สมาชิก

สามหนุ่มเนื้อทอง

ตอนที่ 14

ที่มุมสวย สงบ ร่มรื่นในสวนของโรงแรม อรุณศรี นั่งน้ำตาซึมเพราะโกรธปรานต์อยู่คนเดียว เธอพยายามกลืนน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา แผลที่หน้าผากยังมีเลือดติดกรังอยู่

กริชชัยเดินเข้ามาพร้อมยา เห็นเธอนั่งเศร้าอยู่ก็ชะลอฝีเท้า ค่อยๆเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าบอกว่าจะทำแผลให้ เธอขอบคุณเขา บอกว่าไม่เป็นไร ตนทำเองได้ กริชชัยมองอย่างเป็นห่วงถามว่าร้องไห้ทำไม เสียใจหรือ

“ฉัน...อายคนอื่น...อายคุณด้วย...ฉันไม่คิดว่า

ปรานต์ จะกล้าพูดอะไรแบบนั้น ไม่คิดเลยจริงๆ...”

กริชชัยปลอบใจว่า ปรานต์แค่ต้องการประกาศให้ตนรู้เท่านั้น อรุณศรีส่ายหน้า พูดอย่างรับไม่ได้ว่า

“แต่มันไม่เป็นความจริง ทั้งผัวเก็บผัวจริง มันไม่จริงสักอย่าง” พูดแล้วขอร้องเขาอย่ามายุ่งกับตนอีกเลยไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือในฐานะผู้หวังดี เธอย้ำเสียงเครือว่า “ฉันขอร้อง...เลิกยุ่งกับฉันเถอะค่ะ...”

“เห็นทีจะเลิกไม่ได้” กริชชัยตอบนิ่งๆแต่หนักแน่น เธอมองหน้าถามว่าทำไมหรือ เขาตอบหนักแน่นจริงจังยิ่งขึ้นว่า “เพราะผมชอบคุณ...”

อรุณศรีมองอึ้งพูดไม่ออก นิ่งงันไป กริชชัยเก้อเขินจนหน้าแดงก่ำทำตัวไม่ถูก ถามว่าเธอเป็นอะไรรึเปล่าทำไมเงียบไป อรุณศรีพูดเหมือนยังตั้งสติไม่ค่อยได้ว่า “ฉัน...ไม่เชื่อ” ครั้นเขาถามว่าทำไม เธอพยายามเรียบเรียงคำพูดว่า “คุณกับฉัน...มันเป็นไปไม่ได้...ฉัน...ไม่ใช่คนที่คุณจะชอบ”

กริชชัยพูดเชิงตัดพ้อว่า “คุณคิดแบบนั้น...เพราะคุณไม่ใช่ผม...ผมชอบคุณในแบบที่คุณเป็น ชอบที่คุณเป็นของคุณแบบนี้ ถึงคุณไม่เชื่อ ผมก็เลิกชอบคุณไม่ได้”

อรุณศรีบอกว่าตนมีแฟนแล้ว เขาก็ยังบอกว่า “ผมไม่ถือ ผมไม่รีบ ผมรอได้...” พูดแล้วเห็นเธออ้ำอึ้ง เขาพูดต่ออีกว่า “วันนี้ ผมต้องขอบคุณแฟนคุณ ที่ทำให้ผมกล้าสารภาพความรู้สึกที่มีต่อคุณ”

กริชชัยพูดอย่างผ่อนคลายสบายใจมีความสุขเหมือนได้ปลดปล่อยสิ่งที่เก็บกดอัดอั้นมานาน เขาวางขวดยาไว้ข้างๆเธอบอกว่า เธอควรจะรีบไปทำแผลก่อนที่มันจะแห้งมากไปกว่านี้ มองหน้าเธอนิ่ง ย้ำอีกว่า

“คุณห้ามผมทำแผลให้คุณได้ แต่คุณห้ามผมเป็นห่วงคุณไม่ได้”

แววตาหนักแน่นจริงใจของเขา ทำให้อรุณศรีรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมา หัวใจที่ห่อเหี่ยวเมื่อครู่ ชุ่มชื่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว...

ที่ล็อบบี้เล็กๆหน้าห้องพักของกริชชัยที่เป็นมุมส่วนตัว เขานั่งคุยกับธีธัช โดยมีลำเภายืนอยู่ใกล้ๆ

เมื่อธีธัชฟังกริชชัยและลำเภาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น เขาพึมพำอย่างเหลือเชื่อว่า ชั่วเวลาที่เขาไปโทรศัพท์บอกวัชระเรื่องเนตรนภัสแป๊บเดียว จะเกิดเรื่องขึ้นมากมายได้ขนาดนี้ กริชชัยบอกว่าตนก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่จังหวะนั้น...มันออกไปเอง

ลำเภาที่ยืนคุยอยู่ด้วยบอกว่ากริชชัยทำถูกแล้ว ชอบก็บอกว่าชอบ ยอมรับไปเลย ดีกว่าบางคนชอบก็ไม่ยอมรับ ทำเป็นฟอร์มจัดน่ารำคาญ เธอพูดกระแทกเสียงปรายตาไปทางธีธัชอย่างหมั่นไส้ จนฝ่ายนั้นร้อนตัว เลยเกิดโต้เถียงกันขึ้นมาอีก

กริชชัยทนฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกพรวดขึ้นบอกว่าจะไปนอนแล้ว เพราะพรุ่งนี้มีงานต้องทำแต่เช้า พูดประชดทั้งสองว่าเชิญทะเลาะกันต่อตามสบายก็แล้วกัน ธีธัชรีบตามกริชชัยไป ถูกลำเภาหัวเราะเยาะว่าเถียงสู้ไม่ได้เลยหนี ท้าเหยงๆว่ามาเถียงกันต่อซิ ธีธัชไม่ฟังเสียงรีบตามกริชชัยไป เพราะรู้ตัวว่าขืนเถียงไปก็ไม่ชนะเธอแน่

ส่วนอรุณศรียังคิดไม่ตกกับเรื่องราวที่ทำร้ายจิตใจตัวเอง เบญลี่บอกทำใจให้สบายไม่ต้องคิดมาก เพราะคนในบริษัทเข้าใจกันหมดแล้วว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน แล้วถามอย่างติดใจสงสัยว่า
“แฟนแอ๊วเป็นแบบนี้แล้วทำไมถึงไม่เลิกๆไปเสีย คนดีๆอย่างคุณกริชก็รออยู่เห็นๆ พี่ว่ามาถึงวันนี้ แอ๊วไม่ต้องแอ๊บทำเป็นไม่รับรู้ว่าคุณกริชคิดอะไรอยู่”

อรุณศรีนิ่งคิด เธอตอบเบญลี่จากความคิดของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาว่า

“ถ้าแอ๊วจะเลิกกับแฟน ก็ต้องอยากเลิกเพราะเราไปด้วยกันไม่ได้ ไม่ใช่เลิกเพราะเรามีคนอื่น และการที่เราจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน มันไม่ใช่แค่วันสองวัน พอรู้ว่าเขาชอบเรา แล้วก็วิ่งไปหาเขาเลยมันก็ไม่ใช่ ความรักมันต้องใช้เวลา”

เบญลี่ทำเสียงทึ่งแซวว่าพูดเหมือนแม่พลอยหลุดออกมาจากสี่แผ่นดินเลย แล้วติงว่า “หญิงสาวยุคสามจีอย่างเรา ไม่ต้องรอนานขนาดนั้นก็ได้ โดยเฉพาะผู้ชายอย่างคุณกริช ไม่ต้องดูนาน จัดการเลย”

“ถ้ากับปรานต์ยังไม่จบ แอ๊วยังไม่อยากจะเริ่มใหม่ ไม่ว่าจะกับใครทั้งนั้น ต่อให้ดีแค่ไหน...ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้”

“แล้วเมื่อไหร่มันถึงจะจบ?”

คำถามนี้ ทำเอาอรุณศรีสะอึกอึ้ง คิดขึ้นมาเหมือนกันว่า...นั่นสิ...แล้วเมื่อไหร่จะจบ?

ooooooo

ปรานต์พกความแค้นกลับไปจอดรถที่หน้าร้านสะดวกซื้อระหว่างทาง ส่องกระจกดูรอยบอบช้ำที่ถูกชก เอายาทาแล้วปาขวดยาทิ้งไว้เบาะข้างๆอย่างหัวเสีย คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

เห็นกริชชัยประคองอรุณศรีไปทำแผล เห็นอรุณศรีเฉยเมยในขณะที่ตนแกล้งร้องขอความช่วยเหลือ และคิดถึงคำประกาศของเธอที่ว่า

“หุบปากชั่วๆแล้วรีบออกไปจากที่นี่ได้แล้ว ถ้ายังไม่ไปเราสองคนได้เลิกกันแน่!”

คิดแล้วปรานต์กัดฟันกรอด คำรามอย่างเจ็บใจว่า “มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!”

ทันใดนั้นเอง มีเสียงโทร.เข้ามือถือ ปรานต์ดีใจวูบหนึ่ง คิดว่าอรุณศรีโทร.มาง้อ แต่พอหหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู กลายเป็นเบอร์โทร.ของเจ๊เกียว แถมมีรูปเจ๊ยิ้มหวานด้วย ปรานต์ชักสีหน้าด่าอย่างหัวเสีย

“อีแก่! โทร.มาทำไมเนี่ย!” แต่จำต้องรับสาย เจ๊ถาม อย่างหงุดหงิดว่าอยู่ไหน ปรานต์ตอบทันทีว่า ประชุมอยู่ ได้ยินเสียงย้อนถามทันทีว่า ประชุมสองทุ่มเนี่ยนะ ปรานต์อยากจะด่ากลับแต่ต้องอดกลั้นชี้แจงว่า “ก็งานที่บริษัทมันยุ่งมาก เครื่องเสียงลอตใหม่ก็เพิ่งจะมาลง ถ้าพี่ไม่เชื่อผมก็ไม่รู้จะทำยังไง”

เจ๊เกียวเสียงอ่อนลง บอกว่าเชื่อ ตนมาที่คอนโดฯแล้วไม่เห็นเขาก็เป็นห่วง ปรานต์ถามอย่างแปลกใจว่าไหนบอกว่าจะกลับระยองสองสามวัน? เจ๊บอกว่าทนคิดถึงไม่ไหวเลยมาเซอร์ไพรส์ ถามว่าประชุมเสร็จกี่โมง เร่งให้รีบกลับ ตนคิดถึง

ปรานต์เบ้หน้าอย่างแสนจะเบื่อหน่าย แต่จำต้องทำเสียงปกติรับคำแล้ววางสาย พอวางสายก็สบถหัวเสีย

“มาทำไมวะ!”

ooooooo

คืนนี้ ขณะที่สีรุ้งกับนรีวรรณอยู่ในชุดนอนแล้ว ลงมาเห็นเนตรนภัสอยู่ในชุดเตรียมออก

ข้างนอก สีรุ้งถามว่าจะไปไหน เธอตอบอย่างแค้นใจว่า จะไปด่าสุพรรณิการ์ให้รู้ไปว่าตนไม่โง่ และถ้าไม่อยากตายก็รีบเลิกยุ่งกับวัชระเสีย

สีรุ้งไม่ให้ไป เพราะเธอฝากเพื่อนไปบอกวัชระแล้วไม่ใช่หรือ ก็ปล่อยให้เขาจัดการไปสิ

เนตรนภัสบอกว่าตนทนไม่ได้ มันเจ็บจี๊ดๆอยู่ในใจ กินไม่ลงนอนไม่หลับ เครียดไปหมด พูดอย่างเจ็บใจว่า “ถ้าแหนมไม่ได้ด่ามัน ไม่ได้ตบมันสักฉาดสองฉาด แหนมต้องขาดใจตายแน่!”

“แหนมต้องทนให้ได้ เรื่องนี้แหนมไม่ผิด สองคนนั้นผิด เขาต้องรับผิดชอบ” สีรุ้งเตือนสติลูก

“ใช่...ถ้าพี่แหนมอาละวาดตอนนี้นะ จะกลายเป็นนางร้ายไปทันที แต่ถ้าพี่แหนมอยู่เฉยๆนะ นางเอกมากๆ”

ฟังแม่กับน้องแล้ว เนตรนภัสสีหน้าแววตาอ่อนลง สีรุ้งหว่านล้อมว่า เมื่อเรารู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร อาละวาดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นให้นิ่งๆไว้ อย่าลดตัวลงไปกว่านี้เลย ถ้าวัชระเป็นคนดีจริง เขาจะต้องจัดการให้เรียบร้อย โดยที่ลูกแม่ไม่ต้องแปดเปื้อน

เนตรนภัสคิดตามรับปากว่าได้ ตนจะให้เวลา วัชระหนึ่งวัน ถ้ายังจัดการให้เรียบร้อยไม่ได้ ไม่รีบมาขอโทษ ตนทำแน่!

ooooooo

หลังจากวัชระได้รับโทรศัพท์จากธีธัชเล่าเรื่องเนตรนภัสให้ฟังแล้ว เขาร้อนใจรีบไปหา

สุพรรณิการ์ที่ร้านสาดสุราฯ เด็กที่ร้านบอกว่าวันนี้เธอไม่เข้า เขาจึงโทร.เข้ามือถือของเธอ

สุพรรณิการ์อยู่ที่ห้องคอนโดฯ เห็นวัชระโทร.เข้ามา เธอมองอย่างสงบนิ่ง คิดถึงที่อรุณศรีโทร.มาเตือนเรื่องเนตรนภัสแล้วก็ตัดสินใจไม่รับ

อรุณศรีโทร.มาบอกเมื่อตอนบ่ายว่า เนตรนภัสรู้ว่าเธอไปดูคอนเสิร์ตกับวัชระ เธอฟังแล้วบอกว่าตนไม่แคร์ รู้ก็รู้ไปตนไม่ได้ปิดสักหน่อย

“ฉันรู้ว่าแกไม่ปิด แต่แกก็ไม่ต้องห้าวทำอะไรที่มันประเจิดประเจ้อตอนนี้ แกอาจจะไม่คิดอะไรกับคุณวัชแต่แฟนเขาคิดว่าแกคิด”

“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง”

“อยู่เฉยๆและอยู่ห่างๆจากคุณวัชไว้สักพัก ฉันจะกลับพรุ่งนี้ แล้วเราค่อยคิดกันว่าจะทำยังไงต่อ”

คิดถึงคำเตือนของเพื่อนแล้ว สุพรรณิการ์ก็มองโทรศัพท์นิ่งอยู่อย่างนั้น จนวัชระหงุดหงิดบ่นว่าทำไมไม่รับสาย เป็นห่วงว่ามีอะไรหรือเปล่า?

ooooooo

ที่โรงแรมชานเมือง ทีมงานของเอ็ม กรุ๊ป ที่ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม กำลังจะออกไปปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง กริชชัยออกจากห้องพักของตัวเอง เจออรุณศรีเพิ่งออกมาเหมือนกัน เขาถามอย่างเป็นห่วงว่ายังเจ็บอยู่หรือเปล่า เธอขอบคุณบอกว่าหายแล้ว เขาก็ยังเป็นห่วงบอกว่าถ้ายังเจ็บอยู่จะพักก็ได้

กริชชัยมองอรุณศรีอย่างชั่งใจนิดหนึ่ง แล้วจะพูดถึงเรื่องที่ตนบอกชอบเธอเมื่อวาน ถูกเธอตัดบทว่าเอาไว้ค่อยคุยกัน เพราะเวลานี้เป็นเวลาทำงานตนไม่อยากให้เสียสมาธิ

กริชชัยพยักหน้า ชมว่าเป็นความคิดที่ดี แล้วก็พูดหน้าตาซื่อๆว่า “ผมจะได้มีเหตุผลชวนคุณไปทานข้าวหลังเลิกงาน เพื่อคุยเรื่องส่วนตัวของเราสองคน ผมไปรอที่รถนะ” พูดแล้วเดินนำไปก่อน

อรุณศรียืนอึ้งกับไม้ตายของเขา บ่นตัวเองว่า “พลาดซะแล้ว...อรุณศรี...เฮ้อ...” แล้วจึงตามไปที่รถเซ็งๆ

ooooooo

เวลาเดียวกัน ธีธัชเตรียมออกไปช่วยผู้ประสบภัย เขามาที่หน้าโรงแรม เห็นลูกค้ากิตติมศักดิ์คนนั้นมายืนรีรออยู่ ก็ถามอย่างระแวงว่ารอใครอยู่หรือ พอรู้ว่า รอลำเภาเผื่อเธอไม่มีรถไป จะได้ไปด้วยกันกับรถของตนก็รีบบอกว่า

“คุณไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะเภาเขาไปรถคันเดียวกับผมกับกริช คุณล่วงหน้าไปก่อนเลย เดี๋ยวเภาไปกับผมเอง”

ลูกค้ากิตติมศักดิ์คนนั้นรับคำอย่างเข้าใจเจตนาของธีธัช เดินกลับไปที่รถตัวเองจ๋อยๆ ธีธัชมองตามพึมพำ...

“ยัยหนูตะเภา...เสน่ห์แรงใช่เล่น...”

ครู่เดียวลำเภาก็ออกมาในชุดทะมัดทะแมง ถือกระเป๋าใบโตที่ใส่อุปกรณ์ช่วยชีวิตสัตว์มาด้วย ธีธัชเห็นความน่ารักของเธอถึงกับมองอึ้ง แต่พริบตาเดียวก็เก๊กหน้าเหมือนเดิม

เมื่อมากันครบแล้ว กริชชัยเปิดประตูรถให้อรุณศรีขึ้นนั่ง ตามด้วยเบญลี่ที่มองอรุณศรีแซวๆ พอลำเภามาถึงธีธัชก็เปิดประตูรถให้ขึ้นนั่งคู่กับอรุณศรีแล้วตัวเองไปขึ้นนั่งคู่กริชชัยที่เป็นคนขับเอง

ขบวนรถทยอยกันออกเดินทางบ่ายหน้าไปยังเขตที่ประสบอุทกภัยร้ายแรง เมื่อไปถึงทุกคนทำงานกันอย่างกระตือรือร้น ทะมัดทะแมง ขยันขันแข็ง และโอบอ้อมอารี กริชชัยและอรุณศรีต่างมองอีกฝ่ายอย่างชื่นชมในน้ำใจ

ส่วนลำเภาก็ดูแลสัตว์เลี้ยงอย่างเมตตาถนอมรัก จนธีธัชทั้งชื่นชมและประหลาดใจกับอีกภาพลักษณ์หนึ่งของ “ยัยบ๊อง” ที่กวนประสาทได้อย่างน่าทึ่งคนนี้ เผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว

ooooooo

ด้วยความเป็นห่วงสุพรรณิการ์ วัชระไปที่คอนโดฯกริชชัยในตอนเย็น มองซ้ายมองขวาไม่เห็นรถของเนตรนภัสก็โล่งใจ รีบขึ้นไป

เคาะประตูห้องสุพรรณิการ์ แต่ไม่มีคนอยู่ เขาบ่นอุบอิบ “หายไปไหนของเขานะ”

ที่แท้สุพรรณิการ์ไปรับอรุณศรีที่กลับจากไปช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมยังจุดที่นัดกันไว้

เมื่อขบวนรถของ เอ็ม กรุ๊ป กลับมาถึงหน้าบริษัท ทุกคนก็แยกย้ายกันไป กริชชัยมองหาอรุณศรีไม่เจอก็ถามเบญลี่ ฝ่ายนั้นบอกว่าเมื่อกี้ยังนั่งมาด้วยกันอยู่เลยแล้วช่วยมองหา

กริชชัยเห็นอรุณศรียืนอยู่หน้าบริษัท รีบสั่งงานเบญลี่ให้จัดการงานทางนี้และดูแลพนักงานที่บ้านถูกน้ำท่วมให้มาพักที่บริษัทซึ่งเตรียมที่รองรับไว้แล้ว สั่งงานเสร็จก็รีบเดินไปหาอรุณศรี ถามว่าจะกลับบ้านหรือตนจะไปส่ง

“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะฉันมีคนมารับ” อรุณศรีตอบยิ้มแย้มอย่างขอบคุณ แต่กริชชัยใจแป้วคิดว่าปรานต์จะมารับ แต่พอเห็นรถที่มารับก็ยิ้มออกเมื่อกลายเป็นสุพรรณิการ์ เธอเปิดกระจกรถทักทายเสียงใส “สวัสดีค่า คุณกริชสุดหล่อ...”

กริชชัยใจมาเป็นกอง เขารุกอีกขั้นหนึ่งเอ่ยกับเธอว่า เรื่องที่เราคุยกันเมื่อวานที่ตนขอ...อรุณศรีไม่รอให้พูดจบเธอแทรกขึ้นเหมือนรู้ว่าเขาจะพูดอะไร แต่เขวไปเป็นคนละเรื่อง เพราะยังไม่อยากให้ไปไกลกว่านี้ว่า

“ฉันไม่ลืมค่ะ เรื่องฝ้ายกับคุณวัชใช่ไหมคะ”

เจอไม้นี้เข้ากริชชัยก็พูดไม่ออก ไปต่อไม่เป็น อรุณศรีรีบตัดบทเอ่ยขอตัว พอสุพรรณิการ์ออกรถแล้วหันถามอรุณศรีอย่างคาดคั้นถึงรอยช้ำบนใบหน้ากริชชัยที่ยังมีร่องรอยอยู่ ว่าไปโดนอะไรมาช้ำเหมือนโดนชก ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ สั่งเพื่อนรักว่า “ไอ้แอ๊ว...เล่ามาเลย!!”

ooooooo

กลับถึงคอนโดฯ ฟังอรุณศรีเล่าเรื่องปรานต์ไปอาละวาดที่โรงแรมแล้ว สุพรรณิการ์โวยวายว่า ถ้าตนโดนปรานต์ชกแบบที่กริชชัยโดน ตนแจ้งความแน่ แล้วถามเพื่อนรักว่า ขนาดนี้แล้วยังจะทนคบกันอยู่อีกหรือ

อรุณศรีที่กำลังเตรียมซักเสื้อผ้า ตอบเรียบๆ ว่ากำลังตัดสินใจอยู่ พอเพื่อนโวยก็บอกว่า ตนมีสติ กำลังพิจารณาด้วยเหตุผลไม่ใช้อารมณ์ ยอมรับว่าตนโกรธไม่พอใจและอายกับการกระทำของปรานต์ แต่ไม่ใช่เหตุผลที่จะเลิก ถ้าจะเลิกต้องมีเหตุผลมากกว่านี้

สุพรรณิการ์แย้งว่า กริชชัยทั้งดีกว่ารวยกว่า นี่แหละคือเหตุผลที่ดีที่สุด แต่ก็ไม่ทำให้อรุณศรีลังเลแม้แต่น้อย อธิบายว่าถ้าตนทิ้งปรานต์วิ่งไปหากริชชัย สุดท้ายตนก็เป็นแค่ผู้หญิงที่ไม่มีค่าในสายตาเขา ย้ำว่าอยากเคลียร์ให้จบทีละเรื่อง ไม่เอามาปะปนกัน ถ้าเขารอได้ก็ค่อยว่ากัน

ถูกเพื่อนสะกิดอีกว่าคิดมากไปหรือเปล่า อรุณศรีชี้แจงว่าคิดมากดีกว่าไม่คิด ตนไม่อยากทำผิดเพราะคิดน้อยเกินไป จนตัวเองต้องเป็นทุกข์ เหมือนอย่างที่เธอเป็นทุกข์อยู่นี่ไง

แล้วอรุณศรีก็ยกตัวอย่างที่สุพรรณิการ์ไปดูคอนเสิร์ตกับวัชระว่า ตนบอกแล้วว่าเรื่องไม่จบง่ายๆแล้วก็จริงอย่างที่พูด บอกเพื่อนว่า “แกนั่นแหละผิด...แล้วแกก็ต้องไปขอโทษคุณแหนมด้วย”

สุพรรณิการ์ไม่ยอมขอโทษเนตรนภัสเด็ดขาด เพราะตนไม่ได้ทำผิด อรุณศรีบอกว่าเธอกำลังทำบาปไม่เห็นใจคุณแหนมบ้างรึไง สุพรรณิการ์ยืนกรานว่าเห็นใจ แต่ตนไม่ได้ทำผิด ที่ไปกับวัชระก็ในฐานะเพื่อนจริงๆ แต่แล้วก็พูดต่ออีกว่า

“โอเค...ตอนแรกฉันกับเขาอาจจะไม่ค่อยชอบหน้ากัน แต่พอคุยกันดีๆ ด่ากันน้อยลง มันก็พอไหว ยิ่งฉันกับเขาชอบเพลงเก่าเหมือนกัน มันก็ยิ่งคุยกันถูกคอ มันก็แค่นั้นเอง”

อรุณศรีฟังแล้วยิ่งเป็นห่วงขอร้องเพื่อนให้ถอยออกมาให้ห่างเขาที่สุด สุพรรณิการ์ก็ยังไม่ยอมถอยอยู่ดี ท้าให้มาพิสูจน์กันได้เลย อย่ามาหึงคนอย่างตน มันผิดคน!

ทั้งสองโต้แย้งกันด้วยเหตุผลของตัวเอง อรุณศรียังต้องการให้สุพรรณิการ์ไปขอโทษเนตรนภัสเสีย เรื่องจะได้จบๆไป สุพรรณิการ์ไม่ยอมขอโทษ เพราะตนไม่ผิด ตนไม่เคยคิดหาเรื่องใคร แต่ถ้าใครมาระรานก่อน ตนก็สวนกลับแน่นอน!

คุยกันแล้ว อรุณศรียิ่งหนักใจว่า เรื่องนี้ไม่จบง่ายแน่

ooooooo

คืนนี้ วัชระไปหาสุพรรณิการ์ที่ร้านสาด-สุราฯอีก เธอบอกว่ามาก็ดีแล้ว หันไปหยิบไม้ตีแมลงวันข้างๆฟาดหัววัชระอย่างแรง จนเขาโวยวายว่าตีหัวตนทำไม เธอบอกว่า

“โทษฐานทำให้ฉันซวยด้วยน่ะสิ คุณรู้รึเปล่าว่าแฟนคุณเป็นคนขี้หึงแบบไร้เหตุผล”

วัชระยังไม่เอะใจ บอกว่ารู้ เธอถามว่ารู้แล้วทำไมยังมาชวนตนไปดูคอนเสิร์ตทำให้ซวยไปด้วย วัชระขอให้ใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกัน ตนขอโทษ สุพรรณิการ์บอกว่าไม่ต้องขอโทษให้เสียเวลา ให้เขารีบไปชี้แจงกับแฟนเขาเสียให้เคลียร์ว่าระหว่างเขากับตนไม่มีอะไรกัน

ไม่อย่างนั้นแฟนเขาก็จะหึงหน้ามืดเกินเหตุ

วัชระบ่นอุบว่าอย่างเธอนี่ เนตรนภัสไม่น่าหึงเลย ผู้หญิงก็ไม่ใช่กะเทยก็ไม่เชิง แต่ตอนนี้สวยแล้วก็น่าหึง

อยู่หรอก ทั้งสองต่างคุยข่มและเกทับกันอย่างเจ็บแสบ เผ็ดร้อน และรุนแรง สุพรรณิการ์คว้าของใกล้มือฟาดใส่วัชระไปหลายที เมื่อเขาพูดไม่เข้าหู

จนกระทั่งบรรยากาศดีขึ้น เมื่อวัชระเห็นแผ่นซีดีสุนทราภรณ์วางอยู่มากมาย ถามว่าเอาไว้ประดับหรือไว้ฟังจริงๆ ถูกย้อนว่า คนอย่างตนทำอะไรไม่ทำแค่เปลือก ตนฟังและจำได้หมดทุกเพลง ขึ้นมาไม่ถึง 10 วิฯ ก็รู้เลยว่าเพลงอะไร

“10 วิฯ ทำคุย ผมได้ยินแค่ 5 วิฯ ก็รู้แล้วว่าเพลงอะไร” วัชระเกทับ

เป็นเรื่องทันที สุพรรณิการ์เบ้ปากว่า “ขี้โม้” วัชระเลยท้าว่า มาแข่งกันไหมพอเปิดเพลงใครทายชื่อเพลงถูกก่อนชนะ และคนแพ้ก็ต้องดื่มเตกิล่าที่วางอยู่ข้างๆแพ้ละแก้ว สุพรรณิการ์รับคำท้าอย่างมั่นใจ

บอกเขาว่า “เตรียมตัวแพ้ได้เลย!”

ทั้งสองท้าแข่งกันอย่างมีอารมณ์สนุกร่วมกัน ปรากฏว่าสองเพลงแรกสุพรรณิการ์บอกชื่อเพลงได้ก่อน วัชระต้อง

กรึ๊บไปสองแก้วติดๆกัน แต่พอเพลงที่สามที่สี่ เธอบอกชื่อเพลงไม่ทันเลยต้องกรึ๊บไปสองแก้วเท่ากัน หลังจากนั้นก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ พอต่างกรึ่มพอกันแล้ว บรรยากาศเลยสบายๆสนุกสนานกันสองคน

ooooooo

ธีธัชกลับถึงคอนโดฯของตัวเองก็หลับเป็นตายอยู่ที่โซฟา วันนี้เป็นวันหยุด กรกนกไม่ได้ไปทำงาน เธอได้ยินเสียงมือถือของเขาดังขึ้นจึงลุกไปหยิบดู ที่หน้าจอขึ้นว่า 1 สายไม่ได้รับ “แหนม” และวอลเปเปอร์ด้านหลังเป็นรูปลำเภา

กรกนกหยิบมาเปิดดู เป็นรูปลำเภาถ่ายตัวเองดู

น่ารักมากเธอถอนใจวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วเดินเข้าห้องนอน ที่โทรศัพท์ยังโชว์รูปลำเภาอยู่

ที่แท้เป็นรูปที่ลำเภาแย่งโทรศัพท์ของธีธัชไปถ่ายตัวเองไว้ อ้างว่าคนเป็นแฟนกันเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ เจตนาแกล้งกวนประสาทเขาเล่น

แม้ว่าจะเป็นวันหยุดของตน แต่กรกนกก็เซ็ง...เศร้า จนไม่อยากอยู่ห้อง เธอแต่งตัวไปที่ทำงาน ถามพนักงานว่าสุพรรณิการ์ล่ะ วันนี้เข้าหรือเปล่า

สุพรรณิการ์กำลังทายเพลงใครแพ้ดื่มกับวัชระอย่างสนุกสนานเพลิดเพลินจนมึนและเมากันทั้งคู่ ยิ่งเมาก็ยิ่งสนุก จากคุยกันได้เรื่องเพลง ก็กลายเป็นหยอกล้อกันได้อย่างสนุกสนาน

ooooooo

เนตรนภัสคอยอยู่จนครบเวลาที่กำหนด พอนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มเศษเท่านั้น เธอลุกพรวดกัดฟันกรอด

“หมดเวลารอ!!”

ปฏิบัติการไล่ล่าเริ่มทันที เธอกดโทรศัพท์ถึงธีธัชเป็นคนแรก แล้วก็หัวเสียเมื่อไม่มีใครรับสาย สบถว่า “เป็นเหมือนกันหมดทั้งแก๊ง” แล้วคว้ากระเป๋าถือเดินฉับๆออกไปทันที

เป้าหมายแรกคือคอนโดฯของกริชชัย กดออดหน้าห้องอย่างเร่งร้อน พอกริชชัยเปิดประตูห้องออกมา เธอถามทันทีว่า

“นังฝ้ายอยู่ห้องไหน?!?” กริชชัยถามว่าจะรู้ไปทำไม “แหนมจะไปดูว่าวัชกกอยู่กับมันรึเปล่า  บอกมามันอยู่ห้องไหน?”

กริชชัยยืนยันว่าตนบอกไม่ได้ ถูกเธอด่ากราดว่ารวมหัวกันปกปิดตน สมคบกันใช่ไหม ทำแบบนี้เพื่อเอาใจผู้หญิงที่ตัวเองแอบชอบอยู่ใช่ไหม จะได้ได้กันเองเสียให้หมด

กริชชัยพยายามหว่านล้อม บอกว่าตนแค่ไม่อยากให้มีเรื่องและวัชระก็ไม่ได้อยู่กับสุพรรณิการ์ด้วย เนตรนภัสไม่เชื่อคาดคั้นจะให้บอกให้ได้ว่าห้องสุพรรณิการ์อยู่ไหน

เนตรนภัสขู่ว่าถ้าเขาไม่ยอมบอกตนก็จะไปนั่งเฝ้าที่ร้านสาดสุราฯ จะไปประกาศให้ทุกคนรู้ว่าสุพรรณิการ์แย่งว่าที่สามีตน

“แหนม...เอาอย่างนี้แล้วกัน เพื่อไม่ให้เรื่องมันบานปลายมากไปกว่านี้...ผมจะตามตัวไอ้วัชมาหาแหนมและเคลียร์เรื่องนี้โดยเร็วที่สุด” พอถูกคาดคั้นว่าแน่ใจหรือว่าทำได้ กริชชัยตอบทันทีว่า “ไม่แน่ใจ แต่จะทำให้ดีที่สุด เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างแหนมกับไอ้วัช ผมไม่อยากให้ดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไอ้วัชมันเป็นคนสร้างปัญหา มันก็ต้องเป็นคนแก้ปัญหา”

“ถ้าคุณกริชคิดว่าเพื่อนคุณมีปัญญาจะแก้ได้ก็ลองดูค่ะ แหนมให้เวลาอีก 1 วัน ถ้าวัชยังไม่มาคุยกับแหนมเรื่องนังฝ้ายมันกับแหนมได้เจอกันแน่!”

เนตรนภัสสะบัดพรืดกลับไปแล้ว กริชชัยปิดประตูแล้วถอนใจเฮือกใหญ่...

ooooooo

กริชชัยโทร.หาธีธัชทันที ถามว่าไปคุยกับวัชระหรือยัง ทำไมวัชระถึงไม่ไปหาแหนม บ่นว่า วัชระจะแก้ปัญหาหรือจะยิ่งสร้างปัญหากันแน่เนี่ย ธีธัชเชื่อว่าเดี๋ยววัชระก็แก้ได้เองแหละ กริชชัยจึงเล่าเรื่องที่เนตรนภัสไปหาตนที่คอนโดฯ และจะเอาเรื่องถ้ายังตามตัววัชระมาแก้ปัญหาไม่ได้ เขาย้ำกับธีธัชว่า อย่าปล่อยให้ผู้หญิงต้องทะเลาะกันเอง

ธีธัชรับคำหน่ายๆว่า เดี๋ยวจะติดต่อให้ ถามว่าแล้วทำไมเขาไม่ติดต่อเอง กริชชัยบอกว่าวัชระเปลี่ยนเบอร์เสียจนตนตามไม่ทัน ตบท้ายว่า “มีแกตามมันทันอยู่คนเดียว แกก็ติดต่อมันแล้วกัน”

รับปากเพื่อนแล้ว ธีธัชไล่เบอร์ของวัชระโทร.ไปทุกเบอร์ จนเบอร์สุดท้ายคือเบอร์ที่ 8 ก็ยังติดต่อไม่ได้ เลยเชื่อว่าวัชระเปลี่ยนเบอร์ใหม่อีกแล้ว ธีธัชกดโทร.ไปหาลำเภาทันที

พอโทร.ไปหาลำเภา เธอกำลังดูละครทีวีอยู่ บอกว่าให้เวลาหนึ่งนาทีมีอะไรให้พูดมา กว่าธีธัชจะได้ถามถึงวัชระ ก็กวนประสาททะเลาะกันจนเกือบหมดเวลา แต่พอถามก็ได้รับคำตอบว่าวัชระไม่อยู่และไม่รู้ว่าไปไหน พูดประชดว่า

“คงไปฆ่าตัวตายแล้วมั้ง เจอกี่ทีก็เอาแต่กลุ้มใจเรื่องแต่งงาน แค่นี้นะ ฉันจะดูละครต่อแล้ว” แต่ก่อนวางสายไม่วายจิกเขาว่า “แล้วทีหลังถ้าอยากโทร.หาก็ไม่ต้องเอาเรื่องคุณวัชมาอ้าง โดนจับได้แล้วจะหน้าแตก” พูดแล้ววางสายเลย

ooooooo

วัชระกับสุพรรณิการ์ยังทายเพลงแข่งกัน ใครแพ้ดื่ม ปรากฏว่าผลัดกันแพ้ เลยดื่มกันจนเมา สุพรรณิการ์หลับไปคาโต๊ะ วัชระเห็นเธอนอนไม่สบายจึงอุ้มไปโซฟาเตียงที่ตั้งอยู่
แต่เพราะเมาๆด้วยกัน อุ้มไปถึงโซฟาเตียงเลยล้มลงไปด้วยกัน สุพรรณิการ์ล้มทับวัชระหน้าทิ่มใส่หน้าเขาเต็มๆจนวัชระร้องโอย...แต่หลังจากนั้น สัมผัสที่ได้รับทำให้ประสาทตื่นตึงไปทั้งตัว เขาก้มลงหอมเธออย่างเสน่หา แล้วอารมณ์ก็เตลิดไปประสาหนุ่ม จนในที่สุด ก็ปล่อยไปตามปรารถนาของกันและกัน

กรกนกคอยอยู่จนจะปิดร้านแล้ว เอะใจว่าสุพรรณิการ์ไม่ได้ลงมาตรวจร้านเลย จึงลุกเดินขึ้นไปดู เจอภาพที่เธอต้องรีบเบือนหน้าหนีด้วยความตกใจ สุดท้ายเป็นฝ่ายถอยไปอย่างสับสน ว้าวุ่นใจ
ก่อนปิดร้าน แคชเชียร์จะเอาบัญชีไปให้สุพรรณิการ์ตรวจ กรกนกรีบบอกว่า

“ไม่เป็นไร เคลียร์กับพี่ เดี๋ยวพี่เคลียร์กับคุณฝ้ายเอง แล้วสั่งเด็กคนอื่นห้ามขึ้นไปที่ห้องคุณฝ้ายเด็ดขาด” พูดแล้วเห็นเด็กทำหน้างง เลยบอกว่า “คือ...คุณฝ้ายเขาไม่สบาย เขาอยากพักผ่อน ไม่อยากให้คนกวน”

แคชเชียร์จึงมอบบัญชีและเงินให้กรกนกแล้วขอตัวกลับก่อน กรกนกนั่งอึ้ง เหมือนมีอะไรบางอย่างขัดๆอยู่ในความรู้สึก เมื่อไฟในร้านเริ่มดับลงทีละดวง...ทีละดวง เธอจึงเตรียมกลับ

ออกมานอกร้าน มองขึ้นไปที่ห้องสุพรรณิการ์ เห็นไฟดับมืด ก็ยิ่งคิดหนัก คิดถึงเรื่องราวระหว่างวัชระกับสุพรรณิการ์ที่ผ่านมา จนกระทั่งสุดท้ายทั้งคู่ไปดูคอนเสิร์ตด้วยกัน ก็ร้อนรุ่มขึ้นมา ตัดสินใจว่า ตนต้องทำบางสิ่งบางอย่างเสียแล้ว...

ooooooo

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะธีธัชกำลังจะออกไปข้างนอกนั้น เจอกรกนกกำลังจะเข้าห้องพอดี เธอถามเขาว่าจะไปไหนแต่เช้า ธีธัชเล่าไม่เต็มเสียงนักว่า เนตรนภัสตามจิกไปที่กริชชัยเรื่องวัชระ ตนเลยต้องไปตามตัวที่บ้านลำเภาหน่อยไม่รู้ว่าอยู่หรือเปล่า

พูดแล้วเห็นกรกนกทำหน้าเบื่อๆก็รีบแก้ตัวว่า ที่จริงตนก็ไม่อยากไป แต่ขืนตนตามตัววัชระไม่เจอมีหวังโดนทั้งกริชชัยและแหนมจิกด่าไม่เลิกแน่ พูดเอาใจว่า “ผมจะรีบไปรีบกลับนะ”

แต่พอจะเดินออกไป กรกนกถามขึ้นว่า “คุณไม่คิดจะถามสักคำเหรอคะว่าเมื่อคืนกรหายไปไหนมา”

“เออ...นั่นสิ...เมื่อคืนกรไม่ได้กลับมานอนนี่...แล้วกรไปไหนมาเหรอ”

กรกนกมองเขาเซ็งๆ ตัดบทว่าช่างเถอะ ในเมื่อมันไม่สำคัญก็ปล่อยให้มันไม่สำคัญต่อไป พอเขาหยอกว่างอนหรือ เธอตอบชัดถ้อยชัดคำว่า “ไม่ได้งอน...แต่ ปลง”

จากนั้นเธอบอกเขาว่า “ถ้าธีจะตามหาคุณวัช ไม่ต้องไปที่บ้านลำเภาหรอกค่ะ เพราะคุณวัชไม่ได้อยู่ที่นั่น”

“กรพูดยังกะรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน” ธีธัชพูดเหมือนจะขอคำตอบ กรกนกเพียงแต่มองหน้าเขาด้วยสายตาที่เหมือนจะบอกว่า “เออ...รู้...” แต่ไม่บอก

ooooooo

จนกระทั่งเช้า วัชระยังนอนหลับอย่างมีความสุขอยู่ พลันก็สะดุ้งดีดตัวผลึ่งขึ้นมา เมื่อเสียงสุพรรณิการ์แผดขึ้นราวกับโลกถล่มทลาย ทั้งด่าทั้งเอาของขว้างปาเขาพัลวัน

ด้วยสัญชาตญาณตำรวจที่ผ่านการฝึกปรือมาอย่างดี วัชระหลบหลีกอาวุธของสุพรรณิการ์ได้อย่างคล่องแคล่ว คว้าเสื้อกางเกงที่วางอยู่บนหัวเตียงติดมือไปสวมใส่ที่ข้างตู้

สุพรรณิการ์ด่าเขาอย่างไม่มีชิ้นดี แผดเสียงด้วยความแค้นสุดขีด วัชระนุ่งกางเกงเสร็จก็โผล่มาจากข้างตู้ เถียงคอเป็นเอ็น

“เฮ้ย...ฉันไม่ได้ล่วงละเมิดทางเพศเธอนะ เธอสมยอมต่างหาก ฉันไม่ได้ใช้กำลังแม้แต่นิดเดียว”

“ฉันไม่ได้สมยอม แต่ฉันเมา!” สุพรรณิการ์ด่าวัชระว่าฉวยโอกาสตนตอนเมา ด่าไปน้ำตาคลอไปอย่างแค้นใจ

วัชระมองเธออย่างเห็นใจ เดินเข้าหา เรียกอย่างสนิทปากว่า

“ฝ้าย...” ก็ถูกเธอตวาดไล่ให้ออกไปให้พ้น เขาเพียงแต่ชะงักเท้า ยังคงพูดต่ออย่างตั้งใจว่า “ฝ้าย...ผมขอโทษ คุณจะด่าจะประจานหรือจะแจ้งความจับผมก็ได้ ผมยอมรับทุกข้อหา...แต่เมื่อคืน...ที่ผมทำ...เพราะผมคิดว่า ความต้องการของเราสองคนเหมือนกัน...”

“พอได้แล้ว...ฉันไม่อยากฟัง!”

“คุณไม่อยากฟัง แต่ผมอยากพูด...ผมมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับคุณนะฝ้าย ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีคุณก็กลายเป็นผู้หญิงที่ผมคิดถึง...”

สุพรรณิการ์น้ำตาจะไหล แต่พยายามกลั้นไว้ ทำเป็นเข้มแข็ง แต่ไม่กล้าสบตาเขา

“ผมขอย้ำอีกครั้ง ผมไม่ได้ทำเพราะเมา และผมไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสตอนคุณเมา...คุณเป็นคนพิเศษของผมนะฝ้าย...”

“แต่นายมีแฟนแล้ว และกำลังจะแต่งงาน...”

วัชระหน้าเสีย แววกังวลวูบกลับมาอีกครั้ง พูดอย่างอัดอั้นว่า “คุณก็รู้ว่าผมไม่อยากแต่งงานกับแหนม”

“แต่เขายังอยากแต่งงานกับนาย...ออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว”

วัชระยังออดอ้อน เมื่อถูกเธอตวาดไล่ เขาหน้าจ๋อย ยอมเดินไปที่ประตู ก่อนเปิดประตูเขาหันมาบอกเธอว่า

“ฝ้าย...ผมจะทำให้คุณเห็น ว่าคุณเป็นคนพิเศษสำหรับผมจริงๆ”

วัชระเดินออกไปแล้ว ทั้งที่ใจยังอยากอยู่ ปากก็ยังอยากพูดความในใจอีกมากมาย...

เมื่อลงมาถึงข้างล่าง เดินออกจากร้านสาดสุราฯ เขาคิดหนัก เป็นห่วงสุพรรณิการ์จับใจ ตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไรสักอย่างเสียแล้ว...

ooooooo

สุพรรณิการ์ยังนั่งสับสนอยู่ในห้องทำงาน คิด ไม่ออกว่าจะทำอย่างไรต่อไป เหลือบเห็นขวดเตกิล่าที่วางอยู่ ก็คว้าโยนลงถังขยะอย่างแค้นใจ

เธอนั่งอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี หันมองไปรอบห้อง ร่องรอยของความสุขเมื่อคืนยังคงอยู่ เสียงวัชระที่พูดเมื่อครู่ยังก้องอยู่ในความรู้สึกว่า...

“ผมมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับคุณนะฝ้าย...ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกที...คุณก็กลายเป็นผู้หญิงที่ผมคิดถึง...ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ผมไม่ได้ทำเพราะเมา และผมไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสตอนคุณเมา คุณเป็นคนพิเศษของผมนะ...ฝ้าย...”

คิดถึงคำพูดดีๆ อย่างมีสติสัมปชัญญะของเขาแล้ว สุพรรณิการ์ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แต่แล้วก็ชะงักกึกหน้าเสีย ถามตัวเองอย่างมึนงงว่า...

“เฮ้ย...นี่เรากำลังมีความสุขเหรอเนี่ย...ซวยแล้วไอ้ฝ้ายยยย...”

ooooooo

สามหนุ่มเนื้อทอง

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด