ตอนที่ 23
แม่หมออยู่ที่บ้าน...นางกลายร่างแท้จริงเป็นแม่ผีฟ้ากราบไหว้ภาวนาให้วิญญาณบรรพบุรุษคุ้มครองพวกจ่าชิต...ฉับพลันทันใด งะดินเดปรากฏกายขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะดังกึกก้อง
“ยอมเผยตัวแล้วหรือคะยี ไม่ใช่สิ แม่ผีฟ้าแห่งพุกาม”
“มันถึงเวลาแล้วไงเล่า งะดินเดจอมกบฏ”
“เจ้ารอวันนี้มา 800 ปี ข้าก็เช่นเดียวกับเจ้า แต่จุดประสงค์ของการรอคอยมันคนละอย่าง เจ้ามันทำเพื่อล้างแค้น ข้าทำเพื่อความสงบสุขอันเป็นนิรันดร์”
“สิ่งเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างสงบสุขก็คือทำลายบาเยงโบซะ”
“เจ้าไม่มีวันเอาชนะบาเยงโบได้หรอก”
“ได้สิ วันที่ข้าเจอหลุมศพของมันวันนั้นข้าจะกำชัยไปนิรันดร์”
“เจ้ารู้หรือว่ามันอยู่ที่ไหน”
“มันอาจจะมีมนต์บังตาข้า แต่จะมีคนตามหามันให้ข้า ไอ้พวกคนโลภพวกนั้นมันจะช่วยให้ข้าครองโลกนี้อีกครั้ง เมื่อข้าได้ครอบครองดาบและหน้ากากทอง ก็จะไม่มีใครเทียบเทียมข้าได้ ส่งหน้ากากทองมาให้ข้าได้แล้ว”
“มันไม่ได้อยู่ที่ข้า มันอยู่กับคนที่มันควรจะอยู่”
“ชะเวมะรัต? เช่นนั้นเจ้าก็หมดความหมายแล้ว” งะดินเดซัดอาคมเข้าใส่แม่ผีฟ้าจนกระเด็นแล้วตามไปซ้ำจนร่างของนางสลายหายไป...
กินรีสะดุ้งตื่นหลังจากเคลิ้มหลับไปด้วยความอ่อนเพลียแล้วฝันเห็นแม่หมอตกอยู่ในอันตราย...มะค่าและแก้วต้องเข้ามาปลอบอยู่ครู่หนึ่งกว่าเธอจะคลายความกังวลลงได้
ด้านคณะเสี่ยรงค์ที่เข้าไปสำรวจชุมชนกลุ่มน้อย ปรากฏว่าไม่มีคนอยู่แม้แต่คนเดียว อองไชยจึงให้ตั้งแคมป์พักแรม โดยสมรักษ์ให้จัดเวรยามตลอดคืนเพราะไม่ค่อยไว้วางใจกับความเงียบผิดปกติของที่นี่
เมื่อแน่ใจว่าพวกเสี่ยรงค์พักแรมในชุมชน จ่าชิตจึงหยุดพักคณะของตนห่างออกไป พอตกกลางคืนเขากับประเดิมแอบเล็ดลอดเข้ามาพบหมวดสมรักษ์ ในขณะที่อีกด้านมะค่ากับหินก็มาพบจงใจ แต่ทั้งหมดยังไม่ทันคุยอะไรกันดิบดี ก็ต้องเผ่นหนีออกมาเพราะกลัวเวรยามของเสี่ยรงค์จะจับได้
กินรีเป็นห่วงภราดร เธอแอบมาหาเขาในช่วงที่ระรินไปอาบน้ำ...หนุ่มสาวมองหน้ากันด้วยความรักและโหยหา หมอไม่มีท่าทีแข็งกระด้างเหมือนตอนอยู่ต่อหน้าระรินเลยแม้แต่น้อย...
ในอดีต...บาเยงโบรักและเมตตาชะเวมะรัตมาก... มากถึงขนาดบิดาและน้องชายของเธอทำผิดใหญ่หลวงแล้วน้องชายเธอถูกจับแต่เขายังแอบให้ทหารช่วยออกจากที่คุมขัง เพราะหากมีการลงโทษนั่นหมายถึงชะเวมะรัตต้องตายตกไปตามกันด้วย
การกระทำของบาเยงโบไม่มีใครล่วงรู้นอกจากหัวหน้าองครักษ์ แม้แต่ชะเวโบเองที่ได้รับการช่วยเหลือก็ยังเข้าใจว่าเป็นฝีมืออิระวดี แต่เมื่อเขาหนีไปหางะดินเด พ่อของเขากลับไม่เชื่อว่าคนแพศยาอย่างนางจะช่วย คนอย่างนั้นมีแต่จะช่วยให้ตัวเองได้ดี...
อานุภาพแห่งรักของบาเยงโบกับชะเวมะรัตจากอดีตสู่ปัจจุบันไม่แตกต่างกันเลย...ทั้งคู่มีใจรักที่มั่นคงแต่เพราะหมอภราดรต้องตบตาเล่นละครหลอกคนอื่นๆ ตามที่รับปากจ่าชิตไว้ โดยเฉพาะระรินกับพรานอองไชย เขาจะทำให้ทั้งคู่ระแคะระคายไม่ได้
เมื่อคืนนี้กินรีมาหาด้วยความเป็นห่วง ภราดรอยากแสดงความรักแต่ก็ทำไม่ได้เพราะเกรงระรินจะออกมาเห็น
“หมอคะ...หมอ” เสียงระรินดังมาจากในบ้าน ภราดรตกใจรีบไล่กินรีกลับไปเหมือนไม่ไยดี
ooooooo
กลางดึกคืนนั้นเอง ระรินกรีดร้องลั่นด้วยความหวาดกลัวสุดขีดเพราะมีชายกลุ่มหนึ่งบุกมาถึงตัว โชคดีที่สมรักษ์กับภราดรวิ่งขึ้นมาช่วยเธอทันท่วงที แล้วหามุมหลบกระสุนที่พวกเขาสาดเข้ามาไม่นับ
“นี่มันพวกไหนกันเนี่ยหมวด”
“พวกทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอน่ะสิ นึกอยู่แล้วว่าพวกมันต้องวางกับดักเอาไว้ มันคงรอให้เรากระจายกันแล้วเลือกโจมตีตอนที่เราไม่รู้ตัว”
“แล้วพวกเราล่ะ”
“ไม่รู้สิ แต่ผมว่ารีบไปสมทบกับพวกเราจะดีกว่า” สมรักษ์ลัดเลาะนำไปทางหน้าบ้าน
ขณะเดียวกัน พวกจ่าชิตตื่นตัวเพราะได้ยินเสียงปืนสนั่นหวั่นไหว คาดว่าต้องเกิดเหตุร้ายอะไรสักอย่าง ทุกคนเป็นห่วงสมรักษ์และภราดร ตัดสินใจโดยเร็วว่าต้องไปช่วย...
ทหารกะเหรี่ยงบุกเข้ามามากมายจนอองไชยเกรงจะต้านไม่อยู่ สั่งทุกคนถอยร่นหนีออกจากที่นี่โดยเร็ว สมรักษ์ประชิดจงใจด้วยความเป็นห่วง...ในยามคับขันจงใจกับระรินสมานฉันท์กันได้ สองพี่น้องจับมือกันวิ่งหนีตายโดยมีสมรักษ์กับภราดรยิงสกัดไว้ให้
คณะเสี่ยรงค์หลบหนีไปพร้อมพวกทศ แต่พอเสี่ยรงค์สังเกตว่าในกลุ่มไม่มีลูกสาวสองคนของตนก็ร้อนรนเป็นห่วง สั่งทุกคนต้องกลับไปเอาลูกของตนมาให้ได้
เวลานั้น สมรักษ์กับภราดรกระสุนปืนหมดและตกอยู่ในวงล้อมของทหารกะเหรี่ยง เป้าหมายของพวกมันคือผู้หญิง แต่ไม่ทันได้แตะต้องพวกเธอ ก็มีกระสุนปืนสาดเข้าใส่พวกมันล้มตายหลายคน
ฝีมือประเดิมกับกินรีนั่นเอง...ทั้งคู่เข้ามาช่วยพวกสมรักษ์แล้วโยนระเบิดทิ้งไว้หนึ่งลูกก่อนพากันหายไปอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์เลวร้ายขึ้นทุกทีเมื่อทหารกะเหรี่ยงสู้ไม่ยอมถอย เสี่ยรงค์เห็นดังนั้นจึงตัดสินใจใหม่ สั่งพลพรรคของตนถอยหนี ส่วนพวกทศปล่อยมันไป เอาไปด้วยก็ไม่มีประโยชน์ อองไชยสนับสนุนเพราะคิดว่าพวกเราใกล้จะถึงสุสานแล้ว
ทศกับสมุนรู้เห็นว่าถูกทิ้งก็เป็นเดือดเป็นแค้นเสี่ยรงค์ วิ่งหลบหลีกทหารกะเหรี่ยงจนไปเจอหินกับแก้ว...สองพี่น้องแค้นใจทศที่เป็นต้นเหตุทำให้แววตาย จึงคิดแก้แค้นให้แม่ในคราวนี้ พวกเขายอมตายแต่นั่นหมายถึงว่าทศต้องตายด้วย
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนเอ๊ย พวกเอ็งไปลากมันมา ไอ้เรือง...ข้ายกนังแก้วให้”
สิ้นเสียงสั่งของทศ ไอ้เรืองถึงกับลูบปากอย่างหื่นกระหาย เคลื่อนกายเข้าไปหาสองพี่น้องที่ตกอยู่ในวงล้อมเพราะกระสุนปืนหมด...ทันใดนั้นเอง เสือใจปรากฏตัวจนทศผงะตกใจ ขณะที่หินกับแก้วดีใจสุดๆ เมื่อเห็นกับตาว่าลุงเสือของพวกตนยังไม่ตาย
“เฮ้ย...ถอยก่อนโว้ย” ทศตะโกนลั่นพลางถอยหนี
ชินกับเรืองและทหารรับจ้างทำตามคำสั่ง ถอยร่นกันไปอย่างรวดเร็ว แก้วถึงร้องลั่นจะวิ่งตามพวกมัน
“มันหนีไปแล้วลุงเสือ ตามมันไปเร็ว”
“ไม่ต้อง...เวลาล้างแค้นยังมีอีกเยอะ ตามมันไปตอนนี้ก็มีแต่จะเสียเปรียบพวกมัน...พวกเราไปไหนกันหมด”
สองพี่น้องหยุดกึก ตอบคำถามเสือใจไม่ได้เหมือนกัน...
ooooooo
เสือสมิง 31/01/56
ตอนที่ 23 (ต่อจากวานนี้)
คณะของสมรักษ์หนีไปหยุดพักห่างจากชุมชนพอสมควรเพื่อรอจ่าชิตตามมาสมทบ แต่พอรวมตัวกันได้ไม่นาน กลุ่มของเสี่ยรงค์ตามมาทัน ผู้กองศักดาโกรธมากที่จ่าชิตยังวุ่นวายกับพวกตนไม่เลิกเสียที ตัดสินใจกำจัดให้สิ้นเรื่องสิ้นราวแต่อองไชยโพล่งขึ้นอย่างไม่เห็นด้วย
“อย่าเพิ่งผู้กอง...เราอาจต้องใช้มัน”
ผู้กองศักดาหันมองหน้าเสี่ยรงค์ก่อนจำใจลดปืนลง...เสือใจ แก้ว และหินซุ่มมองอยู่ห่างๆ เบาใจที่ทุกคนยังปลอดภัย แล้วติดตามดูต่อไปโดยไม่บุ่มบ่าม
ทันทีที่ฟ้าสาง คณะเสี่ยรงค์ออกเดินทางต่อไป จุดหมายคือสุสานบาเยงโบซึ่งอองไชยมั่นใจว่าใกล้ถึงเต็มทีแล้ว แต่ทั้งหมดบุกป่าฝ่าดงกันอย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดวันจนค่ำก็ยังไร้วี่แวว จำต้องหยุดพักค้างแรมในป่าอีกคืนอย่างไม่มีทางเลือก
จงใจมีโอกาสพูดคุยกับสมรักษ์และจ่าชิตเรื่องเสือใจที่เธอคิดว่าถูกเสี่ยรงค์ฆ่าตายแล้ว แต่จ่าชิตมั่นใจว่าคนอย่างเสือใจไม่ตายง่ายๆ ขณะที่หมวดหนุ่มก็ปลอบให้เธอสบายใจได้บ้างว่าเสี่ยรงค์อาจจะโกหกเพราะอยากได้เธอมาอยู่ด้วย
“แล้วเราจะได้กลับบ้านไหมหมวด”
“ได้สิ ต่อให้ฉันต้องแลกด้วยชีวิต ฉันก็ยอม จงใจต้องได้กลับบ้านแน่”
“หมวดอย่าพูดแบบนี้นะ จงใจยิ่งใจคอไม่ดีอยู่”
ขณะที่สมรักษ์กับจงใจแสดงความห่วงใยกันและกัน อีกมุมหนึ่งภราดรก็หาจังหวะใกล้ชิดกินรีด้วยการอาสาทำแผลบริเวณแขนให้เธอที่โดนหนามเกี่ยวได้เลือด ระรินเดินมาเห็นแสดงความหึงหวงและจะให้ประเดิมทำแทน แต่ภราดรอ้างว่าประเดิมไม่ใช่หมออาจทำให้แผลเป็นบาดทะยักได้
“ช่างมันปะไร ตายไปเลยยิ่งดี”
ภราดรชะงัก รับรู้ถึงความใจร้ายของระรินแต่ไม่พูดอะไร นอกจากเดินหนีไปอย่างเอือมๆ แล้วย้อนกลับมาอีกทีพร้อมยาแก้อักเสบ ส่งให้กินรีอย่างกระแทก กระทั้น ถึงกระนั้นระรินก็ยังแหวขึ้นด้วยความไม่ไว้ใจอยู่ดี
“รู้สึกว่าหมอจะเอาใจมันเกินไปแล้วนะ แกก็อีกคนนังกินรี ทำเป็นสำออย...เอามานี่”
“โธ่ระริน...เอาให้กินรีไปเถอะ ผมรักคุณคนเดียว แต่ที่ผมทำแบบนี้เพราะเราต้องรักษาคนเอาไว้ใช้งาน คุณเข้าใจผมนะ”
ระรินสงบลง ยอมคืนยาที่แย่งมาจากมือกินรีทั้งที่แววตายังอาฆาต แล้วลากภราดรกลับไปรวมกลุ่มเสี่ยรงค์ที่กำลังล้อมวงกินอาหารเย็น
เสี่ยรงค์ไม่เห็นจงใจจึงบอกให้เบิ้มไปตาม แต่ระรินอาสาไปเอง ท่าทางเธอมีไมตรีกับน้องสาว หลังจากผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาด้วยกัน ที่สำคัญจงใจช่วยชีวิตเธอไว้
“จงใจ...ทำไมไม่ไปกินข้าว พ่อให้มาตาม”
“พ่อ? บอกตรงๆนะฉันยังสับสนอยู่เลย จากลูกเสือลูกโจรอยู่ดีๆมีพ่อเป็นเศรษฐี แถมยังฆ่าพ่อเสือของฉันตายอีก”
“แต่คนที่เธอเรียกว่าพ่อเสือน่ะ ขโมยเธอไปจากพ่อนะ”
“แต่เขาก็เลี้ยงฉันมาจนโต”
“ฉันเข้าใจเธอนะ แต่ฉันอยากรู้จริงๆว่าเธอจะนับฉันเป็นพี่หรือเปล่า”
จงใจสับสนจนพูดไม่ออก ระรินเข้าใจไม่เซ้าซี้ แค่ย้ำเตือนให้ไปกินข้าวแล้วเดินจากมา...ไม่ทันถึงวงข้าว ระรินเหลือบเห็นภราดรคุยกับกินรี ท่าทางเขาแข็งใส่แต่ดูยังไงก็รู้ว่าห่วงใย ระรินไม่ชอบใจอย่างมากจ้องมองกินรีด้วยสายตาดุดันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
ooooooo
งะดินเดหยั่งรู้เหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความพอใจ กระหยิ่มยิ้มย่องว่าพวกคนโง่เหล่านั้นกำลังจะนำตนไปสู่สุสานบาเยงโบ ซึ่งครั้งนี้ตนไม่ยอมผิดพลาดอีกแล้วเหมือนในอดีตที่เมืองพุกาม...
หลังจากชะเวโบหลุดพ้นจากห้องคุมขัง แทนที่เขาจะสำนึกและเกรงกลัวต่อความผิดแล้วหนีไป เขากลับสมรู้ร่วมคิดกับงะดินเดอีกครั้งเพื่อกำจัดบาเยงโบ โดยสองพ่อลูกแยกกันลงมือ ชะเวโบไปจับตัวชะเวมะรัตซึ่งเป็นแก้วตาดวงใจของบาเยงโบ ส่วนงะดินเดลอบเข้าห้องอิระวดีแล้วบีบบังคับให้เธอขโมยดาบอาญาสิทธิ์ด้วยการกรอกยาพิษใส่ปากเธออย่างรวดเร็ว
“ภายในสองราตรี ถ้าข้าไม่ได้ดาบ เจ้าก็จะทรมานจนตาย”
อิระวดีรู้ตัวก็สายเสียแล้ว ในที่สุดเธอไม่มีทางเลือก ฉวยโอกาสตอนบาเยงโบนำทหารออกติดตามชะเวมะรัตที่ถูกชะเวโบจับตัวไป ลอบเข้ามาขโมยดาบแล้วให้คนสนิทของเธอเอาไปให้งะดินเดที่นอกวัง
เมื่อดาบอาญาสิทธิ์ถึงมืองะดินเด ผู้นำมาหวังจะได้รับยาถอนพิษกลับไปให้นายของตน แต่กลายเป็นว่าแม้แต่ชีวิตของตัวเองก็รักษาไว้ไม่ได้เพราะความเจ้าเล่ห์แสนกลของงะดินเด มีเพียงศีรษะที่ส่งกลับไปถึงมืออิระวดี
พระสนมอิระวดีขนลุกขนพองสยองเกล้า กรีดร้องแทบสิ้นสติเมื่อเห็นศีรษะคนของตน แต่ไม่นานนางก็ตั้งหลักเฉกเช่นหญิงแกร่ง บอกกับตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยว
“ข้าไม่ยอมตายคนเดียวแน่!”
ooooooo










