ตอนที่ 11
ขณะพีทเดินเตร่รอลิลลี่อยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทจ้าวหยาง พนักงานที่ผ่านไปมาต่างทำความเคารพอย่างนอบน้อม เขามองไปรอบๆ ฝันเฟื่องว่าอีกไม่นานจะต้องมีบริษัทแบบนี้เป็นของตัวเองบ้างโดยจะเอาเงินค่าแบล็กเมล์ที่ได้จากโอตี่มาทำทุน พัดเดินนำลิลลี่มาจากอีกทางหนึ่งเข้ามาทักพีทว่าจะมาทำไมไม่โทร.มาบอกก่อน
“พอดีแวะมารับลิลลี่ไปหาอะไรกินกันน่ะ...เจ๊จะไปไหนหรือ”
“ไปรับรองลูกค้ามาจากเมืองจีนน่ะไปด้วยกันไหม”
พีทปฏิเสธว่าไม่ไป อยากไปสวีทกันสองคนมากกว่า แต่ยังไม่ทันจะขยับไปไหน ปลายฟ้าตามมาสมทบต่างฝ่ายต่างตะลึง พยายามเก็บอาการไว้แต่ไม่พ้นสายตาของพัด
“เป็นไงเลขาฯใหม่พี่...พี่ขอตัวนะพีท”
“เอ...บางทีเราไปกับเจ๊ก็ดีเหมือนกันนะ กินเยอะๆ
สนุกดี...ดีไหมลิลลี่” พีทเปลี่ยนใจดื้อๆ ลิลลี่งงแต่ก็ไม่ขัด ควงแขนเขาออกไป ปลายฟ้าไม่ได้ใส่ใจอะไร เดินตามเจ้านายสาวไปขึ้นรถอีกคันหนึ่ง...
ในเวลาเดียวกัน โอตี่นัดพวกค้ายาเสพติดสองคนมาพบที่ห้องวีไอพีของร้านอาหารหรูภายในโรงแรม
แห่งหนึ่ง คิดจะใช้แผนยืมมือฆ่าคน จึงขอขึ้นราคาสินค้า อ้างว่ามีหุ้นส่วนเพิ่มขึ้น
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเราด้วยล่ะ” ลูกค้าโวย
“มันเป็นหุ้นส่วนแบบไม่ลงทุนน่ะ ฉันก็ไม่ได้อยากได้มันมาหุ้นนักหรอก แต่มันจำเป็น”
ลูกค้าทั้งสองคนพยักหน้าเข้าใจ ถ้าหุ้นส่วนคนนั้นถอนหุ้น พวกตนก็จะได้ของราคาเดิมใช่ไหม โอตี่ยิ้มเจ้าเล่ห์แทนคำตอบ...
อีกด้านหนึ่งของโรงแรมเดียวกัน พัดเดินนำพีท ลิลลี่เข้ามาในล็อบบี้โดยมีปลายฟ้าเดินปิดท้าย พีทลอบมองปลายฟ้าอยู่ตลอด แต่เธอไม่สนใจ พัดเข้าไปทักทายนักธุรกิจจีน 2 คนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว จากนั้นเชิญชวนทั้งคู่ไปที่ห้องอาหารจีน จะได้กินอาหารกลางวันกันไป
คุยกันไป แล้วหันมาทางเลขาฯคนใหม่
“คุณปลายฟ้า เชิญตามสบายนะ เสร็จแล้วจะเรียก... ไปลิลลี่...พีท”
ปลายฟ้ารับคำ ก่อนจะเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง พีทเดินไปกับลิลลี่ได้สักพัก ทำทีขอตัวไปห้องนํ้า แล้ววิ่งตามปลายฟ้าจนทัน ตัดพ้อว่ามาทำงานกับพี่สาวของเขาทั้งทีไม่เห็นบอกกันบ้าง
“ฉันไม่เห็นต้องรายงานคุณเลย”
“ทำไม...รังเกียจผมมากนักหรือ”
ปลายฟ้าไม่ได้รังเกียจ เพียงแต่มันไม่เหมาะสม เขาเป็นถึงน้องชายของท่านรองประธานไม่ควรลดตัวลงมายุ่งกับตน และที่สำคัญเขามีคุณลิลลี่อยู่ทั้งคน อาจทำให้เธอเข้าใจผิดได้ พีทอ้างว่าแค่ควงลิลลี่เล่นๆ เท่านั้น จังหวะนั้น โอตี่เดินผ่านมากับเบตตี้พอดี แขวะพีทว่ามีน้องสาวของเขาอยู่ทั้งคน ยังแอบมามีกิ๊กอีก ปลายฟ้าสบช่อง ชิงหนีไปทันที โอตี่หรี่ตามองตาม
“กิ๊กแกน่ารักดีนี่”
“อย่าไปยุ่งกับเธอ ถ้าเธอเป็นอะไรไปล่ะก็ เราเลิกเป็นหุ้นส่วนกัน แล้วแกคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“ฉันเบื่อคำขู่แกจริงๆว่ะ...เอาอย่างนี้ เก็บการ์ดของแกไว้ให้ดีก็แล้วกัน และถ้าวันไหนฉันได้การ์ดมา ฉันจะเลิกเป็นหุ้นส่วนกับแก แล้วแกก็คงจะรู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น” โอตี่เสียงกร้าว จ้องพีทเขม็ง
คนถูกมองถึงกับเสียวสันหลังวาบ แต่แสร้งว่าไม่กลัว รีบเดินตามปลายฟ้า ไปได้ไม่กี่ก้าว ลิลลี่ปราดเข้ามาควงแขน พาเดินไปทางห้องอาหาร โอตี่มองตามสีหน้าครุ่นคิด
“โอ...ลิลลี่น้องรัก ได้เวลาที่น้องจะต้องทำเพื่อครอบครัวเราอีกแล้ว”
ooooooo
ขณะที่โอตี่วางแผนจะให้น้องสาวหาทางขโมยเมมโมรี่การ์ดของพีทที่มีภาพเขากำลังขนยาเสพติด บุ๊น ไท อาฮวด เรียว และบอดี้การ์ดคุ้มกันอีกจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึงห้องวีไอพีของสนามบิน พบหญิงชราคนหนึ่งท่าทางไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงนั่งรออยู่
“ไปกันได้หรือยังคะ” หญิงชราว่าแล้วค่อยๆยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
ผู้ติดตามของเธอปรี่เข้าไปช่วยประคองพาเดินไปกับบุ๊นท่ามกลางการอารักขาแน่นหนาของไทกับพวก โดยมีสายสืบของมังกรเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง เมื่อมาถึงที่จอดรถ หญิงชรานั่งรถคันเดียวกับบุ๊น อาฮวดนั่งที่เบาะหน้า ขณะที่ไทขึ้นประจำที่นั่งคนขับ ส่วนเรียว กับผู้ติดตามของเธอและบอดี้การ์ด แยกไปนั่งรถอีกคันหนึ่งทันทีที่ประตูรถของบุ๊นปิด นายใหญ่แห่งอาณาจักรจ้าวหยางหันไปถามหญิงชรา
“เป็นยังไงแพรไหม...เหนื่อยมั้ย”
“นิดหน่อยค่ะ...แต่รำคาญเจ้านี่มากกว่า” นํ้าเสียงของเธอสาวมากผิดจากตอนอยู่ในห้องวีไอพีลิบลับ จนไทต้องเหลือบมองทางกระจกส่องหลัง ถึงกับตะลึงเมื่อหญิงชราดึงหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามของสาวสวยรุ่นราวคราวเดียวกับพัด...
ไม่นานนัก บุ๊นกับคณะมาถึงบ้านพักตากอากาศ เขาพาแพรไหมเข้าไปในห้องนายมนัสเพียงลำพัง ทิ้งให้ไท อาฮวด และเรียวยืนเฝ้าระวังอยู่ที่โถงด้านหน้า นายมนัสดีใจนํ้าตาคลอเมื่อเห็นหน้าลูกสาว
“คุณพ่อ...แพรไหมมารับคุณพ่อ เราจะได้ไปอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ” เธอโผกอดพ่อไว้ด้วยความคิดถึง...
ที่โถงด้านหน้า ไทสังเกตเห็นวัตถุบางอย่างสะท้อนแสงแวบๆอยู่ในพุ่มไม้ไม่ไกลนัก อาฮวดเห็นสีหน้าของเขาแล้วเข้ามาถามว่ามีอะไร ไทกระซิบว่ามีคนลอบดูเราอยู่ จังหวะนั้น บุ๊นพาแพรไหมเดินเข้ามาหา
“คนนี้เขาชื่อนายไท ลุงจะให้เขาคอยดูแลหนูนะ มีอะไรก็บอกเขาได้...ฝากด้วยนะไท”
ไทรับคำ คิดในใจว่าเธอคนนี้ต้องเป็นคนสำคัญแน่นอน พอแพรไหมจะตามออกไปส่งบุ๊นที่รถ เขาจึงขอให้อยู่ในบ้านจะปลอดภัยกว่า เธอหยุดกึก หันมองบุ๊นซึ่งพยักหน้า เป็นทำนองให้เชื่อฟังไท ทันทีที่ขึ้นรถ บุ๊นถามอาฮวดที่ตามขึ้นมานั่งข้างๆว่า บอกไทแล้วใช่ไหมว่าต้องทำอย่างไร สมุนคนสนิทรับคำแล้วกระซิบบางอย่างกับเขาที่เหลือบมองไปทางด้านที่สายสืบของมังกรซุ่มดูอยู่
“มังกรคงกู่ไม่กลับแล้วล่ะ...ออกรถ” บุ๊นสีหน้าเคร่งเครียด คงถึงเวลาที่ต้องเปิดศึกเต็มรูปแบบกับน้องร่วมสาบานคนนี้เสียแล้ว ขบวนรถของบุ๊นเคลื่อนออกจากบ้านโดยมีเรียวขี่มอเตอร์ไซค์นำ
ooooooo
หลังจากคุ้มกันบุ๊นถึงบ้านอย่างปลอดภัย เรียวกลับมาที่นั่งรอพัดอยู่หน้าห้องทำงาน สักพักเธอกลับจากประชุมกับนักธุรกิจชาวจีนพร้อมกับปลายฟ้า
“นายเรียว เสร็จธุระกับคุณพ่อแล้วหรือ”
“ครับ...ท่านประธานฝากให้มาเรียนคุณพัดด้วย...” เรียวมองปลายฟ้าแวบหนึ่ง “เอ่อ...ผมว่าเราคุยกันในห้องดีกว่าครับ” เขาว่าแล้วเดินไปเปิดประตูห้องทำงานให้พัดเข้าไป ปลายฟ้าไม่ได้สนใจอะไร หยิบเอกสารบนโต๊ะทำงานตัวเองขึ้นมาดู อีกมุมหนึ่งของบริษัท ขณะที่พีทกับลิลลี่กำลังเดินมาตามทาง มีเสียงมือถือของลิลลี่ดังขึ้น โอตี่โทร.มาตามให้น้องสาวไปพบ มีเรื่องสำคัญจะปรึกษา เข้าทางพีททันที
“เอ่อ...ฉันอยากคุยเรื่องงานกับเจ๊พัดหน่อยน่ะ เธอกลับไปก่อนก็แล้วกัน”
ลิลลี่ยิ้มอย่างรู้ทัน ก่อนจะจํ้าพรวดๆออกไป ครู่ต่อมา พีทมาถึงหน้าห้องทำงานของพัด ปลายฟ้าพูดดักว่าท่านรองประธานกำลังคุยธุระอยู่ เขาไม่ได้มาหาพี่สาว แต่อยากมาคุยกับปลายฟ้าต่างหาก เธอปฏิเสธอย่างสุภาพว่าไม่เหมาะสม พีทยืนกรานจะคุยให้ได้
“ได้ค่ะ...ถ้าคุณพีทต้องการอย่างนั้น เชิญเลยค่ะ มีอะไรก็คุยมาถ้าตอบได้ฉันก็จะตอบ”
เรื่องที่พีทถามล้วนเกี่ยวข้องกับไททั้งนั้น และคำตอบที่ได้ทำให้ตระหนักว่าปลายฟ้ามีใจให้ไทมากแค่ไหน พีทไม่พอใจมาก ตัดพ้อต่อว่าไม่พอ ยังทวงบุญคุณอีกต่างหาก เขาอุตส่าห์ทุ่มเทให้เธอมากมาย ทำไมถึงไม่เห็นความดีกันบ้าง ปลายฟ้าชักจะไม่พอใจ แต่พยายามข่มอารมณ์ไว้
“คุณพีทคะ...ฉันไม่เคยขอร้องให้คุณมาทำอะไรเพื่อฉันเลย ถ้าคุณคิดว่าจะมาทวงบุญคุณล่ะก็ ฉันก็ไม่รู้จะบอกคุณ ว่ายังไง นอกจากบอกว่า ฉันสำนึกในบุญคุณของคุณเสมอ แต่คุณรู้เอาไว้อย่างนะคะว่า บุญคุณหมดเมื่อทวง” คำพูดของปลายฟ้าทำเอาพีทถึงกับสะอึก ยังไม่ทันจะโต้ตอบ พัดซึ่งได้ฟังรายงานเรื่องแพรไหมเรียบร้อย เดินออกมาจากห้องกับเรียวเสียก่อน
“อ้าว...พีท ทำไมมานั่งที่นี่ล่ะ”
“เอ่อ...พอดีเห็นเจ๊มีธุระน่ะ” พีทแก้ตัวไปเรื่อย พัดว่างพอดีจึงชวนน้องเข้ามาคุยกันในห้อง...
หลังจากได้รับรายงานจากสายสืบ มังกรหันมาบอกสมุนมือขวาว่าไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัย แค่บุ๊นรับรองแขกต่างประเทศแก่ๆ คนหนึ่งเท่านั้น อาเพียวยังคาใจเรื่องคนป่วยที่โอตี่บอก จะให้ทำอย่างไรต่อไป
“ถ้าเป็นนายมนัสจริง...ยายแก่คนนั้นเกี่ยวอะไรด้วย” มังกรสีหน้าครุ่นคิด
พลันภาพในอดีตผุดขึ้นมาในความคิดคำนึงของ มังกร ตอนนั้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ที่บ้านของนายมนัสเขาพยายามเกลี้ยกล่อมแกมบังคับให้นายมนัสเซ็นชื่อในเอกสารสำคัญฉบับหนึ่ง
“เซ็นเถอะมนัส ขืนนายดื้อดึง พี่ใหญ่อาจจะไม่พอใจ...ดูเทอดเป็นตัวอย่างสิ”
นายมนัสนึกถึงการตายของเทอดขึ้นมา ความกลัวเริ่มจู่โจม ตัดสินใจเซ็นเอกสารให้ มังกรยิ้มพอใจดึงเอกสารฉบับนั้นมา แล้วออกไปขึ้นรถ พลางยกมือถือขึ้นมาโทร.บอกว่าเรียบร้อยแล้วพี่ใหญ่ ทันทีที่รถของมังกรแล่นออกไป อาเพียว ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ลอบยิงทั้งนายมนัสและเมียของเขา รวมทั้งคนรับใช้ ขณะที่แพรไหมนั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ooooooo
ที่บ้านพักตากอากาศของบุ๊น หลังจากเดินสำรวจรอบบ้านเสร็จ ไทเข้าครัวไปหาน้ำดื่มดับความร้อน ยามบ่าย เจอพยาบาลกำลังนั่งดื่มน้ำชาอยู่จึงทักทายถามไถ่ว่ามาทำงานที่นี่นานแล้วหรือ ได้ความว่า เธอทำงานมาสิบกว่าปี แล้ว ตั้งแต่นายมนัสถูกยิง ไทเริ่มสนใจซักอีกว่าถูกยิงเรื่องอะไร
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ท่านประธานบุ๊นท่านเมตตารับคุณมนัสมาดูแล”
“แสดงว่าคุณมนัสนี่สำคัญต่อท่านประธานน่าดูสินะครับ”
พยาบาลว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะท่านดูแลอย่างดีทั้งนายมนัสและคุณแพรไหมลูกสาวของเขา ยังไม่ทันที่ไทจะถามอะไรอีก มีเสียงกริ่งดังมาจากห้องของนายมนัสเสียก่อน เธอจึงขอตัวไปดู ไทมองตามสีหน้าครุ่นคิด ไม่แน่ใจว่านายมนัสคนนี้จะเป็นคนเดียวกับที่น้าฉัตรพูดถึงหรือเปล่า...
หลังจากแตะมือเปลี่ยนเวรกับพยาบาล แพรไหมเดินถือหนังสือเล่มโปรดที่เพิ่งอ่านให้พ่อฟังลงมาหาน้ำดื่มในครัว สังเกตเห็นไทมองหนังสือในมือตนเองอย่างสนใจ จึงอธิบายว่านี่เป็นหนังสือประจำตัวของพ่อ ซึ่งชอบให้พยาบาลอ่านให้ฟังเป็นประจำ ไทคาดไม่ถึง เพราะเป็นหนังสือประจำตัวเขาเช่นกัน แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้อ่าน
“พ่อผมซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต”
“จริงหรือคะ...เสียใจด้วยค่ะ...งั้นอ่านฆ่าเวลาไหมคะ” แพรไหมว่าแล้วยื่นหนังสือให้แล้วขอตัวไปดูพ่อต่อ ไทอดแปลกใจไม่ได้ที่นายมนัสชอบหนังสือเล่มเดียวกับตนเอง
จากนั้นเขาค่อยๆเปิดหนังสือเล่มนั้นไล่ไปทีละหน้า เจอรูปถ่ายเก่ามากรูปหนึ่งคั่นอยู่ ในรูปมีบุ๊น มังกร และนายมนัสสมัยไปล่าสัตว์ด้วยกัน และยังมีอีกคนหนึ่งซึ่งถูกคนอื่นนั่งบังอยู่ด้านหลังสุด เขาอยากรู้ความเป็นมาเป็นไปของรูปนี้ ถือโอกาสตอนที่พยาบาลลงมาหยิบของสอบถามดูว่าพอจะรู้อะไรบ้างหรือเปล่า
“อ๋อ...ภาพคุณมนัสกับเพื่อนๆ นี่คุณบุ๊นและนี่คงเป็นน้องชายคุณบุ๊น นี่คุณมนัส แต่คนนี้ไม่รู้จัก เห็นคุณบุ๊น
บอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ คุณมนัสแกรักภาพนี้มากนะ ให้ฉันหยิบออกมาดูทุกวันเลย แกชอบดูคนที่มองไม่เห็นหน้านี่แหละค่ะ”
ไทยิ่งมั่นใจว่าต้องเป็นนายมนัสคนที่น้าฉัตรพูดถึงแน่นอน ที่สำคัญต้องเกี่ยวข้องกับพ่อของเขาด้วย...
ด้านลิลลี่ไปพบโอตี่ที่ร้านกาแฟตามนัด เธอสงสัยมีเรื่องด่วนอะไรนักหนาถึงโทร.ไปตาม เขาเล่าเรื่องธุรกิจของครอบครัวให้ฟังคร่าวๆ ว่าตอนนี้เวลาของพวกเราเหลือน้อยเต็มทีแล้ว ลิลลี่แปลกใจ ทำไมไม่ขอความช่วย เหลือจากลุงบุ๊น โอตี่ไม่คิดว่าเขาจะช่วย แต่ไหนแต่ไรมา ลุงบุ๊นไม่เคยช่วยพวกเรา มีแต่หยิบยื่นเงินทองเล็กๆน้อยๆให้เท่านั้น ทางเราจะซื้อโรงแรมก็ไม่ขายให้ จะทำธุรกิจ
ที่ดินที่เคยซื้อด้วยกันเขาก็ไม่ยอมโอนที่ให้
“แล้วกิจการของเฮียล่ะ”
“ตอนแรกมันก็ดีๆ แต่มันพังเพราะไอ้พีทแฟนยูไง ไอบอกตรงๆว่าไอก็ทำธุรกิจไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่ เห็นว่าค่าตอบแทนมันดีก็เลยยอมเสี่ยง”
ลิลลี่รับปากจะไปพูดกับพีทให้ โอตี่ไม่ได้ต้องการให้ทำอย่างนั้น พีทแอบถ่ายคลิปตอนที่เขาขนของผิดกฎหมาย และเอาคลิปนั้นมาแบล็กเมล์เรียกส่วนแบ่งจากเขาโดยไม่ต้องทำอะไร เขาอยากได้เมมโมรี่การ์ดในโทรศัพท์ของพีทคืน ลิลลี่ยินดีทำให้ด้วยความเต็มใจ
ooooooo
ในเวลาเดียวกันที่ห้องทำงานของฉัตร คู่หูเดินถือแฟ้มคดีเก่าของนายมนัสเข้ามา เห็นฉัตรนั่งลูบคลำอูคูเลเล่ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ อดแซวไม่ได้ คิดจะเปลี่ยนอาชีพจากตำรวจไปเป็นวณิพกหรือ
“ไอ้บ้า....ข้าซื้อไปให้หนูเอมโว้ย แหมเห็นข้าเป็นวณิพกไปได้...มีอะไรก็ว่ามา”
“คดีฆาตกรรมนายมนัส มีพยานให้ปากคำว่าคนสุดท้ายที่อยู่กับนายมนัสก่อนตายคือนายมังกร”
ฉัตรสีหน้าครุ่นคิดสงสัย มังกรไปหานายมนัสทำไมกัน คู่หูแนะให้ไปถามเจ้าตัวเอาเองถ้าอยากจะรู้ ฉัตรปิ๊งไอเดียทันที ครู่ต่อมาฉัตรกับคู่หูมาถึงบ้านของมังกร เพื่อสอบถามเรื่องที่มีพยานให้การว่ามังกรเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับนายมนัสก่อนตาย อยากรู้ว่าไปพบกันเรื่องอะไร มังกรอ้างว่าเรื่องเกิดขึ้นนานมากแล้วจำไม่ได้
“วันนั้นลูกสาวของผู้ตายได้ยินเสียงคุณกับนายมนัสเถียงกัน พอจะบอกได้ไหมว่าเรื่องอะไร”
“ก็บอกแล้วไงว่ามันนานมากแล้ว ผมจำไม่ได้ว่า ไปหามนัสเขาทำไม แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเถียงหรือคุย กันเรื่องอะไร” มังกรชักมีอารมณ์ขึ้นมา ฉัตรไม่ยอมแพ้ ยังคงซักถามต่อไป
เจ้าของบ้านหมดความอดทน ไม่ขอตอบคำถามอะไรอีก สั่งให้อาเพียวไปส่งแขก ฉัตรรู้ทันทีว่าถูกไล่ทางอ้อมจึงลุกออกมากับคู่หู โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าการกระทำครั้งนี้จะนำภัยมาสู่ตัว ขณะทั้งคู่เดินกลับมาขึ้นรถ ไทโทร.มานัดฉัตรให้ไปพบค่ำนี้ที่เดิม มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย...
เย็นวันเดียวกัน ลิลลี่เดินตามแผนการที่โอตี่วางไว้ โดยแวะมาหาพีทที่คอนโดฯที่พัก คอยปรนนิบัติพัดวีให้ พีทพอใจที่มีคนคอยเอาใจ ถึงกับออกปากดีใจที่เราสองคนกลับมาคบกันอีก อย่างน้อยเขาจะได้ไม่เหงา ลิลลี่ไม่เชื่อถามตรงๆแล้วจะเอาปลายฟ้าเลขาฯคนใหม่ของเจ๊พัดไปทิ้งไว้ไหน เขาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะยอมรับ
“คนนี้ฉันชอบมาก และคิดว่าจะแต่งงานกับเธอด้วยซ้ำ แต่เธอไม่เล่นด้วย แต่ฉันยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ จะพยายามต่อไป...ขอโทษที่ต้องบอกกับเธอตรงๆ เราคบกันชั่วคราวไม่ใช่หรือ”
ลิลลี่ยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ มีเสียงมือถือของพีทดังขึ้น โจโทร.มาชวนเขาไปหาอะไรดื่มกันที่ผับเจ้าประจำ เขาตัดสายแล้ววางมือถือไว้บนโต๊ะหัวเตียง
“ฉันจะไปหาอะไรดื่ม ไปด้วยกันไหม”
“ไม่ล่ะ ไม่อยากไปขัดความสุขกับพวกสาวๆของเธอ ฉันว่าจะไปกินข้าวกับเจ๊พัดดีกว่า”
“ก็ดี...ฉันไปแต่งตัวก่อนนะ อ้อ...สงสัยวันนี้เจ๊ไม่ว่างหรอก ไปเยี่ยมเพื่อนที่มาจากเมืองนอกที่บ้านพักตากอากาศของพ่อฉันน่ะ...สงสัยเธอคงต้องบินเดี่ยวแล้วล่ะ” พีทพูดจบเดินเข้าห้องน้ำ ลิลลี่ไม่รอช้าหยิบเมมโมรี่การ์ดที่เตรียมไว้ออกมาแล้วเปลี่ยนกับการ์ดในมือถือของพีท ขณะจะวางคืนที่เดิม เขาเดินออกมาพอดี ชักสีหน้าไม่พอใจ ลิลลี่แก้ตัวว่าแค่อยากดูมือถือเท่านั้น
“อยากดูว่าใครโทร.มาหรือไง”
ลิลลี่ได้ทีรับสมอ้าง “ผู้หญิงไม่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไร มันก็ต้องมีการหึงกันบ้าง”
“ทีนี้เข้าใจความรู้สึกที่เธอทิ้งฉันไปหรือยัง” พีทยิ้มอย่างผู้ชนะขณะที่ลิลลี่แอบยิ้มสะใจ
พัดถึงกับชะงักเมื่อมาถึงบ้านพักตากอากาศแล้วเจอไทอยู่ที่นั่น ไทเองก็นึกไม่ถึงว่าเธอจะมา รีบออกตัว
“ท่านประธานส่งผมมาครับ เดี๋ยวสักพักพอมีคนมาเปลี่ยน ผมก็จะกลับแล้ว”
หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ ดีใจที่ได้เจอเขาอีกครั้งแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ แพรไหมโผเข้ามากอดพัดเสียก่อน ทั้งสองคุยทักทายกันอย่างสนิทสนม แล้วพากันเข้าบ้าน...
ในขณะเดียวกัน แป้งนัดปลายฟ้ามาพบที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อบอกข่าวดีว่าสอบชิงทุนผ่านแล้ว แต่แทนที่เธอจะยิ้มแย้มแจ่มใสกลับหน้าตาหม่นหมอง เพราะอีกไม่นานจะต้องจากเพื่อนรัก ปลายฟ้ากุมมือเธอไว้
“แกคิดว่าฉันจะไม่ตามแกไปหรือ อาทิตย์หน้าก็ถึงคิวฉันสอบแล้ว”
แป้งยิ้มออก “แกต้องเอาให้ได้นะยายฟ้า เราจะได้ไปลุยออสเตรียด้วยกัน”
“แน่นอนอยู่แล้ว เราสองสาวพริตตี้เกรียนจะลุยออสเตรียด้วยกัน” สองสาวต่างยิ้มให้กันมีความสุข กระโดดโลดเต้นไปมาอย่างไม่อายใคร...
ขณะที่ปลายฟ้ายินดีกับความสำเร็จของเพื่อนรัก ไทออกมาดูความเรียบร้อยของมอเตอร์ไซค์ฆ่าเวลาระหว่างรอเปลี่ยนกะกับบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่ง เรียวเข้ามาทัก ท่าทางวันนี้เขาจะรีบกลับ
“ใช่...ฉันมีธุระ”
“ทำไมไม่อยู่คุยกับคุณพัดสักครู่หนึ่งก่อน”
ไทไม่อยากเผชิญหน้ากับพัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอบอดี้การ์ดคนนั้นมาถึง เขารีบส่งมอบงานให้แล้วขึ้นมอเตอร์ไซค์สตาร์ตเครื่องทันที พัดออกมายืนมองไทที่หน้าประตูบ้าน เขาชำเลืองมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจขับรถออกไป พัดมองตามหน้าเศร้า...
ฝ่ายแพรไหมยืนอยู่บนระเบียงบ้าน มองพระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าอย่างมีความสุข คิดถึงวันที่จะได้รับพ่อกลับไปอยู่ด้วยกัน ต่างจากพัดที่ตามมาสมทบลิบลับ ยิ่งเห็นพระอาทิตย์ใกล้ตกทะเลก็ยิ่งเศร้า อยู่ใกล้ไทแค่เอื้อมแต่ดูเหมือนไกลกันสุดขอบฟ้า จังหวะนั้น เรียวเข้ามาเตือนแพรไหมให้เข้าบ้านได้แล้ว
“ขอเวลาเดี๋ยวนะ ไม่ได้มองพระอาทิตย์ที่เมืองไทยมาสิบกว่าปีแล้ว”
เรียวมองสำรวจไปรอบๆไม่เห็นสิ่งผิดปกติ ยอมให้เธออยู่ต่อแล้วเดินเลี่ยงออกมา แพรไหมกระเซ้าพัดอย่างอารมณ์ดีว่า ทั้งสวยทั้งเก่งอย่างเธอ มีแฟนกับเขาหรือยัง พัดอึกๆอักๆ
“เอ่อ...ยังไม่มีใครหลงทางมาเลย”
“ไม่น่าเชื่อ สงสัยวางท่ามาก คนเลยไม่กล้าจีบล่ะสิ” แพรไหมแซวไปหัวเราะขำไปด้วย
“คงงั้นมั้ง ไป...เข้าบ้านเถอะ ฉันจะกลับแล้ว” พัดว่าพลางจูงมือแพรไหมเข้าบ้าน โดยไม่ล่วงรู้เลยว่าเบตตี้กำลังส่องกล้องส่องทางไกลดูอยู่
ooooooo
พีทพลาดมหันต์ไม่รู้ตัวว่าเมมโมรี่การ์ดถูกลิลลี่ฉกไปเรียบร้อย ดันตามไปทวงเงินค่าหัวคิวจากโอตี่ ซึ่งกำลังเตะฟุตบอลอยู่กับคู่ค้ายาเสพติดสองคนกับเหล่าสมุน เขาสั่งให้โอตี่เอาเงินมาให้เร็วๆ มีนัดต้องรีบไป หนึ่งในคู่ค้าบอกให้ใจเย็นๆเป็นแค่หุ้นลม อย่ามาทำเบ่งจะดีกว่า พีทไม่พอใจถามโอตี่ว่าไอ้หมอนี่เป็นใคร
“อ๋อ...เป็นคนที่อยากกระทืบแกน่ะสิ”
“คงยากหน่อยนะ แค่พวกแกหายใจถูกฉัน เพื่อนฉันก็จะส่งคลิปอันนี้ให้ตำรวจทันที” พีทยกมือถือขึ้นมาขู่
“เหรอ...แต่ก็แปลกนะ คลิปแบบแก ฉันก็มีเหมือนกันเป๊ะเลย” โอตี่เย้ยจบเอามือถือที่ฉายภาพได้ยิงไปยัง กำแพง เห็นภาพที่พีทแอบถ่ายเขาไว้ เจ้าตัวหน้าถอดสี รีบเปิดคลิปในมือถือตัวเองดูแต่ไม่พบ ถึงกับร้องเอะอะ
“เป็นไปได้ยังไง”
“ไม่บอก...ไง พร้อมจะโดนกระทืบหรือยัง” โอตี่ ยิ้มกวน จากนั้น ทุกคนต่างรุมสหบาทาพีทสะบักสะบอม แล้วเอาตัวมาโยนทิ้งไว้หน้าบ้านบุ๊น บอดี้การ์ดที่เฝ้าระวังอยู่แถวนั้นรีบวิ่งมาดู ตกใจกับสภาพของนายน้อย...
ขณะที่บ้านบุ๊นกำลังเกิดโกลาหลย่อยๆกันขึ้น ฉัตรมาถึงท่าเทียบเรือข้ามเกาะตามนัด ไทซึ่งรออยู่ก่อนแล้วรายงานทันทีว่านายมนัสยังไม่ตาย เป็นอัมพาตพูดไม่ได้ ทุกวันนี้บุ๊นคอยดูแลรักษาอยู่ ฉัตรถึงกับตะลึง
“แสดงว่านายมนัสถูกยิงแล้วไม่ตาย แต่มีคนจัดฉากว่าตายแล้วเพื่อความปลอดภัยของเขาเอง”
ไทพยักหน้ารับ ห่างออกไปไม่มากนัก อาเพียวซุ่มดูอยู่ด้วยความแปลกใจ ที่เห็นทั้งสองคนรู้จักกัน พยายามเงี่ยหูฟังว่าคุยอะไรกันแต่ไม่ได้ยิน ฉัตรไม่ปักใจเชื่อนักว่าบุ๊นจะเป็นคนดี ช่วยเหลือนายมนัสด้วยความจริงใจจึงขอความเห็นจากไท เท่าที่ทำงานใกล้ชิดกับบุ๊น คิดว่าเป็นคนอย่างไร
“นายบุ๊นเป็นคนเงียบขรึม เดาใจยาก ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีใครรู้ว่าคิดอะไร ชอบเก็บตัวอยู่แต่ในห้องห้องหนึ่ง เป็นห้องที่เขาห่วงมาก คนเดียวที่ได้เข้าไปคือลุงฮวด มือขวาของเขา”
“อยากรู้จังว่าในห้องนั้นมีอะไร” ฉัตรสีหน้าครุ่นคิด บางทีปริศนาของเรื่องนี้ อาจอยู่ที่นั่นก็ได้...
ด้านโอตี่เจ็บใจมากเมื่อได้รับรายงานจากเบตตี้เรื่องลูกสาวของนายมนัส ในที่สุดลุงบุ๊นก็เผยธาตุแท้ว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์ขนาดไหน คิดจะเอาตัวนายมนัสกับลูกสาวไว้ถ่วงดุลพ่อของเขา และสุดท้ายก็จะฮุบที่ดินที่ปากช่องไว้เป็นของตัวคนเดียว เบตตี้เสนอแนะให้จัดการตอนนี้เลยจะได้หมดเรื่อง โอตี่ส่ายหน้าก่อนจะยิ้มเหี้ยม
“ใจเย็นๆ กับคนเจ้าเล่ห์แบบนี้ ต้องให้มันค่อยๆเจ็บ ป่านนี้คงนั่งหยอดน้ำข้าวต้มให้ลูกชายสุดที่รักแล้ว”
ooooooo
ทันทีที่เห็นหมอพินิจออกมาจากห้องนอนของลูกชาย บุ๊นปราดเข้าไปถามว่าพีทเป็นอย่างไรบ้าง เขา ติงว่าบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ทำไมไม่ส่งโรงพยาบาล บุ๊นไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ
“ผมเข้าใจเถ้าแก่...งั้นผมจะทิ้งพยาบาลไว้ให้ดูแลนะ”
“ขอบใจหมอ” บุ๊นว่าแล้วตรงเข้าไปหาลูกชายที่นอนซมอยู่ในห้อง อาฮวดตามไปยืนรอหน้าประตู เห็นสภาพบอบช้ำของนายน้อยแล้วยิ่งแค้น บุ๊นอยากรู้ว่าใครทำกับลูกแบบนี้ และด้วยสาเหตุอะไร พีทน้ำตาคลอ
“โอตี่ครับ...ป๊า...ผมขอโทษ ผมมันอวดดีเอง ผมนึกว่าผมเก่งแล้ว คิดว่าแน่แล้ว แต่มันไม่ใช่ ถึงตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมป๊าทำแบบนี้กับผม ป๊าต้องการสอนผม ต้องการให้ผมเรียนรู้ แต่ผมมันโง่เองครับ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว พักซะ ป๊าเข้าใจแกทุกอย่าง” บุ๊นลูบหัวพีทเบาๆด้วยความรัก แล้วออกจากห้อง จากนั้นเขาสั่งให้อาฮวดเอาคนมาเฝ้าที่นี่เพิ่มอีก อาฮวดทนเก็บความแค้นไว้ไม่ไหวจะไปจัดการมังกรให้รู้แล้วรู้รอด บุ๊นขอให้ใจเย็นๆก่อน ตนเจ็บปวดกว่าเขาหลายเท่านักที่เห็นลูกต้องมาเป็นแบบนี้
“แต่ครั้งนี้ทางโน้นทำรุนแรงเกินไปนะครับ”
“ฉันรู้ แต่บางครั้งเราก็ต้องรอ...รอให้เสร็จเรื่อง ของมนัสก่อน” บุ๊นกำมือแน่น พยายามข่มอารมณ์ไว้...
หลังจากดื่มเบียร์กันไปคุยกันไปพอหอมปากหอม คอ ไทเดินมาส่งฉัตรที่รถ พลันสายตาเหลือบไปเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่ นิ่วหน้าสงสัยแต่ไม่รู้ว่าอาเพียวนั่งอยู่ในนั้น
“รถคันนั้นจอดอยู่นานแล้วนะ”
ฉัตรมองตามสายตาของไทอย่างไม่ใส่ใจ เดาว่า คงเป็นพวกจอดรถงีบหลับ อาเพียวเหมือนจะรู้ตัว ค่อยๆ เคลื่อนรถออกไปไม่ทำตัวมีพิรุธ ไทมองตามรถลึกลับคันนั้นจนลับสายตา รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล
ooooooo
มังกรไม่สบายใจนักเมื่ออาเพียวรายงานเหตุ-การณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟัง ยิ่งรู้ว่าฉัตรกับไทท่าทางสนิทสนมกันมาก เกรงชายหนุ่มจะเป็นสายตำรวจแฝงตัวเข้ามา ลิลลี่กำลังจะไปทำงาน เดินผ่านมาพอดี
มังกรสบช่องเรียกมาถาม “หนูพอจะรู้ไหมว่าบอดี้การ์ดคนใหม่ของลุงบุ๊นเป็นใคร มาจากไหน”
“อ๋อ...เขาชื่อนายไท เคยเป็นเจ้าหน้าที่สวนสัตว์มาก่อนค่ะ”
“ไท...นามสกุลอะไร”
“นามสกุลเขาจำได้ง่ายมาก...ไท ธัญธรณี ลิลลี่เคยเห็นบัตรที่หน้าอกเขาบ่อยๆ”
ทั้งมังกรและอาเพียวถึงกับอึ้งมองสบตากันด้วยสีหน้าเป็นกังวล...
ด้านฉัตรต้องการจะรู้ให้ได้ว่าห้องลับที่ไทว่ามี อะไรอยู่ข้างใน รีบขับรถไปรับคู่หูแต่เช้า เล่าแผนการให้ฟังระหว่างทางไปบ้านบุ๊น คู่หูไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดนี้สักเท่าใด แน่ใจหรือว่าอยากจะทำแบบนี้จริงๆ
“แน่ใจสิวะ ไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือน่ะสิ... เดี๋ยวถึงแล้วเอ็งจอดซุ่มคอยข้าอยู่ข้างนอกก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องบอก ฉันก็ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว” คู่หูยิ้มกวน...
ขณะที่ฉัตรกับคู่หูบ่ายหน้ามายังบ้านบุ๊น เจ้าของบ้านกำลังจะไปเดินออกกำลังกายเหมือนที่เคยทำทุกเช้าโดยมีอาฮวด ไท และบอดี้การ์ดอีกสองคนตามประกบ ก่อนจะไปบุ๊นหันมาสั่งแม่บ้าน
“ฉันจะกลับมากินอาหารเช้าที่บ้านนะ”
แม่บ้านรับคำ มองเจ้านายใหญ่เดินออกจากบ้านไปทางริมชายหาด...
คล้อยหลังไม่นาน ฉัตรมาถึงบ้านบุ๊น บอดี้การ์ดหน้าบ้านจำได้ว่าเป็นตำรวจเพราะเคยเห็นเขามาเมื่อ วันก่อน ถามว่ามีธุระอะไร ฉัตรจะขอพบท่านประธานบุ๊น
“ท่านไม่อยู่ ไปออกกำลังกาย”
“คงไม่ได้ไปทั้งวันมั้ง” ฉัตรตื๊อสุดฤทธิ์จะขอพบบุ๊นให้ได้ บอดี้การ์ดเห็นว่าท่านไปไม่นานอีกครู่เดียวก็กลับจึงยอมให้เขาเข้าไปรอในบ้าน อีกมุมหนึ่งหลังพุ่มไม้ห่างกันไม่มากนัก อาเพียวเข้ามาถามสายสืบของมังกรซึ่งซุ่มดูอยู่ว่ามีเหตุการณ์อะไรไหม
“ท่านประธานบุ๊นไปออกกำลังกาย ตำรวจอ้วนนั่นเข้าไปในบ้าน”
อาเพียวมองเข้าไปในบ้านบุ๊นสีหน้าครุ่นคิด
ooooooo










