ตอนที่ 16
คืนนี้...เหม่ยอิงนัดพบกับเกาเฟยที่ท่าเรือ เขาถามว่าดำเนินงานขึ้นต่อไปได้เลยใช่ไหม
เหม่ยอิงนั่งอยู่ในรถบอกอย่างพอใจว่างานเราสำเร็จไปอีกขั้นแล้ว เพราะลูกค้าที่ออสเตรเลียคอมเพลน มามากมายว่าสินค้าเมดอินไชน่าล็อตนี้ไม่ได้คุณภาพ เกาเฟยเสริมว่าทางยุโรปก็เหมือนกัน
“ใช่...บริษัทกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย” เกาเฟยย่ามใจว่าแผนกำจัดจ้าวซันของเราก้าวหน้าไปเรื่อยๆ “ยัง...ฉันเปลี่ยนใจแล้ว จะทำให้มันสนุกมากไปกว่านี้อีก นี่มันแค่นํ้าจิ้มไก่ธรรมดาๆ แกรอดูจานที่เป็นหูฉลามของฉันแล้วกัน”
“ขนาดนั้นเลยหรือครับ” เกาเฟยถามหวาดๆ
“ความสุขอย่างเดียวที่ฉันจะหาได้ตอนนี้ก็คือ เห็นความหายนะของจ้าวซัน ยิ่งหายนะมากเท่าไหร่ยิ่งดี” เหม่ยอิงจิกตาร้าย แล้วออกจากรถมาถามเกาเฟยว่า “หลักฐานการสั่งซื้อทุกอย่างแกทำลายทิ้งหมดแล้วใช่ไหม”
“เป็นขี้เถ้าหมดแล้วครับ”
“ดี...คราวนี้ก็ไปจัดการทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มันพูดไม่ได้ไปตลอดชีวิต” เกาเฟยถามว่าทุกคนหรือ “ฉันไม่อยากให้เหลือพยานไว้แก้ต่างให้จ้าวซันแม้แต่คนเดียว เรื่องนี้ต้องเป็นความผิดพลาดของจ้าวซันแต่ผู้เดียวเท่านั้น”
เกาเฟยรับคำแข็งขัน เหม่ยอิงหันหน้ามองไปในทะเล พูดอย่างสะใจ
“รับนํ้าจิ้มไก่ไปก่อนนะคะพี่ชายใหญ่ เดี๋ยวจะได้เจอกับชุดใหญ่ของเหม่ยอิง แล้วพี่จะอิ่มจนกินอะไรไม่ลง!”
หารู้ไม่! ไกลออกไป ผู้กองเหลียง อเล็กซ์ หมวดจาง ค่อยๆย่อง...คลานตํ่าเข้ามาหลบอยู่ตามเสาและมุมต่างๆ โดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัวเลย
ooooooo
คืนเดียวกัน เกาเฟยไปหาเต๋อเป่าที่โรงพยาบาลทันที เต๋อเป่าตกใจพอตั้งสติได้ก็แกล้งทำเอ๋อพูดไม่รู้เรื่อง แต่แกล้งทำเป็นหมาเห่าไล่และจะกัด
เกาเฟยจะเข้าไปตบ พอดีพยาบาลเข้ามา เต๋อเป่า ชี้ไปทางเกาเฟยพูดติดๆขัดๆ แต่จับความได้ว่า
“แม่...แม่...กลัว...จะหาพ่อ...ไม่เอาหมา...หมาไป...ออกไป...”
เกาเฟยจะเข้าตบเต๋อเป่าอีก พยาบาลห้ามไว้ถามว่าจะไปถือสาเขาได้ยังไง เกาเฟยโมโหเดินออกไป พยาบาลเอาอาหารมาให้เต๋อเป่าถามว่ากินเองได้แล้วใช่ไหม เต๋อเป่าพยักหน้าแล้วลงมือกินเองเก้ๆกังๆ
ผู้กองเหลียงกับอเล็กซ์ที่ตามเกาเฟยมา เข้าไปบอกเต๋อเป่าว่ามันยังคอยเฝ้าจับตาอยู่ไม่ปล่อย
“ก็บอกแล้ว...มาเกือบทุกวันไม่เป็นเวลาด้วย”
อเล็กซ์ยํ้าว่าเราต้องระวังมากกว่านี้ ผู้กองถามเต๋อเป่าว่าไม่มีญาติบ้างเลยหรือ จะได้ให้มารับกลับไปเสีย
เต๋อเป่าทำหน้าคิดแบบเอ๋อๆอย่างติดพัน อเล็กซ์หงุดหงิดเสียงดังใส่ว่า
“เฮ้ย...เลิกทำเป็นเอ๋อได้แล้ว...ซีเรียสเว้ย”
อเล็กซ์กับผู้กองเหลียงต่างกดโทรศัพท์หาจ้าวซัน อย่างร้อนใจ แต่โทร.ไม่ติด อเล็กซ์แปลกใจว่าติดต่อจ้าวซันไม่ได้เป็นอาทิตย์แล้ว
“คุณชายจะปลอดภัยดีหรือเปล่าไม่รู้...” เต๋อเป่าเป็นห่วง
ooooooo
ศิขรนโรดมเดินเคียงคู่มากับมิถิลาไปยังตำหนักที่พักของจ้าวซัน ปรารภอย่างมีความสุขว่า
“อยากเห็นพระพักตร์ของเจ้าพี่ตอนที่ได้ยินเราบอกว่าเราจะแต่งงาน เจ้าพี่ต้องทรงดีใจกับพวกเราแน่ๆ”
ไปถึงหน้าตำหนัก เจอแม่นม ศิขรนโรดมบอกว่า มาหาเจ้าพี่จะเชิญไปเป็นประธานในงานอภิเษกของตนกับมิถิลาพลางรีบเข้าไปอย่างตื่นเต้น แม่นมรีบตามไปบอกว่าไม่อยู่แล้ว ข้าวของส่วนพระองค์ก็ไม่อยู่ด้วย
ศิขรนโรดมตกใจรีบไปที่บ้านครูเฒ่า ครูเฒ่าบอกว่ากำลังจะไปเข้าเฝ้าอยู่พอดี พลางยื่นจดหมายของจ้าวซันให้ดู
“องค์ชายน่านปิงเสด็จกลับไปฮ่องกงแล้วพะย่ะค่ะ”
“ทำไมพระครูไม่ห้ามไว้ เสด็จไปนานหรือยัง” ครูเฒ่าบอกว่าครึ่งชั่งโมงที่แล้ว “ยังตามทัน ไปทางแม่น้ำเวียงสายใช่ไหม อสุนีเอาม้ามาเร็ว”
อสุนีอิดออด ศิขรนโรดมร้อนใจเร่งให้รีบไป ครูเฒ่าติงว่าองค์ชายน่านปิงคงมีธุระสำคัญที่ต้องไปทำจริงๆก็ได้
“ธุระอะไร...ในนี้ก็ไม่ยอมบอก ได้แต่บอกว่ากราบบังคมลา ด้วยภารกิจส่วนตัว เจ้าพี่มีอะไรส่วนพระองค์ที่ไม่ยอมบอกน้อง”
“ฝ่าบาทพระทัยเย็นก่อน ที่พระครูท่านพูดก็มีเหตุผล หม่อมฉันว่าถ้าองค์ชายทรงเสด็จธุระ คงจะต้องกลับมาที่นี่อีกแน่นอน” มิถิลาเอ่ย
“เราไมคิดอย่างนั้นนะสิ” ศิขรนโรดมเสียใจมาก
เมื่อมาทยาธรและพระเทวีรู้ มาทยาธรปรารภว่าคีรีรัฐคงไม่ดีพอสำหรับเขา หรือไม่สิ่งที่เขากลับไปทำคงสำคัญกว่าราชบัลลังก์ ถามศิขรนโรดมว่า “น่านปิงบอกหรือเปล่าว่าจะเสด็จไปที่ไหน” ปรากฏว่าไม่ได้บอก
“จ้าวซันห่วงธุรกิจของเขาที่ฮ่องกงหรือเปล่าพะย่ะค่ะ” อสุนีเอ่ยขึ้น
“น่านปิงคงชอบที่จะเป็นนักธุรกิจมากกว่าสินะ” พระเทวีเปรยขึ้น ศิขรนโรดมค้านอยู่ในใจหันมองมิถิลากลุ้มๆ
ooooooo
จ้าวซันกับบราลีมาพักที่ชายทะเลประเทศไทย ทั้งสองรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุขที่ได้เป็นตัวเอง เป็นจ้าวซันและบราลี
จ้าวซันบอกว่าจะพักผ่อนที่นี่สักสองสามวันแล้วค่อยกลับไปทำงาน บราลีถามว่าไม่ห่วงน้องชายศิขรแล้วหรือ
“ห่วง...แต่อยู่ห่างๆ ก็ได้”
บราลีบอกว่ามีคนเสียใจมากเหมือนกันที่เจ้าพี่ ไม่ยอมขึ้นเป็นเจ้าหลวง จ้าวซันบอกว่ามีคนเสียใจถ้า ศิขรนโรดมไม่ได้เป็นเหมือนกัน บราลีถามอีกว่า “แล้วถ้ามีใครบอกว่า ยินดีสละชีวิตเพื่อให้เจ้าพี่กลับไปเป็นเจ้าหลวง?”
“พอเถอะ ถ้าจะเป็นเหตุผลให้ใครต้องทำให้ใครเสียชีวิต เลือดเนื้อเพราะพี่อีกแม้แต่คนเดียว พี่ขอหายสาบสูญไปในทะเลดีกว่า ถ้าจะให้ดี เราก็เป็นจ้าวซันกับบรีธรรมดาๆ ดีไหม”
บราลีภาวนาขออย่าให้มีอะไรมาทำลายวันพักผ่อนของเจ้าพี่เลย แล้วทั้งสองก็หยอกล้อกันอย่างร่าเริงผ่อนคลาย
ภูสินทรผิดหวังที่จ้าวซันไม่รับเป็นเจ้าหลวงและไม่เห็นด้วยกับการจากมาของจ้าวซัน แต่สุริยะกลับเห็นว่า
“หากองค์ชายทำอะไรแล้วทรงพระสำราญ เราก็ควรจะ...สุดแล้วแต่พระองค์”
ระหว่างนั้น โทรศัพท์ของจ้าวซันดังขึ้น ภูสินทรจะเอาไปให้จ้าวซัน สุริยะแย่งโทรศัพท์ไปท้วงติงว่าอย่าเพิ่งไปรบกวนเลย ภูสินทรเกรงจะมีเรื่องด่วนเรื่องสำคัญ เลยยื้อแย่งโทรศัพท์กันอยู่ข้างหม้อข้าวต้มที่คำฝายกำลังทำต้มอยู่ โทรศัพท์หลุดมือตกลงไปในหม้อข้าวต้ม ทั้งสามมองหน้ากันตะลึง!
ooooooo
ที่บ้านสี่ฤดู...ขณะเหม่ยอิงกำลังจะกินอาหารหรูที่เอาออกจากไมโครเวฟนั้น อากงเข้ามาบอกอย่างตื่นตกใจว่าไฟไหม้ที่สื้อฉวน ตอนนี้ยังดับไม่ได้
ผิงอันตกใจมาก แต่เหม่ยอิงยังคงนั่งกินอาหารสบายใจ ผิงอันถามว่าทำไมไม่เดือนร้อนเลย
“เดือนร้อนทำไม มันไม่ได้มาไหม้อยู่บนหัวฉันนี่ เดือดร้อนไปแล้วไฟมันจะดับไหม เราทำประกันไว้ดีแล้วไม่เห็นจะต้องไปกังวลเลย ไหม้แค่ไหนประกันจ่ายแค่นั้น เผลอๆเราจะกำไรเสียอีก”
“ไม่นึกว่าคำพูดเหล่านี้จะหลุดออกมาจากปากของพี่ พี่ไม่ได้รักบริษัทเราเลย พี่รักแต่เงินของบริษัท” ผิงอันพูดอย่างผิดหวัง แล้วหาทางที่จะติดต่อจ้าวซัน เมื่อไม่มีใครติดต่อได้จึงคิดจะอีเมล์ไปที่วังคีรีรัฐเผื่อองค์ชายจะอยู่ที่นั่น อากงติงว่าจะดีหรือ แล้วช่วยกันหาสมุดโทรศัพท์ของจ้าวซันเผื่อมีเบอร์ของคนที่จะติดต่อไปถึงจ้าวซันกับบราลีได้แต่ก็หาสมุดไม่เจอ
จนกระทั่งมาเจอเหม่ยอิงที่กำลังโทร.หาจ้าวซันเช่นกันแต่ไม่ติด ผิงอันเห็นสมุดโทรศัพท์ของจ้าวซันอยู่ที่เหม่ยอิง เดินไปหยิบดู เหม่ยอิงพูดเยาะว่า
“เธอก็ลองหาทางติดต่อดูสิ เฮอะ...เพราะกว่าคุณชายจ้าวซันจะรู้ ทุกอย่างที่เขารักมันก็กลายเป็นอากาศไปหมดแล้ว”
ระหว่างจ้าวซันผ่อนคลายอยู่กับบราลีที่ริมทะเลนั้น จู่ๆก็เกิดคิดถึงฮ่องกง ผิงอัน และบริษัทขึ้นมา บอกบราลีว่าจะโทรศัพท์ไปหาผิงอันหน่อย
พอจ้าวซันเดินกลับไปที่พัก ทั้งภูสินทร สุริยะ และ คำฝาย ต่างตกใจไม่รู้จะบอกเรื่องโทรศัพท์ตกในหม้อ ข้าวต้มอย่างไร ต่างเกี่ยงกันวุ่นวายว่าใครจะเป็นคนบอก จ้าวซันถามว่ามีอะไรกันหรือ สุริยะเลยจำต้องบอกว่า
“คือ...คุณเมืองเทพคนนี้เขาทำโทรศัพท์มือถือของคุณชายตกลงในหม้อข้าวต้มครับ”
ภูสินทรร้องเฮ้ย! ที่ถูกโยนความผิดให้ จ้าวซันไม่สนใจ ถามว่าแล้วโทรศัพท์ใช้ได้ไหม สุริยะบอกว่าตนพยายามเช็ดแล้วแต่...
โชคดีที่พนักงานโรงแรมสามารถโอนข้อมูลของเครื่องนั้นมาที่เครื่องของสุริยะที่ให้จ้าวซันใช้อยู่ได้ ส่วนเบอร์โทรศัพท์ที่โทร.เข้าและข้อความที่เราไม่ได้รับก็ให้เขาแฟกซ์มาที่โรงแรม
ปรากฏว่ามีมิสคอลเข้ามาเป็นพันครั้งแต่เป็นเบอร์ซ้ำๆกัน ความไม่ปกตินี้ทำให้จ้าวซันกังวลมาก
เป็นเวลาที่พวกผู้กองเหลียงสะกดรอยตามเหม่ยอิงและเกาเฟยที่นัดพบกันที่ท่าเรือ แต่ทั้งสองรู้ตัวจึงพากันหนีไป ผู้กองเหลียงพยายามโทร.หาจ้าวซันอีก คราวนี้โทร.ติดผู้กองรีบพูด...
“คุณชายจ้าวซัน รีบกลับมาฮ่องกงด่วนเลยครับ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี”
ได้รับโทรศัพท์จากผู้กองเหลียงแล้ว จ้าวซันกลับไปบอกบราลีว่าตนต้องกลับฮ่องกงเดี๋ยวนี้แล้ว ให้เธอรออยู่ที่นี่กับภูสินทรและคำฝาย ตนไปแค่วันเดียว พรุ่งนี้ก็จะกลับ บราลีนิ่งเหมือนยอมรับสภาพ แต่พอจ้าวซันออกเดินทางเท่านั้นเธอก็ลากกระเป๋าตามไป
“ถ้าคุณเป็นอะไรไป องค์ชายจะว่ายังไง” ภูสินทรพยายามทัดทาน
“แล้วถ้าจ้าวซันเป็นอะไรไป ฉันจะทำไง” บราลีย้อนถาม แล้วอ้างคำพูดของจ้าวไทไทว่า “จ้าวไทไทเคยบอกว่าจ้าวซันจะรอดปลอดภัย ถ้าฉันอยู่เคียงข้าง แต่ถ้าเขาไปคนเดียว เขาจะโชคร้าย หวังว่าคุณจะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของจ้าวไทไทมาบ้าง”
ภูสินทรอึ้งไปอย่างไม่อาจโต้แย้งเหตุผลของเธอได้...
ooooooo
จ้าวซันโทรศัพท์ถึงผู้กองเหลียงทันทีที่ไปถึงฮ่องกง ถามถึงสภาพที่บริษัทด้วยความเป็นห่วง ถามว่ามีหลายเรื่องใช่ไหม
“ถูกครับหลายเรื่อง จนไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน แต่ทั้งหมดมันก็เกี่ยวข้องกับคุณชาย รีบมาที่ออฟฟิศของผมก่อนก็แล้วกัน เราคงต้องประชุมกันยาว” ผู้กองเหลียงยังบอกว่าเวลานี้เต๋อเป่าฟื้นแล้ว และให้ข้อมูลสำคัญหลายอย่าง รวบรัดว่า “เอาเป็นว่า คุณชายอย่าเพิ่งไปไหน รีบมาที่นี่ก่อน อย่าให้คนอื่นรู้ว่าคุณชายมาถึงแล้ว...ก็แล้วกัน”
แต่พอวางสายจากผู้กองเหลียง เหม่ยอิงก็โทร.เข้ามา เธอทำเสียงดีใจมากที่โทร.ติด รำพึงรำพันความคิดถึงเขาและพรรณนาถึงความยากลำบากของตนที่ต้องแบกรับต้องแก้ปัญหามากมายในบริษัท ต้องหวานอมขมกลืนอยู่คนเดียว
จ้าวซันสะเทือนใจ สงสารน้อง พอเหม่ยอิงถามว่าเมื่อไรจะกลับ เขาเผลอบอกว่า “พี่อยู่ฮ่องกงแล้ว”
“จริงหรือคะ พี่คะ...พระเจ้าช่วยน้องแล้ว พี่จะมาที่ออฟฟิศได้ไหมคะ ด่วนมากๆเลยค่ะ”
“ด่วนมากหรือ พี่ไปธุระที่อื่นก่อนได้ไหม แล้วบ่ายๆเราค่อย...”
“บ่ายๆเหรอคะ” นํ้าเสียงเธอเปลี่ยนทันที “มีธุระอะไรสำคัญกว่ากิจการของพวกเราอีกเหรอคะ งั้นก็แล้วแต่พี่ก็แล้วกัน น้องทนได้ น้องทนเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างคนเดียวได้มาตั้งนานแล้ว ทนอีกวันทำไมจะทนไม่ได้”
เหม่ยอิงมารยาดราม่าเสียจนจ้าวซันใจอ่อน สั่งคนขับรถให้ไปส่งตนที่ฉินเย่ว์กรุ๊ปแทน
ooooooo
ที่โรงพยาบาล...เต๋อเป่าคุยกับอาหลี่อย่างสบายใจว่าจ้าวซันมาตนก็จะได้กลับบ้านเสียที
เสียงเคาะประตูทำให้ทั้งคู่ผละจากกัน เต๋อเป่ารีบล้มตัวลงนอนทำตาลอยหน้าเอ๋อ ปรากฏว่าหมวดจางเปิดประตูเข้ามาตามด้วยบราลี เต๋อเป่าเด้งขึ้นมาด้วยความดีใจ บราลีโผเข้าจับมือเขย่าดีใจมากที่เต๋อเป่าหายป่วยแล้ว
เต๋อเป่าถามถึงจ้าวซัน บราลีจึงรู้ว่าจ้าวซันไม่อยู่ที่นี่ หมวดจางบอกว่าจ้าวซันอาจไปที่ออฟฟิศผู้กองเหลียงก่อน ดูเหมือนทั้งสองจะนัดกันไว้ พูดไม่ทันขาดคำหมวดจางก็ได้รับโทรศัพท์จากผู้กองเหลียงบอกว่าจ้าวซันเลื่อนนัดไปเป็นตอนบ่าย เพราะจะไปที่ออฟฟิศก่อน
เต๋อเป่าตกใจมากอุทาน “หรือ...ไปหานางปิศาจ”
“ท่าจะไม่ดีแล้ว ทำไมผู้กองไม่บอกคุณชายว่านางนั่นแหละตัวการ!” อาหลี่ถามหมวดจาง
หมวดจางคาดว่า ผู้กองคงบอกแล้วแต่จ้าวซันก็ยังจะไปกระมัง บราลีตกใจมากถามว่านางปิศาจหมายถึงเหม่ยอิงใช่ไหม เต๋อเป่าบอกว่า “มันฆ่าคุณชายได้เลยนะ” ทำเอาทุกคนอึ้งไปหมด
บราลีรีบโทร.หาจ้าวซันทันที พยายามทักท้วงทัดทานห้ามเขาไปเจอยัยปิศาจเด็ดขาด จ้าวซันไม่ได้สนใจเรื่องที่เธอพูด แต่กลับถามว่าเธอโทร.จากไหนบอกมาเดี๋ยวนี้ พอรู้ว่าบราลีอยู่ที่ฮ่องกงแล้ว จ้าวซันโมโหมาก ทั้งดุตัวเธอและตำหนิภูสินทรที่ปล่อยเธอมา
“ไม่มีใครห้ามน้องได้ แต่เจ้าพี่นั่นแหละ ที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ยัยเหม่ยอิงเขาฆ่าพี่ได้ เขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง ตอนนี้เขายึดบริษัทพี่ไว้หมดแล้ว น้องขอร้องว่าพี่อย่าไปเจอเขาเลย ถ้าจะไปก็ต้องให้น้องไปด้วย”
“ม่านฟ้า ถ้าเธออยู่ที่นี่ก็กลับไปที่บ้าน ไปอยู่กับอากง อย่าออกมาเที่ยวเกะกะ เหม่ยอิงเขาไม่ทำอะไรพี่หรอก พี่เป็นพี่น้องกับเขา ไม่ว่าเรื่องทุกอย่างมันจะจริงหรือไม่จริง พี่ก็พร้อมที่จะคุยกับเขา”
ไม่ว่าบราลีจะพูดอย่างไร จ้าวซันก็ยืนยันจะไปพบเหม่ยอิง บราลีพูดอย่างทนไม่ไหวก่อนวางสายว่า
“น้องจะไปรับเจ้าพี่ เป็นไงเป็นกัน!”
ooooooo
เหม่ยอิงกับเกาเฟยนั่งอยู่ในห้องทำงานจ้องมอนิเตอร์วงจรปิด จับตาดูการเคลื่อนไหว จนเห็นจ้าวซัน เข้ามาในบริษัท เกาเฟยถามว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป เหม่ยอิงบอกว่าขอดูความประพฤติก่อน
แต่แล้วทั้งคู่ก็แปลกใจที่จู่ๆจ้าวซันก็หยุดและหันเดินกลับออกไป เหม่ยอิงเอะใจว่าหรือมีใครบอกอะไรทำให้เขาเปลี่ยนใจ พริบตานั้นเห็นบราลีวิ่งเข้ามา เหม่ยอิง จิกตาคำราม “บราลี...นั่งนี่นี่เอง!”
จ้าวซันหันไปดุบราลีที่ไม่เชื่อฟังตนบอกว่าเธอเสียนิสัยจนเกินเยียวยาแล้ว คราวนี้ตนโกรธมาก โกรธจริงๆ
“เจ้าพี่...” บราลียกมือไหว้ “น้องกราบล่ะค่ะ อย่าเพิ่งโกรธน้องเลย เจ้าพี่ไปกับเราเถอะค่ะ หลี่รออยู่แล้ว เจ้าพี่จะไปพบผู้กองเหลียงหรือเต๋อเป่าก่อนก็ได้ เจ้าพี่ไปรับทราบรายละเอียดทั้งหมดก่อน แล้วเจ้าพี่ค่อยพบกับคุณจ้าวเหม่ยอิง ก็ยังไม่มีอะไรสายไปหรอกค่ะ”
จ้าวซันอึ้ง มองหน้ากันครู่หนึ่ง บราลีก็จูงมือเขาออกไป
เหม่ยอิงจ้องจอมอนิเตอร์ตาแทบทะลัก พอเห็น จ้าวซันเดินออกไปกับบราลี เหม่ยอิงก็คำราม แค้นจนอกแทบระเบิด
“อีนังจิ้งจอก! พี่ชายเป็นทาสมันหรือไงนะ!”
ooooooo
จ้าวซันพาบราลีกลับไปบ้านสี่ฤดู สั่งให้เธอต้องอยู่ที่นี่จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น บราลีสวนกลับทันทีว่าได้ แต่เขาต้องอยู่ด้วย ทำเอาจ้าวซันเหนื่อยใจมาก
บราลีถามว่าทำไมเขาต้องไปหาเหม่ยอิงทั้งที่นัดผู้กองเหลียงไว้แล้ว ทำไมถึงเชื่อใจเหม่ยอิงนัก ทำไมถึงไม่ฟังที่ตนพูด ตนเตือนบ้าง
“พอแล้ว! เลิกพูดเรื่องนี้สักที ต่อไปพี่จะไม่ยุ่งไม่สนใจอะไรอีกแล้ว อยากทำอะไรทำ อยากไปไหนไป... หลี่เอากุญแจรถมา!”
อาหลี่อึกอัก จ้าวซันกระชากกุญแจรถไปกดรีโมต เปิดประตูขึ้นนั่งที่คนขับ ถอยรถอย่างเร็ว พลันก็ต้องเบรกกึก เมื่อมีรถตำรวจสวนเข้ามาอย่างเร็วเช่นกัน พอรถตำรวจจอด ผู้กองเหลียงและหมวดจางก็ก้าวลงมา ประตูหลังเปิดออก เต๋อเป่าก้าวออกมาช้าๆ ก้มหัวคำนับจ้าวซันยิ้มเย็นๆ จ้าวซันมองเต๋อเป่าตะลึง!
ooooooo
เหม่ยอิงไปที่ห้องคอนโทรล สั่งพนักงานให้หาภาพบราลีเข้ามา ปรากฏว่ามีแต่บราลีจูงมือจ้าวซัน
ออกไปก็ยิ่งเดือดพล่าน กล้องเจ้ากรรมก็เกิดค้างตรง ภาพนั้นพอดี เธอแทบจะคลั่ง ปัดข้าวของบนโต๊ะตกเกลื่อน หวีดร้องคำรามเหมือนเสียสติ
“หน้าด้าน...พาพี่ชายฉันไปกกมาเป็นเดือนแล้วยังไม่หนำใจอีกรึไง คิดจะแย่งจ้าวซันไปจากฉันจริงๆใช่ใหม่ ได้! งั้นก็เตรียมตัวตายได้เลย ฉันจะพาปิศาจอย่างแกกลับไปส่งนรกเอง!!”
เหม่ยอิงวิ่งออกจากห้องไปตาขวาง เห็นใครขวางหน้าก็ด่ากราด กระทั่งเอากาแฟสาดหน้าเอาน้ำร้อนสาดแม่บ้าน พนักงานที่เคราะห์ร้ายบาดเจ็บหนีกันชุลมุน บางคนเคราะห์ร้ายถูกเอาของแข็งขว้างหัวแตกเลือดอาบ เกาเฟยพยายามตามห้ามจนต้องรั้งไว้ ก็ถูกตวาด
“ปล่อยฉัน...ปล่อยฉัน บอกให้ปล่อย แกไอ้ขี้ข้า!”
เกาเฟยตัดสินใจลากเหม่ยอิงออกไป บรรดาพนักงานที่เคราะห์ร้ายพากันมองตามอย่างเคียดแค้น
ooooooo
บราลีถูกบังคับให้ไปอยู่ในห้องที่เธอเคยอยู่ที่บ้านสี่ฤดู เธอทิ้งตัวนอนน้ำตาไหลอย่างอัดอั้น
ครู่หนึ่งผิงอันค่อยๆแง้มประตูเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทะเลาะกับพี่ชายใหญ่ใช่ไหม บราลีบอกว่าเปล่า ผิงอันไม่เชื่อเพราะเห็นแก้มยังเปื้อนน้ำตา ถามว่าแล้วร้องไห้ทำไม
“เจ็บใจ เถียงเขาไม่ทัน” แล้วถามผิงอันว่า ตนเป็นคนน่าเบื่อน่ารำคาญจริงไหม
ผิงอันเดาได้ว่าบราลีมีปัญหาอะไรกับจ้าวซันแน่ บอกว่าอย่าไปคิดมาก แล้วนินทาจ้าวซันว่า
“เวลาใครทำอะไรให้เขาไม่พอใจเขาก็เหมารวมไปหมดแหละว่า น่าเบื่อ น่ารำคาญ แต่จริงๆแล้วเขานึกคำที่อยากจะว่าเราไม่ออกต่างหาก ดูอย่างพี่เหม่ยอิงสิ ทำตัวน่าเบื่อ น่ารำคาญจะตาย พี่ชายใหญ่เคยว่าอะไรไหม ไม่มีสักคำ แต่เขาจะเงียบ ไม่อยากพูดด้วย ถ้าวันไหนพี่ชายใหญ่ไม่อยากพูด ไม่อยากเห็นหน้าพี่บรีละก็...เตรียมใจไว้ได้เลย”
“ทำไม...”
“เลิกกันชัวร์!” ผิงอันยื่นหน้าเข้าไปบอกล้อๆ แล้ววิ่งปรู๊ดไป บราลีเขิน ไล่ตีผิงอันหัวเราะกันคิกคัก
ooooooo
จ้าวซันต้องย้อนกลับขึ้นไปที่ห้องทำงานบ้านสี่ฤดู คุยกับผู้กองเหลียง หมวดจาง และเต๋อเป่าอย่างเคร่งเครียด
หลังจากฟังเต๋อเป่าเล่าแล้ว จ้าวซันถามว่าเรื่องสื้อฉวนโดนปล้นและที่เต๋อเป่าถูกยิงล้วนเป็นฝีมือของเหม่ยอิงหรือ เต๋อเป่าบอกว่ามีเธออยู่เบื้องหลัง ผู้กองเหลียงเสริมว่ายังมีอีกสองสามเรื่องที่ทางตำรวจสงสัยว่าจะเป็นฝีมือเหม่ยอิง
“อย่างเรื่องที่คุณชายประสบอุบัติเหตุตอนจะไปรับเสด็จที่สนามบิน” หมวดจางยกตัวอย่าง ผู้กองเสริมว่า
“หรือที่เสี่ยวจูโดนฆ่าตาย เธอเป็นผู้หญิงที่อันตรายจริงๆ พร้อมจะฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าด้วยเหตุผลเล็กๆแค่นั้น”
จ้าวซันพึมพำอย่างคิดไม่ถึงว่าอะไรทำให้เธออำมหิตได้ขนาดนี้ เต๋อเป่าถามว่าแล้วเราควรจะทำอย่างไรต่อไปดี ผู้กองเหลียงกับหมวดจางเสนอให้อยู่เฉยๆทำตัวปกติ อย่าเพิ่งให้เธอรู้ตัว
“ผมไม่ปล่อยเธอไว้แน่ แต่ขอรอหลักฐานอีกสัก 2-3 ชิ้นเพื่อมัดตัวให้ดิ้นไม่หลุด ไม่อย่างนั้นไปสู้คดีแล้วเธออาจจะหลุดได้” ผู้กองเสนอ จ้าวซันถามว่า เธอต้องติดคุกหรือ? “ห้าสิบปีเป็นอย่างต่ำสำหรับตอนนี้ สูงสุดอาจถึงขึ้นตลอดชีวิต”
คำตอบของผู้กองเหลียงทำให้จ้าวซันคิดหนัก มองรูปเหม่ยอิงในวันรับปริญญาที่อเมริกา วันนั้นเธอยิ้มสดใส เป็นหญิงสาวที่ดูบริสุทธิ์น่ารัก แต่วันนี้! อะไรทำให้เธอเปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้
ooooooo
ที่ตึกบริษัทฉินเย่ว์กรุ๊ป...พนักงานในบริษัทกำลังช่วยกันพาเพื่อนๆที่ได้รับบาดเจ็บไปหาหมอ พนักงานอีกส่วนหนึ่งกำลังเก็บกวาดข้าวของที่เหม่ยอิงขว้างปา
พวกพนักงานที่ได้รับบาดเจ็บต่างพูดถึงเหม่ยอิงอย่างไม่พอใจ บ้างหวาดกลัวไม่กล้าที่จะทำงานกับเจ้านายโรคจิตแบบนี้ แต่แม่บ้านที่ถูกเอาน้ำร้อนสาดกลัวถูกไล่ออกแล้วครอบครัวจะลำบาก
ขณะนั้นเอง เทเรซ่ากับซ่างกวานซิงเดินมากับทนายเตรียมจะฟ้องเหม่ยอิงที่ไล่พวกตนออกอย่างไม่เป็นธรรม บอกพวกพนักงานที่กำลังสวนออกมาว่า จะเอาให้ถึงที่สุดเลย พนักงานหลายคนพูดอย่างสะใจว่ามันต้องอย่างนั้น! ซ่างกวานซิงกล่าวกับพนักงานเหล่านั้นว่า
“พวกเราน่าจะร่วมมือกันนะ ขับไล่อีแม่มดให้ออกไปจากบริษัทเสียที”
“จริงด้วย...เห็นด้วย...” พนักงานที่กำลังเจ็บใจประสานเสียงขานรับ
“ตอนนี้รีบพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า ผมขอเป็นแกนนำจัดการอีแม่มดคนนี้เอง!” เสียงหนึ่งแทรกเข้ามา พนักงานทุกคนหันมองแล้วพากันอึ้ง เพราะเขาคือฉินเจียงหรือคุณชายรอง ไท้เผ่งของฉินเย่ว์กรุ๊ปนั่นเอง!
ooooooo
เกาเฟยลากเหม่ยอิงเข้าไปในห้องกระจกถามว่าทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือเปล่า เหม่ยอิงพูดอย่างผยองว่า รู้ตัวดี อยากทำมากกว่านี้ด้วยซ้ำถ้าไม่ถูกห้ามเสียก่อน
เมื่อฉินเจียงมาเป็นแกนนำพนักงานต่อสู้กับเหม่ยอิง กลุ่มพนักงานพากันร้องตะโกน “ออกไป...ออกไป...ออกไป!” เกาเฟยแอบดูบอกว่าเป็นฉินเจียงกับพนักงาน เหม่ยอิงสั่งให้เกาเฟยเอาปืนมาและโทร.เรียกตำรวจแจ้งว่ามีผู้บุกรุก
เกาเฟยเสนอให้รีบหนีไปก่อนดีกว่าเดี๋ยวเรื่องจะใหญ่โต เหม่ยอิงตะคอกว่าจะกลัวพวกมันทำไมให้มันเป็น เรื่องไปเลย แล้วลุกไปหยิบปืนกระบอกเล็กๆของตนในลิ้นชัก ผลักประตูยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ร้องท้า “มาสิ...มาไล่ฉันสิ”
แต่กลุ่มพนักงานที่มีฉินเจียงเป็นแกนนำยังคงตะโกนขับไล่เหม่ยอิง เกาเฟยตัดสินใจแย่งปืนจากเหม่ยอิงยิงขึ้นฟ้าแล้วแหวกกลุ่มพนักงานพาเหม่ยอิงหนีไป ฉินเจียงไล่ตามไปห่างๆ
เกาเฟยลากเหม่ยอิงหนีไปทางบันไดหนีไฟ เตือนสติว่าพวกนั้นมีคนมากขนาดนี้อย่าเพิ่งไปมีเรื่องด้วยเลย และที่สำคัญฉินเจียงกล้ามาแสดงว่าต้องไปรู้อะไรมาและคงไม่ปล่อยเราไว้แน่ เร่งให้รีบไป แล้วตัวเองก็วิ่งขึ้นข้างบนร้องบอกเหม่ยอิงว่า “คุณรีบไป ผมจะล่อมันเอง”
ฉินเจียงไล่ตามเกาเฟยขึ้นไปบนดาดฟ้า เกาเฟยยิงสกัดจนกระสุนหมด ทั้งคู่สู้กันด้วยมือเปล่า จังหวะหนึ่งเกาเฟยถีบฉินเจียงเสียหลักแล้ววิ่งไปทางประตู เจอพวกเทเรซ่ากับซ่างกวานซิงนำพนักงานขึ้นมาพอดี เกาเฟยชะงักตะโกนด่า
“ไอ้พวกหมาหมู่ ผยองกันใหญ่นะ แต่ก่อนไม่เห็นกล้า แต่พอรู้ว่าจ้าวซันมาเข้าหน่อยทำเป็นเก่งนักถุย!”
นี่เอง ฉินเจียงและทุกคนจึงรู้ว่าจ้าวซันกลับมาแล้ว ต่างมีกำลังใจฮึกเหิม ฉินเจียงเดินเข้าหาเกาเฟย ฝ่ายนั้นเห็นท่าไม่ดีเลยแหวกพนักงานวิ่งหนีไป พนักงานจะตาม ฉินเจียงร้องห้าม “ไม่ต้อง...ปล่อยมัน” แล้วพึมพำกับตัวเอง “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะพี่ใหญ่”
เกาเฟยบ่ายหน้าไปที่โรงพยาบาลหมายเล่นงานเต๋อเป่า ไปถึงจึงรู้ว่าเต๋อเป่าออกจากโรงพยาบาลไปตั้งแต่เช้าแล้ว
ฝ่ายเหม่ยอิงเข้าสปา ไปนอนให้พนักงานนวด ระหว่างนั้นมีโทร.เข้ามือถือ เธอไม่รับบอกพนักงานให้นวดต่อไป จนโทรศัพท์ดังขึ้นอีก เธอให้พนักงานหยิบโทรศัพท์หมายจะปิดเครื่อง จึงเห็นว่าเกาเฟยโทร.มา กดรับ เกาเฟยบอกว่าเต๋อเป่าออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว คิดว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ เพราะพอจ้าวซันมาเต๋อเป่าก็หายออกไปทันที
“หมายความว่าไง” เหม่ยอิงชะงัก “หรือว่า ที่พี่ชายใหญ่ อยากจะมาเจอเราเพราะ...” เกาเฟยฟันธงว่าเต๋อเป่าต้องเล่าอะไรให้จ้าวซันฟังแน่ “อย่าเพิ่งคิดไปเอง แกรีบไปหาข่าวมาเดี๋ยวนี้เลย คืบหน้าอะไรแล้วรีบบอกให้ฉันรู้ด่วน”
สั่งเกาเฟยแล้วเธอนอนให้พนักงานนวดต่อ...
ooooooo
จากการประชุมกันระหว่างจ้าวซัน ผู้กองเหลียง หมวดจาง และเต๋อเป่า ตกลงให้เต๋อเป่าไปช่วยผู้กองหาหลักฐานและพยานบุคคล
จ้าวซันออกมาส่งผู้กอง หมวดและเต๋อเป่า แต่พอจะกลับเข้าบ้าน เขาหันมาบอกผู้กองเหลียงที่กำลังจะขับรถออกไปว่า
“เรื่องของเหม่ยอิง ผมขอเป็นคนเจรจากับเธอก่อน ทางตำรวจอย่าเพิ่งดำเนินการอะไรได้หรือเปล่า...” เห็นผู้กองอึกอัก จ้าวซันตัดบท “ถือว่าผมขอแล้วกัน ยังไงเหม่ยอิงก็เป็นน้องผม”
คำขอนี้ ทำให้ผู้กองหนักใจ...
เมื่อจ้าวซันกลับมาพบเทเรซ่ากับซ่างกวานซิง ต่างดีใจที่ได้เจอกันอีก ระหว่างนั้นฉินเจียงขับรถเข้ามา จ้าวซันกับฉินเจียงมองหน้ากันอยู่นานแล้วโผเข้ากอดกันด้วยความรัก
“ฉินเจียง...ขอบใจ...เธอคงเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้วสินะ...เป็นไงมั่ง”
หลังจากกอดและทักทายกันจนอิ่มใจแล้ว จ้าวซันหันไปทางเทเรซ่าและซ่างกวางซิง เทเรซ่าเสนอให้ประชุม จ้าวซันจึงชวนทุกคนขึ้นไปที่ห้องประชุมประจำตระกูล
จ้าวซันเข้าไปคุกเข่าคำนับรูปบรรพบุรุษ ขอโทษและยอมรับผิดที่ปล่อยปละละเลยพวกน้องๆทุกคนระหว่างนั้นเอง อากงเข้ามาบอกว่า จ้าวไทไทให้มาตาม จ้าวซันจึงลุกตามอากงไป
ooooooo
จ้าวไทไทบอกจ้าวซันว่าอย่าโทษตัวเองเลย ทุกอย่างย่อมมีเหตุผลของมันทั้งนั้น ยกตัวอย่างว่า
“ดูอย่างแม่สิ ต้องรับกรรมอยู่ทุกวันนี้ ต้องอยู่ต้องดู ต้องเห็นทุกอย่าง บางทีมันก็เจ็บปวดและทรมานใจอยู่เหมือนกัน มันมีเหตุผลของมันทั้งนั้น แม่อยากจะตายๆให้พ้นๆโลกนี้ไปสักที แต่พ่อแกสิก็ไม่ยอมเอาแม่ไปอยู่ด้วย” พูดแล้วไทไทก็หันไปอีกทางถามเหมือนเต้อยู่ตรงนั้น “เจอพ่อเขาแล้วใช่ไหม”
จ้าวซันมองไทไทงงๆ ไทไทหัวเราะเสียงดังบอกว่า “คงอีกไม่นานหรอก พ่อแกเขาแค่อยากแกล้งฉันไปอีกสักพักเท่านั้นเอง” แล้วถามถึงบราลีว่าอยู่ไหน จ้าวซันบอกว่าคงอยู่ตึกชิวเทียนกระมัง จ้าวไทไทถามว่าแน่ใจหรือ จ้าวซันก็เปลี่ยนเป็นว่าหรือไม่ก็อยู่ห้องผิงอัน
“แน่ใจ” จ้าวไทไทถามอีก จ้าวซันเริ่มเอะใจ จ้าวไทไทก็พูดว่า “ดูแลเขาไว้ให้ดีๆ อย่าปล่อยผู้หญิงคนนี้ให้ห่างตัว เขาเป็นดาวคุ้มครองเจ้า”
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“อาซัน...เรื่องอื่นลูกจะไม่เชื่อแม่ไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ไม่ได้” จ้าวไทไทจริงจังเสียจนจ้าวซันอึ้ง
ooooooo
บราลีนั่งเศร้าอยู่ที่ห้องผิงอัน ผิงอันชวนทำอะไรก็บอกว่าไม่มีอารมณ์แล้วขอตัวไปนอนอ้างว่าง่วง
ส่วนจ้าวซันออกจากห้องจ้าวไทไทก็เดินตามหาบราลี ระหว่างนั้นคำพูดของจ้าวไทไทยังแว่ววนเวียนเหมือนเตือนให้เขาต้องสำนึกสำเหนียก...
“ลูกหลานตระกูลจ้าวทุกคน ต่างโดนคำสาปให้มีอันเป็นไป ใครจะรุ่งเรืองได้ก็ต้องไปอยู่ที่อื่น มาจากที่อื่น ไม่ใช่บนเกาะนี้ บราลีเขาเกิดวันเดียวกับเต้ ดวงเขาจะมาค้ำจุนบ้านเรา หน้าที่ของเจ้าคือพาเขากลับมาอย่าให้ช้าเกินไป ตระกูลจ้าวไม่เหลือใคร เต้จะได้นอนตายตาหลับ”
จ้าวซันเดินตามหาบราลีอดบ่นไม่ได้ที่เธอไม่อยู่กับที่ จนมาถึงห้องผิงอัน ถามว่าบราลีมาที่นี่ใช่ไหม ผิงอันอึกอัก จ้าวซันบอกว่านอนเสียแค่มาถามดูให้แน่ใจเท่านั้นแล้วเดินกลับไป ผิงอันคิดๆอึดใจแล้วเปิดประตูตะโกนบอก
“พี่บรีเขากลับไปได้สักพักแล้วนะ”
“อะไรนะ...งอนไปอยู่ที่ไหนของเขาอีกนะ” จ้าวซันบ่นแล้วเดินตามหาไปทั่วบ้านอย่างร้อนใจ
ooooooo
คืนนี้ เหม่ยอิงนัดพบกับเกาเฟยที่ร้านกาแฟถามว่ามีใครเจอเต๋อเป่าบ้างไหม เกาเฟยส่ายหน้า บอกว่าตนส่งคนไปค้นทุกที่แล้วทั้งที่บ้าน บ้านญาติ ไม่มีใครเห็นร่องรอยเลย
เหม่ยอิงสั่งเหี้ยมให้หาต่อไปถ้าเจอตัวให้ลากมาหรือไม่ก็เก็บเสีย บ่นว่าเราไม่น่าประมาทเลย เกาเฟยเตือนว่าเรื่องนี้ตนรู้สึกได้กลิ่นไม่ดี ชวนหนีไปอยู่บ้านตนที่เวียดนามกันไหม เหม่ยอิงยิ้มเหยียดบอกว่าเขากลัวก็หนีไปเสีย ตนไม่หนีใคร! ด่าเกาเฟยว่า “แกขี้ขลาดกว่าที่ฉันคิดอีกนะ” แล้วลุกจากร้านไปอย่างไม่แยแส
เกาเฟยมองตามเหม่ยอิงไปทั้งเครียดทั้งกลุ้มๆ
ooooooo
คืนนี้...บ้านสี่ฤดู สว่างไสวไปทุกหลังทุกห้อง คนในบ้านวิ่งพล่านตามหาบราลีไปทุกซอกทุกมุม แต่ไม่มีวี่แววเลย อาม่าถามว่าหรือเธอจะออกไปในเมือง ผิงอันบอกว่าไม่น่าจะไปเพราะดึกแล้วรถก็ไม่มี
“แต่มิสภีมะมนตรีทำได้ครับ” อาหลี่เชื่อเช่นนั้น
“ทุกคนไปนอนเถอะ ปล่อยเขา โตแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำ” จ้าวซันตัดบทหน้าเครียดแล้วจะออกไป ผิงอันร้อนใจเสนอให้เอารถออกตามดีกว่า อาหลี่เห็นด้วยพลางจะไปสตาร์ตรถรอ
“ไม่ต้อง! เขาก็น่าจะรู้ว่าฉันมีปัญหามากขนาดไหน ยังมาทำงอนเป็นเด็กอยู่ได้ ช่างเขา หายงอนก็กลับมาเองแหละ และห้ามใครออกไปตามบราลีกลับมาเป็นอันขาด นี่เป็นคำสั่ง” จ้าวซันเสียงเข้มแล้วเดินหน้าเครียดออกไป
ooooooo
เพราะที่ฮ่องกงบราลีรู้จักหลินจื้อเหม่ยคนเดียว เธอจึงไปหาที่บ้านแล้วชวนออกไปกินดื่มกันบอกว่าตนจะเลี้ยงเอง
“ออกมาแบบนี้คุณชายไม่รู้ล่ะสิ” หลินจื้อเหม่ยดักคอ
“อย่าเอ่ยถึงคุณชายของเธอให้ฉันได้ยินอีกนะ กำลังสนุกเลย เสียอารมณ์หมด”
ที่ผับนี่เอง บราลีดื่มจนเมา เธอพร่ำระบายความเป็นมาของตัวเองอย่างอัดอั้นว่า
“ฉันมันตัวคนเดียว...ไม่มีใคร พ่อแม่ที่แท้จริงก็ไม่มี ไม่มีอะไรเลย ไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้จะทำอะไร อนาคตมืดมนสิ้นดี” แล้วเธอก็สั่งเครื่องดื่มมาเพิ่มอีก หลินจื้อเหม่ย ได้แต่มองดูเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
เป็นเวลาที่จ้าวซันเดินมาเจอกระเป๋าเดินทางของบราลีที่ยังวางกองอยู่ เขาบ่นว่าของยังไม่ทันเก็บก็ไปหาเพื่อนเสียแล้ว จะยกเข้าไปเก็บ อาหลี่รีบมาทำแทน พูดถึงบราลีว่า ที่เธอตามมาที่นี่เพราะเป็นห่วงเขาเลียบเคียงถามว่า
“คุณชาย...ถ้าสมมติว่า มิสภีมะมนตรีต้องไปทำอะไรที่คุณชายรู้สึกว่ามันอาจเป็นอันตรายได้ คุณชายจะไม่รีบตามไปหรือครับ”
มือถือจ้าวซันดังขึ้น เขาดูเห็นว่าหลินจื้อเหม่ยโทร.มา ฉุกคิดว่าเธออาจจะโทร.มาบอกว่าบราลีไปค้างที่บ้าน แต่พอรับสายกลายเป็นว่าหลินจื้อเหม่ยโทร.มาจากผับแถวบ้านเธอ บอกว่า
“บรีเมามากค่ะ เขากินเหล้าไม่ค่อยเป็นด้วยนะคะคุณชาย ฉันห้ามก็ไม่เชื่อยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุเลยค่ะ ทำยังไงดีคะ”
จ้าวซันบอกให้พาบราลีกลับมาเดี๋ยวนี้ หลินจื้อเหม่ยวิ่งกลับไปปรากฏว่าบราลีหายไปแล้ว พอจ้าวซันรู้เขาสั่งอาหลี่เอารถออกทันที
หลินจื้อเหม่ยตามหาบราลีจนพล่านแต่ก็คลาดแคล้วกันเฉียดฉิว ไม่ว่าตามเก้าอี้สตูล มุมเกมส์ ห้องน้ำหญิง
บราลีเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำแล้วเดินเมาๆ เซๆ ออกมาจนไปถึงมุมมั่วสุม เห็นพวกหนุ่มสาวกำลังมั่วทั้งขายและเสพยากัน สมุนพันหงปิงสองคนมาขายยาที่นี่ เห็นบราลีก็ตาลุกเกร่มาชวนเล่นของกัน บราลีเห็นท่าไม่ดีจึงเดินลงบันไดไปที่จอดรถ ชายทั้งสองตามไปอย่างไม่ยอมให้เหยื่อหลุดไปได้
จ้าวซันมาที่ผับเจอหลินจื้อเหม่ย พอรู้ว่ายังตามหาบราลีไม่เจอ ทั้งสองยิ่งใจคอไม่ดี อาหลี่ตั้งข้อสังเกตว่าหรือเธอจะถูกจับตัวไป!
บราลีถูกสมุนพันหงปิงทั้งสองจับตัวไปจริงๆมันอุ้มไปที่ลานจอดรถหมายข่มขืน บราลีกรีดร้องสุดเสียง จ้าวซันกับอาหลี่ได้ยินรีบตามเสียงไป เจอบราลีกำลังถูกมันคร่อมอยู่พอดี อาหลี่ชักปืนออกมายิงขึ้นฟ้า ชายโฉดทั้งสองผงะมองหน้ากัน พอเห็นจ้าวซันกับอาหลี่วิ่งเข้ามา มันตกใจร้องบอกกันว่า
“ซวยละมึง จ้าวซันนี่หว่า” แล้วใส่ตีนหมาโกยอ้าวไป
“ม่านฟ้า...”
“เจ้าพี่...” บราลีร้องไห้โฮ โผเข้ากอดจ้าวซันหมดสติไปในอ้อมกอดเขา...
ooooooo
สมุนทั้งสองของพันหงปิงวิ่งไปส่งสัญญาณเรียกพันหงปิงที่ไปเป็นพนักงานทำขนมปังราคาถูกออกไปพบ บอกว่าจ้าวซันกลับมาจากคีรีรัฐแล้ว
“เพราะไอ้นี่...ที่ทำให้พวกเราต้องมาลำบากกระจอกงอกง่อยใช้ชีวิตเป็นแมงหวี่แมงวันอยู่นี่ไง” สมุนคนหนึ่งแค้น
“มันไม่ใช่ธรรมดานะ อั๊วรู้ข่าวมาว่า เพื่อนร่วมธุรกิจและร่วมแหกคุกชาวคีรีรัฐของอั๊ว ไอ้พวกนายพลพวกนั้น โดนจ้าวซันกับพวกฆ่าตายล้างบางหมดเลยที่กลางเมืองคีรีรัฐ” พันหงปิงบอก สมุนอีกคนถามว่าแล้วมันจะมาล้างบางเราไหม “ไอ้ฉินเจียงมันซัดทอดอั๊วแหลกไปแล้ว ชีวิตพวกเราพังหมดก็เพราะไอ้พวกคนตระกูลจ้าว!” พันหงปิงคำราม
ทั้งสามมองหน้ากันแบบ...เอาไงดี?
พันหงปิงตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเกาเฟย ทีแรกเกาเฟยก็จำไม่ได้ พอพันหงปิงเท้าความเล็กน้อย เกาเฟย ก็จำได้ พันหงปิงบอกเกาเฟยว่า ตอนนี้ตนไม่มีเงินเพราะ โดนตำรวจยึดไปหมดแล้ว จะไปไหนก็ไม่ได้ ตอนนี้เกาเฟยรวยมากแล้วก็แบ่งมาให้เพื่อนใช้บ้าง
เกาเฟยอึ้งไปนิดหนึ่ง พอดีเหลือบเห็นเหม่ยอิงเดินเข้ามาในโรงแรมเลยถือโอกาสขอวางสายก่อนเดี๋ยวจะโทร.กลับแล้วรีบไปหาเหม่ยอิงพูดอย่างพินอบพิเทา
“คุณหนูเหม่ยอิงครับ...จะรับประทานเบรกฟาสต์ ในโรงแรมนี้เลยไหมครับ หรือว่าอยากจะออกข้างนอก”
“ฉันจะกินที่นี่ แต่ไม่เกี่ยวกับแก แกอยากจะกินอะไรที่ไหนก็ไป ฉันอยากจะกินคนเดียวอย่างสงบๆหน่อย... โอเค้แล้วถ้ามีอะไรฉันจะโทร.ตามเอง ถ้าไม่มีอะไรจำเป็นก็อย่ามาให้เห็นหน้า ฉันกลุ้ม มีอะไรต้องคิดเยอะ ไม่อยากรับรู้อะไรที่มันจะทำให้ปวดหัวจากแกอีก”
พูดแล้วเหม่ยอิงเดินเชิดเข้าห้องอาหารของโรงแรมไปเลย ทิ้งเกาเฟยให้ยืนซีดอยู่ตรงนั้น
ooooooo
ที่บ้านสี่ฤดู...
เช้าวันนี้ ที่ห้องนอนของบราลี จ้าวซันนั่งดื่มกาแฟคอยดูแลบราลีอยู่อย่างห่วงใย พอเธอลืมตาจะลุก เขา
ก็รีบเข้าประคอง ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง หิวไหม อากงบอกว่าจะไปเอาชาร้อนมาให้แล้วรีบออกไป
บราลีในสภาพที่ยังซีดและซึม ยกมือไหว้ขอโทษจ้าวซันสารภาพว่าตนผิดไปแล้ว ถ้าเจ้าพี่ไม่ไปช่วยก็ไม่รู้ว่าป่านนี้...บราลีพูดไม่ออก จ้าวซันบอกว่า “ไม่เป็นไรๆ
พี่ก็ผิดเหมือนกัน ปลอดภัยก็ดีแล้ว แต่ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”
“ไม่ทำอีกแล้ว เข็ดจริงๆ น้องกลัวมาก นึกว่าคงจะต้องตายแน่ๆ”
“ยังดีที่จื้อเหม่ยตามพี่มาทันเวลา ไม่งั้น พี่คงไม่ให้อภัยตัวเองเด็ดขาด”
บราลีเอามือกุมคออย่างรู้สึกคลื่นไส้ พยายามจะลุกไปอาเจียน จ้าวซันไม่ยอมให้เดินอุ้มเธอไปห้องน้ำ บราลีปล่อยให้เขาอุ้มไปซบหน้ากับไหล่เขาอย่างรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย
เมื่อมานั่งทานอาหารกัน จ้าวซันจัดแจงหยิบโน่นตักนี่ให้อย่างเอาใจใส่ บราลีวันนี้เหมือนสิ้นพยศ เธอให้สัญญากับจ้าวซันว่าจะไม่ดื่มอีกแล้ว จะกลับตัวเป็นคนดี
“บรี...น้องไม่เคยไม่เป็นคนดี”
“ก็พี่ว่าน้องเป็นคนน่าเบื่อน่ารำคาญ”
“พี่ขอโทษ พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้น พี่เข้าใจว่าน้องอาจจะเชื่อมั่นในตัวเองเกินไป แล้วเวลามีคนกล้าขัดใจมันก็จะรู้สึกโกรธรุนแรงไปบ้าง”
“ไม่ใช่ค่ะ จากวันที่น้องรู้ว่าตัวเองเป็นใคร พี่เป็นใคร น้องก็ไม่เคยคิดถึงตัวเองอีกเลย น้องคิดถึงแต่พี่ ห่วงแต่พี่ ไม่อยากให้พี่ต้องไปเสี่ยงกับอะไรคนเดียวอีก ขอให้พี่ทราบว่า น้องไม่ได้เอาแต่ใจตัว น้องอยากจะปกป้องพี่ต่างหากล่ะคะ”
“น้องคิดว่าตัวเองเก่งนักหรือ”
“เวลานี้น้องรู้แล้ว...ว่าน้องไม่ได้เก่งเลย น้องอ่อนด้อยและแย่มากๆ แต่ยังไงน้องก็ห่วงพี่อยู่ดี พี่จะทำยังไงต่อไป เรื่องของคุณเหม่ยอิง”
“พี่ก็ยังยืนยัน ว่าเป็นน้องเท่าๆกับฉินเจียงเท่าๆกับผิงอัน”
“แล้วเขาคิดว่าพี่เป็นพี่หรือเปล่าล่ะคะ”
เป็นคำถามที่จ้าวซันตอบไม่ได้ เขาได้แต่นิ่งอึ้ง บราลีมองอย่างหนักใจ
ooooooo
นับแต่รู้ว่าจ้าวซันกลับมา เหม่ยอิงก็ไม่กลับบ้านสี่ฤดูอีกเลย แม่สี่เป็นห่วงอยากให้จ้าวซันช่วยพูดให้น้องกลับบ้าน
ผิงอันไม่เห็นด้วยเพราะจ้าวซันไม่ได้ทำผิดอะไร ทุกอย่างเป็นเพราะเหม่ยอิงฉวยโอกาสตอนจ้าวซันไม่อยู่ทำเรื่องร้ายๆหลายอย่าง เมื่อจ้าวซันกลับมาเหม่ยอิงก็ต้องมาขอโทษมาแก้ตัว จึงต้องเป็นฝ่ายมาพบจ้าวซันเอง
“ก็เพราะคุณชายไม่รักเขา เขาถึงเป็นแบบนี้” แม่สี่อ้าง ผิงอันถามว่าแล้วมันเป็นความผิดของพี่ใหญ่หรือชี้ว่า
“พี่เหม่ยอิงเขาเป็นแบบนี้เพราะเขาอยากเป็นใหญ่ที่สุดต่างหาก เขามีความโลภ โกรธ หลง เขาไม่ได้รักใครทั้งนั้น คนอย่างนั้นไม่มีความรักหรอก มีแต่ความเกลียดชังล้วนๆ”
แม่สี่ปรามผิงอันให้หยุดว่าพี่เสียที จ้าวซันตำหนิตัวเองว่า มีส่วนผิดที่ดูแลน้องไม่ดี ตนจะจัดการเอง จะพาน้องกลับมาเอง
จ้าวซันไปเยี่ยมร้านของซูหลิงกับฉินเจียง ซูหลิงบอกข่าวดีว่าเขากำลังจะมีหลาน จ้าวซันแสดงความยินดีและชมซูหลิงว่าเป็นคนดีมาก อย่างน้อยท่ามกลางเรื่องน่าใจเสียของคนในครอบครัวก็มีเรื่องที่เป็นความหวังของตระกูลจ้าวเรื่องหนึ่ง เต้คงจะดีใจ กอดทั้งสองไว้ บอกว่า...
“เธอสองคนโชคดีแล้ว เธอต้องเป็นพ่อที่ดีนะฉินเจียง ซูหลิง ฝากหลานผมด้วยล่ะ เขาจะต้องสุขภาพดี และไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ไม่สำคัญ ขอให้เขาเป็นคนดี”
“ผมอยากให้เขาเป็นผู้ชาย” ฉินเจียงบอก
“เป็นผู้ชายก็ดี แต่เป็นผู้หญิงก็ได้ เพราะพี่อยากให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเสียทีในรุ่นของพวกเรา อย่าให้ลูกชายเท่านั้นที่ได้เป็นไท้เผ่ง ขอให้แล้วแต่ความเหมาะสมของบุคคลเถอะ ถ้าผู้หญิงมีความสามารถและทุกคนพอใจ ลูกๆหลานๆ พวกเราจะไม่จำกัดบทบาทของลูกหลานหญิงอีกแล้ว”
“จริงด้วยค่ะ คนไหนถนัดที่จะทำอะไรก็ขอให้ได้ทำเถอะ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม” ซูหลิงเห็นด้วย
“ก็ได้...เผื่อลูกของเราเป็นผู้หญิง เราก็จะไม่เสีย เปรียบ ก็โอเค” ฉินเจียงรับได้อย่างไม่เต็มใจนัก
จ้าวซันมองฉินเจียงแล้วหัวเราะส่ายหน้าเบาๆ ฉินเจียงกับซูหลิงพลอยหัวเราะไปด้วย...
เมื่อไปคุยกันที่ฉินเย่ว์กรุ๊ป ฉินเจียงอยากให้จ้าวซันช่วยตนในเรื่องคดี ทนายแนะว่าถ้าฉินเจียงให้ข้อมูลแก่ทางการ ตำรวจขยายผลจับตัวพันหงปิงที่แหกคุกได้ เขาก็จะเป็นแค่เหยื่อของพันหงปิงกับเกาเฟย เช่นนี้ก็จะถูกกันเป็นพยานและเราก็จะหาทางรอดจากคดีนี้ได้
“ผมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาไอ้เกาเฟยให้เละจมดินครับ...พี่ชายใหญ่” ฉินเจียงมุ่งมั่น จ้าวซันยิ้มพอใจ
ooooooo
ฉินเจียงยังไม่หายกังวล คุยกันเสร็จเดินออกมา ก็ยังขอร้องจ้าวซันให้ช่วยอีก จ้าวซันยืนยันว่าตนทำไม่ได้
“ทำไมจะทำไม่ได้ พี่ให้ตำรวจเขาจัดการกับนางเหม่ยอิงและไอ้เกาเฟยให้ถึงที่สุดเถอะครับ มันเลวทรามต่ำช้ากันมาก”
“แกต้องแยกแยะสิฉินเจียง แกก็โดนเองมาแล้ว แกต้องรู้สิว่าไอ้เกาเฟยมันคือตัวการ เราต้องดึงเหม่ยอิงออกมาจากไอ้เกาเฟย เพราะเหม่ยอิงจะไม่กล้าทำเรื่องร้ายกาจอย่างนี้ ถ้าไม่มีเกาเฟยยุแยง”
“ไม่ใช่นะพี่ใหญ่ ถ้าจะเปรียบ เกาเฟยมันเป็นแค่ปืน แต่คนยิงคือเหม่ยอิง”
“เหม่ยอิงคือน้องพวกเรา แต่เกาเฟยมันคือคนอื่น ทำไมแกเห็นเกาเฟยดีกว่า”
“เกาเฟยคือคนที่เหม่ยอิงส่งมาทำลายผม แล้วมันก็ทำสำเร็จอย่างที่พี่ใหญ่เห็น เพราะผมมันโง่เอง ตอนนี้ผมตาสว่างแล้ว ผมรู้ว่าความจริงแล้วศัตรูของตระกูลจ้าวคือผู้หญิงตระกูลจ้าวเอง” ฉินเจียงพูดอย่างแค้นใจ
“พี่พูดแล้วใช่ไหม ว่าต่อไปนี้เราจะไม่กีดกันผู้หญิงอีกแล้ว เหม่ยอิงอยากได้อะไร พี่ก็จะให้เขาเพื่อแลกให้เขากลับตัวกลับใจ”
“นังนี่มันกลับไม่ทันแล้ว มันถลำไปมากแล้ว เกินเยียวยา”
ความคิดต่างนี้ ทำให้จ้าวซันกับฉินเจียงมองหน้าอย่างวัดใจกัน พอดีมีเสียงเมสเสจดังขึ้น จ้าวซันดูโทรศัพท์หันมองหน้าฉินเจียง ฉินเจียงถามว่าเหม่ยอิงหรือ จ้าวซันนิ่งเป็นการรับโดยปริยาย ฉินเจียงร้อนใจถามว่าเหม่ยอิงนัดพบใช่ไหมอย่าไปคนเดียว ให้ตนไปด้วย จ้าวซันไม่เห็นด้วย ฉินเจียงโมโหบอกว่า “พี่ใหญ่อย่าเป็นผู้ชายที่ตายเพราะผู้หญิงเลยพี่”
“พี่ไม่ตายหรอก”
“พี่มั่นใจใช่ไหมว่ามันรักพี่ พี่รู้จักนังนี่น้อยไป” ฉินเจียงฮึดฮัดแต่จ้าวซันก็ไปตามนัด ณ ที่สูง วิวสวย และเหม่ยอิงก็ก้าวลงจากรถมาเผชิญหน้าอย่างสวยสง่าจนจ้าวซันแทบไม่เชื่อสายตา
เวลาเดียวกันนี้ จ้าวไทไทที่หลับตาอยู่ ลืมตาขึ้นทันที ถามหาเจ้าหญิง ถามว่าจ้าวซันอยู่ไหน พอผิงอันบอกว่าออกไปข้างนอกก็เร่งให้รีบโทร.ตามกลับมาเดี๋ยวนี้ ผิงอันบอกว่าพี่ชายไปที่บริษัท จ้าวไทไทถามว่าแล้วเจ้าหญิงล่ะ เจ้าหญิงอยู่กับเจ้าชายหรือเปล่า ผิงอันบอกว่าบราลีไม่สบายอยากพักผ่อนจึงอยู่บ้าน
“เมื่อไหร่จ้าวซันจะกลับล่ะ...อยากให้เจ้าชายกลับบ้านมาอยู่กับเจ้าหญิง อย่าให้เจ้าหญิงอยู่ห่างตัว เข้าใจไหม...” จ้าวไทไทหลับตารำพึง “ช่วยไม่ได้ ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง ฟ้าดินจะลงมือ...มนุษย์ไม่อาจขัดขืน...มนุษย์...ไม่อาจขัดขืน...”
ผิงอันฟังแล้วรู้สึกไม่สบายใจ...
ooooooo
เหม่ยอิงทักจ้าวซันว่าดูซูบและคล้ำไป จ้าวซันชมว่าเธอสวยมาก ดูทอปฟอร์มมาก
เหม่ยอิงเหน็บเขาเล็กน้อยที่ไปกับบราลี จ้าวซันถามว่าทั้งหมดที่เธอทำเพราะโกรธที่ตนมีบราลีใช่ไหม เหม่ยอิงตอบไม่ได้ จ้าวซันชี้ว่าไม่ใช่ เพราะว่าเธอเตรียมทุกอย่างมานานมากแล้ว ถึงไม่มีบราลีเธอก็วางแผนไว้อย่างรัดกุมแล้ว พูดจี้ใจดำแล้วบอกว่า “น้องแค่บอกพี่ดีๆ ว่าน้องต้องการอะไร น้องก็จะได้”
“น้องพยายามบอกพี่มาพันครั้งแล้วถ้าพี่จำได้”
“เอาล่ะ พี่ผิดเองที่ไม่เข้าใจ เอาเป็นว่าตอนนี้พี่เข้าใจแล้วและจะให้ตามที่น้องต้องการ แต่พี่ขอแบ่งอะไรนิดๆหน่อยๆ ให้กับพี่น้องคนอื่นๆบ้าง”
“พี่ใหญ่ไม่มีสิทธิ์ขอแล้วล่ะค่ะ”
“เหม่ยอิง...หาทางลงให้กับตัวเองเถอะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป”
“มันสายเกินไปแล้วล่ะค่ะพี่ใหญ่...สายไปมากๆ เลยล่ะ” เหม่ยอิงน้ำตาไหล จนจ้าวซันอึ้ง
ooooooo










