ตอนที่ 12
ระหว่างที่ฉัตรนั่งจิบน้ำชารอบุ๊นอยู่ในห้องรับแขก กวาดตามองเรื่อยเปื่อยไปทั่วบริเวณไม่เห็นใครอยู่แถวนั้น ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เริ่มสอดส่ายสายตาสำรวจไปรอบๆ
“ห้องนั้น...อืม ไอ้ไทบอกว่าอยู่ชั้นล่างนี่หว่า”
พลันเหลือบไปเห็นห้องห้องหนึ่งอยู่ด้านในสุดของตัวบ้าน ฉัตรเหลียวซ้ายแลขวาเห็นปลอดคน ค่อยๆย่องเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง...
ในขณะที่ฉัตรกำลังหาเรื่องใส่ตัวอยู่ในบ้านบุ๊น ที่บริษัทเจ้าหยาง พัดมาถึงห้องทำงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเมื่อรู้เรื่องที่พีทถูกรุมทำร้าย หนำซ้ำเรียวก็ให้ความกระจ่างอะไรไม่ได้ว่าใครเป็นคนทำและทำเพื่ออะไร
“เมื่อไหร่จะจบเรื่องแบบนี้เสียทีนะ” พัดบ่นอย่างเอือมระอา หันไปสนใจงานบนโต๊ะ เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมาก เรียวรู้งานจึงถอยออกไปจากห้อง ปลายฟ้ารอท่าอยู่แล้วปรี่เข้ามาถามว่าเขาจะไปเจอไทหรือเปล่า
“คิดว่าเจอ...มีอะไรหรือครับคุณปลายฟ้า”
หญิงสาวอยากจะฝากเรียวไปเตือนเขาด้วยว่าเย็นนี้อย่าลืมนัดกับเธอ แต่ด้วยความเขินอายไม่กล้าเอ่ยปาก ได้แต่ส่ายหน้าเป็นทำนองว่าไม่มีอะไร...
ทางด้านฉัตรถึงกับตาค้างเมื่อเห็นกรุสมบัติในห้องลับของบุ๊น มีหัวสัตว์สตัฟฟ์ติดไว้ตามเสาห้องเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังมีของเก่าแก่ รวมทั้งปืนสารพัดชนิด หมวกล่าสัตว์ และภาพถ่ายสมัยก่อนอีกมากมาย เขาเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานแล้วเริ่มค้นหาเบาะแส เจอรูปถ่ายระหว่างการออกล่าสัตว์ มีบุ๊น มังกร เทอด และนายมนัส
“นี่คงเป็นบุ๊น แอนด์ เดอะแก๊งสินะ” ฉัตรพึมพำ แล้วจัดแจงเก็บรูปนั้นใส่กระเป๋าเสื้อ แต่เกิดเปลี่ยนใจ เอาใส่ไว้ที่เป้ากางเกงแทน เขาค้นต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งพบโฉนดที่ดินที่ปากช่อง 3 ฉบับ ชื่อเจ้าของด้านหลังโฉนดเป็นชื่อบุ๊นทั้งหมด ฉัตรเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูปเก็บไว้ ใกล้กับโฉนดมีพินัยกรรมของบุ๊นวางอยู่ ถ่ายรูปเก็บไว้เช่นกัน ค้นหาบนโต๊ะจนพอใจ ฉัตรหันไปที่ตู้เอกสาร แต่ยังไม่ทันลงมือรื้อค้น มีเสียงดังขึ้นด้านหลัง
“หาเจอหรือยัง”
ผู้กองเฒ่าสะดุ้งเฮือกหันขวับมามอง ไม่ทันระวังตัวเจอพานท้ายปืนของบุ๊นอัดเต็มหน้าถึงกับทรุดฮวบ
ooooooo
ฉัตรถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำถังเบ้อเริ่มสาดใส่หน้า หันมองข้างๆเห็นคู่หูในสภาพบอบช้ำไม่ต่างกันถูกมัดมือไพล่หลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ตรงหน้ามีบุ๊น อาฮวด ไท และบอดี้การ์ดอีก 2 คนยืนมองท่าทางเอาเรื่อง
“ตื่นแล้วหรือ...ผู้กองเข้ามาในห้องทำงานผมทำไม” บุ๊นเสียงกร้าว
“ผมหลงทาง” ฉัตรที่หน้าตาบวมปูดยังไม่วายปากแข็ง บุ๊นไม่พอใจมาก หันไปพยักพเยิดให้อาฮวด
ลงมือซ้อมคนหลงทางอีกครั้ง ไทอยากจะเข้าไปช่วยแต่ทำไม่ได้
“นี่แกกล้าซ้อมตำรวจเลยหรือ” ฉัตรขู่
“จริงสิ...ฉันลืมไป...งั้นฉันให้คนอื่นซ้อมแทนก็แล้วกัน...ไท” อาฮวดส่งสายตาให้ไทมารับช่วงแทน ชายหนุ่มสีหน้าไม่สู้ดีนัก ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ฉัตรรู้ว่าไทไม่กล้าทำร้ายตนเอง จึงพูดเป็นนัยๆ
“เอาสิ...ใครก็ได้มาเลย...แกชื่ออะไรนะ...อ๋อ ไท...มา...ข้าไม่กลัวเจ็บหรอก”
ไทรีๆรอๆไม่กล้า แต่พอเห็นสายตากร้าวของบุ๊นแล้วจำต้องลงมือซ้อมฉัตร ทั้งคนซ้อมและคนถูกซ้อมต่างน้ำตาคลอ ฝ่ายหนึ่งด้วยความสงสารขณะที่อีกฝ่ายเจ็บจนแทบกระอัก ในที่สุดความเจ็บชนะ ฉัตรยอมเปิดปาก
“ก็ได้ ผมเข้ามาหาหลักฐานบางอย่างเกี่ยวกับคดีที่ยิงลูกสาวคุณ คดีที่คุณถูกลอบยิง คดีสังหารนาย
เจียง แล้วก็รวมไปถึงคดีเก่าๆ” ขาดคำ ฉัตรหมดสติ ไทเป็นห่วงเขามากแต่ต้องเก็บอาการไว้ บุ๊นสั่งให้ค้นตัวฉัตรดู ไม่พบอะไรนอกจากปืนเพราะเขาเอารูปยัดไว้ในเป้ากางเกง ในเมื่อเขาไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไร บุ๊นจึงสั่งให้ปล่อยไป ไทแอบถอนใจโล่งอก รับรู้ได้ทันทีว่าบุ๊นเป็นคนเหี้ยมโหดและเลือดเย็นจนอดหวั่นใจไม่ได้
จากนั้น บุ๊นเรียกอาฮวดเข้าไปในห้องลับเพื่อดูว่ามีอะไรหายหรือเปล่า พอรู้ว่ามีเพียงรูปถ่ายใบหนึ่งหายไป บุ๊นถึงได้ทรุดตัวลงนั่งผ่อนคลายขึ้น หันไปถามอาฮวดว่าตอนนี้มังกรเป็นอย่างไรบ้าง
“เงียบครับ ยังไม่เห็นมีการเคลื่อนไหวอะไรเลย”
“แปลกจัง...ติดต่อหมอพินิจแล้วเรียกไทกับเรียวไปพบฉันหน่อย” บุ๊นสั่งเสียงเข้ม...
ในเวลาต่อมา บุ๊นเรียกอาฮวด ไท และเรียวมาสรุปแผนการกันอีกครั้งหนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย แล้วฝากไทให้ช่วยดูแลงานนี้ให้ดี ชายหนุ่มรับคำอย่างไม่ค่อยวางใจบุ๊นสักเท่าไหร่
“ไปจัดการได้แล้ว เออนี่ฮวด โทร.แจ้งทางนั้นด้วยว่าวันนี้เขาจะไปฉีดปลวก”
อาฮวดรับคำ จากนั้น ทั้งหมดแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตัว บุ๊นเดินมาขึ้นรถ พลางมองไทที่แยกไปขึ้นรถอีกคันหนึ่ง พึมพำกับตัวเองเบาๆ ไม่รู้จะบอกความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีก่อนกับเขาอย่างไรดี
ooooooo
ในที่สุดพี่น้องร่วมสาบานก็เปิดศึกขั้นแตกหักกัน บุ๊นเปรียบศึกครั้งนี้เป็นเหมือนการเดินหมากรุก และเป็นฝ่ายเปิดเกมบุกก่อนด้วยการส่งอาฮวดไปรับตัวหมอพินิจมาจากโรงพยาบาล ส่วนมังกรส่งโอตี่ เบตตี้และเหล่าสมุนมุ่งหน้าไปยังบ้านพักตากอากาศเป็นการโต้ตอบ
บุ๊นฉลาด อ่านเกมเดินหมากของมังกรออก วางแผนให้ไทกับเรียวปลอมตัวเป็นพนักงานฉีดปลวกแต่งกายชุดช่างและมีผ้าปิดปากปิดจมูกไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง นำรถปิกอัพหลังคาสูงแบบตู้ทึบ ภายในติดตั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ทันสมัยครบครันมาที่บ้านพักตากอากาศ พยาบาลออกมาต้อนรับ
“มาฉีดปลวกหรือคะ”
ไทในคราบพนักงานฉีดปลวกรับคำ บอดี้การ์ดทำทีตรวจความเรียบร้อยก่อนจะอนุญาตให้ทั้งคู่เข้าไปในบ้าน อีกมุมหนึ่งบนเนินเขาแถวนั้น สายสืบของโอตี่ซุ่มดูด้วยกล้องส่องทางไกลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด สักพักโอตี่ เบตตี้กับเหล่าสมุนตามมาสมทบ ถามว่ามีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง
“ไม่มีอะไรครับคุณชายโอ มีแต่รถเข้าไปฉีดปลวก”
โอตี่พยักหน้ารับรู้ คว้ากล้องส่องทางไกลขึ้นมาส่องดู รอโอกาสเหมาะ ถึงจะบุกเข้าไป...
ขณะที่รถของอาฮวดบ่ายหน้าสู่บ้านพักตากอากาศ อาฮวดอ้างกับหมอพินิจว่าคนป่วยอาการทรุดหนัก จึงต้องพาหมอไปตรวจรักษาอย่างเร่งด่วน ทิ้งระยะไม่ห่างกันนัก รถสายสืบของมังกรสะกดรอยตาม พลางโทร.รายงานโอตี่ว่ารถของอาฮวดกับหมอมุ่งหน้าไปทางบ้านคนป่วย...
เนื่องจากเรียวติดทำภารกิจให้บุ๊น พัดจึงชวนปลายฟ้ามาเป็นเพื่อนที่สนามบิน ระหว่างทางไปห้องวีไอพี กัปตันเดินมาจากอีกทางหนึ่งกับนักบินผู้ช่วย เข้ามาทักทายพัดอย่างสนิทสนม
“สวัสดีครับคุณพัด...จะไปด้วยหรือครับ”
“ไม่หรอกค่ะ แค่มาส่ง...เพื่อนดิฉันมาหรือยังคะ”
“กำลังมาน่ะครับ ผมขอตัวไปเช็กเครื่องก่อนนะครับ” กัปตันค้อมศีรษะให้เล็กน้อย ก่อนจะผละจากไป พัด ปลายฟ้า และบอดี้การ์ดพากันเดินต่อไปยังห้องวีไอพี
ooooooo
ผ่านไปพักใหญ่ รถฉีดปลวกก็แล่นออกจากบ้านพักตากอากาศ มีพนักงานฉีดปลวกแต่งเต็มยศสองคนนั่งออกมาด้วย โอตี่ไม่ติดใจสงสัยอะไรปล่อยให้ผ่านไป จังหวะนั้น รถของอาฮวดแล่นมาจอดหน้าประตูรั้ว
โอตี่ส่องกล้องส่องทางไกลเห็นหน้าอาฮวดที่ลดกระจก พูดอะไรบางอย่างกับบอดี้การ์ดหน้าบ้านชัดเจน ก่อนที่ฝ่ายหลังจะเปิดประตูรั้วให้รถแล่นเข้าไปด้านใน
“...ให้มันพบหมอก่อน ยมทูตอย่างเรา...ทีหลัง” โอตี่พูดไปหัวเราะไปราวกับเป็นเรื่องตลก เบตตี้ถึงกับส่ายหน้า เอือมระอากับความประสาทรับประทานของเขา ไม่นานนัก รถของอาฮวดกลับออกมา โอตี่มองผ่านกล้อง ส่องทางไกล สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
“คราวนี้แด๊ดดี้จะได้ประกาศอิสรภาพเสียที...พลช้าง พลม้า...บุกได้”
ขาดคำ เบตตี้และเหล่าสมุนค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากที่ซ่อน ขณะที่สายสืบของโอตี่สะกดรอยตามรถของอาฮวดซึ่งมุ่งหน้าไปทางท่าเรือ...
ชั่วพริบตาเดียว โอตี่กับพวกก็จัดการบอดี้การ์ดที่เฝ้าระวังอยู่รอบบ้านพักได้อย่างราบคาบด้วยปืนเก็บเสียง จากนั้น ก็เคลื่อนเข้าไปในตัวบ้าน บอดี้การ์ดคนสุดท้ายที่ยืนเฝ้าระวังอยู่ในบ้านชักปืนจะยิง โอตี่ไวกว่ายิงเข้าแสกหน้าเขาพอดี แล้วพยักพเยิดให้เบตตี้ขึ้นไปจัดการลูกสาวนายมนัสที่ห้องชั้นบน ส่วนเขากับสมุนที่เหลือตรงไปที่ห้องเป้าหมาย เห็นนายมนัสนอนห่มผ้าอยู่บนเตียงหันหลังให้ โอตี่ย่ามใจ
“ดูจากอุปกรณ์รอบกายแล้ว คิดว่าคุณลุงน่าจะเป็นอัมพาตสินะ...คงทรมานน่าดูสิ”
นายมนัสยังคงนอนนิ่ง ขณะโอตี่ยิ้มเหี้ยมย่าง สามขุมเข้าหา...
ด้านเบตตี้ย่องขึ้นชั้นบนอย่างเงียบกริบ เดินสำรวจไปตามห้องต่างๆพบแต่ความว่างเปล่า จนกระทั่งมาถึงห้องสุดท้าย ได้ยินเสียงน้ำไหล เธอค่อยๆเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป เห็นฝักบัวเปิดอยู่ กระชากม่านกั้นส่วนที่เป็นที่อาบน้ำออกไม่เจอใคร รู้ทันทีว่าเป็นกลลวง
“แย่แล้ว...เราถูกหลอก” เบตตี้รีบวิ่งหน้าตื่นกลับทางเก่า...
ทางฝ่ายโอตี่เอื้อมมือจะดึงตัวนายมนัสให้หันมาเพื่อจะได้สะใจตอนที่ลั่นกระสุนใส่
“ผมว่าผมสงเคราะห์ให้เอาบุญจะได้ไปเกิดใหม่ให้มันดูดีกว่านี้” โอตี่พูดจบพลิกตัวนายมนัสให้หันมา แต่ต้องผงะเมื่อคนที่นอนอยู่บนเตียงกลายเป็นไทไม่ใช่นายมนัส เขาลั่นกระสุนใส่หน้าอกโอตี่เต็มๆหงายหลังตึง
สมุนสองคนที่ยืนคุมเชิงอยู่หน้าห้องโผล่พรวดเข้ามายิงใส่ไทไม่ยั้ง เขาหลบทันแล้วยิงสวนถูกทั้งคู่ล้มลงขาดใจตาย โอตี่ใส่เสื้อกันกระสุนจึงแค่จุกเท่านั้น พอตั้งหลักได้รีบกลิ้งตัวหนีไปหน้าห้อง เป็นจังหวะเดียวกับเบตตี้มาถึงพอดี ช่วยลากตัวเขาหลบเข้าที่กำบัง ทั้งคู่ระดมยิงเข้าไปในห้อง
“เสียทีมันจนได้” โอตี่บ่นด้วยความเจ็บใจ
“ยัง...มันต้องอยู่ในรถที่อาฮวดนั่ง...รีบไป...ทางนี้ฉันจัดการเอง” เบตตี้ตะโกนแข่งกับเสียงปืน
โอตี่พยักหน้ารับรู้ รีบเผ่นออกจากบ้าน ระหว่างนั้น หยิบมือถือขึ้นมาโทร.รายงานมังกรว่าพวกของบุ๊นเอาตัวนายมนัสไปแล้ว และกำลังไปที่ท่าเรือ มังกรวางสายจากลูกชายด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง หนทางจะชนะหมากเกมอยู่ไม่ไกล โทร.สั่งการให้สายสืบที่สะกดรอยตามอาฮวดกับหมอพินิจ หยุดรถคันนั้นไว้ เป้าหมายอยู่ข้างใน สายสืบเพิ่มความเร็วรถเข้าประกบข้าง ระดมยิงใส่ไม่ยั้ง รถคันนั้นเร่งเครื่องหนีเข้าไปในท่าเรือ
“มันเข้าไปในท่าเรือ ส่งคนมาดักด้วยครับนาย” สายสืบรายงาน
รถของอาฮวดแล่นหายไปด้านหลังตู้คอนเทนเนอร์ที่วางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
ooooooo
ขณะที่โอตี่ตกหลุมพรางหมากกลของบุ๊น ไล่ตามรถของอาฮวดไปที่ท่าเรือ ไทกับนักฆ่าสาวยิงต่อสู้กันจนกระสุนหมด ทั้งคู่ออกจากที่กำบังตรงเข้าต่อสู้กันด้วยมือเปล่า แม้เบตตี้จะเป็นผู้หญิง แต่ฝีมือไม่ได้ด้อยกว่าไท
ต่างผลัดกันรุกผลัดกันรับอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเธอก็พลาดท่าเสียที โดนไทสังหารจนได้ ตัวเขาเองก็บอบชํ้าไม่น้อย กัดฟันคว้ามือถือของเบตตี้ แล้ววิ่งไปขึ้นมอเตอร์-ไซค์ขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว...
ใช้เวลาไม่นาน สายสืบของมังกรเจอรถของอาฮวดจอดอยู่ท่ามกลางตู้คอนเทนเนอร์ เขาลงจากรถพร้อมกับปืนในมือ สมุนของมังกรตามมาสมทบจากทุกทิศทุกทางล้อมกรอบรถคันนั้นไว้ สายสืบกระชากประตูรถเปิดออกเตรียมลั่นไก แต่ในรถว่างเปล่า...
ทันทีที่ได้รับรายงานจากสายสืบว่าอาฮวดกับพวกหนีรอดเงื้อมมือไปได้ แถมเป้าหมายก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น โอตี่ถึงกับหัวเสีย จอดรถพรืดข้างถนน ลงมาอาละวาดเตะโน่นเตะนี่ไปทั่ว ที่เหตุการณ์ไม่เป็นดั่งใจ
“ไอ้เวรเอ๊ย...โดนมันหลอกอีกจนได้...มันหายไปไหนวะ...ไอ้มนัสบ้า...ปลวก...ใช่แล้วรถฉีดปลวก” โอตี่เพิ่งถึงบางอ้อ รีบขึ้นรถ แล้ววกกลับทางเดิม หยิบมือถือขึ้นมาโทร.สั่งการให้เหล่าสมุนไปรวมพลกันที่สนามบิน...
เมื่อรถฉีดปลวกเลี้ยวเข้าถนนทางลัดที่ไม่ค่อยมียวดยานแล่นผ่าน เรียวซึ่งเป็นคนขับดึงผ้าปิดปากปิดจมูกออก เช่นเดียวกับแพรไหมที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือ
“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”
“แล้วคุณไทจะเป็นยังไงบ้าง” แพรไหมถามด้วยความเป็นห่วง
“คนนั้นเขาเอาตัวรอดได้ครับ”
แพรไหมขอบคุณเรียวแทนพ่อของตัวเองอีกครั้ง บอดี้การ์ดหนุ่มยิ้มรับ หมากที่บุ๊นวางไว้สำเร็จไปอีกขั้นหนึ่ง ในตู้ท้ายรถฉีดปลวก นายมนัสนอนอยู่บนเตียงพร้อมอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบครัน โดยมีพยาบาลคอยดูแลอย่างใกล้ชิด...
ไม่นานนัก แพรไหมมาถึงห้องวีไอพีภายใน
สนามบิน เรียวกับพยาบาลช่วยกันเข็นเตียงที่นายมนัส
นอนอยู่ตามเข้ามา เจอพัดนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แพรไหมขอบใจเธอมากที่อุตส่าห์มาส่ง
“แหม...ฉันต้องมาอยู่แล้ว เราเพื่อนกันนี่”
“เครื่องสแตนด์บายแล้วครับคุณแพรไหม...พร้อมจะออกในอีก 20 นาที” เรียวรายงานเสร็จ เดินเลี่ยงออกไปรอข้างนอก ปล่อยให้คู่เพื่อนรักได้รํ่าลากัน...
ระหว่างทางมาสนามบิน โอตี่โทร.หาเบตตี้ แต่มือถือของเธออยู่กับไท ซึ่งกำลังซิ่งมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปสนามบินเช่นกัน เขาเบนรถจอดข้างทางแล้วกดรับสาย เสียงโอตี่โวยวายลั่น
“ทำไมรับช้าจัง...พวกมันไปที่สนามบินแล้ว ตามไปเร็ว”
“เสียใจ...ลูกน้องแกหมดอายุขัยแล้ว เปลี่ยนเป็นฉันไปแทนก็แล้วกัน...แล้วเจอกันนะ” ไทพูดจบปิดมือถือทันที โอตี่เจ็บใจ แค้นครั้งนี้ต้องได้รับการชำระ...
ฝ่ายมังกรนั่งยิ้มอย่างสบายใจอีกครั้ง เมื่อครู่นี้เกมของเขาอาจตกเป็นรอง แต่สุดท้ายแล้วเขาจะเป็นฝ่ายรุกฆาตและเอาชนะบุ๊นได้ เพราะทั้งลูกชาย ทั้งสมุนมือขวาและเหล่าลิ่วล้อของตนต่างมุ่งหน้าไปยังสนามบินเพื่อกำจัดนายมนัสให้สิ้นซาก แต่มังกรคาดผิด พวกนั้นมาถึงช้าไป เครื่องบินลำที่นายมนัสกับแพรไหมนั่ง ทะยานขึ้นจากสนามบินเรียบร้อยแล้ว โอตี่ได้แต่มองตามเครื่องบินลำนั้นด้วยความแค้นใจอกแทบระเบิด
“ฆ่ามันให้หมด”
สิ้นเสียงกร้าวของโอตี่ เหล่าสมุนต่างกระจายกำลังกันโอบล้อมสนามบินไว้
ooooooo
ครู่ต่อมา บอดี้การ์ดสองคนของพัดเดินนำเจ้านายสาวกับเรียวมาที่รถ ต้องตกใจแทบช็อกเมื่อพบคนขับรถนั่งฟุบคาพวงมาลัยไม่หายใจแล้ว หนึ่งในบอดี้-การ์ดร้องเตือนทุกคนให้ระวังตัว ขาดคำ กระสุนมาจากทางไหนไม่รู้เจาะเข้าแสกหน้าบอดี้การ์ดคนนั้นล้มตึง อีกคนที่เหลือตะโกนลั่น
“มันลอบยิงเรา...เรียว”
เรียวรีบพาพัดเข้าที่กำบัง มองสำรวจไปรอบๆเห็นมือปืนสองคนซุ่มอยู่ จึงชักปืนยิงต่อสู้ โอตี่ยืนหลบมุมอยู่กับอาเพียวมองอย่างสะใจ สมุนอีกสองคนของโอตี่ระดมยิงใส่บอดี้การ์ดของพัดล้มควํ่าไปอีกคน เรียวกับพัดตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ทันใดนั้น ไทขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดใกล้ๆ ยิงฝ่าวงล้อมของพวกสมุนเข้าไปหาทั้งคู่
“มันมากันสี่คน” ไทว่าแล้วทำสัญญาณมือบอกทิศทางที่พวกนั้นอยู่
“งั้นแบ่งกันคนละสอง”
“ไม่...นายพาคุณพัดหนีไปก่อน...โน่นรถฉัน”
เรียวมองไปที่มอเตอร์ไซค์แล้วพยักหน้า ไทรู้งานยิงคุ้มกันให้ เขาคว้ามือพัดเตรียมจะวิ่ง แต่พวกสมุนกราดยิงไม่ยั้งจนโงหัวไม่ขึ้น โอตี่รู้ว่าเรียวกำลังจะพาพัดหนี ฝากให้อาเพียวจัดการทางนี้ แล้ววิ่งอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง ไทยิงเปิดทางจนเรียวกับพัดลัดเลาะไปถึงมอเตอร์ไซค์สำเร็จ พากันหนีออกไปจนได้ แม้จะตกอยู่ในวงล้อมของศัตรู แต่ไทยิงสมุนของโอตี่ตายทีละคนๆจนเกลี้ยง อาเพียวที่ยืนมองอยู่ ขบกรามแน่นด้วยความแค้น...
ฝ่ายเรียวขี่มอเตอร์ไซค์พาพัดหนีมาตามถนนใหญ่ หญิงสาวเป็นปลื้มที่เขาช่วยชีวิตเธอไว้อีกครั้ง กอดเอวเขาแน่นขึ้น แล้วซบหน้ากับแผ่นหลัง
“ขอบใจมากนะ...นายช่วยฉันไว้อีกครั้งแล้ว”
เรียวอิ่มอกอิ่มใจที่มีหญิงที่หลงรักซบอยู่ แม้ตายก็ไม่เสียดายชีวิต พลันมีกระสุนพุ่งเข้ากลางอกเขาถึงกับสะท้าน พัดรู้สึกได้ว่าเลือดของเขาเริ่มไหลลงมาที่มือตัวเอง พยายามส่งเสียงเรียก แต่เรียวสิ้นใจไปแล้ว รถเสียหลักไถลไปกับพื้น พัดกระเด็นมานอนอยู่กลางถนนได้รับบาดเจ็บไม่มาก โอตี่ซึ่งดักซุ่มอยู่บนเนินเขา เล็งปืนไปที่พัดหมายจะสังหารให้สิ้นซาก แต่มีรถของพลเมืองดีมาจอดบัง ช่วยเธอไว้ได้ทัน...
สงครามที่เหมือนจะได้เปรียบ ถึงตอนนี้กลับพังไม่เป็นท่า นอกจากจะจัดการพัด นายมนัส และแพรไหมไม่ได้แล้ว มังกรยังเสียสมุนไปหลายคนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่เขายังไม่ยอมแพ้ จะต้องกำจัดบุ๊นให้ได้...
ขณะที่แผนกำจัดศัตรูของมังกรพ่ายหมดรูป ฉัตรรู้สึกตัวขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนกองขยะ มีคนเก็บขยะสองคนกำลังปลดทรัพย์ของเขากับคู่หูซึ่งยังไม่ฟื้น ฉัตรชักปืนออกมาขู่
“เฮ้ย...คนยังไม่ตาย ไปไกลๆเลย เดี๋ยวพ่อยิงไส้แตก”
เสียงเอะอะของฉัตรทำให้คู่หูรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมอง “โอย...เรายังไม่ตายใช่ไหมพี่”
“ยัง แต่กำลังจะตายถ้าไม่รีบออกไปจากไอ้กองขยะบ้านี่” ฉัตรว่าแล้วยันตัวลุกขึ้น...
ทางด้านบุ๊นถึงกับถอนใจโล่งอกเมื่ออาฮวดรายงานว่าพัดปลอดภัย ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล และมีคนคุ้มกันแน่นหนาแล้ว บุ๊นสั่งให้เขาจัดการเรื่องงานศพเรียวให้ดีที่สุด แล้วสั่งให้เอารถออก ตนจะไปเยี่ยมลูกสาว...
ในเวลาเดียวกัน ที่บ้านของมังกร โอตี่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหงุดหงิด บ่นให้พ่อของเขาฟังว่าอีกนิดเดียวเท่านั้นก็จะจัดการนายมนัสกับลูกสาวได้อยู่แล้ว
“ช่างมัน...ฉันกำลังหาวิธีอยู่”
“ทำไมลุงบุ๊นมันถึงต้องเหนือกว่าเราทุกครั้งเลยนะแด๊ดดี้...มันทำบุญด้วยอะไร”
มังกรไม่มีวันยอมให้บุ๊นเหนือพวกเราตลอดไปแน่นอน โอตี่มองพ่ออย่างสงสัย หมายความว่าอย่างไร เขายังมีไม้ตายเตรียมไว้รอเล่นงานบุ๊น
ooooooo
เย็นวันเดียวกัน หลังจากหาหมอรักษาอาการ
บอบชํ้าเรียบร้อย ฉัตรเข้าที่ทำงาน ตำรวจรุ่นน้องเห็นหน้าตาบวมบูดของเขาแล้ว อดแซวไม่ได้ว่าไปทำ
โบทอกซ์ที่ไหนมา
“เอ็งเงียบไปเลย มันหน้าของข้า ใครจะกระทืบมาก็หน้าของข้า แต่ถ้าไม่หยุด...สักพักข้าก็จะกระทืบหน้าเอ็งบ้าง” ฉัตรด่าเสร็จส่งโทรศัพท์มือถือให้รุ่นน้องคนนั้น “เอ็งเอาภาพพวกนี้ไปปริ๊นต์ให้หน่อย”
“ได้ครับ...เลี้ยงกาแฟแก้วนะ” รุ่นน้องพูดจบรับมือถือออกไปจัดการให้ตามคำสั่ง สวนกับเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งซึ่งเข้ามาแจ้งฉัตรว่าหัวหน้าต้องการพบ
เขาอยากรู้ว่ามีเรื่องอะไร
“สงสัยจะเลื่อนยศให้พี่มั้ง...รีบไปเถอะ”
“สารวัตร...ฉัตร” ผู้กองเฒ่าพึมพำกับตัวเองอย่างฝันเฟื่อง...
ฝันกลางวันของฉัตรมีอันต้องพังทลายเพราะหัวหน้าไม่ได้เรียกไปเลื่อนยศให้ แต่เรียกไปตำหนิที่เขากับคู่หูเข้าไปค้นบ้านบุ๊นโดยไม่ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ฉัตรอยากทำอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะเอาเหตุผลอะไรไปอ้างเพื่อขอหมายศาล หัวหน้ายิ่งโกรธ
“นั่นสิ...แล้วลื้อเข้าไปค้นบ้านเขา ลื้ออ้างเหตุผลอะไรล่ะ ดีที่เขาไม่ฟ้องเราก็บุญแล้ว”
“แหม...หัวหน้าก็ บางครั้งเราก็ต้องทำมึนไปบ้าง หัวหน้าก็รู้” ฉัตรแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“แต่คนที่ลื้อมึนเข้าไปน่ะ คือนายบุ๊น นักธุรกิจใหญ่ระดับประเทศ”
ฉัตรไม่สนใจว่าบุ๊นจะเป็นใครใหญ่แค่ไหน แต่สำหรับตนแล้วเขาเป็นผู้ต้องสงสัย หัวหน้าฟิวส์ขาดสั่งพักงานเขาหนึ่งอาทิตย์ รอจนกว่าเรื่องจะซาค่อยกลับมาทำงาน ฉัตรชักสีหน้าไม่พอใจ
“ได้ไงหัวหน้า นั่นมันผู้ต้องสงสัยนะ”
“ไหนล่ะหลักฐาน”
“ยังไม่มี...” ฉัตรเถียงข้างๆคูๆ
“นายวางมือเถอะ แล้วไปพักซะ”
“ได้ ถ้าอยากให้พักผมก็จะพัก” ฉัตรว่าแล้วหยิบปืนพร้อมตราตำรวจออกมาวางตรงหน้า “งั้นผมขอพักยาวเลยก็แล้วกัน” พูดจบก็เดินออกมาจากห้องทันที สวนกับตำรวจรุ่นน้องที่หน้าห้องพอดี
“ได้แล้วพี่” รุ่นน้องยื่นกระดาษที่เพิ่งปริ๊นต์จากภาพในมือถือพร้อมกับตัวเครื่องให้
“ขอบใจ” ฉัตรยัดมันใส่กระเป๋าเสื้อแล้วเดินหน้าบอกบุญไม่รับออกไป จากนั้น เขาตรงไปที่ร้านข้าวต้มข้างถนน สั่งเบียร์กับกับแกล้มมากินแก้เซ็ง โดยไม่รู้ว่าอาเพียวแอบซุ่มดูอยู่แถวหน้าร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้าม
ooooooo
ค่ำวันเดียวกัน ระหว่างที่ไทยืนรอบุ๊นเข้าไปเยี่ยมพัดอยู่ที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล อาฮวดเข้ามาตบไหล่เบาๆบอกว่าวันนี้คงจะต้องอยู่ดึกกันหน่อย
“ไม่เป็นไรครับ...เสียใจด้วยนะครับเรื่องเรียว...เรียวเคยบอกผมว่า ลุงเป็นคนให้ชีวิตเขา”
“เรียวเป็นเหมือนลูกชายฉัน...เฮ้อ...อาชีพอย่างเรามันก็เป็นแบบนี้ ทางเดินมันถูกกำหนดไว้ชัดเจน ช้าเร็วทุกคนก็ต้องเป็นแบบเรียว เพราะฉะนั้นจงสร้างคุณค่าให้งานให้มากที่สุดและงานก็จะสร้างคุณค่าให้เรา” อาฮวดหน้าสลด อดเศร้าใจเรื่องเรียวไม่ได้...
ทางฝ่ายฉัตรนั่งดื่มเบียร์หมดไปหลายขวดจนเจ้าของร้านข้าวต้มอดกระเซ้าไม่ได้ว่าไปถูกหวยมาหรือ
“ถูกไล่ออกโว้ย...ไปเอาเบียร์มาอีก...ไป” ฉัตรเสียงอ้อแอ้กำลังเมาได้ที่
“ผมจะปิดร้านแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาดื่มใหม่นะผู้กอง”
“ได้...งั้นเก็บเงิน” ฉัตรจ่ายเงินเสร็จเดินเซออก จากร้าน
พอเลี้ยวพ้นมุมตึก ฉัตรหยิบมือถือขึ้นมาจะโทร.หาไท จังหวะนั้น มีนักเลงสองคนก้าวออกมาจากมุมมืดหนึ่งในนั้นใช้มีดปลายแหลมเสียบสีข้างเขา แล้วแทงซ้ำอีกหลายครั้ง ส่วนอีกคนหนึ่งเก็บมือถือที่เขาทำตกพื้นไว้ก่อนจะพากันเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ผู้กองเฒ่าหายใจติดขัด ก่อนจะล้มลงใส่ถังขยะแถวนั้น
เจ้าของร้านข้าวต้มได้ยินเสียงโครมครามวิ่งมาดู เห็นฉัตรนอนจมกองเลือดหายใจรวยริน รีบเข้าไปประคอง ลูกค้าที่ยังนั่งอยู่ในร้านวิ่งตามมาสมทบ เจ้าของร้านร้องขอความช่วยเหลือลั่น
“...ใครก็ได้ช่วยเรียกรถพยาบาลเร็ว”
ฉัตรรู้ตัวว่ากำลังจะตาย ส่ายหน้าช้าๆเป็นทำนองว่าไม่มีประโยชน์ อึดใจก็สิ้นลม อาเพียวยืนมองต่อไปอีกพักหนึ่ง ให้แน่ใจว่าฉัตรตายแล้วถึงได้กลับ
ooooooo
งานศพของฉัตรจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายตามแบบศาสนาคริสต์ มีบาทหลวงมาทำพิธีให้ ในงานมีเพียงเพื่อนสนิทสองสามคน คู่หูของเขา แป๊ดและหนูเอม ไทไม่ยอมเข้าไปร่วมพิธีได้แต่ยืนไว้อาลัยอยู่ห่างๆ โดยมีปลายฟ้ายืนหน้าเศร้าอยู่ข้างๆ
“หัวหน้าจะไม่เข้าไปจริงๆหรือ”
“ใช่...ฉันตั้งใจว่าจะหาคนที่ทำน้าฉัตรให้ได้ก่อนที่จะไปคารวะแก”
ปลายฟ้าพยักหน้าเข้าใจ แล้วขอตัวเข้าไปร่วมพิธี เธอเดินไปยืนข้างๆหนูเอมจับมือให้กำลังใจ บาทหลวงทำพิธีเสร็จก็ปล่อยให้เพื่อนฝูงและญาติมิตรได้ร่ำลาผู้ตายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนฝัง
“ไปดีเถอะวะไอ้เพื่อนยาก ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะดูแลหนูเอมให้ดีที่สุด” แป๊ดว่าพลางน้ำตาซึม หนูเอมหยิบเนกไทที่ถักได้แค่ครึ่งเดียววางบนโลงศพด้วยน้ำตานองหน้า
“ป๋าฉัตร หนูเอมถักเนกไทให้ป๋าฉัตรยังไม่เสร็จเลย ได้แค่ครึ่งเดียวเอง ป๋าฉัตรรับไปก่อนนะ แล้วหนูเอมจะไปถักให้ต่อชาติหน้านะ...ชาติหน้าเราต้องเกิดมาเป็นพ่อลูกกันอีก” หนูเอมซบหน้าร้องไห้กับไหล่ปลายฟ้าที่เศร้าเสียใจไม่แพ้กัน คู่หูตาแดงก่ำเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก พึมพำด้วยความแค้น
“ไม่ต้องห่วงนะพี่ งานที่ค้างอยู่ ผมจะจัดการให้พี่เอง ผมจะลากคอไอ้คนที่ทำพี่มาลงโทษให้ได้”...
ด้านไทยืนมองพิธีฝังศพ น้ำตาซึมด้วยความสะเทือนใจ รู้ตัวอีกทีอาเพียวมายืนอยู่ข้างๆแล้วแจ้งว่าเจ้านายของตนอยากจะคุยด้วย
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยด้วย” ไทตัดบท
“เสียดายจัง ถ้าไม่อยากรู้เรื่องคนที่ฆ่าพ่อแกก็ตามใจ” คำพูดของอาเพียวเรียกความสนใจจากไทสำเร็จ...
หลังจากฝังศพฉัตรเรียบร้อย หนูเอมถึงได้หันมาถามปลายฟ้าว่าหายไปไหนมา พักนี้ไม่เห็นไปหาที่ร้านเธอไปทำงานที่อื่นก็เลยไม่มีเวลาแวะไป
“เจอพี่ไทบ้างไหมคะ”
ปลายฟ้าไม่ตอบ หันไปมองตรงที่ไทยืนอยู่กับตนเองเมื่อครู่ แต่ไม่เจอใคร จังหวะนั้น คู่หูของฉัตรเอาอูคูเลเล่มา ให้หนูเอม
“พี่ฉัตรเพิ่งซื้อมา แกยังไม่ทันเอาไปให้ หนูเอมเก็บไว้สิ”
หนูเอมรับมันไว้แล้วหันไปทางหลุมฝังศพฉัตร รับปากว่าจะหัดเล่นให้เก่ง ทุกคนที่ได้ยินถึงกับน้ำตาซึม
ooooooo










