ตอนที่ 13
การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของดาราเรศทำให้สร้อยฟ้าแทบ คลั่งตาย เสียใจเหลือเกินที่ต้องสูญเสียลูกชายลูกสาวในเวลาไล่เลี่ยกัน ปรมัตถ์ไปคุยกับตำรวจและกลับมาเล่าให้ร้อยดาวฟังว่าดาราเรศเสียชีวิตด้วย อุบัติเหตุพลัดตกจากที่สูง ผิดกับกรณีของวีระวิทย์ที่ถูกฆาตกรรม และฆาตกรก็คือน้องสาวตัวเอง เมดาในคราบร้อยดาวไม่อยากเชื่อ
“ผมก็ไม่อยากเชื่อ แต่ลายนิ้วมือบนด้ามมีดเล่มนั้นเป็นหลักฐานว่าคุณหนูดาราเรศเป็นคนฆ่าคุณวีระวิทย์”
เม ดาหน้าเสีย พลันความทรงจำเรื่องภาพนิมิตที่เห็นวีระวิทย์กับดาราเรศยื้อแย่งมีดในคุกใต้ เวียงร้อยดาวก็ผุดขึ้น ปรมัตถ์ไม่ทันสังเกตท่าทางแปลกๆของเธอมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ ว่าไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก
“แต่ที่น่าแปลกคือถ้าคุณหนูดาราเรศเป็นคน ฆ่า แล้วศพคุณวีระวิทย์กลับมาที่ห้องได้อย่างไรโดยที่ไม่มีคนรู้เห็น แม้แต่คืนนั้นกระถินก็ยืนยันว่าได้ร่วมหลับนอนกับคุณวีระวิทย์”
ปรมัตถ์นิ่วหน้าไม่เข้าใจ ต่างจากเมดาในคราบร้อยดาวที่มั่นใจมากว่าต้องเป็นฝีมือผีเวียงแก้ว
ความ กลุ้มใจเรื่องผีเวียงแก้วทำให้เมดาไปไหว้พระและทำบุญที่วัดกับสิบทิศเช้าวัน ถัดมา พร้อมกันนั้นยังนำอัฐิของดิลกกับจันทร์ฉายมาไว้ที่นี่ด้วย ราชนิกุลหนุ่มลอบมองคู่หมั้นสาวด้วยแววตาสุขใจ ยินดีมากที่เธอได้ทำสิ่งที่ศรัทธา แต่ถึงกระนั้นก็อดถามไม่ได้ว่าเมื่อไหร่เธอจะยอมเปิดเผยเรื่องตัวตนแท้จริง
“บางทีดิฉันอาจจะปล่อยให้มันเป็นความลับอย่างนี้ตลอดไป บางเรื่องก็ยุ่งยากซับซ้อนเกินกว่าจะอธิบาย”
“แต่ความลับไม่มีในโลก ถึงอย่างไรวันหนึ่งก็ต้องมีคนรู้เรื่องเธออยู่ดี”
“อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ตอนนี้ดิฉันคิดเพียงจะหาทางช่วยคุณสร้อยฟ้าให้รอดพ้นจากเงื้อมมือคุณแม่เวียงแก้ว”
“เลิกยุ่งเรื่องคนอื่นเสียทีได้ไหม เธอลิขิตชีวิตใครไม่ได้หรอก”
“ถ้ามีคนป่วยใกล้ตายตรงหน้า คุณชายจะช่วยเขาอย่างสุดความสามารถหรือปล่อยให้เขาสิ้นใจต่อหน้าต่อตา”
สิบ ทิศพูดไม่ออก จนด้วยเหตุผลของคู่หมั้นสาว เมื่อขับรถมาส่งเธอที่บดินทร์ธรก็เกิดปากเสียงกันอีกเพราะเขาดันปากหนักไม่ ยอมพูดความรู้สึกที่แท้จริงเหมือนเคย เมดาเบื่อจะฟังคำพูดเย็นชาของคู่หมั้นหนุ่มเลยโต้กลับเคืองๆ
“จะจัดพิธีแต่งงานหลอกๆเหมือนงานหมั้นน่ะหรือคะ พอทีเถอะค่ะ...เท่านี้ดิฉันก็ละอายแก่ใจมากพอแล้ว”
เม ดาลงจากรถด้วยความน้อยใจ คิดเอาเองว่าคู่หมั้นหนุ่มไม่มีใจให้แม้แต่น้อย สิบทิศรู้สึกผิดจนต้องถลาตามไปรั้งข้อมือไว้ จะขอโทษและสารภาพความ
ใน ใจ แต่เหมือนจะช้ากว่าปรมัตถ์ที่เข้ามาแทรกและบอกข่าวร้ายว่าศพของวีระวิทย์ ดาราเรศและกระถินหายไปจากห้องดับจิตที่โรงพยาบาลอย่างไร้ร่องรอย!
ขณะ ที่ทุกคนตามหาศพทั้งสามให้วุ่น...สร้อยฟ้าไม่รู้เรื่องมัวร้องไห้คร่ำครวญ ถึงลูกทั้งสอง ผีเวียงแก้วเฝ้ามองตลอดและปรากฏตัวให้เห็นพร้อมถ้อยคำเย้ยหยัน แสร้งทำเป็นเข้าใจหัวอกแม่จนสร้อยฟ้าเหลืออดโต้กลับ หาว่าผีร้ายวางแผนทุกอย่างและฆ่าวีระวิทย์กับดาราเรศ ผีเวียงแก้วไม่สะทกสะท้านหัวเราะลั่น
“ข้าเจ้าเปล่า พวกมันนั่นแหละฆ่ากันเอง โถ...
ยัง ไม่ทันได้ฝากผีฝากไข้ ลูกๆก็มาตายซะหมด ช่างน่าเวทนา คุณสร้อยฟ้ายังคิดจะมีชีวิตอยู่อีกหรือ ถ้าเป็นข้าเจ้าคงจะฆ่าตัวตายตามลูกไปให้รู้แล้วรู้รอด”
ผีเวียงแก้วแขวะด้วยความสะใจแล้วลับร่างหายไป ทิ้งสร้อยฟ้าให้เดือดดาลคนเดียวจนตัวสั่น หมายมั่น
ปั้นมือจะเอาเรื่องผีร้ายถึงเวียงร้อยดาว...อีเวียงแก้ว มึงกับกูคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!
ooooooo
ความ เศร้าโศกเสียใจและความแค้นทำให้สร้อยฟ้าอดใจรอจนเย็นแทบไม่ไหว คว้าขวานคมกริบของคนงานไปบุกถึงเวียงร้อยดาว บรรยากาศอึมครึมรอบตัวเหมือนผีเวียงแก้วจะรับคำท้าไม่ได้ทำให้หวาดหวั่น แถมตะโกนท้าผีร้ายให้ออกมาเผชิญหน้ากัน ผิดกับทุกทีที่กลัวหัวหด
“แน่จริงมึงก็ออกมาสิอีผีบ้า วันนี้มึงกับกูต้องตายกันไปข้าง ออกมาสิโว้ย กูจะสับให้ตายโหงตายห่าอีกรอบ”
ผี เวียงแก้วรับคำท้า แกล้งออกมาให้เห็นเพื่อข่มขวัญ แถมออกฤทธิ์ตบจนฟันร่วงเลือดกบปากและลากไปขังที่ห้องใต้ดินเพื่อทรมานให้สา แก่ใจ เวลาเดียวกันที่ตึกใหญ่บดินทร์ธร...เมดาสังหรณ์ใจว่าสร้อยฟ้าอาจมีอันตราย เลยจะไปดู พลันก็มีเลือดกำเดาไหลออกมามากมายเหมือนเป็นลางบอกเหตุ สิบทิศถลามาดูด้วยความเป็นห่วง พยายามรั้งไม่ให้ไปแต่เมื่อเห็นแววตาร้อนรนของคู่หมั้นสาวก็จำต้องพาไปที่ เวียงร้อยดาวอย่างไม่เต็มใจนัก
สร้อยฟ้าลืมตาขึ้นมาพร้อมเลือดข้นไหล ออกจากศีรษะย้อยเข้าตา มือไม้ถูกมัดติดกับเก้าอี้แน่นหนา เมื่อกวาดตามองรอบๆก็พบว่าตัวเองนั่งบนโต๊ะอาหาร ห้อมล้อมด้วยวีระวิทย์ ดาราเรศและกระถิน บนโต๊ะเต็มไปด้วยถ้วยชามเก่าๆที่มีอาหารเน่าหนอนขึ้นจนน่าขยะแขยง ผีเวียงแก้วปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มร้าย เชิญชวนให้กินอาหารเหลาที่เธอตั้งใจเตรียมให้โดยเฉพาะ สร้อยฟ้าหน้าเสีย นึกถึงความทรงจำตอนที่เคยแกล้งเวียงแก้วบนโต๊ะอาหาร
ผีเวียงแก้วแสยะยิ้ม นั่งร่วมโต๊ะและเปิดฝาหม้อ ตักปลิงควายตัวเป็นๆในเลือดข้นคลั่กให้สร้อยฟ้า
“ลอง นี่สิเจ้า...ปลิงน้ำแดง น่าจะเหมาะกับคุณสร้อยฟ้า ผู้หญิงแพศยาคอยจ้องแต่จะสูบเลือดสูบเนื้อล้างผลาญอย่างแกกับปลิงพวกนี้ ก็มีค่าไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่นักหรอก...กินเข้าไป!”
ผีเวียงแก้ว เอาปลิงยัดใส่ปาก บังคับให้กลืน สร้อย–ฟ้าไม่มีแรงต้านต้องจำยอม สะอิดสะเอียนเหมือนอยากจะโก่งคออาเจียนตลอดเวลา ยิ่งได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันของผีเวียงแก้วยิ่งโกรธจัด
“อีผีระยำ มึงฆ่าลูกกู กูขอแช่งให้ตกนรกขุมลึกที่สุด เกิดเป็นสัตว์นรกร้อยชาติพันชาติ อย่าได้ผุดอย่าได้เกิด”
“กำลังจะตายยังไม่วายปากพล่อย ดูสิว่าแกยังจะพ่นวาจาถ่อยๆได้อีกนานแค่ไหน”
สร้อยฟ้าหน้าซีด เมื่อเห็นผีร้ายควักเข็มเย็บกระสอบมาชูตรงหน้า...รู้ทันทีว่ากำลังจะถูกทรมานด้วยวิธีอะไร
ฟาก สิบทิศกับเมดาบุกมาถึงเวียงร้อยดาวไม่นานหลังจากนั้น เพราะภาพจากนิมิตที่เธอเห็นแท้ๆ ทำให้รู้ว่าผีเวียงแก้วจะจับสร้อยฟ้ามาทรมานที่นี่ ราชนิกุลหนุ่มซับเลือดกำเดาให้อย่างเบามือ เมดาเบือนหน้าหนี ตัดพ้อเบาๆ
“ที่นี่ไม่มีคนอื่น คุณชายไม่จำเป็นต้องฝืนใจทำหน้าที่เพราะเกรงคำครหา”
“ไม่มีใครบังคับใจฉันได้ทั้งนั้น ถ้าฉันไม่อยากทำ”
สิบ ทิศเช็ดเรื่อยๆจนเลือดหยุด เมดาเผลอจ้องตาจนเหมือนตกในภวังค์ เมื่อได้สติจึงแก้เก้อชวนเขาไปช่วยสร้อยฟ้าในห้องใต้ดิน ราชนิกุลหนุ่มพยักหน้ารับน้อยๆ กุมมือเธอแน่นเหมือนจะบอกว่าจะไม่ทิ้งไปไหน
เวลาเดียวกันที่ห้องใต้ดิน...สร้อยฟ้าถูกผีเวียงแก้วเย็บปากทีละเข็มอย่างใจเย็น พร้อมถากถางเสียงเข้ม
“ปากสกปรก ชอบด่าทอสาดเสียเทเสีย ชอบตอแหลใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น มันก็ต้องรับกรรมแบบนี้ถึงจะสาสม”
สร้อย ฟ้าหมดแรงจะดิ้นรนขัดขืน ทั้งเจ็บทั้งกลัวจนน้ำตาไหลพราก ในหัวเต็มไปด้วยภาพในอดีตตอนที่ตบตีและทรมานเวียงแก้วด้วยวิธีต่างๆมากมาย ทั้งด่าทอและทำเสน่ห์ใส่ร้าย แต่ที่ร้ายสุดคือร่วมมือกับสะใภ้คนอื่น จ้างวานคนงานรุมข่มขืนเวียงแก้ว สะใภ้สามพยายามขอโทษอย่างตะกุกตะกัก แต่ผีร้ายก็ไม่อภัย แถมแสยะยิ้มร้ายเพราะรับรู้ถึงการมาถึงของร้อยดาวกับสิบทิศ
ผีเวียง แก้วใช้อิทธิฤทธิ์ดึงลูกสาวมาจากสิบทิศ เพื่อให้ดูการทรมานสร้อยฟ้าเต็มๆตา เมดาในคราบร้อย–ดาวขยับไปช่วยสะใภ้สาม แต่ถูกผีร้ายผลักกระแทกประตูจนจุก แถมถูกมัดมือด้วยโซ่จนไปไหนไม่รอด ต้องทนดูสร้อยฟ้าถูกเย็บปากด้วยความสมเพชและเวทนา เมื่อจนด้วยกำลังจึงอ้าปากสวดมนต์แผ่เมตตาจนโซ่หลุดออกอย่างง่ายดาย เธอรีบไปแก้มัดสร้อยฟ้าและพาหนี แต่ก็ถูก
ผีเวียงแก้วตามไปลากกลับมาและเชือดคอสะใภ้สามจนตายคามือ!
ผี ร้ายหายวับไปแล้วพร้อมเสียงหัวเราะสะใจ เมดาในคราบร้อยดาวทรุดตัวกับพื้น หมดแรงจะยืนเพราะสะเทือนใจกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า สิบทิศใช้ขวานของสร้อยฟ้าพังประตูเข้ามาหาคู่หมั้นสาวจนได้ สลดใจมากเมื่อได้ยินเธอพร่ำเพ้อถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาว่าเสียใจที่ช่วย สะใภ้สามไม่ได้...ไม่เป็นไร เธอพยายามและทำดีที่สุดแล้ว
ooooooo
การ ตายของสร้อยฟ้าทำให้สมาชิกในบ้านบดินทร์ธรอยู่ไม่สุข โดยเฉพาะจงจิตรถึงกับสติแตกเพราะแอบกลัวว่าจะเป็นรายต่อมา ดำรงจับตามองสองสะใภ้ที่เหลือด้วยแววตาจับสังเกต สะใภ้เอกเล่นละครตบตาเป็นคนดีและสันนิษฐานว่าสร้อยฟ้าคงจะฆ่าตัวตายตามลูก ปรมัตถ์รู้ทันเลยแขวะเสียงเข้ม
“ฆาตกรที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญแบบนี้ได้ต้องใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตมาก”
“ไม่มีร่องรอยเบาะแสคนร้าย แม้กระทั่งรอยนิ้วมือในที่เกิดเหตุ ฆาตกรอาจไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คิดก็ได้”
สิบ ทิศผสมโรงไปด้วย เชื่อว่าเต็มเดือนไม่ได้เสียใจจริงอย่างที่พูด จงจิตรมองคนนั้นทีคนนี้ทีแล้วลุกพรวด ประกาศกร้าวจะเก็บของออกจากบ้านเพราะกลัวตาย ผีเวียงแก้วหัวเราะลั่นและแกล้งพูดให้สะใภ้สองได้ยินคนเดียวว่าไม่มีทางหนี กรรมที่ทำไว้พ้น สะใภ้สองตาเหลือก ยิ่งเห็นรอยกากบาทหายไปจนเหลือสามรอยก็ยิ่งคลั่ง ดำรงส่ายหน้าด้วยความรำคาญ ตะโกนถามวิญญาณเวียงแก้วเสียงเคร่งถึงเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมด
“แม่เวียงแก้ว...หล่อนจะแค้นใจอะไรนักหนาบอกฉันมา...ฉันสัญญาจะให้ความเป็นธรรมกับหล่อนเอง”
“มันสายไปแล้ว ในเมื่อทุกคนดูดายปล่อยให้คนชั่วลอยหน้าเสวยสุข ข้าเจ้าจะลากคอพวกมันมาชำระความเอง”
จงจิตรกรีดเสียงร้องโหยหวน ความรักตัวกลัวตายขึ้นสมองจนเป็นลมหมดสติต่อหน้าทุกคน...
สิบ ทิศออกไปคุยกับเมดาในสวนหลังจากนั้น หญิงสาวจากเมืองผู้ดีเล่าให้ฟังว่ารอยกากบาทปริศนาอีกสามรอยคือสัญลักษณ์ หมายถึงคนที่ผีเวียงแก้วหมายหัวต้องการเอาชีวิต ราชนิกุลหนุ่มนิ่วหน้าคิดตาม พลันหน้าเจื่อนเมื่อสำนึกได้ว่ายังมีอีกสามคนต้องตกเป็นเหยื่อของการล้าง แค้นครั้งนี้ เมดาถอนหายใจหนักหน่วง
“ความขมขื่นในอดีตของคุณแม่เวียงแก้วเป็นความเคียดแค้นชิงชังที่ใครก็หยุดไม่ได้ จนกว่าจะได้คิดบัญชีแค้น”
“ถ้าไม่เห็นกับตาฉันคงไม่มีวันเชื่อว่าภูติผีปีศาจในนิยายจะมีจริง เธอคิดว่าต่อจากคุณสร้อยฟ้าจะเป็นใคร”
“ไม่ทราบค่ะ แต่หนึ่งในสามน่าจะเป็นคุณจงจิตร ตาคู่นี้ทำให้ฉันเห็นสิ่งที่เธอเคยทำกับคุณแม่เวียงแก้วในอดีต”
สิบทิศพยักหน้ารับน้อยๆ และถามเธอเรื่องชะตาของจงจิตรว่าจะถูกล้างแค้นจากผีเวียงแก้วหรือไม่
“ดิฉันมองเห็นเท่าที่คุณแม่เวียงแก้วสั่งให้เห็นเท่านั้น ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้มากกว่านี้”
“วิญญาณ คุณเวียงแก้วจะลงมือแก้แค้นใครและเมื่อไหร่ เธอไม่มีทางรู้ล่วงหน้าเลย แล้วอีกสามคนที่เหลือเธอจะรู้ได้ยังไงว่าต้องช่วยใครก่อนใครหลัง บางทีเหยื่อรายต่อไปอาจจะไม่ใช่คุณจงจิตรก็ได้”
เมดาในคราบร้อยดาวกลุ้มใจ แต่ไม่ยอมแพ้...เธอต้องหาทางหยุดความโกรธแค้นของผีเวียงแก้วให้ได้!
ด้าน น่านฟ้า...ออกไปทานข้าวข้างนอกกับมาร์คตามประสาเพื่อนคู่กัดที่คุยถูกคอ ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวพัฒนาขึ้นมาก ถึงขั้นปรับทุกข์และระบายความในใจกันแทบทุกวัน อย่างเช่นวันนี้ที่ราชนิกุลสาวขอความช่วยเหลือให้เขาตามล่าหาสถานที่ฝังศพ ของเวียงแก้ว ลูกทูตใหญ่กุมขมับ อยากจะบ้าตายที่ถูกขอร้องให้ช่วยเรื่องน่าขนหัวลุกเช่นนี้ น่านฟ้าสบประมาทหาว่าเขาเป็นพวกกลัวผีขึ้นสมอง มาร์ครีบข่มทับ...ไม่ได้กลัวแค่ไม่อยากอยู่ใกล้ถ้าไม่จำเป็น
ฝ่ายจง จิตรประสาทเสียไม่หายเรื่องผีเวียงแก้ว ปรี่ไปหาเต็มเดือนถึงห้องและคร่ำครวญด้วยความหวาดกลัว สะใภ้เอกสวมชุดขาวเตรียมตัวไปวัด สีหน้าเยือกเย็นเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่รำคาญเลยต้องแหวเสียงเข้ม
“หุบปาก...อย่าตื่นตูมให้มากนัก ถ้าไม่อยากไปนอนในคุกก็อย่าทำตัวผิดสังเกต ไอ้ปรมัตถ์มันยิ่งจับตาดูเราอยู่”
“น้องไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ทรัพย์สินศฤงคารคุณพี่อยากได้นักก็เอาไป น้องไม่เอาอะไรทั้งนั้น ลำพังแค่มรดกที่คุณพี่ปกรณ์ยกให้ก็มีใช้ไปทั้งชาติแล้ว อยู่ไปก็ไม่เป็นสุข สู้หอบสมบัติไปอยู่ที่อื่นดีกว่า น้องยังไม่อยากตายนะคะคุณพี่”
“ฟังฉันให้ดีนะแม่จงจิตร ผีก็แค่คนที่ตายไปแล้ว ไม่มีฤทธิ์เดชจะลุกมาทำร้ายเราได้ทั้งนั้น หากจิตใจเข้มแข็งพอ ถ้ากลัวนักก็หันหน้าเข้าวัดทำบุญทำทานจะได้มีบารมี ทำขนาดนี้แล้วคุณพระคุณเจ้าไม่คุ้มครองก็ให้มันรู้ไป!”
เต็มเดือนออกไปวิปัสสนาที่วัดแล้ว ทิ้งจงจิตรให้ยืนกระวนกระวายคนเดียว...ทำบุญแล้วช่วยได้จริงหรือ
ooooooo
ในขณะที่จงจิตรเครียดจัดเรื่องผีเวียงแก้ว ดารกากลับจมปลักกับความทุกข์ทรมานเพราะอกหักจากปรมัตถ์ ภาพความทรงจำต่างๆที่เคยมีกับเขา โดย เฉพาะวันที่เขาปฏิเสธเธออย่างไร้เยื่อใยทำร้ายจิตใจเธออย่างหนัก ผีเวียงแก้วเฝ้ารอเวลานี้อยู่นาน และฉวยโอกาสไปกระซิบข้างหูยุยงดารกา
“สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าการถูกลืมคือการไม่เคยถูกจดจำ ในเมื่อรักแล้วช้ำแสนรันทดจะทนฝืนเก็บกดไว้ทำไม ทำให้เขารู้สิว่ารักเขามากแค่ไหน...มากจนกระทั่งชีวิตตัวเองก็ยอมสละเพื่อเขาได้”
ผีเวียงแก้วแสยะยิ้มร้ายแล้วหายวับไป ทิ้งดารกาให้เงยหน้ามองกระจก ตัดสินใจจะทำอะไรบางอย่าง
ฟากเมดาในคราบร้อยดาวเดินใจลอยเพราะกังวลเรื่องผีเวียงแก้ว กลัวแม่จะไปทำอะไรร้ายแรง จนปรมัตถ์ที่มาหาและบอกเล่าเรื่องความคืบหน้าการตามหาศพของวีระวิทย์ ดาราเรศและกระถินว่ายังไร้ร่องรอยต้องปลอบ
“คุณหนูอย่ากลัวเลยนะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม นายปรมัตถ์คนนี้จะอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูเสมอ”
“ขอบใจมากนะ ตั้งแต่วันแรกที่ฉันเดินทางมาถึงประเทศไทย จนกระทั่งวันนี้ นายเป็นเพื่อนดีที่สุดของฉัน”
สองหนุ่มสาวจับมือกันแทนคำขอบคุณ แสดงถึงมิตรภาพอันดี แต่คงไม่ใช่ในสายตาของดารกาที่มองมาด้วยความริษยา ลูกสาวคนเดียวของจงจิตรจงใจเดินมาหาทั้งสองและแค่นหัวเราะอย่างขมขื่น
“น่าขำ...ความรักมักเล่นตลกกับเราเสมอ คนที่ใช่ก็ไม่รัก คนที่รักก็ไม่ใช่ จะว่าไปก็...ที่ใดมีรัก ที่นั่นก็มีทุกข์”
ขาดคำก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าปักลายดอกไม้ให้เขา ปรมัตถ์งง เดาไม่ถูกว่าดารกาจะมาไม้ไหน แต่ไม่ทันขยับ ก็เห็นมีดคมกริบในมือเธอ ลูกชายทนายเก่าแก่ปราดมาขวางหน้าร้อยดาว ดารกาถึงกับน้ำตาร่วง ตัดพ้อด้วยความน้อยใจ
“ดาไม่ได้มาเพื่อจะทำร้ายใครอย่างที่พี่คิดหรอกนะคะ ดาแค่จะมาลาพี่ ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้พี่ปรมัตถ์มีใจกับดาบ้าง รักดาแค่ครึ่งหนึ่งของที่ดารักพี่เท่านี้ก็พอ...ลาก่อนค่ะ”
ดารกาปักมีดที่กลางอกอย่างใจเด็ด หวังลาขาดจากโลกนี้ประชดรักที่ไม่อาจสมหวัง ปรมัตถ์กับร้อยดาวถลาเข้าหาและรีบพาดารกาส่งโรงพยาบาลทันที นมแสงทราบเรื่องและไปบอกจงจิตร สะใภ้สองซึ่งกำลังเครียดถึงกับหน้าซีดเผือด ละความกลัวตายและรีบออกไปโรงพยาบาล...กลัวลูกสาวคนเดียวตายมากกว่า
สิบทิศออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทุกคนพากันรุมล้อมเพื่อถามอาการของดารกา โดยเฉพาะจงจิตรที่สติแตกกลัวลูกสาวจะเป็นอะไรจริงๆ คุณชายหมอปลอบให้ใจเย็นและถามหาเลือดกรุ๊ปพิเศษจากคนในครอบครัวเพราะดารกาเสียเลือดมากจากบาดแผลฉกรรจ์
“ดารกาต้องการเลือดกรุ๊ปเอบีเนกาทีฟ เป็นกรุ๊ปเลือดหายากมาก คุณเลือดกรุ๊ปนี้หรือเปล่าล่ะ”
จงจิตรเข่าอ่อนเพราะตัวเองมีเลือดคนละกรุ๊ปกับลูกสาว เมดาในคราบร้อยดาวเสนอตัวด้วยความเต็มใจและบอกว่าตัวเองมีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน จงจิตรมองหลานสาวที่นึกชังมาตลอดด้วยแววตาทึ่งจัด เริ่มจะรู้สึกดีและซึ้งใจขึ้นมาบ้างที่ร้อยดาวมีน้ำใจช่วยเหลือดารกา หญิงสาวจากเมืองผู้ดีผละไปห้องบริจาคเลือดด้วยความเร่งรีบ จนลืมทิ้งกระเป๋าสตางค์ของตัวเองไว้บนที่นั่งหน้าห้องผ่าตัด!
ผีเวียงแก้วเฝ้ามองเหตุการณ์ชุลมุนตลอด เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนเดียวใจบุญเสนอตัวบริจาคเลือดช่วยดารกาก็โกรธมาก ถึงขั้นปรากฏตัวให้เห็นในห้องตรวจและถากถางเสียงหยัน
“อยากเสนอหน้าเป็นคนดี ช่วยชีวิตมันแล้วคิดหรือว่ามันจะสำนึก”
“หนูทำไปเพราะอยากช่วยดารกา ไม่ได้หวังว่าเธอจะต้องสำนึกหรือตอบแทนบุญคุณ”
“นังดารกามันเคยทำเจ็บแสบกับแกแค่ไหนลืมไปแล้วหรือไง”
“หนูไม่เคยลืมเรื่องที่ทำให้เจ็บปวด แต่หนูไม่เก็บมาใส่ใจ ยอมให้เหตุการณ์ร้ายๆเหล่านั้นย้อนกลับมาเล่นงาน”
“นังหน้าโง่...ใครสั่งใครสอนให้แกมีความคิดโง่ๆแบบนี้”
“คุณแม่จันทร์ฉายค่ะ ท่านสอนให้หนูรู้จักชำระใจให้สะอาด ไม่จมปลักกับความอาฆาตมาดร้าย ยกโทษให้เขาก็เท่ากับปลดปล่อยตัวเราจากคุกแห่งความเคียดแค้น”
“คำก็คุณแม่จันทร์ฉาย สองคำก็คุณแม่จันทร์ฉาย แล้วฉันล่ะ...แกเคยเห็นหัวฉันบ้างไหมนังทรยศ แกอยากไปอยู่กับแม่จันทร์ฉายของแกไหมล่ะ ฉันจะได้ช่วยสงเคราะห์ให้”
ผีเวียงแก้วทำท่าจะโผมาทำร้าย แต่สิบทิศดันเข้ามาขวางเพราะเหมือนได้ยินเสียงคู่หมั้นสาวกำลังคุยกับใครสักคน เมดาในคราบร้อยดาวได้แต่ส่ายหน้าปลงๆ ไม่กล้าบอกว่าผีเวียงแก้วมาขู่จะเอาชีวิต
เวลาเดียวกันที่หน้าโรงพยาบาล...จงจิตรเดินเหม่อลอยด้วยความเป็นห่วงลูก เจอกับขอทานคนหนึ่งถือขัน แต่งตัวมอมแมมมาขอเงิน สะใภ้สองคิดถึงคำของเต็มเดือนให้ทำบุญรักษาชีวิตเลยควักแบงก์ร้อยให้ ขอทานเงยหน้ามาเป็นผีเวียงแก้วที่ตอกกลับเสียงเข้ม...นึกหรือว่าเศษบุญเศษทานแค่นี้จะช่วยชีวิตมึงได้!
จงจิตรสติแตก วิ่งหนีกระเซอะกระเซิงจนเกือบถูกรถชนตาย ผู้คนแถวนั้นมองมาด้วยความแปลกใจที่สาวใหญ่ท่าทางผู้ดีเดินส่ายไปส่ายมาเหมือนคนบ้า แถมวิ่งตัดถนนราวกับตั้งใจจะฆ่าตัวตาย จงจิตรกวาดตามองรอบตัวด้วยแววตาหวาดระแวงสุดขีด กลัวผีเวียงแก้วจะมาทวงแค้นอย่างที่ประกาศก่อนหน้านี้
ooooooo
เมดาในคราบร้อยดาวออกจากห้องบริจาคเลือด เจอกับปรมัตถ์ซึ่งมาดักคอยเพื่อถามเรื่องตัวตนแท้จริงของเธอ หญิงสาวจากเมืองผู้ดีมองกระเป๋าสตางค์ในมือเขาด้วยแววตาตื่นๆ เมื่อตั้งสติได้จึงสารภาพอย่างหมดเปลือก คิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังความจริงว่าเธอคือลูกสาวของดิลกกับจันทร์ฉาย
“ก่อนเดินทางไปอยู่ที่อังกฤษ คุณแม่จันทร์ฉายกำลังตั้งท้องอ่อนๆ คุณพ่อจงใจปิดบังเรื่องนี้เป็นความลับมากว่ายี่สิบปี ไม่ยอมส่งข่าวเรื่องฉันให้คนที่เมืองไทยรู้ แม้กระทั่งคุณปู่ของฉันก็ตาม เพราะท่านอยากลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นี่ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ สร้างครอบครัวที่อังกฤษ”
ปรมัตถ์พยักหน้าคิดตาม ถามถึงร้อยดาวตัวจริงที่ดิลกกับจันทร์ฉายหอบหิ้วไปด้วยเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน
“ตั้งแต่ฉันจำความได้ก็เห็นพี่ร้อยดาวป่วยกระเสาะกระแสะจึงถูกเลี้ยงไม่ต่างจากไข่ในหิน แต่ถึงอย่างไรเราก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเสมอมา ไม่เคยรู้สึกอึดอัด พี่ร้อยดาวเป็นคนเงียบๆ ขี้อาย ชอบเย็บปักถักร้อยเหมือนคุณแม่จันทร์ฉาย ต่างจากฉันที่ไม่เอาไหนสักอย่าง”
เมดายิ้มเศร้าเมื่อนึกถึงพี่สาวผู้ล่วงลับ หากไม่รู้ความจริงในสมุดบันทึกเธอคงไม่ตัดสินใจมาตามหาความจริงถึงเมืองไทย ปรมัตถ์มองมาด้วยแววตาเห็นใจ เมดาบอกว่าคู่หมั้นหนุ่มทราบทุกเรื่องจากสมุดบันทึกที่เธอเคยทำหล่นที่บ่อน้ำร้างหลังบ้าน ฉับพลันนั้น...ภาพความทรงจำตอนสารภาพความจริงกับคุณชายหมอก็ผุดในหัว จำได้ว่าเธอเล่าเรื่องราวของร้อยดาว พี่สาวที่เคยเข้าใจมาตลอดว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน
“พี่ร้อยดาวป่วยเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วตั้งแต่ตอนห้าขวบ คืนนั้นหมอโทรศัพท์มาบอกว่าพี่ร้อยดาวหัวใจล้มเหลว คุณพ่อรีบขับรถพาคุณแม่กับดิฉันไปโรงพยาบาล แต่ดันเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางเสียก่อน เลยไม่ทันดูใจเป็นครั้งสุดท้าย”
เมดาน้ำตาคลอ บอกว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เธอสูญเสียดวงตาทั้งสองข้างจากเศษกระจกบาด ทำให้ต้องผ่าตัดดวงตาครั้งใหญ่ แต่โชคยังดีเพราะมีคนบริจาคดวงตาให้
“ก่อนพี่ร้อยดาวเสียชีวิต ได้บริจาคดวงตาและอวัยวะในร่างกายให้ทางโรงพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่รู้เลยว่าดวงตาคู่นั้นจะช่วยให้น้องสาวอย่างดิฉันพ้นจากโลกอันมืดมิดกลับมามองเห็นอีกครั้ง”
เมดาดึงตัวเองออกจากอดีต น้ำตาไหลพรากด้วยความสะเทือนใจ ผลจากอุบัติเหตุครั้งนั้นที่ทำให้เธอสูญเสียพ่อแม่และพี่สาวไปในคราวเดียวกัน แถมมีเรื่องแปลกประหลาดเพราะดวงตาคู่ใหม่อีกต่างหาก
“แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากผ่าตัดเปลี่ยนดวงตาครั้งนั้น ฉันก็เริ่มเห็นสถานที่ที่ไม่รู้จัก และหญิงไทยชุดขาวที่เรียกฉันว่าลูกบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งคุณลุงทวีปส่งจดหมายให้ฉันกลับมาเปิดพินัยกรรมของคุณลุงปกรณ์”
“แสดงว่าคุณพ่อผมท่านทราบเรื่องคุณมาโดยตลอด”
“ค่ะ...คุณลุงทวีปเป็นคนเดียวที่คุณพ่อไว้ใจ
ยอมเล่าทุกเรื่องให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง และขอร้องให้ช่วยเก็บเป็นความลับ ให้ทุกอย่างที่เคยเกิดในบดินทร์ธรตายไปพร้อมๆกับท่าน”
ปรมัตถ์พอจะเข้าใจความลำบากใจ เสนอให้บอกเรื่องราวทั้งหมดแก่ดำรงเพื่อช่วยสืบความจริง เมดาบอกว่าประมุขใหญ่แห่งบดินทร์ธรทราบทุกอย่างแล้ว และเป็นคนกำชับไม่ให้แพร่งพรายให้ใครรู้เพราะอาจเป็นภัยกับเธอเองเพราะผลประโยชน์จากทรัพย์สมบัติของตระกูลเป็นเรื่องที่ทุกคนจับตามอง
“คุณปู่ยังกำชับว่าเมื่อเปิดพินัยกรรมคุณพ่อดิลกแล้ว จะไม่มีความลับอีกต่อไป ให้ฉันบินกลับอังกฤษทันที”
ปรมัตถ์เห็นด้วยกับดำรงและเตือนให้เธอระวังตัว เพราะสมาชิกในบ้านบดินทร์ธรท่าทางไม่น่าไว้ใจ สิบทิศออกจากห้องผ่าตัดและมองมาด้วยท่าทางหึงเล็กน้อย ไม่ชอบให้คู่หมั้นสาวอยู่ตามลำพังกับผู้ชายคนอื่น เมดาหันมายิ้มหวานประจบและถามถึงอาการของดารกา คุณชายหมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ต้องพักฟื้นเพื่อดูอาการ
“ขอบพระคุณคุณชายนะคะที่กรุณาช่วยเป็นธุระให้ ถ้าว่างเมื่อไหร่ดิฉันจะทำอาหารเลี้ยงสักมื้อ”
“ม้าดีดกะโหลกอย่างเธอ รู้จักเข้าครัวทำกับข้าวกับปลากับเขาด้วยหรือ กินได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
เมดายิ้มระรื่น บอกให้เขาเสี่ยงดวงชิม สิบทิศแกล้งตีหน้าขรึม แต่ในใจปลื้มมากจะได้ทานฝีมือเธอ
ooooooo
ในขณะที่ทุกคนเป็นห่วงอาการของดารกา ดำรงรอฟังผลที่บ้านและถือโอกาสเทยาบำรุงจากเต็มเดือนทิ้งกระถางบอนไซในห้องเหมือนเคย ลำต้นกับใบที่แห้งเหี่ยวทำให้มั่นใจว่าสะใภ้เอกไม่หวังดีกับเขาแน่
เต็มเดือนที่คอยจับตาดูพ่อผัวตลอด เมื่อเห็นเขาเทยาทิ้ง เลยเหน็บเคืองๆ ว่าดื้อจนไม่หายป่วย ดำรงมองมาด้วยแววตาเข้มขึ้นและตัดสินใจพูดดักคอว่าอยากให้เขาหายหรือตายเร็วกันแน่
“พูดอะไรน่ากลัวอย่างนั้นคะคุณพ่อ เต็มจะไปอยากให้คุณพ่อด่วนสิ้นบุญไปทำไมกัน”
เต็มเดือนยิ้มหวาน เดินไปหยิบซองพินัยกรรมที่เขาซ่อนไว้ใต้หมอน พร้อมประกาศกร้าวว่าอยากเก็บไว้เองเพื่อให้แน่ใจว่าสมบัติทั้งหมดจะเป็นของเธอ ดำรงไม่แปลกใจแม้แต่น้อยแต่ยังทำใจเย็นแขวะเสียงเรียบ
“ต่อให้หล่อนเอาไป ฉันก็จะให้ทวีปร่างขึ้นมาใหม่อีกฉบับ ดูซิว่าคราวนี้จะยังมีชื่อหล่อนหรือเปล่า”
เต็มเดือนตาลุก โกรธจนตัวสั่นแต่พยายามข่มอาการแล้วผละออกจากห้อง แต่ความเจ็บแค้นทำให้ตัดสินใจแกล้งลวงดำรงออกจากห้องเพื่อผลักตกบันได นมแสงเป็นคนแรกที่เห็นและตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อสิบทิศมาส่งคู่หมั้นสาวเลยขอให้ช่วยดูอาการ เต็มเดือนเฝ้ามองเหตุการณ์ตลอด...สะใจมากที่จัดการดำรงได้เสียที!
ดำรงสลบไสลไม่ได้สติไปพักใหญ่ แต่เมื่อสิบทิศมาตรวจอาการก็ฟื้นคืนสติและตัดสินใจเล่นละครตบตาคนทั้งบ้านว่าอาการเพียบหนัก เป็นอัมพาตและพูดไม่ได้ เต็มเดือนเชื่อสนิทและพร่ำโทษตัวเองจนดำรงแทบกระอักด้วยความแค้น ส่วนจงจิตรเห็นสภาพพ่อผัวก็หน้าซีดด้วยความกลัว คิดว่าเป็นฝีมือของผีเวียงแก้วแน่ๆ
เมดาเดินไปส่งคู่หมั้นหนุ่มที่รถ เปรยลอยๆ ว่าวันเปิดพินัยกรรมของดิลกคงต้องเลื่อนจนกว่าดำรงจะหาย สิบทิศนิ่วหน้า แกล้งประชดว่าเธอไม่ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปหรือหากดำรงไม่หาย เมดาไม่มีทางเลือกมากนักเพราะต้องดูแลปู่ในฐานะหลาน ราชนิกุลหนุ่มพอจะเข้าใจและเปลี่ยนไปพูดถึงเรื่องพลัดตกบันไดของดำรงว่าไม่น่าใช่อุบัติเหตุ
“หากไม่ใช่อุบัติเหตุ แล้วคุณปู่จะตกลงมาได้ยังไง มีคนผลักท่านให้ตกลงมางั้นหรือคะ...ไม่น่าจะเป็นไปได้”
“เธอจะเชื่อหรือไม่มันก็เรื่องของเธอ แต่ฉันอยากให้เธอคอยจับตาดูคนใกล้ตัวท่านเอาไว้ให้ดี”
สิบทิศมั่นใจว่าเป็นฝีมือเต็มเดือน แต่เมดากลับเข้าใจอีกทางว่าเป็นฝีมือผีเวียงแก้ว...
ฝ่ายจงจิตรกระวนกระวายใจอย่างหนักเพราะคิดว่าผีเวียงแก้วทำให้ดำรงเป็นอัมพาต ความหลังเลวร้ายในอดีตทำให้กลัวบาปกรรมตามสนอง และถูกผีร้ายหมายหัวเป็นรายต่อมาจนต้องไปปรับทุกข์กับเต็มเดือน สะใภ้เอกรู้แก่ใจว่าเป็นฝีมือตัวแต่ไม่สำนึก ขอตัวผละไปทำทานที่วัดเพราะหวังว่ากุศลผลบุญจะคุ้มครองให้รอดพ้นจากเงื้อมมือผีเวียงแก้ว
เต็มเดือนแสยะยิ้มด้วยความสะใจที่ไม่มีใครรู้เห็นว่าเป็นคนผลักดำรง แต่ความเชื่อที่ว่าต้องพังทลายไม่เป็นท่าเมื่อแอบได้ยินนมแสงพูดกับร้อยดาวเรื่องเหตุการณ์ตกบันไดของดำรงว่าไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ
“ตอนเกิดเรื่อง คุณเต็มเดือนกลับจากวัดแล้วค่ะ นมเห็นเธอเข้าไปในห้องคุณท่าน ก่อนคุณท่านจะตกบันได”
“นมแสงสงสัยว่าคุณเต็มเดือนจะเป็นคนผลักคุณปู่งั้นหรือ”
นมแสงหน้าซีด พูดเสียงเบาว่าสะใภ้เอกเป็นคนน่ากลัวมาก เมดาในคราบร้อยดาวนิ่งคิดตาม ส่วนเต็มเดือนกำมือแน่นด้วยความแค้นใจ หมายมั่นปั้นมือต้องกำราบหญิงชราคนเก่าแก่ของบ้านให้รู้จักเธอให้ดีกว่านี้เสียแล้ว
ooooooo
คำปลอบของเต็มเดือนไม่ได้ช่วยอะไรมาก
จงจิตรยังทรมานกับความกลัวผีเวียงแก้วขึ้นสมองจนไม่มีแก่ใจทำอะไร เมื่อตั้งสติได้จึงไปเปิดน้ำอุ่นและลงไปแช่เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด ผีเวียงแก้วเฝ้ารอจังหวะนี้อยู่แล้ว แกล้งปรากฏร่างให้เห็นและกดหัวสะใภ้สองจุ่มในน้ำที่ร้อนขึ้นเรื่อยๆอย่างจงใจ
จงจิตรดิ้นรนขัดขืนแต่สู้แรงผีร้ายไม่ได้ ความทรงจำในอดีตเมื่อครั้งเธอทรมานเวียงแก้วด้วยการกระทำแบบเดียวกันผุดในหัวอย่างช่วยไม่ได้ ความเจ็บปวดเพราะน้ำร้อนทำให้ละล่ำละลักอ้อนวอนผีร้าย
“ฉันกลัวแล้ว อย่าทำอะไรฉันเลยนะเวียงแก้ว ฉันสำนึกผิดแล้ว”
“คนที่เลวจนเข้าไส้ จะกลับใจสำนึกได้ชั่วข้ามคืนไม่มีหรอก นอกจากตายแล้วไปเกิดใหม่เท่านั้น”
ผีเวียงแก้วไม่อภัยแถมกดหัวจงจิตรหนักกว่า
เดิมหวังให้สำลักน้ำตายคามือ ฉับพลันนั้น...เสียงสวดแผ่เมตตาก็ดังขึ้น ผีเวียงแก้วจำได้ว่าเป็นเสียงร้อยดาวเลยจำต้องผละจากสะใภ้สองไปเอาเรื่องลูกถึงห้อง
“หยุดเสียที...ฉันรำคาญเต็มทนแล้ว เอาเวลาแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้คนอื่น มาสวดให้ตัวเองรอดตายดีกว่า”
“อะไรที่ทำแล้วสบายใจ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน หนูก็จะทำ หนูจะแผ่เมตตาอย่างนี้ทุกวัน ไม่มีใครห้ามหนูได้”
ผีเวียงแก้วโกรธจัด แหวเสียงเข้มด้วยความไม่พอใจที่ลูกสาวกล้าหือ เมดาสวนกลับเพื่อเตือนสติ
“การเอาชนะด้วยเมตตาเป็นชัยชนะถาวร เพราะเป็นการลบความเคียดแค้นชิงชังในใจเรา ตรงข้ามกับความอาฆาตพยาบาทที่รังแต่จะสร้างรอยบาดหมาง ให้ต่างฝ่ายต่างหาทางแก้แค้นไม่รู้จักจบจักสิ้น”
“งั้นแกก็จงสวดต่อไป ดูสิว่าบทสวดของแกจะช่วยให้นังจงจิตรมันรอดพ้นเงื้อมมือฉันไปได้อีกนานแค่ไหน!”
เมดาเป็นห่วงจงจิตรขึ้นมาทันที รีบไปหาที่ห้อง ทันเห็นสะใภ้สองขนเสื้อผ้าไปใส่รถพอดี เธอพยายาม ห้ามและรั้งสุดกำลังแต่ความกลัวตายทำให้จงจิตรไม่ยอมฟัง กระโดดขึ้นรถและขับออกจากบดินทร์ธร เมดาไม่รอช้าวิ่งตามติด ยิ่งเห็นผีเวียงแก้วนั่งไปกับจงจิตรด้วยยิ่งร้อนรน คว้าจักรยานคันเก่าของบังหนั่นปั่นตามทันที
นมแสงเห็นจงจิตรขับรถออกจากบ้านก็นึกแปลกใจ กำลังจะไปถามร้อยดาวอยู่แล้ว แต่ต้องชะงักเมื่อเต็มเดือนปราดมาขวางและแกล้งถามหญิงชราว่าเธอเป็นคนเช่นไร นมแสงเหงื่อแตกพลั่ก นึกรู้ในวินาทีนั้นว่าเต็มเดือนอาจ ได้ยินอะไรมาและจงใจขู่ สะใภ้เอกยิ้มหวานแล้วพูดเสียงเย็น
“อะไรที่ไม่ควรพูดก็อย่าได้พูด คนที่อายุยืนคือ คนหูหนวก ตาบอดและเป็นใบ้เท่านั้น ส่วนคนพูดมาก ฉันเห็นอายุไม่ค่อยจะยืนสักราย ฉันขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย จำเอาไว้ให้ดี ฉันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่นมคิดหรอกนะ...”
นมแสงหน้าเสีย เต็มเดือนเอื้อมไปคว้าเชิงเทียน มาถือ ตั้งท่าจะฟาดหญิงชราคนเก่าแก่ของบ้านให้ตายคามือ แต่ปรมัตถ์ซึ่งผ่านมาเห็นจงใจมาขวางเสียก่อน ประกาศตัวว่ารู้ทันและตั้งตัวเป็นศัตรูอย่างเต็มที่ เต็มเดือนได้แต่ผละจากไปเคืองๆ...ฝากไว้ก่อนเถอะนังนมแสง อย่าคิดว่าแกจะรอดได้อีกเป็นครั้งที่สอง!
เมดาปั่นจักรยานตามอย่างไม่ลดละ สิบทิศเพิ่งออกเวรและขับผ่านมาเลยจอดรับ และพากันไปช่วยจงจิตร ไม่รู้เลยว่าสะใภ้สองถูกอิทธิฤทธิ์ผีเวียงแก้วลวงไปติดกับที่บ้านร้างข้างทาง และทำให้เห็นภาพในอดีตที่เวียงร้อยดาว ตอนจงจิตรบุกไปหาเรื่องเวียงแก้วพร้อมกับเสงี่ยมหวังทำมิดีมิร้ายร้อยดาวซึ่งยังแบเบาะ
เวียงแก้วซึ่งทำงานหนักได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของลูกจึงขึ้นเรือนไปดู ส่งเสียงแข็งใส่สะใภ้สองอย่างไม่ไว้หน้าให้ส่งลูกคืนตามสัญชาตญาณของแม่ที่ต้องการปกป้องลูกเต็มกำลัง เสงี่ยมปราดไปขวางหน้า ตวาดเสียงเข้ม
“พูดกับคุณจงจิตรให้มันดีๆหน่อยคุณเวียงแก้ว”
“ไพร่ก็คือไพร่ สันดานแก้อย่างไรก็ไม่หายฉันไม่ถือสาหรอก นังเด็กนี่มันน่าเอ็นดูนะ...แกว่าไหมเสงี่ยม”
น้ำเสียงกวนประสาทของจงจิตรทำให้เวียงแก้วชะงัก สังหรณ์ใจว่าลูกสาวอาจเป็นอันตราย และก็จริงดังคาด เมื่อสะใภ้สองอุ้มร้อยดาวลงจากเรือนไปหน้าตาเฉย เมื่อเวียงแก้วมาทวงคืนก็แหวลั่น
“ฉันอยู่กินกับคุณพี่มาตั้งหลายปี ไม่ยักกะมีลูกสักคน แกนี่มีบุญนะเวียงแก้ว ลูกแกคนนี้...ฉันขอแล้วกัน”
“ไม่ได้นะเจ้า ข้าเจ้าไม่ยกให้ใครทั้งนั้น คุณจงจิตรคืนลูกให้ข้าเจ้าเถอะ”
“คืนให้แกงั้นหรือ กราบฉันสิ กราบฉันงามๆแทบเท้านี่ แล้วฉันจะคืนให้”
จงจิตรจงใจกระดิกเท้ายียวน เวียงแก้วไม่อยากมีเรื่องจึงยอมอย่างเสียไม่ได้ สะใภ้สองหัวเราะร่วนสะใจ
“เชื่อแล้วว่าเวลาหมาจนตรอก ยอมทำได้ทุกอย่างจริงๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ขอเล่นสนุกกับลูกแกอีกหน่อยดีกว่า”
ขาดคำจงจิตรก็อุ้มร้อยดาวไปถึงบ่อร้างหลังบ้าน เวียงแก้วถลาตามติดและอ้อนวอนขอลูกคืนเสียงสั่น แต่สะใภ้สองไม่ยอมและช่วยกับเสงี่ยมจะโยนร้อยดาวลงบ่อน้ำ หวังให้หนามยอกอกตายทั้งแม่และลูก แต่ทุกอย่างที่วางแผนไว้ก็พังไม่เป็นท่าเมื่อจันทร์ฉายกับดิลกซึ่งเพิ่งกลับจากต่างเมืองผ่านมาเห็นและช่วยไว้ได้อย่างหวุดหวิด
ooooooo
เหตุการณ์เฉียดตายของร้อยดาวกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ดำรงต้องมาไกล่เกลี่ยและตัดสินความเพราะจันทร์ฉายกับดิลกยืนกรานว่าเห็นจงจิตรกับเสงี่ยมจะโยนร้อยดาวลงบ่อจริงๆ
“หล่อนคิดว่าฉันจะโยนนังเด็กนั่นลงบ่อจริงๆ หรือไงแม่จันทร์ฉาย ฉันก็แค่หยอกเย้าเด็กมันเล่นแค่นั้น”
“แล้วที่แม่เวียงแก้วถูกผลักตกลงไปในบ่อล่ะ แค่หยอกเย้าด้วยหรือ” ดิลกสวนกลับไม่ไว้หน้า
“เอ๊ะ...ก็บอกแล้วไงว่านังเวียงแก้วมันซุ่มซ่ามพลัดตกลงไปเอง คุณพี่ดิลกอย่ามาป้ายขี้ให้ดิฉันดีกว่า”
เวียงแก้วอุ้มลูกตัวสั่น ไม่ไกลกันนั้น ดำรงมองมาด้วยแววตารำคาญ ประกาศกร้าวให้เลิกแล้วต่อกัน จันทร์ฉายไม่ยอมบอกว่ายังไงร้อยดาวก็เป็นหลาน น่าจะได้รับความยุติธรรมในฐานะบดินทร์ธรคนหนึ่ง แต่ดำรงไม่สนโต้กลับ
“เด็กนั่นไม่ใช่หลานฉัน พ่อมันคนไหนยังไม่รู้ จะเป็นจะตายก็ช่างหัวมันสิ จะไปไหนก็ไปแม่เวียงแก้ว”
เวียงแก้วอุ้มลูกออกไปแล้ว จันทร์ฉายกับดิลกมองตามด้วยความเห็นใจ จงจิตรกับเสงี่ยมยิ้มเยาะ สะใจที่ได้แกล้งเวียงแก้วให้หายแค้น ดำรงอดไม่ได้ต้องปรามสะใภ้สองทิ้งท้ายก่อนกลับห้อง
“ถึงนังเด็กร้อยดาวนั่นจะไม่ใช่หลานฉัน หล่อนก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ ถ้าเจ้าปกรณ์มันรู้เข้าคงไม่พิศวาสเมียใจยักษ์ คิดจะฆ่าจะแกงกระทั่งเด็กตัวเล็กๆนักหรอก หล่อนมีนิสัยใจคอเป็นอย่างไร...อย่านึกว่าฉันไม่รู้”
จงจิตรหน้าม้าน ไม่กล้าสบตาพ่อผัว ดิลกกับ จันทร์ฉายถอนใจเหนื่อยหน่ายและไปหาเวียงแก้วถึงเวียงร้อยดาว อยากให้เธอลุกขึ้นสู้เพราะกลัวสะใภ้ทั้ง สามจะไม่ยอมรามือเรื่องนี้ง่ายๆ
“เรื่องนี้ต้องถึงหูพี่ปกรณ์ เรื่องคอขาดบาดตาย ขนาดนี้ เธอจะปล่อยให้เงียบหายไปเฉยๆ ไม่ได้นะเวียงแก้ว”
“ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้า ไม่มีใครเขาสนใจไยดีข้าเจ้ากับลูกหรอก”
“การเป็นคนดีไม่ได้หมายความว่าต้องก้มหน้ายอมคนอื่นท่าเดียวหรอกนะเวียงแก้ว ยิ่งอ่อนแอเขาก็จะยิ่งรังแก ยิ่งเธอเฉย เขาก็ยิ่งได้ใจ ทำไมเธอไม่ลุกขึ้นสู้บ้างล่ะ”
“ถึงสู้ไปก็แพ้อยู่ดี เวรกรรมต้องตามทันเข้าสักวัน ใครทำอะไรไว้ข้าเจ้าจำได้หมด ถึงตายข้าเจ้าก็ไม่ลืม”
ความแค้นครั้งนั้นทำให้เวียงแก้วผูกใจเจ็บจนวันนี้ จงจิตรถูกดึงกลับมาที่ปัจจุบัน หน้าเสียเมื่อผีเวียงแก้วยื่นหน้าเน่าเฟะมาใกล้จนแทบจะหายใจรด พร้อมเอ่ยวาจาถากถางที่ทำให้สะใภ้สองก้มหน้างุด
“แล้วคุณจงจิตรล่ะเจ้า ลืมสิ่งที่เคยทำกับข้าเจ้าหรือยัง ข้าเจ้าทำอะไรให้เจ็บแค้นนักหรือ ถึงต้องทำขนาดนั้น”
จงจิตรกระถดตัวหนีด้วยความขยะแขยงระคน หวาดกลัว แม้จะรู้ตัวลึกๆ ว่าผิดแต่ทิฐิทำให้ไม่ยอมรับความจริง
“แกนั่นแหละที่แย่งทุกอย่างไปจากฉัน แกเป็นเมียไม่ทันไรก็มีลูกให้คุณพี่ ฉันทำทุกอย่างสารพัดเท่าที่เมียคนหนึ่งจะทำได้ แต่กลับไม่เคยอยู่ในสายตาคุณพี่เลย เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะฉันไม่มีลูกกับคุณพี่เหมือนแกไง”
“แกก็เลยเล่นชู้จนท้องสมใจ แล้วยกลูกสาวที่เกิดกับคนขับรถมาอุปโลกน์เป็นลูกคุณพี่ แก้ตัวได้ดีนี่ คนชั่วก็มักหาเหตุผลชั่วๆ เข้าข้างตัวเองมาอ้างได้เสมอ คุณจงจิตรเคยได้ยินหรือไม่เจ้า ว่าคนมากชู้หลายผัวมั่วรักไม่เลือกหน้า พระท่านว่าตายไปจะต้องปีนต้นงิ้วนรกหนามสิบหกองคุลี”
จงจิตรนึกขึ้นได้ว่าสวมเบี้ยแก้มาด้วย จึงยกขึ้นชูหวังให้ผีร้ายสิ้นฤทธิ์ แต่โชคร้ายเพราะความแค้น ซึ่งกลัดหนองมานานทำให้ผีเวียงแก้วบ้าบิ่นยอมเจ็บปวดกำเบี้ยแก้แน่นและกระชากออกจากคอสะใภ้สองอย่างใจเด็ด
“มัวแต่วิ่งหาเครื่องรางของขลังมาป้องกันตัว คิด เหรอว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะคุ้มครองคนชั่วอย่างแก... ฝันไปเถอะ!”
จงจิตรตาเหลือก วิ่งหนีออกจากบ้านไปยังป่า ละเมาะอย่างไม่คิดชีวิต ผีเวียงแก้วส่งเสียงหัวเราะเย้ยหยันไปตามลมเพื่อข่มขวัญ ดลบันดาลให้สะใภ้สองเห็นภาพตัวเองกำลังตกนรกปีนต้นงิ้วชดใช้กรรม จงจิตรตะเกียกตะกายขึ้นต้นไม้ที่มีหนามแหลมด้วยความทุกข์ทรมาน โดยมียมบาลร่างยักษ์ใช้หลาวยาวทิ่มให้ขึ้นไป
“มึงประพฤติอสัทธรรม คบชู้สู่ชายนอกใจผัว ลุ่มหลงในกามคุณทั้งห้าจึงต้องเกิดเป็นสัตว์นรกเสวยทุกขเวทนาแสนสาหัสในสิมพลีนรก จนกว่าจะชดใช้หนี้กรรมที่มึงเคยก่อไว้จนสิ้น!”
บาดแผลฉกรรจ์และความเจ็บปวดทรมานทำให้ จงจิตรสติแตก ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนจนสิบทิศกับเมดาซึ่งตามมาติดๆ ไปช่วยได้ทันเวลาก่อนจะขาดใจตายกลางป่า แต่สองหนุ่มสาวก็ต้องเหนื่อยแทบตายเพื่อปลอบให้สงบ เพราะสะใภ้สองมีอาการเพ้อเหมือนคนเห็นของดีตลอดเวลา สิบทิศอยากให้ยาระงับประสาท แต่เมดามีวิธีดีกว่านั้น
“คุณจงจิตรทำใจดีๆนะคะ ตั้งสติและขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวรของคุณ บุญกุศลใดที่ข้าพเจ้าได้เคยกระทำทั้งในอดีตและปัจจุบัน จงถึงแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่คุณจงจิตรเคยล่วงเกินไว้ ขออย่าได้จองเวรซึ่งกันและกันเลย”
อาการของจงจิตรค่อยๆ ทุเลาลงอย่างประหลาด เมื่อได้สติก็ร้องไห้คร่ำครวญเหมือนเด็กๆ อยากขอสารภาพบาปกรรมที่เคยทำในอดีต สิบทิศ เมดาและนมแสงเงี่ยหูฟังเต็มที่ แต่เหมือนจะช้ากว่าเต็มเดือนที่เข้ามาขวาง
“จงจิตรเพิ่งฟื้น ยังไม่อยู่กับร่องกับรอย คุณนมอย่าได้ถือสาหาความคาดคั้นอะไรมากเลยนะจ๊ะ สงสารเธอน่ะ”
นมแสงกลัวไม่กล้าสบตาเต็มเดือน ต่างจากสิบทิศที่มองมาด้วยแววตาเข้มขึ้น จับผิดสะใภ้เอกเต็มที่ เมื่อเมดาถามจึงตัดสินใจบอกว่าเต็มเดือนมีท่าทางพิรุธอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกำลังปิดบังบางอย่าง ที่สำคัญรอยกากบาทยังเหลืออีกสามรอย แสดงว่าต้องมีอีกสองคนเป็นอย่างน้อยที่ผีเวียงแก้วต้องการเอาชีวิต...นอกจากจงจิตร!
ooooooo
อาการของจงจิตรค่อยๆ ทุเลาลงอย่างประหลาด เมื่อได้สติก็ร้องไห้คร่ำครวญเหมือนเด็กๆ อยากขอสารภาพบาปกรรมที่เคยทำในอดีต สิบทิศ เมดาและนมแสงเงี่ยหูฟังเต็มที่ แต่เหมือนจะช้ากว่าเต็มเดือนที่เข้ามาขวาง
“จงจิตรเพิ่งฟื้น ยังไม่อยู่กับร่องกับรอย คุณนมอย่าได้ถือสาหาความคาดคั้นอะไรมากเลยนะจ๊ะ สงสารเธอน่ะ”
นมแสงกลัวไม่กล้าสบตาเต็มเดือน ต่างจากสิบทิศที่มองมาด้วยแววตาเข้มขึ้น จับผิดสะใภ้เอกเต็มที่ เมื่อเมดาถามจึงตัดสินใจบอกว่าเต็มเดือนมีท่าทางพิรุธอย่างเห็นได้ชัด เหมือนกำลังปิดบังบางอย่าง ที่สำคัญรอยกากบาทยังเหลืออีกสามรอย แสดงว่าต้องมีอีกสองคนเป็นอย่างน้อยที่ผีเวียงแก้วต้องการเอาชีวิต...นอกจากจงจิตร!
ooooooo










