สมาชิก

แรงเงา

ตอนที่ 15

มุนินทร์รู้สึกผิดมาก สภาพทรุดโทรมของนพนภาตามหลอกหลอนจนต้องหาที่ระบาย ลูกศรรับฟังด้วยสีหน้าหนักใจ ต่อว่าเพื่อนให้เลิกจองเวรกับครอบครัวนี้เสียที

“เธอทำเกินกว่าเหตุแล้วนิน จะอาฆาตพยาบาทอะไรกันนักหนา...พอได้แล้วนะ”

“พอเห็นเลือดคุณนพนภา เห็นสภาพน่าสังเวชของเธอ ฉันก็นึกได้ว่ากำลังฆ่าคนอีกแล้ว...ฉันทำไปได้ยังไง”

“สำนึกแล้วใช่ไหม”

“ฉันจะไม่จองเวรล้างผลาญใครอีกแล้ว”

ลูกศรไม่เชื่อนักแต่ก็แอบโล่งใจที่เพื่อนสารภาพผิด!

ลูก ศรขอตัวกลับบ้าน มุนินทร์ส่งเพื่อนที่หน้าประตู ไม่รู้เลยว่าวีกิจในสภาพเมาจัดมาดักเจอ ชายหนุ่มรอจนหญิงสาวปิดประตูห้องจึงไปกดกริ่ง มุนินทร์เปิดรับเพราะคิดว่าเพื่อนลืมของ ชะงักที่เห็นวีกิจยืนหน้าเครียด เธอตั้งท่าจะปิดประตูแต่ช้ากว่าวีกิจที่ดันตัวเข้าและเหวี่ยงประตูปิดอย่าง แรง มุนินทร์ได้กลิ่นเหล้า สัมผัสได้ถึงลางไม่ดีแต่ยังวางท่าไม่กลัว ชายหนุ่มบอกว่ามีเรื่องอยากตกลงด้วย

“ผมอยากจะบอกคุณว่า ผมทนเห็นคุณทำตัวอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว”

“งั้นก็อย่ามองสิคะ บางทีสายตาคุณอาจจะลวงตาก็ได้”

“ไม่...ผมตาสว่างแล้ว...พอที่จะเห็นตัวจริงของคุณ ที่สร้างภาพแสนซื่อบริสุทธิ์ แต่ที่จริงโสมมทั้งกายและใจ!”

วี กิจต่อว่าเรื่องพวงหรีดที่ทำให้นพนภาช็อกจนเข้าห้องไอซียู มุนินทร์งงงวยเพราะจำได้ว่าทิ้งไปแล้ว ตั้งท่าจะอธิบายแต่เห็นแววตาไม่เชื่อถือของชายหนุ่มเลยเปลี่ยนท่าทีเป็นเย้ย หยัน วีกิจของขึ้น

“คุณคิดว่าอานภาตายแล้วอาภพจะได้เป็นของคุณคนเดียวงั้นหรือ...มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก”

“แต่อะไรยากๆ ฉันก็ทำมาตั้งเยอะแยะแล้วนะคะ”

“คุณตั้งใจฆ่าอานภาใช่ไหม...ผมขอร้องล่ะ เด็กสามคนนั่นเป็นน้องผม...อย่าให้แกต้องเสียแม่”

“แล้วแม่ฉันที่ต้องเสียทั้งลูกทั้งหลานไปในคราวเดียวล่ะคะ”

มุนินทร์สะเทือนใจ วีกิจไม่เข้าใจความนัย คิดว่าเป็นแค่คำแก้ตัว มองหญิงสาวด้วยสายตาชิงชัง

“คุณบอกมาว่าจะให้ผมทำยังไง ผมจะยอมทำทุกอย่าง”

“ฉันต้องการให้อาทั้งสองของคุณมาคุกเข่าอโหสิกรรมแทบเท้าฉัน...ในนามมุตตา แล้วฉันจะยุติเรื่องทั้งหมด”

“เป็นไปไม่ได้ มันมากเกินไป อานภาเคยทำให้คุณอับอาย แต่คุณก็โต้ตอบแล้วไม่ใช่หรือ”

“อานภาของคุณเสียแค่ตบเดียว...น้อยกว่าที่ฉันสูญเสีย”

“คุณรักอาภพจริงๆสินะ ไม่รู้หรือว่าคนอย่างอาภพไม่ยอมสูญเสียเพื่อแลกกับสิ่งไม่มีค่า...อย่างคุณ”

“คุณสำคัญตัวผิดอีกแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์มาประเมินฉันว่ามีค่าแค่ไหน ปล่อยให้คนที่จ่ายประเมินดีกว่า”

วีกิจโมโหหึงแต่ยังไม่รู้ตัว ค่อนแคะหญิงสาวเรื่องคบผู้ชายทีละหลายคน มุนินทร์ตอกกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน ชายหนุ่มเหลืออด ถลันไปกอดปล้ำหญิงสาวอย่างดุเดือด

“งั้นผมขอใช้บริการด้วยคนแล้วกัน รับรองจ่ายคุ้มแน่ อยากรู้นัก...ว่าผมจะได้เป็นคนที่เท่าไหร่...ถึงร้อยไหม?”

มุนินทร์ ผลักชายหนุ่มสุดแรง กระโจนหนีไปในห้องด้วยความกลัว วีกิจดึงกลับมากอดจูบอย่างรุนแรง มุนินทร์ตัวสั่นแต่ฝืนยั่วกลับ วีกิจโต้ตอบด้วยการบดริมฝีปากหญิงสาวอย่างดุดัน เธอเบือนหน้าขัดขืน น้ำตาไหลพราก

“ไม่ต้องมาบีบน้ำตา คุณมันแพศยา...อย่างนี้ใช่ไหมที่คุณต้องการ”

“เปล่า...คุณไม่ได้ครึ่งของอาภพของคุณ...คุณน่ะมันอ่อนหัด!”

“ได้...ผมจะพิสูจน์ว่าผมไม่แพ้ใครต่อใครที่คุณเคยผ่านมา”

วีกิจกระชากเสื้อหญิงสาว ระดมจูบทั่วใบหน้าและลำคออย่างเร่าร้อน ตวัดอุ้มเธอไปโยนบนเตียง ปล้ำจูบอย่างเอาเป็นเอาตาย มุนินทร์กรีดร้อง ดิ้นรนผลักไสแต่สู้ไม่ได้ วีกิจตรึงข้อมือเธอแน่น จ้องหน้าแววตาดุดัน ทั้งรักทั้งแค้น

“เมื่อก่อน...คุณทำให้ผมอยากเป็นคนดีขึ้น แต่ตอนนี้คุณทำให้ผมอยากเป็นคนเลว...เลวที่สุดเท่าที่จะเลวได้”

“ไม่...ถ้าคุณเคยรักฉัน...ถ้าคุณเคยรักตา...กรุณาหยุด”

“ใครบอกว่าผมเคยรักคุณ คุณสำคัญตัวผิดแล้ว... ผมแค่เคลิบเคลิ้มไปกับมารยาสาไถยของคุณเท่านั้น!”

มุนินทร์อึ้ง สะเทือนใจอย่างหนักจนไร้แรงขัดขืน ปล่อยให้ชายหนุ่มกอดจูบตามอำเภอใจ...

ooooooo

หลังพายุอารมณ์ผ่านพ้นไป...มุนินทร์ซบหน้าร้องไห้กับหมอน วีกิจนอนเปลือยท่อนบน งุนงงระคนยินดีกับความรับรู้ใหม่เกี่ยวกับหญิงสาว ความโกรธแค้นในใจจางหาย เหลือไว้แต่ความรัก ความอ่อนหวานและความไม่เข้าใจ

วีกิจเอื้อมมือไปแตะแผ่นหลังเปลือยเปล่าของหญิงสาวแผ่วเบา มุนินทร์สะดุ้งแล้วขยับตัวหนี กระชับผ้าห่มพันร่าง ลุกยืนเชิดหน้า ปาดน้ำตาแล้วสวมบทนางเอกปากร้าย

“สมใจคุณหรือยัง...ผู้ชายนี่...ไม่ว่ารักหรือเกลียดก็จบที่เตียงเสมอ อาคุณเคยบอกว่าคุณไม่ต่างจากเขา...ฉันไม่เคยเชื่อ แต่วันนี้...คุณพิสูจน์แล้วว่าคุณไม่ต่างจากอาของคุณสักนิด”

วีกิจสะอึก ความรู้สึกผิดที่ข่มเหงหญิงสาวท่วมท้น มั่นใจว่าเธอไม่ใช่มุตตา

“นิน...ผมขอโทษ”

มุนินทร์ตัวชาได้ยินชื่อที่เขาเรียก คำพูดขอโทษเสียดแทงใจ

“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้อง...ตามหลักก็คือ เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ต้องรีบแต่งตัว แยกย้ายกันกลับ”

มุนินทร์โยนเสื้อผ้าให้วีกิจแล้วหมุนตัวออกจากห้อง เหยียบโดนเศษดอกไม้คริสตัลที่แตกบนพื้นข้างเตียง หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่มแววตาเย็นชา เดินไปเปิดประตูหน้าห้องรอ วีกิจยืนเก้กังไม่ยอมออก มองเศษดอกไม้ในมือหญิงสาวนิ่ง มุนินทร์เม้มริมฝีปากแน่น

“ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ มันแตกไปแล้ว...ไม่สามารถประสานได้ใหม่หรอก”

วีกิจก้าวออกจากห้อง มุนินทร์ขยับประตูปิดแล้วเปิดออกใหม่ มองชายหนุ่มด้วยสายตาเย้ยหยัน

“อ้อ...แล้วที่คุณถามว่าเป็นคนที่เท่าไหร่ เสียใจด้วยนะคะ...ฉันไม่เคยนับ!”

มุนินทร์ปิดประตูห้อง วีกิจยืนนิ่ง แววตาสับสนอลหม่าน พึมพำเบาๆ

“แต่ผม...คือคนแรกของคุณ”

วีกิจไม่กลับบ้านแต่ไปร้านอาหารริมน้ำเจ้าประจำ ในมือถือเสื้อแจ็กเกตที่หญิงสาวซื้อให้ ความรู้สึกผิดยังเวียนวนแต่มีความสุขใจอย่างประหลาด...อย่างน้อย เขาก็ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเธออีกอย่าง...

ด้านมุนินทร์...เรียกสติตัวเองกลับมา ใคร่ครวญถึงวีรกรรมตัวเองตั้งแต่กลับจากเมืองนอก...รวมทั้งเรื่องเมื่อคืน แม้จะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายหนุ่มที่รักหมดใจ แต่ก็เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงของเขา หญิงสาวนั่งเหม่อไปข้างหน้า มองเห็นมุตตายิ้มเยาะที่โซฟาฝั่งตรงข้าม

“ตอนนี้เธอก็ไม่ต่างอะไรจากฉันแล้ว...เสียคนเพราะผู้ชาย...ฉันตกเป็นเหยื่อของผู้ชายที่ฉันรัก ส่วนเธอ... ตกเป็นเหยื่อของผู้ชายที่เธอรักเหมือนกัน น่าสมเพชสิ้นดี เธอต้องล้างแค้นต่อไป”

“ไม่...พอทีเถอะตา...ฉันรู้แล้วว่าเวรจบไม่ได้ด้วยการจองเวร เวรระงับด้วยการอโหสิกรรมเท่านั้น”

“เธอกำลังแพ้”

“เธอไม่ใช่ตา...ตาไม่มีวันพูดแบบนั้น ตาไม่ใช่คนพยาบาท ตาดีงามเกินกว่าจะจองเวรกับความชั่ว!”

ภาพมุตตาตรงหน้าดูบิดเบี้ยว ค่อยๆเลือนหาย มุนินทร์ตะโกนใส่ภาพเลือนๆของแฝดน้อง

“แต่เธอคือความโง่เขลา ความอาฆาตพยาบาท ความสำนึกผิดโง่ๆที่อยากไถ่โทษตัวเอง ว่าคือคนที่ผลักดันให้ตาตาย เธอ...คือตัวฉันเอง”

ร่างของมุตตาสลายไปแล้ว มุนินทร์ยืนนิ่ง แววตาสงบ...

ooooooo

แม้รู้ว่ามุตตาคนใหม่ที่ทุกคนเข้าใจคือมุนินทร์ แต่ไม่มีหลักฐาน วีกิจบอกกริบให้ช่วยสืบ แต่ไม่ยอมเล่าเรื่องสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาว เขายื่นภาพถ่ายมุนินทร์กับมุตตาให้เพื่อนดู ขอร้องให้ตรวจสอบลายเซ็นของฝาแฝด กริบรับปากเพื่อนงงๆ

ขณะที่วีกิจวิ่งวุ่นตามสืบ...มุนินทร์ทำงานที่ออฟฟิศอย่างใจลอย แปลกโทร.หา เธอรับสายอย่างดีใจ น้ำตารื้นด้วยความคิดถึงพ่อกับแม่ แปลกหัวเราะเบาๆ แหย่ลูกสาวคนโตที่เสียงเครือ

“อะไรกันหือ...ใจแข็งเป็นหินมาตั้งแต่เด็ก จะมาขี้แยอะไรเอาป่านนี้...เป็นอะไรไปลูก”

“หนูคิดถึงตา”

“ตาสุขสงบแล้วล่ะ...นิน”

มุนินทร์สบายใจได้พูดกับพ่อ แปลกเล่าว่าเพิ่งกลับจากงานศพลัดดา แม่ของรินลดาเพื่อนสมัยเด็กของฝาแฝด หมอบีบอกว่าเธอตรอมใจตายเพราะโดนรังเกียจจากชาวบ้านเรื่องรินลดาที่ท้องไม่มีพ่อและติดเชื้อเอดส์ แปลกพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิดเพราะเคยมีส่วน ห้ามมุตตาไม่ให้เข้าไปสุงสิง มุนินทร์ถอนใจ นึกถึงเรื่องตัวเองอย่างปลงๆ

“กว่าเราจะได้สติ เราก็ทำอะไรแย่ๆ ไปมากเหลือเกิน แล้วรินอยู่ยังไงกันคะ”

“รินท้องใหญ่มากแล้ว แต่ยังหลบหน้าหลบตาผู้คนอยู่”

“พ่อคะ...วันนี้หนูคิดได้หลายเรื่องเลย ในโลกนี้มีคนทุกข์มากมาย บางคนทุกข์กว่าเราหลายเท่า แต่เรามัวแต่หมกมุ่น ขยายทุกข์ของเราให้มันทบทวีมากขึ้น”

“ทุกอย่างเกิดจากจิตปรุงแต่งของเราทั้งนั้นแหละลูก หยุดปรุงแต่งก็จะเห็นว่าทุกอย่างมันก็แค่นั้นเอง”

มุนินทร์นิ่งฟังพ่อสอน รู้สึกโล่งใจอย่างประหลาด แปลกถามเรื่องธุระเกี่ยวกับมุตตา

“ยังไม่เรียบร้อยอย่างที่หนูตั้งใจหรอกค่ะ แต่หนูเปลี่ยนใจแล้ว...หนูจะปิดบัญชีสักที”

คืนเดียวกันนั้น...ต้องเห็นข่าวแจ็คโดนฆ่าตายที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง หันไปอาละวาดตบตีประพงส์ที่นั่งทำงานข้างๆ

“คุณสัญญากับฉันแล้วนี่ว่าจะไม่ฆ่ามัน...มันเป็นเพื่อนฉัน”

“ฉันไม่ได้สัญญากับเธอ ฉันแค่บอกว่า...จะพยายาม”

ต้องตบหน้าประพงส์ เขาตบสวนกลับ ขู่ว่าจะทิ้งถ้ากล้าทำร้ายเขาอีก ต้องสะอื้นไห้อย่างช้ำใจ...

ooooooo

มุนินทร์ไปปิดบัญชีของมุตตาที่ธนาคารวันรุ่งขึ้น กริบมาต้อนรับและดำเนินเรื่องให้ มองหญิงสาวเซ็นเอกสารอย่างตั้งใจท่าทางเหมือนลอกลายมือ เขามองอย่างรู้ทัน ส่งสายตายิ้มๆให้วีกิจที่แอบมองหญิงสาวจากมุมลับตา

มุนินทร์กลับไปแล้ว วีกิจคุยกับกริบในห้อง พินิจลายเซ็นของหญิงสาวที่เพิ่งเซ็นหมาดๆ กริบบอกว่าเป็นคนละลายเซ็นกับของมุตตาเพราะน้ำหนักมือต่างกัน วีกิจดีใจแต่ยังเก็บอาการ

“แปลว่าเขาไม่ใช่มุตตา แต่เป็นคนอื่นแน่ๆ...ใช่ไหมไอ้กริบ”

“แล้วเขาเป็นใครวะ”

“ฝาแฝดเหมือน...แกรู้ไหม เขาประกาศอยู่ตลอดว่าเขาไม่ใช่คนที่ฉันคิด ตาเรียกตัวเองว่าตา เขาเรียกตัวเองว่าฉัน เขาพูดคำว่าตากับฉันสลับกันอยู่ตลอด เพื่อจะบอกว่าเขาคืออีกคน และตาคืออีกคน...และฉันก็โง่มากเลย”

“แล้วแกไม่รู้มาก่อนหรือว่า...มุตตามีฝาแฝด”

“ตาเคยเล่าว่ามีพี่สาวเรียนโทอยู่อเมริกา หาเงินส่งมาบ้านปีละเป็นล้าน จำได้ว่าตาพูดว่าพี่สาวไม่เหมือนตาจนนิดเดียว...ฉันก็เลยไม่ทันคิด”

กริบใช้นามสกุลของฝาแฝดค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับมุนินทร์ในอินเตอร์เน็ต ภาพสองสาวสมัยเด็กปรากฏขึ้นที่หน้าจอนับสิบรูป วีกิจมองความต่างของทั้งสองอย่างตื่นตะลึง กริบอ่านประวัติของมุนินทร์ว่าจบโทจากอเมริกา ทำงานที่บริษัทคอมพิวเตอร์ชั้นนำเพราะชนะการแข่งขันเขียนโปรแกรมตั้งแต่สมัยเรียน เพิ่งย้ายกลับมาเป็นผู้บริหารประจำสาขาที่เมืองไทยได้ไม่นาน วีกิจยิ้มภาคภูมิใจในตัวหญิงสาว กริบมองเพื่อนอย่างสงสัย

“แล้วทำไมแกถึงรู้ว่า เขากับมุตตาคือคนละคนกัน”

วีกิจหน้าแดงหลบตา สารภาพเรื่องสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงสาว ประกาศต่อหน้าเพื่อนอย่างมาดมั่น

“ต่อไปนี้...ฉันจะรับผิดชอบและขอไถ่ถอนโทษจากเขาทั้งหมด”

กริบตบไหล่ให้กำลังใจ ชื่นชมความเป็นลูกผู้ชายของเพื่อน...ที่กล้าทำก็กล้ารับ!

ooooooo

วีกิจนึกถึงการกระทำทุกอย่างของมุนินทร์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ พฤติกรรมแปลกๆ และแววตาแข็งกร้าวแต่เต็มไปด้วยเสน่ห์คู่นั้น ทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าเธอคือคนที่เขาหลงรักมาตลอด ชายหนุ่มไปหาหญิงสาวที่ออฟฟิศเพื่อขอโทษและปรับความเข้าใจ มุนินทร์เผชิญหน้ากับเขาด้วยแววตาเย็นชา

“คุณอยากขอโทษเรื่องอะไรคะ โทษเหล้าที่คุณกินเข้าไปดีไหม”

“คนเดียวที่ต้องโทษคือผม ผมเสียใจสำหรับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น”

“ไม่เห็นต้องเสียใจอะไรนี่คะ เป็นเรื่องธรรมดาจะตายของคนยุคใหม่...ก็แค่คืนเดียว!”

“แต่คุณรู้จักผม...และรู้ดีว่าผมรู้สึกอย่างไร”

“นั่นฉันสำคัญตัวผิดไปเองไม่ใช่หรือคะ...ที่จริงคุณก็แค่เคลิ้มไปกับมารยาสาไถยของฉันเท่านั้น”

“ผมพูดโง่ๆแบบนั้นเพราะอะไรคุณก็ควรจะรู้”

“ฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันรู้แต่ว่าวีกิจคนเดิมตายจากฉันไปแล้ว เขาตายไป...และเอาศรัทธาของฉันในความดีงามของโลกใบนี้ตายพร้อมไปกับเขาด้วย”

วีกิจมองหญิงสาวด้วยสายตาวิงวอนลุแก่โทษ มุนินทร์แข็งใจโบกมือให้ รปภ.ลากชายหนุ่มออกไป แล้วเดินสะบัดขึ้นออฟฟิศ ลูกศรกับณัฐดนัยเดินผ่านมาเห็นวีกิจยื้อยุดกับ รปภ. จึงเข้าห้าม ลูกศรเดาว่าวีกิจคงมีเรื่องกับมุนินทร์

“ไว้ฉันกล่อมยายนินให้เอง...และอย่าเข้าใจผิดเรื่องเจ้านายนะคะ เพราะคุณณัฐดนัย...เป็นคู่หมั้นลูกศรเองค่ะ”

ณัฐดนัยหน้าเหวอ ลูกศรคว้ามือเขามาโอบเอวเพื่อความสมจริง วีกิจออกไปแล้ว ลูกศรขอบคุณเจ้านายหนุ่มที่ช่วยเล่นละครตบตา ณัฐดนัยงงแต่ไม่ยอมปล่อยมือจากเอวบาง ลูกศรมองเตือน เขาปล่อยมือแต่ดวงตาวิบวับถูกใจ...

ขณะที่วีกิจว้าวุ่นใจ...เจนภพนั่งเฝ้านพนภาที่นอนหลับเพราะฤทธิ์ยาในห้องพักโรงพยาบาล หนุ่มใหญ่กุมมือเมียแนบแน่น แววตาสำนึกผิด นึกถึงความทรงจำตลอดยี่สิบปีที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แม้นพนภาจะโมโหร้าย แต่เขาก็รักและผูกพันกับเธอมาก เขาคิดได้ว่าควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อไถ่โทษ นพนภาลืมตาขึ้นช้าๆ เจนภพดีใจ ขยับไปถามอาการอย่างห่วงใยและตัดสินใจบอกเรื่องสำคัญ

“ผมเคยรับปากเลิกกับมุตตาแบบขอไปที แต่ตอนที่คุณไม่ได้สติ ผมถึงคิดได้ว่าคุณเป็นเมียที่ดีขนาดไหน”

“ฉันน่ะหรือดี”

“ผมไม่ได้บอกว่าคุณดีวิเศษเลิศเลอ แต่คุณคือผู้หญิงที่ผมรัก...มากกว่าผู้หญิงคนไหน ผมสัญญาว่าจะเลิกกับเขาจริงๆ จะตัดเขาออกไปจากชีวิตเราสองคน”

นพนภาตื้นตัน เจนภพจูบมือเมียอย่างอ่อนหวาน สองผัวเมียขยับตัวกอดกัน โดนปุ่มอินเตอร์คอมโดยบังเอิญ นภางค์กับแต้วที่นอนเฝ้าที่ด้านนอกสะดุ้งที่ได้ยินเสียงผัวเมียพลอดรักกันกะหนุงกะหนิง ชักชวนกันไปเที่ยวต่างประเทศเหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามัน นภางค์หมั่นไส้ลูกกับลูกเขย แต้วยิ้มกรุ้มกริ่ม เขินแทนเจ้านายทั้งสอง...

ooooooo

นพนภาอาการดีขึ้นผิดหูผิดตาในวันรุ่งขึ้น เรียกช่างแต่งหน้าทำผมมาเสริมความงามอย่างกระปรี้ กระเปร่า เนตรนภิศมองพี่สาวอย่างแปลกใจระคนหมั่นไส้ นพนภาบอกว่าหายแล้ว และจะกลับบ้านวันนี้

เนตรนภิศเก็บความสงสัยเรื่องอาการแช่มชื่นผิดปกติของพี่สาวไปถามนภางค์ สร้อยคำ และแต้วที่ช่วยกันเก็บของที่ห้องพักด้านนอก นภางค์ทำหน้าเบ้เพราะยังหมั่นไส้ เจนภพไม่หาย

“เมื่อคืนนายภพมาเฝ้าเมียเอง โอ้โลมปฏิโลมกันทั้งคืน”

สร้อยคำเอามือทาบอก แต้วชี้ไปที่อินเตอร์คอม บอกว่าได้ยินทุกอย่างผ่านเครื่องนี้ นภางค์ส่ายหน้าช้าๆ เหนื่อยใจกับความรักผัวจนหลงของลูกสาวคนโต

“ยายนภาเอ๊ย...บอกจะเลิก จะเลิก...พอผัวมาอ้อนเข้าหน่อยก็ตัวอ่อนแขนอ่อน...ไปไหนไม่รอด”

เนตรนภิศฝืนยิ้ม ยินดีที่พี่สาวหายดีและคืนดีกับผัว...แต่ในใจร้อนรุ่มด้วยความริษยา!

เจนภพพานพนภากลับบ้านช่วงสายวันเดียวกันนั้น ลูกๆทั้งสามมาต้อนรับแม่ที่ห้องโถง นพนภาทักทายลูกอย่างอารมณ์ดี ถามต้องว่าทำไมไม่ไปทำงานที่ผับ ต้องถอนใจนิดๆ บอกว่าไม่ค่อยสบาย

“ไม่สบายก็ต้องไปดูนิดหนึ่ง ธุรกิจน่ะไว้ใจใครได้ที่ไหน คุณประพงส์เขาก็มีงานอื่นอยู่”

“ค่ะ...เขามีงานอื่นอยู่ ผับกับคอมเพล็กซ์เป็นแค่งานบังหน้า”

นพนภาเลิกคิ้ว ต้องได้สติ ยียวนแม่เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ นพนภาค้อนต้องและหันไปหยิบขนมให้ต้อมกับต่อ กลิ่นของขนมทำให้ต้องคลื่นเหียนวิ่งออกจากห้อง ต่อมองตามพี่สาวอย่างกังวลใจ

ต้องวิ่งไปอาเจียนที่ชักโครก รู้สึกวิงเวียนเหมือนจะเป็นลม อาการอ่อนแอแปลกๆ สะกิดใจเด็กสาว เธอมองตัวเองในกระจก ลูบหน้าท้องแบนราบอย่างแผ่วเบา สังหรณ์ใจว่าท้อง!

ขณะเดียวกัน...วีกิจทานข้าวกับสร้อยคำที่บ้าน ชายหนุ่มเงียบขรึมและลำบากใจจะพูดกับแม่เรื่องมุนินทร์ สร้อยคำมองท่าทีอึดอัดของลูกอย่างแปลกใจ

“แม่ครับ...ผมอยากบอกแม่เรื่องมุตตา ที่จริงเขาคือ...”

“นี่แกยังติดต่อเขาอยู่หรือ ไหนสัญญากับแม่แล้วไงว่าจะตัดใจให้ได้”

“แม่ครับ...ที่เขาทำเหมือนไม่รู้จักแม่ เขาไม่ได้แกล้งทำหรอกฮะ เขาไม่รู้จักแม่จริงๆ”

“แม่บอกแล้วไงว่าแม่ไม่อยากฟังเรื่องผู้หญิงคนนี้อีก”

สร้อยคำเดินสะบัดออกไป วีกิจมองตามอย่างหนักใจ ...ท่าทางเรื่องจะยุ่งยากกว่าที่เขาคิด!

ooooooo

ต้องไปทำงานที่ผับตามปกติ แปลกใจที่เห็นผู้คนมากมายขนของที่โกดัง ประพงส์สาดเหล้าลงคออย่างเครียดจัด บอกให้เตรียมตัวหนี ต้องถามถึงผับของแม่ ประพงส์ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ

“ก็ต้องปิดตัว ตำรวจกำลังจะบุกมาในอีกชั่วโมงนี่แล้ว เธออยากจะไปกับฉันด้วยไหม...ยินดีนะ”

“ฉันไม่ร่วมมือกับนายโกงแม่ฉันหรอก นายจะให้แม่ฉันรับผิดอยู่คนเดียวงั้นเหรอ”

“ช่วยไม่ได้...คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาดอยู่แล้ว”

ประพงส์แสยะยิ้ม ต้องนึกเกลียดรอยยิ้มนั้นจับใจ กดโทรศัพท์หาแม่ ประพงส์กระชากมือถือมา ต้องกระโจนไปยื้อแย่งถูกมาเฟียหนุ่มตบร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง แล้ว ผลุนผลันออกจากห้องไปอย่างไม่ไยดี ต้องยันร่างขึ้น ปวดท้องรุนแรงแต่ยังแข็งใจขยับตัวหยิบมือถือโทร.หาแม่

นพนภามาที่ผับทันทีที่ทราบเรื่อง ปาสมุดบัญชีใส่หน้าพนักงานแคชเชียร์ด้วยความโมโหที่โดนโกงมานาน เจนภพคุยมือถือ เจรจากับผู้ใหญ่ระดับสูงอยู่ข้างๆ นพนภาต่อว่าต้องที่ยืนหน้าซีดกุมท้องอยู่หน้าเคาน์เตอร์

“นังต้อง...แกดูร้านยังไง...หรือว่ามัวแต่อ่อยผู้ชายอยู่”

“หนูบอกแม่ตั้งแต่วันที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วว่าเราจะเจ๊ง แม่ก็มัวแต่ปลื้มคุณประพงส์...ไม่เคยฟัง”

นพนภาปรี๊ดแตก แต่ยังไม่ทันทำอะไรลูก ผู้จัดการผับมาบอกว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอค้นร้าน เจนภพวางสาย มองหน้าเมียอย่างเครียดจัด!

ข่าวตำรวจบุกค้นผับของนพนภากลายเป็นประเด็นร้อนในวันถัดมา...นพนภานั่งดูทีวีหน้าซีด ต่อกุมมือแม่อย่างให้กำลังใจ เนตรนภิศนั่งขนาบอีกข้าง เหลือบมองท่าทางเครียดจัดของพี่สาวด้วยแววตาสะใจ เจนภพสั่งให้ทุกคนในบ้านยกหูโทรศัพท์ออกและปิดบ้านไม่รับแขก คว้ารีโมตมาปิดทีวี ค่อนแคะเมียเสียงเข้ม

“ถ้าคุณไม่คบไอ้สารเลวนี่ ไม่ทำธุรกิจชั่วๆ หลอกกินกระทั่งเงินเด็ก เปิดบาร์ค้าเหล้าค้ายาค้ากามหน้าสถานศึกษา ก็คงไม่ต้องมาเสียชื่อเสียงแบบนี้...ดีนะที่ท่านอธิบดีมีเส้นสาย...ไม่งั้นคุณไปนอนในคุกแล้ว”

“ไม่ต้องมาอวดอ้าง เส้นสายฉันก็มี ทนายฉันก็มือหนึ่ง”

“ไม่เข็ดใช่ไหม...คบมือปืน นายบ่อน ราชายาเสพติดไว้หนุนธุรกิจบ้าๆ แถมเชื่อหมอดูส่งลูกไปทำงานกับมัน”

“ทำมาห่วงลูกตอนนี้ วันๆมีเวลาให้มันไหม หรือเจอกันตอนกินข้าวเช้าสิบนาทีก็พอ...จากนั้นก็ไปหาอีมุตตา”

ต้องเดินเอามือกุมท้องหน้าซีด มีเลือดไหลที่หว่าง ขาหยดเป็นทางตามพื้น ต่อมองพี่สาวอย่างตกใจถลาเข้า ประคองพร้อมกับเนตรนภิศ ต้องเป็นลมหมดสติไปแล้ว เจนภพตะโกนสั่งให้เรียกรถพยาบาล นพนภามองเลือดที่ขาลูกอย่างวิตกจริต หน้าถอดสี...

ooooooo

ต้องในชุดคนไข้ นอนดูพ่อกับแม่เดินสวนกันไปมาอย่างกระวนกระวาย เธอรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นและคิดว่าถึงเวลายอมรับความจริงสักที หมอมาเชิญเจนภพกับนพนภาไปคุยที่ห้อง ต้องบอกให้พูดต่อหน้าเธอ หมอถอนใจอย่างอึดอัด ลำบากใจที่ต้องเป็นคนบอกความจริง

“แกตั้งครรภ์ครับ แต่อายุครรภ์แค่สี่สัปดาห์ การฝังตัวยังไม่สมบูรณ์เลยหลุดออกมา สาเหตุอาจเกิดจากการ กระทบกระเทือนก็ได้ครับ ผมคงต้องขอตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง”

ต้องรู้สึกโล่งและสงบอย่างประหลาด นพนภาทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง หมอกับพยาบาลขอตัวออกไป เจนภพร้อนรน ก้าวพรวดไปเค้นความจริงจากปากลูก

“ไอ้มาเฟียประพงส์นั่นใช่ไหม...มันข่มขืนใช่ไหม”

“ไม่ใช่ค่ะ...หนูสมยอมเอง...ทุกอย่างและทุกครั้ง หนูหลงรักเขาค่ะ รักทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาเลวขนาดไหน รักเขาทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาฆ่าปิดปากไอ้แจ็ค...รักเขาทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาโกงแม่!”

นพนภาเต้นผางด้วยความโมโห ต้องมีท่าทีเหมือนปลงตก ไร้วี่แววประชดประชันพ่อกับแม่เหมือนเคย

“หนูพูดความจริงไงคะ หนูรักเขาเหมือนที่แม่รักพ่อ...พ่อทำกับแม่ยังไงก็ไม่เคยหมดรัก!”

เจนภพกับนพนภากดดันจากคำพูดสุดท้ายของลูกสาว สองผัวเมียกลับไปทะเลาะกันใหญ่โตที่บ้าน นพนภาขุดคุ้ยเรื่องมุตตามาแขวะผัว พาลไปถึงต้องที่ตกเลือดเพราะความไม่รักดี เจนภพตอกเมียกลับอย่างเหลืออด

“อย่าโทษลูกนะ คุณนั่นแหละเป็นแม่...ทำไมไม่มีจิตสำนึก”

“ไม่ต้องมาใช้ศัพท์สูงกับฉัน ฉันมันแค่แม่ค้า...ไม่ใช่ผู้ดีนักเรียนนอกอย่างคุณ...รู้หมดทุกอย่างแต่ทำไม่เป็น ปริญญาน่ะแขวนไว้ให้แมลงสาปมันแทะเล่น”

“ความเป็นแม่น่ะ...มันไม่ต้องใช้ปริญญาหรอก”

“ความเป็นพ่อก็ไม่ใช่สักแต่ว่าทำให้ติดลูกเหมือนกัน”

“ผมผิดเองที่เลือกคุณมาเป็นเมีย...เป็นแม่ของลูก ต่อไปคงได้เป็นแม่ดีเด่นที่เอาลูกไปสังเวยไอ้แก่หัวงู”

“ใช่...เจอเล่ห์ไอ้แก่หัวงูก็เลยเสร็จ เคยนึกบ้างไหม ...คนที่เป็นไอ้หัวงู หลอกทำลายพรหมจรรย์ผู้หญิงน่ะ วันหนึ่งกรรมจะวกมาถึงตัว...แล้วตอนนี้ก็วกมาโดนยายต้องแล้ว!”

เจนภพเลือดขึ้นหน้า โผนเข้าเหวี่ยงเมียลงกับพื้น ต่อถลันไปขวางพ่อ จ้องมองอย่างโกรธแค้น เจนภพผลักลูก จนเซแล้วผลุนผลันออกไป นพนภาสะอื้นไห้กับต่อตัวโยน วีกิจกับสร้อยคำที่แวะมาถามอาการต้อง มองความร้าวฉาน ของครอบครัวเจนภพด้วยความเวทนา

วีกิจกลับมาที่ห้องอย่างหมดอาลัยตายอยาก สลดใจ กับสภาพนพนภาและสมเพชในพฤติกรรมมักมากของเจนภพ เขามองรอบๆห้อง เห็นข้าวของที่มุนินทร์ซื้อให้เกลื่อน ชายหนุ่มหยิบขึ้นดูทีละชิ้น คิดถึงหญิงสาวเหลือเกิน...

ด้านมุนินทร์ก็ไม่ต่างกัน...หญิงสาวกินช็อกโกแลตที่ชายหนุ่มให้อย่างเหม่อลอย...คิดถึงเวลาดีๆ ที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ

สร้อยคำมาเฝ้าต้องที่โรงพยาบาลวันรุ่งขึ้น วีกิจแวะมาเยี่ยม มองลูกพี่ลูกน้องอย่างสงสาร ต้องรู้สึกตัวแล้ว แต่แกล้งนอนหลับเงียบ เงี่ยหูฟังสองแม่ลูกคุยกัน

“มันเป็นเรื่องของกรรมน่ะตากิจ...มันเหมือนเงา ตามตัวเราไปทุกที่”

“แล้วทำไมกรรมของพ่อถึงตกกับลูกล่ะครับ”

“ไม่ใช่หรอกลูก พุทธศาสนาพูดถึงการเวียนว่ายตายเกิด แม่คงต้องบอกว่ายายต้องเคยทำกรรมแบบนี้ไว้...กรรมถึงได้พามาเกิดในบ้านที่มีคนทำกรรมแบบเดียวกัน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นการลงโทษทั้งตัวยายต้องและนายภพด้วย”

“เกิดเป็นผู้หญิงต้องตกเป็นเหยื่อเสมอนะฮะ”

“ไม่ว่าชายหรือหญิงก็อยู่ใต้กรรมเหมือนกัน ถ้าเรา พิจารณาชีวิตให้ดีจะเห็นกฎแห่งกรรม...แล้วแก้ไขชีวิตได้”

“ฮะ...ผมเองก็ต้องหาทางแก้ไขปัญหาที่ผมก่อเหมือนกัน”

สร้อยคำไม่สะกิดใจคำพูดแปลกๆของลูก ส่วนต้องนอนน้ำตาไหล...สำนึกในทุกอย่างที่ตนทำ

ooooooo

แรงเงา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด