ตอนที่ 12
หลินปึงปังกลับบ้าน ผ่องถามอะไรก็ไม่พูดด้วย เมื่อผ่องออกมาเห็นเพลิงนั่งตากยุงเงียบๆอยู่ชานบ้านถามว่าทำไมมานั่งตากยุง เพลิงยิ้มเศร้าๆบอกแม่ว่านั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย
ผ่องดักคอลูกชายว่าคิดถึงใครอยู่หรือเปล่า เพราะอาการเหมือนคนกำลังมีความรัก เพลิงทำกล้อมแกล้มเปลี่ยนเรื่องถามแม่ว่าจะไปนอนเป็นเพื่อนคุณย่าแล้วใช่ไหม
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย เอาล่ะไม่บอกแม่ก็ไม่เป็นไร แต่แม่จะบอกไว้อย่างนึงนะ ถ้าลูกจะรักใครมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ความรักเป็นสิ่งดี รีบหาสะใภ้ให้แม่เร็วๆหน่อยนะ แม่อยากอุ้มหลาน”
พูดแล้วเห็นเพลิงทำท่าจะชี้แจง ผ่องตัดบทว่าเอาล่ะ แม่ไปดีกว่าแล้วเดินยิ้มไป เพลิงมองตามแม่แล้วแหงนมองดวงจันทร์ที่ทอแสงนวลกระจ่างอยู่บนท้องฟ้า
เวลาเดียวกัน น้ำฝนก็นอนไม่หลับ ออกมายืนที่ระเบียงคอนโดฯ แหงนมองพระจันทร์ ใจคิดถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับเพลิง นับแต่เรื่องที่ฟังมาว่าเขาขายหัวใจพ่อ แต่ก็มีแง่มุมดีๆที่เขาปฏิบัติดีกับตน คิดแล้วน้ำฝนถามลอยๆว่า
“ตกลงนายเป็นคนดีหรือไม่ดีกันแน่”
สิตาเดินออกมาทักน้องว่าคิดถึงแฟนอยู่หรือ แซวว่าอาการแบบนี้เหมือนคนมีความรักเลย น้ำฝนถามแก้เขินว่าจะให้ตนไปรักกับใคร สิตาบอกว่า “ก็คุณนนท์ไงล่ะ”
“พี่สิตา...น้ำฝนกับพี่นนท์เป็นพี่น้องกัน” น้ำฝนเสียงขำๆพอพี่สาวบอกว่าวันนี้เห็นคุยกันตั้งนาน น้ำฝนเลยบอกแซวๆว่า “แหม ไม่ดีเหรอ ที่น้ำฝนทำก็เพื่อจะช่วยให้พี่ได้ใกล้ชิดกับนายเพลิงยังไงล่ะ รู้งี้ไม่ช่วยซะก็ดี”
สิตารีบโอ๋และขอโทษน้องที่เข้าใจผิด น้ำฝนย้ำว่า “งั้นพี่สิตาก็เลิกคิดเรื่องน้ำฝนกับพี่นนท์เลยนะ”
คืนเดียวกัน ชนนท์ไปยืนมองพระจันทร์ที่หน้าต่าง ใจลอยถึงสิตา พึมพำอย่างมีจิตใจดีว่า
“ผมจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณครับ...คุณสิตา”
ooooooo
เมื่อผ่องไปถึงห้องทองตรา ก็ช่วยทำกายภาพ บำบัดให้ ทองตราเอ่ยขึ้นว่า
“เพลิงเขาก็โตพอที่จะเป็นฝั่งเป็นฝาได้แล้วนะ เธอเห็นเขารักใครชอบใครบ้างหรือเปล่า”
ผ่องเล่าว่าเห็นเพลิงเหม่อๆไม่รู้คิดถึงใคร แต่เพลิงเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง เลยไม่แน่ใจว่าลูกคิดอะไรอยู่ ถูกทองตราตำหนิว่าเป็นแม่ประสาอะไร ถึงไม่รู้ว่าลูกรักใครชอบใคร ตำหนิแล้วเตือนผ่องว่า
“ปล่อยกันอย่างนี้ เดี๋ยวจะได้ไปคว้าเอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาหรอก”
เป็นคำพูดที่ทำให้ผ่องถึงกับสะอึกเหมือนสะกิดแผลตัวเอง แต่ก็บอกทองตราว่าตนไม่ไปกะเกณฑ์อะไรกับความรักของลูก ถ้าเขารักใครชอบใคร ตนก็เต็มใจยอมรับ
“ย่ะ...แม่คนใจพระ ฉันน่ะมันนางมารร้าย ขัดขวางเธอกับตาภัช” ทองตราประชดจนผ่องต้องรีบชี้แจงว่าตนไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น แต่เรื่องลูก ตนคิดอย่างนั้นจริงๆ
“เอาเถอะ...ฉันก็ไม่อยากจะวุ่นวายกับเธอ กับลูก สักเท่าไหร่ ฉันก็แค่ถามเพราะฉัน...” พูดแค่นั้นแล้วตัดบท “เอ้อ...ไม่มีอะไรหรอก ฉันง่วงแล้ว” พูดแล้วล้มตัวลงนอน
ผ่องลอบมองทองตราหน้าเศร้า รู้สึกได้ว่าทองตราไม่มีทีท่าจะใจอ่อนลงเลย
ooooooo
นาฎนรีถูกนำตัวไปกักขังอยู่ในบ้านพักของไพโรจน์ เธอร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อไพโรจน์เข้ามาเธอคิดว่าเขาจะมาช่วยพากลับบ้าน แต่พอฟังไพโรจน์บอกว่าได้กลับแน่แต่ไม่ใช่เวลานี้ เธอก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นตัวการจับตนมา
ไพโรจน์ข่มขืนเธอและถ่ายคลิปไว้ก่อนปล่อยกลับในเช้าวันรุ่งขึ้น กลับถึงบ้านเธอบอกบุษกลว่าเมื่อคืนไปเที่ยวกับเพื่อนเมาไปหน่อยเลยค้างที่บ้านเพื่อน
บุษกลบ่นแล้วไล่ให้ไปอาบน้ำจะได้ออกไปทำงานด้วยกัน นาฎนรีบอกว่าตนไม่สบายวันนี้ขอลา พูดแล้วเดินผ่านไปเลย บุษกลบ่นอย่างหัวเสียคนเดียว...
“ไม่ได้ดั่งใจสักคน คนน้องก็ทำตัวเป็นผีดิบตายซากเข้าไปทุกวัน คนพี่ก็หายหัวไปไหนไม่รู้!”
หลังจากนาฎนรีกลับถึงบ้านไม่นาน ไพโรจน์ก็โทร.มาเตือนเรื่องงานที่จะให้เธอทำ นาฎนรีตะคอกสวนไปว่า “ไม่ ฉันจะไม่ทำตามคำสั่งของแก” แล้วตัดสายเลย
“กล้าตัดสายฉันเหรอ” ไพโรจน์คำรามเหี้ยม แล้วส่งข้อความเข้ามือถือเธอ เป็นเสียงเธอร้องตะโกน “ไม่ๆๆปล่อยฉัน” ที่อัดไว้จากเมื่อคืน นาฎนรีกรี๊ดออกมาอย่างอัดอั้น ขว้างโทรศัพท์ทิ้งแล้วร้องไห้อย่างหนัก
ooooooo
นับแต่เกิดเรื่องฆาตกรรมที่บ้านชาตโยธินและข่าวการเปลี่ยนเพชรที่บริษัทเพชรไทยเป็นข่าวออกไป ทำให้ธุรกิจของบริษัทกระทบกระเทือนอย่างมาก ลูกค้าใหญ่ๆ พากันยกเลิกสัญญาที่ทำไว้ แต่ก็ให้ความหวังว่าถ้าวันหนึ่งทางบริษัทเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ เราคงได้ร่วมงานกันอีก
บุษกลมาคุยกับนิรุตเห็นรายงานที่ลูกค้าขอชะลอออเดอร์และยกเลิกสัญญาก็โทษว่าเพลิงทำงานเสียหาย บอกนิรุตว่าขืนปล่อยไว้อย่างนี้มีหวังเพชรไทยได้ล่มจมแน่ นิรุตแย้งว่าเรื่องนี้น่าจะโทษอาณัติมากกว่าที่เป็นคนก่อเรื่อง เสนอพี่สาวว่า
“แทนที่จะมาทะเลาะกัน เรามาหาทางแก้สถานการณ์กันดีกว่านะครับ” เขาบอกพี่สาวว่า “ผมอยากจะขอให้พี่บุษ เรียกประชุมแผนกพีอาร์ของนรี ให้เร่งวางแผนจะทำข่าวหรือโครงการอะไรก็ได้ เพื่อช่วยภาพลักษณ์ของเพชรไทย”
บุษกลกันนาฎนรีไว้ไม่ยอมให้ทำอ้างว่างานล้นมือแล้ว เสนอว่าจะบอกแผนกพีอาร์ช่วยก็แล้วกันแต่พอนิรุตออกไป บุษกลก็ยิ้มร้ายพึมพำตามหลัง
“เรื่องอะไรฉันจะต้องช่วยไอ้เพลิง ให้มันเสียหายแบบนี้ก็ดี แกจะได้กระเด็นไปจากชาตโยธินเสียที” อาฆาตแค้นเพลิงแล้วเดินไปพูดกับรูปทองตราที่ติดในห้อง “เมื่อคุณแม่ไม่ยุติธรรม บุษก็จะขอทวงสิ่งที่มันควรเป็นของบุษกับลูกคืน!”
ooooooo
เพลิง ชนนท์ และนิรุตช่วยกันคิดหนักเพื่อหาทางกู้ภาพลักษณ์ของเพชรไทยกลับคืนมา หลังจากคุยกันแล้ว ชนนท์เสนอว่า
“อาทิตย์นี้รายการของน้ำฝนก็จะออกอากาศ คนก็จะรู้จักพี่เพลิงมากขึ้น เราก็ต่อยอดด้วยการให้พี่เพลิงกับน้ำฝนเป็นภาพลักษณ์ของเพชรไทยไปเลยสิครับ”
เมื่อคุยเป็นที่ตกลงกันแล้ว เพลิงเป็นคนไปคุยกับน้ำฝนให้เธอมาถ่ายแบบให้กับหนังสือที่ขายดีติดอันดับต้นๆ ของประเทศ โดยภาพสุดท้ายจะให้แต่งในเซต เดอะ
กลอรีออฟเลิฟจากงานแสดงเครื่องเพชรด้วย
น้ำฝนตื่นเต้นแต่ยังเล่นตัว จนเพลิงถอดใจบอกว่าไม่ช่วยก็ไม่เป็นไรขอบคุณที่เสียสละมาคุยด้วย แต่พอแยกจากกัน น้ำฝนก็บ่นอย่างหมั่นไส้ว่า “ผู้ชายอะไรใจน้อย แหย่เล่นนิดเดียวก็ไม่ได้”
ฝ่ายแม้นมาศก็ไปคุยกับทองตราเรื่องที่จะหาคนมาช่วยดูแล โดยเสนอให้พิจารณาผ่องแผ้ว เพราะเชื่อว่าเป็นคนดีที่อยู่กับสามีและเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดีโดยไม่หวังอะไรตอบแทน บอกย้ำว่า
“และยิ่งถ้าเธอทำให้คุณหญิงคิดถึงคุณพิภัชในด้านดีแล้วละก็ คุณหญิงจะกันเธอให้ห่างออกไปทำไมคะ”
จากนั้นไปคุยกับผ่องชมว่าอาการของทองตราดีขึ้นเพราะได้รับการดูแลจากผ่องเป็นอย่างดี ให้กำลังใจว่า สักวันคุณหญิงจะยอมรับเธอกับเพลิงด้วยความเต็มใจ ทำให้ผ่องมีกำลังใจขึ้นมาก
พอบุษกลกลับมาเห็นแม้นมาศคุยกับผ่องก็พูดกระแนะกระแหนว่าจะฝากน้ำฝนให้เป็นสะใภ้แม่ค้าขายปลาหรือ ซ้ำยังด่าแม้นมาศว่าสอนลูกให้เป็นนกสองหัว พออาณัติตกต่ำก็ย้ายข้างไปหาเพลิงแทน
“ฉันสอนลูกให้รู้จักแยกแยะระหว่างคนดีกับคนเลวต่างหาก แต่เราก็ยังพลาดจนได้ ฉันกับลูกซื่อเกินไปที่ดูไม่ออกว่าใครดีใครสร้างภาพ เพราะคนสมัยนี้มันรู้หน้าไม่รู้ใจ แต่พอเรารู้ว่าคบคนเลวเราก็จะออกห่างทันที” ด่ากลับอย่างเจ็บแสบแล้ว แม้นมาศหันมาบอกผ่อง “ฉันขอตัวลากลับเลยนะคะ ดีใจที่ได้คุยกับคนจิตใจดีอย่างคุณผ่องค่ะ”
บุษกลจ้องตาแทบถลน พอหันกลับมาเจอผ่องก็มองจิกจนผ่องต้องเดินตัวลีบออกไป เมื่อกลับไปเจอนาฎนรีที่ห้องนั่งเล่น ก็บอกลูกว่ามีแผนจะกำจัดเพลิงแบบตอกฝาโลงกันเลย สั่งห้ามแก้ข่าวให้เพชรไทยเด็ดขาด
แต่พอบอกนาฎนรีแล้ว เธอกลับบอกแม่ว่าอยากไปเรียนต่อเมืองนอก พูดแล้วร้องไห้ ทำเอาบุษกลหัวเสียที่ลูกสองคนพึ่งไม่ได้สักคน
ooooooo
เมื่อเทปรายการท่องเที่ยวของน้ำฝนออกอากาศ ได้รับเสียงตอบรับดีมาก เสียงชื่นชมเพลิงไหลมาเทมาจนน้ำฝนอ่านเน็ตไม่ไหว เธอเรียกสิตามาดูอย่างตื่นเต้น แม้นมาศถามว่าแบบนี้แล้วเรื่องที่เพลิงขอให้ไปถ่ายแบบจะว่าอย่างไร น้ำฝนตอบไม่ลังเลว่า “ก็ต้องช่วยสิคะ เดี๋ยวคนแถวนี้จะมาต่อว่าน้ำฝนเอาอีก” พูดแล้วปรายตาไปทางสิตา โดนพี่สาวเหน็บกลับมาว่าลองไม่ถ่ายดูสิ พี่ไม่ยอมจริงๆด้วย แม้นมาศพูดอย่างคาดหวังว่า
“แม่ก็หวังว่าผลจากการถ่ายแบบครั้งนี้คงช่วยเพลิงกับเพชรไทยได้บ้างนะ”
เมื่อไปถ่ายแบบที่สตูดิโอถ่ายภาพเสร็จแล้ว นักข่าวพากันมาสัมภาษณ์เพลิงที่กำลังดังเป็นพลุ
นักข่าวถามว่ามาเอาดีทางถ่ายแบบแล้วจะสละตำแหน่งในเพชรไทยให้ใครดูแล...กับข่าวไม่ดีอย่างต่อเนื่องของเพชรไทยจะแก้อย่างไร...เรื่องส่วนตัวกับน้ำฝนจะมีทางพัฒนาไหม
เพลิงตอบคำถามอย่างหนักแน่นว่าหน้าที่หลักของตนคืองานที่เพชรไทย ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นกำลังคลี่คลายในเร็วๆนี้ เพื่อเพชรไทยยังคงเป็นเบอร์หนึ่งในวงการเพชรต่อไป ส่วนคำถามเรื่องความสัมพันธ์กับน้ำฝนจะมีทางพัฒนาเป็นแฟนกันไหมนั้น น้ำฝนชิงตอบว่า
“เราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันค่ะ ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นแน่นอน”
เพลิงฟังแล้วนิ่งไป เมื่อนักข่าวหันมาถาม เขาบอกว่า “ก็อย่างที่คุณน้ำฝนบอกล่ะครับ ยังไงเราก็เป็นได้แค่เพื่อนร่วมงานกัน” พูดแล้วทั้งสองก็หันยิ้มให้กันทำเป็นยืนยันคำพูด ทั้งที่ใจไม่นิ่ง...
วันต่อมา บุษกลอ่านพาดหัวคอลัมน์ “เพลิงฤทธิ์ เลือดใหม่เพชรไทย นักธุรกิจรูปหล่อมาแรงและประสบความสำเร็จที่สุดในขณะนี้” บุษกลปาหนังสือทิ้ง สบถอย่างเจ็บแค้น
“ไอ้คางคกขึ้นวอ พอมีคนถือหางเข้าหน่อยล่ะ ทำเป็นชูคอหน้าระรื่นเชียว!”
ฝ่ายทองตราอ่านหนังสือฉบับนี้แล้วชมว่าเพลิงตอบคำถามได้ดี ชนนท์เสริมอย่างดีใจว่าเพลิงตอบคำถามได้ดีขนาดมีกระแสในอินเตอร์เน็ตว่าทั้งหล่อและฉลาด ส่วนนิรุตก็ขอบใจที่เพลิงทำให้ภาพลักษณ์เพชรไทยดีขึ้นมาก
ผ่านการทดสอบหลายครั้งมาระยะหนึ่ง วันนี้ขณะทานอาหารกัน ทองตราอนุญาตให้เพลิงกับผ่องขึ้นมาอยู่ที่ตึกใหญ่ แต่ทั้งสองขออยู่ที่เรือนคนสวนต่อไป เพราะอีกไม่นานก็จะกลับระนองกันแล้ว
“ตามใจ อยากอยู่ที่ไหนก็เชิญย่ะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว” ทองตราพูดอย่างไม่พอใจแล้วทำเมินใส่ จนนิรุตกับชนนท์มองหน้ากันแล้วแอบถอนใจ
ooooooo
เกิดเรื่องอื้อฉาวร้ายแรงขึ้นในเพชรไทยอีกจนได้ เมื่อลูกค้ารายใหญ่ที่สั่งงานได้รับของแล้วพากันมาเอาเรื่องเพลิงที่เพชรไทยว่าได้เพชรปลอมไป เพลิงตกใจมากขอเวลาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกที
ลูกค้าหลายรายไม่ทำธุรกิจกับเพชรไทยอีกแล้ว ถึงกับประกาศเลิกคบกันไปเลย
เพลิงเครียดหนัก เมื่อมาพบนิรุตกับชนนท์ที่ห้องทำงาน นิรุตใช้เครื่องตรวจสอบเพชรจี้ไปที่สร้อย ปรากฏว่าเป็นเพชรปลอมทั้งสามชุดจริงๆ
“แสดงว่านอกจากคุณณัติกับสมชัยแล้ว ในเพชรไทยยังมีขโมยอยู่อีก” เพลิงวิเคราะห์
จากการเช็กขั้นตอนอย่างละเอียด นิรุตให้เช็กวันที่เขามาเปิดเซฟ ปรากฏว่าไม่มีใครเข้ามาในห้องเซฟ มีแต่นิรุตกับชนนท์เท่านั้น เพลิงตั้งข้อสังเกตว่าแล้วเพชรหายไปได้ยังไง ชนนท์ถามว่า
“คุณพ่อครับ แต่กุญแจเซฟกับรหัสอีกชุดของคุณย่า
ป้าบุษเป็นคนถือไม่ใช่เหรอครับ”
แต่พอไปถามบุษกล ก็ถูกโวยวายตีโพยตีพาย ท้าให้เอาตำรวจมาจับเลย นิรุตจึงสรุปว่า
“เอาเป็นว่าตอนนี้ผมขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับไว้ก่อน อย่าเพิ่งให้คุณแม่กับนักข่าวรู้ แล้วผมจะหาทางจับขโมยให้ได้”
ooooooo
เพชรจริงอยู่ในมือของไพโรจน์แล้ว เขาชมว่าสองพี่น้องทำงานประสานกันได้เยี่ยมมาก เอาเพชรมาได้ครบเซตเลย บอกนาฎนรีว่า ไม่คิดว่าอาณัติจะแฮ็กข้อมูลกล้องวงจรปิดได้ด้วย
นาฎนรีไม่ขอทำงานอีกต่อไป ไพโรจน์ถามว่าจะปล่อยไปได้ยังไง เพชรที่เหลืออยู่ที่เพชรไทยยังมีอีกหลายพันล้าน ถ้าไม่ทำก็ตายทั้งพี่ทั้งน้องนั่นแหละ ว่าแล้วก็เข้าคุกคามจะปล้ำ
“ถ้าคิดจะให้ฉันช่วยขโมยเพชรอีก ก็อย่าทำอะไรฉัน” นาฎนรีถอยพลางต่อรอง ไพโรจน์หัวเราะหื่นบอกเธอว่าตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์ต่อรองอะไรกับตนทั้งนั้น แล้วเข้าปล้ำนาฎนรี ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของเธอ
กว่านาฎนรีจะได้กลับบ้านก็ดึกมากแล้วบุษกลถามว่าทำไมกลับเสียดึก แล้วถามว่ารู้ไหมว่ามีเพชรหายอีกแล้ว นาฎนรีตอบอึกอักว่าไม่รู้
“แต่คราวนี้หายจากเซฟในห้องน้าแก หน็อย จะมาโยนบาปให้ฉัน ฉันว่าไอ้เพลิงนั่นแหละเอาไป ดีไม่ดีฉันว่าน้าแกกับตานนท์อาจจะมีส่วนร่วมก็ได้นะ” แล้วบอกนาฎนรีว่า “พวกนั้นน่ะขอให้ฉันเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ จนกว่าจะจับขโมยได้ ฮึ! ถ้าฉันเชื่อก็บ้าแล้ว นรีแกต้องช่วยฉันนะ”
เมื่อเข้าไปในห้องนอน นาฎนรีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วลังเลไม่กล้า แต่เมื่อนึกถึงคำขู่ของแม่ว่าถ้าไม่ช่วยก็ไม่ต้องมาเรียกตนว่าแม่อีก นาฎนรีก็ตัดสินใจกดโทร.ออก
“สวัสดีค่ะ...คอลัมน์ข่าวเศรษฐกิจนะคะ...ดิฉันมีข่าวสำคัญของเพชรไทยมารายงานค่ะ...”
ooooooo
เพียงวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ก็พาดหัวตัวโต “เพชรไทยจ่อโดนฟ้องลูกค้าคืนเพชรปลอมรอบใหม่กว่า 50 ล้าน” บุษกลพอใจกับผลงานชิ้นนี้ของ นาฎนรีมาก แต่ตัวเธอเองกลับเบื่อหน่ายซังกะตายจนแม้แต่อาหารก็ไม่อยากแตะต้อง บอกแม่ที่ชวนไปหายายว่า “นรีเหนื่อยที่จะไปสู้รบกับใครอีกแล้ว”
ดังนั้น บุษกลจึงไปคนเดียว ไปเป่าหูยุแหย่ใส่ความเพลิงว่าทำให้เพชรไทยเสียหาย แต่ทองตราหนักแน่นไม่เชื่อคำยุแหย่ของบุษกล ยืนยันว่าจะรอให้จับคนร้ายได้ก่อนจึงจะเชื่อว่าใครเป็นคนทำ
ฝ่ายนิรุต เพลิง และชนนท์ ต่างช่วยกันสืบเสาะค้นคิดติดตามปัญหาที่เกิดขึ้น จนพบว่าบริษัทรักษาความปลอดภัยตรวจสอบระบบกล้องวงจรปิดแล้ว เราถูกคนร้ายส่งไวรัสเข้าโปรแกรม ทำให้มันแฮ็กภาพได้
“แสดงว่าคนที่ทำต้องรู้ว่าเราใช้อินเตอร์เน็ตส่งข้อมูลไปบริษัทรักษาความปลอดภัยถึงได้ส่งไวรัสเข้ามาได้” เพลิงวิเคราะห์ นิรุตเสริมว่ามันต้องรู้โปรแกรมและรหัสอะไรอีกหลายอย่าง
เมื่อรวบรวมหลักฐานข้อมูลแล้ว นิรุตคาดว่าคงเป็นฝีมือของอาณัติ แต่เพลิงเชื่อว่าถ้าอาณัติเป็นคนทำจริงแสดงว่าต้องมีคนในช่วยแน่นอน
ooooooo
นาฎนรีตกอยู่ในเงื้อมมือของไพโรจน์ที่ขู่ว่าถ้าเธอไม่ทำงานให้เขาก็จะเอาคลิปที่ถ่ายไว้ออกประจาน เธอโกรธแค้นเจ็บช้ำอย่างสาหัสทั้งกายและใจ เมื่อออกมาเจออาณัติที่ลานจอดรถหน้าบ้านไพโรจน์ พี่ชายถามว่าไพโรจน์ทำท่าไหนเธอถึงยอมทำงานให้เขา
นาฎนรีไม่ตอบแต่ตบหน้าพี่ชายฉาดใหญ่ด่าว่า “ต่อไปนี้แกไม่ใช่พี่ชายฉันอีกต่อไป” อาณัติถามว่าเป็นบ้าอะไรไปแล้ว หรือเป็นห่วงกลัวข่าวพัวพันมาถึงตัวเอง บอกน้องว่าไม่ต้องกลัวใครจะจับได้ให้เชื่อฝีมือตน
นาฎนรีไม่ตอบแต่จ้องหน้าพี่ชาย ก่อนกระชากรถออกไป อาณัติมองตามบ่นอย่างหงุดหงิด “เป็นอะไรของมันวะ” แล้วเดินเข้าบ้านไพโรจน์ เพื่อรับส่วนแบ่ง
ปรากฏว่า ไพโรจน์ให้เพียงแสนเดียว อาณัติไม่ยอม อ้างว่าตนเหนื่อยแฮ็กข้อมูลเกือบตาย ไพโรจน์บอกว่าเอาไว้ลูกค้าโอนเงินมาให้แล้วจะแบ่งให้อีกแน่ อาณัติไม่ไว้ใจขอเบิกล่วงหน้าห้าแสนก่อน แต่ก็ไม่ได้ เขาจึงหยิบเงินหนึ่งแสนนั้นใส่กระเป๋าเดินหัวเสียกลับไป
เมื่อกลับถึงห้องพักเขาโทรศัพท์ถึงบุษกลที่นั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานของทองตราที่เพชรไทย บอกแม่ว่าตนกำลังลำบากมาก อยากได้เงินสักห้าแสน บุษกลรับปากว่าจะโอนให้ แต่อาณัติกลัวถูกตำรวจสาวมาถึงตัว จึงนัดแม่เอาเงินสดให้พรุ่งนี้ ส่วนที่นัดหมายจะแจ้งมาอีกที
วางสายจากอาณัติแล้ว บุษกลพึมพำอย่างปลื้มปีติที่ลูกชายติดต่อมาว่า
“ตาณัติ แม่จะทำทุกอย่างเพื่อลูกของแม่ และตอนนี้แม่ก็ทำให้มันแทบกระอักแล้ว อดทนอีกหน่อยนะ มันจะต้องไปจากชาตโยธินแน่!”
ooooooo
เพียงเช้าเดียวที่เป็นข่าว เพลิงก็ต้องรับศึกหนัก เมื่อบริษัทที่เคยทำธุรกิจกัน โทร.มาชะลอหรือยกเลิกสัญญา จนเพลิงต้องขอร้อง ขอเวลาพิสูจน์ตัวเองและเสนอเงื่อนไขพิเศษให้
ระหว่างที่เพลิงคุยโทรศัพท์กับลูกค้าพลางเดินมาที่ลานจอดรถของเพชรไทย เห็นนาฎนรีฟุบกับพวงมาลัยร้องไห้อยู่ เขาเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง ถูกเธอไล่จะไปไหนก็ไป พลางลงจากรถแต่เซจะเป็นลม เพราะแต่เช้ายังไม่ได้ทานอะไรเลย
แต่เมื่อเพลิงพาไปร้านอาหารสั่งข้าวต้มให้ เธอกลับไม่ทานบอกว่าทานไม่ลง ถามเพลิงว่าไม่ไปหาลูกค้าแล้วหรือ
คุยกันครู่เดียว นาฎนรีก็ได้รับรู้ปัญหาของเพลิงที่ถูกลูกค้าโทร.มายกเลิกสัญญาทางธุรกิจ เธอถามว่าเพราะข่าวเมื่อเช้าใช่ไหม เมื่อเพลิงพยักหน้ารับ เธอพึมพำ
“ข่าวนั้นคงทำให้นายกลุ้มใจมากใช่ไหม”
เพลิงยอมรับว่าใช่ แต่ตนไม่ยอมแพ้เพียงแต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะแก้ยังไงเท่านั้น ยังไงก็ต้องแก้ไขให้ทุกอย่างผ่านไปได้ นาฎนรีทำเสียงหยันว่า “ฮึ...นายพูดเหมือนปัญหาทุกอย่างแก้ได้”
“ได้สิครับ อยู่ที่ว่าคุณจะหาทางแก้มันหรือเปล่า แล้ววิธีแก้ไขถูกต้องหรือเปล่า”
นาฎนรีนิ่งคิดตามคำพูดของเพลิง ส่วนเพลิงจับตาสังเกตท่าทางของเธอด้วยความสงสัย
วันต่อมา เมื่อเพลิงไปพบลูกค้าอีกรายที่ห้องทำงาน ลูกค้ารายนี้บอกเพลิงตรงๆว่าข่าวของเพชรไทยกระทบธุรกิจของตนเหมือนกัน แต่ก็ช่วยหาทางด้วยการให้ทำตามสัญญากันไปก่อน แต่ตอนนี้มุกเลี้ยงของไทยกำลังมีชื่อมาก จึงอยากให้เพชรไทยทำคอลเลกชั่นมุกให้
แม้จะเป็นการช่วยแก้สถานการณ์ทางหนึ่ง แต่ก็เป็นงานใหม่ที่เพลิงต้องคิดหนัก
ooooooo
เพลิงผ่อนคลายด้วยการไปดูน้ำฝนถ่ายทำรายการของเธอ น้ำฝนถามว่าลมอะไรพัดมา เพลิงยอมรับว่าเครียดนิดหน่อยเลยอยากพักสมองมาอยู่กับเพื่อน สัญญาว่าจะไม่รบกวนการทำงานของเธอ
น้ำฝนซักถามจนเพลิงเล่าเรื่องลูกค้าให้ทำคอลเลกชั่นมุกให้ น้ำฝนดูแบบคอลเลกชั่นมุกในมือพลางโทรศัพท์คุยกับแม้นมาศ คุยเสร็จเธอบอกเพลิงด้วยความดีใจว่า
“แม่ฉันคิดว่าพอช่วยได้นะ พรุ่งนี้นายบินไปภูเก็ตได้ไหม”
เพลิงขอให้น้ำฝนไปด้วยเพราะไหนๆจะช่วยแล้วก็ช่วยให้ถึงที่สุด น้ำฝนไม่รับปากเขาแต่โทร.บอกแม่ว่าพรุ่งนี้พวกเราจะบินไปภูเก็ต
“ขอบคุณครับคุณน้ำฝน ขอบคุณมาก...เพื่อนที่ดีต้องไม่ทิ้งเพื่อนแบบนี้สิครับ” เพลิงดีใจมาก
เมื่อเพลิงกลับไปเล่าให้นิรุตฟัง นิรุตบอกว่าถ้าจะทำก่อนอื่นต้องเสียเวลาหามุกอย่างดีให้ได้เสียก่อน เพลิงบอกว่าเรื่องนี้น้ำฝนบอกว่าคุณแม่เธอช่วยหาบริษัทผลิตมุกเลี้ยงไว้แล้ว
นิรุตสนับสนุนงานนี้ โดยให้เพลิงกับชนนท์ช่วยกันคิดช่วยกันทำ ชนนท์ถามว่าพ่อจะไปภูเก็ตด้วยไหม
“ไม่ดีกว่าพ่ออยากอยู่เป็นเพื่อนคุณย่า พ่อเชื่อว่าเพลิงกับนนท์จัดการเรื่องนี้ได้”
ooooooo
รุ่งขึ้น เมื่ออาณัติพบกับบุษกลที่ร้านอาหารชานเมือง เขารับเงินแล้วจะรีบไป บุษกลขอให้อยู่ช่วย คิดว่าจะกำจัดเพลิงยังไง เพราะขนาดเราทำข่าวทำลายชื่อเสียงเพชรไทยขนาดนี้ก็ยังมีคนมาสั่งออเดอร์
งานมุก ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือ งานนี้น้ำฝนช่วยเต็มที่ ช่วยหาแหล่งผลิตมุกเลี้ยงที่ภูเก็ตให้ด้วย
สองแม่ลูกต่างแค้นเพลิง คิดจะกำจัดเสียให้พ้นไปจากชาตโยธินให้ได้ ดังนั้น เมื่อแยกกับบุษกลแล้ว อาณัติจ้างมือปืนสองคนให้ไปเก็บเพลิงที่ภูเก็ต
เมื่อสิตารู้ว่าน้ำฝนกับเพลิงและชนนท์จะไปภูเก็ตจึงขอไปด้วยจะได้พาเพลิงกับชนนท์เที่ยวภูเก็ต น้ำฝนหยอกพี่สาวอย่างรู้ทันว่าพวกเราไปทำงานไม่ได้ไปเที่ยว ทำเอาสิตาเขิน สองพี่น้องเลยหยอกกันหัวเราะคิกคัก
ฝ่ายหลินพอรู้ว่าเพลิงจะไปภูเก็ต ขอเพลิงไปด้วยเขาไม่ให้ไป ครั้นไปขอผ่อง ผ่องบอกว่าเพลิงไปทำงานไม่ให้ไป เพราะคราวที่แล้วไปเขาใหญ่ก็สร้างวีรกรรมไว้เยอะ อยู่บ้านช่วยกันดูแลคุณหญิงดีกว่า
หลินนึกได้เลยไปขอทองตรา พอทองตราไม่ให้ไป เพราะเพลิงไปทำงานถ้าหลินตามไปทุกแห่งเพลิงคงไม่ต้องทำงานกันพอดี หลินเกิดเข้าใจง่ายขึ้นมาตัดสินใจไม่ไป
“เอาเข้าจริงเธอก็ไม่ได้ดื้ออย่างที่คิดนะ” ทองตราอมยิ้มมองหลินที่นั่งก้มหน้าเซ็งๆอยู่ตรงนั้น
ooooooo
คณะของน้ำฝนไปถึงภูเก็ตแล้ว แม้นมาศเอารถตู้มารับ พูดถึงมิสเตอร์ลีให้ฟังว่าเป็นเจ้าของบริษัทที่นี่ เคยช่วยอำนวยความสะดวกช่วงที่ตนไปเปิดร้านที่ฮ่องกง ตัวเขาทำธุรกิจหลายอย่างรวมทั้งการทำฟาร์มมุกที่นี่ด้วย
ระหว่างนั้นไม่มีใครสังเกตว่า มีรถมอเตอร์ไซค์ตามมา ทั้งคนขับมอเตอร์ไซค์และคนซ้อนต่างใส่หมวกกันน็อกมิดชิด
วันแรกมือปืนทั้งสองทำงานไม่สำเร็จ เพราะไปซุ่มดักเก็บเพลิงที่หน้าบริษัทมุก แต่มิสเตอร์ลีติดธุระ จึงเปลี่ยนเป็นจะเอาเรือมารับคณะพรุ่งนี้เช้า เมื่อพวกเพลิงเดินออกมา พวกมันจึงขับมอเตอร์ไซค์ตาม
แต่คลาดกันที่สี่แยกไฟแดง เพราะรถมอเตอร์ไซค์ติดไฟแดง แต่รถตู้ของพวกเพลิงผ่านไฟเหลืองไปได้ มันจึงย้อนกลับไปที่บริษัทมุก โกหกพนักงานว่า เจ้านายให้เอาของมาให้เพลิง ถามว่าจะมาอีกเมื่อไร พนักงานไม่รู้ แต่รู้ว่าเจ้านายของตนจะส่งเรือมารับคณะตอน 7 โมงเช้าพรุ่งนี้ ให้ไปดักรอที่ท่าเรือก็แล้วกัน
เมื่ออาณัติ โทร.มาเช็ก รู้ว่ายังเก็บเพลิงไม่ได้ก็คาดโทษว่าถ้าทำงานพลาดก็ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีก
ooooooo
ส่วนพวกเพลิง เมื่อยังไม่ได้ไปฟาร์มมุก วันนี้จึงทำอาหารทานกันเอง ทุกคนร่วมไม้ร่วมมือกัน แต่แบ่งกันโดยอัตโนมัติ คือ สิตากับชนนท์ทำครัว ส่วนน้ำฝนกับเพลิงช่วยกันจัดสถานที่
จากการอยู่ด้วยกันช่วยกันทำอาหาร ทำให้ความสัมพันธ์ของสี่หนุ่มสาวแนบแน่นกันยิ่งขึ้น จนกระทั่งกลางคืน แม้นมาศขอตัวไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า น้ำฝนบ่นว่าอุตส่าห์มาเที่ยวยังต้องตื่นเช้าอีก เลยถูกชนนท์บอกแม้นมาศว่าคงต้องบังคับน้ำฝนไปนอนเสียแล้ว
สิตาเห็นน้องเดินเกาะแขนแม่กลับไปนอนและชนนท์เดินตามไปส่ง จึงชวนเพลิงไปเดินเล่นกัน
คืนนี้เอง เธอได้มอบผ้าพันคอที่ถักเตรียมไว้ให้เขาตั้งแต่คราวไปเขาใหญ่ แต่มีเรื่องเสียก่อนเลยไม่ได้ให้ คืนนี้จึงมอบให้เขา บอกว่าคงไม่มีโอกาสใช้ เพราะเขาจะกลับระนองแล้ว ถือเสียว่าผ้าพันคอผืนนี้เป็นการบอกเขาว่า ตนรู้สึกดีๆกับเขาก็แล้วกัน
สิตาถามว่า เขาไม่กลับระนองไม่ได้หรือ เพลิงบอกว่า ที่นั่นเป็นบ้านของตนเหมาะกับตนและแม่ที่สุดแล้ว สิตาจึงขอไปเยี่ยมบ้าง
“ด้วยความยินดีครับ ผมพร้อมต้อนรับคุณสิตาเสมอครับ”
“คุณเพลิงสัญญาแล้วนะคะ...ค่ะ งั้นตอนนี้เราเข้าบ้านกันเถอะค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ากันด้วย”
ทั้งสองพากันเดินกลับเข้าบ้าน โดยไม่รู้ว่า ทั้งการมอบผ้าพันคอและคำสนทนาเมื่อครู่นี้ ชนนท์แอบได้ยินหมดแล้ว เขายืนซึม มองไปในท้องทะเลอย่างว้าเหว่...
ooooooo
รุ่งขึ้น คณะของเพลิงไปนั่งรอในร้านกาแฟที่ท่าเรือแต่เช้า ปรากฏว่า เรือยังไม่มา น้ำฝนหาวหวอด บอกว่าขอไปเดินเล่นก่อนดีกว่า ขืนนั่งอยู่อย่างนี้
มีหวังหลับแน่ เพลิงจึงลุกเดินตามไปด้วย
ระหว่างทั้งคู่เดินไปที่ชายหาดนั่นเอง มือปืนทั้งสองเดินตามไปห่างๆ แต่น้ำฝนก็รู้โดยสัญชาตญาณบอกเพลิงว่า รู้สึกมีคนตามเรามา
พอมือปืนรู้ว่าทั้งสองรู้ตัวก็เตรียมลงมือทันที มันยิงใส่ทั้งสอง เพลิงกับน้ำฝนที่รู้ตัวก่อนแล้วหลบทัน พากันวิ่งหนีไปซ่อนในช่องแคบๆที่ท่าเรือ เพลิงกอดน้ำฝนไว้อย่างปกป้อง เป็นห่วง มือปืนตามมาไม่เห็น มันยืนมองหา ทั้งสองจึงย่องหลบจากที่ซ่อน มันหันมาเห็นเข้าพากันวิ่งไล่
จิรายุผู้ช่วยมิสเตอร์ลีมาบอกพวกที่รออยู่ร้านกาแฟ ว่าเรือพร้อมแล้ว ทุกคนเลยมองหาน้ำฝนกับเพลิง ชนนท์บอกว่า สองคนนั้นไปเดินเล่นคงรออยู่ข้างนอก จึงพากันเดินออกจากร้านกาแฟ
เพลิงกับน้ำฝนวิ่งหนีสองมือปืน มันตามทันดึงแขนน้ำฝนไว้ เพลิงหันไปสู้กับมัน น้ำฝนสะบัดหลุด ทั้งสองหันหลังพิงกันสู้ตาย เพลิงกระโดดถีบมือปืนคนหนึ่งจนปืนกระเด็น พอมันก้มเก็บปืนน้ำฝนก็คว้าไม้ฟาดไม่ยั้ง จากนั้นหันมาเล่นงานอีกคน พอได้จังหวะก็พากันวิ่งหนี
หนีไปจนถึงท่าเทียบเรือ เพลิงพาน้ำฝนกระโดดลงเรือขับหนีไป พวกมันตามมาทันลงเรืออีกลำขับตามไป เจ้าของเรือร้องโวยวายว่า มีคนขโมยเรือ แต่เรือทั้งสองลำก็ขับไล่กันไปกลางทะเลแล้ว
มือปืนทั้งสองขับเรือพลางยิงใส่เพลิงแต่ไม่โดน สุดท้ายมันยิงใส่ถังน้ำมันเรือ เพื่อจะหยุดเรือของเพลิงให้ได้ เมื่อจวนตัวเช่นนี้ เพลิงคว้าแขนน้ำฝนพากระโดดลงทะเล
มือปืนขับเรือพุ่งเข้ามาที่เรือของเพลิง แต่ไม่ทันถึง เรือของเพลิงก็ระเบิดไฟลุกแดงฉานบนผิวทะเลสีครามเสียก่อน
ooooooo










