สมาชิก

แรงเงา

ตอนที่ 14

เจนภพหาโอกาสปลีกตัวจากนพนภาไม่ได้ จำใจปรนเปรอเมียด้วยรสสวาท แต่ในใจคร่ำครวญถึงหญิงสาวที่เพิ่งเจอหน้า เขาขยับตัวลงจากเตียงเมื่อแน่ใจว่าเมียหลับสนิท นพนภางัวเงียตื่นขึ้น บอกให้เอาครีมมานวดหลัง เจนภพหยิบให้แบบเซ็งๆ ขัดใจเมียที่รู้สึกตัวผิดจังหวะ!

ขณะเดียวกัน...มุนินทร์ยืนเหม่อ อยู่ในห้องพัก ไม่ได้ภูมิใจหรือพอใจกับสิ่งที่ตัวเองเลือกนัก หญิงสาวคิดถึงวีกิจจับใจ แนบหน้าลงกับกระจกเยียบเย็น พึมพำกับตัวเองเบาๆ

“สุขสันต์วันเกิดนะคะวีกิจ สุขสันต์วันเกิด”

แต่ ทว่าวีกิจไม่ได้มีความสุขตามคำอวยพรนั้น เขาตื่นนอนในวันรุ่งขึ้นด้วยสภาพทรุดโทรม ผมเผ้ายุ่งเหยิง หนวดเคราขึ้นเขียว แววตาอ่อนโยนเป็นเนืองนิจเปลี่ยนเป็นขึ้งเคียด ลุกจากเตียงไปเก็บนาฬิกาทราย เศษกระดาษ ซากกล่องของขวัญและการ์ดวันเกิด ยิ้มเยาะให้กับความโง่งมงายของตนเอง เขาอยากตัดใจและลืมทุกอย่างเกี่ยวกับมุตตา แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน...

อมรกับพงศกรไปเที่ยวทะเลวันเดียวกันนั้น

สองหนุ่มหาห้องพักตามโรงแรมต่างๆ แต่เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวจึงไม่มีห้องพักว่าง อมรถอนใจเบาๆ

“ถ้าไม่มีที่พักก็ขับรถตะลอนไปเรื่อยๆ แล้วกัน”

“ก็ดีเหมือนกันครับ ชอบอยู่แล้ว...แบบกลางแจ้งน่ะ”

พงศกรส่งสายตาเจ้าชู้ คว้ามืออมรมากุม อมรขืนตัวออก ปรามเสียงเคร่งเพราะกลัวคนรู้จักเห็น เสชวนเพื่อนชายคนสนิทไปดื่มที่บาร์โรงแรม

อมรกับพงศกรถือเครื่องดื่มค็อกเทลเดินตามชายหาดของโรงแรม เห็นกลุ่มนางแบบโพสท่าถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน พงศกรชะงักเพราะจำตากล้องได้ว่าคือศักดิ์ชาย ตัดสินใจชวนอมรไปทัก ศักดิ์ชายมองสองหนุ่มด้วยแววตาวิบวับ โดยเฉพาะกับพงศกร

“ไงคุณพงศ์ เมื่อไหร่จะมาเป็นนายแบบให้ผมสักที”

“เป็นนายแบบเหรอ...ฉันไม่ยักรู้” อมรเสียงเคร่งด้วยแรงหึง

“พี่ชายเห็นผมหน่วยก้านดีน่ะครับ เลยชวนไปเป็นนายแบบในสังกัดแบบสมัครเล่นน่ะครับ”

“แต่คุณพงศ์ไม่ยอมตกลงสักที คงต้องรบกวนคุณอมรช่วยกล่อมให้หน่อย”

“มันก็แล้วแต่เจ้าตัวเขานั่นแหละ ผมไปกล่อมเขาไม่ได้หรอก”

“เสียดายครับ...หุ่นขนาดนี้ นายแบบอาชีพยังอาย”

ศักดิ์ชายเอื้อมมือไปบีบกล้ามไหล่ของพงศกร อมรมีสีหน้าไม่พอใจ ชวนพงศกรไปหาที่พักต่อ ศักดิ์ชายตีหน้าซื่อ ชวนสองหนุ่มไปพักบังกะโลของเขาที่มี

ห้องว่างเหลือ พงศกรกระตือรือร้นอยากไปแต่อมรลังเล...

เวลาเดียวกัน...ต้องไปเดินเล่นที่ตลาดริมทะเลอย่างเหงาหงอย เห็นแจ็คแฝงตัวกับกลุ่มนักท่องเที่ยว หน้าตาทรุดโทรมจนแทบจำไม่ได้ เขาพยักหน้าส่งสัญญาณให้ไปเจอที่มุมลับตาริมหาด ต้องมองสภาพเพื่อนอย่างสังเวชใจ แจ็คขยับตัวเข้าหา ต้องกระโจนหนีแล้วร้องโหวกเหวกโวยวาย แจ็คหน้าเจื่อน

“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำอะไรอยู่แล้ว”

“ลืมไปแล้วเหรอ แกเกือบข่มขืนฉันน่ะ”

“ยายซื่อเอ๊ย...ทุกอย่างมันคือละครฉากหนึ่ง นายให้ฉันจัดฉากข่มขืน เพื่อจะได้เป็นฮีโร่ในสายตาเธอไง”

“อะไรนะ...แกอย่าบอกนะว่านายแกคือคุณประพงส์”

“ไง...หายซื่อแล้วใช่ไหม ไอ้นั่นน่ะ...มันหวังในตัวเธอมาตั้งแต่ต้นแล้ว พอรู้ว่าเป็นเพื่อนฉันแล้วกินขนมฉันบ่อยๆ ก็บอกให้ปล่อยของเต็มที่...หลอกแม่เธอให้ดึงเธอมาทำงานในผับ”

แจ็คเตือนให้เลิกยุ่งกับประพงส์ ต้องตัวชาตาสว่าง ความทรงจำในอดีต พฤติกรรมแปลกๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของประพงส์กระจ่างชัด เธอยิ้มเยาะให้ความเขลาของตัวเอง

“ฉันรู้ว่าเขาเลวแค่ไหน แต่ฉัน...คงเลิกกับเขาไม่ได้หรอก”

“แต่มันเป็นมาเฟียฆ่าคนนะ ฉันเตือนเพราะเป็นห่วง...ก่อนที่ฉันจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว มันจะฆ่าปิดปากฉัน!”

แจ็คหน้าซีดปากสั่นเพราะความกลัว เอ่ยปากขอเงินประทังชีวิต ต้องให้เงินทั้งหมดในกระเป๋าด้วยความเวทนา พูดเสียงเครือให้หนีแล้วหมุนตัวเดินจากไป แจ็คมองตามน้ำตาคลอ ซาบซึ้งในบุญคุณ

ooooooo

วีกิจยังทุกข์ใจเรื่องมุตตา เดินเรื่อยเปื่อยถึงบ้านเจนภพ เห็นเนตรนภิศที่มาเฝ้าบ้านให้นพนภา ชื่นชมเครื่องเพชรของพี่สาวหน้าตาสดใส เนตรนภิศ

อวยพรวันเกิดย้อนหลัง แกล้งถามถึงมุตตาว่าไปร่วมงานปาร์ตี้หรือเปล่า วีกิจเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งตึง

“ทำไมหรือฮะ อานภิศทราบอะไรมาเหรอฮะ”

“อาไม่อยากพูดเลย มันไม่ใช่เรื่องของอา...”

เนตรนภิศยิ้มหยัน ตีหน้าเศร้าเล่าเรื่องที่หญิงสาวโทร.หาเจนภพเมื่อคืนก่อนแต่แต้วเป็นคนรับสาย

“นังแต้วไม่รู้เรื่อง บอกเขาหมดว่าไปไหน ยังไง

เมื่อไหร่ อาห้ามไม่ทัน ตากิจ...เธอว่าจะมีเรื่องมีราวอะไร

ไหมอากลัวใจจริงๆ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจะทำอะไร”

วีกิจสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี...แต่ก็เดาไม่ได้เหมือนกันว่าหญิงสาวคิดอะไร!

ขณะที่วีกิจกังวลใจ...เจนภพนอนอย่างสบายอารมณ์ที่เก้าอี้ริมสระน้ำ ส่งสายตาโลมเลียหญิงสาวในชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่ที่นอนอาบแดดบนเก้าอี้ตัวถัดไป มีหมวกปีกกว้างปิดหน้าไว้ เขาสะกิดให้ต่อดู บอกจะหาโอกาสพาไปเปิดหูเปิดตาตามประสาผู้ชายเจ้าชู้ ต่อมองตามด้วยท่าทีอึดอัด

“นี่พ่อกำลังสอนให้ผมเป็นคนสำส่อนเหรอฮะ ผู้หญิงเป็นแค่วัตถุทางเพศ...ไม่ต้องให้เกียรติเลยใช่ไหมฮะ”

“เฮ้ย...ผู้หญิงพวกนี้ก็ต้องการเหมือนกัน เราก็สนอง...

ให้เกียรติเกิดอะไรกันวะ ฉันแค่พูดตามประสาผู้ชาย”

“เพื่อปลูกฝังให้ผมสำส่อน มักมากแล้วก็ผิดศีลธรรม พ่อเห็นแม่เป็นอะไร...เห็นใจแม่หรือเปล่า...

หรือว่าพ่อคิดถึงใครไม่เป็นเลย...นอกจากตัวเอง!”

ต่อสะบัดลุกไปด้วยแววตารังเกียจ เจนภพอ้า

ปากค้าง มองตามอย่างเคืองๆ มุนินทร์คือผู้หญิงบนเก้าอี้ข้างๆ ได้ยินบทสนทนาของพ่อลูกทุกคำ ลุกมาหาหนุ่มใหญ่ แววตาคมกร้าว

“นั่นคือคำพูดที่มีสติสัมปชัญญะที่สุดต่างหาก

ถ้าคุณคิดอย่างแกพูดสักนิด...เรื่องร้ายๆทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น”

เจนภพมองหญิงสาวตาเยิ้ม ไม่ได้สนใจฟังคำพูดของเธอเลย เขาเหลียวซ้ายแลขวาหาเมีย เห็นนั่งคุยกับฝรั่งที่บาร์ริมสระอย่างร่าเริง หนุ่มใหญ่ยิ้มกริ่ม ถลาไปคุกเข่าแล้วจับมือหญิงสาวไว้

“ตา...ให้ตาย...นี่คุณเสี่ยงมากนะนี่”

“ฉันเกือบตายมาหลายครั้งแล้ว...แค่นี้จะกลัวอะไรคะ”

“ตาตามมาถึงนี่...ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นใช่ไหม ผมรู้ว่าตารักผมไม่ใช่นายกิจ...แต่ตาต้องเลิกให้เด็ดขาด...แล้วผมจะให้ทุกอย่างที่ตาต้องการ”

“ถ้าฉันต้องการความสุขทุกอย่างในชีวิตคุณล่ะคะ”

“งั้นเอาชีวิตผมไปเลย”

“ถ้ามีโอกาสฉันทำแน่ค่ะ แต่ตอนนี้เจ้าชีวิตของคุณมาแล้ว”

เจนภพผวากลับไปนั่ง มุนินทร์มองนพนภาถือถาดค็อกเทลกลับมาอย่างท้าทาย เจนภพมองสองสาวสลับไปมาอย่างกระวนกระวายเพราะกลัวรถไฟชนกัน มุนินทร์เดินกลับไปที่เก้าอี้ตนช้าๆ แล้วนอนหันหลังให้ เจนภพถอนใจเฮือกอย่างโล่งอก นพนภาไม่สังเกตท่าทีแปลกๆ ชวนผัวไปงานเลี้ยงสวมหน้ากากตอนกลางคืน เจนภพรับปากหน้าซีดเพราะใจคอไม่ดี นพนภามองหญิงสาวจากด้านหลัง นึกชมรูปร่างสมส่วนด้วยความอิจฉา ส่วนมุนินทร์ยิ้มเหี้ยม คิดคำนวณแผนการเปิดตัวอย่างอลังการ!

ขณะเดียวกัน...อมรสำรวจห้องพักในบังกะโลของศักดิ์ชายอย่างพิถีพิถัน พงศกรสวมกอดจากด้านหลัง อมรระแวงศักดิ์ชาย ผลักไสเพราะกลัวมีกล้องแอบถ่าย ศักดิ์ชายเข้ามาถามความเรียบร้อย อมรมีท่าทีลังเล บอกว่าเกรงใจ

“ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ เพราะผมเองก็มีงานคืนนี้ อาจจะไม่ได้กลับมานอนด้วยซ้ำ...ถือว่าเป็นฮาเร็มส่วนตัวของคุณสองคนเลยแล้วกัน”

พงศกรหัวเราะเสียงดังเพราะไม่คิดมาก อมรสะดุ้งกับคำพูดแปร่งหู ศักดิ์ชายตีหน้าซื่อ

“ผมหมายถึงจะหิ้วสาวๆ มาค้างด้วย ผมก็ไม่ว่าฮะ...ฟรีบาร์เลยครับ”

พงศกรยิ้มกว้าง อมรถอนหายใจ สบายใจขึ้นนิดหนึ่งที่จะพักที่นี่...

ooooooo

ประพงส์หัวเสียเรื่องปุ๊ลูกน้องคนสนิท สมุนที่เหลือรายงานว่าถูกไฟช็อตตายที่คอนโดฯมุตตา มาเฟียหนุ่มแปลกใจเพราะไม่มีคำสั่งจากเขาหรือนพนภา

“ไม่มีใครสั่งฮะ ไอ้ปุ๊มันไปเอง มันบอกว่าแค้นยายเมียน้อยเป็นการส่วนตัว”

ประพงส์เซ็งจัด โมโหความโง่ของลูกน้องคนสนิท...

คืนเดียวกันนั้น...นพนภากับเจนภพพาลูกๆ ทั้งสามไปงานเลี้ยงสวมหน้ากากของโรงแรม ทุกคนแต่งตัวสไตล์ฮาวายตามธีมของงาน ต้อมส่ายสะโพกเต้นรำอย่างสนุกสนาน ต้องเซื่องซึมเรื่องแจ็คกับประพงส์ ส่วนต่อมองบรรยากาศรอบตัวอย่างอึดอัด นพนภาเกาะแขนเจนภพที่สอดส่ายสายตาหามุตตาอย่างกังวล

อีกด้านหนึ่งของงาน...วีกิจมองหาครอบครัวของอา ชายหนุ่มตัดสินใจขับรถตามมาเพราะกังวลเรื่องที่ได้ยินจากเนตรนภิศ ต่อจำวีกิจไม่ได้ มองตามตาเป็นประกาย ต้องมองอย่างรู้ทัน วีกิจมายืนตรงหน้าแล้วถอดหน้ากาก ต่อตะลึง ค้อนพี่สาวที่ยิ้มเยาะ นพนภาทักอย่างแปลกใจ อารมณ์ดีจนไม่ทันสังเกตท่าทีเคร่งเครียดของหลาน

“ผมตามมาดูแลหลานๆ กับอานภาครับ...เกรงว่าแถวนี้จะพายุเข้า”

“ต๊ายน่ารัก...งั้นฝากดูแลเด็กๆ ด้วยนะ อากับอาภพจะได้ไม่พะวงหน้าพะวงหลัง”

นพนภาลากผัวไปเต้นรำกลางฟลอร์อย่างสนุกสนาน วีกิจสวมหน้ากากตามเดิม มองหามุตตา

สักครู่ใหญ่...มุนินทร์กรายเข้างานในชุดเข้าธีมสุดวาบหวามพร้อมกับหนุ่มผมทอง เดินเฉียดไปใกล้เจนภพที่เต้นรำกับนพนภา วีกิจมองหญิงสาวในชุดสะดุดตากับหน้ากากสุดแฟนซีอย่างพินิจ เจนภพกลืนน้ำลายเมื่อเห็นหญิงสาวผู้มาใหม่เต็มตา มุนินทร์เต้นรำกับคู่ควงผมทองใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แล้วขอสลับคู่กับเจนภพและนพนภา เจนภพหน้าตื่นมองเมียยิ้มร่าที่ได้เต้นกับฝรั่งแล้วหันมามองหญิงสาวในอ้อมแขนอึ้งๆ

“ตา...ทำอะไรนี่ ถ้าเขารู้เข้ามันจะเกิดอะไรขึ้น”

“เวลาแมงมุมมาติดใยแมงมุม...มันเกิดอะไรขึ้นล่ะคะ”

“ให้ตายเถอะ...คืนนี้ตาสวยมาก เมื่อคืนผมไม่มีโอกาสเลย เดี๋ยวผมจะรีบมอมเหล้าเขาแล้วรีบไปหา”

“เดี๋ยวนี้ถึงขั้นมอมเหล้าเมียแล้วเหรอคะ”

วีกิจเข้ามาใกล้จนมั่นใจว่าหญิงสาวปริศนาคือมุตตา ตัวสั่นเทิ้มด้วยใจที่ร้าวราน...ทั้งรักทั้งแค้น!

หลังเพลงจบ...พิธีกรในงานประกาศว่าถึงช่วงเวลาถอดหน้ากาก นพนภากระดี๊กระด๊าช่วยหนุ่มผมทองถอดหน้ากากแล้วพาเดินกลับไปหาผัว เห็นหญิงสาวปริศนาประคองหน้าผัวเธอมาจูบอย่างดูดดื่ม ทุกคนรอบข้างมองด้วยความตื่นตะลึง เจนภพได้สติขืนตัวออก มุนินทร์หันไปทางนพนภาแล้วถอดหน้ากากออกช้าๆ นพนภาอ้าปากค้าง ย่างสามขุมมาหา มุนินทร์ตั้งท่ารับอยู่แล้วด้วยแววตาท้าทาย

“ไงคะ...เอารถใหม่มาลองเครื่อง หมดไปอีกเท่าไหร่ล่ะ...แปดล้านเหรอ...น่าเวทนานะคะ คนที่ใช้เงินซื้อความรัก...เสียไปเท่าไหร่คะ...กับสามีคนนี้”

“ใช่...ชีวิตฉันมีแต่เสีย ไม่เหมือนแกอีมุตตา...มีแต่ได้”

“ใครบอกคะ...มุตตาสูญเสียจนไม่เหลืออะไรเลย... จากฝีมือมนุษย์ที่มีหัวใจเป็นสัตว์”

นพนภาถลันไปตบ เจนภพโดดเข้าขวาง นพนภาสะบัดตัว กระซิบขู่หญิงสาวว่าจะส่งคนไปฆ่า มุนินทร์ยิ้มหยัน

“คุณส่งมันไปแล้วไม่ใช่เหรอ...แต่มันไม่มีวันฆ่าฉันได้ เพราะมันตายแล้ว...ตายด้วยมือของฉัน ต้องมีคนตายอีกกี่คนคะ...คุณถึงจะพอใจ!”

“แกเพ้ออะไร...ฉันไม่รู้เรื่อง”

“ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะยอมรับ...แต่จำไว้...ตาต่อตา ฟันต่อฟัน...ชีวิตต่อชีวิต”

เจนภพส่งเสียงห้ามหญิงสาวอีกครั้ง นพนภาเลือดขึ้นหน้า หันไปฟาดหน้าผัวอย่างแรง

“นัดมันมาใช่ไหม นัดมันมาเสพสุข...แอบขี้รดหัวฉันใช่ไหม”

“ใครบอกคะ...เรานัดมาทำอย่างอื่นกันต่างหาก นึกดูดีๆสิคะ ทำไมอยู่ดีๆเขาถึงอยากมาเที่ยวทะเลกับเมียโบท็อกซ์หมดอายุแบบคุณ”

นพนภาตามไม่ทัน มุนินทร์สาธยายสารพัดโรคร้ายของนพนภา ขู่ว่าเครียดจัดจะได้ตายเร็วขึ้น

“ในเมื่อนังเมียแก่ไม่ยอมหย่า ก็ต้องทำให้มันตายเร็วขึ้น”

“แปลว่าเรื่องแกกับตากิจก็คือละคร...ตบตาฉันกับใครต่อใครอีกฉากใช่ไหม”

“โลกนี้คือละครใบใหญ่...ละครของฉันกับวีกิจจบลงแล้ว”

“แกหลอกใช้ตากิจมากี่หนแล้ว”

“โลกนี้คนโง่ตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดเสมอค่ะ”

เจนภพพยายามห้ามหญิงสาวอีกครั้ง วีกิจถอดหน้ากาก ขบกรามแน่น คับแค้นใจจนเหลือจะกล่าว

“ให้เขาพูดเถอะฮะอาภพ ไหนๆทุกคนก็ถอดหน้ากากกันแล้ว”

วีกิจก้าวไปยืนตรงหน้าหญิงสาวช้าๆ มองด้วยแววตาเหยียดหยามและโกรธแค้น มุนินทร์ใจหายวาบ แต่ยังปั้นหน้ายิ้มหวาน สบตาเขาอย่างไม่กลัว

“สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะคะ...คุณเติบโตขึ้นอีกวัน”

“แล้วตาสว่างขึ้นอีกวันด้วย...คุณทำอย่างนี้เพื่ออะไร”

“แต่ก่อนเขาเรียกยุทธการแย่งผัว แต่ตอนนี้เป็นมหากาพย์ค่ะ...มหากาพย์แย่งผัวไตรภาค”

“ถ้าผมไม่เห็นกับตาคงไม่เชื่อว่าคุณจะร้ายกาจขนาดนี้”

“ฉันไม่ได้ดีงามเหมือนมุตตาที่คุณรู้จัก เมื่อคบกับฉัน...คุณไม่เอะใจบ้างหรือคะ...ว่าฉันไม่ใช่คนที่คุณคิด!”

มุนินทร์พูดจาเป็นนัยทุกคำแต่วีกิจโมโหจนไม่ทันคิด มองหญิงสาวด้วยแววตารังเกียจ

“ถ้าผมจะคุกเข่าลงแทบเท้าคุณตรงนี้ เพื่อขอร้องให้คุณหยุด...คุณจะให้ผมได้ไหม”

“เท้าฉันไม่ใช่ที่สำหรับคุณค่ะ เพราะว่ามีคนอื่นพร้อมจะตายแทบเท้าฉันอยู่แล้ว”

มุนินทร์เหลือบตาไปทางเจนภพ วีกิจมองตาม แววตาเดือดดาลเพราะแรงหึงแต่ไม่รู้ตัว!

“คุณเลวร้ายลงไปทุกที นายสิทธิ์มันเตือนผมแล้วว่าคุณน่ากลัวขนาดไหน”

“ค่ะ...มีคนตายเพราะฉันมาสองศพแล้ว ถอยไปให้ห่างจากฉันเถอะค่ะ”

“งั้นนับผมเป็นศพที่สาม...เพราะคุณฆ่าผมไปแล้วเมื่อคืน...ในวันเกิดผมเอง ต่อไปนี้จะไม่มีวีกิจคนเดิมอีก ถ้าคุณยังทำลายญาติพี่น้องผม ครอบครัวผม...ผมก็จะทำลายคุณให้พินาศเหมือนกัน!”

มุนินทร์หน้าซีด มองชายหนุ่มตาค้าง แทบอยากหยุดทุกอย่างแล้วเข้าไปกอดเขาด้วยใจที่ปวดร้าวไม่ต่างกัน เธอยื่นมือไปแตะแขนแต่ชายหนุ่มสะบัดออกอย่างไม่ไยดี มุนินทร์ยิ้มสมน้ำหน้าตัวเอง

“ก็ได้ค่ะ...ต่อไปนี้จะได้เป็นสงครามเต็มรูปแบบเสียที”

“แล้วคุณจะต้องแพ้ด้วย”

“คุณก็รู้ว่าไม่มีใครเอาชนะฉันได้!”

มุนินทร์คล้องแขนหนุ่มผมทองที่ยืนเหวอไม่รู้เรื่องจากไป วีกิจเบือนหน้าหนี นพนภาได้สติ ถลาไปตบตีผัวอย่างบ้าคลั่ง เจนภพเหลืออด สะบัดมือโดนเมียเต็มหน้า นพนภาช็อกมือเท้ากระตุก ต่อถลันไปประคอง เจนภพเข้าไปดูแต่โดนต่อตวาดเสียงเขียว ต้องบอกให้รีบพาแม่ส่งโรงพยาบาล

ooooooo

อมรกับพงศกรนอนดูดาวอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันที่บังกะโลของศักดิ์ชาย อมรเบาใจที่บรรยากาศเงียบสงบ พงศกรกระชับอ้อมกอด บอกว่าอมรระแวงมากเกิน อมรขอร้องให้รับปากไม่เป็นนายแบบให้ศักดิ์ชายเพราะไม่ไว้ใจ พงศกรยิ้มหน้าบานที่อมรหึง สองหนุ่มต่อล้อต่อเถียงและวิ่งไล่ปล้ำกันเข้าไปในห้องนอน

ศักดิ์ชายนั่งดูจอภาพในห้องข้างๆด้วยใจระทึก ภาพนัวเนียของอมรกับพงศกร ท่าทีหยอกล้อและเสียงครางกระเส่าของทั้งสองทำให้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาบันทึกทุกฉากไว้ด้วยกล้องคุณภาพเยี่ยม...

วันถัดมา...นพนภากลับมารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ นภางค์กับเนตรนภิศไปเยี่ยมทันทีที่ทราบเรื่อง นพนภานอนหน้าซีด มีสายระโยงระยางรอบตัว ทั้งน้ำเกลือและหน้ากากออกซิเจนช่วยหายใจ นภางค์มองสภาพลูกด้วยความสะเทือนใจ ตวัดสายตาเกรี้ยวกราดใส่เจนภพที่ยืนอยู่ข้างเตียง

วีกิจเดินเข้ามาได้ยินเจนภพแก้ตัวน้ำขุ่นๆ เนตรนภิศได้ทีโยนความผิดทุกอย่างให้แต้วว่าเป็นคนหลุดปากบอกมุตตาแล้วใส่ไฟพี่เขยว่าร่วมมือกับหญิงสาว ทำให้นพนภาช็อกเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ จะได้ตายเร็วขึ้น

“นี่คุณนภิศ...นี่มันเรื่องภายในครอบครัวผม...ไม่เกี่ยวกับคุณ!”

“ไม่เกี่ยวได้ยังไง พี่นภาเป็นพี่สาวคนเดียวของฉัน ฉันรักพี่สาว...และฉันรู้ว่าธาตุแท้ของคุณเป็นยังไง”

“ทำไม...ธาตุแท้ผมเป็นยังไง”

“ก็พวกลูกหลานพระยาเทครัวไง!”

เจนภพโมโหแต่ต้องเก็บอาการต่อหน้าแม่ยาย นพนภารู้สึกตัว เจนภพขยับหาแต่นภางค์กับเนตรนภิศถลาตัดหน้า สอบถามอาการอย่างห่วงใย นพนภาคร่ำครวญต่อว่าผัวเสียงสะอื้น เจนภพพยายามแก้ตัวแต่นพนภาไม่ฟัง ตะเบ็งเสียงเท่าที่มีไล่ผัวออกจากห้อง เจนภพจำใจถอย นพนภารำพึงรำพันตามหลังอย่างเจ็บแค้น

“ฉันทำเวรทำกรรมอะไรถึงต้องมาเจอคนอย่างอีมุตตา แต่ก่อนแค่แย่งผัว...แต่ตอนนี้จะฆ่าจะแกงกันแล้ว”

วีกิจได้ยินทุกอย่าง มองความร้าวฉานของครอบครัวอาด้วยความสังเวชใจ นึกแค้นหญิงสาวขึ้นมาอีก!

วีกิจตรงกลับบ้านหลังออกจากโรงพยาบาล...

มองภาพตนเองกับหญิงสาวในจอคอมพิวเตอร์แล้ว

ยอกแสยงใจจนต้องเอื้อมมือปิดหน้าจอ...ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่ายังรัก พยายามโกรธและเกลียดเธอแล้วแต่ช่างยากเย็นเหลือเกิน เขามองไปรอบๆตัว เห็นนาฬิกาทรายและเนกไทที่หญิงสาวซื้อให้แล้วใจหาย...นี่เขาจะตัดใจจากเธอไม่ได้จริงๆหรือ!

นพนภารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกหลายวันต่อมาแต่อาการไม่ดีขึ้น หมอใช้เข็มฉีดยาอันใหญ่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เธอร้องโอดโอยน้ำตาคลอเป็นที่น่าสงสารแก่ผู้พบเห็น...โดยเฉพาะวีกิจ สร้อยคำมาเฝ้าน้องสะใภ้ด้วยความเวทนา ส่วนคนอื่นๆผลัดกันมาเยี่ยมทุกเย็น  แต่นพนภาไม่ค่อยเจอหน้าเพราะหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา

ขณะที่นพนภาทรมานกายและใจจากการรักษาตัว...มุนินทร์สวมชุดดำ มองภาพสะท้อนตัวเองในกระจกอย่างชั่งใจ คิดไม่ตกว่าควรจะดำเนินการตามแผนต่อหรือยุติเรื่องทุกอย่าง หญิงสาวมองดอกไม้คริสตัสในมือและกล่องสร้อยมุกในมืออย่างลังเล...

เนตรนภิศชวนรัชนกไปเยี่ยมนพนภาวันเดียวกันนั้น นพนภาเพิ่งถูกหมอฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด หมอบอกให้ดูแลคนไข้ให้ดีเพราะอยู่ในภาวะเปราะบาง อย่าให้มีเรื่องกระทบ กระเทือนจิตใจ เนตรนภิศแนะนำรัชนกให้สร้อยคำรู้จัก สร้อยคำมองสาวแอ๊บแบ๊วด้วยความเอ็นดู ฝากเนตรนภิศให้เฝ้านพนภาแทน ส่วนเธอจะไปซื้อของข้างล่าง เนตรนภิศรับปากยิ้มๆ

นพนภารู้สึกตัว ยิ้มอย่างอ่อนแรงให้น้องสาว บอกว่าดีใจที่รัชนกมาเยี่ยม เพราะอยากถามเรื่องเจนภพ

“ผอ.มาทำงานทุกวันค่ะ แต่ไปพักกลางวันนาน ส่วนตอนเย็นก็กลับเร็วค่ะ”

“กลับเร็ว...แต่มาเยี่ยมฉันตอนหลับแล้วทุกที แสดงว่าแอบไปเจอกับนังมุตตาใช่ไหม”

รัชนกแสร้งทำหน้าเศร้า ใส่สีตีไข่เรื่องเจนภพกับมุตตาว่าแอบโทร.นัดแนะกันทุกวัน นพนภานอนฟังด้วยใจร้าวราน ฝากรัชนกให้ช่วยดูแลผัว สายลับแอ๊บแบ๊วรับปากเสียงใส มองหน้าเนตรนภิศอย่างรู้กัน...

ooooooo

มุนินทร์ตัดสินใจดำเนินการตามแผนที่วางไว้ หญิงสาวปรากฏตัวในชุดสีดำ สวมสร้อยมุกเจ้าปัญหาและถือพวงหรีดสีขาวดำ ก้าวอย่างมาดมั่นไปเยี่ยมนพนภาที่โรงพยาบาล เนตรนภิศเห็นหญิงสาวในระยะไกล แอบหลบที่มุมลับตาเพื่อสังเกตการณ์

มุนินทร์ย่างกรายไปยืนที่ปลายเตียง สภาพทรุดโทรมของนพนภาก่อให้เกิดความรู้สึกปั่นป่วนและเวทนาขึ้นในใจ นพนภาอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นเพราะฤทธิ์ยา พยายามเบิกตามองทุกอย่างรอบตัวอย่างยากลำบาก เห็นมุตตายืนยิ้มหยันในสภาพบิดเบี้ยวและน่ากลัว สาวใหญ่กรีดร้องดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งจนหน้ากากออกซิเจนหลุดออก

“อีมุตตา...แกตายไปแล้วหรือ ออกไปนะ...ฉันกลัวแล้ว อย่าเอาภพไปนะ...จะไปผุดไปเกิดที่ไหนก็ไป!”

นพนภาน้ำหูน้ำตาไหล พยายามกระถดหนี แต่ไม่มีแรง โบกไม้โบกมือไล่หญิงสาวจนสายน้ำเกลือหลุด เลือดทะลักออกมาชุ่มมือ เลอะชุดและผ้าปูที่นอน มุนินทร์ตกตะลึง รีบเข้าไปห้ามจนมือเปื้อนเลือด นพนภาดิ้นรนไม่หยุด ตะเบ็งเสียงเท่าที่มีต่อว่าหญิงสาวอย่างน่าสมเพช มุนินทร์ทนดูต่อไปไม่ไหว คว้าพวงหรีดแล้วเดินออกไป

มุนินทร์ยืนสงบสติอารมณ์ที่หน้าห้อง หายใจลึกและยาวเพื่อขับไล่ความรู้สึกผิดในใจอันท่วมท้น หญิงสาวหยิบทิชชูเช็ดเลือดในมือ หย่อนพวงหรีดลงถังขยะแล้วผละไป

เนตรนภิศออกจากมุมมืด หยิบพวงหรีดจากถังขยะแล้วถือกลับไปห้องนพนภา มองสภาพพี่สาวอย่างตื่นตะลึงระคนสะใจ เธอมองพวงหรีดในมืออย่างครุ่นคิด ถือไปวางที่มุมหนึ่งของห้องแล้วกดปุ่มเรียกพยาบาล

ขณะเดียวกัน...สร้อยคำยืนรอลิฟต์พร้อมถุงข้าวของพะรุงพะรัง มุนินทร์ก้าวออกมาจากลิฟต์ มองสร้อยคำด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนคนไม่รู้จัก สร้อยคำเข้าใจว่าหญิงสาวเป็นมุตตาที่ทำหยิ่งก็ทวีความเกลียดชัง มุนินทร์เดินจากไปแล้ว สร้อยคำได้สติ สังหรณ์ว่าต้องเกิดเรื่อง รีบก้าวขึ้นลิฟต์

สร้อยคำเดินเข้าห้องอย่างร้อนใจ เห็นนพนภายื่นแขนให้พยาบาลพันปลาสเตอร์ที่สายน้ำเกลือใหม่ พูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อนว่าฝันร้ายถึงมุตตา สร้อยคำสงสัยแต่เลือกไม่พูดอะไร เนตรนภิศชวนคุยเรื่องของเยี่ยม นพนภาไม่สนใจ เหม่อมองไปข้างหน้า เห็นพวงหรีดสีขาวดำวางเด่นก็ตกใจหน้าซีด เนตรนภิศส่งนามบัตรให้ดู เห็นเป็นชื่อมุตตา นพนภาเลือดขึ้นหน้า กรีดร้องสุดเสียงแล้วหมดสติไป

เจนภพมาโรงพยาบาลทันทีที่รู้ว่านพนภาช็อกจนเข้าห้องไอซียู ต่อยืนร้องไห้โดยมีวีกิจโอบไหล่ปลอบใจ นภางค์อาละวาดทุบตีลูกเขยเพราะเข้าใจว่าร่วมมือกับเมียน้อยส่งพวงหรีดมา เจนภพผลุนผลันไปอย่างหัวเสีย เนตรนภิศประคองแม่แยกออกไป สร้อยคำบอกวีกิจว่าเห็นมุตตาช่วงที่เกิดเรื่อง วีกิจมั่นใจทันทีว่าเป็นฝีมือหญิงสาว มองพวงหรีดในมือด้วยความโกรธแค้น สร้อยคำมองลูกด้วยความเป็นห่วง

“แม่ตาไม่ฝาดหรอก เขาทำเป็นจำแม่ไม่ได้ด้วยซ้ำ นายกิจ...แม่รู้ว่าแกยังเจ็บปวดอยู่ แต่เราต้องตัดใจนะลูก ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน...เลิกรักเขาซะ”

“แม่ฮะ...ผมเคยรักเขามากเหลือเกิน แต่ตอนนี้ผมรู้ว่า...ยิ่งรักเขาแค่ไหน...ก็ยิ่งเกลียดเขาแค่นั้น”

“สัญญากับแม่นะตากิจ...ไม่ว่ายังไงแกก็จะไม่เอามุตตามาเกี่ยวข้องกับเราอีก”

“ผมขอสัญญาด้วยชีวิต...ผมจะไม่มีวันเอามุตตามาเป็นสะใภ้ของแม่แน่ๆ”

สร้อยคำเชื่อใจลูก วีกิจมองไปข้างหน้าด้วยแววตาขมขื่น ทั้งรักและเกลียดหญิงสาวจับใจ!

ขณะที่นพนภาอาการโคม่า ต้องลักลอบหลับนอนกับประพงส์ที่ผับเหมือนเคย มาเฟียหนุ่มลุกขึ้นแต่งตัวอย่างสุขสม บอกให้เธอเตรียมตัวตั้งรับการบุกตรวจผับของตำรวจคืนนี้ ต้องพูดแดกดันที่เขาหักหลังนพนภาโดยใช้เธอเป็นเครื่องมือ หลุดปากเล่าเรื่องแจ็คและขอร้องให้ไว้ชีวิตเพื่อนเธอ ประพงส์รับปากแบบขอไปที ต้องพูดอย่างขมขื่น

“คุณก็มีดีอยู่อย่างที่ไม่เคยอ้างตัวว่าเป็นคนดี...แบบที่พ่อกับแม่ฉันสร้างภาพอยู่เป็นประจำ”

“ทำไมเธอเกลียดพ่อกับแม่นัก”

“สองคนนั่นเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่สุด จนไม่นึกถึงใครแม้แต่ลูกน่ะสิคะ”

“สิ่งที่พวกเขาให้คุณมันมากจนเกินพอแล้วมั้งผมว่า”

“เด็กต้องการความรัก ความอบอุ่น ความเข้าใจ...ไม่ใช่เงินกับของแพงๆ”

ประพงส์ยิ้มขื่น บอกว่ามีเด็กที่โชคร้ายกว่าเธอ มาเฟียหนุ่มเล่าเรื่องเด็กชายคนหนึ่งที่มีพ่อทุบตีแม่ทุกวันเพราะติดยา แม่สั่งสมความรุนแรงมาลงที่เด็กคนนั้นแล้วส่งไปขายตัวตั้งแต่อายุได้เพียงสิบสองปี ต้องฟังด้วยความงงงัน ตามไม่ทันว่าเขาหมายถึงใคร...

ooooooo

แรงเงา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด