นิยายไทยรัฐ
แค้นเสน่หา
ชายเดียววิ่งนำฉัตต์กับจริมาไปเรือนพักริมน้ำ ยอดตามติดและรายงานว่ายังไม่รู้ว่ารุ้งถูกซ่อนอยู่ที่ไหน ผีเฟืองตามมาขัดขวาง ใช้อิทธิฤทธิ์เหยียบขาอดีตคนสวน จนเสียหลักล้มหน้าคะมำ จริมาจะอยู่เป็นเพื่อนแต่ยอดกลัวไม่ทันการณ์เลยไล่ทั้งสามให้ล่วงหน้าไปช่วยรุ้ง
ยอดพยายามลุกอยู่นานก็ไม่สำเร็จ เหลือบมองขาตัวเองแล้วเห็นเงาดำของผีร้าย แม้จะกล่อมเท่าไหร่ผีเฟืองก็ไม่ใจอ่อน แถมพุ่งตัวเข้าหาจนเขาเจ็บแทบจุก
“คนที่ยายจะฆ่าเธอเป็นคนดี ไม่เคยคิดร้ายใคร”
“คนดีแล้วทำไมแย่งผัวท่าน”
“ยายก็รู้...หม่อมต้องยอมถ้าท่านชายมีพระประสงค์”
“มึงไม่ต้องแก้ตัวแทนมันไอ้ยอด พวกมึงทุกคนเลวหมด ทำร้ายจิตใจท่านหญิงของกู โดยเฉพาะมึง...ไอ้ยอด กูบอกให้ฆ่ามันแต่ดันปล่อยมันไปทำไม”
ยอดบอกว่าทำไม่ลงเพราะบุหลันคลอดคุณหญิงด้วย ผีเฟืองได้ยินชื่ออดีตหม่อมก็ยิ่งมีน้ำโห ทะยานพุ่งทะลุร่างของยอดอีกหลายครั้งจนเขากระอักเลือดปางตาย ยอดรู้ดีว่าคงไม่รอด รวบรวมพลังที่เหลืออโหสิให้ ผีเฟืองไม่ยี่หระ หัวเราะสะใจแล้วรีบกลับตำหนัก
ฝ่ายฉัตต์ ชายเดียวและจริมาค้นทั่วเรือนพักริมน้ำแต่ไม่พบรุ้ง ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าหญิงสาวที่ตามหากำลังมองมาจากมุมห้องด้วยหัวใจร้าวราน รู้ดีว่าเป็นเพราะผีเฟืองพรางตาจึงพนมมือสวดมนต์และแผ่เมตตาเพื่อช่วยเหลือตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ผลอยู่ดีเพราะไม่มีใครเห็นและกลับออกไปในที่สุด
เวลาเดียวกัน...คณะของจันทร์กับท่านหญิงมาถึงจุดที่ยอดนอนหายใจรวยริน บรรดาบ่าวไพร่คนครัวจำยอดได้ก็ถึงกับตะลึงเพราะไม่คิดว่ายังมีชีวิต เสียงอื้ออึงตามมาหลังจากนั้น โดยเฉพาะคำถามที่ว่าใครทำร้ายยอดจนปางตายขนาดนี้ สาลี่สงสารยอดจับใจจึงโพล่งออกไปตามใจคิด
“สงสัยอะไรกันอีกไอ้อีพวกนี้ ไม่มีฝีมือใครหรอก คราวนี้เอาถึงตายเลยหรือมึงอีผีร้าย!”
แต่ดูเหมือนคนตกใจมากที่สุดก็คือจันทร์...อดีตหม่อมเห็นสภาพยอดนอนจมกองเลือดก็ถึงกับพูดไม่ออก อดีตคนสวนรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายฝากฝังสำลีแล้วจากไป คณะของฉัตต์มาสมทบพอดี ชายเดียวตรวจชีพจรยอดแล้วส่ายหน้าแสดงความเสียใจ จันทร์มองไปทางท่านหญิงซึ่งไม่รับสั่งอะไรเลยเพราะทุกอย่างดูชุลมุนวุ่นวายไปหมด
“หม่อมฉันสงสัยเสมอมาว่าใครเป็นคนสั่งฆ่าหม่อมฉัน เวลานี้...ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป”
ท่านหญิงอึ้งแล้วเปลี่ยนเป็นเชิดพระพักตร์ “จะเข้าใจอย่างนั้นก็ได้”
“อย่ารับสั่งเหมือนว่าไม่ใช่ เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะความแค้นของคนคนเดียว ท่านหญิงทรงแค้นหม่อมฉันกับท่านชายแล้วทรงใช้คนที่รักท่านให้แก้แค้นแทน”
ท่านหญิงสะเทือนใจมาก คำพูดของจันทร์เหมือนหอกแหลมทิ่มแทงใจจนเจ็บไปหมด นึกถึงผีเฟืองที่ต้องทรมานเพราะความทุกข์ของเธอแล้วรู้สึกผิดมาก...เฟือง... หญิงขอโทษ
ooooooo
ผ่องปฐมพยาบาลคุณหญิงทอแสงตามคำสั่ง แต่จู่ๆก็ตกใจหน้าซีดเมื่อราชนิกุลสาวลุกพรวดขึ้นจากเตียง ผ่องรู้ทันทีว่าเป็นผีเฟืองจึงพยายามห้าม ไม่อยากให้ผีบ่าวรุ่นพี่ทำบาปอีกต่อไปแต่ก็ไม่สำเร็จ
“เดี๋ยวข้าจะเอาร่างคุณหญิงมาคืน ไม่ต้องตกใจหรอกนังผ่อง คุณหญิงไม่ตายหรอกน่า”
จบคำก็ออกนอกตำหนัก ผ่องตามไปขวางก็ถูกขู่จนหัวหด สงสารคุณหญิงเหลือเกินที่ต้องโดนสิงแบบนี้
สถานการณ์ระหว่างท่านหญิงกับอดีตหม่อมยังอึมครึม ท่านหญิงอัดอั้นพระทัยมากที่ต้องเจอเรื่องเลวร้ายเหนือความคาดหมาย โดยเฉพาะการตายของยอด จันทร์โมโหจนหมดความยับยั้งชั่งใจ สวนกลับจนท่านหญิงพูดไม่ออก
“ทรงให้เขาเอาชีวิตหม่อมฉันไปเถอะ เขาจะได้หายแค้นและเลิกจองเวรเสียที ขอชีวิตรุ้งคืนเถอะมังคะ”
“บุหลัน...มันใกล้จะจบแล้ว ฉันสัญญาว่าจะไม่มีใครต้องตายอีก”
“หม่อมฉันต้องตาย เขาจะได้หายแค้น ท่านหญิงทรงสั่งเขาใช่ไหมคะ พระทัยร้ายเหลือเกิน”
ท่านหญิงยังนิ่งเงียบแต่น้ำตาคลอเพราะความกดดัน ฉัตต์เห็นใจจันทร์มากแต่ไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป ขอร้องให้บ่าวไพร่ที่เหลือช่วยกันตามหารุ้งอีกแรง แต่ยังไม่มีใครขยับก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันของผีเฟืองในร่างคุณหญิงทอแสง ฉัตต์กับชายเดียวจะเข้าไปจับตัวก็ถูกสะบัดออกมาจนสะบักสะบอมไปหมด
“อีจันทร์...คราวนี้มึงไม่รอดแน่ เห็นไหมว่าคนทรยศมันเป็นยังไง ไอ้ยอดนอนตายอยู่โน่น ส่วนมึง...ตัวต้นเหตุความแค้นของกู ตายซะเถอะมึง!”
คุณหญิงทอแสงจะโผไปทำร้าย แต่เมื่อได้ยินจันทร์สวดบทแผ่เมตตาก็ทำอะไรไม่ได้ จริมาเห็นเป็นทางแก้เลยชวนให้ฉัตต์สวดด้วย คุณหญิงทอแสงบิดตัวด้วยความเจ็บปวดแล้วล้มลงหมดสติในที่สุด
ผีเฟืองโกรธจัด พุ่งออกมาจากร่างคุณหญิงและเข้าหาจันทร์จนแทบไม่ทันได้ตั้งตัว
“กูไม่ยอมแพ้ อีบุหลัน...ลูกสาวมึงจะกลายเป็นผีอยู่แล้ว ต่อไปก็มึง...กูจะช่วยมึงเอง!”
ท่านหญิงทนไม่ไหว ตะโกนรับสั่งให้หยุดทุกอย่างเพราะไม่อยากให้เรื่องเลวร้ายไปกว่านี้ ผีเฟืองชะงักกลางอากาศแล้วทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าท่านหญิง
“มันต้องตายมังคะ ไม่อย่างนั้นมันจะเอาคุณชายไป ท่านหญิงจะได้มีคุณชายอยู่ด้วย”
“น้องสาวคุณชายล่ะเฟือง เขาไม่รู้เรื่องด้วยนะ เขาบริสุทธิ์ อย่าฆ่าเขาเลยมันบาปกรรม หญิงขอโทษนะเฟือง หญิงขอรับกรรมกับเฟืองตรงนี้ด้วยเพราะหญิงเป็นคนสั่ง”
“หม่อมฉันทำเองไม่เกี่ยวกับท่านหญิง”
“ขอบใจ...เฟืองไม่ผิดสัญญากับหม่อมแม่ แต่หญิงขอให้หยุดเพียงเท่านี้”
ท่านหญิงรับสั่งให้สาลี่ไปหยิบมีดและขอให้ชายเดียวตัดผมให้
“แม่จะบวช เฟือง...กรรมใดที่เฟืองเคยก่อ หญิง ขอรับเป็นกรรมของหญิง”
ทุกคนครางด้วยความตื่นตะลึง มีเพียงฉัตต์ที่เป็นห่วงรุ้งมาก คุกเข่าลงต่อหน้าวิญญาณเฟือง
“ผมขอความกรุณา รุ้งอยู่ที่ไหน ผมทนมีชีวิตต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีรุ้ง ได้โปรดเถอะครับ”
“เรือนเก่าท้ายวัง...ในห้อง”
ฉัตต์กับชายเดียวรีบวิ่งกลับไปแต่ก็ต้องผิดหวังเป็นครั้งที่สองเพราะสภาพเรือนว่างเปล่าเหมือนเดิม รุ้งพยายามส่งเสียงเรียกแต่ก็เหมือนดังไม่พ้นริมฝีปาก ชายเดียวเสนอให้ไปตามที่อื่นแต่ฉัตต์ยังไม่ถอดใจ
“ไม่...ฉันว่ารุ้งต้องอยู่ในนี้ ที่เราเห็นเมื่อกี้ไม่ได้บอกเราเลยหรือว่าโลกนี้มีอะไรเหนือธรรมชาติ นอกเหนือจากที่มนุษย์จะรู้เห็นได้ถ้าเขาไม่อนุญาตให้เราเห็น”
“ผมเรียนวิทยาศาสตร์แต่ผมก็ยอมรับ แต่พี่ฉัตต์ครับ...ถ้าเขาไม่อนุญาตให้เราเห็น เราจะทำยังไงดี”
“เขายอมทุกอย่างเราก็เห็น พี่ว่าเดี๋ยวเราก็ต้องพบรุ้ง”
จบคำก็พนมมือสวดภาวนา เช่นเดียวกับชายเดียวที่คุกเข่าและสวดไปพร้อมๆกัน
ฟากจันทร์ก็ก้มลงกราบวิญญาณเฟืองแนบพื้น ขออโหสิกรรมที่เคยทำให้ขุ่นข้องหมองใจ ผีร้ายมองมาด้วยแววตาเรียบเฉยแต่ไม่โกรธและแข็งกร้าวเหมือนเคย ท่านหญิงสวดภาวนาและอธิษฐานให้ไปเกิด ร่างของผีเฟืองจึงลอยขึ้นจากพื้นช้าๆเป็นที่ตะลึงลานของทุกคน ผีเฟืองเหลือบมองจันทร์แล้วบอกให้ไปเรือนพักริมน้ำ จริมารีบพาไป เหลือไว้แต่ท่านหญิงที่มองตามร่างโปร่งใสของวิญญาณบ่าวคนสนิทจนลับตา
“เฟือง...ความรักกับแค้นมันอยู่ใกล้กันเหลือเกิน”
ooooooo
ฉัตต์กับชายเดียวสวดมนต์อยู่ครู่ใหญ่ ผีเฟืองก็ปรากฏตัวและเผยให้เห็นร่างรุ้งที่ถูกพรางไว้ก่อนหน้านี้ ชายเดียวจะพาน้องสาวส่งโรงพยาบาลเพราะเธอหมดสติไปแล้ว ฉัตต์ดีใจจนน้ำตาคลอและปลื้มปีติมากเมื่อเห็นจันทร์โผกอดลูกสาวด้วยความดีใจ เช่นเดียวกับจริมาที่ถอนใจยาวด้วยความโล่งอก...หมดเคราะห์หมดโศกเสียทีนะรุ้ง
ชายเดียววางน้องสาวลงและคุกเข่าต่อหน้าแม่ จันทร์เอื้อมมือไปหาและเอ่ยขอบคุณเสียงสั่น
“คุณชาย...แม่...ขอบใจคุณชายที่ช่วยน้องไว้ได้”
ชายเดียวยิ้มรับและอุ้มน้องไปส่งโรงพยาบาลทุกคนตามไปด้วย เป็นห่วงรุ้งที่ยังหลับไหลเพราะความอ่อนเพลีย
อาการรุ้งไม่น่าเป็นห่วงนักแต่คงต้องพักยาวเพราะร่างกายอ่อนเพลียจากฤทธิ์ยานอนหลับและขาดน้ำกับอาหาร แต่ที่แย่กว่าคือแผลเพราะถูกมัดจนช้ำไปหมด ฉัตต์เฝ้าข้างเตียงไม่ห่าง จริมาจึงชวนชายเดียวไปคุยข้างนอกเพราะเป็นห่วงความรู้สึกเขาที่ต้องรู้ความจริงเรื่องแม่กับน้องสาวกะทันหันเช่นนี้ โดยเฉพาะเรื่องรุ้ง... คนที่เขาน่าจะรู้สึกดีด้วย
“รุ้งเป็นผู้หญิงที่ผมชอบมาก พอรู้ว่าเป็นน้องฝาแฝดก็ยิ่งชอบใหญ่”
“ลำบากหน่อยนะ คงต้องปรับจิตใจเยอะหน่อย”
“ถ้ามีคนเห็นใจอย่างนี้แค่คนเดียวเท่านั้น...ก็พอ”
“น่าสงสารมาก น่าจะไปบวชนะ...หนีทุกข์ไง”
“ผมเพิ่งเจอน้องกับแม่จะให้หนีไปไหน แต่ถ้าผมไม่เจอคนที่อยากเจออีกคน...ไม่เจอคนนี้ผมบวชไม่สึกเลย”
ชายเดียวมองมาอย่างมีความหมาย จริมาถึงกับหน้าแดงก่ำ เฉไฉเปลี่ยนเรื่องถามถึงการวางตัวกับจันทร์
“ช่วงแรกคงเก้อๆหน่อยนะแล้วก็คงปรับตัวไปเอง เชื่อฉันนะคุณชาย”
“ขอบคุณ...ผมเชื่อริมาเสมอ”
สองหนุ่มสาวผสานตากันซึ้ง จนกระทั่งจันทร์ออกจากห้องพัก จริมาเลยถือโอกาสให้แม่ลูกได้พูดกันตามลำพัง
“คุณชาย...แม่...เอ้ย...น้าไม่ได้ตั้งใจจะบอกแต่ห่วงรุ้ง ห่วงน้องคุณชายมาก”
“ผมเป็นลูกน้าจันทร์ ทำไมถึงคิดจะปิดบังผม...ปิดมาตั้งนาน”
“น้าคงต้องเล่ายาวแต่อาจไม่จำเป็นที่คุณชายต้องรู้อะไรทั้งหมด”
“ครับ...แม่จันทร์”
จันทร์ได้ยินคำว่าแม่ก็น้ำตาทะลักอย่างอดไม่ได้ โผเข้ากอดลูกชายที่แอบคิดถึงมาตลอด
“คุณชาย...แม่ขอโทษ แม่...ผิดเอง”
“ผมเคยรักน้าจันทร์ของพี่ฉัตต์มาก ต่อไปนี้น้าจันทร์เป็นแม่จันทร์ ผมก็จะรักเป็นสองเท่า ผมดีใจจริงๆที่เจอแม่ ส่วนท่านแม่...ผมว่าเราคงมีเรื่องต้องพูดกันอีกมากแต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี”
ooooooo
ฉัตต์เฝ้ารุ้งที่โรงพยาบาลถึงสามวันหญิงสาวก็ยังไม่ฟื้น ทุกคนสงสารและเห็นใจแต่ไม่อยากพูดอะไรมากเพราะคิดว่าสองหนุ่มสาวน่าจะต้องปรับความเข้าใจกันอีกหลายยก ฉัตต์นั่งมองหมอกับพยาบาลตรวจอาการรุ้ง รอจนทุกคนออกจากห้องจึงไปจับมือเธอแนบแก้ม
“รุ้ง...ฉันรอเธออยู่นะ มีบางอย่างที่ฉันต้องบอกก่อนที่ฉันจะไม่มีอิสระจะบอกเธอ”
จริมาแอบแง้มประตูไว้ มองสภาพเซื่องซึมของพี่ชายแล้วสะเทือนใจจนน้ำตาคลอ ชายเดียวก็หนักใจไม่น้อยที่เพื่อนรุ่นพี่ต้องเศร้าซึมเช่นนี้ เขาพยายามกล่อมให้กลับไปพักที่บ้านเพราะกลัวฉัตต์จะไม่สบายก่อนได้เจอรุ้ง
“รุ้งไม่เป็นอะไร พี่ฉัตต์กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ รุ้งตื่นผมจะโทร.บอก”
แต่ฉัตต์ก็ไม่ยอมขยับ “ไม่เป็นไร ผมต้องอยู่...ผมอยากอยู่”
เขาจับมือเธอแนบแก้มเหมือนเคย ไม่รู้แม้แต่น้อยว่ารุ้งกำลังฝันดีถึงท่านชายด้วยหัวใจเปี่ยมสุข เธอจำเสียงเขาได้ว่าเป็นคนสวดนำให้ตอนถูกขังที่เรือนของเฟือง ส่วนท่านชายดีพระทัยมากที่ได้อยู่กับลูกสาวแต่ก็ไม่ยอมเปิดเผยตัว ได้แต่อาสาพากลับบ้าน รุ้งยินดีมาก นึกถึงแม่แล้วอดทูลด้วยรอยยิ้มไม่ได้
“แม่จันทร์คงอยากขอบพระทัยฝ่าบาท เสด็จไปพบแม่ของหนูหรือไม่มังคะ”
“ฉันเคยพบแม่ของหนู ฝากบอกด้วยว่าฉันยังระลึกถึงเสมอ”
สิ้นเสียงท่านชาย...รุ้งก็รู้สึกตัว ฉัตต์ซึ่งนอนฟุบไม่ห่างรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวจึงเงยหน้ามองด้วยความตื่นเต้น รุ้งกระชับมือเขาและขอร้องให้อยู่ก่อน ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นหน้าเขาเป็นคนแรก ฉัตต์กุมมือเธอแน่นแล้วตะโกนบอกคนอื่นๆ จันทร์วิ่งมากอดลูกน้ำตาคลอ...ขวัญเอ๊ย ขวัญมานะลูก หมดเคราะห์หมดโศกกันเสียที
ฉัตต์มองภาพสองแม่ลูกด้วยความตื้นตันใจ เขาผละจากไปเงียบๆเพราะไม่อาจสู้หน้ารุ้ง จริมาอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้เมื่อได้ยินเขาบอกว่าจะไปธุระ
“ธุระอะไร ตัวเองเฝ้ารุ้งทั้งวันทั้งคืน กี่วันมาแล้ว พอเขาฟื้นก็จะไปไหนอีก” ฉัตต์เดินห่างออกไปเรื่อยๆ จริมาหมั่นไส้ตะโกนไล่หลัง “ทำไม...รู้สึกผิดที่มาเฝ้าผู้หญิงคนอื่นจนต้องรีบไปหาเขาใช่ไหม ริมาไม่เข้าใจเลย รักอีกคนแต่จะแต่งงานกับอีกคนเพราะสัญญาบ้าๆ เข้าใจว่าพี่ฉัตต์เป็นสุภาพบุรุษแต่ถึงกับต้องโยนความสุขทั้งชีวิตทิ้งหรือคะ”
“น้องไม่เข้าใจหรอก”
“เข้าใจว่าพี่ฉัตต์แคร์คู่รัก...ถ้าริมาเป็นรุ้ง ริมาคงอยากนอนหลับทั้งปีทั้งชาติไม่ฟื้นมาเจอคนไม่มีหัวใจหรอก!”
จริมาสะบัดหน้าเข้าห้องรุ้ง ทิ้งฉัตต์ให้ยืนซึมและหมุนตัวออกจากโรงพยาบาล...ทรมานใจเหลือเกินที่ต้องมองรุ้งอย่างคนไม่มีสิทธิ์เช่นนี้
ด้านคุณหญิงทอแสง...ยังไม่ได้สติจากการถูกผีสิงเมื่อหลายวันก่อน ท่านหญิงเฝ้าดูอาการด้วยความเป็นห่วง รับสั่งให้ผ่องดูแลจนกว่าจะฟื้น ส่วนองค์เอง...เข้าไปสงบจิตสงบใจจากเรื่องเลวร้ายทั้งหมดในห้องทำงานของท่านชาย
“เจ้าพี่คงทราบเรื่องทุกอย่างแล้วด้วยญาณใดๆ ก็ตาม หญิงมีอย่างเดียวที่จะทูล...อโหสิให้เฟืองด้วยนะคะ”
ท่านหญิงก้มกราบพระรูปท่านชาย น้ำตาคลอเมื่อนึกถึงผีบ่าวคนสนิทซึ่งป่านนี้คงไปสู่สุคติแล้ว จะมีห่วงอีกเรื่องก็คือชายเดียวที่ผ่านไปหลายวันเธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้า เมื่อทราบจากผ่องว่าเขาไปเฝ้ารุ้งที่โรงพยาบาลก็ถึงกับหน้าหมอง...หรือเราต้องสูญเสียลูกชายไปจริงๆ
ooooooo
ความเครียดทำให้ฉัตต์หนีไปปลีกวิเวกที่บ้านสวน ส่วนจริมาก็กลับบ้านด้วยความหนักใจเพราะไม่รู้จะบอกสำลีเรื่องยอดยังไงดี คุณหญิงเพ็งทราบทุกอย่างและเห็นใจในความรักของสาวใช้แต่ก็ไม่อยากให้ปิดบังความจริง
“ทุกคนต้องมีวันที่คนรักจากไป...ไม่ช้าก็เร็ว สำลีเขาต้องรู้จักทำจิตใจให้สงบและยอมรับ”
จริมาพยักหน้าเข้าใจดีและเรียกทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องโถง
“ทุกอย่างเรียบร้อยดี รุ้งปลอดภัยแต่ไม่รู้ว่าจะกลับมาอยู่กับเราหรือเปล่า อาจต้องไปอยู่วังรังสิยาเพราะรุ้งคือหม่อมราชวงศ์วิมลโพยม รังสิยา...น้องสาวฝาแฝดของคุณชายเดียว”
บรรดาคนงานตกใจแต่ก็ยินดีมากเพราะเอ็นดูรุ้งซึ่งเป็นเด็กดีมาตลอด มีเพียงสำลีที่หน้าไม่ดี แทรกถามขึ้นมาจนทุกคนอึ้งไปตามๆกัน
“คุณริมา...บอกสำลีเรื่องพี่ยอดได้แล้ว ถึงคุณริมาไม่บอก พี่ยอดเขาก็มาบอกสำลีแล้ว เขามาลาเมื่อคืน”
จริมาทำหน้าไม่ถูก นั่งมองสำลีร้องไห้โฮด้วยความเวทนาจับใจ สำเนียงเอง...แม้ไม่ชอบหน้ายอดนักแต่ก็อดใจหายไม่ได้ที่ความรักครั้งแรกของลูกสาวต้องจบลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ แม่ครัวเอกของบ้านปัณณธรพยายามปลอบใจแต่ดูเหมือนเป็นการซ้ำเติมมากกว่า สำลีทนฟังอยู่นาน ในที่สุดก็โพล่งออกไปด้วยความสะเทือนใจ
“แม่กีดกันเขาทุกอย่าง ตอนนี้คงสมใจแล้ว เขาตายไปแม่ก็ไม่ต้องมาคอยกีดกันฉัน...สมใจแม่แล้วนี่”
สำลีลุกออกไปแล้ว ทิ้งสำเนียงให้นั่งปรับทุกข์กับคนอื่นๆในครัวแต่ก็ไม่มีใครช่วยได้ แม่ครัวเอกเลยได้แต่โทษตัวเองที่ทำให้ลูกสาวผิดหวังและเสียใจ...ข้าผิดไปแล้วนังสำลี ข้าขอโทษ....
กว่าสองแม่ลูกประจำครัวบ้านปัณณธรจะพูดกันใหม่ก็ใช้เวลาพอสมควร เรื่องต่อมาก็คือจันทร์กับรุ้งยังไม่ยอมกลับบ้านหลังออกจากโรงพยาบาล คุณหญิงเพ็งไม่เห็นหน้าลูกกับหลานนานก็คิดถึง จริมาเองก็กลุ้มใจไม่น้อย ได้แต่แก้ตัวแทนว่าจันทร์มีเรื่องคาใจกับท่านหญิงและต้องจัดการให้เรียบร้อยเสียที
“ย่าชักเป็นห่วงแล้วนะริมา จันทร์ไม่น่าเข้าไปเฝ้าท่านหญิงตอนนี้เลย น่าจะกลับมาบ้านเราก่อนจะได้ปรึกษาหารือกันว่าจะทำยังไงต่อไป”
“น้าจันทร์ยืนยันว่าต้องไปค่ะ ริมาว่าน้าจันทร์ตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำอะไร”
“จันทร์จะกราบทูลอะไรท่านอีก คงจะอยากให้อะไรที่ค้างคาใจจบลงเสียที”
“เรื่องที่เกิดขึ้นใครผิดคะคุณย่า...น้าจันทร์ ท่านหญิงหรือว่าท่านชาย”
“ริมาถามย่า ย่าก็ต้องบอกว่าจันทร์ไม่ผิด ถามแม่เฟืองเขาก็ต้องบอกว่าท่านหญิงไม่ผิด ถามใครอีกล่ะ...ถามมหาดเล็กท่านชาย เขาก็ต้องบอกว่าท่านชายไม่ผิด”
“ผิดถูกอยู่ที่ใครตัดสินใช่ไหมคะคุณย่า ในโลกนี้ความยุติธรรมอยู่ตรงไหนคะ”
คุณหญิงเพ็งบอกว่าต้องให้ศาลตัดสินเพราะรับฟังทั้งโจทก์และจำเลย จริมาเบ้หน้าแล้วบอกว่าศาลคงลำบากใจเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คุณหญิงลูบศีรษะหลานด้วยความรัก แกล้งถามขำๆว่าถ้าเป็นจริมาจะตัดสินอย่างไร
“ริมาจะมองที่จุดเริ่มต้น ถ้าท่านชายไม่ได้น้า จันทร์เป็นหม่อม เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิด”
“แต่จะเกิดเรื่องแบบอื่นแทน ท่านชายอาจจะทรงหย่าขาดท่านหญิงมาแต่งงานกับจันทร์ และผีเฟืองก็จะอาละวาดหนักกว่านี้”
จริมาทึ่งในความหลักแหลมของย่า คุณหญิงเพ็งหัวเราะเบาๆแล้วโอบบ่าหลานสาวด้วยความเอ็นดู
“มีเวลาอีกมากที่จะเรียนรู้นะลูก ไม่ต้องรีบร้อน” จริมากอดย่าอย่างรักใคร่ “ป่านนี้จันทร์คงเฝ้าท่านหญิงอยู่ ย่าคิดว่ารู้...ว่าจันทร์จะทูลท่านหญิงว่ายังไง”
ooooooo
ชายเดียวเป็นคนพาจันทร์กับรุ้งไปหาท่านแม่ที่ตำหนัก ตกใจหน้าเสียเมื่อเห็นท่านหญิงซึ่งเก็บองค์แต่ในห้องท่านชายแทบจะตลอดเวลาหลังจากเกิดเรื่องนอนสลบที่หน้าพระรูป จันทร์ช่วยลูกชายพยุงท่านหญิง ส่วนรุ้งก็ไปผสมยาหอมและไปตามผ่องเข้ามาดูแล
อดีตหม่อมรอจนท่านหญิงฟื้นจึงเข้าไปกราบแทบเท้าเพื่อขอประทานอภัยสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา
“หม่อมฉันผิดมังคะ...ผิดคนเดียว เสียใจเหลือเกิน ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ หม่อมฉันจะไม่ยอม...ประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย”
“เรื่องนั้น...คงไม่ต้องพูดถึงกันอีกแล้ว ขออย่างเดียว...อโหสิให้เฟืองด้วย”
“พี่เฟืองไม่ผิด ทุกอย่างเกิดที่หม่อมฉันคนเดียว หม่อมฉันขอพี่เฟืองอโหสิให้หม่อมฉันด้วย ถ้าหม่อมฉันไม่ยอม พี่เฟืองก็ไม่ต้องเป็นทุกข์ทรมานอย่างนั้น”
ท่านหญิงกรรแสงเงียบๆ นึกถึงบ่าวคนสนิทแล้วอดสะเทือนใจไม่ได้
“อย่าโทษตัวเองเลยบุหลัน คนผิดไม่ใช่เธอคนเดียว”
“พี่เฟืองแค้น ท่านหญิงเสียพระทัย เกิดจาก หม่อมฉันยอมตามพระทัยท่านชาย ความผิดเริ่มต้นที่ผู้ชายแต่ถ้าผู้หญิงไม่สมยอม เรื่องเสียใจก็คงไม่เกิดขึ้น”
“ฉันคิดว่าเฟืองไปดีแล้ว คงไม่มารบกวนใครอีก”
จันทร์ก้มกราบท่านหญิงที่ประทานอภัยให้ น้ำตาคลอเมื่อได้ยินรับสั่งถัดมา
“บุหลัน...พารุ้งมาอยู่ที่นี่ ชายเดียวเตรียมที่ทางรับน้องด้วย จันทร์คุยกับทางคุณหญิงให้รู้เรื่องว่าตัวเธอต้องมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลลูกทั้งสองคนเพราะฉันจะไม่อยู่แล้ว”
ทุกคนอ้าปากค้าง แม้รู้อยู่แล้วว่าท่านหญิงจะออก บวชแต่ไม่คิดว่าจะกะทันหันและยาวนานจนถึงขั้นไม่สึก!
ด้านพิสินี....เห็นฉัตต์เงียบไปหลายวันก็เริ่มกังวล ตามไปหาถึงบ้านแต่ก็ไม่มีใครยินดีต้อนรับ หญิงสาวเคืองมากและทำท่าจะแผลงฤทธิ์ตามประสาคนไม่ยอมใครแต่ก็ต้องเก็บอาการเสียก่อนเมื่อจริมาเดินมาเจอพอดี
“บัวมาหาฉัตต์แต่คนของคุณพูดจาไม่มีมารยาท ถึงไม่รู้ว่าบัวเป็นใครแต่ก็ควรสอนมารยาทกับแขกหน่อย”
จริมาเบ้หน้าเล็กน้อยแล้วสั่งให้สาวใช้ขอโทษ อ่อนกับสารภีไม่ยอม เถียงว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
“ผิดไปก่อนแล้วกันจะได้หมดเรื่อง ไม่รู้หรือว่าริมาต้องตอบคำถามที่ไม่อยากตอบเหมือนกัน”
สองสาวใช้ยกมือไหว้ขอโทษอย่างเสียไม่ได้แล้วขอตัวออกไป จริมาเหยียดยิ้มน้อยๆ ถามพิสินีว่าพอใจหรือยัง
“คุณทำก็รู้อยู่แก่ใจว่าถูกหรือเปล่า สองคนไม่มีมารยาทเพราะอะไรบัวคิดว่ารู้แล้ว เขาไม่ทำเพราะคิดเองแน่”
จริมาไม่ยี่หระกับคำพูดเหน็บแนม สวนกลับทันทีเพราะรู้ว่าพิสินีวิ่งวุ่นตามหาฉัตต์
“คุณบัวไม่ได้นัดพี่ฉัตต์หรือคะ เอ...หรือว่าพี่ฉัตต์จงใจหลบหน้าคุณบัว ข้างบนก็ไม่มี ริมาไปเคาะห้องก็ไม่อยู่ ยังนึกว่าไปหาคุณบัว”
พิสินีรู้ดีว่าจริมาไม่ชอบหน้า ขอตัวกลับเพราะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงให้เสียเวลา แต่ไม่วายเยาะเย้ยส่งท้ายว่าจะรีบไปจัดการเรื่องการ์ดแต่งงาน จริมาเซ็งจัดและฮึดฮัดอยู่คนเดียว มองตามพิสินีด้วยความเจ็บใจ...พี่ฉัตต์บ้า หายหัวไปไหนเนี่ย!
ooooooo
ฟากวังรังสิยายังตกตะลึงกันไม่หาย ชายเดียวพยายามเกลี้ยกล่อมท่านแม่ให้บวชแค่เดือนเดียวแต่ไม่ได้ผลนัก ท่านหญิงไม่รับปาก รับสั่งว่าสัญญากับเฟืองไว้แล้ว อยากให้จันทร์มาดูแลลูกทั้งสองและวังนี้แทน
“แม่ของลูกมีสิทธิ์จะกลับมาในฐานะหม่อมของท่านพ่อและแม่ของลูกซึ่งเป็นเจ้าของวังคนปัจจุบัน อย่าค้านแม่เลยชาย...บุหลันก็อย่าค้านฉันเพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามนี้ สิทธิ์ในวังนี้ของแม่...แม่ยกให้ชาย”
“ท่านแม่คะ...ชายอยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิม ชายอยู่กับท่านแม่ที่วังนี้ รุ้งอยู่กับแม่จันทร์ที่บ้านปัณณธร เราสองคนคุ้นเคยกับที่ที่เราอยู่มาตั้งแต่เล็ก ชายมีท่านแม่ที่เลี้ยงชายมา รุ้งก็มีแม่จันทร์”
“ไม่ได้...รุ้งคือหม่อมราชวงศ์วิมลโพยม รังสิยา... ต้องอยู่ที่วังรังสิยา”
“คุณชายพูดถูกทุกอย่างเหมือนที่ใจรุ้งคิด รุ้งทิ้งคุณย่าไม่ได้ ท่านแก่แล้ว รุ้งต้องดูแลท่าน ร้านอาหารก็อาจจะยังต้องทำเพราะแม่จันทร์ต้องดูแลร้านต่อไป”
ท่านหญิงยังเงียบ แม้จันทร์กับชายเดียวจะกล่อมเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล ผ่องทนฟังอยู่นานทนไม่ไหว ช่วยพูดอีกแรง
“ถ้าพี่เฟืองรู้ว่าท่านหญิงจะทรงบวชให้พี่เฟืองไม่สึกคงไม่สบายใจนัก...คงไม่ได้ไปดีหรอกมังคะ”
“ฉันจะบวชตามที่ตั้งใจ เรื่องสึกยังไม่พูด ส่วนเรื่องใครจะอยู่กับใครยังมีเวลาอีกมากจะคิดกันให้รอบคอบ”
ฝ่ายจริมานั่งรถไปกับแนบเพื่อรับจันทร์และรุ้งกลับบ้าน เมื่อพบชายเดียวที่มาส่งแม่กับน้องสาวเลยถือโอกาสปรึกษาเรื่องฉัตต์หายออกจากบ้าน ทิ้งปัญหาเรื่องพิสินีให้ทุกคนในบ้านเวียนหัว แนบบอกว่าเห็นเจ้านายหนุ่มหิ้วกระเป๋าค้างคืนใบเล็กออกไปเมื่อวันก่อน รุ้งนิ่วหน้าแล้วตัดสินใจบอกว่าพอจะรู้ว่าฉัตต์อยู่ที่ไหน
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาจริมาก็มาถึงบ้านสวน สถานที่พักผ่อนหย่อนใจตั้งแต่เด็กของสมาชิกบ้านปัณณธร หญิงสาวนึกถึงบทสนทนากับรุ้งก่อนหน้านี้ หงุดหงิดใจไม่น้อยที่เพื่อนรักไม่ยอมมาตามฉัตต์ด้วยตัวเอง...เล่นตัวทั้งสองคนเลย!
ส่วนฉัตต์นั่งเหม่อที่ท้องร่องกลางสวน คิดถึงรุ้งใจแทบขาดแต่ทำใจไปพบเธอไม่ได้ จริมาเห็นหน้าพี่ชายก็ถอนใจโล่งอก รีบขอให้กลับบ้านเพราะขี้เกียจจัดการเรื่องพิสินี
“เรียนคุณย่าว่าพี่ขออนุญาตอยู่ที่นี่สักพักถึงจะกลับ ไม่ต้องห่วงเพราะพี่ต้องไปทำงาน สมัครงานไว้หลายแห่ง”
“พี่ฉัตต์...ฟังริมาหน่อยนะคะ พี่ฉัตต์จะทิ้งปัญหาไว้อย่างนี้ไม่ได้ คุณบัวเขามาหา ไม่ก็โทร.มาวันละไม่รู้กี่เที่ยว คนที่บ้านก็ไม่รู้ว่าพี่ฉัตต์อยู่ไหน บอกไปเขาก็ไม่เชื่อหาว่าเราพูดปด”
จริมาบ่นอีกยกใหญ่เพราะคร้านจะแก้ตัวกับพิสินี ฉัตต์เองก็มีท่าทีกระอักกระอ่วนใจจนจริมาสงสาร
“ริมารู้ว่าพี่ฉัตต์เป็นทุกข์เพราะพี่ฉัตต์รักรุ้ง รุ้งเองก็รักพี่ฉัตต์ แต่อย่าเพิ่งท้อนะคะเพราะริมาเชื่อว่ามันต้องมีทางออก แต่พี่ฉัตต์ต้องไม่หนีไปไหนอีกแล้ว”
“พี่ไม่หนีหรอกริมาแต่พี่อยู่บ้านไม่ได้จริงๆ มันร้อนรุ่มไปหมดเหมือนอยู่ในกองไฟ...ไฟที่พี่จุดขึ้นมาเอง”
“ริมาเชื่อว่าความรักชนะเสมอค่ะพี่ฉัตต์ จริงๆนะ... ริมาเชื่ออย่างนั้น”
ฉัตต์คิดหนักเพราะรู้ดีว่ายังไม่พร้อมเผชิญหน้า ย้อนถามน้องสาวถึงความรักของเธอบ้าง
“ยังไม่ถึงเวลา ริมาจะกลับไปเรียนต่ออีกเทอม พี่ฉัตต์กลับไปด้วยกันเถอะ...ไม่ใช่เพราะรุ้งแต่เป็นเพราะคุณบัว ปล่อยให้วุ่นวายกันไปใหญ่แบบนี้ไม่ได้เพราะมีอีกหลายคนต้องพลอยกังวลไปด้วย ถึงริมาไม่ชอบเขาแต่ก็เห็นใจเขามาก”
ooooooo
ปัญหามาเร็วกว่าที่คิด ฉัตต์กลับมาถึงบ้านแค่วันเดียว พิสินีก็มาหาพร้อมการ์ดแต่งงานหลายแบบให้เขาเลือก จริมาที่ยืนฟังอยู่ทึ่งมาก อดกระแนะกระแหนพี่ชายไม่ได้เมื่อพิสินีกลับไปแล้ว
“เขาเก่งจริงๆ...คุณบัวคนนี้ ขนาดยังไม่ได้ฤกษ์และวันแต่งก็ทำการ์ดออกมาแล้ว”
ฉัตต์กุมขมับ กลุ้มใจมากเพราะไม่รู้จะพูดกับพิสินียังไง จริมาสงสารแต่ก็เคืองด้วยเพราะพี่ชายทำให้เรื่องยุ่งยาก
“ริมาโกรธพี่ฉัตต์นะ รู้ไว้ด้วยว่าริมาคิดมาตลอดว่าพี่สะใภ้ของริมาต้องเป็นรุ้ง นี่ไม่ใช่แถมเปลี่ยนมาเป็นคุณบัวที่ริมาไม่ชอบนิสัยเขาเลย”
ฉัตต์หน้าเสีย เพราะความวู่วามแท้ๆทำให้ตัดสินใจพลาด พลอยทำให้น้องสาวผิดหวังไปด้วย จริมาเห็นท่าพี่ชายก็พอเดาได้ว่ารู้สึกยังไงแต่ก็อดค่อนแคะไม่ได้ โทษฐานที่ปล่อยให้ทุกคนเครียดอยู่นาน
“โอ๊ย...เพิ่งจะมาสำนึก ไม่รอชาติหน้าเลยล่ะพี่ฉัตต์ ริมาไม่ยอมหรอก ริมาเสียใจพี่ฉัตต์ก็ต้องแก้ไข จะทำผิดแล้วลอยนวลแบบนี้ไม่ได้...ไปบอกเลิกคุณบัวซะ”
ฉัตต์อึกๆอักๆบอกว่าเป็นคนขอแต่งงาน จริมาเลยอาสาบอกเลิกให้แต่ถูกพี่ชายยกมือห้ามแทบไม่ทัน
“ทำไมพี่ฉัตต์จะบอกเขาเองไม่ได้ ริมาว่าเขารู้อยู่เต็มอกว่าพี่ฉัตต์ไม่ได้รักเขา”
“เขาไม่รู้หรอก ก็พี่ขอเขาแต่งงานก็แปลว่าต้องรักสิ”
“พี่ชายฉัน...รู้จักผู้หญิงดีจริงๆ เชื่อริมา...เขารู้แต่ว่าจะเอาชนะ เพราะฉะนั้นเราต้องชนะเขาก่อน”
ฉัตต์ถอนใจเฮือกใหญ่ รู้ดีว่าน้องสาวพูดถูกทุกอย่างแต่ยังใจไม่แข็งพอจะบอกเลิกพิสินี
ฝั่งคุณหญิงทอแสงหายดีแล้วจึงตัดสินใจกลับวัง ก่อนไปก็กราบลาท่านป้าทั้งน้ำตาเพราะรู้สึกผิดไม่หายที่เกือบทำเรื่องเลวร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ท่านป้า...หญิงไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใคร ท่านป้าต้องทรงทราบนะคะ ถึงหญิงจะเกลียดเขาแต่หญิงก็ไม่เคยคิดฆ่าเขาเลย แต่หญิงก็ไม่ทราบว่าทำไมถึงทำลงไป มันเหมือนมีอะไร...”
“หญิง...อย่าร้องไห้เลย ป้าไม่ได้ว่าอะไรหญิงเลยนะลูก”
“ทำไมไม่ว่าคะ...ท่านป้าทรงว่าหญิงเสมอๆ หญิงทำไม่ถูก เอายานอนหลับใส่น้ำส้มให้เขาดื่ม แล้วหญิงก็จับเขาไปขัง แล้วยายแก่คนนั้น...ข้าหลวงเก่าแก่ก็บอกว่าจะฆ่ารุ้ง หญิงดีใจที่รุ้งไม่ตาย บาปกรรมเหลือเกิน”
คุณหญิงทอแสงร้องไห้สะอึกสะอื้น พร่ำโทษตัวเองที่ขาดสติและปล่อยให้ความชั่วครอบงำจนเกือบทำให้รุ้งต้องตาย ท่านหญิงทรงเบือนหน้าไปอีกทาง พยายามระงับอารมณ์อย่างมากไม่ให้ร้องไห้ไปกับหลานสาวเพราะยังรู้สึกผิดที่ประทานอนุญาตผีบ่าวคนสนิทให้ทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้น
แต่สุดท้ายความเสียใจก็ทำให้กลั้นไม่อยู่ ท่านหญิงกรรแสงใหญ่โตจนคุณหญิงทอแสงต้องเป็นฝ่ายกอดปลอบเพราะคิดว่าท่านป้าเสียพระทัยหนักและผิดหวังรุนแรงกับการกระทำของเธอ
“ท่านป้า...หญิงไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ท่านป้าทรงสบายพระทัยได้ หญิงรู้สึกผิดและจะกลับตัวทำดีกับรุ้งให้มากๆเพื่อไถ่โทษ เขาจะมาเป็นพี่สะใภ้หญิงใช่ไหมคะ”
ท่านหญิงงงมาก รีบไขความเข้าใจหลานสาวว่ารุ้งคือน้องสาวฝาแฝดของชายเดียว คุณหญิงถึงกับพูดไม่ออก นึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เคยทำกับรุ้งตั้งแต่เด็กแล้วใจไม่ดี...หวังว่าเธอคงไม่โกรธและให้อภัยฉันนะรุ้ง
ครอบครัวคุณหญิงทอแสงและท่านหญิงปั้นมาพร้อมหน้ากันที่วังรังสิยา รุ้งเองก็มาส่งด้วยเพื่อแสดงความจริงใจว่าไม่เคยโกรธเคืองคุณหญิงกับเรื่องที่ผ่านมา คุณหญิงทอแสงจับมือและยิ้มให้จากใจจริง
“หญิงต้องเรียกรุ้งว่าคุณหญิงเหมือนกันสิ...คุณหญิงวิมลโพยม”
“รุ้งยังเป็นรุ้งค่ะ เรียกรุ้งเหมือนเดิมเถอะคุณหญิง”
คุณหญิงทอแสงรู้สึกผิดมาก โผกอดรุ้งแน่น “หญิงขอโทษ...ขอโทษทุกอย่างที่เคยทำกับรุ้ง”
“รุ้งเข้าใจ ไม่โกรธคุณหญิงจริงๆค่ะ”
“หญิงเชื่อ...เพราะนั่นคือรุ้ง หญิงเห็นแล้วว่าคนจิตใจดีเป็นยังไง คนไม่ดีเป็นอย่างไร...หญิงกลับนะ”
คุณหญิงทอแสงล่ำลาชายเดียว สีหน้าอาลัยเพราะยังตัดใจไม่ได้ ชายเดียวเข้าใจเลยพยายามพูดให้สบายใจ
“ไม่ต้องพูดอะไรกับพี่ชายเลยหญิงทอแสง หญิงเป็นน้องที่พี่รักเสมอมา และพี่จะรักน้องสาวคนนี้ตลอดไป”
“หญิงจะเข้ามหาวิทยาลัยตามที่พี่ชายแนะนำ”
“พี่ชายจะทำทุกอย่างให้หญิงสอบได้ วิชาไหนยากพี่ชายจะติวให้เอง”
คุณหญิงทอแสงยิ้มทั้งน้ำตา ซาบซึ้งใจมากที่เขายังหวังดีกับเธอเสมอ ส่วนท่านหญิงแขไขก็พูดคุยกับท่านหญิงเล็ก ท่านชายวรจักรและท่านหญิงปั้น บรรยากาศระหว่างพี่น้องดีขึ้นมากจนสามารถหัวเราะให้กันได้อีกครั้ง แม้แต่คุณหญิงศศิลักษณาก็กอดกับคุณหญิงทอแสงแน่น ให้กำลังใจกันและกันเพื่อผ่านเรื่องเลวร้ายไปให้ได้
ท่านหญิงแขไขเฝ้ามองครอบครัวน้องสาวออกจากวังด้วยแววพระเนตรอ่อนแสง...หวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี
ooooooo