ตอนที่ 11
เช้านี้ ศวัสลงมาที่โต๊ะอาหารช้ากว่าปกติ เขาขอโทษบุรีที่ตื่นสายไปหน่อย พอศวัสลงมาที่โต๊ะ เยาวภา ก็สั่งแจ่มให้ยกอาหารเช้ามา
ระหว่างนั้น ศวัสเล่าให้บุรีฟังว่าเมื่อวานหอมน้ำไม่สบาย ตนพาไปส่งโรงพยาบาล บุรีตกใจถามว่าเป็นอะไร
“เห็นหมอบอกว่าน่าจะเป็นเพราะพักผ่อนน้อย เดี๋ยวผมจะแวะไปดูหน่อย” บุรีพูดอย่างเสียดายว่าวันนี้ตนมีนัดกับท่านรัฐมนตรีเสียด้วย “ไม่เป็นไรครับ หอม ไม่ได้เป็นอะไรมาก พรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านได้แล้ว”
บุรีบอกว่ายังไงตนก็ควรไปเยี่ยม เพราะ...บุรีเกือบหลุดปากไปแล้วแต่หยุดเสียก่อนเมื่อสบตาศวัส พุธกันยาที่ฟังอยู่ด้วยถามว่า “เพราะกัลเคยสิงอยู่ในร่างหอมใช่ไหมคะ” แต่ไม่มีใครได้ยิน ศวัสบอกบุรีว่า
“คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะดูแลหอมน้ำอย่างดีที่สุดครับ”
แล้วสองพ่อลูกก็ทานอาหารเช้ากันเงียบๆ พุธกันยา มองสามีและลูกด้วยความรักและซาบซึ้งใจ
เมื่อศวัสไปเยี่ยมหอมที่ห้องพักฟื้น เขนเล่าว่าเมื่อคืนหอมฝันร้ายอีกแล้วนี่ก็เพิ่งหลับไป ศวัสถามว่าพูดเหมือนหอมฝันร้ายบ่อยๆ เขนบอกว่าระยะหลังนี้บ่อยเลยทำให้หอมนอนไม่ค่อยหลับ
ศวัสมองหอมที่หลับสนิท ถามเขนว่าวันนี้เธอมีธุระอะไรหรือเปล่า พอเขนบอกว่าที่จริงก็ต้องไปพบอาจารย์แต่เลื่อนได้
“ไม่ต้องเลื่อนหรอก ฉันจะฝากพยาบาลที่เคาน์เตอร์ให้ พอตรวจเสร็จก็จะขึ้นมาดู”
เขนถามอย่างเกรงใจว่าไม่รบกวนคุณหมอหรือ ถูกย้อนถามว่า “ถ้ารบกวนฉันจะพูดอย่างนั้นไหม” เขนก็รีบขอบคุณ
ooooooo
เอิงขับรถพาวดีไปหาหมอศวัสที่โรงพยาบาล พอไปถึงก็เจ้ากี้เจ้าการทำราวกับเป็นผู้ปกครองวดีและเป็นผู้ช่วยหมอ บอกวดีว่าเจ็บตรงไหนให้บอกหมอตรงๆ ไม่ต้องโกหก พอวดีขึ้นนั่งเก้าอี้ตรวจก็สั่งให้อ้าปาก
วดีบอกศวัสให้ช่วยไล่เอิงออกไปหน่อยตนรำคาญ พอศวัสตรวจก็แปลกใจบอกว่าซี่ที่ผุอุดหมดแล้วไม่น่าปวดอีก วดีเลยพูดแก้เกี้ยวว่า
“เพิ่งหายปวดเมื่อเช้านี้เองค่ะ ความจริง อาก็บอกน้องเอิงแล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันจะพาอามาตรวจ เขาเป็นห่วง อามาก คือ...เรามีกันแค่สองคนป้าหลาน หากใครเป็นอะไรไปคนหนึ่ง คนที่เหลือก็แย่”
“ถ้าหากคุณวดีปวดอีก ค่อยมาหาใหม่ก็ได้นะครับ”
วดีขอบคุณลุกขึ้นออกจากห้องไป เอิงรออยู่แถวหน้าห้องพอเห็นวดีออกมาก็ถามทันทีว่า “คุณหมอล่ะคะ” วดีบอกว่าเขาก็ตรวจคนอื่นต่อสิ เอิงถามอีกว่าแล้วเขานัดมาเมื่อไหร่อีก วดีตอบอย่างรำคาญว่า “นัดเมื่อปวด”
ระหว่างนั่งรถกลับ เอิงได้รับสายจากเพลินพิศเล่าเรื่องหอมเข้าโรงพยาบาล และที่ทำให้เอิงหัวเสียคือ เพลินพิศบอกว่าหมอศวัสเป็นคนพาหอมเข้าโรงพยาบาลเอง วดีเห็นอาการบ้าผู้ชายของเอิงก็ทั้งอบรมและปรามว่า
“ฟังป้านะ หมอศวัสเขาไม่ชอบผู้หญิงเอะอะโวยวายหรอก แล้วจำใส่ใจเลยว่า ผู้ชายเขาจะวิ่งหนีผู้หญิงที่ตามจับเขา” แล้วสั่งให้ขับรถกลับออฟฟิศได้แล้ว เอิงถูกอบรมก็ทำตามอย่างว่าง่าย
ooooooo
ระหว่างเอิงขับรถพาวดีออกจากโรงพยาบาล สวนกับรถของขวัญอนงค์ที่มากับเพลินพิศ ขวัญอนงค์ถามว่าสองคนนั้นมาเยี่ยมหอมหรือ เพลินพิศมีพิรุธแว่บหนึ่ง โกหกว่าคงไม่ใช่ อาจมาตรวจร่างกายหรือไม่ก็ไม่สบายมาหาหมอ
ขวัญอนงค์ถามเพลินพิศว่าเผลอไปบอกใครเรื่องนี้หรือเปล่า เพลินพิศแกล้งหัวเราะถามว่าจะไปบอกใครได้ในเมื่อตนอยู่กับอาขวัญตลอดเวลา
เขนกลับจากมหาวิทยาลัยบอกหอมว่าทั้งอาจารย์และเพื่อนๆ ฝากมาเยี่ยมเยียนหอมด้วย พวกเขาจะมาเยี่ยมแต่ตนบอกว่าพรุ่งนี้หอมก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้วพวกเขาเลยฝากคำเยี่ยมเยียนมา แล้วจู่ๆเขนก็บอกว่า
“คุณหมอฟันทันตแพทย์เขาเป็นห่วงหอมมากรู้ไหม” หอมหันหน้าไปทางอื่นบอกว่าหมอก็ต้องห่วงคนไข้ทุกคน เขนติงว่า “เขาเป็นหมอฟันนะจ๊ะ ไม่ใช่หมอ...”
พอดีขวัญอนงค์กับเพลินพิศเข้ามา หอมถามว่าอาขวัญรู้ได้ยังไงว่าตนอยู่โรงพยาบาล ขวัญอนงค์บอกว่าบุรีบอก
ส่วนเพลินพิศ มาถึงก็หาเรื่องกระแนะกระแหน ถามว่าใครเป็นสปอนเซอร์ให้ ถูกขวัญอนงค์เรียกปรามก็ยังไม่หยุด ทำเป็นว่าเป็นห่วงคนในวงการเดียวกันเพราะหอมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เขนหมั่นไส้เลยโพล่งไปว่า
“คุณเพลินไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ หอมเขามีตังค์จ่าย แต่ดูเหมือนคุณหมอศวัสจะจัดการให้หมดแล้ว”
เขนไม่ยอมให้เพลินพิศมาดูถูกกระแนะกระแหนหอมฝ่ายเดียว เลยทั้งชี้แจงตอบโต้และประชด จนมีปากเสียงกัน หอมขอร้องว่า “หอมขออยู่เงียบๆ ได้ไหม หอมไม่สบาย” เพลินพิศก็หาว่าหอมไล่ชวนขวัญอนงค์กลับกันดีกว่า ขวัญอนงค์ก็พลอยไปกับเพลินพิศด้วย บอกว่าเสียใจที่อุตส่าห์มาเยี่ยมกลับถูกไล่
หอมตกใจรีบขอโทษบอกว่าตนไม่ได้ไล่ พอสองคนนั้นออกไป เขนบอกช่างเขาเถอะ แต่หอมก็อัดอั้นจนน้ำตาคลอ
ooooooo
ขวัญอนงค์กับเพลินพิศออกมาที่ลิฟต์ เจอศวัสออกจากลิฟต์พอดี ขวัญอนงค์จึงชวนไปนั่งคุยกัน
ขวัญอนงค์ถามว่าหอมเป็นอะไรหรือ ศวัสบอกว่าพักผ่อนน้อย ไม่มีอะไรมากพรุ่งนี้ก็กลับได้แล้ว ถามว่าคุณพ่อบอกอาขวัญหรือ เพลินพิศแทรกทันทีว่า
“พออาขวัญทราบก็รีบชวนเพลินมาเยี่ยม แต่กลับถูกหอมน้ำไล่กลับ”
ขวัญอนงค์แก้ว่าไม่ถึงกับไล่หรอก เพียงแต่หงุดหงิด แล้วทำเป็นจะพูดอะไรแต่ไม่พูด เพลินพิศเลยพูดแทนว่า
“อาขวัญหมายถึงหอมน้ำถูกผีสิงใช่ไหมคะ” ศวัสถึงกับอึ้ง ขวัญอนงค์ทำเป็นเรียกปรามเพลินพิศ และขอโทษศวัสแต่ก็พูดว่า “แต่มันก็อาจจะเป็นไปได้”
ศวัสตัดบทว่าตนไม่อยากพูดเรื่องนี้ ขวัญอนงค์ขอโทษอีกครั้งบอกว่าที่พูดเพราะเป็นห่วงหอม
พอแยกจากศวัสแล้ว ขวัญอนงค์ก็ตั้งข้อสังเกตกับเพลินพิศว่า หอมน้ำหน้าตาซีดๆ และซีดแปลกๆ แต่ก็พูดออกตัวว่า
“อาไม่แน่ใจว่า การที่กัลยาเข้าสิงหอมน้ำนานๆ แล้วมันจะมีผลอะไรหรือเปล่า”
เพลินพิศไม่พูดอะไร แต่สีหน้าสะใจแล้วขับรถออกไป
ooooooo
ครู่ใหญ่ศวัสเข้ามาเยี่ยมหอม เขนเลยฝากหอมไว้สักครู่ตนขอไปทานข้าวก่อน
ศวัสนึกถึงการสนทนากับขวัญอนงค์และเพลินพิศเมื่อครู่ที่ทั้งสองพูดถึงเรื่องหอมถูกผีสิง เขาสังเกตสีหน้าหอมที่ซีดมาก บอกว่าเธอจะต้องได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด หอมบอกว่าตนไม่เป็นอะไร
“เธอต้องตรวจ ถ้าเธอไม่รักตัวเองก็ต้องนึกถึงคนที่เขารักและเป็นห่วงเธอ” พูดแล้วรู้ตัวก็หาข้ออ้างเฉไฉไปว่าเช่นคุณพ่อคุณแม่ เขน และคนอื่นๆ
หอมถามว่าอาทิตย์หน้าละครจะออนแอร์แล้วคุณหมอจะดูไหม เขาตอบทันทีว่าไม่ ตอบแล้วเห็นหอมหน้าเสียและพยายามกลั้นน้ำตา เขาพูดเสียงอ่อนลงว่า
“ฉันไม่ค่อยมีเวลาดูทีวี...อยากให้ฉันดูหรือ” หอมขอโทษบอกว่าตนลืมไปว่าเขาไม่มีเวลาให้กับเรื่องไร้สาระ ศวัสสวนทันทีว่า “ฉันยังไม่ได้พูดอย่างนั้นสักคำ”
หอมบอกว่าคุณหมอไม่พูดตนก็เดาออก รู้ว่าคุณหมอพูดในใจ เขาเลยชมประชดว่าเก่งนี่ ถามว่าแล้วรู้ไหมว่าตอนนี้ใจตนพูดอะไรอีก หอมอึกอักรู้สึกเขินและหวั่นไหวกับสายตาของเขา
แต่แล้วบรรยากาศก็เปลี่ยนไปเมื่อเจคนำคณะมาเยี่ยม เจคมีกระเช้ามาด้วย ทับทิมถามหอมก่อนเพื่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง อุมาก็บอกว่าค่ำๆ โค้กกับคัมภีร์และป้าพิไลก็จะมากันอีกชุด ระหว่างนั้นศวัสเดินเลี่ยงออกจากห้อง เจคเห็นจึงเดินตามไปคุยด้วย
เจคเลียบเคียงถามเรื่องอาการป่วยของหอมว่า “หอมน้ำไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม”
“ครับ แต่ผมยังไม่ค่อยแน่ใจ เลยจะให้ตรวจร่างกายพรุ่งนี้ หน้าตาเขาซีดๆ”
“ท่าทางเด็กคนนี้ไม่ค่อยแข็งแรง อาก็ว่าดีแล้วที่เขาจะเลิกเล่นละคร”
ระหว่างที่เจคออกจากห้องไปนั้น ทั้งฟ้าและอุมาก็ผลัดกันพูดกระแนะกระแหนหอม เขนกับทับทิมคอยปกป้องหอมจนบรรยากาศตึงเครียด แต่พอเจคผลักประตูเข้ามาทุกคนก็ปรับท่าทีเป็นปกติกันทันที
“ละครจบก็ป่วยเลยนะเรา” เจคหยอกหอม หอมไหว้ขอบคุณที่มาเยี่ยม เจคพูดอย่างผู้ใหญ่ที่มีเมตตาว่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่ ครอบครัว ‘สร้างศิลป์ 2000’ ไงล่ะ” หอมขอบคุณอย่างตื้นตันใจ เจคบอกหอมอีกว่า “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางบริษัทจะรับผิดชอบ”
“เรื่องนี้คุณหมอศวัสบอกว่า...” เขนพูดไม่ทันจบก็ถูกเจคขัดขึ้นว่า
“หมอศวัสไม่เกี่ยว หอมทำงานกับอา อาก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบเอง”
หอมสบตาเขนอย่างอึดอัดใจ
ooooooo
เจคยังครุ่นคิดเรื่องที่คุยกับพุธกันยาจนนอนฝันไปว่า ตนได้พยายามหว่านล้อมพุธกันยาเรื่องโอกาสที่เธอจะได้กลับมาอยู่กับลูกและสามีซึ่งเป็นโอกาสหนึ่งในไม่รู้กี่ล้าน เวลานี้หอมน้ำก็อ่อนแอลงมาก
พุธกันยาบอกว่าถ้าตนไม่สิงหอมอีกหอมก็จะค่อยๆ แข็งแรงขึ้น เจคถามว่าแล้วตัวเธอล่ะ พุธกันยาบอกว่าตนก็จะไป
“โดยไม่คิดถึงสามีกับลูกเลยอย่างนั้นหรือ” เจคพยายามหว่านล้อมให้พุธกันยาทำตามที่ตนเสนอ แต่พุธกันยายืนกรานในเจตนารมณ์ของตน เชื่อมั่นว่าตนเป็นผู้หญิงคนเดียวที่บุรีรัก เราผูกพันกันมากจนตนข้ามไปไม่พ้นโลกนี้สักที ความรักของบุรีฉุดรั้งวิญญาณของตนไม่ให้ไปไหน เจคถามว่า “แล้วคุณล่ะ คุณอยากไปจากเขาหรือเปล่า”
“ไม่เคยเลยแม้แต่สักนาทีเดียว... กัลยังไม่พร้อมจากไป ยังมีอีกหลายอย่างที่กัลอยากจะบอกเขา”
“คุณมีโอกาสบอกเขาแล้ว อย่าทิ้งไปง่ายๆ โอกาสเป็นของคุณแล้ว”
“ไม่...” พุธกันยาปฏิเสธ ร้องไห้โหยหวน
เจคสะดุ้งตื่นจากความฝัน เขายกมือลูบหน้ากับความฝัน ที่สะเทือนใจ มองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นพุธกันยาที่ยืนอยู่ในเงามืด เจคถาม “กัล...คุณอยู่ในนี้หรือเปล่า...ผมหมายความตามที่พูดในความฝันจริงๆ ผมอยากให้คุณคิดให้ดี...”
พุธกันยาค่อยๆเลือนหายไปในความมืด เจคร้องเรียก “กัลยา...” แต่ทุกอย่างเงียบสนิท
เจคถอนใจยาว...ทิ้งตัวลงนั่ง สีหน้าเคร่งเครียด...
ooooooo
เช้านี้ หอมถูกพาตัวไปโรงพยาบาล หอมหน้าซีดกังวลจนเขนต้องจับมือปลอบใจว่าไม่ต้องกลัวหอมไม่เป็นอะไรหรอก พอศวัสจอดรถกลับมาก็ทักหอมว่าวันนี้หน้าตาดีขึ้นแล้ว หอมเสนอทันทีว่างั้นไม่ต้องตรวจได้ไหม
“ตรวจเสียนั่นแหละดี ไม่ได้เป็นอะไรก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นก็จะได้รักษา”
ข่าวหอมเข้าโรงพยาบาล ถูกบรรดาพวกที่เขม่นคอยจับผิดหอมส่งข่าวกันให้คว่ัก ฟ้าโทร.บอกเอิงตั้งแต่เมื่อคืน เอิงโทร.คุยกับเพลินพิศแช่งให้เอกซเรย์ออกมาแล้วข้างในกลวงโบ๋เพราะถูกผีเจาะกินไปหมดแล้ว
“ว้าย...พี่เพลินใจร้ายอ้ะ เพี้ยง! ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ” เอิงทำดีดดิ้น เพลินพิศขอวางสายเพราะขวัญอนงค์เข้ามาแล้ว พอขวัญอนงค์ถามว่าคุยกับใครอยู่หรือ เพลินพิศบอกว่าเพื่อน
“ใช่น้องเอิงหรือเปล่า หมู่นี้เห็นสนิทสนมกันดี” เพลินพิศไม่ตอบว่าใช่หรือไม่ แต่ชมว่าน้องเขาน่ารักดี พอถูกขวัญอนงค์พูดประชดว่า “เราก็น่ารักพอกันนั่นแหละ” เพลินพิศก็ปะเหลาะเอาใจว่า
“อาขวัญคะ เพลินเชียร์อาขวัญกับคุณบุรีเต็มที่เลย”
ถูกรุ่นหลานเชียร์อย่างรู้ใจ ทำเอาขวัญอนงค์ออกอาการเขิน
ooooooo
วดีกำลังคุยโทรศัพท์อารมณ์ดี แต่พอเห็นเอิงเดินออกมาโดยมีลิซซี่ถือกระเป๋าตามหลังมาก็ถามประชดว่า วันนี้จะไปผลาญเงินที่ไหนหรือ เอิงหัวเราะร่วนบอกว่าคอยฟังข่าวดีก่อนค่อยไป
“ฉันขอเตือนแกด้วยความหวังดีอีกครั้งนะ ถ้าหากไม่เชื่อก็ตัวใครตัวมัน การแย่งผู้ชายด้วยวิธีน้ำเน่าอย่างที่แกกำลังทำอยู่น่ะ ไม่มีทางสำเร็จหรอก”
ลิซซี่อวดรู้บอกเอิงว่าควรเชื่อคุณป้าเพราะท่านอาบน้ำร้อนมาก่อน เคยผิดหวังมาก่อน วดีชักสีหน้าเรียกปราม ลิซซี่ทำเสียงอ่อยบอกว่า “เหมือนลิซซี่เคยอ่านประวัติคุณวดีจากที่ไหนมาสักแห่งน่ะค่ะ” ถูกวดีปรามว่ายังจะขยายต่ออีก
“พี่ลิซซี่ไปอ่านที่ไหนหรือคะ น้องเอิงจะได้อ่านบ้าง”
ลิซซี่มองวดีทำตาปริบๆ เลยโดนไล่ “ไปให้พ้น ทั้งสองคนนั่นแหละ!”
คำพูดของลิซซี่สะกิดแผลเก่าในใจของวดีอย่างแรง เธอนั่งพิงพนักหลับตานึกถึงอดีตเมื่อ 30 ปีกว่ามาแล้ว...
เวลานั้นเธอยังสาว และเจคก็ยังหนุ่ม เธอเข้าไปหาเจคในขณะที่เขากำลังดูอัลบั้มรูปของพุธกันยาอยู่ในห้องทำงาน เธอยิ้มสดใสบอกเจคว่า จะมารับไปทานข้าวด้วยกัน เจคตอบอย่างเย็นชาว่า “ผมไม่หิว!”
“อะไรกัน พิไลบอกวดีว่าคุณไม่ได้ทานข้าวเลยตั้งแต่เมื่อเย็นวาน” เจคเสียงขุ่นว่า บอกว่าไม่หิวก็ไม่หิวสิ “วดีเป็นห่วงคุณนะคะ พิไลก็เป็นห่วง ทุกคนก็...”
“ขอร้องเถอะวดี ผมอยากอยู่คนเดียว”
วดีมองอัลบั้มรูปที่กางอยู่บนโต๊ะเจค พูดอย่างหมดความอดทนว่า “เพราะไอ้รูปพวกนี้ใช่ไหมคะ กัลยาตายไปตั้งหลายเดือนแล้ว เมื่อไหร่เจคจะทำใจได้เสียที เฮอะ! ผัวเขายังไม่เศร้าถึงครึ่งนึงของเจคเลยมั้ง” เจคไล่ให้ออกไป วดีก็ยังเย้ยก่อนเดินออกไปว่า “ตามใจ เจคจะอยู่กับผีแม่กัลยาก็ตามใจ! ผู้หญิงที่เหลือแต่เถ้าถ่านน่ะ สู้ผู้หญิงที่ยังมีชีวิตจิตใจอยู่ไม่ได้หรอกค่ะ”
นึกถึงอดีตแล้ว วดีโทรศัพท์ถามลิซซี่ว่าส่งคนไปโรงพยาบาลหรือยัง พอได้รับคำตอบว่าไปแล้วก็ชม “ดีมาก!”
ส่งหอมถึงมือหมอแล้ว ศวัสเข้าไปนั่งที่ห้องพักแพทย์ หยิบรูปดอกพลับพลึงธารที่หอมปริ๊นต์มาให้ดู หอมเขียนไว้ใต้รูปว่า “ดอกพลับพลึงธาร หรือ หอมน้ำ” แล้วเงยหน้าขึ้นเอ่ยด้วยสีหน้ากังวลว่า...
“คุณแม่ครับ คุณแม่ช่วยคุ้มครองหอมน้ำอย่าให้เป็นอะไรเลยนะครับ”
พุธกันยาที่มายืนดูรูปดอกพลับพลึงธารอยู่ด้วย ได้ยินศวัสเอ่ยขอถึงกับอึ้ง
ooooooo
คืนนี้วดีอยู่ทำงานจนถึงสามทุ่มยังไม่กลับ ลิซซี่เอาสลัดกับน้ำส้มคั้นมาให้แล้วขอไปงานวันเกิดเพื่อน ถามวดีว่ายังไม่กลับหรือ ไม่กลัวผีหรือ ถูกวดีด่าเลยรีบเผ่น
วดีเชื่อมั่นว่าไม่มีผีที่ไหนจะกล้ามาหลอกเจ้าที่อย่างตน แล้วควักพระที่ห้อยคอออกนอกเสื้อพร้อมกับหยิบขวดน้ำมนต์มาวางตรงหน้าเตรียมพร้อม
ลิซซี่ไปไม่ทันไรก็มีเสียงเหมือนคนเดินมาหยุดตรงประตู วดีเดินไปดู มือหนึ่งกุมพระอีกมือถือขวดน้ำมนต์ แต่พอเปิดประตูออกไปก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ หันกลับเข้าห้องก็ได้ยินเสียงแมวร้อง หันเห็นแมวที่มุมห้องก็ด่า “ไอ้แมวบ้า ออกไป๊”
วดีไปเรียก รปภ.มาจับแมวออกจากห้อง รปภ.มาถึงไม่เห็นแมวแล้ว วดีสงสัยมันกระโดดออกไปทางหน้าต่าง รปภ.บอกว่าหน้าต่างปิด วดีตัดบทว่าช่างเถอะไม่มีก็ไม่มี บอก รปภ.ให้ไปได้แล้ว
พอวดีมาเก็บของจะกลับก็ได้ยินเสียงประตูปิดดังปัง! เมื่อสะพายกระเป๋าออกจากห้องก็ไม่มีอะไรผิดปกติ
“ใคร...แกรึกัลยา!” ถามพลางจับพระมือหนึ่งอีกมือถือขวดน้ำมนต์พร้อมสาด “ฉันไม่กลัวแก ฉันมีพระ มีน้ำมนต์ ฉันจะสาดแกให้หนีกลับนรกไปเลย!”
พอมองไปมุมห้องเห็นเงาดำๆของผู้หญิง วดีสาดน้ำมนต์ไปที่เงานั้น แต่เงากลับเหมือนจะเดินเข้าหา วดีโยนขวดน้ำมนต์ทิ้งเดินแกมวิ่งออกไปด้วยความกลัว
พอกลับถึงคอนโด วดีเล่าให้เอิงฟัง เอิงหัวเราะขำแทบจุก วดีสงสัยถามว่าไปเอาน้ำมนต์จากวัดไหนมา ปรากฏว่าเอิงเอาน้ำก๊อกใส่ขวดให้ โกหกว่าเป็นน้ำมนต์ อ้อนวดีว่าอย่าโกรธเลยพรุ่งนี้ตนจะไปเอาน้ำมนต์ที่วัดมาให้จริงๆ วดีทั้งโมโหทั้งเสียหน้าที่ถูกหลานตัวแสบหลอกเดินเข้าห้องไปเลย เอิงบ่นอุบอิบ “ว้า ป้าโกรธจริงๆด้วยแฮะ”
พอเข้าห้องนอนวดีก็พึมพำ “นังกัลยา! ฉันไม่ยอมให้แกทำฉันฝ่ายเดียวหรอก”
ดังนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นวดีก็สั่งการลิซซี่ “คืนนี้แกไปจัดการตามที่ฉันสั่ง ทำให้สำเร็จด้วย”
ooooooo
วันนี้ศวัสกับเขนและทับทิมรับหอมกลับหอพัก พอเข้าห้องพักหอมก็เห็นพุธกันยานั่งอยู่ที่เตียงแล้วและลมหายใจตัวเองก็มีไอเย็นออกมา พุธกันยาบอกหอมว่าดีใจที่เธอปลอดภัยดีทุกอย่างแล้วออกไป
ศวัสส่งหอมแล้วขอตัวไปทำงานต่อ บอกหอมว่าแล้วจะโทร.มาหา ครู่ใหญ่ทับทิมก็ขอเข้าออฟฟิศเพราะบ่ายๆ จะมีฟิตติ้งละครเรื่องใหญ่ บอกว่าค่ำๆจะมาอยู่เป็นเพื่อน
“ถ้าใครจะมาเยี่ยมก็บอกว่าอย่าเพิ่งนะพี่ทับ เขนอยากให้หอมพักอีกสองสามวัน” เขนบอก ทับทิมถามว่าแล้วถ้าเป็นคุณเจคล่ะ เขนบอกว่าเหมือนกัน ทับทิมบ่นๆว่าไม่รู้จะเชื่อหรือเปล่า แล้วกลับไป
หอมนอนหลับสนิทแล้ว เขนค่อยๆดึงสร้อยพระออก มาไว้นอกเสื้อ ภาวนาให้พระพุทธคุณช่วยปกป้องหอมด้วย
ทับทิมกลับไปถึงออฟฟิศ เพลินพิศถามทันทีว่าไปเยี่ยมหอมมาหรือ ใกล้ตายหรือยัง
“หน้าตาก็สวยดี แต่ปากเหมือนส้วม พูดออกมาทีเหม็นฉึ่ง” ทับทิมด่าอย่างสุดทน เพลินพิศเอาเรื่อง สั่งทับทิมให้ขอโทษตนเดี๋ยวนี้ไม่งั้นได้ตกงานแน่ แล้วหันไปบอกโค้กให้เป็นพยานด้วย ตนจะไปฟ้องคุณเจค
เพลินพิศฟ้องฉอดๆ แล้วรวบรัดตัดบทว่า
“ถึงเพลินจะพูดจริง แต่อี...เอ๊ย...พี่ทับก็ไม่ควรด่าเพลิน พี่ทับไม่มีสิทธิ์ เพลินเป็นดารา พี่ทับเป็นแค่คอสตูม”
“คอสตูมก็เป็นคนนะเพลิน” เจคดุ แล้วตัดสิน “อาจะให้ทับเขาขอโทษเพลิน แล้วขอให้เลิกแล้วต่อกัน ถ้าต่อไปทับยังพูดไม่ดีกับเพลินอีก อาจะให้ทับออก ส่วนเพลิน ถ้าไม่สบายใจจะเล่นละครกับอาก็ไม่เป็นไร”
เพลินพิศรีบบอกว่าตนสบายใจ ตนอยากเล่นละครกับอาเจคอีก เจคบอกงั้นก็เลิกแล้วต่อกันแยกย้ายกันไปได้ ไล่คู่กรณีออกไปแล้ว เจคทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ถอนใจยาว... สีหน้าครุ่นคิดใคร่ครวญ
ทับทิมโทร.ไปเล่าให้เขนฟัง เขนไม่อยากรบกวนหอมจึงออกไปคุยนอกห้อง เป็นโอกาสให้พุธกันยาเข้าไปหาหอม ขอโทษหอม ขอให้หอมเข้มแข็งไว้ พอดีเขนกลับเข้ามาหยิบหนังสืออ่านต่อ พุธกันยาลุกขึ้นบอกหอมก่อน ออกไปว่า
“จำเอาไว้ เธอต้องเข้มแข็ง ศวัสรักเธอ ลูกชายของฉันรักเธอ และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เธอปลอดภัย”
ooooooo
วันนี้เจคนัดขวัญอนงค์ไปทานข้าวกันที่ร้านอาหารใกล้ๆแถวนั้น ถามขวัญอนงค์ว่าเธอรักพุธกันยาไหม เธอบอกว่ารัก เราสนิทกันมาก
“ถ้าอย่างนั้น คุณต้องช่วยเขา กัลยาตายไปเป็นสิบๆปี แต่วิญญาณเขายังคงวนเวียนไปไหนไม่ได้เพราะความรักของสามีที่คอยถ่วงเอาไว้ แล้วถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้เรื่อยๆไป กัลยาจะไม่มีวันพบกับความสุขสงบ”
“แล้วจะให้ขวัญทำยังไง”
เจคบอกว่าถึงเวลาที่บุรีกับกัลยาต้องเป็นอิสระจากกันแล้ว บุรีควรเริ่มต้นชีวิตใหม่ ส่วนกัลยาก็จะได้ไปสู่สัมปรายภพเสียที พูดแล้วตบหลังมือขวัญอนงค์ที่วางอยู่บนโต๊ะเบาๆเอ่ยอย่างปรารถนาดี...
“ผมรู้ว่าคุณรักบุรีมานานแล้ว มันไม่ใช่ความผิด บุรีเองก็มีใจให้คุณไม่น้อย ถึงเวลาที่ทั้งผีทั้งคนจะได้มีความสุขเสียที”
ทีแรกขวัญอนงค์ก็ตกใจที่เจคพูดรู้ว่าเธอรักบุรีมานาน แต่พอฟังเจคพูดตบท้าย เธอก็ยิ้มออกอย่างอารมณ์ดี
พอขวัญอนงค์กลับห้อง เพลินพิศจัดน้ำส้มคั้นมาให้บอกว่าเห็นทีตนต้องกลับไปอยู่บ้านเสียที ตนจะหาเด็กมาอยู่เป็นเพื่อนและนิมนต์พระมาเจิมอีกที ขวัญอนงค์พูดอย่างผู้ใหญ่ใจดีว่าถ้าจะมาอยู่อีกเมื่อไหร่ก็มาได้ เพลินพิศขอบคุณแล้วไป
ขวัญอนงค์นิ่งคิด ยกน้ำส้มดื่ม ครู่หนึ่งสีหน้าเธอเหมือนจะคิดตก ตัดสินใจโทร.หาบุรี นัดทานข้าวกัน บุรีตอบรับอย่างยินดีว่า “เย็นนี้ผมจะเลี้ยงข้าวเอง จะให้ไปรับกี่โมงดี” ขวัญอนงค์นัดหกโมงเย็นดีไหม “ตกลงครับเย็นนี้พบกัน”
พอบุรีวางสาย เยาวภาก็เข้ามาพอดี บุรีบอกว่าเย็นนี้ตนจะออกไปทานข้าวข้างนอก เยาวภาบอกว่า เมื่อตอนกลางวันศวัสก็โทร.มาบอกว่าเย็นนี้ไม่กลับมาทานข้าวเหมือนกัน บุรีพยักหน้าแล้วเดินขึ้นข้างบน เยาวภาชะเง้อมองพึมพำ
“ดี...ไม่อยู่กันทั้งพ่อทั้งลูก ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียว”
พุธกันยารู้เห็นเหตุการณ์นี้ทั้งหมด เธอมองเยาวภา แว่บหนึ่งแล้วเดินตามบุรีขึ้นข้างบน แต่พอถึงหน้าห้องก็บอกกับตัวเองว่า “ไม่...ฉันต้องพยายามตัดใจให้ได้” แล้วเดินผ่านห้องบุรีไปห้องตัวเอง เข้าไปมองโกศเก็บกระดูก รำพึงปลงๆ
“ฉันเหลือเพียงแค่นี้เอง...แค่นี้จริงๆ”
ooooooo
เย็นนี้ศวัสไม่กลับมาทานข้าวบ้าน เพราะคอยดูแลและเคี่ยวเข็ญหอมให้กินโจ๊กที่ตนซื้อมาให้หมด
พุธกันยาเห็นศวัสดูแลหอมอย่างอบอุ่นด้วยความสะเทือนใจแล้วหันกลับออกไป พอไปหาบุรีที่นัดทานข้าวกับขวัญอนงค์เห็นบุรีตักอาหารให้ขวัญ–อนงค์และพูดคุยกันอย่างสนิทสนม พุธกันยาก็หันหลังกลับด้วยความสะเทือนใจอีกครั้ง
กลับมาที่บริเวณกอพุดซ้อน พุธกันยารำพึงกับดอกพุดซ้อนอย่างสะเทือนใจเจ็บปวด ขมขื่นว่า
“ฉันก็เหมือนดอกพุดซ้อน ที่ร่วงหล่นจากต้นแล้วไม่มีใครที่ไหนจะนึกถึงอีก...”
ศวัสอยู่เคี่ยวเข็ญให้หอมกินโจ๊กจนหมดแล้วเขาบอกว่าเดี๋ยวจะโทร.รายงานพ่อกับแม่ของหอมให้หายห่วง หอมบอกว่าตนโทร.เองก็ได้
“เธอพักผ่อนเถอะ ฉันรับปากท่านไว้แล้ว อย่าลืมทานยาแล้วก็วิตามินด้วยล่ะ” หอมไหว้ขอบคุณ ศวัสรับไหว้บอกไม่เป็นไร พูดออกตัวว่าตนทำตามหน้าที่ที่รับปากไว้กับพ่อแม่ของเธอเท่านั้น ก่อนออกไปบอกหอมว่า “แล้วจะมาเยี่ยมอีก หรือถ้าวันไหนไม่ว่างก็จะโทร.มา”
ศวัสห่วงใยและดูแลหอมอย่างดี แต่ด้วยท่าทีที่ไว้ตัวทำเป็นห่างเหิน พอหอมพูดอะไรที่ไม่ถูกใจก็ดุ ตำหนิว่า ดื้อ อวดดี จนหอมไม่กล้าพูดอะไรอีก พอศวัสกลับไปหอมก็ร้องไห้ด้วยความน้อยใจ บอกเขนว่าศวัสเข้าใจตนผิด เขนถามว่าแล้วเมื่อกี๊เขาอยู่ทำไมไม่ชี้แจง หอมบอกว่าไม่กล้า เขนเลยออกไปนอกห้องแอบโทร.ไปบอกศวัสเอง
“เขนเองค่ะ เขนขออนุญาตเล่าเรื่องหอมให้คุณหมอฟัง คือว่าหอมเขาไม่ได้ดื้อหรืออวดดีอะไรหรอกค่ะ...” หอมเปิดประตูออกมายืนฟัง พอเขนหันมาหอมส่ายหน้าไม่ให้พูด เขนเลยตัดบท “แค่นี้ก่อนนะคะ” แล้วปิดโทรศัพท์เซ็งๆ
ส่วนศวัสฟังเขนยังไม่ทันรู้เรื่องอะไรก็ถูกวางสายเสียก่อน เขาวางสายบ่น “เด็กสมัยนี้เหมือนกันหมด”
ooooooo
ลิซซี่รับแผนการจากวดีก็นัดคนขับรถที่เคยรับจ้างเอาอมยิ้มไปวางหน้ารถศวัสมาพบกัน สั่งงานแล้วตัวเองรอฟังผลงานอยู่นอกบ้านศวัส
พอคนขับรถแอบเข้าไปในบ้านก็ตรงไปฟันกอพุดซ้อนจนล้มระเนระนาด
พุธกันยานอนอยู่ในห้องตัวเอง ได้ยินเสียงแปลกๆ ลุกพรวดขึ้นดูอย่างเคียดแค้น
ที่บ้านกนก เจ้าตัวเอากล้องส่องดูเห็นคนกำลังฟันต้นพุดซ้อนก็ปลุกวันทนาให้ลุกมาดู แต่พอวันทนาลุกมาก็ไม่เห็นอะไรแล้ว เห็นแต่สายฝนโปรยปรายลงมาหนาเม็ด เลยบอกกนกว่าไม่เห็นมีอะไร ไปนอนดีกว่า
“พูดอะไรก็ไม่เชื่อเล้ย! หน็อย...ไอ้เรายืนยัน แต่มันจะนอนยัน” กนกไม่แล้วใจลุกขึ้นไปส่องกล้องดูอีก แต่ไม่เห็นอะไรแล้วเพราะฝนตกหนักมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น บุรีไปดูกอพุดซ้อนที่ถูกฟันอย่างหงุดหงิด เยาวภามาดูด้วยพูดเหมือนจะปลอบใจว่ายังดีที่มันไม่ได้เข้าบ้าน ถูกบุรีสวนทันควันว่า
“ให้มันเข้าไปขโมยของยังดีกว่ามาฟันต้นพุดซ้อนพวกนี้...กัลยาเขารักดอกพุดซ้อนมาก”
ศวัสที่มาสมทบบอกพ่อว่าคงต้องติดกล้องวงจรปิดไว้แถวนี้ด้วยแล้ว ให้กำลังใจพ่อว่า
“เดี๋ยวเราไปจตุจักรกันดีไหมครับคุณพ่อ ไปซื้อต้นพุดซ้อนมาปลูกใหม่”
บุรีบ่นว่าไม่เข้าใจเลยทำไมต้องฟันต้นพุดซ้อน ศวัสหันบอกคนสวนให้กวาดแถวนี้ให้สะอาด แล้วชวนบุรีเข้าข้างใน
ครู่ใหญ่ กนกก็พรวดเข้าไปบอกบุรีกับศวัสว่าตนเห็นคนที่บุกรุกเข้ามาในบ้านเมื่อคืนนี้ พุธกันยาได้ยินก็โพล่งถามว่า “นังสุรีย์ ช้อยนิ่มไหม” แต่ไม่มีใครได้ยิน บุรีถามกนกว่าเห็นคนเข้ามาหรือ กนกเล่าอย่างตื่นเต้นว่า
“ใช่ค่ะ มันมาคนเดียว พอมาถึงมันก็ฟันเอ๊า...ฟันเอาเลยค่ะ คุณหนกพยายามจะซูมหน้ามันเข้ามา แต่พอดีฝนตกหนักเสียก่อน...ยังมีอีกนะคะ คุณหนกคลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นรถกระบะจอดอยู่เยื้องๆบ้านคุณบุรี” ศวัสถามว่าจำทะเบียนรถได้ไหม “รู้สึกว่าจะไม่ได้ติดป้ายทะเบียนค่ะ”
“ฉันมั่นใจว่าต้องเป็นนังสุรีย์ ช้อยนิ่ม แน่”
พุธกันยายืนยันฟันธง
ooooooo
วันนี้ขณะหอมนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง พุธกันยาเข้ามาขอบใจที่หอมช่วยให้ตนได้พูดได้คุยกับลูกและสามี บอกหอมว่าตนตั้งใจจะไปตามทางของตัวเองเสียที แล้วขอกอดหน่อยได้ไหม
หอมยอมให้กอด พุธกันยามองสร้อยพระ หอมจึงถอดวางไว้ที่หัวนอน ทันทีที่พุธกันยาสวมกอดหอมสองร่างก็กลืนเป็นร่างเดียวกัน พุธกันยาเดินไปหน้ากระจก มองดูตัวเองพึมพำ
“ขอโทษทีนะหอมน้ำ ที่ฉันต้องเปลี่ยนความตั้งใจที่จะไม่สิงร่างเธออีกต่อไป ฉันยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องจัดการ”
แล้วพุธกันยาในร่างหอมก็ไปหาวดีที่ห้องทำงาน เจอทั้งเอิงและลิซซี่กำลังหัวเราะสะใจกับผลงานของตน พอเห็นหอมเข้ามาลักษณะผิดปกติเชื่อว่าหอมต้องถูกพุธกันยาสิงแน่ๆ ทั้งเอิงและลิซซี่ต่างหนีออกจากห้อง วดีเอาสร้อยพระสวมคอหอม แต่พุธกันยารู้ทันออกจากร่างหอมไปก่อนแล้ว
หอมรู้สึกตัวถามวดีว่าตนมาที่นี่ได้ยังไง วดีได้ทีซักถามหอมหมายจับผิด พอหอมรู้ตัวจะกลับ วดีทวงสร้อย หอมถอดสร้อยคืนให้ แต่พอจะกลับวดีจับแขนหอมไว้ยังไม่ให้กลับ พุธกันยาจึงเข้าสิงหอมอีกครั้ง จ้องวดีด้วยดวงตาที่มีแต่ตาดำ สะบัดทีเดียววดีก็กระเด็นไป หอมพูดด้วยน้ำเสียงของพุธกันยาว่า
“แกไม่ควรทำให้ฉันเปลี่ยนใจกลับมาอีก!” แล้วเดินเชิดผ่านเอิงกับลิซซี่ที่หลบมานั่งเม้าท์กันอยู่ข้างนอก สองคนนั้นมองหน้ากันแล้วรีบเข้าไปดูวดี ถูกวดีด่าว่าใช้ไม่ได้ ดีแต่เอาตัวรอด เอิงถามว่าเมื่อกี๊ผีหรือคนกันแน่ วดีบอกว่าอาจจะเป็นคนบ้าก็ได้ แล้วยิ้มร้ายบอกว่า “รู้แล้วว่าฉันจะทำยังไง”
รุ่งขึ้นทั้งหนังสือ “ชิดขอบบันเทิง” และเกือบทุกฉบับพาดหัวตัวใหญ่ว่า “นางเอกใหม่บุกอาละวาด”... “บก.ใหญ่ตกใจ แต่ก็ให้อภัย”
ooooooo
ศวัสรับตัวหอมมาที่บ้านบอกให้หลบอยู่ที่นี่ก่อนและให้ปิดโทรศัพท์เสีย บุรีลงมาเจอหอมทักว่ามากันแล้วหรือ บอกหอมว่า “คงต้องหลบอยู่ที่นี่สักพักนึงนั่นแหละ เมื่อเช้าคุณพ่อคุณแม่เขาโทรศัพท์มาหาศวัสก็เลยรู้เรื่องกันหมด”
“ฉันเชื่อว่าเธอไม่ได้เป็นคนทำ ฉันกับคุณพ่อจะรับผิดชอบทุกอย่าง”
พุธกันยาในร่างหอมตัดสินใจบอกศวัสว่าตนสิงร่างหอมอยู่ ศวัสติงว่าสิ่งที่แม่ทำมันผิดธรรมชาติ ตนอยากให้คุณแม่ใช้เหตุผล หอมตัดบทว่า “พอที” แล้วหันหลังเดินออกไป
พุธกันยาบอกหอมว่าพื้นที่ของหอมเหลือน้อยเต็มทีแล้ว อีกไม่นานตนก็จะได้ครอบครองร่างของหอมทั้งหมด และหอมก็จะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนและจางหายไปในที่สุด
“ฉันต้องขอโทษเธอจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้เลย แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน นับตั้งแต่มุกเม็ดนั้นกระเด็นเข้าปากเธอ” แล้วพุธกันยาก็เท้าความว่า วันที่หอมเห็นตนได้ด้วยจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ของเธอ และไข่มุกเม็ดนั้นได้เปิดทางให้ตนเข้าสิงหอมได้ พุธกันยาชี้แจงเมื่อเห็นหอมงงว่า
“มุกเม็ดนั้นมันเป็นเครื่องประดับของฉัน เมื่อรวมกับซิกซ์เซ้นส์ที่เธอมี ทุกอย่างมันประจวบเหมาะกันหมด ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น ฉันจะดูแลรักษาร่างของเธอให้ดีที่สุด”
หอมตกใจ หวาดกลัว เมื่อรู้ว่าตนกลายเป็นผีไปแล้วจริงๆ แม้แต่แจ่มที่เข้ามาก็ไม่เห็นและเดินทะลุร่างหอมไปเหมือนผ่านความว่างเปล่า
ooooooo
วดีออกไปให้สัมภาษณ์นักข่าว พอนักข่าวถามว่าคราวนี้เหมือนครั้งที่เพลินพิศถูกผีพุธกันยาสิงไหม เพลินพิศชี้แจงทันทีว่าไม่เหมือน ตนคาดว่าที่พุธกันยาเข้าสิงตนคงเพราะต้องการระบายความอัดอั้นตันใจเลยสิงตน
แล้วเพลินพิศก็ใส่ไคล้หอมว่า “ที่หอมน้ำอาละวาดนี่ เพลินคิดว่าคงเป็นหอมน้ำตัวจริง เพราะทุกคนที่ร่วมงานกับเขาจะรู้กันทั้งนั้นว่าเด็กคนนี้ไม่ค่อยเต็ม”
“อันนี้เอิงเป็นพยานได้ค่ะ เขาชอบจับผู้ชาย” เอิงเสริมทำหน้ารังเกียจ
ที่บ้านศวัส ทั้งตัวเขา บุรีและหอมนั่งดูทีวีออกข่าวเรื่องนี้อยู่ ศวัสปิดทีวีทันทีบอกว่าไม่ชอบการกล่าวหากันแบบนี้ บุรีย้ำว่า “เขาถึงเรียกว่า ‘วงการมายา’ ไง แม่ของลูกโดนมาเยอะ โดนจนเอาชีวิตไม่รอด” แล้วบุรีก็ขอตัวบอกว่ามีนัดกับเพื่อน
พุธกันยาในร่างหอมรู้ทันทีว่าบุรีไปหาขวัญอนงค์ตามที่นัดกันไว้ แต่พอบุรีไป ศวัสก็ขอร้องพุธกันยาว่า
“ผมขอความกรุณาคุณแม่ให้ออกจากร่างหอมน้ำ คือ...ผมคิดว่าที่หอมน้ำดูอ่อนเพลียไม่สบาย อาจจะเป็นเพราะคุณแม่อยู่ในร่างเขานานเกินไป”
ศวัสพยายามพูดอย่างระมัดระวังและเกรงใจ แต่มันเหมือนคมมีดที่กรีดหัวใจของพุธกันยา เพราะตนพยายามไขว่คว้าหาทางที่จะได้มาอยู่กับลูกและสามีที่แสนรัก แต่ทั้งสองไม่ได้ยินดียินร้ายกับการมาของตน ลูกกลับขอร้องไม่ให้ทำและบุรีก็ออกไปกินข้าวกับขวัญอนงค์ทั้งที่ตนอยู่ตรงนี้
พุธกันยาผิดหวังเสียใจน้อยใจ เธอออกจากบ้านโทร.บอกเจคว่าอยากพบเขา เจคนัดให้พบกันที่ปากซอยเพราะไม่ต้องการให้คนในบริษัทรู้ เมื่อออกมารับหอมแล้ว เจคพาไปชายทะเล เจคบอกว่าถ้ามีอะไรไม่สบายใจปรึกษาตนได้เสมอเหมือนเมื่อก่อน และถ้าอยากกลับเมื่อไรก็บอก อยากระบายอะไรก็ระบายออกมาตนยินดีเป็นผู้รับฟังเหมือนเดิม
“ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งค่ะ” หอมเอ่ยแล้วทอดสายตาไกลไปในทะเล เลยไม่ได้เห็นสายตาที่มีเลศนัยของเจค
เจคนอนอยู่บนเตียงผ้าใบมองหอมวิ่งเล่นน้ำอย่างร่าเริง เขารำพึงอย่างมีความสุขว่า
“เราจะสร้างครอบครัวใหม่กัน ใครจะเชื่อว่าผมจะได้คุณกลับคืนมา” พอดีคัมภีร์โทร.มาบอกเจคว่ามีนักข่าวตามตัวเขากันใหญ่ ตนบอกตามที่เจคสั่งว่าไม่รู้อยู่ไหน เจคถามว่าแล้วโค้กล่ะ? คัมภีร์บอกว่าเพิ่งออกจากออฟฟิศไปเมื่อกี๊ไม่รู้ไปไหน “ช่างมันเถอะ ถ้าอาละวาดมากนักค่อยเรียกมาเตือน อ้อ...วันนี้ฉันอาจจะไม่กลับนะ”
วางสายจากคัมภีร์แล้วเจคถอนใจยาวอย่างมีความสุข
ooooooo
เขนกลับจากมหาวิทยาลัยมาที่บ้านศวัส พอแจ่มไปตามศวัสลงมา เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากหอมบอกว่า
“ศวัส นี่แม่เอง” ศวัสถามว่าแม่อยู่ไหน หอมไม่ยอมบอก แต่บอกว่า “แม่กำลังจะกลับ”
ศวัสให้หอมกับเขนพักที่ห้องพักแขกที่นี่ไปก่อน แต่พอค่ำๆ พุธกันยาในร่างหอมก็มาถึง เขนขอร้องพุธกันยาให้ออกจากร่างหอมเสีย พุธกันยาขอร้องศวัสให้ช่วยแม่ด้วย ศวัสเห็นด้วยกับเขนย้ำว่าคุณแม่ทำให้หอมเดือดร้อนมาก เขนจะเอาสร้อยพระไปคล้องคอหอม
ศวัสบอกไม่ต้อง แล้วเดินเข้าหาหอม
หอมบอกว่าตนไปเที่ยวทะเลกับเจคมา ศวัสบอกว่าตนไม่ไว้ใจเจค หอมรับรองว่าเจคเป็นคนดี บอกว่าตนจะออกจากร่างหอมแล้ว ฝากบอกหอมด้วยว่าตนขอโทษ
พอพุธกันยาออกไป หอมก็ทรุดลง ดีที่ศวัสช้อนร่างไว้ทัน เขาอุ้มหอมขึ้นไปที่ห้องพักแขก พอหอมรู้สึกตัวเขาบอกว่า
“นี่บ้านฉันเอง เธอกับเขนควรจะค้างที่นี่สักพัก คุณแม่ไม่มายุ่งกับเธอแน่นอน” แล้วโทร.บอกเขนให้ขึ้นมาได้แล้ว
พอเขนขึ้นมาก็รีบเอาสร้อยพระคล้องคอหอมกำชับว่าห้ามเอาออกอีก
คืนนี้หอมกับเขนนอนหลับสบายจนถึงเช้า หอมบอกศวัสที่เข้ามาว่าตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้ายังไม่เห็นพุธกันยาเลย ศวัสบอกว่าเดี๋ยวตนจะไปทำงาน ให้หอมกับเขนอยู่แต่ในบ้านห้ามรับโทรศัพท์แม้แต่ของเจคก็รับไม่ได้ เพราะไม่อยากให้มีใครมาสงสัยว่าหอมอยู่ที่นี่ ย้ำกับหอมว่า
“ทั้งหมดที่เรา คุณพ่อกับฉันพยายามป้องกันเธอ เพราะคุณพ่อคุณแม่เธอย้ำนักย้ำหนาให้ช่วยดูแลเธอด้วย คุณพ่อคุณแม่เธอโทร.มาเล่าให้ฟังว่ามีนักข่าวไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านเธอ ท่านเลยใช้วิธีโทร.ถึงฉันแทน”
หอมรำพึงว่าไม่นึกเลยว่าเรื่องมันจะบานปลายถึงขนาดนี้ ศวัสบอกว่าเพราะแม่ตนไปมีเรื่องกับวดีแถมยังมีดาราดังไปช่วยให้ข่าวอีก หอมบอกว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย
“ฉันรู้ ฉันถึงต้องปกป้องเธอ...” พลางศวัสแตะแขนหอมเบาๆ พาเดินไปที่โต๊ะกินข้าว มาถึงก็ได้รับโทรศัพท์จากเจคถามว่าหอมเป็นอย่างไร ศวัสบอกว่าสบายดีกำลังทานข้าวอยู่ เจคจะขอพูดด้วย ศวัสบอกว่าหอมไม่รู้เรื่องอะไร เจคจะขอมาเยี่ยม ศวัสไม่อยากให้มารอให้เรื่องซาลงก่อนดีกว่า แล้วตัดบทขอวางสาย
ศวัสมาหาหอมบอกว่า เจคฝากเยี่ยมเธอ หอมถามว่าแล้วคุณลุงล่ะ “ออกไปธุระข้างนอกเดี๋ยวคงกลับ ทานก่อนเถอะ”
ooooooo










