สมาชิก

เสือสั่งฟ้า2 พยัคฆ์ผยอง

ตอนที่ 18

ขุนโชติย่นระยะทางมาถึงพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านทุ่งพระกาฬ พึมพำอย่างตีบตื้น “ทุ่งพระกาฬ บ้านข้า”

ขณะนั้นเอง มีตำรวจสองนายกำลังลำเลียงของใช้ส่วนตัวของหลวงณรงค์ออกมา เจ้าหน้าที่เข้ามาถามว่า จะทำอะไร

“มีคำสั่งว่าหลวงณรงค์ฤทธิ์โยธา เป็นพวกฉ้อฉล โกงเงิน ไม่ควรจะเคารพบูชาอีกต่อไป ให้เอาของใช้ของ หลวงณรงค์ไปเผาทำลายให้หมด” ตำรวจนายหนึ่งชี้แจง

“เหลวไหล หลวงณรงค์เป็นคนซื่อสัตย์ สร้างคุณประโยชน์ให้กับทุ่งพระกาฬตั้งมากมาย ทั้งที่ดิน ทั้งข้าวของเครื่องใช้ ทรัพย์สินทุกอย่างก็ยกให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ใครๆเขาก็รู้”

ตำรวจไล่เจ้าหน้าที่ให้หลีกทาง เพราะตนทำตามคำสั่ง เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ยอม ยืนขวางพูดขึงขังว่า รู้ไหมว่า ของพวกนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์แค่ไหน แล้วหยิบจดหมายที่ซีลพลาสติกไว้อย่างดีออกมาให้ดู เป็นลายมือของหลวงณรงค์ที่เขียนด้วยปากกาคอแร้ง บอกตำรวจว่า

“แค่จดหมายที่หลวงณรงค์เขียนไว้ก่อนตายฉบับนี้ มันก็มีค่ามากกว่าทองคำแล้ว”

“ไม่รู้ล่ะ ยังไงเราก็ต้องเอาไปเผา” ตำรวจนายนั้นยืนกรานทำตามคำสั่งเจ้านาย กระชากจดหมายฉบับนั้นคืน ผลักเจ้าหน้าที่คนนั้นให้พ้นทาง ขุนโชติก้าวเข้าไปจับมือตำรวจและดึงจดหมายไป ตำรวจชักปืนทันที ถูกขุนโชติเป่ามนต์นะจังงังพรวดเดียว ตำรวจก็ยืนแข็งกับที่ เจ้าหน้าที่ที่ยังไม่โดนมนต์ถามงงๆว่า “อะไรกันนี่”

“เอ็งบอกว่าหลวงณรงค์ตายไปแล้วรึ” ขุนโชติจ้องหน้าถาม เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบแทบไม่เป็นภาษาว่า ใช่... “ข้าไม่มีวันเชื่อ ถ้าข้าไม่ได้เห็นเถ้ากระดูกของมัน” ขุนโชติตะปบคอเจ้าหน้าที่คนนั้นจนตาเหลือก

ooooooo

เจ้าหน้าที่นายนั้นพาขุนโชติไปที่ศาลาวัด เอื้อมหยิบโกฏิบรรจุอัฐิหลวงณรงค์ที่วางอยู่ส่งให้ขุนโชติดู

“นี่ครับ อัฐิหลวงณรงค์ที่ญาติเอามาไว้ที่วัด เพื่อให้ชาวทุ่งพระกาฬมากราบบูชา” ขุนโชติถามว่า ตายด้วยเหตุอันใด “ติดไข้มาลาเรียจากในป่า คือตัวท่านเองเขียนเล่าเอาไว้ในจดหมายก่อนจะสิ้นใจครับ”

เจ้าหน้าที่ยื่นจดหมายให้ขุนโชติ แต่ขุนโชติอ่านหนังสือไม่ออก จึงให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นอ่านให้ฟัง

“ข้า...หลวงณรงค์ฤทธิ์โยธา รู้สึกเสียใจยิ่งนักที่มิอาจแก้ไขความผิดที่ล่วงมาแล้วอย่างที่ได้ตั้งใจไว้ กรรมที่ข้าก่อไว้กับขุนโชติ ลูกเมีย และลูกสมุนทั้งหลาย หนักหนาสาหัสนัก...”

ขุนโชตินึกเห็นภาพในอดีตขึ้นมาอย่างเจ็บแค้น... วันนั้น สร้อยเมียของขุนโชตินัดไปพบกันที่ชายป่าเพื่อบอกข่าวของพวกทางราชการ แต่เมื่อได้เวลายังไม่เห็นสร้อยมา ขุนโชติจึงเดินเข้าไปในกระท่อม พบสร้อยที่กำลังท้องอ่อนๆ นอนเปลือย มีผ้าขาวม้าคลุมร่างไว้เท่านั้น เนื้อตัวบอบช้ำไปหมด

ขุนโชติผวาเข้าไปถามว่าใครทำ สร้อยบอกอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า

“พวกโปลิศ...พวกมันข่มเหงข้า มันบังคับข้าให้บอกที่ซ่อนชุมโจร แต่...แต่ข้าไม่ยอมบอก” ขุนโชติจะพาสร้อยไปหาหมอ “ไม่...พี่โชติ...ไม่ทันแล้ว พี่หนีไป...” สิ้นเสียงสร้อยก็สิ้นลมในอ้อมกอดของขุนโชติ

“นังสร้อย...” ขุนโชติร้องอย่างเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกควักออกไป ขุนโชติถูกตำรวจที่นำโดยหลวงณรงค์ล้อมไว้ แต่ก็นำสมุนตีฝ่าออกไปได้ หลวงณรงค์ยิ้มเหี้ยมสั่งตำรวจว่า

“ตามมันไปให้ถึงรัง วันนี้เราจักปิดคดีไอ้ขุนโชติให้จงได้!”

การตามล่าของหลวงณรงค์ครั้งนี้ได้ฆ่าเสือดำ

กับเสือไทตาย และฆ่าขุนโชติสะกดวิญญาณไว้ในวังพยัคฆ์ ส่วนบุญมา ตำรวจที่หลวงณรงค์สั่งให้เอาตัวสร้อยไปล่อขุนโชติออกมา แต่กลับข่มขืนสร้อย อ้างว่าเป็นเมียโจรอาญาไม่พ้นต้องตายอยู่แล้ว ก็ถูกหลวงณรงค์สั่งให้จองจำไว้ ตนจะกำหนดวันประหารภายหลัง เพื่อไม่ให้ผู้ใดเอาเป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

นั่นคือเหตุการณ์ในอดีต ที่หลวงณรงค์ได้บันทึกไว้ในจดหมายว่า

“แม้ข้าได้ลงทัณฑ์ไอ้บุญมาแล้ว แต่ก็มิเคยนอนตาหลับ เสียงสาปแช่งของขุนโชติยังคงก้องอยู่ในหู...”

ขณะหลวงณรงค์ป่วยหนักจนเดินแทบไม่ไหว ก็ยังบอกแก่บรรดาผู้ติดตามว่า จะไปให้ถึงวังพยัคฆ์เพื่อปลดปล่อยวิญญาณของขุนโชติให้ได้

เมื่อป่วยหนักในสภาพหายใจรวยริน หลวงณรงค์ไม่อาจเขียนจดหมายด้วยตัวเอง จึงพูดให้ตำรวจที่ใกล้ชิดช่วยเขียนแทนว่า...

“สมบัติของข้าทั้งหมด ข้าขอยกให้เป็นของแผ่นดิน หากจักมีผลบุญใดก่อเกิดจากการครั้งนี้ ขออุทิศให้ขุนโชติและลูกหลานของมัน แลข้าขออโหสิกรรมต่อวิญญาณทุกดวงที่ข้าเคยได้เบียดเบียนให้ได้รับทุกข์ อย่าได้ผูกเวรต่อกันอีกเลย...”

ขุนโชติได้ฟังจดหมายของหลวงณรงค์ทั้งหมดแล้ว กำหมัดพึมพำทั้งอับอายและเจ็บใจว่า

“ข้าช่างเขลาเบาปัญญานัก ไอ้ดำเตือนสติแล้ว กลับไม่ฟัง ถูกไอ้ยอดมันสนตะพายหลอกใช้มาตลอด”

เจ้าหน้าที่ที่อ่านจดหมายให้ฟังถามว่า “แล้ว...คุณเป็นลูกหลานของหลวงณรงค์เหรอครับ”

ขุนโชติส่ายหน้าตอบเหมือนไร้วิญญาณว่า “ข้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของมัน” แล้วเดินหายไปในอากาศ เจ้าหน้าที่คนนั้นตาเหลือกหงายผลึ่งจดหมายร่วงจากมือ พอลุกได้ก็วิ่งเตลิดไป

ooooooo

หาญแหวกอากาศเข้ามาถึง เห็นจดหมายตกอยู่หยิบขึ้นมาดู เพียงหลับตาก็เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด หาญย่นระยะทางไปยังทุ่งพระกาฬ มองหาขุนโชติพลางร้องเรียก

“ขุนโชติ ข้ารู้ว่าเอ็งอยู่แถวนี้ ออกมาเถิด เรื่อง ระหว่างเราควรจะจบเสียที”

อึดใจเดียว ขุนโชติปรากฏตัว พุ่งเข้าโจมตีหาญทันที แต่พอหาญซัดหมัดใส่ไม่ยั้ง ขุนโชติกลับแค่ปัดป้องแล้วเปิดช่องให้หาญซัดจนกระเด็น กระอัก หาญรีบเข้าไปดู

“เอ็งพูดถูก ความแค้นของเราจักต้องจบสิ้นในวันนี้ เอาชีวิตข้าไปเถิด” ขุนโชติเอ่ยขึ้นก่อน

“เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นหรือ?”

“ข้าหลงเข้าใจผิดคิดว่าเอ็งเป็นหลวงณรงค์ ทั้งที่มันตายไปแล้ว ข้าหลงโทษว่ามันโหดเหี้ยม โลภโมโทสันแต่มันก็มิได้เป็นเยี่ยงนั้น ผู้กระทำการชั่วช้าคือตัวข้าเอง ข้าปล้นชิง เข่นฆ่าผู้คน ฉุดคร่าผู้หญิง ไม่สนใจว่าจะเป็นลูกเขาเมียใคร จนกรรมชั่วย้อนกลับมาสนอง ทำให้ข้าทำร้ายสายเลือดของตัวเอง ไอ้ผิวหัวหน้าขุนโจรผาดำคือลูกของข้า ไอ้ผาดเป็นหลานข้า”

“งั้นเจ้ากล้าก็เป็นหลานของเอ็ง”

“หากเอ็งต้องการแก้แค้น ก็ลงมือเถิด” ขุนโชติสำนึกผิด คุกเข่าลงตรงหน้า หลับตาพร้อมรับกรรม หาญมองนิ่งสะบัดเล็บเสือเงื้อสนับขึ้นเหมือนจะฟาดลงบนกระหม่อมขุนโชติ แต่แล้วกลับวางไว้บนบ่า ขุนโชติลืมตามองอย่างสงสัย

“ตอนนี้เอ็งก็ได้รับผลกรรมของตัวเองแล้ว ข้าอโหสิให้เอ็ง ไม่มีประโยชน์ที่จะจองเวรคนที่สำนึกผิดแล้ว ส่วนเรื่องทางโลกก็ปล่อยให้กฎหมายบ้านเมืองจัดการ”
ขุนโชติบอกว่าตนไม่มีวันยอมถูกจองจำ ยกกงเล็บขึ้นจะจิกกระหม่อมตัวเอง หาญล็อกตัวขุนโชติไว้เตือนสติว่า

“ถึงตายก็หนีพ้นวิบากกรรมที่ตัวเองก่อไว้ไม่ได้หรอก ผิดแล้วแก้ไข จึงจะนับว่าเป็นคนเต็มคน ที่สำคัญเอ็งต้องกลับไปช่วยกล้า เหลนของเอ็ง”
ขุนโชติชะงักอย่างได้คิด

ooooooo

ในโบสถ์ร้าง อิสุโร...

กระเต็นสวมตะกรุดสามกษัตริย์คืนให้กล้าน้ำตานองหน้าบอกกล่าวกับร่างที่ไร้ความรู้สึกตรงหน้า

“ตะกรุดสามกษัตริย์เป็นมรดกที่พ่อให้ไว้กับลูก มันควรอยู่กับลูกตลอดไป”

ที่ด้านหลังกระเต็น ยิ่งยศกัดกรามแน่น จุกเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ ขณะนั้นเอง เบื้องหลังของทุกคน ช่องอากาศแหวกออก หาญพาขุนโชติโผล่มา หาญเห็นกล้านอนอยู่หน้าองค์พระประธาน เขารีบเดินเข้าไปถามกระเต็น

“กล้าเป็นยังไงบ้าง” แต่พอเห็นใบหน้ากล้าซีดขาวก็รู้ว่าตายแล้ว หาญอึ้งทรุดนั่งพึมพำ “ข้ามาช้าไปหรือนี่...”

“ไอ้กล้า...” ขุนโชติร้องเรียก ทุกคนหันมอง ยิ่งยศหน้าเครียดทันที ลุกขึ้นประกาศจะฆ่าล้างแค้นแทนกล้ากระโดดถีบขุนโชติกระเด็น ร่ายคาถาพยัคโฆพยัคฆา นะโมพุทธายะ รอยสักเสือเผ่นบนหน้าอกเรืองรองขึ้น พุ่งเข้าเล่นงานขุนโชติทันที

เพราะรู้ว่าตัวเองผิด ขุนโชติไม่ต่อสู้ ไม่ปัดป้อง หาญร้องห้าม เข้าขวาง ยิ่งยศไม่ฟังเสียงซัดหาญจนกระเด็น ขุนโชติไม่ตอบโต้แต่พยายามเดินเข้าไปหากล้า ถูกกระเต็นเอาดาบประจุพรายฟันจนผงะล้มลงแต่ฟันไม่เข้า

“อย่าแตะต้องลูกฉัน ไอ้สารเลว!” กระเต็นด่า ร้องท้า “ลุกขึ้นมา ไอ้มหาโจร ถ้าวันนี้ฉันฆ่าแกไม่ได้ แกก็เอาชีวิตฉันไป”

“มา...ไอ้จุกเอาด้วย วันนี้ตายเป็นตาย” จุกคว้าไม้เข้าไปตีไม่ยั้งจนขุนโชติกระเด็นมาที่แทบเท้ากระเต็น กระเต็นจะฟันหาญรีบจับไว้ ร้องบอก

“กระเต็น ฟังข้าก่อน กล้าเป็นเหลนของขุนโชติ” กระเต็นชะงัก ขุนโชติบอกว่าผิวพ่อของเสือผาดปู่ของกล้าเป็นลูกตน ยิ่งยศได้ฟังด่าว่าบ้าไปแล้ว ตนไม่เชื่อ หาญย้ำว่า “เชื่อเถอะ ไอ้ยิ่ง นี่เป็นวิบากกรรม”

ขณะนั้นเอง ศรีแพรเดินโซเซเข้ามา พอเห็นหาญก็โผเข้าหา ดีใจที่หาญรอดทั้งที่ตัวเองเจ็บเจียนตาย

“ข้าดีใจจริงๆที่ได้เจอเจ้าอีก” พูดจบก็หมดสติในอ้อมกอดของหาญ

เมื่อตรวจศรีแพรแล้ว หาญบอกทุกคนว่า

“โชคดีที่ในร่างศรีแพรมีพิษตะขาบไฟอยู่ จึงมีแรงต้านพิษจากกงเล็บกุมภีร์พิฆาต”

ทุกคนทั้งดีใจและเสียใจระคนกัน กระเต็นถามหาญว่าขุนโชติเป็นทวดของกล้าจริงหรือ หาญบอกว่าหาก ขุนโชติไม่สำนึกก็คงไม่กลับมากับตนแต่โดยดี

“แต่ถึงมันจะสำนึก มันก็ไม่ได้ช่วยให้ไอ้กล้าฟื้นขึ้นมาได้” ยิ่งยศพูดอย่างไม่หายโกรธ จุกถามว่าแล้วทำไมเราไม่ชุบชีวิตกล้าขึ้นมาเหมือนอย่างที่ชุบชีวิตขุนโชติกับผู้การยิ่งยศเล่า

“จริงด้วย...ถ้าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ชุบชีวิตท่านผู้การ กลับมาได้ก็ต้องชุบชีวิตของกล้าได้เหมือนกัน หนูขอร้องนะคะคุณพ่อ ช่วยกล้าอีกสักครั้ง” กระเต็นขอร้องหาญอย่างมีความหวัง แต่หาญกลับตอบอย่างหนักใจว่า

“มันไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนคิดหรอกนะ การชุบชีวิตในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ต้องใช้เลือดและพลังของผู้มีอาคมแก่กล้า แต่ตอนนี้ร่างกายของข้าไม่สามารถหลั่งเลือดได้ เพราะกลายเป็นเหล็กไหลไปแล้ว”

“งั้นฉันเอง ฉันยินดีสละเลือดให้เจ้ากล้า” ยิ่งยศอาสา

“แกลืมไปแล้วรึไอ้ยิ่ง แกคืนชีพได้ก็เพราะบ่อน้ำนั่น หากหลั่งเลือดกลับลงไป ก็เท่ากับคืนชีวิตให้กับบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย”

“สำหรับฉัน ตายเรื่องเล็กว่ะไอ้หาญ ถ้าได้สละชีวิตเพื่อให้คนดีอย่างไอ้กล้าฟื้นคืน ฉันก็เต็มใจ”

“ขอบพระคุณค่ะ ท่านผู้การ” กระเต็นก้มกราบยิ่งยศอย่างซาบซึ้งใจ

หาญมองหน้ายิ่งยศ อย่างรู้ใจเพื่อนรักว่า...คงห้ามไม่ได้แล้ว...

ยิ่งยศเดินนำกลับเข้าไปในโบสถ์ร้าง ทุกคนตกใจเมื่อกล้าหายไปแล้ว เชื่อว่าต้องเป็นฝีมือขุนโชติแน่ๆ หาญเชื่อว่าขุนโชติไม่มีเจตนาร้ายกับกล้าแน่ แต่พอสบตากับยิ่งยศก็ฉุกคิดได้ว่า ขุนโชติอาจพากล้าไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

หาญจะไปตามกล้า กระเต็นขอไปด้วย หาญบอกว่าอาคมกระเต็นไม่แก่กล้าพอ จะทำให้ตนห่วงหน้าพะวงหลัง แล้วฝากยิ่งยศให้ดูแลทางนี้ ยิ่งยศจะท้วงติง หาญตัดบทว่า

“ศรีแพรยังบาดเจ็บ ฉันขอร้อง” ว่าแล้วย่นระยะทางแหวกอากาศไปท่ามกลางความกังวลของทุกคน

ooooooo

ที่กลางป่า อาจารย์ยอดโผล่พรวดขึ้นมาจากพื้นดินนอนแผ่หอบอย่างอ่อนล้า ในสภาพบาดเจ็บสาหัส

“คิดเหรอว่าจะกำจัดข้าได้” อาจารย์ยอดพึมพำสะใจที่ตัวเองดำดินหนีรอดมาได้ในขณะที่ต้นไม้ล้มทับลงมาพอดี ค่อยๆคลานไปดื่มน้ำที่แอ่งอย่างกระหาย มองไปรอบๆอย่างผิดสังเกต “แปลก...เงียบแบบนี้ไม่ดี...ไม่ดีแน่”

แต่พออาจารย์ยอดลุกกะเผลกจะเดินหนี เสียงเสือทับก็ดังขึ้น “ไอ้ยอด!” พออาจารย์ยอดหันไปก็ถูก เสือทับตบหน้าหงาย อาจารย์ยอดตกใจหว่านล้อมว่าเราพวกเดียวกัน และตนสามารถช่วยเสือทับที่บอบช้ำได้ เสือทับไม่เชื่อ อาจารย์ยอดว่าคาถากำดินสะบัดเป็น กระสุนไฟใส่จนเสือทับร้องลั่นหายไป แต่พริบตาเดียวก็โผล่มาบีบคออาจารย์ยอดหมายให้ตายคามือ

“ยะ...อย่า...อย่าลืมสิว่าข้าให้สิ่งที่เอ็งต้องการได้” อาจารย์ยอดต่อรองด้วยเงื่อนไขที่เหนือกว่า บอกว่ากะโหลกของเสือทับอยู่ที่ตน ถ้าเสือทับตุกติกคงรู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร

อาจารย์ยอดพาเสือทับไปที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ทำพิธีชุบชีวิตให้เสือทับ ใช้พลังไปมากจนตัวเองหมดแรงพอเห็นชุบชีวิตเสือทับสำเร็จ อาจารย์ยอดก็รีบหนีไป แต่ไปถึงกลางป่า เจอภูมินทร์ที่ตกเหวแต่ยังไม่ตาย ถูกบรรดาสัตว์ร้ายรุมแทะ เพราะภูมินทร์มีพิษว่านอสูรในตัว จึงต้านพิษจากสัตว์ร้ายได้ แต่ก็กลายเป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจไป

ภูมินทร์จะคิดบัญชี อาจารย์ยอดรีบหว่านล้อมหลอกล่อ บอกว่าตนไม่เคยคิดทรยศกับพ่อเลี้ยง อ้างว่า...

“ข้าดูดวงพ่อเลี้ยงแล้วว่ายังไม่ถึงฆาต ถึงให้ พ่อเลี้ยงกินว่านอสูร ต่อไปเราจะร่วมมือกันกำจัดไอ้ขุนโชติ ข้าจะทำให้พ่อเลี้ยงยิ่งใหญ่ เชื่อข้า”

“อย่าไปเชื่อมัน!” เสียงเสือทับแทรกขึ้น ภูมินทร์หันมองอึ้ง “ข้าเสือทับ ไม่ใช่ไอ้ผีเร่ร่อนอีกต่อไป  ถ้าเอ็งอยากปิดบัญชีแค้นละก็...ข้าต่างหากที่ช่วยเอ็งได้  เลือด ของคนที่มีอาคมอย่างมัน จะช่วยให้เราปลุกชีพโจรขึ้นมาได้ทั้งชุม!”

“มันเลี้ยงไม่เชื่อง!” อาจารย์ยอดพยายามช่วงชิงภูมินทร์ไปเป็นพวก “มันบังคับให้ข้าชุบชีวิตมันแล้วก็จะฆ่าข้า ทั้งๆที่ข้าเป็นคนปลดปล่อยวิญญาณมัน  กำจัดมันซะพ่อเลี้ยง”

“เอ็งมีพิษ ข้ามีอาคมกับสมุนที่ฝีมือกล้าแข็ง คิดดูว่าถ้าเอ็งร่วมมือกับข้า สร้างชุมโจรขึ้นมายึดพระนครจะทำให้พวกเรายิ่งใหญ่แค่ไหน” เสือทับหว่านล้อมล่อใจภูมินทร์แข่งกับอาจารย์ยอด

“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ช่วยเอ็งสองคนได้ ข้าจะทำให้เอ็งเป็นขุนโจรที่ยิ่งใหญ่” อาจารย์ยอดกลับลำทันที ภูมินทร์ถามว่าจริงหรือ แล้วเดินเข้าหา อาจารย์ยอดถอยพลางยืนยัน “จริงๆนะ ข้ายังมีของขลังอีกหลายเล่ม ข้าจะถ่ายทอดให้เอ็ง ข้า...อ๊ากกกกก” อาจารย์ยอดร้องลั่นเพราะถูกเสือทับฟันด้วยพร้าร้องโหยหวนลั่นป่า

ooooooo

ที่อิสุโร...จุกไปนั่งแอบคำนวณดวงชะตาตัวเองแล้วตกใจเมื่อเห็นว่าชะตาตนถึงฆาต ยิ่งยศเดินมาเจอถามว่าทำอะไร จุกปดว่าแค่นั่งเขียนอะไรเล่นไปเรื่อย

“ไปนอนได้แล้ว ถึงข้าว่ามนต์พรางตาที่นี่ไว้ แต่ก็วางใจไม่ได้ คืนนี้ข้ากับรักยมจะอยู่เฝ้ายามเอง” ยิ่งยศบอกแล้วเดินไป จุกยังนั่งหน้าซีด เครียดกับชะตาตัวเอง ทั้งตกใจทั้งกลัวไม่รู้จะทำอย่างไร

ที่อีกมุมหนึ่ง กระเต็นยืนมองฟ้าแม้จะพยายามทำใจเข้มแข็งแต่น้ำตาก็ยังไหลอาบหน้าด้วยความเป็นห่วงกล้า ภาวนากับเพชรว่า ให้ช่วยกล้า ให้ช่วยหาญพากล้ากลับมาให้ได้

ยิ่งยศเข้ามา กระเต็นรีบเช็ดน้ำตาแต่ยิ่งยศก็ดูออกว่าเธออยู่ในความรู้สึกอย่างไร เข้าไปยืนข้างๆ บอกว่า

“เธอรู้ไหมว่าตลอดชั่วชีวิต ฉันเสียใจอะไรมากที่สุด ฉันเสียดายที่หลงทำความชั่ว จนเกศินีแม่ของเพชรต้องตาย เพชรเองก็ต้องด่างพร้อยและโดดเดี่ยว แต่เธอทำให้ฉันรู้ว่า ไอ้เพชรมันโชคดีแค่ไหน ที่ผ่านมา เธอทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว หนักแน่นเข้าไว้นะกระเต็น หาญต้องพาเจ้ากล้ากลับมาได้แน่”

“ค่ะ...กล้าต้องได้กลับมา” กระเต็นพยักหน้ารับอย่างซึ้งใจ ต่างมองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง...เชื่อมั่น

ooooooo

ราชาวดียังถูกขังอยู่ที่บ้านภูมินทร์ คืนนี้เธอฝันว่ากล้ามาช่วย แต่กล้าเพียงมาขอโทษที่ปกป้องเธอไม่ได้และสัญญาว่าชาติหน้าหรือชาติไหนก็ตาม ตนจะรักเธอเหมือนเดิม

ราชาวดีตกใจตื่นจากฝันร้าย ยังตะโกนเรียกกล้าอย่างหวาดผวา คมกับงามตาได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา งามตาพูดเย้ยว่าคงคิดถึงกล้ามากถึงได้พร่ำเพ้อเสียลั่น
ครั้นเธอถามว่ากล้าอยู่ไหน คมบอกว่ากล้ากลายเป็นเสือปล้นฆ่าเสวยสุขบนกองเงินกองทองจนลืมเธอไปแล้ว

“ไม่...ฉันไม่มีวันเชื่อว่าพี่กล้าจะทำแบบนั้น แล้วเขาก็ไม่มีทางทิ้งฉันแน่ๆ พี่กล้าต้องตามมาช่วยฉัน ถึงเวลานั้นพวกแกทั้งหมดคง...”

“นี่คิดจะขู่พวกฉันงั้นเหรอ” งามตาปราดเข้าตบหน้าราชาวดี ทั้งคู่โต้เถียงกันรุนแรงจนคมตวาดให้พอ เข้าไปดึงตัวงามตาออกไป

ราชาวดียังใจไม่ดีกับความฝัน เฝ้าถามด้วยความเป็นห่วง “พี่กล้า...พี่กล้าอยู่ไหน...”

คมลากงามตาออกไปไม่นาน สมุนก็เข้ามารายงานว่า

“สายที่ปางไม้แจ้งมาว่า พวกไอ้ขุนโชติกับไอ้กล้ามาอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้วครับ ท่านรองอำนวยช่วยจัดการเรื่องที่พักให้”

คมท่าทีตกใจ งามตาถามว่าจะกลัวทำไมเรามี สมุนอยู่มากมาย

“รู้ไหม...ว่าขุนโชติฝีมือมันร้ายกาจแค่ไหน ถ้ามันรู้ว่าไอ้ไทอยู่กับเรา มันคงไม่เอาเราไว้แน่ ฉันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว” คมเครียดคิดแผนแก้ปัญหา

ooooooo

ที่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์...ขุนโชติแบกร่างกล้าไปวางที่ข้างบ่อน้ำลูบหัวกล้าพึมพำอย่างแสนอาลัย

“ไอ้กล้า...เหลนข้า...”

ขุนโชตินึกถึงเมื่อครั้งที่ฝึกกล้ารำดาบ กล้ารำได้อย่างสวยงามจนเขาเอ่ยปากชมว่า

“เอ็งหัวไวได้อย่างใจข้านัก ท่ารำดาบสองมือนี่ข้าเคยหวังจักถ่ายทอดให้แก่ลูกชายของข้า บัดนี้ เอ็งรับสืบทอดไปแล้ว”

กล้าถามว่าอาจารย์มีลูกชายด้วยหรือ แล้วเขาไป ไหนเสียเล่า ขุนโชติเล่ามีความเจ็บปวดแฝงในน้ำเสียงว่า

“มันโกรธข้า หนีจากข้าไปตั้งแต่ยังรุ่น นับแต่นั้นข้าไม่เคยได้พบมันอีกเลย”

“เขาคงยังคิดถึงอาจารย์ แต่อาจจะมีเหตุผลที่กลับมาหาไม่ได้”

“เอ็งรู้รึไม่ ข้าเองลืมเลือนลูกชายข้าไปแล้ว แต่เมื่อพบเอ็ง ข้ากลับคิดถึงมันขึ้นมา เอ็งอาจจะเป็นลูกข้ากลับชาติมาเกิดก็เป็นได้”

กล้าให้ความหวังว่าเขาอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ ขุนโชติตัดบทว่า

“ช่างเถิด ในเมื่อมีเอ็งแล้ว ข้าก็เหมือนได้ลูกชายคืนมา มา...มาฝึกกันต่อ ครานี้ข้าจักสอนไม้ตายเด็ดหัวศัตรูให้”

เวลานั้น ขุนโชติสอนกล้าฟันดาบกันอย่างสนุกสนาน รุกรับอย่างรู้ใจกันเป็นอย่างดี

ขุนโชติตื่นจากภวังค์ หันมองร่างกล้าพูดอย่างเด็ดเดี่ยว...

“เอ็งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า ฉะนั้น ข้าจึงต้องเป็นคนคืนเลือดและเนื้อให้เอ็งเอง...ไอ้กล้า”

พริบตานั้นศพของอาจารย์ยอดทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากบ่อ ตามด้วยภูมินทร์และเสือทับ พอเสือทับเห็นขุนโชติก็เยาะเย้ยว่า นึกว่าใคร ที่แท้ก็ขุนโชติ ขุนโจรชื่อกระฉ่อนแห่งทุ่งพระกาฬนี่เอง บอกว่าไม่ต้องแปลกใจศพยอดนี้เป็นฝีมือพวกตนเอง

ภูมินทร์เห็นศพกล้ามีบาดแผลฉกรรจ์จากกงเล็บ ถามว่ากล้าตายแล้วหรือ ส่วนขุนโชติเห็นสภาพของภูมินทร์ก็เข้าใจ พูดเย้ยว่า ถึงดวงพ่อเลี้ยงจะแข็ง แต่สารรูปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากตน กระแทกเสียงใส่ว่า “เอ็งมันก็ไม่ใช่คน”

“พ่อเลี้ยงภูมินทร์คนเก่าได้ตายไปแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นคนใหม่ คนที่จะไม่ยอมก้มหัวให้ใครหน้าไหนอีก”

ขุนโชติไล่ภูมินทร์ให้หลีกทางไปเสีย เสือทับสำทับว่าคิดจะชุบชีวิตกล้าขึ้นมาใหม่ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก

“ข้าจะทำลายศพของมันด้วยพิษของข้าไม่ให้เหลือซาก ดูซิว่า มันจะฟื้นขึ้นมาได้ยังไง” ภูมินทร์สะบัดพิษใส่ร่างกล้าทันที

ขุนโชติเอาตัวขวางไว้ถูกเลือดพิษของภูมินทร์จนเกิดรอยไหม้คล้ายถูกน้ำกรด ภูมินทร์คุยโวว่า พิษของตนไม่ใช่อาวุธหรือของมีคม ที่วิชาคงกระพันจะป้องกันได้ จงตายอย่างทรมานเสียเถิด

“แต่ข้ายังมีกุมภีล์พิฆาต!” ขุนโชติเป่ามนต์จนแขนทั้งสองข้างกลายเป็นกงเล็บจระเข้ พุ่งเข้าต่อสู้กับภูมินทร์ เสือทับฉวยโอกาสนั้นจะเข้าทำลายศพของกล้า ขุนโชติจึงต้องต่อสู้กับทั้งสองพลางก็ต้องปกป้องศพของกล้าด้วย

เสือทับเรียกสมุนชุมเสืออีก 5 คนโผล่จากบ่อน้ำขึ้นมาช่วย แต่ก็ไม่มีใครเข้าถึงศพของกล้าได้ ขุนโชติกลัวศพกล้าจะถูกทำลาย รีบตีโต้แหวกสมุนโจรที่รุมเข้ามา ตรงไปยังร่างของกล้า ร่ายมนต์เกิดควันปกคลุมร่างทั้งสองไว้ แล้วขุนโชติก็แบกร่างกล้า กระโจนลงในบ่อน้ำ

“โธ่เว้ย! มันหนีรอดไปจนได้” เสือทับสบถอย่างหัวเสีย

“ใครบอกว่ามันจะรอดล่ะ” ภูมินทร์พูดอย่างมั่นใจ แล้วกางมือทั้งสองออก สัมผัสกับผิวน้ำ พริบตานั้นพิษในกายภูมินทร์ แผ่กระจายไปทั่วทั้งบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์!

“พิษของฉันจะทำลายล้างทุกสรรพสิ่งในบ่อน้ำ มัน ไม่มีทางจะชุบชีวิตไอ้กล้าขึ้นมาได้อีก ไอ้ขุนโชติมันเกิดใหม่ที่นี่ ก็ให้มันเป็นผีเฝ้าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ต่อไปเถอะ”

ภูมินทร์สบตากับเสือทับ ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสะใจ บรรดาสมุนที่ถูกเรียกมาใช้งาน พากันหัวเราะตาม

ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ศพของอาจารย์ยอดค่อยๆสลายไปเพราะเลือดกรดพิษ ควันเผาไหม้ลอยส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว...

ooooooo

เสือสั่งฟ้า2 พยัคฆ์ผยอง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด