้ำแต่ก็ว่างเปล่า เขากลับมานั่งครุ่นคิดรุ่งขึ้น ศวัสกับเขนไปทานโจ๊กกัน เขนเล่าว่า ตนไม่เห็นหอมน้ำมีอะไรผิดปกติ ศวัสย้ำว่าอยากให้เขนสังเกตต่อไป เพราะถ้าเป็นคุณแม่ตน ยังไงท่านก็ต้องมีหลุดออกมาบ้าง
“ตอนนี้หอมน้ำสวมสร้อยพระหรือเปล่า” ศวัสฉุกคิดได้ พอกลับไปห้องพักของหอมน้ำ เขนถามเรื่องสร้อยพระ หอมพุธหยิบสร้อยพระออกจากเสื้อมาให้ดู เขนขอโทษที่สงสัยหอม ขอร้องหอมอย่าโกรธศวัสเพราะเขาเป็นห่วงหอมมาก
เมื่อหอมพุธกับเขนไปที่ห้องทำงานเจค เจคเอ่ยยิ้มแย้มยินดีว่า“ขอต้อนรับกลับบ้าน”แล้วเอาบทโทรทัศน์ให้หอมพุธ
“เอาไปอ่าน แล้วก็ทำความเข้าใจให้ดี บทนี้พุธกันยา เล่นจนได้รางวัล” หอมพุธบอกตนไม่มั่นใจเลย “ไม่มีอะไรเหนือความพยายามของมนุษย์หรอก แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้รีบถ่าย อาจจะส่งหอมน้ำไปเรียนการแสดงก่อน”
ooooooo
หอมพุธไปดักพบศวัสที่ห้องพักแพทย์ ดึงสร้อยพระออกมาให้ศวัสดู พูดอย่างน้อยใจว่าตนไม่รู้จะพิสูจน์อะไรมากไปกว่านี้แล้ว
ศวัสขอให้หอมเข้าใจตนด้วยเพราะคุณแม่ตนแสดงอิทธิฤทธิ์เอาไว้มาก แล้วถามว่าเย็นนี้มีธุระอะไรหรือเปล่า ตนจะพาไปเลี้ยงข้าวเป็นการขอโทษที่เข้าใจเธอผิด พุธกันยาในร่างหอมถามทันทีด้วยประกายตาตื่นเต้นว่าที่บ้านหมอหรือ? ศวัสย้อนถามว่าเธออยากกินข้าวที่บ้านตนหรือ หอมพุธตอบแก้เกี้ยวว่า
“ค่ะ...ป้าเยาว์แกทำกับข้าวอร่อย” พอศวัสบอกได้ หอมพุธก็ยิ้มตาเป็นประกายอย่างมีความสุขที่จะได้ไปเจอบุรี
แต่พอเจครู้ เขาโทรศัพท์ตำหนิพุธกันยาว่าเธอไม่ควรทำอย่างนั้น เธอบอก “กัลอยากกินข้าวพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูกมานานแล้ว” เจคติงว่าศวัสก็คิดว่าเขากำลังกินข้าวกับเด็กกะโปโลอยู่ดี “อีกไม่นานเขาก็จะเลิกคิด รอให้วิญญาณหอมน้ำไปตามทางของเขาก่อน กัลจะเปิดเผยให้คุณบุรีกับศวัสรู้”
เจคถามว่าเธอไม่กลัวบุรีกับศวัสโกรธหรือ พุธกันยาถามว่า “โกรธกัลน่ะหรือ ไม่มีทาง ในเมื่อทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว หอมน้ำจะไม่มีวันกลับมา ร่างนี้ก็เป็นของกัลโดยสมบูรณ์ แค่นี้นะคะ”
พุธกันยาวางสายลงอย่างมีความสุข ในขณะที่เจคเอนพิงพนักนัยน์ตาเป็นประกายมาดมั่นขณะพึมพำ
“เสียใจด้วยกัลยา ผมจะไม่ยอมให้โอกาสที่สองต้องหลุดลอยไปแน่นอน”
ooooooo
วันนี้ เยาวภาถามแจ่มว่าไปเอาผ้าปูที่นอนที่ห้องพักแขกมาซักหรือยัง แจ่มบอกว่าหอมกับเขนมานอนไม่กี่วันเองคงไม่สกปรกหรอก
เยาวภาสั่งให้ไปเอามาซัก แจ่มขอให้ขึ้นไปเป็นเพื่อน เยาวภาถามว่ากลัวผีหรือ กลางวันแสกๆผีที่ไหนจะกล้า
“ผีคุณพุธกันยาไงคะ กลางวันกลางคืนออกมาได้หมด”
เยาวภาสั่งให้ขึ้นไปเอามาเดี๋ยวนี้ แจ่มย่องขึ้นไปยกมือไหว้รูปพุธกันยาที่บันไดขออย่ามาหลอกหลอนกันเลย
พอแจ่มเข้าไปในห้อง หอมน้ำอยู่ในห้องอยู่แล้ว ลุกขึ้นพูดกับแจ่ม แต่แจ่มไม่ได้ยิน เธอตะโกนสุดเสียงแจ่มก็ยังไม่ได้ยิน เมื่อแจ่มหอบปลอกหมอนกับผ้าปูที่นอนจะออกไป หอมน้ำรวบรวมแรงทั้งหมดปิดประตูอย่างแรงไม่ให้แจ่มออกไป ปรากฏว่าทำได้! หอมน้ำ
ดีใจมากที่ตัวเองทำได้แล้ว
แจ่มตกใจพยายามจะออกไปแต่เปิดประตูไม่ได้ หอมน้ำรวบรวมพลังจ้องลิ้นชักจนตกลงมา สร้อยพระกระเด็นไปที่เตียง แจ่มร้องลั่นทรุดนั่งกับพื้นร้องไห้อย่างหวาดกลัว หอมน้ำเองก็หมดแรง ค่อยๆขยับมาที่เตียงก้มมองสร้อยพระนิ่ง...
เยาวภาเห็นแจ่มหายไปนานขึ้นไปตามเจอแจ่มนั่งหน้าซีดอยู่ตรงประตูถามว่าเป็นอะไร แจ่มฝืนยิ้มขอเอาผ้าไปซัก
พอแจ่มเข้าห้องตัวเองก็แบมือดูสร้อยพระที่หยิบมานึกสงสัย “ทำไมน้องหอมถึงได้ลืมสร้อยพระไว้?”
ooooooo
เย็นนี้หอมพุธแต่งตัวสวยจะออกข้างนอกบอกเขนว่าคุณหมอจะมารับไปทานข้าว เขนถอนใจพึมพำว่าโล่งใจไปทีนึกว่าคุณเจค หอมพุธถามว่าคุณเจคเป็นยังไงหรือ
“หัวงู!” เขนทำท่าประกอบ “เห็นไร้อารมณ์อย่างนั้นเถอะ เขนเคยเห็นตอนเขาแอบมองหอม” เห็นหอมพุธเดินไปหยิบพระที่วางไว้หัวเตียงมาพนมมือไหว้แล้วคล้องคอไว้นอกเสื้อ เขนถามว่าหอมห้อยหลวงพ่ออะไร หอมพุธหยิบพระขึ้นดูแต่แล้วบอกเขนว่าคุณหมอมาแล้ว เขนเลยบอกให้รีบไปเถอะเดี๋ยวตนปิดห้องให้เอง
พอหอมพุธลงไปเจอศวัส เขาติงว่าแค่ไปกินข้าวที่บ้านทำไมต้องแต่งตัวสวยขนาดนี้ด้วย หอมพุธบอกว่าต้องให้เกียรติเจ้าของบ้าน
ไปถึงบ้านศวัส หอมพุธมองปราดไปไม่เห็นรถบุรีถามว่าคุณลุงไปไหน ศวัสบอกว่าไปทานข้าวกับอาขวัญ หอมพุธพึมพำ “ข้าวบ้านก็มี อร่อยด้วย ผงชูรสก็ไม่ใส่ หอมชอบทานข้าวบ้านมากกว่าตามร้านอาหาร” แล้วบ่นเสียดายที่บุรีไม่อยู่ทานด้วย
เมื่อเข้าไปในห้องรับแขก แจ่มยกถาดน้ำผลไม้มาวาง หอมพุธทัก “พี่แจ่ม สบายดีหรือจ๊ะ” แจ่มเงยหน้าจะตอบก็ต้องสะอึกอึ้งเมื่อเห็นสร้อยพระที่คอหอมพุธเหมือนที่ตนเก็บของหอมน้ำจากห้องพักแขกมา แจ่มลิ่วไปหาเยาวภาในครัวที่กำลังเอาเนื้อออกมาจะย่างบอกว่าเกิดเรื่องใหญ่แล้ว “แจ่มแน่ใจว่า น้องหอมน้ำถูกผีสิงค่ะ!”
เยาวภาเดินอ้าวตามแจ่มไปที่ห้อง แจ่มเอาสร้อยพระในลิ้นชักออกมาให้ดูบอกว่านี่คือสร้อยพระของหอมน้ำ บอกว่าเหมือนกันเปี๊ยบกับที่หอมพุธใส่อยู่
“ถ้าไม่ใช่มีสร้อยเหมือนกันสองเส้น ก็แสดงว่าไม่เส้นใดก็เส้นหนึ่งต้องเป็นของปลอม” เยาวภาฟันธง “แกเก็บสร้อยเส้นนี้เอาไว้ให้ดี ฉันจะเอาไว้พิสูจน์ตอนคุณบุรีกลับมา ให้เห็นชัดๆกันไปเลยว่า เมียที่เขารักนักรักหนา และไม่เคยลืมเลย ที่แท้ก็เป็นผีร้ายอาละวาด!”
สีหน้าเยาวภาเต็มไปด้วยความสะใจหมายมั่น
พอกลับมาที่ห้องครัว เจอหอมพุธยืนมองเนื้อหน้าตากราดเกรี้ยวบอกให้ทั้งสองมาดูถามว่าคิดจะทำอะไร เยาวภากับแจ่มเดินมาดูเห็นหนอนยั้วเยี้ยราวกับเนื้อเน่า หอมพุธปรามหน้าตาดุดันว่า
“ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าทำ อย่าแม้แต่จะคิด” พอหันจะเดินออกไป ยังปรามว่า “อย่าให้ฉันต้องเตือนบ่อยๆ!”
เยาวภากับแจ่มถามกันว่าเนื้อนำเข้าอย่างดีหนอนขึ้นได้อย่างไร แจ่มเรียกเยาวภาให้ดูอีกทีเนื้อนั้นก็กลายเป็นเนื้อดีเหมือนเดิมแล้ว เยาวภาตัดสินใจทิ้งเนื้อสองชิ้นนั้นแล้วทำเมนูใหม่ พอเอาไปเสิร์ฟ ศวัสถาม
“อ้าว! ฉันสั่งสเต๊กไง” แจ่มขอโทษบอกว่าเนื้อตกพื้น คุณแม่บ้านเลยเปลี่ยนเป็นอาหารพวกนี้ ศวัสบอก หอมพุธว่า “ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ฉันบอกว่าจะเลี้ยงสเต๊ก”
หอมพุธยิ้มแย้มบอกว่าไม่เป็นไรตนทานได้ แจ่มบอกว่าคุณแม่บ้านให้ถามว่าหอมแพ้อาหารทะเลหรือเปล่า ถ้าแพ้จะได้ทำให้ใหม่ หอมพุธจ้องแจ่มด้วยแววตามาดร้ายแว่บหนึ่งก่อนบอกว่า
“ไม่เป็นไร หอมทานได้ค่ะ ฝากบอกคุณแม่บ้านด้วยว่าขอบคุณที่เป็นห่วง”
แจ่มรีบออกไปบอกเยาวภาที่ห้องครัว เยาวภายิ้มสะใจบอกว่า “คุณกัลยาแพ้อาหารทะเล” แจ่มกลัวจะถูกเล่นงาน เยาวภาพูดอย่างอุ่นใจว่า “อย่าลืมว่าเรามีสร้อยพระ”
ระหว่างทานอาหารกัน หอมพุธเปรยๆว่าพอไม่มีคุณพุธกันยาบ้านก็เงียบเหลือเกิน ศวัสปรามว่าอย่าเอาคุณแม่ตนมาพูดเรื่อยเปื่อย
ทันใดนั้นโต๊ะอาหารก็สั่นไหวกระทั่งโคมไฟเหนือโต๊ะอาหารก็แกว่งไกวไปมา ศวัสเงยหน้ามองอุทาน “คุณแม่...” ส่วนหอมพุธกวาดตามองรอบๆอย่างหงุดหงิดบอกศวัสว่าไม่ใช่ ศวัสถามว่าแล้วจะเป็นใคร หอมพุธกลบเกลื่อนว่าเป็นพวกสัมภเวสี ทั้งยังพูดให้น่าเชื่อว่า “ถ้าเป็นคุณพุธกันยา หอมก็ต้องเห็นท่านสิคะ แต่นี่หอมไม่เห็นใครเลย”
ooooooo
ในห้องพักที่หอของหอมน้ำ หอมพุธเดินไปนั่งอย่างหงุดหงิด หอมน้ำเอ่ยขึ้นว่าเรื่องชักจะยุ่งไปกันใหญ่แล้วใช่ไหม
หอมพุธลุกเดินไปที่หน้ากระจก เห็นหอมน้ำในกระจก หอมน้ำบอกว่าแจ่มกับเยาวภาพบสร้อยพระของแท้แล้ว อีกไม่ช้าทุกคนก็จะรู้ความจริง หอมพุธ แสยะยิ้มบอกว่า“กว่าจะถึงวันนั้น เธอก็จะหายไปจากโลกนี้แล้ว แปลกดีเหมือนกันนะ ปกติคนตายร่างกายย่อมเน่าเปื่อยไปตามสภาพเหลือแต่ดวงวิญญาณ แต่เธอตายวิญญาณกลับสูญสลายเหลือแต่ร่างกาย ความจริงเธอต้องขอบใจฉันเสียด้วยซ้ำที่ทำให้ร่างกายของเธอยังอยู่” หอมน้ำถามว่าใครทำสร้อยพระให้คุณ หอมพุธยักไหล่ตอบอย่างยโสว่า “เจค เขาคอยช่วยฉันทุกอย่าง”
หอมน้ำพึมพำ “นึกแล้วไม่ผิด” หอมพุธบอกว่าหอมน้ำเข้มแข็งขึ้นไม่ขี้แยเหมือนเมื่อก่อน สามารถสู้ตากับตนได้ แต่น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันสายไปแล้ว
“คุณทำให้หอมเข้มแข็งขึ้น คุณทำให้หอมรู้สึกอยากสู้เพื่อตัวเอง เพื่อทุกคนที่หอมรัก และหอมสัญญากับคุณเลยว่า หอมจะแย่งร่างของหอมกลับมาให้ได้!” หอมพุธเย้ยว่าไม่ต้องสัญญาเพราะตนไม่รับ หอมน้ำยิ้มบอกว่า “รับหรือไม่รับ หอมก็จะเอาร่างของหอมคืนมา หอมไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด” แล้วร่างหอมน้ำในกระจกก็เลือนหายไป
“นังเด็กเมื่อวานซืน” หอมพุธยิ้มเยาะ
ooooooo
ค่ำนี้ เยาวภารอจนบุรีกลับ รีบเรียกไว้จะบอกเรื่องผีพุธกันยา แต่มัวอึกอัก บุรีรำคาญจะขึ้นข้างบน เยาวภารีบบอก
“คุณกัลยายังไม่ได้ไปไหน...แจ่มมันไปพบ...”
บุรีหยุดกึก กำลังจะฟังเยาวภาพูดต่อ ปรากฏว่ามีไอเย็นมารดต้นคอจนขนลุกซู่ ยืนตัวแข็ง พูดไม่ออก บุรีมองแล้วส่ายหน้าเดินขึ้นข้างบน แจ่มเห็นอาการของเยาวภาก็ร้อนใจร้องเรียก “คุณแม่บ้าน...” เลยเกิดอาการแบบเดียวกับเยาวภายืนตัวแข็งทื่อ เยาวภาถามว่าทำไมไม่พูดล่ะ แล้วหันเดินออกไป แจ่มเดินทื่อตามไปอีกคน
คืนนี้ที่โต๊ะทำงานบ้านศวัส ขณะเขากำลังดูรูปดอกพลับพลึงธารหรือหอมน้ำที่ใส่กรอบสวยงามแล้วอยู่ บุรีเดินมาถามว่า “ศวัสคิดยังไง ถ้าพ่อจะแต่งงานกับขวัญอนงค์”
“ก็ดีใจน่ะสิครับ ผมขอแสดงความยินดีด้วย
คุณพ่ออยู่กับความทุกข์มานานแล้ว อาขวัญเป็นคนดี คุณพ่อสมควรจะได้มีความสุขเสียที”
พุธกันยาหัวใจแทบแตกสลายเมื่อเข้ามาได้ยินสองพ่อลูกคุยกัน น้ำตาไหลพรากคร่ำครวญถามศวัสว่า
“แล้วแม่ล่ะลูก แม่จะอยู่ได้ยังไงถ้าคุณพ่อแต่งงานไปกับคนอื่น”
บุรีกอดขอบใจศวัส ถามว่า “แล้วศวัสล่ะ หนูหอมน้ำก็จะเรียนจบปีนี้แล้วไม่ใช่หรือ”
พุธกันยาสะดุ้งเพราะเธอกำลังแย่งร่างหอมน้ำอยู่ ศวัสบอกว่าหอมน้ำยังเด็กและไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับตน
บุรีบอกให้ถามหอมน้ำดู ศวัสยิ้มเขินๆ บุรีตบไหล่ลูกชายเบาๆ อวยพร “ขอให้โชคดี” แล้วเดินออกไปศวัสสูดลมหายใจยาวมองตามพ่อไปอย่างมีความสุขตรงกันข้ามกับพุธกันยาที่โกรธจนหน้าเขียวนัยต์ตากลับพึมพำแค้น
“มีความสุขกันเหลือเกิ๊น...ฉันอุตส่าห์ต่อสู้แทบตายกว่าจะได้ชีวิตใหม่มา ฉันไม่มีวันยอมแพ้แน่!” แล้วพุธกันยาก็ไปที่ห้องนอนของบุรี เห็นเขากำลังจะเข้าห้องน้ำ พุธกันยามองอย่างเจ็บปวด แต่พอบุรีเดินไปถึงหน้าห้องน้ำประตูก็เปิดเองดังปัง บุรีสะดุ้งเฮือก หันมองไปโดยรอบ ทุกอย่างนิ่งสนิทเงียบสงัดจนวังเวง บุรีส่ายหน้าแบบ...ไม่มีอะไร...แล้วเข้าห้องน้ำไป
ooooooo
หอมพุธเดินออกจากประตูตรงไปที่บันได พลันก็ชะงักเมื่อเห็นหอมน้ำแว้บๆ ลงบันไดไป หอมพุธพุ่งตามไปทันทีด้วยอารมณ์เคียดแค้นสุดๆ
ที่หอพัก หอมน้ำรีบเข้าไปในห้องเห็นร่างตัวเองนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ก็ตรงไปทันที หอมพุธพรวดเข้ามาตะคอก
“หอมน้ำ!”
หอมน้ำที่กำลังจะกระโจนเขาร่างตัวเอง ถูกหอมพุธแซงไปได้อย่างหวุดหวิดแล้วสิงร่างหอมน้ำลุกขึ้นมองอย่างเย้ยหยันถามว่า “คิดจะแย่งร่างของฉันหรือ” หอมน้ำโต้ว่าร่างของตนต่างหาก ประกาศจะเอาร่างของตนคืนมาให้ได้ หอมพุธส่ายหน้าเหยียดยิ้มเย้ยว่า
“เธอนี่มันดื้อจริงๆ นี่ถ้าเราต้องเป็นแม่ผัวลูกสะใภ้กันจริงๆ ละก็ มีหวังละครน้ำเน่ายังต้องอาย” เห็นร่างหอมน้ำ ค่อยๆ พร่าพรายหายๆ มาๆ หอมน้ำตระหนกกับสภาพของตัวเอง ในขณะที่หอมพุธเย้ยว่า “ใกล้จะไปสู่สุคติแล้วล่ะสิไหนว่าเก่งนักเก่งหนาไงล่ะ...” หอมน้ำพยายามบังคับร่างตัวเองให้กลับมามีพลังก็ถูกเย้ยว่า “พยายามต่อไปนะ ฉันจะนอนล่ะ”
หอมน้ำเจ็บแค้นแสนสาหัส กลับไปที่ห้องนอนศวัส พยายามเรียกคุณหมอฟันทันตแพทย์ ศวัสได้ยินเสียงในฝันลุกไปดูก็ไม่เห็นอะไร เปิดประตูตามไปถึงบันได จึงเห็นหอมน้ำยืนอยู่ ศวัสร้องเรียกบอกว่าอย่าเพิ่งไป เรียกจนหอมน้ำหันมา
วินาทีนั้นศวัสตะลึงอึ้ง เมื่อหอมน้ำที่หันมาหน้ากลับกลายเป็นพุธกันยา!
“คุณแม่...”
ศวัสตกใจตื่นขึ้นมา ดูนาฬิกาเป็นเวลาตีสาม เขาคิดจนนอนไม่หลับ รุ่งขึ้นเจอบุรีที่โต๊ะอาหาร จะเล่าให้พ่อฟัง ก็พอดีแจ่มยกอาหารเช้ามาท่าทางเหมือนมีอะไรจะพูด บุรีถามว่ามีอะไรหรือ เยาวภาเดินเข้ามาบอกแจ่มให้ไปหยิบมาให้คุณผู้ชายดู บุรีถามว่าอะไร เยาวภา บอกว่าสร้อยพระ แต่พอบุรีถามว่าสร้อยพระอะไร เยาวภาตอบเป็นนัยว่าเดี๋ยวก็รู้
แจ่มไปหาสร้อยพระที่ห้องปรากฏว่าหายไปแล้ว แจ่มตกใจมาก กลับมาบอกเยาวภา เยาวภาถามว่าแจ่มเอาไปขายหรือเปล่า แจ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น จนศวัสบอกว่าถ้าแจ่มเห็นแก่ได้ก็ไม่บอกเยาวภาตั้งแต่แรกหรอก บุรีก็บอกว่าแจ่มคงไม่ทำอย่างนั้น แจ่มสาบานว่าตนไม่ได้เอาไปขายจริงๆ
พอแจ่มกับเยาวภาออกไป บุรีถามศวัสว่าคิดว่ายังไง? ศวัสเชื่อว่าแจ่มไม่น่าโกหก บุรีถามว่าแล้วจะหายไปไหน?
“ถ้า...ถ้านะครับ ถ้าวิญญาณคุณแม่จะมาเอาไป...” บุรีติงว่าผีจับพระได้ที่ไหน ศวัสบอกขรึมๆว่า “เมื่อคืนผมฝันถึงคุณแม่” พูดแล้วขอตัวลุกไปเลย
ศวัสไปที่หอพักโทร.เรียกเขนไปนั่งคุยกันที่ร้านข้าวมันไก่แถวนั้นบอกเขนว่าอยากให้คอยสังเกตหอมน้ำให้หน่อย
ooooooo
เช้าวันเดียวกัน เจคโทร.หาหอมพุธแต่เช้า เธอลุกขึ้นบ่นว่าใครโทร.มาแต่เช้า พอเห็นชื่อเจคเธอทิ้งไว้จนเสียงเรียกหยุดไปเองแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ เจค มองโทรศัพท์พึมพำยิ้มๆ “ท่าจะยังไม่ตื่น”
เขนกินอิ่มและคุยเสร็จก็ได้รับโทรศัพท์จากหอม เขนบอกว่ามากินข้าวท้องร้องตั้งแต่เมื่อคืน ถามว่าหอมจะเอาอะไรเดี๋ยวจะซื้อไปฝาก พอวางสาย เขนถามศวัสอย่างกังวลว่า
“คุณหมอว่าหอมเขาจะรู้ไหมคะว่าเราแอบสงสัยเขา”
“ถ้าเธอไม่ทำอะไรผิดปกติ เขาก็ไม่รู้ ระวังหน่อยก็แล้วกัน”
ศวัสเรียกบริกรมาคิดเงิน เขนซื้อโจ๊กให้หอมแล้วศวัสขับรถไปส่งที่หน้าหอ พอศวัสขับรถออกไป เขนก็ได้ยินเสียงหอมเรียกจากข้างหลัง เขนหัวเราะเจื่อนๆถามว่ามาอยู่ตรงนี้นานแล้วหรือ หอมหัวเราะบอกว่า ถามแปลกๆ หอมเพิ่งมา พอเขนส่งโจ๊กให้ หอมขอบใจ ถามว่า
“นึกยังไงถึงออกไปกินข้าวคนเดียวโดยไม่บอกหอม”
“ก็บอกแล้วไงว่าหิวตั้งแต่เมื่อคืน”
พอเทโจ๊กกับปาท่องโก๋ใส่ชาม หอมพุธบอกว่าตนไม่กินปาท่องโก๋เพราะไม่ชอบ เขนติงแต่หอมเคยชอบ
“ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว เดี๋ยวอ้วน เดือนหน้าจะฟิตติ้ง” เขนถามว่าจะเล่นละครเป็นอาชีพหรือ “ถามทำไม ไม่อยากให้หอมเล่นหรือ หอมจะให้เขนเป็นผู้จัดการ”เขนติงว่าไหนบอกว่าไม่ชอบวงการนี้? “ก็บอกแล้วนี่ว่าหอมเปลี่ยนใจแล้ว หรือว่าเขนสงสัยอะไร” พอเขนบอกว่าเปล่า หอมพุธก็พูดอย่างจับผิดว่า “รู้ไหม หมู่นี้เขนมีอะไรแปลกๆ”
เขนบอกว่าตนก็ปกตินะ ถามว่าวันนี้หอมจะไปไหนหรือเปล่า หอมตอบพลางกินโจ๊กว่า
“ไป...หอมจะไปพบคุณเจค”
ooooooo
เพลินพิศไปหาเจคที่ออฟฟิศไหว้อย่างอ่อนช้อยขอโทษที่ไม่อาจเล่นละครเป็นตัวรองให้เจคได้เพราะวดีให้ตนเล่นเป็นตัวเอกในละครเรื่อง “เล่ห์ร้ายกระหายรัก”แล้ว
ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังคุยฟุ้งว่า “ท่าน” จะปั้นให้ตนเป็นนางเอก เพราะฉะนั้นต่อไปละครทุกเรื่องที่จะรับเล่นต้องเอาบทไปให้ “ท่าน” ดูก่อนทุกครั้ง เจคทักว่าได้ยินว่าน้องเอิงจะเล่นด้วยใช่ไหม เพลินพิศทำเสียงสูงบอกว่า
“อ๋อ...บทของน้องเอิงจะเป็นรองบทของเพลินค่ะ” เจคเลยแสดงความยินดีด้วย
“ขอบคุณค่ะ ถ้าหากคุณเจคมีบทนางเอกจะให้เพลินรับใช้ละก็...ไม่ต้องเกรงใจนะคะ” เธอลุกยืนแล้วไหว้ลา
เจคมองตามพึมพำสมเพช “ให้ยัยวดีเป็นผู้จัดการเนี่ยนะ”
ไม่เพียงมาอวดโอ่กับเจคเท่านั้น เพลินพิศยังมายุแหย่ชักชวนให้โค้กไปอยู่กับวดีด้วย บอกว่าวดีจะให้เขาเป็นผู้กำกับแม้โค้กจะไม่สบายใจกับเรื่องหอมน้ำ แต่เขาก็ยังกตัญญูต่อเจค บอกว่า
“พี่อยู่ที่นี่มาตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย คุณเจคเขาคอยช่วยเหลือสนับสนุนทุกอย่าง”
แม้เพลินพิศจะยังยุแหย่หว่านล้อมและเอา
ผลประโยชน์มาล่อแต่โค้กก็ปฏิเสธ สุดท้ายเธอบอกให้โค้กเอาไปคิดดูก็แล้วกัน
พอไปที่รถ เพลินพิศกรี๊ดลั่นเมื่อมีงูตัวเขื่องไปนอนขดอยู่บนหน้ารถ เธอหาว่าต้องมีคนแกล้งแน่ๆ โค้กถามว่าใครเธอตีขลุมว่า “สงสัยหมดทุกคนเลย” ทำเอาทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก โค้กติงว่าพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก เพลินพิศโต้ทันทีว่า
“อ๋อ ถูกแน่นอน เพลินกำลังจะไปเล่นละครเป็นนางเอกให้คุณวดี คนที่นี่ทนไม่ได้เลยรวมหัวกันแกล้ง ถ้าฉันจับได้ว่าเป็นใครละก็...คอยดู!” เธอสะบัดหน้าไปที่ประตูรถ ถูกงูชูคอจะฉกก็ร้องกรี๊ดบอกให้เอามันออกไปที โค้กจึงโทร.เรียกเจ้าหน้าที่มาจัดการ
ooooooo
หอมพุธบอกเจคขณะนั่งคุยกับเขาที่ห้องทำงานว่าตนจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว บางทีอาจจะบอกบุรีกับศวัสในวันสองวันนี้เลย เจคตกใจลืมตัวโพล่งไปว่า “ไม่ได้เด็ดขาด!”
พุธกันยาไม่พอใจต่อว่าเจคว่านึกว่าจะช่วยตนเสียอีก
“แน่นอนที่สุด ผมอยากช่วยคุณและต้องช่วยคุณแน่ แต่คุณต้องทบทวนให้ดี ขณะนี้ทั้งคุณบุรีแล้วก็หมอศวัสต่างก็คิดว่าคุณออกจากร่างหอมไปแล้ว แต่อยู่ดีๆ คุณกลับบอกพวกเขาว่าคุณอยู่ในร่างของหอมน้ำ ส่วนหอมน้ำกลับกลายเป็นดวงวิญญาณล่องลอยแทนคุณ ลองคิดดูซิว่า ทั้งลูกทั้งสามีของคุณจะคิดยังไง”
“เขาก็ดีใจเท่านั้นน่ะสิ” พุธกันยาในร่างหอมเชิดหน้าอย่างถือดี
“แน่ใจ?” เจคถาม แล้วพูดจริงจัง “คุณเป็นคนรู้จักสองคนนั้นดีกว่าใคร คุณบุรีกับหมอศวัสเป็นคนรักความยุติธรรม ถึงจะรักคุณสักแค่ไหน แต่พวกเขาคงไม่ยินดีให้คุณทำลายอนาคตของเด็กสาวบริสุทธิ์คนหนึ่งหรอก” พุธกันยายังรั้นว่าพวกเขารักตนต้องการตน “นั่นมันหลายปีมาแล้ว เกือบ 30 ปีมั้ง เวลาที่นานขนาดนั้นมันเปลี่ยนอะไรได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะใจคน ที่เคยเจ็บปวดทรมานปานจะตายตาม ก็จะเริ่มปลงตก”
“ไม่มีวัน!”
“เวลาจะเยียวยาได้ทุกอย่าง”
“ฉันผิดหวังในตัวคุณมาก” พุธกันยาลุกพรวดขึ้นผลุนผลันออกไปอย่างหงุดหงิดสุดๆ เจคนั่งมองตามอย่างพอใจ
หลังจากนั้น เจคโทร.บอกศวัสว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ศวัสรีบมาพบกันที่ร้านอาหาร ไม่ทันสั่งอาหาร เจคก็ได้รับโทรศัพท์จากพุธกันยาพูดขู่ว่า
“อย่าได้เล่าอะไรให้ศวัสฟังเด็ดขาด! อย่าทรยศต่อฉัน!!”
วางสายจากพุธกันยาแล้ว ท่าทีของเจคเปลี่ยนไปทันที พอศวัสถามถึงเรื่องสำคัญที่จะบอก เจคเฉไฉบอกว่า
“ธุระของอาก็คือ ถ้าอาจะขอใช้บ้านหมอถ่ายละครอีก หมอจะอนุญาตไหม”
ศวัสได้แต่มองเจคอย่างแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเขา
หลังจากนั้น พุธกันยาก็โทร.มาขอโทษเจคที่ตนพูดเหมือนขู่เขา เจคเริ่มรู้สึกหวาดกลัวบอกเธอว่าไม่เป็นไรพุธกันยาย้ำว่า
“สัญญานะว่าเรื่องนี้จะรู้กันแค่เราสองคน ห้ามพูดกับใครเด็ดขาด” พอเจคสัญญาหนักแน่น เธอพูดสั้นๆ “งั้นก็แค่นี้นะคะ” แล้ววางสายเลย เจคมองโทรศัพท์ ถอนใจพึมพำโล่งอก
“ค่อยยังชั่ว หลงกลัวแทบตายว่าจะรู้เรื่อง”
ooooooo
เพลินพิศทำตัวเป็นข่าวสร้างกระแสให้ตัวเองตลอดเวลา วันนี้ก็ให้สัมภาษณ์ทางทีวีในรายการบันเทิง
นักข่าวถามถึงเรื่องที่เคยถูกพุธกันยาสิง เพลินพิศทำตาโตบอกว่าเรื่องนี้นานมาแล้ว ตอนนี้เขาคงไม่มายุ่งอีกแล้วเพราะตนมีพระดีจากคุณแม่วดี พอนักข่าวบ่นว่าเลยไม่รู้เลยว่าทำไมนางถึงฆ่าตัวตาย เพลินพิศห่อไหล่บอกว่า
“อันนี้เราอย่าไปคาดเดาเลยดีกว่านะคะ เดี๋ยวนางอาจไม่พอใจลุกขึ้นมาสิงใครอีก”
วดีดูทีวีอยู่กดปิดทันทีบ่นพึมพำ “ปากพาจน” แล้วโทร.หาเพลินพิศ ด่าทันทีว่า “ช่างกล้าเรียกฉันว่าคุณแม่ยังไม่พอ ยังไปลามปามพุธกันยาอีก ระวังเถอะ มันจะไปบีบคอแก”
“ฮิๆ คิกๆ บีบคอไม่ได้หรอกค่ะ เพลินห้อยพระดังสามองค์”
“อย่าประมาทเชียวนะ” วดีปราม
พอเพลินพิศเลี้ยวรถเข้าคอนโดก็เจอดีจริงๆ! ถนนมืดสลัวเพราะไฟทางเสียมาหลายวันแล้ว ในความสลัวนั้นเพลินพิศถูกรถคันหนึ่งตัดหน้า พอเธอเบรกเครื่องก็ดับสตาร์ตเท่าไรก็ไม่ติด พลันก็เห็นใครคนหนึ่งยืนอยู่ในเงาข้างเสาไฟฟ้า เพลินพิศตกใจถาม “ใครน่ะ!” ร่างนั้นยังนิ่ง “ฉันถามว่าใคร!!”
“พุธกันยา...ฉันชื่อ พุธ-กัน-ยา” เสียงตอบเย็นเยียบจนเพลินพิศกลัว เมื่อร่างนั้นก้าวเข้าหาเธอเปิดประตูรถวิ่งเตลิดไปจนถูกรถชนสลบคาที่!
เอิงเพิ่งกลับจากเที่ยวมาเล่าให้วดีฟัง แล้วเสนอตัวเสียบเป็นนางเอกแทนทันที แต่วดีไม่เล่นด้วย พอดีลิซซี่เปิดประตูผลัวะเข้ามาเล่าอย่างตื่นกลัวว่า
“น้องพั้มกิ้นโทร.มาบอกว่า ตอนที่มาถึงโรงพยาบาลใหม่ๆ น้องเพลินเขาเพ้อถึงชื่อพุธกันยาตลอดเลย”
วดีสะดุ้งเฮือก เอิงกระโดดกอดวดีร้อง “ว้าย!! ผีหลอก!!!”
ooooooo
เจคไปเยี่ยมเพลินพิศที่โรงพยาบาล เขาเลี่ยงไปมุมสงบโทร.ถามพุธกันยาว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเพลินพิศใช่ไหม พุธกันยาทำเสียงไม่พอใจ
“อย่าเพิ่งโกรธ ที่ผมถามอย่างนี้เพราะนักข่าวกับตำรวจพูดตรงกันว่าเพลินเพ้อถึงชื่อคุณตลอดเวลา”
พุธกันยาเสียงแข็งว่าตนไม่ได้ยุ่งกับเพลินพิศเลย ท้าว่าตนบอกความจริงไปหมดแล้วถ้าเขาไม่เชื่อก็เรียกตำรวจมาจับไปเลย ตนอยู่ที่หอของหอมน้ำนี่แหละ
พอดีโค้ก พิไล ฟ้า และอุมาเดินมา เจคจึงเก็บโทร– ศัพท์ถามว่าเพลินพิศฟื้นหรือยัง โค้กบอกว่ายัง บอกเจคว่า
“ที่ตำรวจเขายังสงสัย ก็คือเพลินวิ่งหนีอะไรมา ถึงได้ถูกรถชน?”
เขนชวนหอมไปเยี่ยมเพลินพิศ หอมบอกว่าตนจะไปที่คณะหน่อย เขนจึงไปคนเดียว แต่พอแยกกัน หอมพุธก็ไปเอากระถางต้นพุดซ้อนเล็กๆต้นหนึ่งไป
ที่บ้านศวัส เห็นบุรีกับขวัญอนงค์กำลังจะออกจากบ้านพอดี หอมพุธจิกตาพึมพำ
“นังขวัญอนงค์!”
“หอมน้ำ มาทำไมแต่เช้า” ขวัญอนงค์ทักอย่างเอ็นดู
หอมพุธบอกว่าแฟนคลับเอาต้นพุดซ้อนมาให้ตั้งแต่เมื่อวาน ที่หอไม่มีที่ปลูกเลยเอามาให้คุณลุง “เพราะจำได้ว่าภรรยาคุณลุงชอบดอกพุดซ้อน” พุธกันยาเริ่มเหน็บ จนขวัญอนงค์ทักว่ารู้ละเอียดดีจริง
“ขอบใจนะหนูหอมน้ำ เดี๋ยวอยู่กินข้าวด้วยกันก่อน คุณขวัญกับลุงจะไปเยี่ยมคุณเพลิน แล้วจะรีบกลับมาทำกับข้าวกินกัน” บุรีชวน ขวัญอนงค์หยอกว่าหอมน้ำคงไม่อยากกินข้าวกับคนแก่หรอก หอมพุธสวนทันทีว่าตรงกันข้าม ตนชอบคนแก่ บุรีหัวเราะชอบใจ หอมพุธมองขวัญอนงค์เต็มตาพูดช้าๆ ย้ำๆ ว่า
“หอมหมายถึงคนแก่ที่น่าเคารพนับถือน่ะค่ะ” บุรีบอกให้ไปรอในบ้านเลย ดูเหมือนวันนี้ศวัสไม่ได้ไปทำงาน แล้วชวนขวัญอนงค์ไปกัน ขวัญอนงค์บอกหอมพุธว่า เดี๋ยวอามานะ หอมพุธยิ้มเย็นๆ ตอบสั้นๆ ค่ะ แล้วยืนมองบุรีขับรถออกไป มีขวัญอนงค์นั่งคู่ไปด้วย หอมพุธคำรามในใจว่า ที่นั่งนั่นเป็นของฉัน!
หอมพุธให้คนสวนหิ้วกระถางพุดซ้อนตามไปที่บริเวณกอพุดซ้อนที่กำลังออกดอกสะพรั่ง หอมพุธลงมือขุดดินและปลูกต้นพุดซ้อนเอง คนสวนจะช่วยก็บอก...
“ไม่ต้อง ต้นพุดซ้อนพวกนี้ฉันปลูกเองกับมือทุกต้น”
คนสวนอ้าปากค้าง แอบมองหอมพุธหวาดๆ แกมประหลาดใจ
ooooooo
ปลูกพุดซ้อนเสร็จ หอมพุธเข้าไปในห้องรับแขกเห็นศวัสนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ หอมพุธยืนมองลูกด้วยความรักผูกพัน ศวัสรู้สึกมีคนมองอยู่หันไปดู หอมพุธรีบปรับท่าที ทักโดยไม่ไหว้เหมือนปกติ
“คุณหมอ...เอ้อ...วันนี้ไม่ไปทำงานหรือคะ” พอศวัส บอกว่าไม่ค่อยสบาย หอมพุธก็แสดงความเป็นห่วงมากจนศวัสทักว่า ถามอย่างกับเป็นแม่ตนเลย หอมพุธรู้ตัวรีบเอ่ย “ขอโทษค่ะ คือคุณหมอดีกับหอมตลอดมา เจ็บไข้ได้ป่วยก็พาไปหาหมอ แล้วจะไม่ให้หอมเป็นห่วงได้ยังไงคะ”
พอศวัสขอบใจ หอมพุธก็มานั่งตรงหน้ามองอย่างห่วงใย ก็พอดีมีโทร.เข้ามือถือศวัสเขาลุกไปบอกว่าเดี๋ยวมา หอมพุธถามว่าใครโทร.มาหรือ พอศวัสหันมองหน้า ก็รู้สึกตัวรีบขอโทษ มองตามศวัสไปอย่างใคร่รู้
เป็นสายจากเขนโทร.มาบอกว่าตนมาเยี่ยมเพลินพิศอยู่โรงพยาบาล บอกว่าเพลินพิศเพิ่งฟื้น เล่าอย่างติดใจสงสัยว่า
“คุณหมอว่าแปลกไหมคะ คุณเพลินยืนยันว่า เห็น... เอ้อ...คุณพุธกันยา” ศวัสพูดเบาๆ ว่าเขาอยู่ที่นี่ “เอ๊ะ...ไหนเขาว่าจะไปพบอาจารย์ ท่าทางจะไม่ได้เรื่องแล้ว เขนจะไปที่บ้านคุณหมอเดี๋ยวนี้” ศวัสรีบย้ำว่าอย่าให้เขาสงสัยล่ะ
พอเก็บโทรศัพท์หันมา ศวัสรู้สึกว่าเหมือนมีคนแอบมองตนอยู่เพิ่งหลบวูบไป
ooooooo
บุรีกับขวัญอนงค์มาเยี่ยมเพลินพิศ เจ้าตัวเล่าอย่างไม่หายหวาดกลัวว่า
“จะให้ไปสาบานที่ไหนก็ได้ เพลินยืนยันว่าเห็นพุธกันยาจริงๆ ไม่ใช่แค่เห็น เขาพูดเองเลยว่าเขาชื่อพุธกันยา”
“หนูเห็นเขาชัดขนาดนั้นเลยหรือ” บุรีถาม เพลินพิศยืนยันว่าตนจำได้แม่นพุธกันยาแต่งตัวและทำผมเหมือนรูปที่บ้านคุณอาและเขายังบอกชื่อด้วย
เสียงเคาะประตูขัดจังหวะขึ้น วดี เอิง และลิซซี่ เข้ามา ลิซซี่ถือแจกันดอกไม้มาด้วย ขวัญอนงค์ไหว้วดี ส่วนเอิงก็รี่เข้าหาบุรีเรียกเต็มปากเต็มคำ “สวัสดีค่ะ คุณพ่อ” แล้วถามหาพี่หมอทันที บุรีพูดคุยด้วยไม่กี่คำก็ชวนขวัญ–อนงค์กลับ
พอออกมา ขวัญอนงค์ถามหยอกว่า “เป็นไงคะว่าที่ลูกสะใภ้” บุรีส่ายหน้าบอกว่าไม่ใช่สเปกของศวัส ขวัญอนงค์ถามว่าแล้วใครที่ใช่ หอมน้ำหรือเปล่า บุรีตัดบทว่าต้องถามเขาดูเอง ขวัญอนงค์เลยไม่ถามต่อ
พอกลับถึงบ้าน ขวัญอนงค์กับบุรีก็เข้าครัวช่วยกันทำแกงส้มและช่วยกันชิมกะหนุงกะหนิง หอมพุธได้แต่มองอย่างเจ็บปวด แต่พอให้หอมพุธช่วยชิม เธอก็ตำหนิอย่างจงใจเหน็บว่า หวานจนเลี่ยน บอกว่าสำหรับตนแกงส้มอะไรก็สู้แกงส้มผักกาดดองไม่ได้ยิ่งถ้าใส่ปลากระบอกด้วยแล้ว อร่อยที่สุดเลย บอกว่าวันหลังจะทำให้ทาน หอมพุธพูดจนบุรีปรารภว่า
“ตั้งแต่กัลยาจากไป ผมก็ไม่เคยกินแกงส้มผักกาดดองปลากระบอกอีกเลย”
หอมพุธพยายามพูดและแสดงให้เห็นว่าตนรู้รายละเอียดเรื่องในครอบครัวบุรีดี รู้กระทั่งว่าศวัสชอบทานไข่เจียวใส่น้ำตาลปี๊บนิดๆ พูดจนขวัญอนงค์ชมเชิงเหน็บนิดๆว่า
“ดูเธอน่าจะเป็นกูรูอาหารจานโปรดของครอบครัวนี้นะหอมน้ำ”
หอมพุธบอกว่าตนก็พูดไปตามความรู้สึก เขนหยอกว่าวันนี้ดูหอมจะรู้เรื่องกับข้าวกับปลามากกว่าปกติ
“ก็บอกแล้วว่าหอมพูดไปตามความรู้สึก คุณลุงคะ เมื่อเช้าหอมเอาต้นพุดซ้อนที่แฟนคลับให้มาไปลงไว้ให้หลังบ้านนะคะ” ขวัญอนงค์แทรกขึ้นว่านี่ก็รู้ใจอีกเหมือนกัน “ข้อนี้ไม่เห็นจะยาก คุณลุงปลูกต้นพุดซ้อนไว้เยอะแยะ แสดงว่าต้องชอบดอกพุดซ้อนอยู่แล้ว จริงไหมคะคุณลุง”
“จริง” บุรียิ้มพอใจ “ขอบใจหนูมากที่วันนี้ช่วยพาความทรงจำบางอย่างคืนมาให้ลุง”
หอมพุธยิ้มหวานกับบุรีอย่างสมใจตัวเอง แล้วมองไปทางขวัญอนงค์แต่ยิ้มหวานนั้นกลายเป็นยิ้มเยาะในพริบตาศวัสกับเขนต่างสังเกตหอมพุธไม่คลาดสายตา... เมื่อเลี่ยงออกไปพบกันที่สนามหน้าบ้าน เขนบอกศวัสอย่างมั่นใจว่า
“เขนแน่ใจแล้วว่า คุณแม่คุณหมอยังสิงอยู่ในตัวหอมน้ำ คุณหมอคิดว่ายังไงคะ” ศวัสบอกว่าต้องพิสูจน์ “เขนเตรียมมาแล้วค่ะ” พูดพลาง เขนดึงสร้อยพระพวงใหญ่ของตนออกมา แล้วพากันกลับไปที่ห้องรับแขกที่หอมพุธกำลังคุยจ้ออยู่ ศวัสถามว่าคุยอะไรกันอยู่หรือ
“คุยเรื่องที่หอมน้ำมีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนพุธกันยา” ขวัญอนงค์บอก หอมพุธหัวเราะขอบคุณขวัญอนงค์ที่คิดอย่างนั้น เขนชวนหอมพุธออกไปคุยอะไรกันข้างนอกหน่อยได้ไหม หอมพุธจึงจำต้องลุกไปบอกทุกคนว่าคุยกันไปก่อนเดี๋ยวตนมา
ขวัญอนงค์ขอตัวกลับ บุรีบอกศวัสว่าตนจะไปส่งอาขวัญก่อน ศวัสไหว้ขวัญอนงค์
“สวัสดีค่ะ แล้วอาจะทำกับข้าวให้ทานอีก คราวนี้จะเจียวไข่ใส่น้ำตาลปี๊บให้”ขวัญอนงค์หยอกอย่างเอาใจ พอขวัญอนงค์เดินคู่ไปกับบุรี ศวัสพึมพำกับตัวเอง
“ไข่เจียวใส่น้ำตาลปี๊บ...”
ooooooo










