ตอนที่ 15
หลังจากที่นาฎนรีต้องเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแสนสาหัสจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอดแล้วเธอเห็นถึงชีวิตผิดพลาดที่ผ่านมา เห็นถึงความเลวร้ายของอาณัติที่ทำลายได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ดังนั้น เมื่อหลุดพ้นจากห้วงเหวเลวร้ายด้วยการช่วยเหลือของเพลิงและชนนท์แล้ว เธอตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลง
นาฎนรีพยายามหว่านล้อมให้บุษกลเปลี่ยนใจกลับตัวไม่ทำสิ่งที่ผิดอีก แต่ความโลภบังตา บุษกลไม่อาจเห็นถึงความผิดชอบชั่วดีได้ โทษว่าตนต้องตกอยู่ในภาวะเช่นนี้เป็นเพราะเพลิงคนเดียว
“แม่คะ เลิกคิดแค้นเลิกโทษพี่เพลิงเสียทีเถอะค่ะ พี่เพลิง เขาเป็นคนดี นรีอยากให้แม่ปล่อยวาง แม่จะได้มีความสุขสักที”
“นี่แกไปนับญาติกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่! แกหยุดพูดได้แล้ว แกจะไปชื่นชมยกย่องไอ้เพลิงก็ไสหัวออกไป อย่ามายุ่งกับฉัน!” บุษกลเกรี้ยวกราด ไล่นาฎนรีออกจากบ้าน เมื่อนาฎนรีเดินน้ำตาคลอออกไปแล้ว บุษกลก็หันมาโกรธแค้นเพลิงจนตัวสั่น “ไอ้เพลิง! นี่แกจะจองล้างจองผลาญตาณัติไปถึงไหน”
ooooooo
การตัดสินใจของเพลิงและชนนท์ครั้งนี้ นับเป็นผลงานยิ่งใหญ่ ที่ไม่เพียงช่วยนาฎนรีให้พ้นจากห้วงเหวเลวร้ายในชีวิตเท่านั้น แต่ยังช่วยกู้ภาพลักษณ์ของเพชรไทยให้กลับมายิ่งใหญ่ขึ้นอีกครั้ง
น้ำฝนชื่นชมความเก่งความกล้าของเพลิง ส่วนบรรดาลูกค้าของเพชรไทยที่เคยยกเลิกสัญญาก็พากันกลับมาเป็นลูกค้ากันใหม่ทั้งยังมีลูกค้าใหม่ๆเข้ามาด้วย
ฝ่ายนาฎนรีก็หันมาทุ่มเททำงานให้เพชรไทยสุดชีวิตจิตใจ โหมทำงานโฆษณาทั้งข่าวและสกู๊ปต่างๆ อย่างเร่งรีบ เพลิงบอกชนนท์อย่างยินดีว่า วันนี้ตนต้องเร่งออกเยี่ยมลูกค้าจะได้ถือโอกาสขอบคุณลูกค้าด้วย
“สงสัยงานนี้ครบสามเดือนคุณย่าแพ้แน่ๆ” ชนนท์ยิ้มแย้มยินดี เพลิงเองก็ยิ่งมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น
ทองตราชื่นชมกับแผนงานของนาฎนรีที่เร่งกู้ภาพ–ลักษณ์ของเพชรไทย ชมว่าดีให้ลงมือได้เลย
“ต่อไปนี้ นรีจะตั้งใจทำงาน จะไม่ทำให้คุณยายผิดหวังในตัวนรีค่ะ” นาฎนรีสัญญากับทองตรา ผู้เป็นยายลูบหัวหลานสาวอย่างชื่นชม
ooooooo
แม้สิตาจะเจ็บปวดลึกๆ กับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเพลิง แต่เธอก็ยินดีที่น้ำฝนจะได้แต่งงานกับเพลิง ยินดีที่น้องจะได้มีความสุข เธอนัดเพลิงไปทานข้าวด้วยกัน อวยพรให้เขามีความสุขกับน้ำฝนมากๆ
ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งชนนท์และสิตายังเป็นเพื่อนเพลิงกับน้ำฝนไปเลือกและลองชุดแต่งงาน ความหล่อเท่ของเพลิงในชุดเจ้าบ่าว กับความสวยจนมองตะลึงของน้ำฝน ช่างเป็นคู่ที่สมกันเหลือเกิน จนสิตากับชนนท์ชื่นชมและแซว ทำเอาน้ำฝนและเพลิงต่างเขินจนสิตากับชนนท์ทั้งขำและเอ็นดู
บุษกลผูกใจเจ็บน้ำฝน เมื่อเห็นน้ำฝนไปหานาฎนรีที่บ้านก็ทั้งด่าทั้งไล่ เมื่อสิตารู้ก็เตือนน้องว่า
“น้ำฝน...หลังจากที่น้ำฝนย้ายเข้าไปอยู่บ้านชาตโยธินแล้ว คุณป้าบุษคงยิ่งไม่ชอบน้ำฝนมากขึ้นไปอีก น้ำฝนต้องระวังตัวนะ พี่เป็นห่วง”
ความดีและตั้งใจพิสูจน์ตัวเอง เพื่อให้ทองตรายกโทษให้พิภัชของผ่องและเพลิง สะเทือนใจทองตรา จนยอมมอบแหวนที่เคยเตรียมให้พิภัชหมั้นกับผู้หญิงที่ตนจะหาให้ แต่เมื่อพิภัชเลือกที่จะอยู่กับผ่อง แหวนวงนี้จึงถูกเก็บไว้ จนวันนี้ทองตรามอบให้เพลิงเอาไปหมั้นน้ำฝน ยังความปีติแก่ผ่องยิ่งนัก
ไม่เพียงเท่านั้น ยังสั่งให้ผ่องกับเพลิงย้ายมาอยู่ที่ตึกใหญ่ เมื่อสองแม่ลูกขออยู่ที่เรือนคนสวนตามเดิม ทองตราพูดเต็มปากเต็มคำว่า
“ทำไมมันถึงได้มีปัญหาเยอะนักนะ กะอีแค่จะให้หลานขึ้นมาอยู่กับย่าเนี่ย” ทั้งยังบอกว่า “อีกไม่กี่วันเพลิงก็ต้องแต่งงานกับหนูน้ำฝน แล้วเราจะให้น้ำฝนเขาไปอยู่ที่เรือนคนสวนได้ยังไง คิดตรงนี้บ้างรึเปล่า”
เพลิงยกมือไหว้ขอบคุณย่าที่คิดให้อย่างรอบคอบ ทองตรา บอกให้รีบไปจัดของแล้วจะให้คนไปช่วยย้ายของให้ เมื่อเพลิงกับผ่องออกไปแล้ว ทองตราเอ่ยอย่างโล่งใจ ใบหน้าอิ่มสุขว่า
“พิภัช แม่จะไถ่บาปที่เคยทำไว้กับลูกนะ”
แม้ผ่องจะปลื้มปีติที่ทองตรายอมรับตนกับลูก แต่ก็อดคิดถึงพิภัชไม่ได้ บอกเพลิงว่าถ้าพ่อได้อยู่ร่วมดีใจกับเราก็จะมีความสุขกว่านี้ เพลิงเช็ดน้ำตาให้แม่ ปลอบใจว่า
“ไม่ต้องเสียใจนะครับแม่ ผมเชื่อว่าวิญญาณของพ่อจะต้องรับรู้เรื่องนี้ และคงดีใจกับเราสองคน”
ฝ่ายนิรุตกับชนนท์ เมื่อได้ข่าวนี้จากนาฎนรีก็ดีใจไม่น้อยกว่าสองแม่ลูก นิรุตบอกทั้งสองว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดีของชาตโยธิน ต่อไปนี้เราคงจะมีความสุขกันเสียที
ชนนท์ติงพ่อว่าสรุปแบบนี้ถามบุษกลกับอาณัติหรือยัง ทำให้นาฎนรีหน้าสลดลง เขารีบขอโทษ แต่นาฎนรีตอบอย่างทำใจได้แล้วว่า ความเป็นจริงเป็นยังไงพวกเราก็รู้กันอยู่
“นรี น้าเชื่อนะ ว่าอีกไม่นานความดีของเพลิงกับพี่ผ่องจะต้องชนะใจพี่บุษกับตาณัติเหมือนที่ชนะใจคุณแม่” นิรุต บอกหลานสาวอย่างมั่นใจ
ooooooo
หลังจากผ่องกับเพลิงขึ้นไปอยู่ที่ตึกใหญ่แล้ว ทองตราถามว่าเพลิงชอบห้องใหม่ไหม ผ่องบอกว่าน่าจะชอบ เพราะไม่เห็นพูดอะไร
“ฉันรู้สึกดีใจนะ ที่ได้ต้อนรับเธอกับเพลิงเข้ามาเป็นสมาชิกของชาตโยธินอย่างเต็มตัว... ฉันขุดหลุมฝังตัวเองให้จมอยู่กับอดีตและทิฐิมาตลอด 20 กว่าปี หลงคิดว่าเธอพรากพิภัช ไปจากฉัน แต่วันนี้ฉันรู้แล้วว่าคนที่ทำให้พิภัชจากไปคือตัวฉันเอง”
หลังจากคุยกันถึงความรู้สึกของแม่แล้ว ผ่องยอมรับว่าตนเคยน้อยใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่หลังจากมีเพลิงแล้วก็เข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นแม่ที่ต้องการให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ เอ่ยจากหัวใจว่า
“คุณหญิงแม่ เป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดสำหรับพี่ภัชค่ะ”
ทองตราเอ่ยอย่างสบายใจว่า ตอนนี้ตนสบายใจขึ้นมากที่ได้ทำอะไรดีๆ ให้ผ่องกับลูกบ้าง เหลืออีกอย่างเดียวที่ตนต้องทำก่อนตาย นั่นคือ “ฉันอยากจะรู้ว่าใครเป็นเจ้าของหัวใจดวงนี้” ทองตราเอามือจับที่บริเวณหัวใจเหมือนจะถามหาเจ้าของ...
ผ่องใจหายวาบ รีบตัดบทว่าดึกแล้วขอให้คุณหญิงแม่นอนเสีย ทองตรานอนแต่โดยดี ผ่องคลุมผ้าให้ คอยจนทองตราหลับ ผ่องลุกขึ้นมาเอามือทาบที่หัวใจทองตราเบาๆ พึมพำน้ำตาไหล...
“พี่ภัช...ฉันจะทำยังไงดี...”
ดูแลความเรียบร้อยในห้องทองตราอีกครั้ง แล้วผ่องก็ออกจากห้องกลับไป
ผ่องไม่สบายใจ ไปเคาะประตูห้องนอนเพลิงเสนอว่าควรจะบอกคุณย่าเรื่องหัวใจของพ่อแต่เพลิงเห็นว่าถ้าท่านรู้ ท่านจะเสียใจมาก ผ่องถามว่าแล้วจะปิดท่านไว้ตลอดหรือ
“ครับ ถ้ามันจำเป็นสำหรับชีวิตคุณย่า” เพลิงยืนยัน แต่ผ่องกลับรู้สึกหนักใจ...
ooooooo
แม้นมาศจองคอร์สเจ้าสาวให้น้ำฝน เธอชวนสิตาไปเป็นเพื่อนสิตาอ้างว่าตนมีงานแต่ก็ติดต่อเพลิงให้ไปเป็นเพื่อนน้อง
น้ำฝนรู้สึกเกรงใจที่เพลิงต้องมานั่งรอตนสองสามชั่วโมง เพลิงพูดสบายๆว่าไม่เป็นไร เพราะตนเอางานมานั่งทำรอเธอด้วย ทั้งยังพูดให้เธอสบายใจว่า จะว่าไปก็ดีเหมือนกันตนจะได้ทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองด้วย ทำให้น้ำฝนถามประชดว่าที่เขามาเป็นเพราะสิตามอบหมายหน้าที่ให้ใช่ไหม ชมประชดว่า
“โอเค งั้นฉันขอชมว่า นาย-ทำ-หน้า-ที่-ได้-ดี-มาก!”
จนกระทั่งคืนนี้ น้ำฝนก็ยังคิดหงุดหงิดกับคำพูดของเพลิงที่ว่าเขาจะทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด จนสิตามาเจอ คุยกันครู่หนึ่ง น้ำฝนก็ยังอดที่จะระบายความคับข้องใจไม่ได้ว่า ตนแต่งงานในหน้าที่ไม่อยากจริงจังอะไร
สิตาติงน้องว่าถ้าตัดสินใจแล้วก็อย่าทำเป็นเล่น น้ำฝนอ้างว่าเพลิงเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
“น้ำฝน เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะ พี่บอกแล้วไง ไม่ว่าจะแต่งด้วยเหตุผลอะไร แต่หลังจากแต่งงานน้ำฝนกับคุณเพลิงก็ได้ชื่อว่าสามีภรรยากัน ถ้าน้ำฝนกับคุณเพลิงจะคิดว่ามันคือหน้าที่ ทำไมไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้เป็นสามีภรรยาที่ดีต่อกันล่ะ”
“แต่พี่สิตาเคยบอกว่าจะไม่แต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักเด็ดขาด แล้วทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจ”
“พี่ไม่ได้เปลี่ยนใจ แต่ถ้าพี่อยู่ในสถานการณ์เดียวกับน้ำฝน พี่ก็ต้องทำแบบนี้ เพื่อรักษาเกียรติของสองตระกูล”
“แต่ตอนที่น้ำฝนยอมหมั้นกับพี่ณัติ น้ำฝนแค่คิดว่าถ้าเราได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆสักคน ไม่ว่าจะรักหรือไม่มันไม่สำคัญ แต่วันนี้ น้ำฝนต้องมาแต่งงานกับเพลิง ผู้ชายที่ใครๆก็ว่าเขาดี แต่น้ำฝนกลับคิดอยากแต่งงานด้วยความรักก็ไม่รู้”
สิตายิ้มอ่อนโยน กอดน้องไว้แน่น น้ำฝนขอนอนกับพี่ในคืนนี้แต่ขอไปเอาของมาก่อน เมื่อน้ำฝนออกจากห้องไปแล้ว สิตาพึมพำยิ้มๆอย่างเอ็นดูน้องรักว่า
“โถ...น้องสาวพี่ วันนี้ที่อยากแต่งงานด้วยความรัก ก็คงเพราะรักคุณเพลิงเข้าแล้วล่ะสิ เลยอยากให้เขารักตอบ”
ooooooo
บุษกลแผลงฤทธิ์แกล้งนิรุตกับเพลิงด้วยการไม่เข้าร่วมประชุม เพราะถ้าตนในฐานะรักษาการประธานบริษัทไม่เซ็นอนุมัติงานทั้งหมดของเพชรไทยก็ต้องหยุดชะงัก แม้นิรุตไปคุยด้วยก็ไม่ยอมฟัง
เวลาเดียวกัน ก็ขอร้องอาณัติให้ไปต่างประเทศสักพัก เรื่องทางนี้ตนจะจัดการเอง เตรียมทั้งตั๋วเครื่องบินและทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว แต่อาณัติขอทำธุระกับเพลิงให้เสร็จก่อนแล้วจะไปตามคำขอร้องของแม่
รุ่งขึ้น อันเป็นวันพิธีแต่งงานของเพลิงกับน้ำฝน บุษกลไม่ไปงานแต่ไปรออาณัติที่บ้านพักของเขา เมื่อไม่เจออาณัติก็ใจไม่ดี โทร.ตามอาณัติบอกว่าไปเอาของบ้านเพื่อน รับรองว่าไม่ไปที่งานแน่นอน
ที่แท้อาณัติไปที่งาน ชนนท์กับนาฎนรีเห็นแว้บๆ แต่ไม่แน่ใจ ครั้นเดินตามหาก็ไม่พบ เลยคิดว่าตัวเองตาฝาด ที่แท้อาณัติแอบอยู่หลังเสาใกล้ๆ นั่นเอง
หลังพิธีหมั้นแล้ว เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างไปที่ห้องแต่งตัวของตัวเองเพื่อเปลี่ยนชุดสำหรับงานเลี้ยงในตอนเย็น
อาณัติซุ่มอยู่ในงาน จนกระทั่งเย็น บุษกลเห็นนานผิดสังเกตจึงโทร.ตามอีก ปรากฏว่าอาณัติปิดเครื่อง ทำให้ยิ่งกระวนกระวายใจ เพราะใกล้เวลาเดินทางแล้ว
ที่ห้องจัดงาน นาฎนรีเป็นพิธีกร เชิญคู่บ่าวสาวขึ้นเวที ส่วนบรรดาญาติผู้ใหญ่และญาติๆ ต่างนั่งมองคู่บ่าวสาวกันอย่างชื่นชมที่ช่างเหมาะสมกันราวกิ่งทองกับใบหยก
หลังจากนั้นนาฎนรีเชิญผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวขึ้นคล้องพวงมาลัยและกล่าวอวยพรคู่บ่าวสาว ทองตราลุกขึ้น ชนนท์จูงมือย่าขึ้นเวที หลังจากคล้องพวงมาลัยแล้ว ทองตราเดินมาที่ไมค์ เอ่ยอย่างยินดี ขอบคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมงาน ประกาศแก่แขกและผู้ร่วมงานทุกคนว่า
“วันนี้ ดิฉันขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่า ดิฉันจะยกหุ้นของดิฉันทั้งหมดในเพชรไทยและบริษัทในเครือให้เป็นของขวัญวันแต่งงานกับคู่บ่าวสาวค่ะ”
แขกในงานปรบมือกึกก้อง เพลิงกับน้ำฝนยืนอึ้ง ผ่องตกใจ นิรุตบอกว่าคุณแม่ตั้งใจมานานแล้วและแสดงความยินดีด้วย เพลิงขยับเข้าไปกระซิบเรียกย่า ถูกทองตรายกมือห้ามขอให้ตนพูดจบก่อน แล้วพูดต่อ
“และตอนนี้ ดิฉันอยากขอให้ทุกท่านแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวด้วยนะคะ”
“แต่ผมไม่ยินดี” เสียงอาณัติโพล่งขึ้นแล้วพรวดออกมาจ้องเพลิงด้วยความแค้นสุดขีด แล้วหันไปตวาดทองตรา “คุณยายไม่มีสิทธิ์ยกหุ้นในเพชรไทยให้ไอ้เพลิง”
นิรุตเข้ามาจับแขนอาณัติบอกให้ใจเย็นๆ ถูกอาณัติสะบัดจนกระเด็นแล้วกระโดดขึ้นบนเวทีชักปืนออกมา เพลิงถลาเข้าเอาตัวบังน้ำฝนกับทองตราไว้
อาณัติประกาศว่า วันนี้จะมาทวงทุกอย่างที่เป็นของตนคืน น้ำฝนขอร้องอย่าทำอะไรเลย เพราะทุกคนเป็นห่วงเขา กลับถูกอาณัติตวาดว่า
“เงียบไปเลย ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอ ไม่ต้องมาเตือนฉัน วันนี้ถ้าฉันไม่ได้ฆ่าเธอกับไอ้เพลิงฉันตายตาไม่หลับแน่” พูดแล้วเล็งปืนจะยิง ชนนท์ฉวยจังหวะอาณัติเผลอกระโดดเข้าแย่งปืนเลยทำให้กระสุนพลาดเป้า
“คุณน้ำฝนคุณนรี รีบพาคุณย่าลงไปก่อน” เพลิงตะโกนบอก น้ำฝนเป็นห่วงเขาแต่เพลิงบอกว่าไม่ต้องห่วงตน ให้รีบไปเร็วๆ
เพลิงกับชนนท์พยายามที่จะช่วยกันหยุดอาณัติให้ได้ แต่อาณัติเหมือนคนบ้าเลือดเสียแล้ว เขามุ่งแต่จะฆ่าเพลิงเท่านั้น เพลิงคว้าขาไมโครโฟนฟาดแขนอาณัติที่ถือปืน
แล้วกระโดดเข้าแย่งปืน เลยกลายเป็นสองคนปล้ำกันจนตกเวที มีเสียงปืนลั่น ปัง!
ooooooo
บุษกลร้อนใจ เมื่ออาณัติปิดเครื่องจึงโทร.หาคนรอบข้าง จนกระทั่งโทร.เข้ามือถือนิรุต เขาบอกพี่สาวว่าอาณัติอยู่ที่นี่ บุษกลรีบขับรถออกไปทันที ไปถึงที่งานวิ่งพรวดเข้าไป เห็นอาณัติกับเพลิงนอนกองอยู่ที่พื้น บุษกลถลาเข้าไปแผดเสียงลั่น
“ตาณัติ...”
ทันใดนั้นเพลิงลุกขึ้น แต่อาณัตินอนจมกองเลือดเพราะถูกยิงเข้าที่หน้าอก บุษกลถลาเข้ากอดลูก อาณัติในสภาพสาหัสพยายามพูด ชี้ไปที่เพลิง “ผม...เกลียดมัน!” พูดขาดคำก็ขาดใจทั้งที่ตายังเบิกโพลง
บุษกลชี้หน้าด่าเพลิงว่าฆ่าอาณัติ คว้าปืนจะยิง นาฎนรีแย่งไปได้ ทองตราเตือนสติลูกว่าไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้หรอก บุษกลหันมาแผดเสียงใส่แม่ว่าจนป่านนี้ยังเข้าข้างพวกมันอีก พูดอย่างขาดสติว่า
“คุณแม่รู้ไหมว่าพวกมันทำอะไรกับคุณแม่ไว้บ้าง พวกมันทำอะไรกับหัวใจคุณแม่”
เมื่อบุษกลพูดถึงเรื่องที่ตัวเองอยากรู้อยู่แล้ว ทองตราสะอึก นิรุตพยายามห้ามพี่สาวแต่ทองตราสั่งให้พูดต่อไป
“คุณแม่อยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าใครบริจาคหัวใจให้คุณแม่ ก็ไอ้ฆาตกรหลานรักคุณแม่กับอีแม่ค้าแม่มันไงคะที่มันเอาหัวใจมาบริจาคให้คุณแม่”
“เพลิงกับผ่องแผ้วบริจาคหัวใจ นี่มันอะไรกัน แล้วหัวใจ...” ทองตราตระหนกมาก นิรุตพยายามจะหยุดบุษกล
แต่ทองตราปรามนิรุตแล้วบอกให้บุษกลพูดต่อ
“หัวใจใครใช่ไหมคะ ก็หัวใจพี่ภัชไง ไอ้เพลิงกับแม่มันเอาหัวใจพี่ภัชมาใส่ให้คุณแม่...”
ทองตราหันขวับถามเพลิงกับผ่องว่าจริงหรือ เพลิงขอให้ฟังตนก่อนทองตราถามย้ำว่าจริงไหม
“ครับ ผมเป็นคนบริจาคหัวใจพ่อให้คุณย่าเอง...”
“ไม่...ไม่...ไม่จริง...” ทองตราหอบแล้วช็อกล้มลง ทุกคนตกใจสุดขีด รีบเรียกรถพยาบาลมาทันที
ooooooo
ทองตราถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินทันที ทุกคนเฝ้ารออยู่หน้าห้องอย่างร้อนใจเป็นห่วง ส่วนชนนท์ต้องไปทำแผลเพราะถูกยิงที่แขน
แม้นมาศเพิ่งรู้เบื้องหลังการเกิดปัญหาจากน้ำฝน สิตารำพึงด้วยความเห็นใจผ่องและเพลิงว่า
“น่าสงสารคุณเพลิงกับคุณป้าผ่องนะคะ ถูกหลอกให้ปิดเรื่องทั้งหมด แล้วยังมาโดนใส่ร้ายอีก”
“คุณบุษกับตาณัตินี่ร้ายกาจจริงๆแต่ก็อย่างว่า ตอนนี้เวรกรรมตามทันแล้วไม่รู้จะสำนึกหรือยัง”แม้นมาศเอ่ย
เพลิงกับผ่องต่างโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุทำให้ทองตราช็อก เพราะหากบอกเรื่องเปลี่ยนหัวใจเสียแต่ต้น ก็คงไม่ร้ายแรงขนาดนี้ นิรุตบอกว่าถ้าจะผิดเราก็ผิดกันทุกคนอย่าโทษแต่ตัวเองเลย
เมื่อชนนท์เย็บแผลเสร็จออกมา นิรุตเข้ามาถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ชนนท์บอกว่าโชคดีที่กระสุนไม่ได้ฝังในปัญหาจึงไม่ใหญ่ ครั้นนิรุตถามถึงคุณย่า ชนนท์อึกอักเล่าหน้าเครียดว่า
“ผมก็ยังไม่ทราบครับ เพราะตอนผมทำแผลเขาก็ไม่ให้ดู ได้ยินแต่หมอพูดว่า...หัวใจคุณย่าเต้นอ่อนมากครับ”
แต่ไม่มีใครรู้ว่าระหว่างที่ทุกคนกำลังคุยกันด้วยความเป็นห่วงนั้น หัวใจทองตราหยุดเต้นแล้ว!
ผ่องกระวนกระวายใจถามเพลิงว่าทำไมนานนักยังไม่ได้ข่าวคุณย่าเลย เพลิงบอกแม่ว่าให้ทำใจดีๆไว้ตนเชื่อว่าพ่อต้องไม่ทิ้งคุณย่า เพลิงพนมมือภาวนา
“พ่อครับ พ่ออย่าทิ้งคุณย่านะครับ พ่อต้องดูแลคุณย่านะครับ” ผ่องพนมมือเช่นกัน ภาวนาเสียงเครือ “พี่ภัช ช่วยคุณหญิงแม่ด้วยนะจ๊ะ”
ราวกับเกิดปาฏิหาริย์ พยาบาลในห้องฉุกเฉินร้องบอกหมออย่างตื่นเต้นว่าหัวใจคนไข้เต้นแล้ว หมอถึงกับพึมพำ “เป็นไปได้ยังไง...”
ข่าวดีนี้ทำให้ทุกคนโล่งใจ แต่หมอยังไม่อนุญาตให้เข้าไปเยี่ยม เพราะคนไข้ยังไม่ฟื้นรอพรุ่งนี้ค่อยมาดีกว่า แม้จะผิดหวัง แต่ทุกคนยิ้มออก ยิ้มให้กัน เพลิงขอบคุณน้ำฝนที่เป็นกำลังใจให้ตนตลอดเวลา นิรุตบอกให้ชนนท์ไปพักผ่อน จะเรียกบุรุษพยาบาลมาพาไปส่งที่ห้อง สิตารีบอาสาอย่างเต็มใจว่า
“ไม่ต้องเรียกบุรุษพยาบาลหรอกค่ะ เดี๋ยวสิตาไปส่ง คุณนนท์เอง ขอสิตาตอบแทนที่คุณนนท์เสี่ยงชีวิตช่วยน้ำฝนไว้นะคะ” พูดแล้วสิตากับนิรุตก็ช่วยกันเข็นรถของชนนท์ไป
ooooooo
บุษกลไปเซ็นรับศพอาณัติด้วยความเสียใจ กอดร่างอาณัติ หอมหน้าผากลูกพูดน้ำตาอาบหน้า
“หลับให้สบายนะลูกแม่”
นาฎนรีมารอรับบุษกลที่หน้าตึกรับศพ เธอขอไปวัดด้วย ถูกบุษกลตวาด ด่าว่านังลูกเลวตนไม่มีลูกอย่างนี้ นาฎนรีร้องไห้อ้อนวอนแม่ให้ฟังตนก่อน รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนจนเกือบจะฆ่าตัวตายมาแล้ว
เมื่อบุษกลนิ่งฟังนาฎนรีเล่าจบ ถึงกับร้องไห้โผเข้ากอดลูกด้วยความสงสาร เสียใจ พร่ำบอก
“แม่ขอโทษ...แม่ขอโทษ นรี...แม่ขอโทษ” สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้อย่างหนัก...
ฝ่ายทองตรา ฟื้นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น พอนิรุต ผ่อง เพลิงและชนนท์ไปเยี่ยม ก็ไล่ทุกคนให้ออกไปให้หมดตนอยากอยู่คนเดียว นิรุตจึงต้องพาทุกคนออกมาแต่บอกแม่ว่าจะให้พยาบาลพิเศษมาเฝ้า
เมื่อทุกคนออกไปแล้ว ทองตรานอนมองเพดานห้อง น้ำตาไหลพราก...
ออกจากห้องทองตราแล้วผ่องกับเพลิงไม่ยอมกลับบ้านจะอยู่ใกล้ๆ แถวนี้แม้ไม่มีที่นั่งที่นอนก็ยอมยืน สุดท้ายชนนท์เสนอให้ไปพักที่ห้องของตน สองแม่ลูกไม่อยากรบกวน นิรุตตัดบทว่า
“ไปเถอะครับพี่ผ่อง ห้องอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ถ้าอยากมาดูอาการคุณแม่เมื่อไหร่ก็มาได้”
ผ่องกับเพลิงตัดสินใจตามนั้น เพลิงเข้าไปเข็นรถชนนท์พากันกลับไปที่ห้องเขา
ooooooo
บุษกลกับนาฎนรีรดน้ำศพอาณัติกันตามลำพัง เพราะคิดว่าคงไม่มีใครมาร่วมงานศพลูกแล้ว เธอร้องไห้เสียใจที่ตัวเองเป็นคนทำลายชีวิตของลูกทั้งสองคน บอกนาฎนรีว่าเสร็จงานศพอาณัติแล้วจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ อยากทำดีไถ่โทษให้อาณัติ
รุ่งขึ้นเธอไปหาทองตราที่ห้องพักฟื้น เข้าไปขอโทษแม่ยอมรับว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความโง่ของตัวเองที่กลัวผ่องกับเพลิงจะมาแย่งสมบัติไปทั้งหมด ตนยอมรับโทษ แต่ขอร้องแม่อย่าโกรธคนอื่นเลยโดยเฉพาะเพลิงกับผ่อง ขอให้แม่ยกโทษให้เพลิงกับผ่องด้วย เพราะทั้งสองพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ยกโทษให้พิภัช
บุษกลสารภาพผิด ขอโทษแม่ และขอร้องแม่เพียงเท่านี้ จากนี้ไปจะไม่รบกวนอะไรแม่อีกแล้ว
เมื่อบุษกลกับนาฎนรีกลับไปแล้ว ทองตราเรียกลูกและหลานมาพบรวมทั้งผ่องด้วย ตัดพ้อทุกคนที่โกหกตนเรื่องหัวใจที่ได้รับบริจาค จนเมื่อนิรุตชี้แจงถึงการตัดสินใจของเพลิงในภาวะคับขันที่กดดันอย่างหนักให้ฟัง ทองตราก็ยังบอกว่า “รู้ไหมว่าพวกเธอทำให้ฉันโกรธมาก”
เพลิงกราบขอโทษย่าขอร้องย่าว่าถ้าจะโกรธก็ขอให้โกรธตนคนเดียวอย่าโกรธคนอื่นเลย
“ฉันโกรธที่ทุกคนไม่ยอมบอกความจริงกับฉัน ว่าฉันมีลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลานชายที่ดีมากๆ” ทองตราพูดมองหน้าไล่ไปทีละคน ทำเอาทุกคนตะลึงอึ้ง ทองตราบอกอีกว่า “วันนี้ยัยบุษมาหาฉัน เขาสารภาพทุกอย่างแล้ว เพลิง ผ่องแผ้ว ถ้ายังเห็นฉันเป็นย่าเป็นแม่สามีของเธอ อย่าทำแบบนี้อีกนะ”
ระหว่างนั้นเอง นายมิ่งคนขับรถที่บ้านมาเคาะประตูเข้ามาบอกว่ามารับคุณหญิงกลับบ้าน ทุกคนมองทองตราด้วยความแปลกใจ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยเพราะทองตราขอร้องหมอไม่ให้บอกใคร
ooooooo
ที่ศาลาสวดศพอาณัติ คืนนี้เพลิงกับผ่องไปงานศพ บุษกลคิดว่าสองแม่ลูกจะมาเยาะเย้ยตนแต่ที่แท้ทั้งสองมาแสดงความเสียใจและมาขออโหสิกรรม ทำให้บุษกลสะเทือนใจ สารภาพผิดตำหนิตัวเองว่า
“พี่ผ่อง เพลิง พอเถอะ อย่าโทษตัวเองเลย ทุกอย่างเป็นเพราะความโลภ ความอิจฉาริษยาของฉันต่างหาก ฉันควรเป็นคนขอโทษทุกคน เพลิง...อภัยให้อานะ พี่ผ่องคะบุษ ขอโทษนะคะ”
ระหว่างนั้นเอง ทองตราเข้ามาพร้อมนิรุตและชนนท์ถามเชิงต่อว่าบุษกลว่า “จัดงานศพตาณัติทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”
ในงานศพของอาณัตินี่เอง ครอบครัวชาตโยธินก็ได้กลับมาเป็นปึกแผ่นกันอีกครั้งเมื่อทุกคนรู้จักขอโทษ ให้อภัย และอโหสิกรรม...
เสร็จจากงานศพของอาณัติแล้ว บุษกลเข้าไปกราบลาทองตรา บอกแม่ว่าจะไปทำงานที่มูลนิธิเพื่อเด็กยากไร้ที่ต้องการความช่วยเหลืออีกมาก พูดอย่างเข้าใจถึงแก่นแท้ชีวิตแล้วว่า
“บุษรู้แล้วว่า ความสุขจากการให้ มันมีค่ามากกว่าความสุขจากการรับของจากผู้อื่น ส่วนเรื่องหุ้นของบุษคุณแม่ก็ช่วยจัดการตามที่บุษขอร้องนะคะ...พี่ผ่องคะ บุษฝากดูแลคุณแม่ด้วยนะคะ...เพลิงอาขอบคุณนะที่เพลิงทำอะไรหลายๆ อย่างให้อากับลูก ทั้งๆที่อาก็ไม่ดีกับเพลิง จากนี้ไปอาจะเป็นฝ่ายให้เพลิงบ้างนะ”
บุษกลลาทุกคนในชาตโยธินท่ามกลางความรัก ความชื่นชมของทุกคน...
ooooooo
เพื่อไม่ให้ทุกฝ่ายเสียหาย ทองตราจะจัดงานแต่งงานให้เพลิงกับน้ำฝนอีกครั้ง ซึ่งแม้นมาศก็เห็นด้วย เพลิงก็ไม่ขัดข้องที่จะช่วยกันแก้ปัญหาไม่ให้น้ำฝนเสียหาย
แต่น้ำฝนขัดข้องเพราะยังคิดว่าเพลิงไม่ได้รักตน แต่งงานครั้งแรกก็บอกว่าทำตามหน้าที่ ครั้งนี้ก็บอกว่าเพื่อแก้ปัญหา เธอยืนกรานจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก บอกเพลิงว่าเขาควรแต่งงานกับคนที่เขารักไม่ใช่แต่งเพราะหน้าที่และเพื่อแก้ปัญหา
เมื่อน้ำฝนยืนกรานเช่นนี้ บรรดาผู้ใหญ่ก็ไม่ขัดใจเพราะทั้งเพลิงและน้ำฝนต่างก็โตกันแล้ว
สิตาพยายามให้น้ำฝนตั้งสติคิดให้ดี เมื่อน้องยังยืนยันความตั้งใจ เธอจึงไปเล่าให้ชนนท์ฟัง เมื่อชนนท์รู้เหตุผลที่น้ำฝนไม่แต่งงานกับเพลิงเพราะรู้สึกว่าเพลิงไม่ได้รักตน ชนนท์ ชี้แจงอย่างร้อนใจว่า
“พี่เพลิงเป็นคนดูยากมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะดูไม่ออกเสียเลย” บอกสิตาว่า “เราต้องทำให้เพลิงบอกรักน้ำฝนให้ได้” ส่วนเรื่องน้ำฝนจะรักเพลิงหรือไม่นั้น ชนนท์ ย้อนถามว่า ถ้าไม่รักแล้วจะงอนหรือ สิตาชมว่าเขาแอบเก่งเหมือนกันนะ ชนนท์กลับพูดเป็นนัยหน้าเศร้าว่า “เก่งแต่เรื่องคนอื่นครับเรื่องของผม กลับเอาตัวไม่รอด”
ด้วยความมั่นใจว่าเพลิงและน้ำฝนต่างรักกัน แต่ต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายไม่ได้รักเพราะไม่ยอมเปิดใจให้กัน ชนนท์จึงวางแผนกับสิตาว่าเมื่อเพลิงไม่ยอมบอกรักด้วยปากตัวเองก็ต้องทำให้น้ำฝนรู้ด้วยวิธีอื่น ไปปรึกษาผ่อง ผ่องจึงแอบเอาสมุดบันทึกของเพลิงให้ชนนท์เอาไปให้น้ำฝนอ่าน
ฝ่ายเพลิงเมื่ออยู่ครบสามเดือนตามสัญญาที่ให้ไว้กับทองตราแล้ว สรุปผลปรากฏว่าสามารถทำให้ผลประกอบการของเพชรไทยสูงกว่าที่ประมาณการไว้ และเวลานี้เพชรไทยก็กลับมาเป็นอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมอัญมณีของไทยแล้ว เขาจึงเข้าไปกราบลาทองตราจะกลับไปอยู่ระนอง
ในการประชุมใหญ่เพชรไทยวันนี้ ทองตราประกาศเรื่องสัดส่วนการถือหุ้นแก่ผู้เกี่ยวข้องว่า
“จากวันนี้ไป เพลิงฤทธิ์จะเป็นผู้ถือหุ้นแทนพิภัชซึ่งมีอยู่ 20% และของบุษกลอีก 10% รวมเป็น 30% ซึ่งเท่ากับของดิฉันซึ่งเป็นหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของเพชรไทย”
ทุกคนแสดงความยินดีกับเพลิง แต่ตัวเขากลับไม่ขอรับหุ้นเหล่านั้นเพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ตนต้องการ ยืนยันกับย่าว่าจะกลับระนอง ทองตราถามว่าจะทิ้งตนไปกันหมดหรือ ผ่องจึงขออยู่รับใช้ท่านต่อไป
“รับใช้อะไร เธอก็เป็นลูกสาวฉันคนหนึ่ง อยู่เป็นเพื่อนฉันแล้วกัน แล้วช่วยบอกให้เพลิงเขาอยู่ด้วยสิ” เมื่อผ่องหันไปชวนเพลิง เขาบอกว่าเขาเกิดที่ระนองชีวิตอยู่ที่นั่นจะขอกลับไปที่นั่น ทองตราเลยพูดอย่างประชดประชันว่า อยากไปก็เชิญ
ระหว่างนั้นทั้งชนนท์และสิตาต่างช่วยกันลุ้นให้เพลิงไปบอกรักน้ำฝนเพื่อเธอจะได้ยอมแต่งงานด้วย เพลิงจึงยอมจะตามไปบอกรักเธอ เมื่อรู้แน่ชัดว่าเธอจะบินคืนนี้แล้ว ทองตราจึงเอาแหวนหมั้นวงนั้นให้เอาติดตัวไปด้วย
ooooooo
เพราะจะเดินทางพรุ่งนี้ตีสอง ซึ่งก็คือคืนนี้นั่นเอง ขณะน้ำฝนกำลังเก็บของ สิตาเอาสมุดบันทึกของเพลิงไปให้อ่าน บอกน้องว่าถ้าอยากรู้ว่าเพลิงรู้สึกอย่างไรกับตัวเองก็ให้อ่านสมุดเล่มนี้
“มันสายไปแล้วล่ะพี่สิตา” น้ำฝนพูดไปอย่างนั้นแต่รับสมุดบันทึกเล่มนั้นไปอ่านอย่างตั้งใจ ตื่นเต้น
ในสมุดบันทึก เพลิงบรรยายถึงความรู้สึกที่มีต่อน้ำฝนที่ทั้งรักทั้งหมั่นไส้ จนสุดท้ายบรรยายไว้ว่า
“ในชีวิตไม่เคยดีใจอะไรเท่านี้มาก่อน ตอนที่คุณย่าบอกว่าจะให้แต่งงานกับคุณน้ำฝน แม้จะรู้ว่าคุณน้ำฝนไม่ค่อยชอบหน้าเรา แต่ก็ดีใจมากในชีวิตคงไม่มีอะไรดีใจเท่ากับการได้แต่งงานกับคุณน้ำฝนอีกแล้ว...”
น้ำฝนน้ำตารื้น ทำใจได้แล้วจึงอ่านต่อ
“วันนี้คุณน้ำฝนโทร.เรียกเราไปคุยเรื่องแต่งงานครั้งที่สอง คุณน้ำฝนบอกว่าจะไม่แต่งงาน ได้ยินแล้วเสียใจมาก แต่ที่เสียใจที่สุดคือตอนที่คุณน้ำฝนบอกว่าจะแต่งงานกับคนที่เธอรักเท่านั้น แต่ไม่เป็นไร ยังไงเราก็จะรักคุณน้ำฝนคนเดียวตลอดไป”
น้ำฝนน้ำตาไหลอาบแก้มพึมพำพลางมองตั๋วเครื่องบินกับพาสปอร์ต
“นายเพลิง ทำไมนายไม่บอกรักฉันแต่แรก...”
ooooooo
ได้รับแรงกระตุ้นจากทุกคน ทำให้เพลิงตัดสินใจไปหาซื้อดอกไม้ช่องามไปหาน้ำฝนที่คอนโดฯ ปรากฏว่าเธอออกไปแล้วแต่ไปไหนไม่ได้บอกไว้ทั้งที่ยังเหลือเวลาอีกนานกว่าจะถึงเวลาบิน โทร.เข้ามือถือเธอก็ปิดเครื่อง
เพลิงผิดหวังมากเอาแหวนไปคืนคุณย่า ทองตราบอกว่ามันเป็นของผ่อง ผ่องบอกให้ลูกเก็บไว้เสียบางทีอาจจะต้องใช้มันอีก
เมื่อพิสูจน์ตัวเองกับคุณย่าสำเร็จแล้วและความรักก็สิ้นหวังแล้ว เพลิงเก็บกระเป๋าเดินทางกลับระนองด้วยเสื้อผ้าของใช้ชุดเดิมที่ใส่มา แต่ยอมเอารถส่วนตัวไปเพราะเกรงคุณย่าจะเสียใจ
แต่พอกลับถึงบ้านพักที่ระนอง เพลิงตะลึงอึ้งเมื่อเห็นน้ำฝนกำลังทาสีบ้านอยู่อย่างขะมักเขม้น เธอทาบ้านสีฟ้าตามความใฝ่ฝันของเขา เมื่อเพลิงเข้าไปถามว่าไหนบอกว่าจะไปเมืองนอก น้ำฝนหยิบสมุดบันทึกมาวางไว้ถามว่าแบบนี้จะให้ไปได้ยังไงล่ะ...
กลายเป็นว่า ทุกคนร่วมกันวางแผนนี้ เพราะน้ำฝนโทร.บอกทองตราว่าจะยอมแต่งงานกับเพลิงแต่ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ เพลิงเป็นคนเดียวที่มะงุมมะงาหราอยู่จนกระทั่งกลับมาเจอน้ำฝนที่ระนอง
เพลิงโผเข้ากอดน้ำฝนแน่นถามว่าแกล้งตนหรือ เธอบอกว่าเพราะเขาแกล้งตนก่อน เพลิงถามว่า รู้ว่าเธอโกรธตนเพราะตนไม่เคยบอกรักใช่ไหม แล้วก็บอกรักพร้อมกับกอดไว้แน่น แต่พอคลายมือออก น้ำฝนก็ไม่ยอมไปไหนบอกเขาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุขว่า “ฉันไม่ไปไหน เพราะฉันก็รักนาย...”
หลังจากนั้น เพลิงเล่าอย่างมีความสุขบอกทุกคนที่เฝ้าเอาใจช่วยเขาว่า
“หลังจากคุณย่าสุขภาพดีขึ้น จนหมออนุญาตให้เดินทางได้ คุณย่าก็ออกเที่ยวไปทั่วโลกพร้อมกับคุณแม่ผมและคุณพ่อผม คุณย่าเขียนมาเล่าให้ฟังว่ามีความสุขมากที่ได้เที่ยวกับพ่อและแม่ของผม”
ส่วนสิตากับชนนท์ก็ร่วมทุนทำธุรกิจด้วยกันทำท่าจะไปได้สวยทั้งธุรกิจและความสัมพันธ์
“ส่วนผมกับน้ำฝน ก็ได้แต่งงานเหมือนที่คุณน้ำฝนได้เคยวาดไว้ มันเหมือนฝันที่เป็นจริงเลยครับ...”
ooooooo
–อวสาน–










