ตอนที่ 6
พอถูกกระเต็นจับได้ว่าหนีออกไปข้างนอกมา กล้าจำต้องยอมรับ ตัดพ้อแม่ว่าทำไมต้องไปต่อว่าราชาวดีอย่างนั้นด้วย และที่ตนถูกทำร้ายก็ไม่เกี่ยวกับเธอเลย
กระเต็นยื่นคำขาดให้กล้าเลิกปกป้องผู้หญิงที่เที่ยวโปรยเสน่ห์ยั่วผู้ชายแบบนั้นเสียที กล้าแย้งว่าราชาวดีไม่ใช่คนแบบนั้น ถามว่าแม่ไปฟังมาจากไหน กระเต็นพูดแต่ว่าถ้าผู้หญิงคนนั้นยังมาวุ่นวายไม่เลิก กล้าก็คงบวชอย่างสงบไม่ได้
“งั้นผมก็ไม่บวช” กล้าแข็งข้อ กระเต็นตกใจผงะ กล้าพูดอย่างตัดสินใจเด็ดเดี่ยวว่า “แม่เชื่อแต่คำทำนายของหลวงปู่ แต่แม่กลับไม่เชื่อใจผม ทั้งๆที่พ่อกับแม่สอนผมมาตลอดว่า ใครทำอะไรก็ต้องได้อย่างนั้น ถ้าเราทำดีก็ต้องได้ดี พ่อกับแม่สอนผมแบบนี้เองไม่ใช่เหรอครับ”
กระเต็นหลุดปากไปว่า แต่นี่ลูกต้องรับกรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แม่ทนไม่ได้ กล้าเอะใจถามว่าผลกรรมอะไร แม่ปิดบังอะไรตนอยู่หรือเปล่า กระเต็นยิ่งว้าวุ่น เลยตัดบทว่า ถ้ากล้าจะผิดสัจจะกับแม่เพราะผู้หญิงคนเดียว เราก็ไม่มีอะไรจะพูดกันอีกแล้ว
กระเต็นหุนหันออกไปอย่างหัวเสีย กล้างุนงงหนักใจ จุกที่มาได้ยินสองคนทะเลาะกันเข้ามาบอกกล้าว่า ให้ใจเย็นๆที่แม่พูดก็เพราะเป็นห่วงเขา
“บอกตรงๆนะ ผมว่าแม่ต้องปิดบังอะไรผมสักอย่าง ปกติแม่ไม่ใช่คนที่จะตามห่วงตามหวงอะไรผมขนาดนี้”
“มันก็คงเพราะเรื่องไอ้ทิวนั่นแหละ” จุกหลุดปากแล้วหยุดกึก กล้าติดใจสงสัยถามว่าไอ้ทิวเป็นใคร
ooooooo
หาญเห็นทิวในนิมิต รู้ว่าขุนโชติใช้เลือดของทิวชุบชีวิตและตระบัดสัตย์ฆ่าทิวทิ้ง ในนิมิตหาญเห็นยมทูตมาลากตัวทิวไป หาญจะช่วยก็ถูกกำแพงไฟขวางไว้ เมื่อตื่นมาหาญเชื่อความฝันของตนว่าทิวตายไปแล้ว
หลังจากกระเต็นออกจากห้องกล้าแล้วก็เข้าไปในห้องพระมองรูปเพชร ตัดพ้อที่ทิ้งให้ตนอยู่แก้ปัญหาคนเดียว อึดใจเดียวกล้าก็เข้ามากราบขอโทษแม่ที่ล่วงเกินไปเมื่อครู่นี้ กระเต็นบอกว่าแม่ไม่โกรธแต่เป็นห่วงลูก
กล้าบอกว่าจุกเล่าเรื่องทิวให้ตนฟังแล้ว ถามว่าทำไมแม่ไม่เคยเล่าให้ตนฟังเลย
“แม่ไม่อยากให้กล้าเป็นกังวล ไอ้ทิวก็แค่บ้าอวิชชา มันแค้นที่พ่อเป็นคนจับมันเข้าคุก มันเลยตามมาล้างแค้นพวกเราทุกคน”
“แต่พ่อทำตามหน้าที่ เพื่อความสงบสุขของชาวบ้าน ผมเชื่อในความดีที่พ่อทำ ผมเป็นลูกของพ่อ เป็นลูกตำรวจ ผมไม่เคยกลัวพวกคนเลว ผมจะต้องลากคอมันมาให้กฎหมายลงโทษ แม่ไม่ต้องกลัว ผมจะปกป้องแม่เอง”
เพื่อให้กล้าสบายใจ กระเต็นปดกล้าว่าสุพจน์ออกหมายจับทั่วประเทศไปแล้ว อีกไม่นานก็คงจับตัวได้ แล้ววกมาพูดเรื่องบวชของกล้าว่า ถึงยังไงแม่กับพ่อก็อยากให้กล้าบวชมานานแล้ว เอ่ยปากขอว่า
“บวชเถอะนะลูก ถึงไม่เห็นแก่แม่ก็คิดเสียว่าเห็นแก่พ่อ เรื่องผู้หญิงน่ะ ถ้าคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกัน กล้าสึกออกมาเมื่อไหร่ แม่สัญญาว่าจะไม่ห้าม ไม่ว่ากล้าจะรักกับใคร เชื่อแม่สักครั้ง เราเหลือกันแค่สองคนแม่ลูกนะกล้า”
“ครับแม่...ผมจะบวชให้พ่อกับแม่” กล้ารับปาก ทำให้กระเต็นยิ้มเต็มหน้าด้วยความปลาบปลื้มใจ รีบไปบอกหาญว่ากล้าจะบวชมะรืนนี้ ตนอยากให้กล้าได้อยู่ใกล้ผ้าเหลืองก่อน ส่วนเรื่องทิว ค่อยว่ากัน
“พ่อคิดว่าไอ้ทิวคงตายแล้ว” กระเต็นถามว่ารู้ได้ยังไง “ดวงจิตของพ่อเจอวิญญาณของมัน มันบอกว่าไอ้ขุนโชติเป็นคนฆ่ามัน แล้วก็ใช้เลือดของมันชุบชีวิตตัวเองขึ้นมา”
กระเต็นสงสัยว่าสองคนนี้รู้จักกันได้ยังไง หาญเองก็อยากรู้ บอกว่าเราต้องหาตัวขุนโชติให้เจอก่อน ปริศนาทุกอย่างก็จะกระจ่าง รวมทั้งเรื่องที่ขุนโชติเรียกตนว่าหลวงณรงค์ด้วย
ทางเดียวที่จะหาขุนโชติให้เจอคือต้องหาบ้านเด็กผู้หญิงที่ช่วยขุนโชติหนีให้เจอก่อน บอกกระเต็นให้ไปถามตำรวจดูว่าเด็กคนนั้นอยู่ที่ไหน
ooooooo
เพื่อให้ขุนโชติกับเสือดำเสือไทกลมกลืนกับคนในยุคนี้ กระถินหารองเท้าหนัง เสื้อผ้า แม้กระทั่งเงินให้ทั้งสามใช้ ขุนโชติเห็นกระถินแล้วคิดถึงลูกตัวเอง จึงตอบแทนน้ำใจกระถินด้วยการร่ายคาถาเป่ากระหม่อมบอกว่า
“จักไม่มีใครทำร้ายเอ็งได้ เอ็งจงไปได้แล้ว” เสือดำติงว่าปล่อยกระถินไปแบบนี้เกรงพวกโปลิศจะตามรอยมาหาเราอีก “เด็กคนนี้มีความกตัญญูเป็นที่ตั้ง เอ็งไม่ต้องเกรงไปดอก แลถึงมันจะเป็นจริง ใยจะต้องกลัว เพราะข้าจะประกาศศึกกับพวกโปลิศอยู่แล้ว ข้ายังอยากเจอลูกหลานไอ้หลวงณรงค์คนนั้นอีกครั้ง”
กระถินกลับมาได้ยินเสียงคนถุ้มเถียงกันในกระท่อม เสียงหนึ่งเป็นเสียงของพ่อแต่อีกเสียงกระถินไม่คุ้น
เป็นเสียงของหาญที่มาถามพ่อกับแม่เรื่องขุนโชติ กระถินแอบดูจำหาญได้ หาญรู้สึกได้ว่ามีคนแอบดูแอบฟังอยู่ หันมองขวับ กระถินตกใจวิ่งหนี พ่อกระถินตามไปลากตัวลูกสาวมาด่าว่าตัวแค่นี้ริอ่านคบค้าพวกโจร
พ่อของกระถินเงื้อมือตบแต่กลายเป็นตบโดนขอบโต๊ะทั้งที่กระถินไม่ได้หลบ พ่อโมโหคว้าไม้ขัดหม้อฟาด แต่พอไม้ขัดหม้อใกล้ตัวกระถินยันต์คุ้มกายก็ลอยออกจากตัวกระถินปะทะไม้ขัดหม้อหักเป็นสองท่อน หาญรู้ทันทีว่ากระถินมียันต์คุ้มกายถามว่า ใครเป่ายันต์ให้
กระถินมองหน้าหาญไม่ตอบวิ่งไปกอดแม่กลัวๆ
หาญเชื่อว่าเป็นอาคมของขุนโชติคุ้มกันกระถินไว้ แต่ไม่ว่าจะถามอย่างไรกระถินก็บอกแค่ว่า
“หนูรู้แต่ว่าพวกลุงๆ เขามาจากต่างจังหวัด น้าจะรู้ไปทำไมกัน น้าเป็นตำรวจหรือ”
“ข้าไม่ได้เป็นตำรวจ...เอ็งรู้ไหมว่าคนพวกนั้นเป็นโจร การช่วยเหลือคนร้ายมันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำหรอกนะ ข้าว่าถ้าแม่เอ็งรู้เข้า คงจะเสียใจ”
“แต่พวกลุงๆ เขามีบุญคุณกับหนู เขาสอนวิชาไว้เลี้ยงตัวแล้วยังให้เงินหนูไว้รักษาแม่ด้วย”
“แต่เงินที่ปล้นเขามา มันเป็นเงินบาป”
“แล้วจะให้ทำไง ในเมื่อแม่กำลังจะตาย พ่อก็เอาแต่กินเหล้า หนูไปขอยืมเงินใครก็ไม่มีใครให้ เงินบาปที่น้าว่าจะช่วยให้แม่ของหนูไม่ตาย ถ้าเป็นน้า น้าจะทำยังไง”
หาญฟังแล้วอึ้ง ไม่รู้จะตอบอย่างไรกับความจริงที่กระถินเผชิญ
ooooooo
ในที่สุดภูมินทร์ก็ยอมก้มกราบอาจารย์ยอดมอบตัวเป็นศิษย์อย่างไม่เต็มใจ อาจารย์ยอดหัวเราะอย่างผู้ชนะ บอกภูมินทร์ว่าเมื่อยอมกราบเป็นศิษย์เรื่องที่แล้วมาตนก็ไม่ติดใจเอาความ รับรองว่าต่อไปเขาจะไม่ผิดหวังเรื่องผู้หญิง และน้องสาวก็จะมาสยบแทบเท้าเขาในไม่ช้า
ภูมินทร์บอกว่าที่สำคัญตนไม่อยากเห็นกล้าอยู่ร่วมโลกอีกต่อไป อาจารย์ยอดรับรองว่าไม่ต้องห่วง ตนจะทำให้กล้ากลายเป็นคนเลวในสายตาของทุกคน จากนั้นเราจะกำจัดทิ้งเสียเมื่อไหร่ก็ได้ แล้วให้เสี่ยไพบูลย์ไปสืบว่ากล้ามีศัตรูที่ไหนบ้าง
พรุ่งนี้กล้าจะเข้าพิธีอุปสมบทอยู่แล้ว คืนนี้เขาย่องออกจากกุฏิเจ้าอาวาส ไปโทรศัพท์ขออโหสิกับราชาวดีก่อนลาบวช แต่เธอไม่คุยด้วย บอกผ่านดวงใจที่เป็นคนรับโทรศัพท์ว่า ตนอโหสิให้แล้ว กล้าจึงกลับไปด้วยความผิดหวังที่ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของเธอ
ดึกคืนนี้เอง ขณะพวกโจ๊กนั่งกินข้าวต้มในตลาดโต้รุ่ง คุยกันโขมงโฉงเฉงเรื่องกล้าจะบวชพรุ่งนี้ โจ๊กชวนเพื่อนๆ ไปป่วนกล้าคืนนี้เลย พูดอย่างไม่หายเจ็บใจว่าคราวก่อนยิงกล้าตกน้ำเห็นๆยังรอด เบิ้มติงว่ากล้าอาจมีของดีรอให้บวชก่อนค่อยไปหาที่วัด เพราะตอนนั้นเป็นพระแล้วคงไม่กล้าทำอะไรพวกเรา
พวกโจ๊กคุยกันไม่ทันขาดคำกล้าก็โผล่พรวดมาถามว่าคนไหนชื่อเบิ้ม เบิ้มกร่างลุกขึ้นบอกว่ากำลังอยากเจอพอดีเลย ถามว่าจะมาขอขมาพวกตนก่อนลาบวชหรือ
“ปังๆๆๆ” กล้ายิงไปจนหมดแม็ก คนที่นั่งกินข้าวต้มแตกกันกระเจิง พวกโจ๊กวิ่งหนีตัวใครตัวมัน แต่เบิ้มถูกยิงตายคาโต๊ะไปแล้ว
อึดใจต่อมา กล้าถือปืนเดินขึ้นไปบนตำหนักอาจารย์ยอด รายงานผลงานที่ไปทำมา อาจารย์ยอดพอใจมากร่ายคาถาแล้วเป่ามนต์ถอนอาคม พริบตานั้น ร่างกล้าก็กลายเป็นคม เสี่ยไพบูลย์นั่งดูอยู่ อุทานทึ่ง
“คาถานารายณ์แปลงรูป! เพิ่งได้เห็นเป็นบุญตาก็วันนี้เอง”
“คราวนี้ต่อให้ไอ้กล้ามันมีปีกก็หนีความผิดไม่พ้น” อาจารย์ยอดมั่นใจ
ภูมินทร์นั่งดูอยู่ตลอดเวลา เหยียดยิ้มอย่างสะใจ!
ooooooo
เช้าวันรุ่งขึ้น อันเป็นวันเข้าพิธีอุปสมบท ขณะเจ้าอาวาสกำลังจะปลงผมกล้านั่นเอง เกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหวขึ้น ผู้มาร่วมงานแตกตื่นวิ่งหนีกันอลหม่าน กล้าจะไปดู ถูกกระเต็นรั้งไว้ เจ้าอาวาสบอกให้ทุกคนหลบเข้าไปในโบสถ์ก่อน
จ่าลุยกับเด็กอู่พากันเดินออกไปดู หาญวิ่งออกทางด้านหน้า ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นพระ เณร และชาวบ้านบาดเจ็บร้องกันระงม โจ๊กกับพวกถืออาวุธดาหน้าเข้ามาด่ากล้าว่าเป็นฆาตกรจะบวชหนีความผิด แน่จริงก็ให้ออกมาลุยกัน
“พี่กล้าไปทำอะไรให้พวกแก” นุกูลเดินออกไปถาม โจ๊กตะโกนว่ากล้าฆ่าเบิ้ม แล้วพรรคพวกมันก็เฮโลจะบุกไปหน้าโบสถ์ให้ได้ จ่าลุยนำเด็กอู่ดาหน้าเข้าขวาง เลยตะลุมบอนกันอยู่ตรงนั้น
กล้าได้ยินพวกโจ๊กถามหาตนก็จะออกไป กระเต็นไม่ยอมให้ออก เจ้าอาวาสจึงบอกให้กล้าหลับตาพนมมือว่าตาม
“โกธํ ฆตวาน นโสจติ ฆ่าความโกรธได้แล้ว ย่อมไม่เศร้าโศก”
พวกโจ๊กยังบ้าเลือดไม่เลิก หาญจึงกระโดดออกไปขวางตะโกน “หยุดได้แล้ว พอเสียที!”
“เฮ้ย...น้าคนนี้มีวิชานี่ มาได้ไงวะ” นุกูลจำหาญได้ร้องอย่างตื่นเต้น แต่โจ๊กไม่สนใจยกปืนยิงหาญ ถูกหาญว่าคาถาแล้วยกมือบัง กระสุนหยุดกลางอากาศแล้วตกลงที่พื้น หาญพุ่งเข้าหาโจ๊กปัดปืนทิ้งใช้สันมีดสับขาโจ๊กล้ม
“หยุด วางอาวุธ” เสียงสุพจน์ตะโกน หาญชะงัก ถอยไปหลบดูเหตุการณ์ห่างๆ
เมื่อสถานการณ์สงบ พวกโจ๊กถูกจับตัวไปหมด กระเต็นโล่งใจ แต่แล้วก็ช็อก เมื่อสุพจน์เข้ามาบอกว่า
“ผมขอจับกล้าในข้อหาเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”
หาญดูเหตุการณ์อยู่นอกโบสถ์ตกใจ หน้าเครียด
ooooooo
งามตาที่แต่งตัวเซ็กซี่สุดฤทธิ์ เตรียมไปถือหมอนหมายยั่วกิเลสให้กล้าใจไม่สงบถึงบวชก็ต้องรีบสึก กลับถึงโรงอาหารสหวิชก็บ่นเซ็งๆที่แต่งตัวเก้อ นงคราญพูดอย่างโล่งใจว่า โชคดีที่ไปสายไม่อย่างนั้นมีหวังเสียโฉมแน่ บอกงามตาว่า
“ดีแล้วล่ะที่แกยังไม่ได้เป็นแฟนเขา ถูกจับแบบนั้นน่าอายจะตาย”
ราชาวดีได้ยินแว่วๆ งามตาเลยพูดให้เจ็บใจว่า อยากรู้หรือ ตนบอกให้ก็ได้ แล้วลอยหน้าบอกว่า
“พี่กล้าขวัญใจเธอน่ะ เขาถูกจับฐานฆ่าคนตาย”
จานในมือราชาวดีหลุดมือหล่นพื้นทันที งามตาเย้ยว่าถ้าไม่เชื่อก็ลองหิ้วโอเลี้ยงไปเยี่ยมกล้าดู แถมข้าวผัดอีกห่อก็ได้เพราะคราวนี้คงติดคุกยาว
ooooooo
ที่โรงพัก เกิดความวุ่นวายขึ้นอีก เมื่อพวกโจ๊กที่ถูกจับมาเจอกับกล้าและกระเต็น โจ๊กด่ากล้าว่าขี้ขลาดคนทั้งตลาดเห็นว่าเป็นคนบุกยิงพวกตน ยังจะปากแข็งปฏิเสธ พรรคพวกของสองฝ่ายเกือบได้ลุยกัน แต่สุพจน์กลับมาหย่าศึกได้ทัน
สุพจน์บอกกล้าและกระเต็นว่า ไม่ใช่แค่เพื่อนของโจ๊กกับเบิ้มเท่านั้นที่เป็นพยาน ยังมีชาวบ้านแถวนั้นพูดตรงกันว่ากล้าเป็นคนยิงเบิ้ม เมื่อกล้าปฏิเสธ สุพจน์ถามว่าแล้วมีใครเป็นพยานไหม
“ท่านเจ้าอาวาสไงลูก กล้าหลับอยู่ที่กุฏิท่านเจ้าอาวาสใช่ไหมลูก” กระเต็นพยายามถามนำ กล้าก็อ้ำอึ้งเพราะตัวเองแอบออกไปหาราชาวดีแต่ไม่กล้าบอกแม่ เมื่อกระเต็นขอให้สาบาน กล้ายอมสาบานว่าตนไม่ได้ฆ่าเบิ้ม “กล้า! หมายความว่ากล้าออกไปนอกกุฏิใช่ไหม” กระเต็นเสียงดัง จนสุพจน์ต้องขอให้ออกไปรอข้างนอก เดี๋ยวตนจะคุยกับกล้าเอง
เมื่อพากันกลับมาที่บ้านกระเต็น จ่าลุยด่านุกูลว่าเป็นตัวการทำให้กล้าต้องออกไปช่วยปกป้อง สองพ่อลูกเถียงกันจนแทบจะฆ่ากันตาย พวกจุก โป้ง เปี๊ยก ป๋อง ต้องช่วยกันห้ามวุ่นวาย
กระเต็นที่นั่งเครียดอยู่ ทนไม่ไหวตะโกนให้พอและกลับไปกันให้หมด ตนอยากอยู่คนเดียว จ่าลุยจึงลากนุกูลกลับไปสะสางกันที่บ้าน จุกเห็นกระเต็นเครียดมาก ลุกไปปลอบว่า กล้าไม่ผิดถึงตำรวจจับไปก็ต้องปล่อย
“ไม่...กล้าต้องไม่ได้ออกมา กล้าต้องกลายเป็นโจร กล้ามันมีเลือดโจร ในที่สุดสิ่งที่ข้ากลัวมันมาถึงแล้ว”
“อะไรนะ พี่หมายถึงอะไร เลือดโจร น้าหาญน่ะเหรอ” จุกเอะใจ กระเต็นตกใจที่ตัวเองพลั้งปากนึกถึงหาญขึ้นมาถามว่า แล้วพ่อหาญหายไปไหน
หาญไปในที่เกิดเหตุ เอามือแตะที่รอยเลือด พลันก็เกิดนิมิตเห็นเหตุการณ์ขณะนั้นว่ามีคนปลอมเป็นกล้าไปยิงเบิ้มตาย แต่มองไม่ชัดว่าเป็นใคร หาญพึมพำ
“ไม่ใช่กล้า...”
ตำรวจมาเห็นหาญอยู่ในที่เกิดเหตุ เข้าไปถามว่ามาทำอะไรแล้วจะเอาตัวไปโรงพัก เลยถูกหาญเป่ามนต์พรวดเดียวยืนจังงังแล้วร่วงลงไปนั่ง หาญเอ่ย “ขอโทษนะจ่า” แล้วแวบไปทันที
เมื่อกลับไปเล่าให้กระเต็นฟังที่อพาร์ตเมนต์ กระเต็นตกใจถามว่าใครปลอมตัวเป็นกล้าไปยิงเบิ้ม
“ข้าเห็นหน้าไม่ชัด แต่แน่ใจว่ามันต้องใช้คาถานารายณ์แปลงรูป”
“แล้วทำไมในเมื่อกล้าไม่ได้ทำผิด ทำไมกล้าไม่ยอมยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ออกไปนอกกุฏิ กล้าปิดบังอะไร”
คะนึงนิจผ่านมาได้ยินพอดี ตัดสินใจเข้าไปบอกว่า เมื่อคืนกล้าโทร.ไปหาราชาวดีที่บ้าน กระเต็นเอะใจว่าที่วัดไม่มีโทรศัพท์แสดงว่ากล้าออกจากวัดไปโทร.หาราชาวดี พูดอย่างเจ็บปวด “ในที่สุดก็เกิดเรื่องเพราะผู้หญิงคนนี้จนได้”
หาญถามคะนึงนิจว่ารู้ไหมว่าตอนนั้นกี่โมง พอรู้ว่าประมาณสี่ทุ่ม กระเต็นหันมองหน้าหาญพูดอย่างมีความหวังว่า
“นั่นมันเวลาที่นายเบิ้มถูกยิงนี่คะ”
หาญกับกระเต็นเริ่มสืบเรื่องด้วยตัวเอง ไปดูตู้โทรศัพท์แถวบ้านราชาวดี ถามชาวบ้านแถวนั้นว่าเวลาประมาณสี่ทุ่มมีคนมาโทรศัพท์ที่ตู้นี้ไหม ชาวบ้านไม่มีใครรู้ หาญจึงตั้งสมาธิดูเหตุการณ์ เห็นกล้าออกจากตู้โทรศัพท์แล้วเจอตากล่ำสัปเหร่อขี้เมากำลังเดินเป๋กลับวัด ทั้งสองจึงตามหาตากล่ำกัน
เจ้ากรรม! ตามหาอย่างไรก็ไม่เจอ ไม่รู้ตากล่ำไปเมาอยู่ที่ไหน
ooooooo
อาจารย์ยอดสมใจที่บีบให้ภูมินทร์ยอมเป็นลูกศิษย์ รับปากจะทำให้เขาสมหวังทุกอย่างที่ต้องการ วางแผนช่วยให้ภูมินทร์ได้ใกล้ชิดกับราชาวดี ด้วยการทำของใส่ครูเริงจนคลุ้มคลั่ง แล้วให้ภูมินทร์แทรกเข้าไปช่วย
เขาทำทีเจอราชาวดีโดยบังเอิญขณะเธอได้ข่าวจากดวงใจเรื่องพ่อแล้วจะรีบกลับไปพาส่งโรงพยาบาล เขาขอพาเธอไปส่งเพราะมีรถ จะได้ไม่ต้องรอรถสองแถวซึ่งไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรจึงจะมา
ความรีบร้อนจะไปช่วยพ่อทำให้ราชาวดียอมไปกับเขา ระหว่างทาง ภูมินทร์พยายามตีสนิท และคอยปลอบใจเธอ
เมื่อรับเริงไปส่งโรงพยาบาลแล้ว ราชาวดีบอกหมอว่า “รักษาพ่อของหนูให้หายด้วยนะคะ หนูขอร้อง”
“ช่วยรักษาให้เต็มที่นะครับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมรับผิดชอบเอง” เขาบอกหมอ มองเริงที่ร้องโอดโอยเพราะปวดท้อง ราชาวดีกอดพ่อนํ้าตาไหลด้วยความสงสารไม่ยอมห่าง...
เวลาเดียวกัน อาจารย์ยอดอยู่ที่ตำหนัก ก็เร่งบริกรรมคาถาไม่หยุด พลางบิดเนื้อดินบริเวณท้องของหุ่น ยิ่งบิดเริงที่โรงพยาบาลก็ยิ่งดิ้นพราดๆ อาจารย์ยอดยิ้มเหี้ยมพึมพำ
“เอ็งไม่มีทางสู้คาถาบิดไส้ของข้าได้หรอกฮ่าๆๆ”
ooooooo
หลังจากกระถินช่วยแปลงโฉมขุนโชติ เสือดำ และเสือไท จนกลมกลืนกับคนในยุคปัจจุบันแล้ว แต่วิถีชีวิตยังแตกต่าง ไปเห็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวก็ถามพ่อค้าว่า
“ของที่เอ็งปรุงขายนี้ราคามันเท่าใดกัน” พอพ่อค้าบอกว่าสิบบาทก็โวยวายว่ามันเท่ากับหลายตำลึง ด่าพ่อค้าว่าขูดรีด เห็นว่าพวกตนโง่รึไง ตรงเข้าไปจะเอาเรื่อง จนขุนโชติต้องปรามไม่ให้ทำเสียเรื่อง แล้วขอโทษพ่อค้าบอกว่าพวกตนเพิ่งออกมาจากป่าดอยไม่รู้ธรรมเนียม
“มิน่า...ที่แท้ก็พวกบ้านนอกเข้ากรุง ถ้าไม่มีเงินก็ไปไกลๆเลย ไม่งั้นอั๊วจะตามตำรวจมาจัดการ”
พอได้ยินคำว่าตำรวจ ขุนโชติก็ตาลุกถามว่าแถวนี้มีโปลิศด้วยหรือ พ่อค้าบอกว่ามีป้อมตำรวจอยู่แค่หัวถนนนี่เอง
“วิเศษนัก ข้ากำลังอยากเจอโปลิศพอดี” ขุนโชติยิ้มเหี้ยมแล้วพากันไปที่หัวถนน จัดการฆ่าตำรวจในป้อมทันที
ส่วนกระเต็นกับหาญช่วยกันออกตามหาตัวตากลํ่าไม่ลดละ ไปเจอพวกต้มเหล้าเถื่อน มองข้างหลังเหมือนตากลํ่า แต่พอเข้าไปเรียก พวกต้มเหล้าเถื่อนนึกว่าตำรวจ พากันวิ่งหนีกระเจิง หาญไล่ตาม แต่พอตามทันจับหันหน้ามา กลายเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่ใช่ตากลํ่า ไปถามที่เพิงขายเหล้า คนขายของว่าตากลํ่าเพิ่งมาซื้อเหล้าไปเมื่อเช้านี้เอง แต่ไม่รู้ว่าไปไหนแล้ว
ขุนโชติกับเสือดำเสือไท ยังคงตามฆ่าโปลิศที่อาฆาตกันมาตั้งแต่ร้อยกว่าปีก่อนอย่างคะนองมือ จนสุพจน์ปวดหัว
ขณะนั้น ตำรวจมารายงานว่าสงสัยคนร้ายน่าจะเป็นชุดเดียวกับที่เรากำลังล่าตัวอยู่
“บ้าที่สุด มันเหิมเกริมมากเกินไปแล้ว!” สุพจน์สบถ
เวลาเดียวกัน ขุนโชติก็ประกาศอย่างผยองว่า “ต่อแต่นี้ พวกเอ็งอย่าได้อยู่เป็นสุขเลย ไอ้พวกโปลิศ!”
ooooooo
เกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อเริงคลุ้มคลั่งจับพยาบาลขึ้นไปบนดาดฟ้า พาไปยืนที่ขอบระเบียงอย่างน่าหวาดเสียว ตะโกนอย่างคลุ้มคลั่งว่า
“นังนี่มันจะฆ่าฉัน”
ภูมินทร์แสดงวีรกรรมทันที อาศัยจังหวะเผลอของเริงกระโจนไปคว้าตัวลงมาได้ เมื่อเริงรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีอาการก็ดีขึ้น ภูมินทร์เดินเข้าหาแนะนำตัวเอง “ผมภูมินทร์ ครูจำผมได้ใช่ไหมครับ” พลางปากก็ว่าคาถาที่อาจารย์ยอดบอกว่าเป็นคาถาที่จะทำให้เริงชื่นชมและเชื่อเขาทุกอย่าง
เริงมองตะลึงเหมือนต้องอาคม พูดกับภูมินทร์อย่างซึ้งใจพลางยกมือไหว้ “ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ผมคงแย่”
“ครูไม่ต้องไหว้ผมครับ เดี๋ยวผมอายุสั้นกันพอดี ครูนอนพักเถอะนะครับ เห็นครูดีขึ้นแบบนี้ผมก็โล่งใจ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
คะนึงนิจกับราชาวดีคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง คะนึงนิจปรารภว่า ภูมินทร์ทำแบบนี้ต้องหวังทำคะแนนกับราชาวดีแน่ บ่นเสียดายที่เงินเรามีไม่มาก ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ให้เขาเข้ามายุ่งกับครูแน่
“ไม่ว่าพี่ชายนิจจะทำเพราะเหตุผลอะไร เราก็ต้องขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตพ่อเอาไว้ เรื่องเงิน เราจะรีบหามาคืนเขา”
“เออ...จริงสิ เราลืมบอกเรื่องพี่กล้าไปเลย” คะนึงนิจฉุกคิดได้ ราชาวดีถามว่ากล้าเป็นอะไรอีกแล้วหรือ “ตอนนี้คุณน้ากระเต็นรู้แล้วว่าใครจะเป็นพยานให้พี่กล้าพ้นผิด”
“จริงเหรอนิจ...” ราชาวดีดีใจมาก
หารู้ไม่ว่า ภูมินทร์แอบมาได้ยิน กลับถึงบ้านเล่าให้เสี่ยไพบูลย์ฟัง ก็พอดีเหล็งมารายงานว่า
“สายของเราบอกว่า แม่ไอ้กล้ากำลังวิ่งเต้นกับตำรวจเจ้าของคดี ขอร้องยังไม่ให้ส่งสำนวนฟ้อง มันอ้างว่ายังมีพยานปากสำคัญเป็นสัปเหร่อที่วัด”
คมอาสาจะไปจัดการให้ เสี่ยห้ามไว้เพราะขืนเราลงมือเอง ตำรวจต้องสงสัยแน่
“งั้นคงต้องยืมมืออาจารย์ยอดอีกครั้ง” ภูมินทร์จิกตาพึมพำ
ooooooo
เมื่อภูมินทร์ไปบอกอาจารย์ยอดว่าต้องกำจัดตากล่ำ อาจารย์ยอดจึงปล่อยวิญญาณเสือทับที่สะกดไว้ออกไปหลอกหลอนตากล่ำที่กอดขวดเหล้าเดินเมากลับวัด
ตากล่ำมาเจอหัวของเสือทับที่พื้น เดินเข้าไปทัก “เฮ้ย...เอ็งเมาเหมือนข้ารึไงวะ ถึงมานอนอยู่ที่พื้นเนี่ย”
ทันใดนั้น มีมือมาหยิบหัวเสือทับลอยไปวางไว้บนคอ ตากล่ำหายเมาเป็นปลิดทิ้งร้องโวยวายว่าผีหลอกวิ่งเตลิดเปิดเปิง แต่ถูกเสือทับไปดักหน้าจับบีบคอตายคามือ
กระเต็นกับหาญเดินตามหาตากล่ำมาถึงศาลาท้ายวัด เด็กวัดบอกว่าเมื่อกี้ยังเห็นเมาอยู่แถวนี้เลย หายไปไหนเสียแล้ว หาญมองหาไปรอบๆ ร้องอย่างดีใจ “นั่นไง... นายกล่ำอยู่นั่น”
ทั้งสองรีบไปหา ตากล่ำเดินทื่อตาไร้แววเข้าหาทั้งสอง พริบตานั้นก็ยื่นมือมาบีบคอกระเต็น หาญตกใจกระชากตากล่ำออกอัดจนทรุดลงไปกอง กระเต็นตกใจกลัวตากล่ำตายเพราะเป็นพยานปากสำคัญที่จะช่วยกล้าได้ จะเข้าไปดู หาญดึงไว้ตัวเองเอื้อมมือไปจับชีพจร ปรากฏว่าตากล่ำตายไปแล้ว
หาญเพ่งจิตครู่หนึ่ง เห็นวิญญาณของเสือทับจ้องมาอย่างอาฆาต ทันใดนั้นศพตากล่ำก็ลืมตาคว้ามือหาญไว้ หาญสะบัดสุดแรงแต่ไม่หลุด ตากล่ำเหวี่ยงแขนอีกข้างใส่หาญและกระเต็น หาญผลักกระเต็นหลบได้ทันแต่ตัวเองถูกตากล่ำบีบคอคำราม “มึงต้องตาย!! ฮ่าๆๆ”
หาญรู้ทันทีว่านั่นไม่ใช่ตากล่ำ รีบดึงลูกสะกดหัวใจสิงห์ออกมากำ ว่าคาถาเป่า แล้วกระแทกใส่ตากล่ำ ตากล่ำร้องลั่น วิญญาณเสือทับออกจากร่าง ศพตากล่ำร่วงลงพื้น หาญอุทาน “ไอ้ทับ!”
“เสือทับ!? เป็นไปไม่ได้ วิญญาณมันถูกสะกดเอาไว้แล้ว” กระเต็นตกใจ
“เอ็งรู้ไหมว่า ข้าต้องทนทรมานแค่ไหนกว่าจะได้อิสรภาพ เพื่อกลับมาล้างแค้นเอ็ง ไอ้หาญ!” เสือทับตะคอกจ้องหาญตาลุกวาว แล้วพุ่งเข้าเล่นงาน
เสือทับใช้มีดพร้าพุ่งเข้าโจมตีหาญ หาญใช้สนับเล็บเสือตั้งรับ ต่างใช้ทั้งอาวุธและอาคมต่อสู้กันแต่ไม่มีใครทำอะไรใครได้ จนกระทั่งหาญร้องลั่นเหมือนโดนพลังอะไรบางอย่าง
ร่างทับหายไปแล้ว มีเสียงหัวเราะกึกก้องเข้ามาพร้อมกับการปรากฏขึ้นของอาจารย์ยอด
“คิดไม่ถึงว่าแรงอาฆาตของไอ้ทับที่มีต่อเสือหาญมันจะแรงถึงเพียงนี้”
“เอ็งเป็นใคร”
“ข้าคือคนถอนอาคม ที่สะกดวิญญาณของไอ้ทับไว้ยังไงล่ะ”
ย้อนหลังไปเมื่อ 30 ปีก่อน...หัวเสือทับที่ถูกตัดแยกจากร่าง ถูกยิ่งยศว่าคาถาพลางดันตะปูหายเข้าไปในหน้าผากแล้วสั่งการ
“เอาร่างมันไปเผาทำลายเสีย ส่วนหัวก็แยกไปฝังไว้ในป่าช้า ห้ามดึงตะปูนี้ออกเด็ดขาด ตอนนี้ถึงมันเป็นผีก็ไม่สามารถอาละวาดสร้างความเดือดร้อนให้ใครได้อีก”
ต่อมาลูกศิษย์อาจารย์ยอดขุดพบกะโหลกเสือทับ อาจารย์ยอดว่าคาถาจนตะปูค่อยๆ หลุดจากหน้าผาก วิญญาณเสือทับหลุดจากถูกสะกด ร้องถามอาจารย์ยอดอย่างดุร้ายว่า
“เอ็งบังอาจเรียกวิญญาณข้ามา รู้ใช่ไหมว่าข้าเป็นใคร”
“ข้าสู้ถอนอาคมที่สะกดเอ็งไว้ ก็เพราะข้ารู้น่ะสิว่าเอ็งเป็นใคร นี่ใช่ไหม ของที่เอ็งต้องการ” อาจารย์ยอดชี้ไปที่กะโหลกบนพาน
เสือทับเดินไปหยิบกะโหลกวางลงบนคอ ต่อหัวตัวเอง สำเร็จ เสือทับยิ้มเหี้ยมจ้องหน้าอาจารย์ยอดอย่างอาฆาต อาจารย์ยอดปรามอย่างเป็นต่อว่า
“อย่าคิดจะแว้งกัดข้าได้ อาคมของข้ากำกับวิญญาณของเอ็งเอาไว้แล้ว ต่อแต่นี้ เอ็งต้องเป็นทาสรับใช้ข้า”
เสือทับจำต้องรับชะตากรรมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ครั้งนี้จึงถูกอาจารย์ยอดใช้มาต่อสู้กับหาญ
หาญจ้องหน้าอาจารย์ยอดถามว่า เราเคยมีความแค้นเคืองอะไรต่อกันหรือถึงต้องมาลอบกัดกันแบบนี้
“ไม่มี...เพียงแต่หลานของเอ็งกับพ่อเลี้ยงภูมินทร์ลูกศิษย์ของข้าเป็นศัตรูกัน ไม่มีเอ็งเสียคน คนอย่างไอ้กล้ามันก็แค่หมาตัวนึงเท่านั้น”
อาจารย์ยอดบริกรรมคาถา ซากศพนับสิบผุดขึ้นจากดินรวมทั้งตากล่ำ ถาโถมเข้าโจมตีหาญกับกระเต็น หาญว่าคาถาปลุกเสือเผ่น ส่วนกระเต็นใช้มีดหมอต่อสู้
แต่บรรดาซากศพเหล่านั้นที่ถอยก็ถอยไปแต่ก็มีผุดขึ้นมาใหม่ถาโถมเข้าใส่ไม่ขาดสาย หาญจะเข้าช่วยกระเต็นก็ถูกเสือทับเข้าขวาง หาญจึงว่าคาถาหมัดธนูมือ ซัดใส่ซากศพเหล่านั้นจนสลายไป
อาจารย์ยอดเห็นดังนั้นพุ่งออกมาใช้ไม้เท้าสู้กับสนับเล็บมือเสือของหาญเกิดเสียงปะทะกันสนั่นหวั่นไหว
ส่วนกระเต็นถูกเสือทับรุกไล่จนถอยไปติดต้นไม้ เสือทับชะล่าใจเงื้อมีดพร้าพุ่งเข้าหา กระเต็นยกมีดหมอแทงสวนออกไปทะลุอก
“ไหนๆ แกก็ตายไปแล้ว ฉันจะส่งวิญญาณแกลงนรกเอง” กระเต็นกระแทกมีดให้ลึกลงไปอีก แต่เสือทับกลับยิ้มเยาะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดเย้ยว่า
“ผีอย่างข้า ตายแค่ครั้งเดียวโว้ย ข้าเป็นคนฆ่าพ่อเอ็งกับมือ คราวนี้คงถึงทีเอ็งบ้างแล้ว”
เสือทับสะบัดแขนปะทะร่างกระเต็นจนถลา ตามไปซ้ำจนกระเต็นกระอักเลือด ก่อนจะพุ่งไปบีบคอแน่น!
ooooooo










