สมาชิก

สามหนุ่มเนื้อทอง

ตอนที่ 17

ที่ร้านอาหารหรู แววเดินกลัวๆ กล้าๆ เข้าไปอย่างไม่คุ้นชิน มองซ้ายมองขวาหาสีรุ้งที่นัดไว้ พอเห็นสีรุ้งนั่งปึ่งอยู่ก็ถอนใจก่อนตั้งหลักเดินเข้าไป

บนโต๊ะ...ที่หน้าแววมีแก้วน้ำผลไม้วางอยู่ ส่วนหน้าสีรุ้งเป็นแก้วชาหรูหรา สีรุ้งมองหน้าแววแล้วเข้าเรื่องเลย

“ที่ฉันเรียกคุณมาวันนี้ เพราะฉันมีเรื่องจะ...ขอร้อง และขอความเห็นใจในฐานะที่เราเป็นแม่คนเหมือนกัน”

แววหน้าเสียถามว่าเรื่องวัชระอีกแล้วใช่ไหม สีรุ้งพยักหน้าอย่างหนักใจ ก่อนเล่าว่า

“นายวัชระบอกเลิกกับแหนม และบอกว่าจะไปคบกับผู้หญิงคนใหม่”

แววแปลกใจถามว่า ผู้หญิงคนใหม่ใครหรือ ถูกสีรุ้ง ย้อนว่า ตัวเองเป็นแม่ยังไม่รู้แล้วตนจะรู้ได้ยังไง แล้วพูดถึง สภาพของเนตรนภัสให้ฟังว่า

“ตอนนี้แหนมเสียใจมาก จนไม่เป็นผู้เป็นคน ฉันจนปัญญาไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ และฉันก็ไม่รู้ด้วยว่าลูกชายคุณควรจะทำยังไง...ที่จริงฉันก็ไม่อยากจะโยนความรับผิดชอบไปให้ลูกคุณ แต่เขาเป็นคนทำให้ลูกสาวฉันเป็นแบบนี้...”

แววหน้าเครียด ทั้งเข้าใจ เห็นใจและเศร้าใจระคนกัน สีรุ้งยังคงพูดต่อด้วยเสียงสั่นเครือแต่พยายามไม่ให้น้ำตาไหล

“คบกันมาตั้งนาน ถึงขนาดพิมพ์การ์ดจะแต่งงาน จู่ๆมาบอกเลิกกันไปง่ายๆ ฉันว่า...มันใจร้ายเกินไป ถ้านายวัชระยังเหลือความเป็นคนอยู่บ้าง กรุณาทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ลูกสาวฉันกลับมาเป็นเหมือนเดิม ถือว่า...ฉันขอร้องก็แล้วกัน”

แม้จะมีท่าทีเจ้ายศเจ้าอย่าง แต่สีรุ้งก็พูดด้วยเหตุผล ด้วยความสะเทือนใจของผู้เป็นแม่ จนแววฟังแล้วน้ำตาคลอ...

ooooooo

เช้าวันต่อมา วัชระยืนคุยอยู่กับแววที่อยู่ในชุดขาวที่หน้าวัด มีกระเป๋าเดินทางใบย่อมวางอยู่ข้างๆ

วัชระพูดหน้าตาจริงจังกับแม่ว่าจะให้ตนกับเนตรนภัสกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้ เพราะเราสองคนไปด้วยกันไม่ได้จริงๆ แววบอกลูกว่า สีรุ้งไม่ได้บอกให้กลับไปเหมือนเดิม แต่คงต้องการให้เขาช่วยทำให้จิตใจของเนตรนภัสดีขึ้น
“แล้วผมจะทำอะไรได้ครับแม่ ยิ่งทำมันจะยิ่งไม่จบเปล่าๆ” วัชระหนักใจ
“วัช...ลูกลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองคิดว่า ถ้าลูกเป็นหนูแหนม ลูกต้องการอะไร? บางทีเธออาจจะต้องการสิ่งนั้นก็ได้” พูดแล้วแววมองหน้าลูกชาย ถามตรงๆว่า “แล้วลูกมีคนใหม่จริงๆเหรอ”

วัชระยอมรับว่าจริง เธอชื่อฝ้ายนิสัยใช้ได้เลยทีเดียว ที่สำคัญคือ “เขารู้ว่าผมเป็นคนยังไง และยอมรับในแบบที่ผมเป็น”

แววถอนใจรำพึงว่าโลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม คนหนึ่งเสียใจปางตาย ส่วนอีกคนก็ร่าเริงอยู่กับคนใหม่ วัชระเสียงอ่อนลงอย่างรู้สึกผิด ตนไม่ได้อยากให้แหนมเป็นแบบนี้

“ไม่อยากให้เป็น แต่มันก็เป็นไปแล้ว...เราคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราอาจจะมีวิธีทำให้สถานการณ์มันดีขึ้นได้ คิดด้วยความรักและเมตตา แล้วถามตัวเองว่าเราควรจะทำอะไร”

เห็นวัชระนิ่งคิด แววบอกว่า “แม่ไปก่อนนะ ได้เวลาแล้ว แม่คงจะปฏิบัติธรรมอยู่ที่นี่สักพัก จะกลับเมื่อไหร่จะโทร.บอก”

วัชระยกมือไหว้แม่ แววพยักหน้ารับแล้วถือกระเป๋าเดินไป วัชระยืนมองตามแม่ไป คิดถึงคำเตือนสติของแม่เมื่อครู่ แววตาเขาแข็งขึ้นเหมือนพบทางออกแล้ว...

ooooooo

ที่คอนโดฯของกริชชัย ธีธัชบอกกับเพื่อนอย่างแจ่มใสสดชื่นจริงจังว่าตนชอบลำเภา ทำเอากริชชัยที่กำลังสเกตช์ภาพอยู่ตกใจจนกำดินสอหักคามือ ธีธัชยังคงพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจังมากว่า

“ฉันจะจีบน้องสาวแก...แบบจริงจัง หวังแต่ง”

กริชชัยหันมองหน้าเพื่อนเต็มตา ถามว่า “เภาเอาอาหารหมาให้แกกินมากไปหรือเปล่าอยู่ๆถึงได้เชื่อง”

“ไม่ใช่อาหารหมา แต่เป็นความฮาของน้องแก” ธีธัชยิ้มกว้าง แต่กริชชัยชะงักงง “น้องแกทำให้ฉันมีความสุข ความสุขที่มันไม่ใช่แค่ความสนุก อย่างที่แกกับไอ้วัชบอก ลำเภาไม่เหมือนคนอื่น เขาทำให้ฉันยิ้มได้เวลาที่คิดถึงและอยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา...ความรู้สึกแบบนี้...ใช่เลย”

“แกแน่ใจนะว่ามันไม่ใช่แค่ความรู้สึกอยากเอาชนะ” กริชชัยวางมือจากการวาดรูปหันมาคุยจริงจัง เมื่อธีธัชบอกว่าตนกับลำเภาเลยจุดนั้นมาแล้ว กริชชัยถามว่า “แกบอก
ลำเภาแล้วเหรอ?”

“ออ...ฉันบอกเภา ฉันเคลียร์กับกร แล้วก็มารายงานให้แกรับทราบ แล้วก็...ขอความช่วยเหลือ...”

กริชชัยถามว่าช่วยอะไร ธีธัชพรวดเข้าหา พูดจริงจังว่า “เภาเขาไม่ยอมรับรักฉัน เอาแต่เดินหนี ทำหน้ามึน ไม่รับรู้ ฉันควรจะทำยังไงดีวะ”

กริชชัยเหล่ๆ ใส่เพื่อนถามว่าเพลย์บอยอย่างเขามาปรึกษาวิธีจีบหญิงจากไอ้บื้ออย่างตนนี่เหรอ ธีธัชมองอึ้ง ยิ้มเขินๆ ก่อนทำเสียงยืนยันหนักแน่น

“อือ...”

ooooooo

จากนั้น ธีธัชไปดักลำเภาที่หน้าคลินิกสัตว์ที่เธอมาช่วยเพื่อน เห็นลำเภาเดินมามีที่ครอบหูฟังเพลงห้อยอยู่ที่คอเหมือนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ความสดใสน่ารักของเธอทำให้ธีธัชเผลอยิ้มออกมา ในใจนึกถึงคำพูดของกริชชัยที่แนะนำว่า

“อย่างแรก ที่แกควรจะรู้คือ เภาไม่เคยมีแฟน มีแต่คนมาจีบแต่ไม่คิดจะจริงจังกับใคร พ่อแม่เขาก็เป็นคนดี

และรักกันมาก เภาเกิดและเติบโตมาด้วยความรัก เพราะฉะนั้นเขาไม่ใช่คนขาดความรัก”

ธีธัชมองลำเภาที่เดินมาถึงหน้าคลินิก ดูเธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งจากข้างในจริงๆ คิดถึงคำพูดของกริชชัยอีกข้อที่ว่า

“แกจะไปใช้มุกหยอดๆ ให้ความหวังไม่มีทางสำเร็จ เพราะเภาไม่ใช่คนที่มีชีวิตอยู่บนความเพ้อฝัน สิ่งที่แกทำได้คือ ต้องใช้ความจริงใจเท่านั้น”

ธีธัชมองลำเภา พยักหน้าบอกกับตัวเองอย่างหนักแน่นว่า...ความจริงใจ แล้วทบทวนข้อสุดท้ายที่กริชชัยบอกว่า

“แกต้องทำให้เภาเห็นว่าแกจริงจัง ตอนนี้เภามีความคิดด้านลบจากความเจ้าชู้ของแก เพราะฉะนั้น แกต้องทำให้เภาเห็นว่า ‘แกหยุดแล้ว’ และเขาอยากจะอยู่กับแกหรือเปล่า”

คิดทบทวนคำเตือน คำแนะนำของกริชชัยแล้วธีธัชกำหมัดอย่างฮึกเหิม ปลุกใจตัวเอง ก่อนพุ่งไปหาลำเภาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม...

“โอเค ลุย!!”

ooooooo

ธีธัชใช้วิธีเกลือจิ้มเกลือกับลำเภา เดินตรงเข้าไปหาดึงสายหูฟังออก ลำเภาหันขวับ เขายิ้มแฉ่งถามว่าจะหนีไปไหน ลำเภาทำหน้าตายถามว่าหนีอะไร ธีธัชทำหน้าทะเล้นว่า “ก็หนีฉัน กลับไปอยู่บ้านแม่เธอไง้...”

งานนี้ ธีธัชเป็นฝ่ายรุกเต็มที่ บอกลำเภาให้ยอมรับความจริงว่าเราเป็นแฟนกันเสีย แล้วรายงานถึงความถูกทำนองคลองธรรมว่า เรื่องนี้ตนบอกกริชชัยแล้วด้วยว่า ตนชอบเธอ ลำเภาทำหน้าตายบอกว่า เมื่อบอกกริชชัยก็ไปเป็นแฟนกับกริชชัย ตนไม่เกี่ยว ธีธัชเลยเปลี่ยนเป็นว่า

“ถ้าฉันบอกไอ้กริชแล้วต้องไปเป็นแฟนกับไอ้กริช...แบบนี้ ฉันบอกเธอ ฉันก็ต้องเป็นแฟนกับเธอสิ” เห็นลำเภาทำหน้าเหวอๆ เถียงไม่ออก ธีธัชพุ่งไปปาดหน้า ยิ้มหน้าเป็นบอก “งั้นฉันบอกอีกทีนะ...เภา...ฉัน...”

ไม่ทันที่ธีธัชจะพูดจบ ก็ถูกเทปกาวปิดปากหมับ แล้วลำเภาก็เดินอ้าวเข้าคลินิกไปเลย ธีธัชส่งเสียงอู้อี้ๆ รีบดึงเทปกาวออก แคว่กกกก...พลันก็ร้องโอ๊ย เอามือจับปากตัวเองแล้วรีบตามลำเภาเข้าไป ผ่านถังขยะก็ทิ้งเทปกาวบ่น “คิดได้ไงวะเนี่ย...” มองไปเห็นหลังลำเภาอยู่ไวๆ ก็รีบตาม ปากก็ร้องโวยวาย “เภา...รอด้วย...”

ไม่ว่าเจอใคร ผ่านใคร ธีธัชก็ทักและแนะนำว่าตนชื่อธีธัช เป็นแฟนของหมอลำเภา จนกระทั่งมาเจอวินนี่เจ้าของคลินิกที่ทำให้เขารู้สึกหึงลำเภาขึ้นเป็นครั้งแรก ก็แนะนำตัวเองว่าเป็นแฟนลำเภา พวกพนักงานพากันชมว่าแฟนหมอลำเภาหล่อจัง...

ลำเภาโผล่จากห้องตรวจ เรียก “นายหมาใหญ่...มานี่!” ธีธัชหันไปบอกพวกพนักงานว่าแฟนเรียกแล้วขอตัวก่อน

“เฮ่อ...กรรมตามสนองแท้ๆ” ลำเภาพึมพำทั้งอายทั้งโมโห

เมื่อธีธัชเข้าไปในห้องตรวจ ลำเภาถามดุๆ ว่าทำอะไรของนาย นายธีธัชบอกว่า ก็ประกาศให้ทุกคนรู้ทั่วกันว่าเราเป็นแฟนกันไง ลำเภาบอกว่าตนยังไม่ได้รับเป็นแฟนเขา ธีธัชอ้อนหน้าเป็นว่า

“เอาน่า...ฉันกล่อมประสาทมากๆเข้า เดี๋ยวก็เคลิ้ม เธอก็เคยใช้วิธีนี้กับฉัน ดูสิ ตอนนี้ฉันเชื่องจะตาย”

ลำเภาพูดเอาชนะไม่ได้เลยไล่ให้เขากลับ ธีธัชมีเงื่อนไขว่าต้องยอมให้มารับตอนเย็นก่อนค่อยกลับ ไม่อย่างนั้นจะนั่งอยู่หน้าคลินิกแล้วบอกทุกคนว่าตนเป็นแฟนเธอ จะบอกทุกคนจนกว่าเธอจะยอมรับ ลำเภาถามอย่างอ่อนใจว่า บ้ารึเปล่า

“ก็ฉันอยากจะคบกับยัยเด็กบ๊องอย่างเธอ มันก็ต้องบ้าแบบนี้แหละ เหมาะสมกันดี...” พูดแล้วยิ้มลอยหน้าลอยตา

ลำเภาอ่อนใจกับลูกบ้าลูกตื๊อของธีธัช มองทีไรก็เห็นเขาทำหน้าทะเล้นยิ้มแฉ่งอย่างน่ารักอยู่ตรงหน้าก็คิดว่าดูท่าเขาจะไม่หยุดง่ายๆ ส่วนธีธัชก็ยังคงยิ้มแฉ่งให้ดูน่ารักราวกับสตัฟฟ์ไว้อย่างนั้น...เฮ้อ...

ooooooo

ส่วนวัชระ หลังจากเจอแม่และตัดสินใจแล้ว เขากลับมาที่คอนโดฯของกริชชัย เข้าไปคุยกับสุพรรณิการ์ บอกว่าจะไปยอมรับผิดรับกรรมทุกอย่างกับเนตรนภัส พูดอย่างกล้าหาญว่า ถ้าเนตรนภัสอยากฆ่าใครสักคน คนนั้นต้องเป็นตนไม่ใช่เธอ

สุพรรณิการ์ถามว่าไม่กลัวตายหรือ เขาบอกว่า นี่เป็นทางสุดท้ายที่ตนพอจะทำได้ ที่ผ่านมาตนหนีมานานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ต้องหยุดรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำไว้สักที วัชระมุ่งมั่นจริงจังเสียจนสุพรรณิการ์แอบทึ่ง แล้วเขาก็พูดเหมือนสั่งเสียว่า

“ฝ้าย...ถ้าผมไปหาแหนมแล้วเป็นอะไรไป ผมอยากบอกให้รู้ว่าผมดีใจที่ได้รู้จักคุณ คุณคือผู้หญิงที่ทำให้ผมมีความสุข ถึงมันจะเป็นแค่เวลาสั้นๆ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่มีค่าสำหรับผม” พูดแล้วมองตาเธอนิ่งก่อนเอ่ยคำสุดท้าย “ขอบคุณมาก”

วัชระหันหลังเดินจากไป สุพรรณิการ์ทนไม่ได้เรียกเขาไว้ บอกว่า “ฉันจะไปกับคุณ!”

วัชระติงว่ามันอันตราย แต่สุพรรณิการ์ยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นตนก็มีส่วน ฉะนั้นก็ควรรับกรรมเหมือนกัน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตนไม่อยากหนีไม่อยากหลบอีกแล้ว เป็นไงเป็นกัน ทำให้วัชระซึ้งมาก ชมว่าเธอแมนมาก แบบนี้ตนชอบ

ทั้งสองกอดกันเหมือนจะร่ำลาก่อนพากันไปตาย บรรยากาศกำลังซึ้งมาก วัชระเคลิ้มจนเลื่อนมือไปลูบสะโพกเธอเบาๆ

เท่านั้นเอง! บรรยากาศซึ้งๆก็เครียดขึ้นทันที สุพรรณิการ์จิกผมเขาจากข้างหลังกระชากเขาออกไป ด่าว่า ทำลามกไม่รู้จักกาลเทศะ ไล่ให้ไปตายคนเดียวเถอะ ตนจะนั่งรอในรถ แล้วคว้ากระเป๋าเดินฉับๆออกไปเลย

“ก็มันเคลิ้มนี่...นิดหน่อยเองทำเป็นดุไปได้...” วัชระ หน้าจ๋อยคลำหัวป้อยๆแล้วเดินตามไป

ooooooo

อรุณศรีได้รับโทรศัพท์จากสุพรรณิการ์ขณะกำลังเตรียมจัดอีเวนต์เล็กๆโชว์รถอยู่ในห้าง สุพรรณิการ์บอกว่าตนจะไปหาเนตรนภัสกับวัชระ บอกว่าโทร.มาบอกแต่ไม่ต้องห่วง ถ้ามีอะไรฉุกเฉินจะรีบโทร.บอกวางสายแล้วอรุณศรียังไม่สบายใจ จนกริชชัยมาเห็นถามว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า พอเธอเล่าให้ฟัง แล้วถามว่าเขารู้หรือเปล่า กริชชัยบอกว่าวัชระบอกตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วแต่ไม่ได้บอกว่าจะไปกับสุพรรณิการ์ ปลอบใจเธอว่า

“คุณไม่ต้องห่วงหรอก วัชมันคงไม่ยอมให้คุณฝ้ายเป็นอันตราย มันต้องดูแลอย่างดีที่สุด ผมว่า ไอ้วัชมันเอาอยู่ไม่ต้องกังวล”

อรุณศรีฟังแล้วพยักหน้าอย่างสบายใจขึ้น แต่ลึกๆแล้วก็อดห่วงไม่ได้...

ooooooo

คุยเรื่องวัชระกับสุพรรณิการ์จบแล้ว แต่กริชชัยก็ยังยืนละล้าละลังอยู่ จนอรุณศรีรู้สึกเก้อเขินจึงขอตัวไปทำงานต่อ แต่กริชชัยกลับแสดงน้ำใจจะไปซื้อน้ำและขนมมาให้ อรุณศรีปฏิเสธแต่เบญลี่ที่มาตามหากริชชัย รีบบอกว่า  อรุณศรีชอบชามะนาวไม่หวาน   ส่วนตนขอช็อกโกแลตเย็นหวานมันจัดเต็ม ส่วนคนอื่นนอกนั้นอะไรก็ได้ซื้อมาพวกนั้นก็กินได้ทั้งนั้น

กริชชัยบอกรอแป๊บเดียว เดี๋ยวไปซื้อมาให้ อรุณศรีขอบคุณ เขายิ้มรับแต่บอกว่าตนทำในฐานะผู้ชายที่มาจีบเธอไม่ใช่ในฐานะเจ้านาย พูดหน้าซื่อๆ (บื้อๆ) ว่าถ้าประทับใจกรุณาให้ความดีความชอบด้วย

ทำเอาเบญลี่ร้องว้าว...ส่วนอรุณศรียืนอึ้งๆ แต่ก็รู้สึกดีกับความตรงของเขา

วันนี้เอง ปรานต์ตั้งใจมาหาเรื่องเต็มที่ เขามาแอบสังเกตการณ์อยู่หลังเสา รอจนกริชชัยไปซื้อน้ำจึงตามไป เมื่อกริชชัยซื้อน้ำเสร็จ ปรานต์ก็ปรากฏตัวออกไปหาเรื่องทันที

ปรานต์แสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอรุณศรี ต่อรองกับกริชชัยว่าถ้าต้องการเธอจริงๆ ตนก็จะขายให้ถูกๆ เพราะของมีตำหนิแล้ว เสนอขายแค่ห้าแสน ถ้าให้ดีขอค่าเชียร์แขกอีกสักห้าหมื่น เป็นห้าแสนห้าหมื่น ถ้าตกลงก็เปิดห้องรอได้เลย

กริชชัยเลือดขึ้นหน้าส่งสัญญาณทำนองว่าให้รอแป๊บเดียว เดินเอาถุงเครื่องดื่มทั้งหมดที่ซื้อไปวางไว้ที่เก้าอี้ แล้วขยับเหมือนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ ปรานต์เลียริมฝีปากแบบหวานคอแร้ง แต่พริบตานั้น กริชชัยพุ่งเข้าซัดหมัดใส่หน้าปรานต์จนหงายเซไปชนเก้าอี้ที่วางถุงเครื่องดื่มหกนองพื้น ตัวปรานต์เองล้มทับน้ำแฉะไปหมด

ผู้คนแถวนั้นพากันร้องอย่างตกใจ

ooooooo

กริชชัยชี้หน้าปรานต์ปรามว่า “อย่าพูดถึงอรุณศรีแบบนี้อีก” ปรานต์ทำปากกล้าว่า “กูจะพูดใครก็ห้ามกูไม่ได้” แล้วลุกพุ่งเข้าชกกริชชัย เกิดชกกันนัวเนียท่ามกลางไทยมุงที่ทีแรกตกใจ แต่ครู่เดียวก็ร้องเชียร์กันฮือฮา

อรุณศรีกับเบญลี่ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมพากันวิ่งมาดู พร้อมๆกับนกหวีดของ รปภ.ก็ดังขึ้น

อรุณศรีกับเบญลี่รีบเข้าไปหย่าศึก เบญลี่บอกบรรดาไทยมุงว่าไม่มีอะไร เข้าใจผิดกันนิดหน่อยเท่านั้น พยายามสลายพวกไทยมุง ส่วนอรุณศรีรีบเข้าไปขวางกลางระหว่างกริชชัยกับปรานต์ เธอบอกปรานต์ให้กลับไปได้แล้ว

ปรานต์ทำท่าไม่ยอมกลับ อรุณศรีบอกว่าเรื่องของเราจบไปแล้ว ขอให้เขาเลิกสะกดรอยตนเสียทีและต่อไปก็อย่ามาให้เห็นหน้าอีก ปรานต์พูดอาฆาตก่อนเดินไปว่า

“คิดเหรอว่าจะมาไล่กันได้ง่ายๆ แอ๊วทำให้ปรานต์ไม่มีทางเลือก แอ๊วจะต้องชดใช้”

เมื่อปรานต์ไปแล้ว อรุณศรีหันไปทางกริชชัย เห็นสภาพบอบช้ำของเขาแล้วก็สงสารและรู้สึกผิด

แต่เมื่อเธอขอโทษเขาขณะเบญลี่พาไปประคบรอยช้ำ เขากลับบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ ทั้งยังบอกว่าตนเป็นฝ่ายชกปรานต์ก่อนด้วยซ้ำเพราะทนฟังสิ่งที่ปรานต์พูดถึงเธอไม่ได้ แต่พอเธอถามว่าปรานต์พูดอะไร เขากลับตัดบทว่า

“อย่ารู้เลย รู้ไปก็ไม่สบายใจเปล่าๆรู้แค่ว่ามันไม่จริง และผมก็ไม่เชื่อ แค่นี้ก็พอ”

อรุณศรีไม่รบเร้า แต่เศร้าใจเมื่อคิดว่าปรานต์คงเที่ยวด่าตนเละเทะไปหมดแล้ว และยิ่งเมื่อคิดถึงคำอาฆาตของปรานต์ก่อนไปที่ว่า เธอทำให้เขาไม่มีทางเลือกเธอจะต้องชดใช้ เธอนึกไม่ถึงว่าคนเคยรู้สึกดีๆต่อกันวันหนึ่งจะเปลี่ยนเป็นเกลียดกันได้ถึงขนาดนี้ ปรารภกับกริชชัยว่า

“ฉันไม่เข้าใจจริงๆทำไมปรานต์ถึงไม่ยอมปล่อยฉันไป ในเมื่อเขาก็มีคนใหม่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้ขี้เหร่ ดูรักเขาดี ฐานะก็ดี ถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้ว่าเขายังมายุ่งวุ่นวายกับฉัน เขาคงจะไม่พอใจ”

“นอกจากจะเป็นห่วงคนอื่นแล้ว ผมอยากให้คุณห่วงตัวเองด้วย แฟนเก่าคุณเขาคงไม่ยอมจบแค่นี้” กริชชัยย้ำด้วยความห่วงใย ทำให้อรุณศรีกังวลขึ้นมา...

ooooooo

เจ๊เกียวทุ่มเททุกอย่างให้ปรานต์อย่างหลงใหล วันนี้ค้นเจอรูปเก่าๆของปรานต์ตั้งแต่สมัยเด็กจนเรียนจบมหาวิทยาลัยและทำงาน เจ๊ดูรูปไล่ไปเรื่อยชมอย่างหลงใหลว่า รูปนั้นก็น่ารัก รูปนี้ก็หล่อ รูปโน้นก็เท่

แต่ดูไปดูมาเจอรูปที่ปรานต์ถ่ายกับอรุณศรีในระยะหลัง เริ่มเอะใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร

เมื่อสงสัยเลยค้นกระจุยทั้งจากรูปถ่าย จากคอมพิวเตอร์ ไอแพด คลิกเข้าไปในโฟลเดอร์ต่างๆไฟล์ต่างๆยิ่งค้นก็ยิ่งเจอเห็นความสดชื่นของทั้งคู่ที่ไปเที่ยวด้วยกันก็ยิ่งสงสัย จนกลายเป็นหึง พึมพำ “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร??”

อารมณ์หึงหวงพลุ่งพล่านขึ้นทุกที...

ooooooo

เนตรนภัสยังอยู่ในอารมณ์ฟุ้งซ่านคลุ้มคลั่ง เธอปฏิเสธทั้งอาหารและทำปลอบโยนจากสีรุ้งและนรีวรรณ กระทั่งด่าไล่ไม่ให้มายุ่งกับตน

เหตุการณ์เปลี่ยนไปเมื่อวัชระไปหาเธอที่บ้าน เขายอมรับทุกสภาพที่จะเกิดขึ้นแม้กระทั่งเนตรนภัสจะฆ่าตนก็ยอม แต่ขออย่าไปเกี่ยวข้องกับคนอื่น ทำให้เนตรนภัสยิ่งแค้นใจที่เขาเอาชีวิตปกป้องสุพรรณิการ์ ถามว่าเขารักสุพรรณิการ์มากขนาดนั้นเลยหรือ

“ใช่...ผมรักฝ้าย” วัชระตอบหนักแน่น ทำให้เนตรนภัส ยิ่งเจ็บแค้น ถามว่าพูดออกมาได้ยังไง คิดบ้างไหมว่าตนเสียใจ วัชระตอบอย่างเยือกเย็นว่า “แหนม มันเป็นความจริง ผมไม่ได้รักคุณแล้ว มันไม่มีทางจะดีไปกว่านี้แล้ว แหนมต้องรับมันให้ได้”

เนตรนภัสไม่อาจรับอะไรได้แล้ว เธอร้องไห้ฟูมฟายวิ่งออกไป วัชระหันไปคุกเข่าก้มกราบขอโทษสีรุ้งสำหรับทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นเอง เนตรนภัสกลับเข้ามาตะโกนว่าแค่ขอโทษมันไม่จบหรอก พร้อมกับเล็งปืนไปทางวัชระ ถามเสียงสั่นอย่างแค้นใจว่า

“อยากตายแทนมันนักไม่ใช่เหรอ อยากตายเพื่อให้เรื่องมันจบๆไปใช่ไหม ได้...ถ้าอยากจะตายนักแหนมจะทำให้วัชได้ตายสมใจ”

สิ้นเสียงเธอเหนี่ยวไกทันที ทุกคนตกใจตะลึงงัน

สุพรรณิการ์ที่นั่งอยู่ในรถตกใจมากเมื่อได้ยินเสียงปืน เธอกดโทรศัพท์ถึงอรุณศรีทันที บอกว่ายังไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไร แต่ให้เรียกรถพยาบาลให้ตนก่อน

วัชระถูกยิงเลือดสาดร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด ส่วนเนตรนภัสยิงแล้วก็ตะลึงงัน ร้องไห้ทำอะไรไม่ถูก ตะโกนไล่วัชระไปให้พ้นอย่ามาให้เห็นหน้าอีก สีรุ้งร้องบอกนรีวรรณให้รีบเอาปืนไปไกลๆ นรีวรรณไม่กล้าหยิบปืน ใช้เท้าเขี่ยไปทางวัชระ เขารีบเก็บปืนไว้
เนตรนภัสหมดสติไป สีรุ้งกับนรีวรรณช่วยกันประคองเธอผ่านวัชระ ไม่แม้แต่จะมองวัชระที่ถูกยิงนองเลือดร้องครวญคราง

พอดีสุพรรณิการ์วิ่งเข้ามา เขาร้องเรียกเธอแล้วพยายามจะเข้าไปหาแต่ก็ขยับไม่ได้

เมื่อพาไปโรงพยาบาล หมอทำแผลให้ ปรากฏว่าวัชระถูกยิงเข้าที่ต้นขา แต่เขาร้องครวญครางราวกับถูกยิงเข้าที่สำคัญ จนสุพรรณิการ์ที่ทีแรกก็ตกใจ กลายเป็นหมั่นไส้ บอกว่าน่าจะยิงโดนตรงนั้นเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

พอวัชระอ้อนหนักเข้าเธอเลยขู่ว่า ถ้าในอนาคตเขายังทำประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกตนจะยิงตรงเป้าให้ดู ย้ำว่าตนยิงปืนแม่นกว่าเนตรนภัสด้วย วัชระถึงได้หยุดคร่ำครวญ หยุดทะเล้น รีบเอามือกุมเป้าไว้ทำหน้าสยอง...

ooooooo

เมื่อธีธัชรู้ข่าวว่าวัชระถูกยิง ก็ลากลำเภาออกจากคลินิกสัตว์ทันที เธอโวยวายว่าจะลากตนไปทำไม ธีธัชอ้างว่าเผื่อจะช่วยวัชระได้ เธอบอกว่าตนเป็นสัตวแพทย์ ที่โรงพยาบาลมีหมออยู่แล้ว ธีธัชไม่ฟังเสียง พอเธอดิ้นมากเข้า เขาก็เปลี่ยนเป็นกอด เธอดิ้นอีกเลยอุ้มไปขึ้นรถเลย

อรุณศรีกับกริชชัยมาถึงโรงพยาบาลก่อน สุพรรณิการ์ ออกมาบอกกริชชัยที่หน้าห้องว่าเพื่อนเขาอ้อนน่าดู ไปจัดการให้หน่อย กริชชัยจะเข้าไปในห้อง ธีธัชกึ่งจูงกึ่งลากลำเภามาถึงพอดีร้องบอกกริชชัยให้รอด้วย

สุพรรณิการ์ถามอรุณศรีว่าทำไมสองคนจูงมือกันมา ตกลงเป็นแฟนกันแล้วหรือ กริชชัยได้แต่ยิ้มๆทั้งที่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องทั้งหมด ทุกคนที่หน้าห้องชะงัก เมื่อวัชระส่งเสียงมาจากข้างในอย่างแจ่มใสว่า

“ยู้ฮู...คนป่วยอยู่ทางนี้ค้าบ...เข้ามาเยี่ยมได้เลยค้าบ ...มีอะไรเข้ามาคุยกันข้างในค้าบ...คุยกันตรงนั้นคนป่วยไม่ได้ยินค้าบบบบ”

อรุณศรีหัวเราะขำๆ กริชชัยส่ายหน้าระอาความทะเล้นของเพื่อน ส่วนสุพรรณิการ์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ...

ธีธัชจูงมือลำเภาเข้าไปในห้อง ทุกคนมองเป็นตาเดียว เขายิ้มกว้างบอกทุกคนว่าตอนนี้ตนกับลำเภาเป็นแฟนกันแล้ว พอลำเภาแย้งว่าขี้ตู่ เขาก็มองหน้าทำอ้อนว่ายอมรับความจริงเสียเถอะ

วัชระถามกริชชัยว่าไม่รู้สึกอะไรเลยหรือที่เพื่อนมาเป็นแฟนกับน้องตัวเอง กริชชัยบอกว่าตนรู้แล้ว ธีธัชคุยโวว่ากริชชัยรู้เป็นคนแรกด้วยซ้ำ ตนขออนุญาตอย่างเป็นทางการแล้ว คราวนี้ตนจริงจังหวังแต่ง

ลำเภาเบรกว่ามาเยี่ยมวัชระแต่เม้าท์เรื่องของตัวเองขโมยซีนคนไข้ได้ไง แล้วเธอก็ถามวัชระว่าทำยังไงถึงได้โดนเนตรนภัสยิงเอา

“ก็แค่ยอมรับผิดทุกอย่างถ้าเขาอยากทำอะไรก็ให้ทำที่ผม อย่าไปทำกับคนอื่น แล้วก็...บอกเขาว่า...ผมรักฝ้ายผมพร้อมที่จะตายแทนฝ้ายได้เสมอ” พูดพลางมองสุพรรณิการ์เป็นการยืนยัน ทำเอาเธออึ้ง แม้จะเขินจะซึ้งแต่ก็พูดประชดว่า

“พูดแบบนี้ สมควรแล้วที่โดนยิง”

ทุกคนยิ้ม...โดยเฉพาะอรุณศรียิ้มดีใจแทนเพื่อน ถามสุพรรณิการ์ว่าเจอเนตรนภัสเหรือเปล่า

“ไม่ได้เจอ...” สุพรรณิการ์ยิ้มเจื่อนลง ความสุข ความปลื้มเมื่อครู่ ฟีบ...ฝ่อลงอย่างบอกไม่ถูก...

ooooooo

เนตรนภัสรู้สึกตัวขึ้นมาก็คร่ำครวญถามสีรุ้งว่า ตนทำผิดอะไร ตนไม่ดีตรงไหน ทำไมวัชระไม่รักตน ทำไมเขาต้องไปมีคนอื่น...

สีรุ้งดึงลูกเข้าไปกอดด้วยความสะเทือนใจ พูดด้วยความรักของแม่ที่รักและเป็นห่วงลูกไม่ว่าลูกจะอยู่ในสภาพใดว่า...

“แหนม...ฟังแม่สักครั้งนะลูก...เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีประโยชน์จะไปถามหาว่าใครผิด หรือซ้ำเติมตัวเองด้วยการยัดเยียดความไม่ดีให้ตัวเอง...เราแค่รับรู้ว่า...เขาไม่ได้รักเราแล้ว...”

เนตรนภัสร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวด นรีวรรณร้องไห้ด้วยความสงสารพี่ไปด้วย สีรุ้งพูดต่อน้ำตาคลอว่า

“และมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้...โดยที่ไม่ต้องมีความรักของเขา...ลูกต้องลุกและเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้นะลูก...”

เนตรนภัสร้องไห้ไม่หยุด สีรุ้งกอดลูกไว้แน่น นรีวรรณพูดเสียงสั่นเครือน้ำตานองด้วยความสะเทือนใจว่า

“พี่แหนมของนุ้ยเป็นคนเก่ง...พี่แหนมต้องลุกขึ้นมาให้ได้นะ...พี่แหนมคนเดิมของนุ้ยต้องกลับมาให้ได้...”

เนตรนภัสหันมองนรีวรรณ สองพี่น้องโผเข้ากอดกันร้องไห้ด้วยความรักความห่วงใยกัน สีรุ้งมองอย่างตื้นตัน คิดว่าอย่างน้อย สิ่งร้ายๆ ที่เข้ามาก็ได้นำพาสิ่งดีๆตามมาด้วย สีรุ้งลุกขึ้น เดินมาลูบหัวเนตรนภัสด้วยความรัก คิดถึงคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุที่ว่า...

“อย่าหวังว่าจะได้รับความรักจากคนที่คุณรัก...เพราะคนที่คุณรัก ไม่ได้รักคุณหมดทุกคน”

ooooooo

เจ๊เกียวที่กำลังหึงปรานต์จนหน้ามืด เมื่อปรานต์กลับมาถึง ก็ถามอย่างเอาเรื่องทันทีว่า อยากรู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ข้างหน้าเธอมีรูปอรุณศรีในที่ต่างๆวางเต็มไปหมด

ปรานต์ตกใจแต่ตั้งสติได้อย่างเร็ว เขาตอบอย่างไร้พิรุธว่า นั่นเป็นแฟนเก่าเลิกกันไปนานแล้ว เจ๊ถามว่าแล้วยังเก็บรูปไว้ทำไม เขาบอกว่าลืมทิ้ง ส่วนไฟล์ข่าวก็ลืมลบ บอกว่าถ้าเธอไม่สบายใจตนทิ้งก็ได้ แล้วหันไปกวาดรูปทั้งหมดลงถังขยะ บอกว่าส่วนไฟล์พวกนี้ก็ลบไปเลย ตนไม่แคร์

เจ๊เกียวเห็นปรานต์ขึงขังก็เสียงอ่อนลง พูดอ้อนว่าตนไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่เจอโดยบังเอิญ แล้วโอ๋เขา ขออย่าโกรธตนเลยที่ทำไปเพราะรัก ถ้าไม่รักก็ไม่หึง

ปรานต์ทำเป็นยอมรับได้ ย้ำว่าถ้ารักกันก็ต้องไว้ใจกัน และเรื่องแอบรื้อของค้นโน่นค้นนี่แบบนี้ นอกจากเสียเวลาแล้วมันยังทำให้ตนเสียอารมณ์ด้วย

“โอเค...ๆ พี่จะไม่ทำอีกแล้วนะ...นะ...นะ...อย่าโกรธเลยนะ พี่ขอโทษ เราดีกันนะ...” เจ๊กอดแขนซบไหล่อ้อนทำน่ารัก

ปรานต์ท่าทีอ่อนลง แต่หน้าของทั้งคู่ที่กอดกันอยู่นั้น ปรานต์ถอนใจที่เอาตัวรอดไปได้หวุดหวิด ส่วนเจ๊เกียวนั้น มือกอดปรานต์ แต่แววตาครุ่นคิด ระแวง จิกตาหมายมาดแบบกัดไม่ปล่อยแน่!

ooooooo

เมื่อกริชชัยพาอรุณศรีไปส่งที่บ้าน พอรู้ว่า

พี่ชายเธออยู่บ้านก็ขอเข้าไปทำความรู้จัก ซึ่งอรุณศรีก็ไม่ขัดข้อง แต่พอจะเข้าไป กริชชัยกลับชะงัก มองที่พื้นแล้วบอกว่าพี่ชายเธอคงมีแขก เธอมองที่พื้นจึงเห็นรองเท้าส้นสูงทันสมัยวางอยู่คู่กับรองเท้าผ้าใบของโอบบุญ ต่างมองเข้าไปในบ้านด้วยความสงสัยว่า รองเท้าของใคร??

กรกนกนั่นเอง...เธอทักทายกริชชัยอย่างกันเองว่าบังเอิญจังที่เจอเขาที่นี่ และเอ่ยทักสวัสดีอรุณศรี โอบบุญพูดออกตัวว่าตนเป็นคนชวนกรกนกมาเอง อ้างว่าชวนมาเป็นหนูทดลองเมนูใหม่ของตน กรกนกเองก็ชมว่าเขาทำอาหารอร่อย

กรกนกชมทั้งอาหารคาวและหวานว่าอร่อยหน้าตาดีมาก แต่ตนอิ่มจนถึงคอแล้ว โอบบุญจึงใส่กล่องให้เอากลับไป ทั้งสองคุยกันเองจนอรุณศรีไม่มีโอกาสแนะนำกริชชัย ต้องเรียกพี่ชายมาแนะนำให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ

กริชชัยถือโอกาสทำคะแนนกับโอบบุญและขออนุญาตมาที่นี่บ่อยๆ โอบบุญตอบรับอารมณ์ดีบอกว่าถ้าอรุณศรียอมให้มา เขาจะมาบ่อยแค่ไหนตนก็ไม่มีปัญหา

พอกริชชัยหันมองหน้าอรุณศรีเชิงถามว่าได้ไหม อนุญาตไหม เธอยิ้มเขินๆ ตอบไม่ออก

โอบบุญหวานกับกรกนกเสียจนอรุณศรียิ้มขำๆ และเมื่อเขาเอ่ยปากฝากกริชชัยให้ไปส่งกรกนกด้วย กริชชัยตอบรับด้วยความเต็มใจบอกว่าเป็นทางผ่านอยู่แล้ว

เมื่อกรกนกกลับไปกับกริชชัยแล้ว อรุณศรีถามพี่ชายที่หวานกับกรกนกจนน่าเลี่ยนว่า จริงจังหรือแค่ขำๆ เมื่อพี่ชายยืนยันว่าจริงจัง เธอถามว่าแล้วไปสปาร์กกันที่ไหน ตอนไหน ตนไม่เห็นรู้เรื่องเลย

อรุณศรีถามพี่ชายว่ากรกนกเพิ่งเลิกกับธีธัช รู้หรือเปล่า

“รู้...เขาเล่าให้พี่ฟังเอง แต่กรเขาเป็นผู้หญิงฉลาด อีคิว ดีเยี่ยม เขาไม่ยึดติดกับอดีต และไม่ปิดกั้นตัวเอง พร้อมจะเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ พี่เลยไม่สนใจอดีตของเขา”

พูดแล้วมองหน้าน้องสาว บอกน้องว่า “เราเองก็ควรจะฉลาดได้แล้ว มีผู้ชายหน้ามึนๆ พูดจาตรงๆ มาให้เลือกถึงบ้าน ก็ควรจะเปิดโอกาสให้ตัวเขา และให้ตัวเองบ้าง รู้รึเปล่า” พูดแล้วจับหัวน้องโยกอย่างรักใคร่

อรุณศรีร้องว่าเจ็บนะ แล้วบ่นอุบอิบเมื่อพี่ชายเดินเข้าไปเก็บครัวว่า

“ถามเรื่องพี่โอบ...แล้วมาจบที่เรื่องแอ๊วได้ไงเนี่ย...” แต่พอนิ่งคิดที่พี่ชายพูดเมื่อครู่ ก็งึมงำ “เออ...นั่นสิ...”

ooooooo

กริชชัยมาส่งกรกนกที่หน้าร้านสาดสุราฯ เพราะ หลังจากเธอย้ายออกจากคอนโดฯของธีธัชแล้ว ยังหาที่อยู่ใหม่ไม่ได้ สุพรรณิการ์จึงยกห้องทำงานที่ร้านให้เธอพักไปก่อนจนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้

กริชชัยขอโทษเธอเรื่องลำเภากับธีธัช เธอบอกว่าไม่ต้อง ขอโทษ เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครผิด ชีวิตตนตอนนี้มีแต่วันข้างหน้าเท่านั้น

ก่อนแยกกันกริชชัยบอกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกตนยินดี และขอให้เธอโชคดี เธอเองก็แสดงความยินดีและอวยพรให้เขาโชคดี โดยเฉพาะเรื่องกับอรุณศรี จากคำอวยพรของกรกนกคืนนี้ทำให้กริชชัยยิ่งฮึมเหิมขึ้นมา

เช้าวันต่อมา เบญลี่โทร.หาอรุณศรีแต่เช้า บอกว่าไม่ต้องเข้าออฟฟิศ เพราะบอสจะให้เธอออกงานนอกสถานที่พร้อมกันตอนบ่ายนี้ อรุณศรีถามงงๆว่างานอะไร เบญลี่บอกว่าเป็นงานเปิดตัวนาฬิกาข้อมือสำหรับท่านชาย โดยบริษัทโฆษณามาจ้างกริชชัยไปเป็นพรีเซ็นเตอร์นาฬิกา

อรุณศรีถามว่า แล้วเกี่ยวอะไรกับตนด้วย เบญลี่ตัดบทว่า ตนก็ไม่รู้แต่เมื่อบอสสั่งก็ไป ให้ถือเป็นหน้าที่ก็แล้วกัน ส่วนเรื่องการแต่งกายนั้น เบญลี่บอกว่าไม่ต้องแต่งอะไร บอสให้ตนเป็นคนดูแล ตนจะส่งเธอเข้ากระบวนการโมดิฟายด์ครั้งยิ่งใหญ่เลย

เมื่ออรุณศรีไปพบเบญลี่ ปรากฏว่าเบญลี่สั่งเจ้าหน้าที่สามคนให้จัดการได้เต็มที่เลย อรุณศรีถูกเจ้าหน้าที่ทั้งสามพาออกไปจัดแจงแปลงโฉม จับแต่งเสื้อผ้าหน้าผมออกมาจนเบญลี่มองตะลึง อรุณศรีเขินๆกับโฉมใหม่ของตัวเองถามว่าจะให้ไปทำอะไรหรือ
“เดี๋ยวถามคนโน้นเองแล้วกันค่ะ” เบญลี่ผายมือไปข้างหน้า

อรุณศรีมองไปเห็นกริชชัยเดินมาในชุดสูทสุดเท่ ต่างมองตะลึงในความหล่อและสวยของอีกฝ่าย เบญลี่ดูจะตื่นเต้นกว่าใครเพื่อน จัดแจงขอถ่ายรูปคู่ไว้เป็นที่ระลึก จัดท่าให้ทั้งสอง ยืนแนบชิดกันจนพอใจแล้วกดชัตเตอร์ แชะ...แชะ...แชะ...อย่างสมใจ

ที่หน้างานในเวลากลางคืน กริชชัยกับอรุณศรีเดินลงจากรถมาด้วยกันอย่างสวยสง่า ท่ามกลางกลุ่มนักข่าวสังคมที่รุมกันถ่ายรูปจนอรุณศรีท่าทางตื่นๆ กริชชัยกระซิบบอกว่า “ยิ้มไว้...ไม่มีอะไรน่ากลัว” ทำให้เธอมีกำลังใจขึ้นมา

กำลังใจทำให้กล้า อรุณศรีโพสท่าถ่ายรูปกับกริชชัยอย่างสวยงามราวกับมืออาชีพ ท่ามกลางแสงแฟลชวูบวาบจนแสบตา

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ภาพข่าวกริชชัยกับอรุณศรีออกงานด้วยกันก็กลายเป็นข่าวเด่นข่าวดัง หนังสือพิมพ์พากันพาดหัวอย่างตื่นเต้น “เปิดตัวหวานใจไฮโซฮอต”

สุพรรณิการ์ที่ไปเยี่ยมวัชระ นั่งอ่านรายละเอียดในหนังสือพิมพ์อย่างตื่นเต้น...

“เปิดตัวหวานใจไฮโซสุดฮอต...ไม่มีใครรู้ว่าสาวนิรนามข้างกายไฮโซกริชชัยแห่งเอ็ม กรุ๊ปเป็นใครมาจากไหน รู้แต่ว่า... สวยบาดใจไปทั้งงาน ทำเอานักข่าวรัวชัตเตอร์แทบไม่ทัน”

สุพรรณิการ์พึมพำออกมาอย่างดีใจสุดๆว่า “เพื่อนฉัน... ดังใหญ่แล้ว ถ่ายส่งไปให้มันดูดีกว่า” ว่าแล้วก็วางหนังสือพิมพ์ลงหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย พร้อมกับโหลดและพิมพ์ง่วนอยู่กับโลกส่วนตัวของตัวเอง

วัชระทนไม่ไหวร้องโอดโอยราวกับจะเป็นจะตายขึ้นฉับพลันเพื่อเรียกร้องความสนใจ สุพรรณิการ์ตกใจถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า วัชระทำเสียงอ้อนว่า “เหงาอ่ะ...แฟนไม่สนใจเอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์ อัพเฟซบุ๊ก โดนทอดทิ้งมันเลยเหงา”

สุพรรณิการ์หมั่นไส้ที่วัชระสำออยเลยแกล้งแหย่หยอกกันเป็นที่สนุกสนาน สุพรรณิการ์เอามือจี๋เอววัชระเลยดูเหมือนกำลังกอดกันอยู่ พลันก็สะดุดเมื่อแววเปิดประตูเข้ามามองอย่างตกใจ วัชระอุทานเรียกแม่ สุพรรณิการ์เลยรีบยกมือไหว้

วัชระแนะนำสุพรรณิการ์กับแววว่าเป็นแฟนตน แววมองเธอเต็มตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงปกติขอเวลาคุยส่วนตัวกับลูกชาย สุพรรณิการ์จึงลุกไปนั่งที่หน้าห้อง ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงแววพูดกับวัชระแว่วออกมา...

แววบอกวัชระว่า สีรุ้งโทร.ไปเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังถึงวัด และขอให้ตนเจรจากับวัชระอย่าเอาเรื่องที่เนตรนภัสยิงเขาเพราะไม่อยากขึ้นศาลให้เป็นเรื่องใหญ่โต  วัชระบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะตนบอกตำรวจไปแล้วว่าปืนลั่น แม่บอกทางโน้นให้สบายใจได้เลย

แววสบายใจขึ้น บอกลูกชายว่าทำถูกแล้ว เพราะเราเอง ก็ทำให้ฝ่ายนั้นทุกข์ใจมามากแล้ว ถือว่าเลิกแล้วกันไป เตือนลูกว่า “เรื่องเก่าก็เคลียร์จบไปแล้ว...ถามจริงๆ ยังไม่เข็ด คิดจะ เริ่มต้นคนใหม่อีกแล้วเหรอ ไม่เว้นวรรคพักบ้างเหรอลูก”

วัชระอึกอัก แววจึงเสนอลูกว่า หยุดพักแล้วเรียนรู้จากความผิดพลาดที่ผ่านมา และให้จำไว้ด้วยว่าเรื่องความรักไม่ใช่เรื่องเล่นๆรีบๆจีบกันเป็นแฟนกัน ยังไม่ทันได้ศึกษานิสัยใจคอกันเลยว่าไปด้วยกันได้หรือเปล่า ยกตัวอย่างว่า

“อย่างหนูแหนม คบกันมาตั้งหลายปี อยู่ดีๆนึกจะเลิกก็เลิก แล้วกับคนนี้ปึ๊บปั๊บเป็นแฟนกัน จะคบกันได้นานเหรอลูก ที่แม่เตือนเพราะหวังดี ไม่อยากให้มีเรื่องมีราวแบบนี้อีก แค่ครั้งเดียวมันก็มากพอแล้วนะลูก”

แววอบรมเตือนสติวัชระ แต่ทำให้สุพรรณิการ์ที่นั่งอยู่ข้างนอกได้ยินและได้คิด เธอนิ่งเครียดอยู่ตรงนั้น

ooooooo

เมื่อแววโทรศัพท์ไปบอกสีรุ้งว่าวัชระแจ้งความว่าทำปืนลั่นเอง ทำให้สีรุ้งกับลูกๆโล่งใจและเห็นถึงความดีของวัชระขึ้นมาบ้าง

กระนั้น สีรุ้งก็ใช้เรื่องนี้มาเป็นอุทาหรณ์สอนลูกว่า

“ถึงเขาจะไม่เอาเรื่อง แต่แหนมต้องจำไว้นะลูก ความรุนแรงไม่ได้แก้ปัญหา ถึงแม้วันนั้นลูกยิงเขาจนตาย แต่ความเจ็บปวดที่มีก็ยังเท่าเดิม แถมยังต้องไปอยู่ในคุกอีกต่างหาก ตอนนี้เขาไม่เอาเรื่องก็ดีแล้ว แต่คราวหน้าไม่ว่ากับใครใช้สติให้มากก่อนที่จะทำอะไร อย่าปล่อยให้อารมณ์ครอบงำจิตใจ จนเราต้องมาเสียใจภายหลัง”

เนตรนภัสที่สงบและมีสติขึ้นยอมรับฟังการอบรมของแม่ นึกทบทวนตัวเองแล้วก็รู้สึกผิดอยู่ลึกๆ เธอบอกกับตัวเองว่าจะต้องยอมรับให้ได้ว่า เรื่องระหว่างตนกับวัชระนั้น จบลงแล้วจริงๆ

ooooooo

ฝ่ายเจ๊เกียวที่ระแวงปรานต์ ก็กัดไม่ปล่อย มุ่งมั่นที่จะค้นหาความจริงให้ได้ นอกจากตัวเองจะซ้อมยิงปืนอย่างมีเป้าหมายแล้ว ยังจ้างนักสืบไปสืบเรื่องอรุณศรีอย่างละเอียด

นักสืบรายงานว่า อรุณศรีทำงานเป็นประชาสัมพันธ์พิเศษที่บริษัทเอ็มกรุ๊ป ตอนเรียนรับจ้างเป็นพริตตี้ตามงานต่างๆ แต่พอเรียนจบก็เข้าทำงานประจำ แล้วมอบประวัติการศึกษาของเธอตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนจบมหาวิทยาลัยให้เจ๊เกียวถามถึงญาติและแฟน นักสืบรายงานว่าอรุณศรีกำลังคบกันอยู่กับเจ้าของบริษัทและเพิ่งจะออกงานด้วยกัน เจ้าของบริษัทหนุ่มเป็นคนที่ทั้งหล่อทั้งรวย สังคมกำลังมองกันอยู่ว่า ทำไมมาคบกับพนักงานในบริษัท

ปรานต์ยังไม่รู้การเคลื่อนไหวของเจ๊เกียว แต่เมื่อได้ดูข่าวการออกงานคู่กันและเปิดตัวของอรุณศรีก็ทั้งริษยาและแค้นใจ

ooooooo

แม่ของลำเภาได้ดูข่าวจากหนังสือพิมพ์ขณะนั่งกินข้าวกับลูกและกริชชัย ลำเภาเชียร์อรุณศรีเต็มที่ อวดแม่ว่าเธอทั้งสวยทั้งนิสัยดีไม่เห่อความหล่อและความรวยของกริชชัย แม่ฟังแล้วถามว่าแล้วมีข้อไม่ดีอะไรบ้างหรือเปล่า

ลำเภาชิงตอบแทนกริชชัยว่า มีสองอย่าง หนึ่งคือไม่ยอมเป็นแฟนกับกริชชัย สองคือมีแฟนแล้วแต่ตอนนี้เลิกกันแล้ว แม่ถามว่ากริชชัยเป็นมือที่สามใช่ไหม เขาปฏิเสธว่าไม่ใช่เพราะตนรอให้เขาเลิกกันก่อนค่อยเข้าไป

แม่ไม่ซักถามอะไรอีก ขอไปดูละครทีวีที่กำลังสนุก ลำเภาจึงเก็บโต๊ะท่าทางหงอยๆ กริชชัยถามว่าคิดมากเรื่องธีธัชใช่ไหม เมื่อเธอยอมรับ เขาถามอีกว่าชอบธีธัชหรือเปล่า เธอตอบเขินๆ ว่า “คงชอบมั้ง”

กริชชัยบอกน้องว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกแล้ว  ลำเภาเองก็ยอมรับว่าไม่คิดว่าเรื่องเล่นๆ จะกลายเป็นจริง และทำให้คนอื่นต้องเสียใจ

กริชชัยเดาว่าหมายถึงกรกนกใช่ไหม รายนั้นไม่ต้องห่วงเพราะเขาทั้งสองจากกันด้วยดี เตือนสติน้องว่า

“ตอนนี้เภาไม่ต้องกังวลเรื่องคนอื่น สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ...ตัวเภาเอง ถามตัวเองให้ดีๆ ว่าเราคิดยังไง จะได้ไม่ต้อง เสียใจภายหลัง”

ฟังกริชชัยแล้วลำเภาเอาไปคิดทบทวนความสัมพันธ์กับธีธัชตลอดเวลาที่ผ่านมา คิดแล้วแอบเขินบอกตัวเองว่า

“ฉันว่า...ฉันคงจะชอบนายแล้วล่ะ...นายหมาใหญ่” พอรู้ใจตัวเอง ลำเภาก็รู้สึกปลอดโปร่งใจขึ้นมาอย่างประหลาด...

ooooooo

หลังจากสุพรรณิการ์ได้ยินแววเตือนสติวัชระเรื่องความรักแล้ว เธอคิดหนัก สุดท้ายตัดสินใจบอกเลิกวัชระ ถอยออกมาตั้งหลักใหม่ เพื่อที่จะมีความรักอย่างมีสติ ค่อยเป็นค่อยไปอย่างหนักแน่นมั่นคง

วัชระคิดไม่ตก สุพรรณิการ์ชี้แจงอย่างมีเหตุผลว่า

“การถอยครั้งนี้จะทำให้เราสองคนมีเวลา มีระยะห่างมากพอจะเรียนรู้กันและกัน หลังจากรู้แล้ว ถ้าเรายังอยากจะกลับมาเป็นแฟนกัน มันน่าจะเป็นความรักที่มั่นคงมากกว่านี้” แล้วบอกวัชระว่าจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแลเขาแทนตนแล้ว จากนั้นตัดบทว่า นัดอรุณศรีไว้ต้องรีบไป ถ้าว่างจะแวะมาเยี่ยมใหม่ ย้ำว่า “มาในฐานะคนรู้จัก ไม่ใช่แฟน”

แม้วัชระจะคิดไม่ตก รับไม่ได้ แต่เขาก็ได้แต่ใจหาย ส่วนสุพรรณิการ์ก็ต้องพยายามทำใจแข็งกับการตัดสินใจครั้งนี้

ooooooo

สุพรรณิการ์ไปเล่าให้อรุณศรีฟัง และถือเอาคู่ของอรุณศรีกับกริชชัยเป็นแบบอย่าง ทั้งยังขอบคุณอรุณศรีที่คอยเป็นห่วงตนตลอดมา บอกอรุณศรีว่าเพื่อตอบแทนน้ำใจเธอ ตนเลยโทร.ไปบอกปรานต์ให้เลิกยุ่งกับเธอ เพราะรู้จากเบญลี่ว่าปรานต์ตามไปรังควานถึงที่จัดงานอีเวนต์จนมีเรื่องกับกริชชัย

ปรากฏว่าปรานต์โกรธมาก แต่ตนก็เสนอเงื่อนไขว่าถ้าเขายอมเลิก ไม่ยุ่งกับอรุณศรีตนก็จะยกหนี้สี่แสนให้ แต่ถ้าไม่ยอมเลิก อีกสองวันให้เอาเงินมาคืนทั้งต้นทั้งดอก ปรานต์ทำปากกล้าว่าเงินแค่นี้ตนจะหามาคืน แต่อย่าหวังเลยว่าจะยอมเลิกยุ่งกับอรุณศรี ทั้งยังฝากไปบอกอรุณศรีด้วยว่าคนที่ทำให้ตนเสียใจไม่มีใครมีความสุข ระวังตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน

หลังจากนั้นไม่นาน กริชชัยก็ซื้อรถให้อรุณศรีใช้ บอกว่ารถคันนี้ได้ปรึกษากับสุพรรณิการ์แล้วจึงเลือกรุ่นที่เธอน่าจะชอบ อรุณศรีแปลกใจและไม่ยอมรับเพราะมากเกินไป กริชชัยอ้างถึงความปลอดภัยว่าถ้ามีรถเกิดปรานต์มาดักทำร้าย เธอก็ยังขับรถหนีได้ ขอร้องว่าถ้าไม่เห็นแก่ตนก็ขอให้เห็นแก่สุพรรณิการ์และพี่ชายเธอ หว่านล้อมว่า

“รับไว้เถอะ ถ้าเมื่อไหร่ที่เรามั่นใจว่าปรานต์จะไม่มายุ่งกับคุณ ค่อยคืนผมก็ได้”

ดังนั้น อรุณศรีจึงรับไว้ ขอบคุณเขา และเมื่อเขาขึ้นรถกลับไปแล้ว เธอยืนคิดๆแล้วก็พึมพำ “ผู้สมรู้ร่วมคิด!!”

อรุณศรีโทร.ถึงสุพรรณิการ์ เพื่อนถามทันทีว่าได้รับรถแล้วใช่ไหม อรุณศรีโวยเพื่อนรักว่าเดี๋ยวนี้ริมีความลับกับเพื่อนแล้วนะ ไว้ใจไม่ได้ใหญ่แล้ว

“แกไม่ต้องมาโวยเลย มีผู้ชายเอารถมาให้ใช้ ดีกว่ามีผู้ชายมาไถเงินนะเว้ย” สุพรรณิการ์พูดแทงใจดำ จนอรุณศรีพูดไม่ออก ถามไถ่กันไปมาจึงรู้ว่าตอนนี้สุพรรณิการ์อยู่ที่หน้าบ้านเนตรนภัสแล้ว

อรุณศรีตกใจเตือนเพื่อนว่าอย่าเพิ่งไปเผชิญหน้าตอนนี้รอให้ทุกอย่างเย็นลงก่อนค่อยไป สุพรรณิการ์ตอบอย่างมั่นใจว่า

“ไม่ต้องรอหรอก คุยตอนนี้แหละดีที่สุด แกไม่ต้องห่วง ฉันต้องมีชีวิตกลับไปเจอแกให้ได้”

อรุณศรีเป็นห่วงมากจึงโทร.ไปบอกวัชระซึ่งยังอยู่โรงพยาบาล แต่ปดเธอว่าอยู่บ้านและจะนั่งมอเตอร์ไซค์ไปบ้านเนตรนภัสเดี๋ยวนี้

“ฝากฝ้ายด้วยนะคะคุณวัช ขอบคุณค่ะ”

พอวางสายจากอรุณศรี วัชระก็เดินกะเผลกๆออกไปมองหามอเตอร์ไซค์รับจ้างแล้วรีบขึ้นไปทันที

ooooooo

สีรุ้งมองสุพรรณิการ์ถามอย่างไม่พอใจว่า มาที่นี่ทำไม ต้องการอะไรอีก เมื่อเธอขอคุยกับเนตรนภัส เจ้าตัวเดินเข้ามาบอกว่าตนไม่อยากคุยด้วย

“ฉันอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณกับวัชเลิกกัน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนมันเป็นอุบัติเหตุ ฉันเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น”

เนตรนภัสรับไม่ได้ทำท่าจะอาละวาด นรีวรรณขอร้องให้สุพรรณิการ์กลับไปก่อนดีไหมเพราะพี่สาวตนกำลังจะทำใจได้อยู่แล้ว

“แต่ถ้าคุณยิงคุณวัชแล้วทำให้คุณทำใจได้ คุณอยากจะทำอะไรกับฉันก็เชิญ เผื่อมันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ฉันยินดีรับทุกอย่าง”

เนตรนภัสทำท่าจะพุ่งเข้าไปตบ สีรุ้งตะโกนเรียกลูกอย่างตกใจ ทำให้เธอได้สติลดมือลง หายใจหอบถี่ขณะพูดว่า

“แม่ฉันสอนไว้ว่า ความรุนแรงไม่ได้แก้ปัญหา ต่อให้ฉันตบเธอ ชีวิตฉันก็ไม่ดีขึ้น วัชก็ไม่มีวันกลับมา มือฉันยังต้องเจ็บ อารมณ์ฉันก็ต้องเสีย ถ้าเธออยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อลบล้างความรู้สึกผิดและทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น กรุณาออกจากบ้านนี้ไปได้แล้ว และอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก...ทั้งสองคน...” พูดจบเธอสะบัดหน้าเดินออกไปทันที สีรุ้งกับ

นรีวรรณตามออกไปด้วย

สุพรรณิการ์ยืนอยู่ที่เดิม รู้สึกมึนๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น ลึกๆแล้วก็รู้สึกโล่งอกที่อย่างน้อยก็ได้แสดงความรับผิดชอบ...

ooooooo

สามหนุ่มเนื้อทอง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด