ตอนที่ 11
สามสะใภ้ค้านหัวชนฝาไม่ยอมให้เผาศพเวียงแก้วตามพิธีกรรมทางศาสนา ดำรงนิ่วหน้าและถามถึงเหตุผล สร้อยฟ้ากับจงจิตรอ้างว่ากลัวเสียชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเพราะอดีตสะใภ้สี่ทำงามหน้าไว้มาก ส่วนเต็มเดือนเห็นว่าใกล้งานมงคลของร้อยดาวกับสิบทิศจึงไม่ควรรื้อฟื้นเรื่องไม่ดี
ร้อยดาวเห็นท่าไม่ดี ถลันไปคุกเข่าอ้อนวอนประมุขใหญ่แห่งบ้านบดินทร์ธรให้เห็นแก่เวียงแก้วเป็นครั้งสุดท้าย ดำรงมองหลานด้วยแววตาหนักใจ สุดท้ายก็ตัดสินใจจะฌาปนกิจศพสะใภ้คนสุดท้ายที่เวียงร้อยดาว
คำประกาศของดำรงช่วยให้ดวงวิญญาณของเวียงแก้วไปสู่สุคติทำให้ร้อยดาวสบายใจไม่น้อย แต่ไม่วางใจนักเพราะเชื่อว่าแม่ต้องมาอาละวาดโวยวายกับเธอแน่ที่บังอาจขัดขวางแผนการล้างแค้น แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวจากเมืองผู้ดีก็ทำใจดีสู้เสือ ตื่นไปตักบาตรและทำสังฆทานแต่เช้าเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แม่
ต่างจากสามสะใภ้ที่นั่งถกกันเคร่งเครียดเรื่องศพของเวียงแก้ว ว่าอาจทำให้ความลับในอดีตถูกรื้อฟื้นใหม่ โดยเฉพาะจงจิตรกับสร้อยฟ้าที่กลัวจนนั่งไม่ติด ไม่อยากถูกสอบสวนให้อับอายขายขี้หน้า ต่างจากเต็มเดือนเจ้าแผนการตัวจริงที่นั่งนิ่งและสวนกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย...ช่างเถอะ สุดท้ายวิญญาณนังเวียงแก้วก็ต้องตกนรกหมกไหม้อยู่ดี!
ร้อยดาวเฝ้ารอเวลาเผาศพให้แม่ด้วยใจจดจ่อแต่เมื่อถึงเวลาทุกคนกลับจงใจทิ้งเธอไว้ที่บ้านเพราะไม่อยากให้ต้องลำบากลำบนมาถึงเวียงร้อยดาวให้สะเทือนใจ แต่หญิงสาวก็รั้นและคลำสะเปะสะปะไปเองจนสะดุดล้มข้อเท้าแพลงสิบทิศตามมาทันช่วยพยุงและนวดข้อเท้าให้ ร้อยดาวกระดากไม่น้อยแต่ยืนยันจะเดินต่อ เขาไม่ยอมและขวางเต็มกำลัง
“นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณชายจะมาเอาชนะ ดิฉันต้องไปที่เวียงร้อยดาวเพื่อเผาศพคุณแม่ ทำให้ท่านเป็นครั้งสุดท้าย”
“ยิ่งไปไม่ได้ใหญ่ รู้หรือเปล่าว่าควันจากการเผาศพ มีสารพิษเป็นอันตราย ดวงตาเธอยังไม่หายเป็นปกติ ฉันไม่ได้ต้องการเอาชนะคะคาน แต่อยากให้เธอรู้จักเป็นห่วงตัวเองเสียบ้าง”
ร้อยดาวซึ้งใจที่เขาเป็นห่วง แต่ยืนกรานจะไปให้ได้จนสิบทิศต้องยอมประคองไปอย่างเสียไม่ได้
ดำรงวางดอกไม้จันทน์บนกองไฟเผาโลงของเวียงแก้วที่เวียงร้อยดาว ส่งสายตาเป็นนัยรู้กันกับบังหนั่นว่าแท้ที่จริงในโลงศพไม่มีร่างใดๆเพราะโครงกระดูกเวียงแก้วถูกฝังใต้ดินในเวียงร้อยดาวตามคำขอของผีร้าย ประมุขใหญ่มองควันไฟที่พวยพุ่งตรงหน้าด้วยความรู้สึกบางอย่าง ภาพในอดีตตอนเวียงแก้วถูกประณามและกล่าวหาจากคนทั้งบ้านทำให้สะเทือนใจไม่น้อย โดยเฉพาะเขาที่ไม่ได้ให้ความยุติธรรมกับเธออย่างที่ควรจะเป็น
“ฉันไม่ฟังอะไรอีกทั้งนั้น ไอ้หกคนนั่นมันสารภาพจนหมดไส้ ในเมื่อทั้งหลักฐานพยานมัดตัวนังแพศยากาลีแน่นหนาขนาดนี้ หล่อนก็ไสหัวไปซะ จะไปตายโหงตายห่าที่ไหนก็ไป อย่ากลับมาเหยียบบนตึกนี้ให้เป็นเสนียด ส่วนนังเด็กนั่น หากใช่สายเลือดบดินทร์ธรของฉัน มันก็คงมีวาสนาได้กลับมาเองในสักวัน”
ดำรงดึงตัวเองจากอดีต เสียใจไม่น้อยที่เคยทำร้ายจิตใจเวียงแก้วอย่างแสนสาหัส ได้แต่ขออโหสิกรรมกับเธอและขอให้ดวงวิญญาณไปสู่สุคติ ส่วนร้อยดาวมาไม่ทันพิธีเผาศพ เลยส่งใจไปแทนและอ้อนวอนขอให้แม่เลิกจองเวร
ooooooo
สิบทิศพาร้อยดาวไปตรวจอาการตาอย่างละเอียด เช้าวันรุ่งขึ้น แต่ไม่พบความผิดปกติใดๆจนเขาเริ่มเครียดและอยากขอเลือดเธอไปตรวจแทน เมดาในคราบร้อย-ดาวใจไม่ดี อึกๆอักๆจนเขาสงสัยและตัดสินใจคืนสมุดบันทึกของดิลกให้ บอกว่าเก็บมาได้ตอนเธอถูกผลักตกบ่อร้างเมื่อหลายวันก่อน
ร้อยดาวถึงกับอึ้งเมื่อเขาบอกว่าถือวิสาสะเปิดบันทึกจึงได้รู้ว่าเป็นของเธอ เย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อเขาถามตรงๆถึงสาเหตุที่มาปรากฏตัวที่นี่ เมดาในคราบร้อยดาวจึงตัดสินใจบอกความจริงว่าเพราะภาพแปลกๆหลังการผ่าตัดดวงตาเมื่อหลายเดือนก่อน ทำให้ต้องเดินทางเป็นพันไมล์เพื่อไขข้อข้องใจ แถมเปรยเสียงอ่อน
“เกิดมาบนโลกนี้ก็เหมือนเดินทางเข้ามาในเมืองที่ไม่เคยรู้จักอยู่แล้ว ให้เดินวนเวียนบนถนนที่ตัวเองคุ้นเคยทุกวันคงเบื่อแย่ ถนนสายอื่นมีอีกตั้งเยอะแยะรอให้เราไปเหยียบ จะมัวปิดกั้นกักขังตัวเองไปทำไม”
ถึงคราวสิบทิศพูดไม่ออกบ้างเมื่อได้ยินความคิดของร้อยดาว เขาเป็นผู้ชายแท้ๆแต่กลับกลัวโน่นนี่ไม่หยุด สองหนุ่มสาวนิ่งกันพักใหญ่จึงเปลี่ยนเรื่องคุย สิบทิศสบายใจอย่างประหลาดเมื่อได้อยู่กับเธอ และอารมณ์ดีมากพอจะพาเธอไปพักผ่อนที่วังเวฬุมาศ เมดาในคราบร้อยดาวไม่ชอบใจนักเพราะเกรงคนจะมองไม่ดี แต่เขากลับย้อนหน้าตายว่าเมื่อแต่งงานเธอก็ต้องมาอยู่ด้วยกันที่วัง ร้อยดาวงงเป็นไก่ตาแตก...ไม่เข้าใจอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเขาเลย
รัตนากรกับน่านฟ้าดีใจมากที่สิบทิศพาร้อยดาวมาเยี่ยม แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้เพราะจนป่านนี้ยังหาสาเหตุที่ตาบอดไม่พบ แต่ร้อยดาวเป็นคนกำลังใจดีและพยายามบอกให้ทุกคนคลายกังวล
“ทุกวันนี้เราเคยชินกับสิ่งที่ตามองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวจนลืมมองเข้าไปข้างในตัวเราเอง บางทีการมองอะไรไม่เห็นก็ทำให้ดิฉันมีสมาธิอยู่กับตัวเอง ได้ทบทวนเรื่องต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมากขึ้น”
น่านฟ้ามองว่าที่พี่สะใภ้ด้วยความชื่นชม เช่นเดียวกับรัตนากรที่ปลาบปลื้มว่าเลือกคนไม่ผิด ส่วนสิบทิศ...แม้จะชอบใจความคิดและทัศนคติของว่าที่คู่หมั้นแต่ก็อดเหน็บแนมด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้
“อย่าห่วงไปเลยครับ ร้อยดาวคนนี้เธอไม่ได้อ่อนแอเหมือนอย่างที่คิด”
ร้อยดาวรู้ทันว่าเขาจงใจแกล้งเพราะรู้ตัวตนแท้จริงของเธอ แม้เขาจะรับปากไม่บอกคนอื่น แต่ก็ไม่อยากวางใจเพราะกลัวเสียเรื่องก่อนได้รู้ความจริงเกี่ยวกับ
ผีเวียงแก้ว สิบทิศไม่รู้ความคิดของเธอและชวนไปเดินเล่น พลางนัดแนะเป็นอย่างดีเรื่องไปวัดตัวและจัดการเรื่องการ์ดเชิญกับของชำร่วยในวันรุ่งขึ้น ร้อยดาวไม่เห็นความจำเป็นแต่เขายืนกราน
“แม้จะแค่เล่นละครตบตาแต่ก็ต้องแนบเนียน ไม่เช่นนั้นท่านป้าจะทรงจับได้ ฉันไม่อยากให้ท่านเสียพระทัย”
“บางทีดิฉันอาจจะต้องตาบอดตลอดชีวิตก็ได้ คุณชายควรจะเปลี่ยนใจหันไปเลือกคนที่เพียบพร้อมกว่าดิฉัน”
“คนที่เลือกเธอคือท่านป้า...ไม่ใช่ฉัน”
ร้อยดาวอึ้งไป เข้าใจเอาเองว่าเขาคงไม่มีใจให้แต่ต้องหมั้นตามหน้าที่ ส่วนสิบทิศรู้สึกผิดนิดหน่อยที่พูดไม่ตรงกับใจ แกล้งดุเสียงเข้มกลบเกลื่อนเมื่อเห็นเธอพยายามเดินแต่ซุ่มซ่ามล้มกับพื้น สุดท้ายก็อดใจอ่อนไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางเธอช่วยตัวเองลำบาก และตัดสินใจหยิบดอกราชาวดีที่ร่วงบนพื้นให้
“ผลวิจัยทางการแพทย์พบว่า กลิ่นของดอกราชาวดีช่วยให้เกิดความผ่อนคลายทางอารมณ์ ฉันหวังว่าดอกไม้นี่คงทำให้เธอเลิกวิตกกังวลเรื่องหมั้นและแต่งงานกับฉันเสียที”
“เลิกบำบัดฉันได้แล้วค่ะ นี่ไม่ใช่เวลางานแล้วนะคะคุณหมอสิบทิศ”
ร้อยดาวเขินไม่น้อยที่เขาพูดและปฏิบัติกับเธอด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สองหนุ่มสาวเดินคุยกะหนุงกะหนิงในสวน ไม่รู้เลยว่ารัตนากรกับน่านฟ้าแอบดูปฏิกิริยาของคู่หมายคู่ใหม่จากบนตึก ดีใจและปลื้มที่สิบทิศยอมเปิดใจและทำตามความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น...ต้องขอบคุณร้อยดาวจริงๆ
สิบทิศพาร้อยดาวมาส่งบดินทร์ธรเย็นวันเดียวกัน ไม่อยากห่างจากเธอเลยแต่จำต้องตัดใจ แต่ไม่ทันขยับถึงรถ เต็มเดือนก็มาทักทายและชวนไปดื่มชาในสวนยี่โถ คุณชายหมอมองสะใภ้เอกด้วยสายตาระแวดระวัง สังหรณ์ใจว่าอาจถูกหลอกถามบางอย่าง เต็มเดือนยิ้มร้าย แกล้งถามถึงอาการตาบอดของร้อยดาวด้วยความเห็นใจ สิบทิศดูออกว่าเธอเป็นพวกปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอเลยอดเหน็บกลับไม่ได้
“ต่อให้ตาดีก็ใช่ว่าจะมองออกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดีอย่างที่เห็นหรือไม่ คุณเต็มเดือนว่าจริงไหมครับ”
“ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ดีหรือเลวหรอกค่ะ มีแต่ความคิดของเราเท่านั้นที่กำหนดว่าเป็นความดีหรือ
ความเลว ดื่มชาสักหน่อยนะคะ ดิฉันตั้งใจชงให้คุณชายเป็นพิเศษ”
เต็มเดือนรินน้ำชาจากป้านให้อย่างใจเย็น แต่สิบทิศไม่ไว้ใจและปฏิเสธเสียงเรียบ
“ขอโทษด้วย ผมไม่นิยมดื่มชาดอกยี่โถ คุณเองก็ไม่ควรชงให้ใครดื่มเด็ดขาด โดยเฉพาะคุณท่าน เพราะสารพิษในดอกยี่โถส่งผลต่อการเต้นที่ผิดปกติของหัวใจและอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้หัวใจหยุดเต้นได้”
“อย่างนั้นหรือคะ ดิฉันเพิ่งทราบ แต่ไม่ทราบว่าใครบอกคุณชายคะว่าดิฉันเอาดอกยี่โถชงชาให้คุณท่านดื่ม”
“ใครบอกว่าไม่สำคัญ ผมแค่อยากจะเตือนคุณให้รู้ว่าชายี่โถที่คุณชงเป็นอันตรายกับคนที่ดื่มมันเข้าไป”
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยเตือน แต่เผอิญนี่เป็นชาผู่เอ๋อ หนึ่งในสิบสุดยอดชาจีนต่างหาก คงไม่มีอันตรายมังคะ”
สิบทิศหน้าเสียเล็กๆ ส่วนเต็มเดือนแสยะยิ้มร้าย เริ่มรู้สึกว่าคุณชายหมอไม่น่าไว้ใจอีกต่อไป
ooooooo
สิบทิศมารับร้อยดาวไปวัดตัวตัดชุดงานหมั้นแต่เช้าของวันถัดมา เขาเอาใจใส่ทุกรายละเอียดเพื่อให้ว่าที่คู่หมั้นสวยที่สุดจนทุกคนอิจฉา เมื่อได้อยู่กันตามลำพัง เธอจึงขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจที่เขาเอาใจใส่อย่างดี แต่เขากลับเฉไฉกลบเกลื่อนว่าทำไปเพราะไม่อยากอับอายขายขี้หน้าแขกเหรื่อว่าคู่หมั้นของเขาต้องแต่งตัวไม่สมฐานะ
ร้อยดาวหน้าชา โต้กลับเสียงเรียบว่าหากต้องการยกเลิกงานหมั้นก็บอกได้เพราะเธอไม่อยากฝืนใจใคร และเธอจะเป็นคนบอกกับรัตนากรเอง สิบทิศหน้าเจื่อน รู้สึกผิดที่ไม่กล้าพูดตามความจริงในใจจนเธอต้องตัดพ้อ
“ดิฉันเข้าใจค่ะว่าคุณชายลำบากใจแค่ไหนที่ต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับหัวใจ จะมีผู้ชายคนไหนอยากเข้าพิธีหมั้นกับผู้หญิงตาบอดอย่างดิฉันให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านจริงไหมคะ”
ขณะที่สิบทิศรู้สึกผิดอย่างมากที่พูดไม่ดีกับร้อยดาว ดำรงก็ถูกรัตนากรต่อว่าเสียงเขียวที่มาขอให้เลื่อนงานหมั้นไปก่อนตามความเห็นของสามสะใภ้แห่งบ้านบดินทร์ธร แถมเสนอหลานสาวคนอื่น ทั้งดาราเรศและดารกาให้หมั้นแทนร้อยดาวเพราะมีดวงตามองเห็นเหมือนคนปกติ ราชนิกุลสาวใหญ่โกรธและตอกกลับไม่ไว้หน้า
“ฉันไม่เห็นว่าการที่สิบทิศหมั้นกับหนูร้อยดาวจะทำให้เวฬุมาศมัวหมองตรงไหน ตาหนูร้อยดาวมองไม่เห็น รักษาไปเดี๋ยวก็หาย ถ้าหมอไทยจนปัญญาฉันก็จะส่งไปรักษาที่เมืองนอก ยังไม่ทันไรก็แช่งหลานตัวเอง พูดไม่รู้จักคิด”
ดำรงหน้าเสียที่ถูกอดีตคนรักต่อว่า เลยโบ้ยไปให้ร้อยดาวตัดสินว่ายังอยากหมั้นกับสิบทิศหรือไม่
หญิงสาวจากเมืองผู้ดีอึกอักจนว่าที่คู่หมั้นหนุ่มใจไม่ดี และแย่งพูดขึ้นมาทันควันเพราะกลัวร้อยดาวจะเปลี่ยนใจ
“เรื่องงานหมั้น...ขอยืนยันตามฤกษ์เดิมที่กำหนดไว้ แขกเหรื่อจะมีเพียงญาติสนิทมิตรสหายของทั้งสองฝ่าย คัดเลือกเฉพาะที่แน่นแฟ้นและใกล้ชิด จะได้ไม่เอิกเกริกจนเกินควร ส่วนเรื่องงานแต่งจะจัดขึ้นเมื่อไหร่ ค่อยหารืออีกครั้งเมื่อทุกอย่างพร้อมก็แล้วกัน...ใช่ไหมร้อยดาว”
ร้อยดาวถึงกับอึ้งเพราะไม่รู้ตัวว่าไปตกลงกับเขาตอนไหน แต่สิบทิศก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยืนกรานตามหมาย กำหนดการเดิมจนทุกคนค้านไม่ออก รัตนากรมองไปที่ร้อยดาวด้วยความเอ็นดู ดำรงถอนใจเบาๆแต่ไม่มีปากเสียง ส่วนสามสะใภ้พยายามข่มอารมณ์แค้นสุดความสามารถ... อย่าหวังว่าจะได้ดีง่ายๆเลยนังร้อยดาว!
กว่าว่าที่คู่หมั้นคู่ใหม่จะได้ปรับความเข้าใจก็เย็นย่ำ สิบทิศเอาอกเอาใจและดูแลร้อยดาวอย่างดีเพื่อไถ่โทษ แต่ยังไม่กล้าบอกความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ได้แต่บอกว่าไม่อยากทำให้ความสัมพันธ์ของบดินทร์ธรกับเวฬุมาศที่กำลังจะดีขึ้นต้องหม่นหมอง ร้อยดาวไม่อยากจะเชื่อและสวนว่าเขาอาจจะต้องฝืนใจ สิบทิศเลยต้องอธิบาย
“มีอีกเรื่องที่เธอควรจะรู้เกี่ยวกับฉัน...ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีใครบังคับคนอย่างฉันได้”
ร้อยดาวพูดไม่ออก แอบปลื้มใจว่าเขาคงเต็มใจหมั้นกับเธอ แต่เมื่อถูกเขาย้อนถามความรู้สึกเธอบ้างว่าคิดอย่างไรกับงานหมั้น เธอกลับอ้อมๆแอ้มๆว่ายินดีทำทุกอย่างให้ความสัมพันธ์ของสองตระกูลกลับมาดีอย่างเดิม ราชนิกุลหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่...แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอคงมีใจกับเขาบ้าง
ooooooo
ในขณะที่ความสัมพันธ์ของร้อยดาวกับสิบทิศค่อยๆพัฒนา แต่ดารกากลับจมกับภาพเลวร้ายในอดีต ทั้งเรื่องปมฝังใจว่าไม่มีใครรักและเหตุการณ์สยอง เมื่อหลายคืนก่อนที่เธอฆ่าพ่อตัวเอง ส่วนดาหลาใจไม่ดี เมื่อเห็นปรมัตถ์เก็บกระเป๋ากลับบ้านเพราะทนเห็นร้อยดาวใกล้ชิดกับสิบทิศไม่ได้ เธอพยายามรั้งไว้จนเขาคิดว่าเธอกลัว
“ค่ะ...ดิฉันยอมรับว่ากลัว กลัวว่าคุณท่านจะเป็นอันตราย กลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆที่ไม่คาดฝันอีก กลัวไปหมดทุกอย่าง อย่าเพิ่งไปจากที่นี่เลยได้ไหมคะคุณปรมัตถ์...ฉันขอร้อง”
“ถ้าคุณไม่ให้ผมไป ผมก็จะไม่ไป ผมจะอยู่ต่อเพื่อปกป้องคนที่นี่”
ฟากสามสะใภ้ถกกันหน้าดำคร่ำเครียดเรื่องร้อยดาวจะหมั้นกับสิบทิศ กลัวต้องเสียชื่อเสียงเพราะหลานสาวแห่งบ้านบดินทร์ธรตาบอด ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะได้เป็นหม่อมของวังเวฬุมาศ จงจิตรพยายามคิดในแง่ดีว่าจะได้มีตัวหารสมบัติของตระกูลน้อยลง
แต่เต็มเดือนกลับไม่คิดเช่นนั้นเพราะไม่ไว้ใจสิบทิศ หัวหมอและรู้มากขนาดนั้นคงต้องทำทุกอย่างเพื่อรักษาสิทธิ์ให้ว่าที่เมียแน่ สะใภ้สองและสามพูดไม่ออก...ถ้าเป็นจริงขึ้นมาจะทำยังไง
ท่าทางแปลกๆของสามสะใภ้ในระยะหลังทำให้ดำรงไม่ไว้ใจ โดยเฉพาะสะใภ้เอกที่ดูจะเป็นคนร้ายลึกกว่าที่คิด ประมุขใหญ่แห่งบ้านบดินทร์ธรเลยตัดสินใจวางแผนกับปรมัตถ์ให้พาทวีปมาจัดการเรื่องพินัยกรรม เต็มเดือนแอบได้ยินจึงพยายามเงี่ยหูฟัง แต่ดำรงเห็นเข้าเสียก่อนจึงผละจากปรมัตถ์และไล่สะใภ้เอกให้ออกจากห้องเพราะมีธุระต้องคุยเป็นการส่วนตัวกับลูกชายทนายเก่าแก่ เต็มเดือนเจ็บใจมากแต่จำต้องข่มใจ...ร้ายนักนะตาแก่หนังเหนียว!
หลังจากนั้นดำรงก็ตัดสินใจทำเรื่องที่คิดมานานแต่ลังเลเพราะความเคลือบแคลงใจ แต่สุดท้ายสำนึกความเป็นปู่ที่ดีก็ทำให้เขาเรียกร้อยดาวมาหาในเช้าวันหนึ่ง จัดแจงมอบเครื่องเพชรเก่าแก่สมบัติประจำตระกูลให้ใส่ในวันหมั้น ร้อยดาวมองไม่เห็นแต่รู้ว่าเป็นของมีค่ามากจึงไม่กล้ารับไว้ ยิ่งรู้ว่าเป็นของที่ร้อยดาวตัวจริงควรได้รับก็ยิ่งไม่สบายใจ
ดำรงนิ่วหน้า แปลกใจที่หลานสาวไม่ตื่นเต้นเท่าที่คิด “ถ้าตาหล่อนมองเห็นเหมือนคนอื่น ฉันเชื่อว่าหล่อนจะไม่ปฏิเสธเลย บรรดาเมียๆของเจ้าปกรณ์เห็นเครื่องเพชรชุดนี้ก็จ้องตาเป็นมัน อยากได้ใคร่มีด้วยกันทั้งนั้น”
“ต่อให้เครื่องเพชรชุดนี้น้ำงามแค่ไหน ดิฉันก็ไม่คู่ควรที่จะเป็นเจ้าของหรอกค่ะ ยิ่งเป็นของคุณย่าใหญ่...”
“หล่อนนี่มันหัวรั้นเหมือนพ่อหล่อนไม่มีผิด ฉันไม่อยากต้องขายขี้หน้าใครๆ เพราะพากันคิดว่า บดินทร์ธรสิ้นไร้ไม้ตอก หลานจะออกเรือนทั้งคนยังจนปัญญาหาถนิมพิมพาภรณ์ให้ใส่ ฉันให้ก็รับไปสิ”
ร้อยดาวยืนยันปฏิเสธจนเขาเริ่มโมโห ยัดเยียดให้รับและอาสาใส่ให้ หญิงสาวจากเมืองผู้ดีไม่มีทางเลือกจำต้องเดินไปหาอย่างเสียไม่ได้ ประมุขใหญ่แห่งบ้านบดินทร์ธรแอบปลื้มแทนปกรณ์ที่ลูกสาวจะเป็นฝั่งเป็นฝา แต่เขากลับต้องอึ้งเมื่อเห็นปานแดงบนหลังคอเธอ แต่ไม่อยากทำให้สงสัยจึงเก็บสร้อยลงกล่องยื่นให้ดื้อๆ และตะโกนเรียกนมแสงให้พาร้อยดาวออกไป เขามองตามหลังหลานสาวจนลับตา...หล่อนเป็นใครกันแน่!
เต็มเดือนแอบเห็นร้อยดาวถือกล่องเครื่องเพชรออกจากห้องดำรงก็อดอิจฉาไม่ได้ มั่นใจมากว่าพ่อผัวจะยกสมบัติพัสถานให้ร้อยดาว สะใภ้เอกไม่รอช้า ตัดสินใจลอบเข้าไปค้นหาพินัยกรรมในห้องดำรง ตาวาวด้วยความดีใจเมื่อเห็นซองน้ำตาลบรรจุเอกสารพินัยกรรมระบุว่าจะมอบสมบัติและบ้านหลังนี้ให้เป็นของเธอ ดำรงเฝ้ารออยู่แล้วและแกล้งออกไปทัก สะใภ้เอกจึงรีบเก็บเอกสารพัลวันและขอตัวจากไปดื้อๆ เขามองตามเธอ...นึกว่าฉันรู้ไม่ทันหล่อนหรือไง
แต่ถึงกระนั้นเต็มเดือนก็ไม่พอใจแค่นั้น เมื่อได้เห็นสร้อยเพชรที่ดำรงมอบให้ร้อยดาวเต็มตาตอนที่ไปป้อนข้าวก็ถึงกับกำหมัดแน่น แค้นใจพ่อผัวหนังเหนียวที่ยกข้าวของมีค่าให้หลานนอกไส้อย่างนังร้อยดาว
“ในเมื่อสมบัติพัสถานในบดินทร์ธรเป็นของฉัน เครื่องเพชรชุดนั้นก็ต้องเป็นของฉัน คุณพ่อไม่มีสิทธิ์ยกให้คนอื่น”
ดำรงเก็บความสงสัยในตัวร้อยดาวไปคิดจนดึกดื่น แต่ยังคิดไม่ออกว่าหลานสาวคนนี้เป็นใครกันแน่และต้องการอะไรจากบดินทร์ธร ส่วนเมดาในคราบร้อยดาวก็นอนไม่หลับเพราะเครียดเรื่องสิบทิศ อดน้อยใจลึกๆ
ไม่ได้ว่าเขาจำใจหมั้นเพราะหน้าที่ ไม่ได้รู้สึกกับเธอมากไปกว่านั้น ดาหลาเข้ามาดูแลเหมือนเคย เห็นคุณหนูคนเล็กของบ้านนอนไม่หลับเลยเสนอให้แผ่เมตตาเพื่อคลายใจว้าวุ่นให้สงบ ร้อยดาวไม่เข้าใจ พยาบาลสาวจึงอธิบายเสียงอ่อน
“การแผ่เมตตาคือการตั้งจิตปรารถนาให้ผู้อื่นหรือสรรพสัตว์ทั้งหลายมีความสุข พ้นความทุกข์ทั้งปวง การปรารถนาดีต่อผู้อื่น ทำให้จิตใจของเราเปี่ยมสุขไปด้วย รู้สึกเยือกเย็นสบายเป็นปกติ ไม่ฟุ้งซ่านทั้งยามหลับและตื่น”
“ตอนอยู่อังกฤษ คุณแม่จันทร์ฉายเคยสอนให้สวดเสมอ แต่ก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ทำไมเธอรู้เรื่องนี้ดีจัง”
ดาหลายิ้มบางๆ บอกว่าอ่านหนังสือธรรมะให้ดำรงฟังบ่อย ร้อยดาวสบายใจขึ้นและตัดสินใจเข้านอน แต่ต้องสะดุ้งกลางดึกเมื่อผีเวียงแก้วโผล่มาหา หญิงสาวจากเมืองผู้ดีนึกถึงคำดาหลา ลุกมาคุกเข่าเพื่อสวดแผ่เมตตาแต่เหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อเธอได้กลิ่นเหม็นเน่าชวนคลื่นไส้ใกล้ๆ ผีเวียงแก้วยิ้มร้าย ไม่สะทกสะท้านกับบทสวดของลูกสาวเลย
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น อุตส่าห์ดิ้นรนขอร้องให้ปู่แกเอาศพฉันไปเผา นึกหรือว่าจะขับไล่ไสส่งวิญญาณฉันได้”
ร้อยดาวจะอธิบายว่าทำทุกอย่างให้ดวงวิญญาณของแม่ไปสู่สุคติ แต่ผีเวียงแก้วไม่ฟัง ถลันไปบีบคออีกต่างหาก ร้อยดาวดิ้นรนเอาตัวรอด แต่เหมือนผีร้ายจะไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ขู่เสียงเข้ม
“ฉันแค่จะมาเตือนแก อย่ามาแส่เรื่องฉันอีก ความแค้นของฉัน หากยังไม่ได้สะสาง ชาตินี้คงตายตาไม่หลับ”
ร้อยดาวหน้าเสีย นึกรู้ว่าแม่จะแก้แค้นสามสะใภ้ เธอพยายามห้ามแต่ผีเวียงแก้วกลับไม่แยแสแถมเยาะหยัน
“ถ้าลูกขอ แม่ก็จะให้ ถือว่าเป็นของรับขวัญวันหมั้นของแกกับคุณชายแห่งเวฬุมาศก็แล้วกัน ฉันจะยังไม่ทำอะไรพวกมันสามคนตอนนี้ แต่กับไอ้อีคนอื่น ฉันไม่รับปาก!”
ooooooo
และแล้ววันหมั้นของสิบทิศกับร้อยดาวก็มาถึง วีระวิทย์ตื่นมาเตรียมตัวแต่เช้า โดยมีกระถินคอยดูแลด้วยความเต็มใจ ทายาทหนุ่มคนเดียวของบดินทร์ธร มองเห็นแขกเหรื่อมากมายมาร่วมงาน พลันฉุกคิดว่าอยากมีชีวิตดีๆแบบนี้บ้างถึงกับเปรยกับกระถินว่าอิจฉาร้อยดาวและอยากจะมีคู่ชีวิตดูแลจนแก่เฒ่า
“ที่ผ่านมาฉันรู้ว่าทำตัวไม่ดี ตอนนี้ได้เป็นพ่อคนแล้ว ฉันสัญญาจะกลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่เพื่อลูกของเรา ฉันจะตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบ หางานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง แล้วก็ขอปู่แต่งงานกับเธอ”
กระถินปลื้มใจมาก ทวีความรักและห่วงใยในตัวเจ้านายหนุ่มมากขึ้น สร้อยฟ้ามาตามลูกชายไปร่วมงาน กระถินจึงต้องผละไปรอข้างนอก สองแม่ลูกจึงได้พูดกันเรื่องดาราเรศว่าหายหน้าไปหลายวันแล้ว วีระวิทย์คิดนิดเดียวแล้วบอกว่าน้องสาวคงยังทำใจไม่ได้เพราะหลงรักสิบทิศมานาน...เดี๋ยวทำใจได้คงกลับมาเองแหละแม่
ฝ่ายดารกาแต่งตัวในห้องส่วนตัวด้วยท่าทางเซื่องซึม ภาพความทรงจำตอนถูกปรมัตถ์ปฏิเสธลอยวนเวียนในหัว รวมถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่ปั้นต้องตายเพราะมือเธอ ลูกสาวคนเดียวของสะใภ้สองร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจ ทึ้งผมเผ้ากระเซอะกระเซิงราวกับคนบ้า จงจิตรเข้ามาเห็นและกอดปลอบด้วยความสงสาร พยายามบอกให้ทำใจเพราะไม่มีใครกลับไปแก้ไขอดีตได้...อะไรที่มันผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะลูก!
พิธีเริ่มขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น น่านฟ้าเดินทางมาถึงพร้อมมาร์คที่ทำหน้ามุ่ยเหมือนไม่ค่อยเต็มใจมาร่วมงาน เพราะหลงรักเพื่อนสาวมานาน ราชนิกุลสาวกล่อมให้ทำใจอยู่นาน อ้างว่าสิบทิศกับร้อยดาวเต็มใจหมั้นกันเพื่อความสัมพันธ์อันดีของสองตระกูล รัตนากรมาถึงพร้อมสิบทิศ เฝ้ารอด้วยใจจดจ่อ อยากให้หลานชายมีคู่หมั้นคู่หมายเต็มแก่ ส่วนดำรงไม่แสดงท่าทีใดๆ เพราะสงสัยในตัวร้อยดาวว่าเป็นใครกันแน่และต้องการอะไรจากบดินทร์ธร
เมดาในคราบร้อยดาวสวยสง่าในชุดไทยจักรี หญิงสาวยังตาบอดจึงไม่รู้ว่าตัวเองสวยงามจนกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนในงาน โดยเฉพาะสิบทิศที่ถึงกับตาค้าง ประทับใจในความสวยน่ารักจนมิอาจถอนสายตาไปไหน เขาบรรจงสวมแหวนหมั้นให้เธอและไหว้รับพรจากผู้ใหญ่ สามสะใภ้มองมาด้วยแววตาหมั่นไส้ โดยเฉพาะสร้อยฟ้า
“วาสนาอีบอดแท้ๆ สัญชาติกาแต่อุตส่าห์ได้ร่วมวงศ์หงส์ วันไหนพลัดตกลงมาจะกระทืบให้จมดินเชียว”
“พูดจาให้สมเป็นสะใภ้บ้านบดินทร์ธรหน่อยแม่สร้อยฟ้า อย่าเอานิสัยเดิมที่สำเพ็งมาใช้” เต็มเดือนเอ็ด
จงจิตรผสมโรงแขวะ สร้อยฟ้าเลยหันขวับจะเอาเรื่อง แต่ต้องตาโตเมื่อเห็นหน้าจงจิตรเป็นผีเวียงแก้ว สะใภ้สามโวยลั่นตามประสาวัวสันหลังหวะ ปราดไปตบจงจิตรจนทุกคนแตกตื่น ดำรงโมโหต้องกระแทกไม้เท้าเสียงดังให้ทั้งสองแยกจากกัน รัตนากรรีบประกาศให้สิบทิศหอมรับขวัญร้อยดาวเพื่อกลบเกลื่อน ท่าทีเขินๆของคู่หมั้นคู่ใหม่ทำให้เรื่องอับอายขายขี้หน้าของสองสะใภ้เบาบางลง แต่ถึงกระนั้น...สร้อยฟ้าก็ไม่พอใจ ผละออกไปอย่างเสียไม่ได้
เต็มเดือนกับจงจิตรตามไปคุยกับสร้อยฟ้าด้านนอก เพราะแปลกใจท่าทีเหมือนเจอดีบางอย่าง สะใภ้สามยืนยันหน้าเครียดว่าเห็นจงจิตรเป็นผีเวียงแก้ว เต็มเดือนสุดจะทน ประกาศกร้าวห้ามทุกคนพูดชื่อนี้ให้ได้ยินอีกเป็นอันขาด!
หลังช่วงพิธีการ...น่านฟ้าถือโอกาสพามาร์คไปแสดงความยินดี สิบทิศเห็นท่าทางเฉยชาและสายตากวนประสาทของลูกชายทูตใหญ่แล้วต้องถอนใจยาว เมื่อได้อยู่ตามลำพังกับคู่หมั้นหมาดๆจึงถือโอกาสบ่นว่ามาร์คคงไม่ชอบใจนัก ร้อยดาวไม่คิดมาก รู้จักนิสัยเพื่อนชายดีว่าคงเป็นห่วงเธอตามประสาที่คบกันมานาน
“มาร์คเป็นเพื่อนสนิทของดิฉันตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลที่อังกฤษ เป็นคนที่ดิฉันมั่นใจว่าจะอยู่เคียงข้างเสมอ ไม่มีวันทอดทิ้งกัน คอยหยอกล้อเล่นหัวในยามสุข และกอดคอร้องไห้ในยามเศร้า”
สิบทิศเข้าใจว่าร้อยดาวมีใจกับมาร์ค อดประชดไม่ได้ “หมดหน้าที่เมื่อไหร่ ฉันจะรีบคืนอิสระให้เธอทันที”
ooooooo
สิบทิศน้อยใจจนต้องหนีไปสงบสติอารมณ์ตามลำพัง ปรมัตถ์ถือโอกาสไปแสดงความยินดีตามประสาผู้แพ้ที่ดี หญิงสาวจากเมืองผู้ดียิ้มรับและอวยพรให้เขาเจอคนรักบ้าง ปรมัตถ์อยากสารภาพใจแทบขาดว่าหลงรักเธอมาตลอดแต่ต้องข่มไว้ ทำให้ร้อยดาวเข้าใจท่าทีอึกอักของเขาว่าน่าจะมีใจกับดาหลา
“คนไม่เอาไหนอย่างผม ไม่มีใครสนใจหรอกครับ ผมเบื่อหน่ายจะวิ่งตามหาความรักแล้ว อยากหยุดเสียที”
“ตอนเด็กๆ ทุกครั้งที่ฉันวิ่งไล่จับผีเสื้อ มันจะยิ่งบินหนีจากเราไป ยิ่งพยายามวิ่งไล่เท่าไหร่เราก็ยิ่งผิดหวังไปเรื่อยๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่เรานั่งลงเงียบๆ ผีเสื้อแสนสวยจะโบยบินมาอยู่รอบตัวเราเสมอ ความรักก็เป็นอย่างนี้แหละ สู้อยู่เฉยๆปล่อยให้ความรักมาหาเราเองดีกว่า”
สองหนุ่มสาวพูดคุยกันอย่างถูกคอ ดารกาแอบดูตลอดทนไม่ไหวและปรี่ไปตบหน้าร้อยดาวฉาดใหญ่
“นังร้อยดาว...แกมันหน้าซื่อใจร่าน สันดานชั่วเหมือนแม่แกไม่มีผิด หมั้นกับคุณชายสิบทิศอยู่หยกๆ ยังระรี้ระริกให้ท่าพี่ปรมัตถ์อีก อีสิ้นคิด สันดานชอบแย่งของรักของคนอื่น”
ปรมัตถ์ถลันไปห้าม ปกป้องร้อยดาวเต็มกำลังไม่ให้ถูกดารกาทำร้าย สิบทิศได้ยินเสียงเอะอะเลยวิ่งมาดูคู่หมั้นสาว เมื่อเห็นอาการคลั่งราวกับคนบ้าของดารกาจึงไปดึงตัวร้อยดาวออก ดารกากรีดร้องไม่ยอมตวาดลั่น
“ดาจะป่าวประกาศให้รู้ทั้งงานว่านังร้อยดาวมันร่านแค่ไหน เสน่ห์มันคงจะเลี่ยมทองสิ ใครๆถึงได้หลงมันนัก”
“พาดารกาไปสงบสติอารมณ์ที่อื่น ก่อนที่ผมจะหมดความอดทน”
สิบทิศพูดกับปรมัตถ์เสียงเรียบแล้วพาร้อยดาวแยกไปอีกทาง ทิ้งปรมัตถ์ให้มองดารกาด้วยความเหนื่อยใจและตัดสินใจพาไปคุยในมุมลับตา ลูกสาวคนเดียวของสะใภ้สองมองชายหนุ่มที่ตัวเองหลงรักด้วยแววตาตัดพ้อ
“ในสายตาพี่ปรมัตถ์ ดาน่ารังเกียจนักหรือ อีนังร้อยดาวมันมีดีอะไรนักหนา พี่ถึงได้หลงเสน่ห์มันนัก”
“เสน่ห์ของคนมันไม่ได้อยู่ที่รูปร่างหน้าตาเสมอไปหรอกนะครับ ผมชอบคุณหนูร้อยดาวที่ความอ่อนโยน อยู่ใกล้แล้วมีความสุข คอยปลอบใจให้หายว้าวุ่น ไม่ใช่คอยสร้างความปั่นป่วน จ้องแต่จะทำลายคนอื่นเหมือนใครบางคน”
“นังร้อยดาวนั่นแหละตัวดี มันคอยจ้องหาโอกาสเล่นงานดาอยู่...ดารู้”
“ความโกรธเกลียดในใจคุณหนูต่างหากที่ทำร้ายตัวเอง ไม่มีใครทำให้เราเจ็บเท่ากับความคิดของตัวเราเอง”
ดารกามีท่าทีอ่อนลง ขอโทษเสียงอ่อนและอ้อนวอนให้เขาแต่งงานกับเธออีกครั้ง แต่ปรมัตถ์ใจแข็งและปฏิเสธเหมือนเคย ดารกาหน้าชา ร้องไห้โฮด้วยความเสียใจสุดขีด...ทำไมชีวิตฉันถึงแย่แบบนี้!
ฟากสิบทิศพาร้อยดาวไปพักที่ห้อง ใช้ผ้าขนหนูประคบเย็นให้หายบวม และถามว่าเธอจะเอาอย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะดารกาควรได้รับบทเรียนบ้างที่กล้าทำร้ายคนอื่น แต่ร้อยดาวกลับไม่สะทกสะท้าน ยิ้มและบอกว่าไม่เป็นไร
“คนอื่นทำร้ายเราได้ครั้งเดียวคือตอนทำ ถ้าไม่ผูกใจเจ็บเดี๋ยวก็หาย ถูกตบซะบ้างเลือดจะได้ไหลเวียนดี”
“มัวนิ่งเป็นพระอิฐพระปูนแบบนี้ ยิ่งยอมดารกาถึงยิ่งได้ใจ”
“คุณแม่จันทร์ฉายสอนให้ฉันรู้จักการให้อภัย เป็นการเอาชนะใจตนเองด้วยความดี หยุดการจองเวร ไม่สานต่อความเคียดแค้นชิงชัง การให้อภัยจึงเหมือนการปลดปล่อยนักโทษออกจากที่คุมขัง และนักโทษผู้นั้นก็คือตัวเรา”
ผีเวียงแก้วเห็นเหตุการณ์ตลอด โมโหมากที่ลูกสาวคนเดียวไม่ผูกใจเจ็บเมื่อถูกคนทำร้าย ฉับพลันนั้น... ผีร้ายจึงตัดสินใจใช้อิทธิฤทธิ์ทำให้ลูกสาวอยู่ในภวังค์และต่อว่าเสียงเข้ม
“จำเอาไว้...มีแต่คนอ่อนแอและพ่ายแพ้เท่านั้นที่จะยอมยกโทษให้ศัตรู”
“คนเข้มแข็งต่างหากล่ะคะที่รู้จักการให้อภัย คนอ่อนแอไม่มีวันจะทำได้”
“แกไม่ใช่ฉัน จะพูดพล่อยๆอย่างไรก็พูดได้ ลองแกมาเป็นฉันสิ ดูซิ...น้ำหน้าอย่างแกจะทนได้สักกี่น้ำ”
ooooooo
เมดาในคราบร้อยดาวมองภาพในอดีตตรงหน้าด้วยความละเหี่ยใจ ผีเวียงแก้วทำให้เห็นบรรยากาศเลวร้ายหลังดำรงตัดสินใจให้เธอออกจากบ้านบดินทร์ธรพร้อมลูกน้อยวัยสองขวบ สามสะใภ้ขับไล่ไสส่ง ต่างจากดำรงที่อดเป็นห่วงหลานสาวไม่ได้เพราะเลี้ยงดูอุ้มชูมาแต่เล็กแต่น้อย สร้อยฟ้าอดแขวะไม่ได้ตามประสาคนปากร้าย
“ดูคุณพ่อจะห่วงเหลือเกินนะคะ...อย่างกับลูก หรือว่านังเวียงแก้วจะไม่ได้ทอดร่างเป็นเมียแค่ไอ้หกคนนั่น...”
“หยุดความคิดอุบาทว์ๆของหล่อนเดี๋ยวนี้นะแม่สร้อยฟ้า มาจากที่ต่ำๆก็อย่าคิดว่าคนอื่นจะทำตัวต่ำเหมือนหล่อน หัดสั่งสอนเมียบ้างนะเจ้าปกรณ์ อย่าปล่อยให้มากำแหงกับฉัน”
ปกรณ์พลอยเคืองไปด้วยและผละไปดื่มเหล้าจนเมามาย ทั้งรักทั้งแค้นเมียคนที่สี่แทบกระอัก ส่วนเวียงแก้วระหกระเหินไปได้ไม่ไกล วิรุฬขับรถผ่านมาจึงรับไปอยู่ด้วยในวัง ความรู้สึกลึกซึ้งที่เคยห่างหายค่อยๆกลับมาใหม่ ราชนิกุลหนุ่มดูแลเวียงแก้วและลูกอย่างดี ไม่ยอมให้กลับเชียงรายอย่างที่เธอตั้งใจจนอาภาทนไม่ไหว ต้องเปรยกับช้อย
“ท่านพี่ไม่เคยลืมผู้หญิงคนนั้นเลย ยามหลับก็ละเมอแต่ชื่อเวียงแก้ว ฉันต้องนอนร้องไห้แทบทุกคืน...ความเย็นชาจากคนที่เรารักมันเจ็บปวดทรมานแค่ไหน ยังไม่สาแก่ใจใช่ไหม ท่านพี่ถึงได้พาผู้หญิงคนนั้นมาย่ำยีหัวใจฉันถึงนี่”
ช้อยโกรธแค้นแทนเจ้านาย จนต้องแอบไปบอกเสงี่ยมเรื่องเวียงแก้วมาอาศัยที่วัง เมื่อสามสะใภ้ทราบก็ไม่แปลกใจเพราะเชื่อว่าวิรุฬยังปักใจรักเวียงแก้วไม่เสื่อมคลาย มีเพียงเต็มเดือนที่ยิ้มร้ายและไปฟ้องปกรณ์ หนุ่มเจ้าสำราญโมโหหึงขึ้นหน้า ปรี่ไปถึงวังเวฬุมาศเพื่อทวงลูกเมียคืน
“กระหม่อมเพิ่งจะมีลูกสาวแค่คนเดียว อย่าทรงแย่งไปเลยนะฝ่าบาท ส่วนอย่างอื่น...กระหม่อมไม่เสียดาย ของเหลือเดน ใครอยากได้ก็เอาไปเถอะ ถือเสียว่าทำทาน”
วิรุฬหมดความอดทน ต่อยหน้าเพื่อนรักเต็มแรงที่ดูถูกเวียงแก้ว แถมประกาศกร้าวตัดขาดมิตรภาพที่เคยมีมานาน ปกรณ์ไม่ยี่หระเพราะพิษรักแรงหึง ตรงไปอุ้มร้อยดาวและกลับบดินทร์ธรทันที เวียงแก้วร้องไห้โฮ ถลาตามติดอยากได้ลูกคืน วิรุฬตามไปขวาง ไม่อยากให้เธอถูกเหยียดหยามราวกับไม่ใช่คนอย่างที่แล้วมา เวียงแก้วหมุนตัวกลับมาและเปรยทั้งน้ำตา ซาบซึ้งในความดีของเขาแต่เธอจำเป็นต้องไป
“ท่านชายทรงประทับอยู่ในใจข้าเจ้าเสมอ แต่ชาตินี้ข้าเจ้าบุญน้อย ได้อยู่กินกับคนที่ข้าเจ้าไม่เคยรัก ในเมื่อฟ้าลิขิตขีดชะตาไว้แล้ว ข้าเจ้าก็จะก้มหน้ารับกรรมต่อไป ชดใช้ให้หมดสิ้นกันแต่ในชาตินี้”
เวียงแก้วพูดจบก็รีบวิ่งกลับไปที่เวียงร้อยดาว ปกรณ์รออยู่แล้วด้วยท่าทีเฉยชา หาว่าเธอหยามหน้าเขาด้วยการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับราชนิกุลหนุ่ม จนถึงกับไปพึ่งใบบุญ เวียงแก้วน้ำตาไหลเป็นทาง เสียใจแต่ทำเป็นไม่ยี่หระ
“ข้าเจ้าไม่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับท่านชาย ไม่แม้แต่จะคิด ที่ข้าเจ้ากลับมาทั้งๆที่ไม่อยากกลับก็เพราะลูก”
“นังเด็กนี่มันลูกชู้คนไหนล่ะ ลูกไพร่กเฬวรากหรือว่าลูกเจ้าลูกนายถึงได้รักมันเหลือเกิน”
“ร้อยดาวเป็นลูกของผู้ชายเห็นแก่ตัวที่สุดเท่าที่ข้าเจ้าเคยพบมา”
น้ำเสียงเย็นชาและหมางเมินของเมียรักทำให้ปกรณ์โกรธจัดจนเกือบพลั้งมือตบ แต่เมื่อเห็นแววตาโศกเศร้าก็ทำไม่ลง ต้องผละจากไปอย่างเสียไม่ได้ แต่เรื่องเลวร้ายของเวียงแก้วกลับไม่จบแค่นั้น เพราะสร้อยฟ้าแอบมาหาเธอกลางดึกพร้อมโยนมีดปลายแหลมให้ปลิดชีพตัวเองล้างอาย แต่เวียงแก้วไม่ยอม สร้อยฟ้าเลยตวาดลั่น
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ตายซะเรื่องก็จบ เมียที่ผัวไม่เอามันแสนจะอับเฉาน่าช้ำใจมากนะรู้ไหม ทนเจ็บแค่เดี๋ยวเดียว หล่อนก็จะได้ไปสบาย จะเอาลูกไปด้วยหรือทิ้งให้ฉันช่วยสงเคราะห์เลี้ยงดูก็ได้ ฉันยินดีเลี้ยงลูกเธอไว้เอาบุญสักคนจะหมดเปลืองเท่าไรกัน อย่างน้อยร้อยดาวก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขคุณพี่อยู่ครึ่งหนึ่ง ฉันไม่ทิ้งหรอก”
อารมณ์ชั่ววูบทำให้เวียงแก้วเกือบทำตาม แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของลูกสาวจึงได้สติ โยนมีดทิ้งและปฏิเสธการฆ่าตัวตายเพราะเป็นห่วงลูก สร้อยฟ้าโมโหมาก ตบหน้าเวียงแก้วอย่างแรงและจากไปไม่เหลียวหลัง!
เมดาในคราบร้อยดาวดึงตัวเองออกจากอดีต หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์สุดระทึก ผีเวียงแก้วปรากฏร่างขาวโพลนให้เห็นและตะเบ็งเสียงถามลูกสาวว่าทนได้ไหมที่ต้องถูกทำร้ายจิตใจขนาดนั้น ร้อยดาวเห็นใจแม่มาก แต่ไม่คิดว่าการล้างแค้นจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น มีแต่จะแผดเผาใจเราให้มอดไหม้ไปด้วย
“ต่อให้ต้องถูกไฟในนรกอเวจีแผดเผา แลกกับการไล่ล่าพวกมันฉันก็ยอม แต่ฉันไม่มีวันปล่อยให้ใครรอดไปได้”
“แล้วเมื่อไหร่การไล่ล่าล้างแค้นของคุณแม่จะสิ้นสุดคะ ศพคุณแม่ก็เผาแล้ว จบเสียทีเถอะนะคะ”
“เผาไปแล้วงั้นหรือ...นังเด็กโง่ มันยังไม่จบง่ายๆ หรอก ฉันเคยเป็นเหยื่อถูกพวกมันกระทำย่ำยีมาทั้งชีวิต คราวนี้ฉันจะเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายล่าพวกมันดูบ้าง ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ มันก็ยุติธรรมดีแล้วไม่ใช่หรือ ร้อยดาวลูกแม่...”
ผีเวียงแก้วหายวับไปแล้ว ร้อยดาวกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด สิบทิศหลุดจากมนต์สะกด ปราดมาหาและอาสาพาเธอไปตรวจที่กรุงเทพฯ ราชนิกุลหนุ่มบอกให้เธอพักผ่อนและไปหาดำรงที่ห้อง ประมุขใหญ่แห่งบ้านบดินทร์ธรเลยได้รู้ความจริงอีกอย่างว่าร้อยดาวไม่ใช่ตัวจริงแต่คือเมดา...ลูกสาวแท้ๆของดิลกกับจันทร์ฉาย!
หลังระบายความคลั่งแค้นใจกับลูกสาว...ผีเวียงแก้วก็ไปข่มขวัญสร้อยฟ้า หลอกหลอนจนทำให้สะใภ้สามใจไม่ดี กลัวลูกทั้งสองจะเป็นอันตรายจากผีร้าย เวลาเดียวกันที่ห้องลับใต้เวียงร้อยดาว...ดาราเรศถูกผีเวียงแก้วทรมานต่างๆนานาจนแทบบ้า ผีร้ายสะใจมากและตัดสินใจไปลักพาตัววีระวิทย์มาอยู่เป็นเพื่อนในคืนเดียวกันนั้นเอง
ooooooo










