สมาชิก

เพลิงทระนง

ตอนที่ 11

ระหว่างเดินทางกลับใกล้ถึงกรุงเทพฯ สิตาโทรศัพท์บอกปลายสายที่คุยกัน  นัดว่าจะพาหลินไปส่งให้เลย หลินแอบฟังอยู่โวยวายว่าทำไมไม่พาตนไปส่งให้เพลิง ระแวงว่าส่งตนแล้วตัวเองจะแอบไปพบเพลิงที่โรงพยาบาล

สิตาบอกว่าตอนนี้เพลิงพาคุณยายไปงานศพป้าสำอาง น้ำฝนหมั่นไส้มากถามว่าวันๆเอาแต่วิ่งตามเพลิงแบบนี้ไม่เหนื่อยบ้างหรือ หลินกระชากเสียงตอบทันทีว่า “ไม่เหนื่อย คนรักกันก็ต้องดูแลกันสิ”

“งั้นเราก็ตรงไปส่งหลินเลยแล้วกัน” น้ำฝนหันไปบอกสิตา หลินแอบสังเกตอยู่เห็นสิตาพยักหน้าเนือยๆก็ปากคันเย้ยว่า ซึมไปเลยที่ไม่ได้เจอเพลิง ถูกน้ำฝนถลึงตาขู่ว่า “นี่แม่หลินปิง ถ้าเธอยังพูดจาไม่เข้าหูอีกคำเดียว ฉันหย่อนร่างเธอข้างทางแน่”

หลินสะบัดหน้า หุบปากเงียบ มองไปนอกหน้าต่างตาขวาง

ooooooo

เพลิงกับผ่องพาทองตราไปไหว้ศพสำอางที่ศาลาวัด ทองตรานั่งเศร้าอยู่หน้าศพ มองรูปสำอางร้องไห้พึมพำ

“สำอาง...ขอบใจมากนะสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ฉันตลอดมา เธอทำเพื่อฉันมามากแล้ว หลับให้สบายนะสำอาง”

เพลิงกับผ่องนั่งอยู่ข้างหลังทองตรา เพลิงบอกแม่ว่าคุณย่าคงผูกพันกับป้าสำอางมาก  ผ่องพยักหน้ารับ บอกเพลิงว่า พ่อเคยเล่าว่าป้าสำอางเป็นต้นห้องของคุณหญิงแม่มาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน เวลานานขนาดนี้ไม่ใช่เพื่อนก็เหมือนเพื่อนแล้ว

สองแม่ลูกคาดว่าทองตราต้องเหงามากที่เพื่อนรู้ใจต้องจากไป ตกลงกันว่า ต่อจากนี้ไปเราต้องช่วยกันดูแลท่านให้มากๆ

เมื่อกลับมาถึงโรงพยาบาล ทองตราขอบคุณหมอที่อนุญาตให้ไปเคารพศพผู้มีพระคุณกับตน

“ตอนแรกผมก็ยังกลัวอยู่ แต่จากผลที่ออกมาทุกอย่างดีขึ้นมากครับ คงเป็นเพราะคุณหญิงคลายความเครียดลง” หมอเอ่ยอย่างดีใจด้วย เพลิงถามว่าคุณย่าจะกลับบ้านเมื่อไหร่ “ขอผมเช็กให้แน่ใจอีกสักหน่อยนะครับ ถ้าผลออกมาไม่มีอะไร พรุ่งนี้ก็กลับได้ครับ”

ทองตราบอกเพลิงกับผ่องให้กลับบ้านได้แล้ว ตนอยากอยู่คนเดียว สองแม่ลูกจึงต้องกลับไปทั้งที่ใจยังเป็นห่วง จึงแก้ปัญหาด้วยการจ้างพยาบาลพิเศษมาเฝ้าแทน เมื่อทองตรารู้ก็นิ่งอึ้งแต่ยิ้มให้พยาบาล

ooooooo

นอกจากสิตากับน้ำฝนจะถูกหลินกระแนะกระแหนและตามหึงหวงเพลิงแล้ว เมื่อเจอบุษกลกับนาฎนรีขณะมาส่งหลินที่บ้านปางพญา ก็ยังถูกสองแม่ลูกกระแนะกระแหนด้วย หาว่าน้ำฝนเป็นตัวการทำให้อาณัติต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แล้วตัวเองก็หันไปจับเพลิง พูดอาฆาตว่า

“วันนึง ฉันจะทำให้ตาณัติกลับมา แล้วเธอจะต้องเสียใจ”

แม้น้ำฝนจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ก็อดคิดไม่ได้ เมื่อถูกบุษกลกล่าวหาเช่นนั้น บอกพี่สาวว่ากลัวจะเข้าใจตนผิดเรื่องเพลิง ถามว่าแล้วพี่คิดอย่างไร

“ไร้สาระ พี่ไม่สนหรอก อย่างน้ำฝนกับคุณเพลิงน่ะเหรอไม่เหมาะกันหรอก ถ้าเป็นคู่กัดกันล่ะว่าไปอย่าง เห็นเจอกันทีไรทะเลาะกันทุกที”

น้ำฝนโทษว่าเพลิงชอบพูดกวนประสาทอยู่เรื่อย สิตาบอกน้องว่าอย่าไปใส่ใจคำพูดของป้าบุษเลย แกกำลังเสียใจเรื่องอาณัติเลยพาลมาที่น้ำฝน

คำปลอบใจของสิตาทำให้น้ำฝนเบาใจ พี่น้องต่างกอดกันด้วยความรัก

เพราะหมออนุญาตให้ทองตรากลับบ้านได้วันนี้แล้ว นิรุตคิดหนักว่าจะหาใครมาดูแลแม่แทนสำอาง มองหาใครก็ไม่เหมาะเท่าผ่อง สุดท้ายนิรุตจึงมอบหมายให้ผ่องเป็นคนดูแลทองตราแทน เพราะอยากได้คนที่ละเอียดและไว้ใจได้ ขอร้องผ่องให้ช่วยตนหน่อย ซึ่งผ่องก็รับปากด้วยความเต็มใจ

ooooooo

ความดังของเพลิงปรากฏตัวในงานโชว์เพชร ทำให้สปอนเซอร์ของน้ำฝนระบุให้งานที่จะออกอากาศชิ้นต่อไปต้องมีเพลิงร่วมรายการด้วย ส่วนเทปสต็อกที่รอออกอากาศอยู่ให้ออกตอนอื่น

น้ำฝนหนักใจมาก จำเป็นต้องโทร.ไปนัดเพลิงถ่ายรายการพรุ่งนี้ แล้วก็ต้องปวดหัวเมื่อเพลิงอยากจะหยอกแต่กลายเป็นกวนประสาทเธอว่า ไม่ถามตนสักคำหรือว่าพร้อมหรือเปล่า ตนมีงานต้องทำ มาสั่งกะทันหันแบบนี้ตนอาจจะไม่ว่างก็ได้

ถูกเพลิงเล่นลิ้นกวนประสาท จนสุดท้ายน้ำฝนทิ้งไพ่ตายว่า ถ้าเขาไม่ว่างตนก็จะปิดบริษัท ลูกน้องร่วมสามสิบชีวิตก็ตกงาน พูดแล้วเห็นเพลิงเงียบ ก็ถามว่า “ว่าไงล่ะ”
เพลิงบ่นว่า มามุกนี้ ถ้าตนปฏิเสธจะบาปไหม ทำให้น้ำฝนดีใจจนจับแขนเขาถามว่าจริงหรือ ขอบใจนะ เพลิงมองมือน้ำฝนที่จับแขนตนแกล้งทำเขินติงว่า

“คุณน้ำฝน ใครมาเห็นผมเสียหายนะเนี่ย”

“นายนี่มันกวนเหมือนกันนะ” น้ำฝนรีบปล่อยมือ บ่นกระปอดกระแปด

เมื่อเพลิงปรึกษานิรุตเพราะต้องลางานไปกับน้ำฝน นิรุตสนับสนุนเต็มที่ถือว่าเป็นการช่วยภาพลักษณ์ของเพชรไทยที่กำลังแย่ บอกให้เพลิงสบายใจว่า ทำให้เต็มที่เพื่อเพชรไทยของเรา ทำให้เพลิงไปอย่างสบายใจ

ฝ่ายหลิน พอรู้ว่าเพลิงจะได้ออกทีวีก็ดีใจว่าเพลิงจะดังเป็นพลุตนก็จะได้พลอยดังด้วยในฐานะ “คนสนิท” ของดารา แต่พอรู้ว่าเพลิงจะไปในรายการของน้ำฝน หลินก็หึงขึ้นมาไม่ยอมให้ไป จนเพลิงต้องปรามว่าคิดฟุ้งซ่านไปใหญ่แล้ว ตอนนี้ตนไม่คิดอะไรนอกจากเรื่องงานเท่านั้น

“ก็ยังดี อย่างน้อยหลินก็สบายใจว่าครบสามเดือนเมื่อไหร่พี่เพลิงก็จะกลับระนองกับหลินใช่ไหม” โมเมแล้วเห็นเพลิงอึกอัก หลินถามอย่างระแวงว่า “มีอะไรรึเปล่าพี่เพลิง”

“เปล่าจ้ะ ถึงตอนนั้น เราจะกลับระนองด้วยกัน” เพลิงตอบไปอย่างนั้นเอง แต่หลินดีใจมาก กระโดดเกาะแขนเพลิงเต้นเร่าๆจนผ่องเห็นแล้วขำ

ooooooo

เมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ดูแลทองตราแล้ว ผ่องทำสุดจิตสุดใจ ตกกลางคืนจะนอนเป็นเพื่อนแทนสำอาง ก็ถูกทองตราปฏิเสธบอกว่าตนอยู่คนเดียวได้ ผ่องไม่กล้าขัดใจจำต้องออกจากห้องไป

กลับถึงเรือนคนสวน เพลิงถามแม่ว่าลืมอะไรหรือถึงกลับมาเอา จึงรู้ว่าถูกทองตราไล่กลับมา เพลิงพึมพำอย่างเป็นห่วง หลินเสนอตัวไปนอนแทน แต่เพลิงไม่เห็นด้วย
“พี่เพลิง กลัวหลินจะทำวุ่นวายเหรอ...ป้าผ่องก็ไม่ได้ หลินก็ไม่ให้ไป แล้วจะให้คุณย่านอนคนเดียวเหรอ เกิดท่านเป็นอะไรใครจะรับผิดชอบ” หลินบ่นอย่างเป็นห่วงจริงๆ นั่งหน้างออย่างขัดใจ

ตกดึก ทองตราหิวน้ำ เผลอเรียกสำอางขอน้ำดื่ม พอนึกได้ก็ใจแป้ว ลุกขึ้นไปเอาน้ำเอง เดินไปหน้าห้องจึงเห็นว่ามีคนนอนอยู่ตรงหน้าห้อง ถามว่าใคร พลางเดินไปเปิดไฟ

ที่แท้คือเพลิงนั่นเอง เขาสะดุ้ง ลุกขึ้นมาถามว่าคุณย่าต้องการอะไร ทองตราไม่ตอบย้อนถามว่า ทำไมมานอนที่นี่

“แม่บอกว่าคุณย่าไม่ให้มานอนด้วย แต่ผมเป็นห่วง เลย...”

“แอบมานอนตรงหน้าห้อง” ทองตราดักคอ แล้วจ้องหน้าเพลิงนิ่งจนเขาหลบตาอย่างรู้สึกผิด

เมื่อเพลิงเอาน้ำเข้าไปให้แล้ว ทองตราบอกให้เขากลับไปนอนที่บ้านได้แล้ว เพลิงยังขออนุญาตนอนหน้าห้องอีก เลยถูกดุว่าคำพูดของตนไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้วใช่ไหมถึงได้ไม่มีใครคิดจะฟัง

เพลิงยังคงพยายามขอเพราะเป็นห่วงย่า จนสุดท้ายทองตรายอมให้ผ่องมานอนแต่ถ้านิรุตหาคนใหม่ได้ผ่องก็ต้องหมดหน้าที่ทันที แค่นี้เพลิงก็ดีใจแล้ว ขอบคุณย่า จัดให้ย่านอนแล้วจึงออกจากห้อง

ทองตราหลับตานอน แต่พอเพลิงออกไป ก็อดลืมตามองไปที่ประตูไม่ได้

ooooooo

สายมากแล้ว น้ำฝนสะดุ้งตื่นเมื่อโปรดิวเซอร์โทร.มาตามว่าจะเจ็ดโมงแล้วยังไม่มาหรือ น้ำฝนตกใจ บอกโปรดิวเซอร์ให้โทร.เช็กเพลิงด้วยว่าออกมาหรือยัง วางสายแล้วจับนาฬิกาดู ปรากฏว่าถ่านอ่อน บ่นอย่างหัวเสียว่า

“โอ๊ย...ไอ้นาฬิกาบ้า ทำไมต้องมาเสียวันนี้ด้วย”

ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอย่างเร็วออกมาเจอสิตาที่โต๊ะอาหาร พี่สาวชวนทานอะไรด้วยกันก่อน น้ำฝนไม่มีเวลาเพราะกำลังรีบ บ่นเรื่องลูกค้าที่อยากได้เพลิงออกเทปหน้านี้ เลยเตรียมตัวเกือบไม่ทัน

พอสิตารู้ว่าเพลิงไปถ่ายรายการด้วยก็จะขอไปดูแต่ต้องเป็นตอนบ่ายเพราะเช้านี้มีประชุม

พอไปถึงน้ำฝนถามโปรดิวเซอร์ทันทีว่า “ตกลงคุณเพลิงฤทธิ์มาหรือยัง” ฝ่ายนั้นหน้าเสียไม่ทันตอบน้ำฝนก็โวยวายว่า“นั่นไง ฉันว่าแล้ว คนบ้า ไม่มีความรับผิดชอบ”
“ผมเหรอ” เพลิงร้องถามแล้วเดินออกมายืนยิ้มบ่น “ปล่อยให้แขกรับเชิญมาก่อน ไม่ไหว...ไม่ไหวเป็นเจ้าของรายการแต่มาสาย”

แม้จะรู้ตัวว่าผิด น้ำฝนก็ยังตะแบงไปจนได้ว่าตนไม่ได้มาในฐานะเจ้าของรายการแต่มาในฐานะพิธีกรถึงมาก่อนก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี

ทันใดนั้น ลูกค้าสองคนคือคุณประสิทธิ์กับคุณจรรยาออกมาทัก ถามว่าเสร็จธุระแล้วหรือ น้ำฝนตกใจถามว่าวันนี้มาด้วยหรือ

“วันนี้ว่าง เลยชวนกันมาดูการถ่ายทำครับ แต่คุณเพลิงบอกว่าคุณน้ำฝนติดธุระด่วน”คุณประสิทธิ์บอกน้ำฝนจึงรู้ว่าเพลิงช่วยแก้ต่างให้ตัวเอง จึงเออออไปหน้าเจื่อนๆ

ดังนั้น ขณะนั่งอ่านและซ้อมสคริปต์ด้วยกัน น้ำฝนแอบขอโทษเพลิงที่เมื่อเช้าล้งเล้งใส่และขอบใจที่ช่วยแก้สถานการณ์กับลูกค้าให้ เพลิงมองขำๆแกล้งบอกว่าไม่ได้ยินให้พูดดังๆหลอกให้น้ำฝนต้องพูดดังขึ้น...ดังขึ้น จนน้ำฝนเอะใจบ่นว่ากวนประสาทกันแต่เช้าเลย

“เฮ้อ...คนเรา ทีด่าละเสียงด๊าง...ดัง แต่พอขอโทษกลับเบาเชียว”

“ท่องสคริปต์ไป ไม่พูดด้วยแล้ว...กวนประสาท”น้ำฝนหน้าง้ำงอนขึ้นมาทันที

ooooooo

สิตาเอาแบบเพชรที่ตัวเองออกแบบไปให้นิรุตดู บอกว่าเป็นของลูกค้ายุโรปสั่งเพื่อไปจัดแสดงแฟชั่นที่มิลาน ทั้งนิรุตและชนนท์ชมว่าสวยมาก ทั้งยังทำเสร็จก่อนกำหนดอีก ชนนท์บ่นว่าเสียดายที่วันนี้เพลิงไม่อยู่ไม่อย่างนั้นก็จะให้เอาไปส่งลูกค้าเลย

“เราก็เอาแบบไปให้คุณเพลิงที่กองถ่ายสิคะ”สิตาเสนอ ชนนท์ถามว่าเธอรู้หรือว่าอยู่ไหน “บริษัทน้ำฝนสิตาก็มีหุ้นนะคะ นี่สิตาก็ว่าเสร็จจากที่นี่จะแวะไปดูคุณเพลิงซะหน่อย คุณนนท์ไปด้วยกันไหมคะ”

เพลิงสะดุดใจขึ้นมา เขาปฏิเสธอ้างว่ามีประชุมบ่าย นิรุตอาสาจะดูแลให้ ชนนท์ก็อ้างอีกว่าไม่รู้จะไปทำอะไร

“งั้นก็ถือว่าไปเป็นเพื่อนสิตาแล้วกันนะคะ เพราะเวลาเขาทำงานกันสิตาจะได้มีเพื่อนคุย”สิตาหาเหตุผลจนชนนท์เลี่ยงไม่ได้

ooooooo

เมื่อเริ่มการถ่ายรายการ น้ำฝนในชุดไทยสวยหวานน่ารัก พูดจาฉะฉานคล่องแคล่วอย่างมืออาชีพมาก เธอแนะนำแก่แฟนรายการว่า วันนี้มีนักธุรกิจหนุ่มหล่อหน้าใหม่ไฟแรงมากความสามารถคือ คุณเพลิงฤทธิ์ ชาตโยธิน มาร่วมรายการด้วย

พอเพลิงปรากฏตัว เธอขอเรียกเขาสั้นๆว่าคุณเพลิง แล้วเริ่มถามว่า “ปกติแล้วคุณเพลิงชอบเที่ยวต่างจังหวัดหรือเปล่าคะ”

เพลิงยืนแข็งเป็นท่อนไม้ พูดเสียงแข็งๆว่าชอบไปมาก แล้วก็อึกอักพูดไม่ออก จนผู้กำกับสั่งคัตน้ำฝนมองหน้าเขาอย่างไม่ได้ดั่งใจ จากนั้นลากไปบ่นว่าแค่ไม่กี่ประโยคทำไมจำไม่ได้ มันหลายเทกแล้วนะ

เพลิงยอมรับว่าตนตื่นเต้น น้ำฝนยังบ่นไม่หยุดสั่งให้เขาต้องท่องให้ได้ ยังไงวันนี้ต้องถ่ายให้เสร็จไม่อย่างนั้นตนตัดเทปไม่ทัน สั่งแล้วเดินหน้าบึ้งไป

ช่างแต่งผมกับช่างแต่งหน้าให้กำลังใจเพลิงว่าไม่ต้องกลัวมือใหม่เป็นแบบนี้ทุกคนแหละ น้ำฝนเองเทปแรกแค่สวัสดีคำเดียวก็ไปครึ่งวันแล้ว ลูกค้าที่มาดูก็ให้กำลังใจว่าพยายามอีกนิดเดี๋ยวก็ได้แล้ว

พอไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว น้ำฝนก็แหวใส่เพลิงว่า ไม่ใช่เห็นคนอื่นมาอวยแล้วเหลิงนะ เพลิงเลยเสนอเธอว่า แทนที่จะมาอารมณ์เสียเปลี่ยนเป็นมาสอนตนดีกว่าว่าจะให้ทำอย่างไร บางทีอาจจะทำให้เราทำงานกันได้เร็วขึ้น

ช่างทำผมกับช่างแต่งหน้าได้ยินแอบตบมือเชียร์เพลิง น้ำฝนเลยอึ้งต้องหันมากางบทช่วยกันติว

ooooooo

ปรากฏว่า เมื่อเริ่มการถ่ายทำใหม่ เพลิงเล่นได้ฉลุย ทั้งฉะฉานคล่องแคล่วสนุกสนาน จนผู้กำกับชมว่า

แบบนี้สงสัยจะบอร์นทูบี น้ำฝนหมั่นไส้ขึ้นมาอีกทำเสียงใส่ “เชอะ...ก็งั้นๆแหละ”

พอดีสิตากับชนนท์มาถึง ทั้งสองเดินเข้ามาทักเพลิงกับน้ำฝน ครู่หนึ่งน้ำฝนแยกไปท่องสคริปต์ส่วนเพลิงยังยืนคุยกับสิตา ทำให้น้ำฝนไม่มีสมาธิเพราะคอยชำเลืองมาทางเพลิงกับสิตาบ่อยๆ

ระหว่างนั้นชนนท์เดินเข้ามาทักน้ำฝน เธอถามว่าเขามาได้ยังไง ชนนท์บอกว่าสิตาชวนมาดูเพลิงถ่ายรายการ มองไปทางเพลิงกับสิตาชมว่า “สองคนนั้นดูเหมือนเหมาะสมกันดีนะ” น้ำฝนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

ฝ่ายเพลิงคุยกับสิตาจนเพลิน นึกได้จะไปท่องสคริปต์กับน้ำฝน แต่พอมองไปเห็นชนนท์อยู่กับเธอก็เปลี่ยนใจบอกว่าท่องตรงนี้ก่อนดีกว่า

การถ่ายทำรายการในช่วงหลังเพลิงเล่นได้อย่างธรรมชาติมาก ทั้งเพลิงและน้ำฝนต่างเล่นกันได้อย่างน่ารัก ร่าเริง จนเมื่อถ่ายทำเสร็จ ลูกค้าชมว่า เพลิงเก่งจริงๆ ชนนท์ก็ชมว่าสุดยอด แต่พอสิตาถามน้ำฝน เธอบอกว่า “ก็พอใช้ได้หรอก”

พอดีโทรศัพท์ของชนนท์ดังขึ้น เป็นสายจากนิรุตให้ชวนน้ำฝนกับสิตาไปทานข้าวด้วยกัน ชนนท์จึงบอกน้ำฝนกับสิตา สองพี่น้องยินดีรับคำ เสร็จงานแล้วจึงไปด้วยกันทั้งสี่คน

ooooooo

บุษกลกับนาฎนรีเพิ่งกลับจากข้างนอก ถามเด็กรับใช้ว่าน้ำฝนกับสิตามาที่นี่หรือเห็นรถจอดอยู่ จึงรู้ว่าพวกเขามาทานอาหารกับคุณท่าน

สองแม่ลูกตาร้อนขึ้นทันที รับไม่ได้ที่คุณยายชวนคนอื่นมาทานข้าวแต่ไม่บอกพวกตน

“กลัวอะไร คุณยายไม่เชิญเราก็ไปเองสิ ฉันก็อยากรู้ว่าใจคอยายแกยังเห็นหัวเราสามคนแม่ลูกอยู่รึเปล่า” บุษกลพูดอย่างเอาเรื่อง

เมื่อทุกคนมาพร้อมกันที่โต๊ะอาหารแล้ว นิรุตพูดออกตัวว่า ที่จริงอยากชวนไปทานที่บ้านโน้นแต่แม่ครัวที่บ้านไม่สบายเลยต้องมารบกวนผ่องที่บ้านนี้ ผ่องบอกว่าตนเต็มใจ ส่วนทองตราก็พูดอย่างสบายใจว่า

“มาทานกันที่นี่ก็ดีนะ เป็นเพื่อนแม่ด้วย”

นิรุตชวนผ่องกับเพลิงมานั่งทานด้วยกัน ผ่องขอไปเตรียมของหวาน จนทองตราเอ่ยปากชวน เพลิงลังเลมองหน้าแม่เห็นผ่องพยักหน้าจึงนั่งร่วมโต๊ะ  สิตาชวนให้มานั่งข้างตน พอเพลิงไปนั่งหลินก็เสนอหน้าเข้าไปขอทองตรานั่งทานด้วยคน ผ่องตกใจ แต่ทองตรากลับอนุญาต หลินเลยรีบเข้าไปนั่งกระแซะข้างเพลิง

ขณะนั้นเองบุษกลกับนาฎนรีเดินเข้ามา ทำทีขอโทษที่มาขัดจังหวะถามแม่ว่าจัดเลี้ยงอะไร ทองตราบอกว่าแค่ทานข้าวกันเท่านั้น ชวนทานด้วยกันบุษกลก็ปฏิเสธพูดประชดว่า รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้รับเชิญ

สองแม่ลูกพูดเหน็บแนมและประชดประชันจนทองตราโกรธ ตบโต๊ะบอกว่าถ้าไม่อยากทานแต่จะมาหาเรื่องก็กลับไปเสีย นิรุตเองก็ขอร้องพี่สาวกับหลานว่ากลับไปก่อนเถอะ

สองแม่ลูกเห็นทองตราเริ่มเหนื่อยหอบจึงยอมกลับไป ส่วนเพลิงก็พาทองตราขึ้นไปพักข้างบน

ooooooo

เมื่อบุษกลกับนาฎนรีฮึดฮัดกลับมาที่บ้านไม่นาน นาฎนรีก็ได้รับโทรศัพท์จากอาณัติ เขาบอกน้องว่าอย่าให้แม่รู้ว่าตนโทร.มา นัดนาฎนรีให้แอบออกไปพบกันหน่อย

นาฎนรีโกหกแม่ว่าเพื่อนโทร.มาแล้วขอออกไปหาเพื่อนข้างนอก

หลังจากโทร.นัดนาฎนรีแล้ว อาณัติได้รับเช็คจากไพโรจน์ค่าทานอาหารกับน้องสาวเขา อาณัติย้ำให้เขารักษาสัญญาที่ตกลงกันไว้ ไพโรจน์พูดอย่างกระหยิ่มว่า

“ไม่ต้องห่วง น้องสาวคุณเป็นคนมีหน้ามีตา และคนนี้ผมรักจริงหวังแต่งผมจะไม่ทำอะไรเธอเด็ดขาดจนกว่าจะได้แต่งงานกับเธอ”

แต่เมื่อนาฎนรีไปนั่งรออาณัติตามที่นัดหมายกันไว้ คนที่มาพบกลับกลายเป็นไพโรจน์ เขาเข้ามาขอนั่งด้วยคน นาฎนรีไม่อนุญาตอ้างว่าตนมีนัดกับคนอื่น ไพโรจน์ก็ยังนั่งจนได้ นาฎนรีจึงเป็นฝ่ายลุกหนี ถูกไพโรจน์คว้ามือไว้ เธอเลยหยิบแก้วน้ำสาดหน้าเขา พูดใส่หน้าว่า

“อย่ามายุ่งกับฉันอีก ฉันรังเกียจ” พูดแล้วเดินออกจากร้านไปทันที

พอออกจากร้านนาฎนรีโทร.ไปเบอร์ที่อาณัติโทร.เข้า กลายเป็นเครื่องของไพโรจน์ เขาปรากฏตัวออกมา นาฎนรีตกใจถามว่าทำไมเป็นเบอร์ของเขา

พริบตานั้น เธอถูกลูกน้องของไพโรจน์พรวดเข้ามาจากด้านหลังเอาผ้าปิดปาก ครู่เดียวเธอก็หมดสติ ถูกมันอุ้มไปขึ้นรถที่แล่นเข้ามาเทียบทันที!

ooooooo

เพลิงกับชนนท์ขึ้นไปดูแลทองตราโดยมีหลินตามขึ้นไปเจ๋อด้วย ทานข้าวต้มเสร็จทองตราบอกให้เพลิงกับชนนท์ลงไปดูสิตากับน้ำฝนเสียอย่าทิ้งแขกมาอยู่กันที่นี่หมด

เพลิงขอให้คุณย่าทานยาก่อนแล้วจึงจะลงไป หลินทำท่าจะตามไปด้วย ทองตราเรียกให้ไปเตรียมน้ำอุ่นให้ หลินจึงชะงักลังเล จนทองตราต้องย้ำเสียงเข้มว่า รออะไรอยู่ หลินจึงไปเตรียมน้ำอุ่น

ที่แท้ข้างล่างทานอาหารกันเสร็จแล้ว สิตาเข้าครัวไปช่วยผ่องเช็ดจาน ผ่องเกรงใจไม่อยากให้ทำ สิตาบอกว่าตนกับน้ำฝนอยู่บ้านก็ทำกันเอง

ผ่องชมว่าสิตาเก่งมาก ทำงานบริหารก็ได้ การบ้านการเรือนก็เป็น แถมยังอ่อนหวานน่ารักอีก อย่างนี้ต้องมีหนุ่มๆมาชอบเยอะแน่ๆ สิตายิ้มเขินบอกว่าไม่มี ตนไม่ได้เก่งอะไร ผู้หญิงที่เก่งกว่าตนมีเยอะแยะ

“ทำไมจะไม่เก่งคะ ดิฉันว่าเก่งมากด้วย ออกแบบเพชร ก็สวยมาก เพลิงเขาชมให้ดิฉันฟังบ่อยๆ เขาดีใจนะคะที่ได้ร่วมงานกับคนเก่งๆอย่างคุณสิตา”

“จริงเหรอคะ แหมคุณเพลิงไม่เห็นบอกสิตาเลย” สิตาดีใจมาก พูดแล้วหัวเราะขำๆกับผ่อง

ที่อีกมุมหนึ่ง น้ำฝนมาได้ยินพอดี รู้สึกไม่สบายใจจนไม่อยากเข้าไป หันหลังเดินออกไป

ooooooo

น้ำฝนมานั่งเหม่อๆที่สระน้ำ ชนนท์เดินมาเจอทักว่ามาอยู่นี่เอง แล้วถามถึงสิตา น้ำฝนบอกว่าอยู่ในครัวคุยกับป้าผ่องอยู่ ชนนท์ถามว่าอยากได้กาแฟไหมจะไปเอามาให้

“ไม่ล่ะค่ะ น้ำฝนอิ่มแล้ว” พูดแล้วสังเกตเห็นชนนท์เงียบๆไปเลยถาม “พี่นนท์ โอเคไหมคะ” ชนนท์ฝืนยิ้มถามว่าทำไมจะไม่โอเค ตนไม่เป็นไรหรอก “พี่นนท์เป็นคนดี น้ำฝนเชื่อว่าสักวันพี่นนท์จะต้องสมหวังในความรัก”

“โอ๊ย...ไม่ต้องห่วง พี่น่ะสบายอยู่แล้ว พี่อยากเห็นคุณสิตาเขามีความสุข เขารักใครพี่ก็ยินดีด้วย ยิ่งถ้าเป็นพี่เพลิง พี่ยิ่งยินดี เพราะพี่เชื่อว่าพี่เพลิงต้องดูแลคุณสิตาได้เป็นอย่างดี”

“ถ้าพี่นนท์คิดอย่างนี้ได้จริงๆ มันก็ดี...ความรักนี่ บางทีมันก็ไม่สวยงามเลยเนอะ”

ชนนท์หันมองน้ำฝนอย่างแปลกใจ ทักว่า พูดเหมือนกำลังเจ็บปวดอยู่นะ ทำให้น้ำฝนรีบกลบเกลื่อนว่าเปล่า ตนจะเจ็บเพราะใครล่ะ

“พี่เพลิงใช่ไหม” ชนนท์ถามแทงใจดำ ทำเอาน้ำฝนตีหน้าไม่ถูก ทำเป็นดุว่าอย่ามามั่วแล้วหลบตา ชนนท์มองไปทางอื่น

ooooooo

เพลิงออกมายืนดูน้ำฝนกับชนนท์นั่งคุยกันอยู่เงียบๆ สิตาเดินมาถามว่าเห็นน้ำฝนไหม เขาชี้ให้ดูบอกว่าอยู่กับชนนท์ที่สระน้ำ สิตาชมว่าบรรยากาศดี ชวนไปนั่งที่นั่นกันไหม

“เราจะไปขัดคอเขาหรือเปล่าครับ” เพลิงท้วงติง พอสิตามองเชิงถาม เขารีบชี้แจงว่า “เอ่อ...คือผมหมายถึงคุณนนท์กับคุณน้ำฝน เขาดูคุยถูกคอกันดี อาจจะคุยกันสนุกจนลืมเราสองคนไปแล้ว”

“สองคนนี่เขาคล้ายกันตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ ร่าเริง มองโลกในแง่ดี บางทีก็ติดจะขี้เล่นด้วย ยิ่งถ้าได้ไปต่างจังหวัดกันสองครอบครัว สองคนนี่เขาจะติดกันเป็นตังเมเลยค่ะ”

เพลิงนิ่งอึ้งไปจนสิตารู้สึกถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ใจลอยไปหาใครหรือ เพลิงตอบเขินๆว่า อย่างตนจะมีใครให้คิดถึง

สิตาพูดเกริ่นๆ เหมือนจะให้เขารู้ว่าบางทีก็มีคนแอบชอบอยู่โดยเขาไม่รู้ตัว อยากให้เขาเปิดใจให้กว้างแล้วจะรู้เองว่าคนนั้นเป็นใคร แต่เพลิงกลับคิดว่าสิตาหมายถึงหลิน ชี้แจงอีกครั้งว่าตนกับหลินไม่มีอะไรกัน ตนคิดกับหลินเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น

“ถ้าสิตาไม่ได้หมายถึงหลินล่ะคะ” สิตาพยายามสะกิดให้คิด แต่เพลิงก็ยังเชื่อว่าไม่มีใคร เธอเลยถามว่า “ไม่มีเพราะคุณเพลิงยังไม่ได้เปิดใจมองหรือเปล่าคะ”

เพลิงหันมองเธอเต็มตาอย่างสงสัย จนสิตาเขินต้องเป็นฝ่ายหลบตาเขา

ฝ่ายชนนท์ที่คุยกับน้ำฝนที่ริมสระน้ำ เขาจ้องหน้าน้ำฝนจนเธอหลบตาทำอะไรไม่ถูกถามว่าทำไมจ้องตนแบบนั้น ชนนท์ทวงคำตอบว่า

“ก็น้ำฝนยังไม่ตอบพี่เลย นี่น้ำฝนชอบพี่เพลิงใช่ไหม”

น้ำฝนพรั่งพรูความรู้สึกออกมาว่าไม่มีทาง เตือนชนนท์ว่าเพลิงไม่ใช่คนดีอย่างที่เขาคิด เพลิงเข้ามาที่ชาตโยธินก็เพื่อจะปอกลอกเอาสมบัติเท่านั้น

ชนนท์ตกใจถามว่าเอาอะไรมาพูด ถามว่าบุษกลกับอาณัติเป็นคนพูดใช่ไหม น้ำฝนยอมรับว่าใช่ แต่เชื่อว่ามันเป็นความจริงส่วนหนึ่ง แต่พอชนนท์ถามว่ามันคืออะไร เธอกลับไม่พูด ตัดบทว่า ช่างเถอะ

“น้ำฝน ฟังพี่นะ ถ้าเรามองใครด้วยอคติโดยที่เรายังไม่รู้จักเขาดีพอ บางทีมันอาจจะทำให้น้ำฝนพลาดที่จะได้รู้จักคนดีๆเพิ่มอีกคนหนึ่ง” พูดแล้วเห็นน้ำฝนลังเล ชนนท์ย้ำว่า “พี่อยากให้น้ำฝนทำความรู้จักกับพี่เพลิงให้
มากกว่านี้ ก่อนที่น้ำฝนจะตัดสินพี่เพลิง”

ooooooo

หลินกระวนกระวายใจนั่งไม่เป็นสุข หลังจากทองตราอาบน้ำกลับมานั่งหวีผมในห้องนอน หลินถามว่าจะให้ตนลงไปได้หรือยัง ทองตราถามว่าเป็นอะไรถึงอยู่ไม่เป็นสุขเลย

“คือ...หลิน...หลินอยากลงไปหาพี่เพลิงค่ะ” หลินบอกตามตรง เมื่อทองตราอนุญาตให้ไปสังสรรค์กันตามประสาเด็ก หลินรีบขอบคุณแล้วเดินจ้ำออกไปทันที ทองตรามองตามอย่างระอาใจ

หลินเดินลิ่วไปที่สระน้ำ ตรงไปขัดจังหวะเพลิงที่นั่งคุยอยู่กับน้ำฝน โพล่งขึ้นอย่างไม่เกรงใจว่า

“พี่เพลิง พรุ่งนี้ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ กลับบ้านเถอะ”

เพลิงบอกว่าอยู่ต้อนรับแขกก่อน หลินระบายอารมณ์ออกมาว่า แขกแบบนี้ต้องไล่มากกว่า ตามเพลิงจนน่ารำคาญ เพลิงปรามให้หลินหยุด หลินกลับด่าน้ำฝนว่า “พูดแบบนี้แล้วยังไม่ไป...หน้าด้าน”

น้ำฝนบอกเพลิงด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่าให้เอาคนของเขาเข้ากรงไปเลย หลินโกรธที่ถูกด่าว่าเป็นหมา ทำท่าจะกระโจนเข้าไปตบน้ำฝน ถูกเพลิงไล่ให้กลับไปนอนเสีย หลินยังทำถ่วงเวลา จนเพลิงสั่ง

“กลับไปที่บ้านเดี๋ยวนี้” หลินจึงหันหลังวิ่งปึงปังไป สิตาท้วงติงว่าหลินคงเสียใจ น้ำฝนแย้งว่าปากคอเราะร้ายอย่างนี้ก็ต้องเจอแบบนี้แหละ

เพลิงขอโทษน้ำฝนแทนหลินบอกว่า บางครั้งหลินก็ยังคิดอะไรแบบเด็กๆ น้ำฝนประชดว่าก็เลยต้องดูแลกันไม่ห่าง

“เฮ้อ...คงไม่ใช่หลินคนเดียวแล้วล่ะมั้งที่ไม่โตซะที” เพลิงทำท่าเหนื่อยใจ น้ำฝนแหวใส่ว่ามาว่าตนหรือ สิตาเลยต้องหย่าศึก บ่นว่า สองคนนี้ดีกันได้ไม่นานเลย

เพลิงยิ้มกวนๆให้น้ำฝน ถูกเธอค้อนใส่ แต่พอเธอหันมาเห็นชนนท์มองอยู่ก็หลบตาแทบไม่ทัน

ooooooo



เกือบดึกแล้ว สิตาชวนน้ำฝนกลับ เพลิงบอกให้ขับรถดีๆ สิตาบอกว่าน้ำฝนจองขับเองแล้ว ส่วนน้ำฝนเดินไปลาชนนท์ชวนว่า วันหลังไปเยี่ยมตนที่กองอีก

เมื่อสองพี่น้องกลับไปแล้ว ชนนท์ถามเพลิงตรงๆ ว่า เห็นสิตาเป็นอย่างไรบ้าง ชอบเธอไหม ทำเอาเพลิงงงถามว่าทำไมคิดอย่างนั้น ชนนท์เลยทำหัวเราะกลบเกลื่อนพูดหยอกว่า

“โห...พี่เพลิง ไม่ต้องปิดผมหรอกครับ ถ้าพี่ชอบก็ลุยเลย น้องชายคนนี้เชียร์สุดตัว”

“เลิกคิดเถอะครับ ผมกับคุณสิตาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น” เพลิงตอบขรึมๆ ชนนท์ถามว่าหลอกตนหรือเปล่า เพลิงส่ายหน้าบอกชนนท์ว่า “งานนี้คุณเชียร์ไม่ขึ้นหรอกครับ”

เพลิงหัวเราะ ตบไหล่ชนนท์แล้วเดินเข้าบ้านไป ชนนท์ยืนอึ้ง ถามตัวเองว่า

“พี่เพลิงพูดจริงเหรอเนี่ย...แล้วคุณสิตาล่ะ?”

ฝ่ายสิตากับน้ำฝน ระหว่างนั่งรถกลับด้วยกัน สิตาชมเพลิงกับผ่องว่าเป็นแม่ลูกที่นิสัยน่ารักมาก น้ำฝนเตือนพี่สาวว่าระวังจะถูกเพลิงหลอก ทำเป็นดีต่อหน้าแล้วปิดสิ่งไม่ดีไว้

ครั้นพี่สาวถามว่าจนป่านนี้ยังมองเพลิงในแง่ร้ายอีกหรือ น้ำฝนก็ยังย้ำว่าเพลิงอาจจะมีมุมที่เลวร้ายจนเราอาจจะรับไม่ได้ก็ได้ เพราะเรายังไม่รู้จักเขาดี

“แต่เท่าที่พี่ดูเพลิงมาระยะหนึ่ง พี่ว่าเขาเป็นคนดีและจริงใจ พี่เชื่อสายตาตัวเอง คุณเพลิงน่ะเพชรแท้ไม่ใช่ของเก๊แน่ๆ จ้ะ ไม่เชื่อคอยดูกันไปสิ” สิตายิ้มอย่างมั่นใจ ส่วนน้ำฝนฟังแล้วเซ็งจนเงียบไป

ooooooo

เพลิงทระนง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด