สมาชิก

ดุจตะวันดั่งภูผา

ตอนที่ 10

เช้าวันรุ่งขึ้น ระหว่างนั่งรถไปทำงาน พัดต่อว่าเรียวที่รู้เรื่องไทมาตลอด แต่กลับปิดปากเงียบ อยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น เขาอยากจะบอกว่าเป็นเพราะเขารักเธอ ไม่อยากให้เธอสนใจไท แต่ไม่กล้าพูดได้แต่บอกว่าไม่มีเหตุผลอะไรทั้งสิ้นแค่ไม่อยากบอก พัดเลิกเซ้าซี้ เปลี่ยนเรื่องพูด

“นายรู้ไหม นายอยู่ใกล้ชิดฉันทุกวัน แต่ฉันไม่เคยเข้าใจนายเลย ไม่เข้าใจตัวตนของนายด้วยซํ้า”

“เรื่องนั้นไม่จำเป็นสำหรับคุณพัดหรอกครับ เมื่อถึงเวลาคุณพัดก็จะรู้จักผมเอง” เรียวทิ้งท้ายไว้อย่างนั้น แล้วตั้งใจขับรถต่อไป...

ด้านปลายฟ้าเข้างานสายเพราะมัวแต่ยื้อแย่งเงินทอนจากมอเตอร์ไซค์รับจ้างเจ้าเล่ห์ที่ไม่ยอมทอนเงินให้ ยื้อไปยื้อมาจนกระเป๋าใส่เงินของเขาขาด เธอตกใจ รีบยกเงินทอน 5 บาทให้แล้ววิ่งแจ้นเข้าออฟฟิศ ปล่อยให้คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเก็บเศษเงินที่ตกเกลื่อนคนเดียว

สิ่งแรกที่ทำเมื่อมาถึงห้องทำงานของพัด ปลายฟ้าชะโงกหน้าเข้าไปดูว่าเจ้านายมาหรือยัง ถึงกับถอนใจโล่งอกที่เห็นห้องว่างเปล่า รีบจัดผมเผ้ากับเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วคว้านํ้าแก้วใหญ่มาดื่มแก้กระหาย...

ในเวลาไล่เลี่ยกัน อาฮวดกับไทตามประกบบุ๊นเข้าไปในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยมีสายสืบของมังกรซุ่มดูอยู่ไม่ห่าง บุ๊นเข้าไปพบหมอพินิจ ผอ.โรงพยาบาลตามลำพังในห้องทำงาน ไทกับอาฮวดยืนคุมเชิงอยู่ด้านนอก หมอพินิจกระวีกระวาดลุกขึ้นต้อนรับบุ๊น ทักทายด้วยความสนิทสนม

“สวัสดี เถ้าแก่...เป็นไงบ้าง ดูท่าทางแข็งแรงดีนี่ จะตรวจสุขภาพเลยไหม”

“ไม่หรอก วันนี้อยากมาคุยเรื่องนั้น ว่าพอจะเป็นไปได้หรือยัง”

หมอพินิจหุบยิ้ม สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

ที่ด้านนอกห้อง ไทเดินสำรวจไปรอบๆ ก่อนจะหยุดมองออกไปนอกหน้าต่าง อาฮวดก็ทำเช่นเดียวกันแต่คนละฝั่ง ไม่พบสิ่งผิดปกติ หันมาถามไทว่ามีอะไรหรือเปล่า ได้ความว่ามีรถคันหนึ่งขับตามเรามาตลอดทาง ตั้งแต่ออกจากบ้าน อาฮวดถามลองเชิงว่ารู้ได้อย่างไร

“ข้อแรกมันเป็นสัญชาตญาณของคนขับรถ ข้อสองเขาทิ้งระยะห่างจากผมเท่ากันตลอดเส้นทาง และข้อสาม เขาจอดรอดูเราอยู่ที่นั่น” ไทพยักพเยิดไปทางที่รถของสายสืบจอดอยู่ “ลุงคงตอบข้อสี่ให้ตัวเองได้นะ”

“ฉันพอจะรู้ว่าเป็นคนของใคร” อาฮวดสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอาการใดๆ จังหวะนั้น บุ๊นออกจากห้องโดยมีหมอพินิจตามมาส่ง เขาขอบใจหมอมากที่เป็นธุระเรื่องนั้นให้

“ไม่เป็นไรเถ้าแก่ ผมขอตรวจอาการอย่างละเอียดอีกครั้งแล้วจะรีบดำเนินการทันที”

บุ๊นพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินจากไปโดยมีไทกับอาฮวดตามประกบ ครู่ต่อมา ขณะไทขับรถมาตามเส้นทาง มองกระจกส่องหลังเห็นรถสายสืบของมังกรยังคงสะกดรอยตาม จึงแจ้งให้บุ๊นทราบ

“มีคนตามเรามาตลอดทางเลยครับ”

บุ๊นรู้ดีว่าต้องเป็นคนของมังกร จึงไม่ใส่ใจอะไรนัก สั่งให้ไทขับรถต่อไปตามปกติ

ooooooo

เรียวตามมาคุ้มกันพัดถึงห้องทำงานต้องแปลกใจที่เห็นปลายฟ้านั่งอยู่ที่โต๊ะเลขาฯ และยิ่งแปลกใจมากขึ้นเมื่อพัดแนะนำว่านี่คือเลขาฯคนใหม่ของตน ทั้งคู่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนแต่ไม่มีใครพูดอะไร จากนั้น พัดสั่งปลายฟ้าให้ตามเข้ามาในห้องเพื่อมอบหมายงานให้

“เดี๋ยวเธอเอาเอกสารจากเมืองจีนทั้งหมดนี่แปลเป็นภาษาไทยแล้วส่งไปตามฝ่ายที่เกี่ยวข้อง บอกเขาว่าเป็นข้อมูลที่จะใช้ประชุมกับพวกคนจีน” พัดสั่งเสร็จ นึกอะไรขึ้นมาได้ ถามปลายฟ้าว่า ถ้าได้เจอหัวหน้าของเธออีกครั้ง จะบอกเขาว่าอย่างไร ปลายฟ้างงที่อยู่ๆเจ้านายสาวพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่ก็ตอบ

“เอ่อ...คงไม่มีคำพูดหรอกค่ะ...แค่ได้เจอกันก็ดีแล้ว” เธอยิ้มสดใส ก่อนจะหยิบเอกสารทั้งหมดออกไป

พัดมองตาม สัมผัสได้ว่าเธอมีใจให้ไทเต็มๆ ก็รู้สึกหึงหวงขึ้นมา...

ขณะที่โอตี่กำลังอยู่ในวงล้อมของสาวๆ เบตตี้มาถึงไม่พูดพล่าม โวยวายลั่นว่าผู้หญิงที่เขาให้ตามหา ไปอยู่เมืองนอกตั้ง 10 กว่าปีที่แล้วไม่เคยกลับเมืองไทยอีกเลย ถ้าเขาอยากจะให้เธอเก็บกวาดก็ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มให้ เพราะเธอต้องเดินทางไปอเมริกา ซึ่งก็ยังไม่รู้เลยว่าอยู่ตรงไหนของประเทศ โอตี่สีหน้าฉงนขึ้นมาทันที

“นังนั่นอยู่ไกลตั้งอเมริกา ทำไมลุงบุ๊นถึงแน่ใจว่ายังถือไพ่เหนือกว่าและก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่ได้ติดต่อกันหรือเปล่า...เอ...เราจะรู้ได้อย่างไรนะ” โอตี่ถามลองเชิง เบตตี้ตอบโดยไม่ต้องคิดว่าต้องดักฟังโทรศัพท์ของบุ๊น

“ถูกต้องแล้วครับ” โอตี่ตะโกนลั่น ทำท่าเหมือนพิธีกรเกมโชว์ เบตตี้ถึงกับส่ายหน้าระอาที่เขาบ้าไม่เลิก...

ระหว่างที่มังกรกับโอตี่เริ่มรุกบุ๊นหนักข้อขึ้นทุกที ฉัตรได้รับรายงานจากคู่หูว่ารู้ชื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่เข้าไปพัวพันกับคดีที่ดินที่ปากช่องแล้ว คือ เทอด ธัญธรณี เป็นป่าไม้อำเภอในสมัยนั้น ฉัตรสะดุดหูทันที

“ธัญธรณี...นามสกุลนี้คุ้นๆ แล้วนายเทอดตอนนี้อยู่ไหน”

“ถูกลอบยิงที่บ้านพัก เมื่อ 14 ปีก่อน เข้าใจว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องนี้”

“ข้าคุ้นๆนามสกุลนี้ว่ะ เหมือนกับเคยเห็นที่ไหน” ฉัตรสีหน้าครุ่นคิดสงสัย...

ในเวลาเดียวกัน พีทอดแปลกใจไม่ได้ที่อยู่ๆ ลิลลี่โทร.นัดให้มาเจอที่บาร์เหล้าภายในสปาหรูแห่งหนึ่ง ตั้งแต่เธอบอกเลิกเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ทั้งๆที่เธอทำงานอยู่ที่เดียวกับพี่สาวของเขา พีทยังคงไว้ท่าถามเสียงเข้มว่ามีธุระอะไร ลิลลี่แค่อยากจะกลับมาคืนดีด้วย เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

“นี่เธอทำสปาจนเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย เธอเป็นคนทิ้งฉันไปแล้ว อยู่ดีๆก็อยากจะกลับมาคบกันใหม่ ฉันไม่ใช่ดอกไม้ริมทางนะ”

“ไม่อยากคบก็ไม่เป็นไร ท่าทางเธอมีคนอื่นอยู่นี่” ลิลลี่ยักไหล่ ไม่สนใจ

“แน่นอน...ผู้หญิงของฉันมีเยอะแยะ...แต่...ตอนนี้ไม่เหลือใครเลย คบกับเธอสักพักคงไม่เป็นไรมั้ง ฉันไปทำงานก่อนล่ะ คืนนี้ค่อยมาทบทวนความสัมพันธ์กันใหม่” พีทพูดจบกลับออกไป ลิลลี่ยิ้มพอใจ

ooooooo

ขณะที่แผนจุดถ่านไฟเก่าระหว่างลิลลี่กับพีทที่มังกรวางไว้สำเร็จด้วยดี โอตี่กำลังแนะให้พ่อลุยกับลุงบุ๊นไปเลยจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว มังกรไม่เห็นด้วย

“แกก็รู้ว่าพี่ใหญ่ยังถือไพ่เหนือกว่าฉัน ฉันต้องแน่ใจว่ามันจะไม่มีอะไรปูดขึ้นมาทำให้ฉันต้องลำบากใจอีก”

โอตี่เชื่อว่าลุงบุ๊นกำลังลักไก่พวกเราเพราะลูกสาวของนายมนัสอยู่เมืองนอกและไม่เคยส่งข่าวหรือติดต่อกับเขาเลย มังกรนิ่วหน้าสงสัย ถ้าเช่นนั้นพี่ใหญ่เอาอะไรมาต่อรองกับตน คนอย่างเขาไม่เคยเอาอากาศมาต่อรอง นี่ต้องเป็นเรื่องจริง และบุ๊นมั่นใจว่าไพ่ใบสุดท้ายนี้จะเล่นงานตนได้ถึงได้แบไต๋ออกมา

“เรื่องนี้กำลังติดตามอยู่ บางทีบ้านพักตากอากาศหลังนั้นอาจจะเป็นไพ่ใบนั้นก็ได้” โอตี่ตั้งข้อสังเกต

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆเราก็เตรียมเกณฑ์ทหาร

ได้เลย แกรีบจัดการให้รู้เรื่องเร็วๆก็แล้วกัน” มังกรสั่งการ...

ที่บริษัทจ้าวหยาง บุ๊นเสร็จจากงานเอกสารตรงหน้า หยิบมือถือขึ้นมาโทร.หาพยาบาลที่เฝ้าไข้นายมนัสถามว่าเรียบร้อยดีไหม

“ค่ะท่าน...ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะอาการไม่มีอะไรผิดปกติ...ค่ะ...ได้ค่ะ”

เบตตี้ดักฟังเสียงสนทนาครั้งนี้ด้วยสีหน้าครุ่นคิด “อาการ...ใครป่วย...หรือว่าในนั้นมีคนป่วย”...

หลังจากนั่งรถกันมาเงียบๆพักใหญ่ เรียวทำลายความเงียบ พูดขึ้นลอยๆว่าท่าทางปลายฟ้าจะยังไม่รู้ว่าหัวหน้าของเธอทำงานที่นี่ พัดยอกย้อนว่ามันไม่ใช่หน้าที่ที่ตนต้องแจ้งเธอไม่ใช่หรือ

“ครับ แต่วันหนึ่งพวกเขาก็ต้องเจอกัน”

“มันเป็นเรื่องของวันหนึ่ง ไม่ใช่วันนี้...เอ่อ...

นายเรียว...นายว่าฉันสมควรจะไปหาไทที่บ้านพักเขาไหม”

เรียวถึงกับสะอึก รู้ทันทีว่าเธอชอบผู้ชายคนนี้มากขนาดไหน ตอบเลี่ยงๆว่าตนไม่มีความเห็น แต่ถ้าท่านประธานทราบ จะเป็นการไม่ดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย

“นั่นแหละ...เขาเรียกว่าความเห็น...กลับบ้านเลยแล้วกัน”

เรียวไม่ค่อยสบายใจนักที่เห็นหญิงที่เขารักเป็น แบบนี้ คิดหาทางทำอะไรบางอย่าง

ooooooo

เย็นวันเดียวกัน หลังจากคุ้มกันบุ๊นกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ อาฮวดชวนไทไปนั่งดื่มเบียร์กันต่อที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่งริมถนน คุยเรื่องสัพเพเหระกันได้สักพัก อาฮวดวกเข้าประเด็นสำคัญ

“ท่าทางคุณพัดจะสนใจนาย เคยรู้จักกันมาก่อนหรือ”

“เคย แต่ก็แค่คนรู้จัก ไม่ได้มีอะไรพิเศษ”

“แต่ฉันรู้สึกว่าคุณพัดไม่ได้คิดแบบนายน่ะสิ”

ชาย หนุ่มยังคงยืนกรานคำเดิมไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษกับเธอ จังหวะนั้น ฉัตรขับรถผ่านมาเห็นพอดี ขับเลยร้านข้าวต้มไปเล็กน้อย แล้วเบนรถจอดข้างทาง ไทยิ่งได้คุยกับอาฮวดมากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกว่าเขามีอะไรบางอย่างคล้ายท่าน ประธาน คือเป็นคนที่ไม่มีใครมองตัวตนที่แท้จริงออก อาฮวดเถียงว่าคนที่ไทมองไม่ออกน่าจะเป็นท่านประธานมากกว่า สีหน้าไทเต็มไปด้วยคำถาม เขาจึงอธิบายเพิ่มเติมว่า

“ถ้าจะพูดกัน จริงๆ ถึงฉันจะอยู่กับท่านประธานมานาน ฉันเองก็ยังไม่รู้จักท่านดีเลย แต่ที่ฉันอยู่มาได้ก็เพราะฉันมองข้ามเรื่องนี้ไปแล้วก็ตั้งใจทำในสิ่งที่ได้ รับมอบหมาย...อย่างจริงใจ”

ไทพยักหน้าเข้าใจ แล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เจอฉัตรดักรออยู่ มีเรื่องจะคุยด้วย เขาอ้างว่าไม่ว่างแล้วทำท่าจะเดินหนี ฉัตรแค่อยากจะถามว่าคุ้นๆนามสกุล “ธัญธรณี” บ้างไหม ไทหันขวับ

“นี่น้าฉัตรจำไม่ได้หรือ...ก็ผมนี่ไง ไท ธัญธรณี น้าเห็นบัตรที่ติดหน้าอกผมทุกวันตอนผมอยู่สวนสัตว์”

“เออ...จริงด้วย มันนามสกุลเอ็งนี่หว่า...แล้วคนชื่อเทอด ธัญธรณี ล่ะ...เอ็งพอจะรู้จักไหม”

“ทำไม หรือ...คนชื่อเทอดมีอะไรหรือ” ไทเสียงเข้มขึ้นมาทันที ฉัตรต้องบอกให้ใจเย็นๆ เรื่องมันยาวและซับซ้อน เอาไว้วันพรุ่งนี้ว่างแล้วให้เขาไปเจอกันที่เดิม และกำชับว่าอย่าลืมถือเบียร์ติดไปด้วย ไทพยักหน้ารับรู้ ทำธุระส่วนตัวเสร็จ ก็ออกไปนั่งดื่มเบียร์กับอาฮวดต่อ...

ที่บ้านของบุ๊น พัดยืนมองพระอาทิตย์ตกทะเลด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย บุ๊นเห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ เข้ามาถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เธอเห็นสีหน้าเอื้ออาทรของพ่อ จึงยอมเผยความอัดอั้นตันใจ

“ถ้าเราจะรักใครสักคน มันจำเป็นต้องมีเรื่องฐานะเข้ามาเกี่ยวด้วยหรือคะ”

บุ๊ นมองออกว่าลูกสาวกำลังกลัดกลุ้มเรื่องความรัก พยายามปลอบ “ไม่หรอก...ความรักมันเป็นเรื่องของจิตใจ ฐานะเป็นเรื่องของวัตถุ...แล้วใครคือผู้ชายที่โชคดีคนนั้นล่ะลูก”

“ไม่มี หรอกค่ะ ผู้ชายคนนั้นไม่รู้ว่าป่านนี้เกิดหรือยัง พัดไม่มีเวลาไปมองใครหรอก คุณพ่อก็รู้ วันๆ มีแต่งานเต็มไปหมด” พัดเลี่ยงไม่กล้าบอก เขารู้ทันว่าลูกกำลังเศร้า ไม่อยากเซ้าซี้...

ด้านปลายฟ้ากลับถึงบ้านพักด้วยความเหนื่อยล้า มองเชลโล่ที่พิงอยู่กับข้างฝาแล้วบ่นพึมพำ

“ว่าไง...ไม่ต้องมามองเลย วันนี้ฉันเหนื่อยคงซ้อมแกไม่ไหวหรอก” พูดจบเธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียง...

ขณะ ที่ปลายฟ้าเผลอหลับไปด้วยความอ่อนล้า พีทกับโจลอบเข้ามาบริเวณโกดังที่โอตี่นำยาเสพติดมาไว้ โจเห็นพีทหยิบมือถือขึ้นมาจะถ่ายคลิปเก็บไว้ เตือนว่าอย่าทำแบบนี้ ขืนโดนจับได้มีหวังเละเป็นโจ๊กโดนระเบิดแน่ๆ พีทเห็นเพื่อนโวยดีนัก เลยใช้ให้ไปถ่ายคลิปเก็บไว้ และกำชับว่าห้ามให้พวกนั้นจับได้ โจจำใจทำตามคำสั่ง โดยที่โอตี่กับพวกไม่ล่วงรู้ว่าถูกแอบถ่าย พองานเสร็จ โจชวนพีทไปดื่มกันต่อ เขาส่ายหน้า

“ไม่ล่ะ...คืนนี้ฉันต้องไปเข้าหอ” พีทยิ้มอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงลิลลี่

ooooooo

กว่า ไทจะกลับถึงบ้านพักเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ต้องแปลกใจปนโกรธเมื่อเจอเรียวนั่งรออยู่ในบ้าน เขาต่อว่า ว่าทำแบบนี้เกินไปแล้ว เรียวอ้างว่าเรื่องของคุณพัดสำคัญกว่าการบุกรุก ไทรำคาญ มีอะไรก็ว่ามาได้เลย เรียวยื่นซองใส่ภาพถ่ายของคุณพัดกับไทเมื่อตอนที่เจอกันครั้งแรกให้

“คุณพัดฝากมาให้นาย มันอาจจะเตือนความจำนายได้บ้าง”

“คุณพัดใช้ให้นายมาแค่นี้หรือ” ไทดูรูปเสร็จก็คืนให้  แล้วไล่เขากลับไปอย่ามายุ่งกับตนอีก เรียวฉุนขาด กระชากคอเสื้อไทเข้ามา

“นายก็รู้ว่าคุณพัดคิดยังไงกับนาย”

“ฉันว่านายก็รู้ว่าฉันคิดยังไงกับคุณพัด” ไทโต้ไม่ยอมแพ้

เรียว หมดความอดกลั้น ชกเปรี้ยง ไทหลบทันแล้วสวนกลับ ทั้งคู่เปิดฉากต่อสู้กันด้วยมือเปล่าไม่มีใครยอมใคร สู้กันตั้งแต่ในตัวบ้านยันไปถึงชายหาด ฝีมือสูสีกันมาก จังหวะหนึ่ง ไทเสียเปรียบถูกเรียวอัดกระเด็น กลิ้งมาหยุดที่เท้าใครบางคน ปลายฟ้าก้มมองชายตรงหน้าชัดๆ พอเห็นเป็นไท ทั้งแปลกใจทั้งดีใจปนกัน

“หัวหน้า...คุณเรียว”

เรียวชะงัก ก่อนจะจ้ำพรวดๆจากไป ไทมองปลายฟ้าด้วยความดีใจ “เจอกันจนได้นะยายบ๊อง”...

ขณะ ที่โชคชะตานำพาให้ไทกับปลายฟ้ามาพบกัน ลิลลี่เพิ่งกลับถึงบ้าน มังกรนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขกร้องทักว่าไปไหนมาจนดึกดื่นเพิ่งจะกลับ เธอไปทำตามที่พ่อสั่ง กลับไปคบหากับพีทอีกครั้ง

“ขอบใจมากนะลูก สมเป็นลูกพ่อจริงๆ เราจะได้ลืมตาอ้าปากสักที” มังกรยิ้มเจ้าเล่ห์ดึงลูกมากอดไว้...

ด้วย ความคิดถึงเต็มหัวใจ ทำให้ไทกับปลายฟ้ามีเรื่องคุยกันตั้งแต่ดึกยันรุ่งสาง เธออยากจะนำข่าวดีนี้ไปบอกน้าฉัตร น้าแป๊ด และหนูเอม แต่ไทห้ามไว้ รอให้ถึงเวลาเหมาะๆก่อน เขาจะเป็นฝ่ายไปบอกพวกนั้นเอง

“ได้...แล้วแต่หัวหน้า เออ...หัวหน้าจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน”

ไทไม่ตอบ กลับย้อนถามเธอด้วยคำถามเดียวกัน ปลายฟ้าจะอยู่แค่เลขาฯคนเก่าของพัดกลับมาเท่านั้นถ้าโชคดีสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศได้ บางทีเราสองคนอาจจะเจอกันที่นั่นอีกก็ได้ ไทยิ้มแหย คิดว่าไม่น่าจะเจอกัน เพราะเขาไม่มีพาสปอร์ต บรรยากาศโรแมนติกริมทะเลยามเช้า ทำให้ปลายฟ้าค่อยๆเอนศีรษะซบไหล่ไทอย่างมีความสุข

“วันนี้ฉันหยุด ทำอาหารกินกันไหม รู้หรือเปล่าตอนหัวหน้าไม่อยู่นะ ฉันหัดทำอาหารตั้งหลายอย่างอร่อยๆทั้งนั้นเลย” ปลายฟ้าคุยอวด ไทว่างานของตนไม่มีวันหยุด แต่ไปสายนิดหน่อยคงจะไม่เป็นอะไร

“เออนี่...ขออะไรสักอย่างหนึ่งสิ...เลิกเรียกฉันว่าหัวหน้าสักทีเถอะ”

“ไม่ได้...ใครเป็นหัวหน้าฉันแล้ว ต้องเป็นตลอดไป จนกว่า...”

“จนกว่าอะไร”

ปลายฟ้าไม่กล้าพูดว่าจนกว่าเราสองคนจะเป็นแฟนกัน รีบเปลี่ยนเรื่องชวนเขาเข้าบ้าน

ooooooo

ไทดื่มกาแฟและคุยกับปลายฟ้าต่ออีกพักใหญ่จนทำให้เข้างานสาย บุ๊นไม่ได้ตำหนิอะไรเนื่องจากวันนี้ไม่ได้ไปไหน ไทขอบคุณเขาแล้วถอยออกมาคุมเชิงอยู่ห่างๆ สักพักอาฮวดเดินนำฉัตรกับคู่หูเข้ามา

“มีอะไรให้ช่วยหรือครับคุณตำรวจ...นั่งก่อนสิ” บุ๊นว่าพลางส่งสายตาเป็นทำนองให้ไทออกไปก่อน

ฉัตรรอจนไทลับสายตา จึงหันมาสอบถามบุ๊นเรื่องนายมนัสและเทอด แต่ไม่ได้อะไรคืบหน้า เขาไม่ให้ความร่วมมือ อ้างว่าไม่มีข้อมูลของทั้งคู่และไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงถูกยิงตาย ที่สำคัญเรื่องนี้เกิดขึ้นนานมาแล้ว ฉัตรจะรื้อฟื้นคดีขึ้นมาอีกทำไม

“เปล่าหรอกครับ แค่คิดว่าบางทีเรื่องที่พวกคุณทำกันขึ้นมามันอาจจะยังไม่จบก็ได้ ผมไม่มีอะไรแล้ว ขอตัวก่อนก็แล้วกัน” ฉัตรทิ้งคำพูดเป็นปริศนาไว้ แล้วเดินนำคู่หูออกไป สวนกับลิลลี่ที่เข้ามาทักทายลุงบุ๊นกับเจ๊กฮวด แล้วเดินเลยเข้าไปหาพัดบนบ้าน อาฮวด มองตามไม่ใว้ใจ บุ๊นรู้ทัน บอกให้ใจเย็นๆก่อน

“ลิลลี่เป็นคนไม่มีพิษมีภัยอะไรหรอก ช่างเขาเถอะ ยายพัดจะได้มีเพื่อนคุย...ช่วงนี้ดูท่าทางเศร้าๆ”...

ทางด้านไทหลบมายืนที่อีกมุมหนึ่งของบ้าน เจอเรียวกำลังนั่งรอพัดอยู่ พยักหน้าให้ราวกับเมื่อคืนไม่ได้มีเรื่องชกต่อยกัน เรียวรู้ตัวว่าล้ำเส้นไปหน่อย เดินเข้ามาขอโทษเขาแบบไว้เชิง

“นายคงไม่ถือสาใช่ไหม ที่ฉันทำอะไรโง่ๆไปเมื่อคืน”

“มันไม่ใช่เรื่องที่น่าจำ มันก็แค่ทดสอบฝีมือ...

ใช่ไหม” ไทยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

เรียวยิ้มตอบด้วยไมตรีเช่นกัน ไทมองออกว่าเขามีใจให้พัด จึงแนะให้บอกเธอว่าคิดอย่างไรกับเธอ จังหวะนั้น ไทเหลือบเห็นฉัตรกับคู่หูเสร็จธุระกับบุ๊นแล้ว จึงขอตัวกลับไปทำหน้าที่ต่อ เรียวมองตามคิดถึงคำแนะของไทเมื่อครู่ เขาเองก็อยากบอกพัดตั้งนานแล้ว เพียงแต่มันคงยังไม่ถึงเวลา...

บนระเบียงห้องของพัด หลังจากได้ฟังพัดเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับไท ลิลลี่ถึงกับตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่ นึกอยู่แล้วว่าเรื่องนี้ต้องจบไม่สวย เพราะท่าทางไทเป็นคนหยิ่งทระนงตน

“ใครบอก...เรื่องมันยังไม่จบสักหน่อย”

“เจ๊หมายถึงอะไร เจ๊ยังไม่จบหรือเขายังไม่จบ แต่ที่เล่ามา เขาก็เจอยายปลายฟ้าปลายฝนแล้วนี่”

“พี่ยังรู้สึกว่าเขายังชอบพี่อยู่ แต่...” พัดพูดยังไม่ทันจบ ลิลลี่ทักท้วงขึ้นมาก่อนว่า เธอควรทบทวนเรื่องนี้ให้ดีๆอย่าหลอกตัวเอง เพราะจะไม่มีใครมีความสุข พัดถูกจี้ใจดำถึงกับสะอึก รีบแดกดันลิลลี่กลบเกลื่อน

“ใช่สิ...ใครจะมีความสุขเท่าเธอ”

“อยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้กลับมาคบกับนายพีทแล้วด้วย เจ๊ว่าสุขยกกำลังสองไหมล่ะ”

พัดถึงกับใบ้รับประทาน เพราะไม่เชื่อว่าน้องชายตัวเองจะจริงจัง และลิลลี่จะจริงใจ

ooooooo

ระหว่างนั่งรถกลับที่ทำงาน ฉัตรอดเป็นห่วงไทไม่ได้ เพราะดูอย่างไรเจ้านายคนใหม่ของเขาก็ไม่ใช่คนสะอาด กลัวเขาจะพลาดเข้าสักวัน คู่หูแนะให้ฉัตรรีบปิดคดีที่บุ๊นพัวพันอยู่เร็วๆเผื่อจะช่วยไทได้

“ปิดยังไง ยังไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรสักอย่างข้าอยากได้เอกสาร ภาพถ่ายของบุ๊นมาดูเผื่อจะได้อะไรบ้าง”

“ก็ขอหมายศาลเข้าไปค้นสิ” คู่หูเสนอ ฉัตรยังขอตอนนี้ไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานเพียงพอ คู่หูนิ่งคิดไปอึดใจ ก่อนจะบอกให้เขาลองไปขอความช่วยเหลือจากไทดู ฉัตรสีหน้าครุ่นคิดคล้อยตาม...

สายวันเดียวกัน พีทส่งคลิปวีดิโอตอนที่โอตี่ขนยาเสพติดเมื่อคืนไปให้เจ้าตัวดู อึดใจก็โทร.เข้าไปหาโอตี่แค้นสุดๆแต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ถามว่าถ่ายคลิปนี้ไว้ทำไม

“ฉันมาคิดๆดูแล้ว รายได้แกมันมากมายมหาศาล ก็เลยอยากจะขึ้นค่าเช่าที่”

“โธ่...คิดว่าเรื่องอะไร เรื่องนี้ตกลงกันได้ ที่ไหนเมื่อไหร่ว่ามาเลย” โอตี่แสร้งใจกว้าง

“ว่างแล้วจะโทร.ไปนัด ตอนนี้ดูคลิปไปพลางๆก่อนนะ”พีทหัวเราะร่วน ก่อนจะวางสาย โอตี่แค้นใจมากคิดหาทางพลิกวิกฤติ...

ฝ่ายพัดลงทุนไปดักรอไทหลังเลิกงาน เพื่อจะปรับความเข้าใจ เขากลับหลีกเลี่ยงไม่เผชิญหน้าด้วย เธอได้แต่มองตามไทจากไปด้วยสีหน้าหม่นหมอง โดยไม่เห็นว่าเรียวแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่งอย่างสงสารและเห็นใจ...

ครู่ต่อมา ไทมาถึงท่าเทียบเรือข้ามเกาะตามที่นัดไว้กับฉัตรโดยมีถุงใส่ของติดมือมาด้วย ฉัตรคว้าถุงหมับเพราะคิดว่าเป็นเบียร์ ข้างในกลับเป็นนมกล่อง ไททำท่าตกใจ อ้างว่าคนขายหยิบให้ผิด

“เอ็งเอาเองเถอะ...ข้าอดนมมาจะ 50 ปีแล้ว”

ไทยิ้มๆหยิบกล่องนมขึ้นมาเปิดดื่ม “น้าถามถึงคนที่ชื่อเทอด ธัญธรณี ทำไม”

ฉัตรขี้เกียจเล่า เรื่องมันยาวและซับซ้อนมาก แค่บอกมาว่าเทอดเป็นอะไรกับไทถึงได้นามสกุลเดียวกันพอรู้ว่าเทอดเป็นพ่อของไท ฉัตรถึงกับตะลึง ไม่รู้มาก่อนว่าพ่อของไทเป็นถึงข้าราชการป่าไม้ระดับสูง

“ช่างเถอะ...แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย”

“ข้าจะเล่าพอสังเขป เรื่องนี้เป็นเรื่องทุจริตที่ดินที่ปากช่องพันกว่าไร่เมื่อ 14-15 ปีที่แล้ว มีตัวละครหลักอยู่สี่ตัวคือ นายบุ๊น นายมังกร นายมนัส และนายเทอดพ่อของเอ็ง ว่ากันว่าเรื่องนี้พ่อเอ็งน่าจะถอนตัวเพราะรู้สึกไม่ชอบมาพากลเลยถูกสั่งเก็บ เรายังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครแต่ถ้าจะให้เดาก็น่าจะเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด”

“น้าพอจะรู้ไหมว่าตอนนี้โฉนดอยู่กับใคร”

ฉัตรคิดไม่ออก ถ้าไม่ใช่บุ๊นก็ต้องเป็นมังกร ไทตั้งข้อสังเกตหรือว่าอาจจะเป็นนายมนัส เขาไม่คิดว่าจะใช่เพราะนายมนัสตายไปนานแล้ว ไทถามเสียงเครียดว่าจะให้ทำอย่างไรก็ว่ามาได้เลย

“ใจเย็น...เรื่องนี้เอ็งต้องนิ่งเอาไว้ก่อน รอให้ข้าสืบชัดเมื่อไหร่ ค่อยใส่เต็มแม็กฯ”

“น้าว่านายบุ๊นจะรู้หรือเปล่าว่าผมเป็นลูกพ่อ” ไทมองฉัตรอย่างรอคำตอบ

ooooooo

ตกค่ำ พีทนัดโอตี่ไปพบที่ผับแห่งหนึ่ง ต้องการแบ่งรายได้จากการค้าเครื่องในวัวยัดใส่ยาเสพติดของเขา 50 เปอร์เซ็นต์ของสินค้าแต่ละเที่ยว โอตี่แทบกระอักเลือด แต่ฝืนยิ้ม

“โธ่...นึกว่าอะไร แต่ 50 น่ะ มันไม่มากไปหน่อยหรือ ฉันลงทุนทุกรอบนะ ฉันให้แก 30 ถ้าไม่เอาก็จบ”

พีททำเป็นนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบตกลง โอตี่แสร้งยื่นมือให้จับเป็นสัญญาลูกผู้ชาย แล้วเดินนำเบตตี้กับสมุนกลับมาที่รถ เบตตี้เตือนเจ้านายว่าคนอย่างพีทไม่น่าไว้วางใจ ควรจะจัดการให้สิ้นซากไปเลย

“ปล่อยมันไปก่อน ให้ฉันหาทางเอาเมมโมรี่การ์ดที่มันถ่ายเอาไว้มาได้ก่อน มันหลังหักแน่” โอตี่ขบกรามแน่นด้วยความแค้น...

ในเวลาต่อมา ไทมาถึงบ้านพักของปลายฟ้าตามนัด แต่เห็นกับข้าวเพียงอย่างเดียวตั้งอยู่บนโต๊ะอาหารถึงกับบ่นอุบว่าเมื่อไหร่จะได้กิน หิวจนท้องกิ่วแล้ว

“หิวก็เข้ามาช่วยกันทำสิ...ฉันมือเป็นระวิงแล้ว”

ไทยังไม่ทันจะขยับไปไหน มีกลิ่นอาหารไหม้โชยออกมาจากในครัว ปลายฟ้าตาเหลือก ร้องเอะอะลั่นสตูเนื้อของเธอสงสัยจะไหม้ แล้วรีบวิ่งเข้าบ้าน ไทจะเดินตามแต่เหลือบไปเห็นพัดยืนมองอยู่ที่ชายหาด เดินเข้าไปถามด้วยอาการนอบน้อมว่ามีธุระอะไรกับเขาหรือ เธอไม่มีธุระอะไร แค่อยากจะมาเจอเขาเท่านั้น

“คุณพัดครับ ผมไม่เหมาะสมกับคุณหรอก”

“ทำไม...เพราะฉันอยู่ในฐานะที่ดีกว่าหรือ”

“ไม่ใช่ครับ...เพราะผมไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะยืนเคียงคู่คุณต่างหาก อย่างผมเป็นได้เต็มที่ก็แค่ลูกจ้างที่คอยดูแลคุณเท่านั้น” ไทตัดบัวไม่ให้เหลือเยื่อใย แต่พัดยังคงดื้อดึงไม่ยอมแพ้ สุดท้ายเขาจำต้องตัดบท

“เราอย่ามาเสียเวลาในเรื่องที่มันมองไม่เห็นตอนจบเลยครับ”

พัดถึงกับอึ้ง จังหวะนั้น ปลายฟ้าออกมาจากครัว ไม่เห็นไท จึงออกตามหา เจอทั้งคู่กำลังยืนคุยกันอยู่ที่ชายหาด รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกที่คอน้ำตาเริ่มเอ่อ ทั้งสามคนต่างจ้องมองกันนิ่ง ปลายฟ้าน้อยใจ หันหลังกลับ

“แล้วปลายฟ้าล่ะ คุณรู้สึกอย่างไรกับเธอ”

“เธอ...เป็นเพื่อนผม” ไทพูดไม่เต็มปากนักพัดเองก็รู้ว่าเขาปากกับใจไม่ตรงกัน น้ำตาเริ่มเอ่อ เขาไม่อยากเห็นน้ำตาผู้หญิงกลัวใจอ่อน จึงขอตัวกลับ เธออยากจะรั้งเขาไว้ แต่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ ได้แต่ปล่อยให้เขาเดินจากไป เรียวซึ่งเห็นเหตุการณ์โดยตลอด เดินเข้ามาหาพัด

“เขายืนยันเหมือนเดิม”

“ฉันไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ” พัดยืนมองทะเลที่มืดมิด ปล่อยให้น้ำตาไหลพราก

ooooooo

ปลายฟ้ากลับมานั่งซึมน้ำตาคลอเบ้าอยู่ในครัว นึกน้อยใจเรื่องไท และคิดว่าตัวเองไม่มีอะไรสู้พัดได้ สักพักไทตามเข้ามา

“มานั่งทำอะไรอยู่ล่ะ ยายบ๊อง...ฉันหิวแล้วนะ”

ปลายฟ้าปาดน้ำตาทิ้ง หันมายิ้มด้วยความดีใจ “หัวหน้า...หิวก็มาช่วยกันทำสิ”

ทั้งคู่ช่วยกันทำอาหารไปหยอกล้อกันไปอย่างมีความสุข ในที่สุดอาหารสารพัดชนิดทยอยออกมาตั้ง

บนโต๊ะ เทียนถูกจุดขึ้นรอบบ้าน ต่างฝ่ายต่างป้อนอาหารให้กันสนุกสนาน จากนั้นปลายฟ้าหยิบแชมเปญขึ้นมาเปิด ไทสงสัยไปเอามาจากไหน

“บ้านที่ไปสอนดนตรีเด็ก เขาให้มาตั้งนานแล้วกะว่าจะเอาไว้เปิดตอนสอบชิงทุนได้ แต่วันนี้เป็นวันสำคัญกว่า” ทั้งคู่มองสบตากันลึกซึ้ง แล้วยกแก้วแชมเปญขึ้นชนกัน ดื่มฉลองให้กับการได้พบกันอีกครั้ง

“ฉันมีอะไรจะให้หัวหน้าด้วยล่ะ...ยืนขึ้น แล้วหลับตาด้วย”

ไททำตามอย่างว่าง่าย ปลายฟ้าเดินไปหยิบเนกไทที่ซื้อไว้เมื่อตอนกลางวันมาผูกให้เขา แล้วบอกให้ลืมตาได้ เขาก้มมองเนกไทเส้นสวยที่คอ ยิ้มชอบใจ

“ขอบใจนะ...ฉันไม่มีอะไรให้เธอเลย”

“ใครบอก นี่ไง...หัวหน้าให้ฉันมาตั้งเกือบสองปีแล้ว” ปลายฟ้าโชว์สายเชลโล่ที่เขาซื้อให้

“นี่เธอยังเก็บไว้อีกหรือ”

“แน่นอน...ฉันจะใช้มันเดินทางไปสู่ปลายฟ้าตามที่หัวหน้าเคยบอก...มา...ดื่ม” ปลายฟ้ายิ้มมีความสุขยกแก้วแชมเปญขึ้นชนกับแก้วของไท หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้อค่ำ ทั้งคู่ชวนกันไปนั่งดื่มแชมเปญต่อที่ริมหาด นั่งฟังเสียงคลื่นกระทบฝั่งไปจิบแชมเปญไปด้วยจนกระทั่งหมดขวด

“หมดก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า”

ปลายฟ้ายิ้มเจ้าเล่ห์ หันไปคว้าไวน์อีกขวดหนึ่งจากด้านหลัง “ยัง...ยังไม่หมด นี่ยังมีไวน์อีกขวด...ลืมบอกไปว่าเจ้าของบ้านเขาให้มาสองขวด ขวดนี้กะเปิดวันขึ้นเครื่องบิน แต่...”

“วันนี้สำคัญกว่า” ไทแย่งพูด ปลายฟ้าหัวเราะชอบใจ รินไวน์ใส่แก้วให้เขาและตัวเอง

ไทมองไปยังทะเลอันมืดมิดเบื้องหน้า “เวลามืดเราก็มองไม่เห็นปลายฟ้า ต้องรอมันจนกว่าจะสว่างเหมือนกับมันต้องการให้เราพักบ้าง...พักจากความเหนื่อยที่ต้องพยายามขวนขวายไปให้ถึงมัน เธอว่าไหม?” ชายหนุ่มหันกลับมาอีกที ปลายฟ้าเมาหลับไปแล้ว...
ด้านโอตี่เซ็งจัด มีเรื่องให้ต้องกังวลมากมาย ไหนจะต้องแบ่งเงินค่ายาเสพติดให้พีท ไหนจะต้องรอดักฟังโทรศัพท์บุ๊น มีการเคลื่อนไหวอะไรหรือเปล่า รอไปรอมาชักทนไม่ไหว ตะโกนขึ้นอย่างเหลืออด

“โอ๊ย...ลุงบุ๊น...โทรศัพท์บ้างสิลุง วันๆจะไม่คุยกับใครเลยหรือไง”

เบตตี้ต้องปลอบให้ใจเย็นๆ พลันเครื่องดักฟังโทรศัพท์ส่งสัญญาณกะพริบเตือนว่ามีการโทร.ออก ทั้งคู่

คอยฟังอย่างตั้งใจ ได้ยินเสียงบุ๊นถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นมีเสียงตอบจากหญิงสาวว่าอาการของชายปริศนาคนนั้นดีขึ้นมาก พอบุ๊นรู้ว่าเขายังไม่หลับก็ขอคุยด้วย

“เป็นไง...มนัส คิดถึงลูกสาวแล้วใช่ไหม”

โอตี่ซึ่งดักฟังโทรศัพท์อยู่ถึงกับตาโตด้วยความดีใจ “มนัส...กับลูกสาว...ไพ่ใบสุดท้าย”

“ให้ฉันเข้าไปจัดการมันเลยไหม” เบตตี้เสนอตัว โอตี่ห้ามไว้ เราต้องหาตัวลูกสาวนายมนัสให้เจอเสียก่อน นักฆ่าสาวชักหงุดหงิดเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าต้องไปหาถึงอเมริกา เขายังไม่ได้พูดสักคำว่าจะให้ไปตามถึงที่โน่น คนที่จะรู้ว่าลูกสาวนายมนัสอยู่ที่ไหน ต้องเป็นคนที่ลุงบุ๊นไว้ใจ ดังนั้น เขาจะส่งลิลลี่ไปสืบเรื่องนี้เอง

ooooooo

ปลายฟ้าหลับเพลินไปหน่อย ตาลีตาเหลือก ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวแทบแย่ แต่ก็ยังมาทำงานสายจนได้ เธอเคาะประตูห้องเจ้านายเข้าไปเพื่อรับมอบหมาย งานที่จะต้องทำ ลิลลี่ซึ่งนั่งอยู่ในห้องนั้นด้วยทั้งแปลกใจและตกใจปนกันเมื่อรู้ว่าเลขาฯหน้าห้องคนใหม่ของเจ๊พัดคือปลายฟ้า พัดไม่สนใจอาการของลิลลี่ รีบสั่งงานทันที

“ปลายฟ้า...ฉันจะออกไปรับรองลูกค้าจากเมืองจีนที่บอกไว้ เธอไปจัดการเอกสารกับเรื่องสถานที่และอาหารให้เรียบร้อยด้วย แล้วตามฉันไปที่รถ”

ปลายฟ้ารับคำ แล้วออกจากห้อง ลิลลี่มองตาม ก่อนจะหันมองพัดด้วยความเห็นใจ

“แค่เขารู้ความจริงก็แย่แล้ว นี่ยังมีมือที่สามอีก แย่แน่เจ๊เรา”...

ในเวลาเดียวกัน มังกรถึงกับหน้าตื่นเมื่อโอตี่รายงานว่านายมนัสยังไม่ตาย อาเพียวก็ตกใจไม่แพ้เจ้านายเช่นกัน เพราะเป็นคนยิงเขากระเด็นตกน้ำด้วยมือตัวเอง

“ลุงบุ๊นคงเก็บมันมาดูแลมั้ง” โอตี่คาดเดา

“มันอยู่ที่ไหน ผมจะแก้มืออีกครั้งครับคุณชายโอ”

“ไม่ต้อง งานนี้ฉันจัดการเอง หลังจากที่นายมนัสไม่หายใจ เราคงต้องเปิดสงครามกันเสียที” โอตี่ท่าทางขึงขังเอาจริง มังกรเห็นด้วย อยากรู้ว่าลูกจะลงมือเมื่อไหร่ จะได้ตระเตรียมกำลังคนให้พร้อม

“เมื่อเหล็กร้อนได้ที่” โอตี่มองพ่อด้วยแววตา มั่นใจ

ooooooo

ดุจตะวันดั่งภูผา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด