ตอนที่ 16
ลั่นทมกักขังชีพไว้ในสุสาน ให้ออกจากโลงมากินเครื่องเซ่นของตนได้ แต่เขาไม่ยอมกิน...
นอกจากจะกักขังชีพให้อยู่กับตนในสุสานแล้ว ลั่นทมยังบันดาลให้เด็กสองคน หนุ่ยกับโหน่งลูกของนฤมลเห็นชีพในลักษณะเหมือนศพถูกมัดอยู่ในห้องนอน แต่พอเด็กมาเล่าให้พวกผู้ใหญ่ฟังแล้วพากันไปดู กลับไม่พบร่างของชีพ
อุษากับธารินทร์เริ่มหวั่นใจและเชื่อว่าการหายตัวไปของชีพเป็นฝีมือลั่นทม แต่ก็อดระแวงว่าจะเป็นการฆาตกรรมไม่ได้ ทั้งสองพุ่งเป้าไปที่รสสุคนธ์ซึ่งออกจากบ้านตั้งแต่เช้าพร้อมนฤมล
เมื่อทั้งคู่มาค้นหาตัวชีพที่สุสานแต่ไม่พบร่องรอยอะไร อุษาขอร้องวิงวอนลั่นทมแต่ไม่เป็นผล เธอไม่ยอมให้ใครเห็นหรือได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของชีพ ฝ่ายรสสุคนธ์กับนฤมลที่ตั้งใจเอาเครื่องเพชรและทองไปขายแต่กลายเป็นของปลอม เมื่อแน่ใจว่าถูกลั่นทมกลั่นแกล้งจึงตัดสินใจไปหาจรัล หวังให้เขาช่วยปราบผีลั่นทม จรัลไม่ตกลงแต่ให้เงินรสสุคนธ์จำนวนหนึ่งเพราะความสงสาร
แต่แล้วลั่นทมกลับบันดาลให้จรัลหยิบเศษกระดาษแทนเงิน รสสุคนธ์กับนฤมลเลยต้องซมซานกลับมาด้วยความแค้นใจ แม้แต่ค่าแท็กซี่ก็เกือบจะไม่มีจ่าย
สองสาวกลับเข้าบ้านในสภาพอ่อนล้าเหงื่อโซมกาย เหนื่อยและหิวแทบเป็นลม ร้องขอข้าวปลาอาหารจากน้าหวานมากินเพราะหิ้วท้องมาทั้งวัน
“แล้วพวกแกไปทำอะไรกันอยู่ล่ะ ถึงไม่กินข้าวกินปลากัน”
“ก็มัวแต่เสียเวลาไปขายเพชรขายทองชุบน่ะสิ” นฤมลโพล่งขึ้นอย่างเจ็บใจ หวานงงๆ ถามว่าพูดอะไร รสสุคนธ์จึงหันไปคว้ากระเป๋ามาเทเพชรทองกองเต็มโต๊ะ
“เห็นความร้ายกาจของนังลั่นทมหรือยัง”
“หลงดีใจว่าเป็นของจริง...ปลอมทั้งนั้น”
“นี่หมายความว่าแกคิดจะขโมยของคุณผู้หญิงไปขาย”
“ฉันไม่ได้ขโมย ยังไงมันก็ต้องเป็นของคุณชีพของฉันอยู่ดี”
“สมน้ำหน้า แต่เดี๋ยว...แล้วคุณผู้ชายล่ะ ทำไมไม่กลับมาด้วยกัน”
“ป่านนี้ตายไปแล้วมั้ง” รสสุคนธ์กระแทกเสียงแล้วลุกพรวด หวานถามว่าของพวกนี้ล่ะจะทำไง “น้าจะเอาเก็บไปเป็นที่ระลึกก็ได้ ฉันยกให้”
รสสุคนธ์เดินขึ้นชั้นบนอย่างอ่อนเพลีย นฤมลอิ่มพอดีจะก้าวตาม แต่หวานรีบกระชากคอเสื้อไว้
“เดี๋ยวนังมล...เก็บล้างซะด้วย ที่นี่ไม่มีขี้ข้าแก ข้าหาให้กินก็ดีแล้ว หน็อย...กินเสร็จคิดจะชิ่งเชียวนะ เก็บเดี๋ยวนี้” หวานขึงขัง นฤมลเลยไม่กล้าโยกโย้...
หลังจากนั้นหวานนำเพชรทองไปให้อุษา ช่วยกันพิจารณาก็ลงความเห็นว่าเหมือนของจริง แต่ทำไมรสสุคนธ์บอกว่าเอาไปขายมาเป็นสิบๆร้าน ทุกร้านไม่รับซื้อ แล้วบอกว่าเป็นของปลอม
“ถึงษาจะดูเพชรดูทองไม่เก่ง แต่ษาก็พอแยกแยะออกนะคะว่าปลอมหรือไม่ปลอม ษาว่านี่ของจริงทั้งนั้น”
“หรือว่าคุณผู้หญิง...ใช่แล้ว คุณผู้หญิงคงเล่นงานมันอีกแล้ว ท่านคงไม่อยากให้มันได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของมัน ดีเลยค่ะ งั้นคุณษาเก็บไว้นะคะ คุณผู้หญิงคงต้องการอย่างนั้นแน่”
อุษารับฟังหวาน แต่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าลั่นทมจะเล่นงานรสสุคนธ์จริง
ooooooo
ตกกลางคืน นฤมลตื่นกลัวหลังฟังลูกๆเล่าเรื่องเจอชีพในสภาพเหมือนผี เธอวิ่งแจ้นมาเคาะประตูห้องเรียกรสสุคนธ์ บอกว่าผีคุณชีพหลอกหนุ่ยกับโหน่ง
รสสุคนธ์ตกใจมาก วิ่งลงบันไดโดยมีนฤมลตามมาติดๆ ร้องเรียกน้าหวานดังลั่นบ้าน
“น้องรสจะทำอะไร เรียกน้าหวานทำไม”
“ถ้าผัวฉันตายจริงๆขึ้นมาล่ะพี่มล ฉันไม่ใช่อย่างพี่นี่จะได้ให้ผัวตายฟรี ฉันต้องรู้ความจริงเรื่องนี้ให้ได้...
น้าหวาน หูแตกหรือไงนะ”
หวานก้าวฉับๆออกจากห้องมาด้วยความโมโห “อะไรวะนังรส...ดึกดื่นค่อนคืนแล้วจะตะโกนทำไม”
สวาท จิ้มลิ้ม ยาใจ ต่างพากันชักแถวมาที่ห้องโถงเพราะทนเสียงเอะอะโวยวายของรสสุคนธ์ไม่ไหว
“มากันพร้อมเลยก็ดี จะได้ถามให้รู้เรื่องไปเลย พี่มลบอกว่าหนุ่ยกับโหน่งถูกผีหลอกเหรอ จริงหรือเปล่า ถ้าไอ้เด็กปากเสียสองคนมันพูดไม่จริง ฉันจะได้ตัดลิ้นมันซะ”
“น้องรสใจเย็นๆ ลูกพี่ก็อาจจะ...”
“อยู่เฉยๆ พี่มล ฉันถามนังพวกนี้”
“ถ้านังพวกนี้...แกหมายถึงข้าด้วย ข้าก็จะตอบ” หวานเสียงเข้มดุดัน “หนุ่ยกับโหน่งบอกว่าถูกผีคุณชีพหลอก เท็จจริงยังไงไม่มีใครตอบได้ รู้แต่ว่าเจ้าหนุ่ยกับเจ้าโหน่งมันกลัวมาก กลัวเหมือนที่แกกลัวผีคุณผู้หญิงนั่นแหละ”
ยาใจกับจิ้มลิ้มปิดปากหัวเราะ รสสุคนธ์หันขวับมาจ้องตาวาว แต่สวาทเท้าเอวลอยหน้าตอบโต้อย่างไม่กลัว
“ที่น้าหวานพูดน่ะจริง ใครจะพิสูจน์ได้ล่ะว่าเด็กเห็นหรือเปล่า แล้วทำไมแม่รสต้องเดือดร้อนด้วยล่ะ”
“ผัวฉันตายเป็นผี จะไม่ให้ตกใจหรือไง หรือว่าแกอยากให้ผัวแกตายบ้างล่ะ นังหวาด”
“อ้าวนังนี่ มาแช่งกันได้กลางค่ำกลางคืน ถือนะโว้ย... อยากเจอดีหรือไง วันนี้ขอตบปากนังนี่สักฉาดเถอะ”
สวาทเงื้อมือเข้าไป แต่โดนรสสุคนธ์ถีบล้มลงร้องโอย สองมือกุมท้อง ยาใจกับจิ้มลิ้มช่วยกันสกัดรสสุคนธ์จนล้มกลิ้งไปด้วยกัน แล้วตบกันอุตลุด หวานร้องห้ามแต่ไม่มีใครฟัง จนกระทั่งอุษาส่งเสียงมา
“ใครไม่หยุด ฉันไล่ออกจากบ้านแน่”
ทุกคนหยุดชะงัก หันไปมองอุษาที่เดินเข้ามาหน้าตาถมึงทึง
“ตอนฉันถูกนังอ้วนนี่ตบทำไมหล่อนไม่ออกมา... ออกมาตอนนี้ทำไม เข้าข้างกัน หรือว่าจะลองตบกับนังรสดูตัวต่อตัว”
“นังรส แกอย่าก้าวร้าวคุณอุษานะ” หวานปรามเสียงเขียว
“นับถือมันอย่างกับญาติผู้ใหญ่เลยนะน้าหวาน นังอุษามันเป็นญาติข้างไหนของน้าเหรอ มันก็แค่คนอาศัยชายคาคุณชีพอยู่ ต่อไปบ้านหลังนี้ก็ต้องเป็นของฉัน ยิ่งคุณชีพตายก็ยิ่งต้องเป็นของฉันคนเดียว อย่าลืมว่าฉันจดทะเบียนกับคุณชีพแล้ว”
“ที่แท้ก็อยากให้น้าชีพตายจริงๆใช่ไหมล่ะ อยากได้สมบัตินักเหรอ ครบหกเดือนแล้วถ้าทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไขพินัยกรรม บ้านนี้ก็ต้องเป็นของเธอ แต่เมื่อยังไม่ใช่ ก็อย่าเพิ่งทะนงตัว...ส่วนคุณนฤมล ฉันอยากจะขอเตือนนะคะ ทิ้งลูกให้คนอื่นเลี้ยงมันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เด็กจะเห็นผีจริงหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับว่าเด็กถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ขออย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ถ้าพรุ่งนี้คุณชีพยังไม่กลับมา ตำรวจก็คงต้องเข้ามาสอบสวน ยกให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง...แยกย้ายกันไปนอนได้แล้วค่ะ”
อุษาเดินกลับไป รสสุคนธ์มองตาม พึมพำอย่างแค้นเคือง
“ใหญ่คับบ้านเลยนะ รออีกหกเดือนเถอะ แกจะไม่มีที่ซุกหัวนอน ระวังจะตายเหมือนหมาข้างถนน”
“ระวังปากบ้างนังรส”
รสสุคนธ์ไม่พอใจหันมาถลึงตาใส่หวาน สวาททนไม่ไหวคันมืออยากตบคน ยาใจกับจิ้มลิ้มจะร่วมด้วย ทุกคนยินดีเสียค่าปรับถ้าถูกตำรวจจับ
“นี่หยุดนะ ไม่ได้ยินเหรอ ใครก่อเรื่องเป็นต้องถูกไล่ออกไปจากบ้านนี้”
“นึกว่ากลัวเหรอ...ฮึ!” รสสุคนธ์สะบัดเสียงใส่
น้าหวานแล้วเดินกลับขึ้นบันไดไป นฤมลรีบตามประกบ พวกสวาทมองตามทั้งคู่ไปอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย...
รสสุคนธ์เข้ามาในห้อง กระแทกตัวลงที่เตียงนอนแล้วบ่นพึม “ชีพ...คุณไปไหนนะ หอบสมบัติหนีฉันไปแล้วใช่ไหม หรือว่าคุณตายจริงๆ คุณบอกรสสิ รสจะได้แก้แค้นให้คุณ ผีนังลั่นทมมันจะชนะเราไม่ได้”
เธอหงุดหงิดขว้างปาหมอนระบายอารมณ์จนเริ่มหอบ เจ้าคิดเจ้าแค้นอุษาจนสบถออกมาอย่างเกลียดชัง
“นี่ถ้าครบหกเดือนฉันยังไม่ได้อะไรล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกนังอุษา...ทำไมแกต้องเป็นมารฉันไปทุกเรื่องเลยนะ”
ooooooo
อุษากำลังจะนอน ธารินทร์ส่งรูปสวยๆมาทักทายในมือถือ เธอจึงโทร.กลับไปหาเขาและบอกเล่าว่าน้าชีพยังไม่กลับมา แต่รสสุคนธ์กลับมาแล้ว
“รินทร์คะ ษามีเรื่องจะรบกวนรินทร์ ออกเวรแล้วมาหาษาแต่เช้าเลยได้ไหมคะ”
“มีเรื่องอะไรเหรอษา...บอกผมได้ไหม ถ้าร้ายแรงผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“ถ้ามีอะไรร้ายแรง ษาต้องรีบโทร.บอกผมนะ”
“ค่ะ...พรุ่งนี้จะให้น้าหวานทำกับข้าวไว้ให้นะคะ ษาจะรอทานอาหารเช้ากับรินทร์”
วางสายจากแฟนหนุ่มแล้วอุษาลุกมาที่โต๊ะข้างเตียง มองดูเพชรทองที่หวานเอามาให้ พึมพำด้วยความสงสัยว่าน้าลั่นทมต้องการอะไร หรือว่าต้องการให้ตนเก็บของพวกนี้ไว้...
ขณะเดียวกันในห้องนอนรสสุคนธ์ หล่อนกำลังดิ้นรนสองมือบีบคอตัวเอง ได้ยินเสียงลั่นทมขู่อาฆาตจะฆ่าให้ตาย ถ้ายังโลภมากในสมบัติของคนอื่น
รสสุคนธ์ดิ้นรนและส่งเสียงร้องอยู่สักพักก่อนที่นฤมลจะพรวดพราดเข้ามา แต่ไม่ว่าเธอจะเรียกและพยายามแกะมือรสสุคนธ์ยังไง หล่อนก็ไม่ยอมหยุดบีบคอตัวเอง นฤมลเลยตบหน้าเธอไปหลายฉาดเพื่อเรียกสติ
ได้ผลชะงัด! รสสุคนธ์สะดุ้งโหยง ปล่อยมือออกจากคอตัวเองแล้วตวาดด่านฤมลอย่างฉุนเฉียว
“พี่มล! มาตบหน้าฉันทำไม โอ๊ยเจ็บ...นี่พี่จะบ้าไปแล้วเหรอ”
“พี่ไม่ได้บ้า แต่คนที่จะบ้าน่ะน้องรส อยู่ๆนอนบีบคอตัวเองทำไม พี่จะลงไปกินน้ำได้ยินเสียงดิ้นเสียงร้องเลยเข้ามาดู เรียกเท่าไรก็ไม่รู้สึกตัว พี่ก็เลยต้องตบให้สติน่ะสิ”
รสสุคนธ์อึ้งคิด สีหน้าเหมือนนึกได้ รีบคว้ามือนฤมลลากออกจากห้อง คืนนี้ขอนอนกับเธอด้วยคน นฤมลฟังแล้วหน้าเสีย ถามปากคอสั่น
“นี่แสดงว่าน้องรสโดนผีคุณนายลั่นทมเล่นงานเอาใช่ไหม”
“ไม่รู้ ฉันแค่ฝัน ฉันอาจจะคิดมากจนเก็บไปฝันก็ได้”
“ฝันว่าอะไร”
“มันบีบคอฉัน มันบอกจะฆ่าฉัน”
นฤมลผวากระโดดเข้ากอดรสสุคนธ์ทันที “แย่แล้ว คุณนายคงโกรธที่เราเอาเพชรเอาทองไปขาย โอ๊ย ขอ สมาลาโทษด้วยเถอะค่ะ อย่ามาหักคอฉันเลย ฉันไปตามคำสั่งน้องรสนะคะ”
“เอ๊ะพี่มลนี่ เอาตัวรอดเลยนะ”
“ก็พี่กลัวนี่”
“อย่าปอดนะ ก็บอกว่าแค่ฝัน มันไม่ได้มาจริงสักหน่อย ปอดแหกไปได้”
“เขามาทำให้ลูกพี่เห็นผีคุณชีพ บางทีเขาอาจจะเตือนพี่ก็ได้ว่าพี่ไม่ควรโลภ”
“ผีแม่พระชาติไหนเข้าสิงล่ะเนี่ย...ปอดไปได้ เมื่อกี้ฉันแค่ฝัน ไม่มีอะไรหรอก”
พูดขาดคำ เสียงหมาหอนโหยหวนขึ้น สองคนผวาตกใจล้มตัวลงนอนบนเตียงนฤมล แย่งผ้าห่มคลุมโปงกันจ้าละหวั่น...
ooooooo
ทนายไกร ธารินทร์และหมอผันมาถึงบ้านลั่นทมแต่เช้า อุษามีเรื่องสำคัญจะบอก เธอให้ไกรกับชีพตามเธอเข้าไปในห้องแล้วนำเพชรทองให้พวกเขาดู พร้อมทั้งถ่ายทอดคำพูดของหวานที่เล่าให้ฟังเมื่อวานว่ารสสุคนธ์เอาของพวกนี้ไปขายแต่กลายเป็นของปลอม
“ษาไม่อยากเก็บไว้กับตัวเอง รบกวนคุณไกรช่วยเอาไปไว้ในธนาคารเหมือนเดิมได้ไหมคะ”
“ได้ครับ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ”
ทันใดนั้น ทั้งสามคนได้ยินเสียงฉ่ำโวยวายอยู่ข้างนอก รีบวิ่งออกมาซักถามก็ได้ความว่า ฉ่ำต้องการให้ทุกคนไปที่สุสานเพราะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
ทุกคนกรูกันไปหมด ยกเว้นรสสุคนธ์กับนฤมลและลูกๆที่ยังนอนหลับอุตุไม่ยอมตื่น
ภายในสุสาน บริเวณที่ตั้งเครื่องเซ่นมีอาหารหกเลอะเทอะเกลื่อนกลาด ถ้วยชามแตกกระจาย...ชีพถูกลั่นทมบังคับให้ซุกตัวอยู่มุมหนึ่ง ร่างกายขยับไม่ได้ เขาร้องตะโกนตลอดเวลาจนเสียงแหบแห้งแต่ไม่มีใครได้ยิน
“ฉันอยู่นี่...อยู่ตรงนี้ ทำไมไม่มีใครได้ยิน”
วิญญาณลั่นทมอยู่ทางหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย มองกลุ่มของฉ่ำที่พากันเข้ามาสำรวจโดยรอบ
“แม่หวานใช้ให้ผมมาเก็บถาดเครื่องเซ่นอันเก่า แต่พอผมเข้ามาก็เห็นสภาพแบบนี้ครับหมวด”
“นายฉ่ำก็เลยวิ่งโวยวายไปบอกฉันที่ครัว” หวานเสริมขึ้น
“น้าชีพหรือเปล่า เรายังหาน้าชีพไม่เจอเลยนะคะ”
“จริงด้วย หรือจะเป็นคุณชีพ ลองหาดูไหมครับ” ฉ่ำพูดหน้าตาตื่น หวานเชื่อว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ ธารินทร์จึงให้ทุกคนช่วยกันหาให้ทั่ว อาจจะเป็นชีพอย่างที่ว่าก็ได้
ทุกคนค้นหา ฉ่ำเข้าใกล้ชีพทุกทีแต่ไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียง แม้ชีพโมโหโวยวายก็ไร้ผล...หมอผันตามมาทีหลังถามทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้น อุษาปรี่ไปหาสีหน้ามีความหวัง
“คุณลุงหมอมาก็ดีเลยค่ะ น้าชีพอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ”
“พวกเราหาจนทั่วแล้วนะพ่อ แต่ไม่มี”
หมอผันนิ่งคิด แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียด ปรึกษาหารือกัน
“หรือว่าคุณน้าลั่นทมเล่นงานน้าชีพอีกแล้ว แสดงว่าวิญญาณคุณน้าไม่ให้อภัยน้าชีพ”
“แต่ผมยังไม่อยากเชื่อ ผมรู้สึกว่าทั้งคุณชีพทั้งรสสุคนธ์อยากครอบครองสมบัติของคุณลั่นทมเหลือเกิน เป็นไปได้ไหมว่าสองคนนั่นวางแผนจะทำอะไรบางอย่าง”
“มันก็ไม่แน่นะคุณทนาย เรื่องอย่างงี้ต้องพิสูจน์กัน”
“แต่ษาอยากให้ลองวิธีของษา...ติดต่อวิญญาณคุณน้า นะคะคุณลุงหมอ ติดต่อท่านถามท่านดีกว่าว่าใครฆ่าท่านและท่านต้องการอะไร วิญญาณถึงได้วนเวียนอยู่แบบนี้”
ทุกคนนิ่งเงียบ ต่างก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง...ไม่ได้ยินเสียงของลั่นทมที่พูดหนักแน่น แววตาดุร้าย
“ไม่มีประโยชน์หรอกอุษา น้าจะไม่บอกใครทั้งนั้น ตอนนี้น้าต้องการตัวน้าชีพให้อยู่กับน้าในสุสานนี้ตลอดไป”
ooooooo
นอกจากจะบังคับชีพให้อยู่ในสุสานแล้ว ลั่นทมยังหลอกหลอนรสสุคนธ์อย่างหนักด้วยการปรากฏตัวให้เห็นในสภาพน่ากลัว และบางครั้งก็ทำให้เธอกับนฤมลทะเลาะกันเอง
อุษาต้องการให้หมอผันติดต่อกับวิญญาณลั่นทม หมอผันไม่แน่ใจแต่ก็รับปากเธอโดยดีเพราะมีเหตุผลสำคัญคืออยากเห็นหมวดธารินทร์ลูกชายของตนมี
ความสุขเสียที ถ้าอุษายังเป็นห่วงวิญญาณน้าสาวอยู่แบบนี้ ธารินทร์ก็ไม่มีวันสบายใจได้แน่
เมื่อยังไม่มีใครพบเจอชีพ นฤมลยุยงให้รสสุคนธ์คิดมากว่าที่ชีพหนีไปน่าจะร่วมมือกับอุษา และหาทาง กำจัดรสสุคนธ์ภายหลัง เพียงแค่ถ้อยคำของนฤมลไม่กี่คำทำให้รสสุคนธ์คล้อยตามและต้องการตามชีพกลับมา เธอนึกถึงคอนโดฯที่เคยไปใช้ชีวิตด้วยกัน จึงชวนนฤมลออกไปแต่ฉ่ำไม่ยอมขับรถให้ สองสาวเลยต้องพึ่งรถแท็กซี่อีกเหมือนเคย
แต่ครั้งนี้ลั่นทมบันดาลให้รถแท็กซี่ประสบอุบัติเหตุ แล้วพารสสุคนธ์กับนฤมลไปนอนอยู่ในป่าช้ารถยนต์ของโรงพัก ฝ่ายอุษาที่ผิดหวังจากหมอผันซึ่งยังไม่สามารถติดต่อวิญญาณลั่นทมได้ เธอขอร้องหลวงพ่อที่มาบิณฑบาตในตอนเช้าให้ช่วยเจรจากับวิญญาณน้าสาว ปรากฏว่าลั่นทมยอมปล่อยตัวรสสุคนธ์กับนฤมล แต่ยังกักขังชีพอยู่ในสุสานต่อไปโดยไม่มีใครรู้เห็น
แทนที่รสสุคนธ์จะสำนึกและเลิกแช่งชักหักกระดูกวิญญาณลั่นทม เธอกลับโมโหโกรธาลั่นวาจาจองเวรลั่นทมให้ถึงที่สุด
“ทำไมเธอพูดแบบนี้ เธอน่าจะสำนึกในบุญคุณของคุณน้านะ” อุษาทักท้วงด้วยความไม่พอใจ
“สำนึกเหรอ นังลั่นทมมันมีบุญคุณอะไรกับฉัน ฉันต่างหากที่มีบุญคุณกับมัน ถ้าไม่มีฉันป่านนี้คุณชีพคงมีเมียน้อยไปทั่วเมือง”
“ฉันว่ามีแค่เธอก็เกินพอแล้วล่ะ...ฉันขอร้องอย่าด่าว่าคุณน้า ไม่งั้นเธอจะเจอดีอีก”
รสสุคนธ์ทำท่าจะตอบโต้แต่นฤมลห้ามไว้ “ไม่เอาน่าน้องรส...เชื่อพี่เถอะ ยังไงเราก็รอดมาได้แล้วนะ”
“คุณนฤมลพูดถูกครับ ผมว่าเหตุการณ์เมื่อคืนคุณสองคนก็ได้รับบทเรียนมากแล้ว คุณจะทราบไหมว่าถ้าอุษาไม่ขอร้องวิญญาณคุณน้าลั่นทม ป่านนี้ก็คงไม่มีใครเจอคุณแน่ คงเป็นศพอยู่ในป่าช้ารถนั่นแหละ”
“อ้อ สุมหัวกัน จงใจให้ผีมันแกล้งฉันแล้วอ้างบุญอ้างคุณว่าผีนังลั่นทมมีเมตตา...ทุเรศ จำไว้นะ ฉันไม่มีวันให้อภัยมันเด็ดขาด ฉันจะจ้างหมอผีสักสิบคนมาจัดการกับมัน อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะทนได้ไหม”
“ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะน้องรส”
ขาดคำของนฤมล หวาน สวาท จิ้มลิ้ม ยาใจ เดินออกมาจากข้างใน หวานถามหลานสาวว่ามีอะไรกัน แล้วหายไปไหนมาทั้งคืน ธารินทร์ชิงตอบเสียเองว่า
“เดี๋ยวผมเล่าให้น้าหวานฟังเองครับ ให้เขา
สองคนไปอาบน้ำแล้วก็พักผ่อนดีกว่า”
สองสาวก้าวขึ้นบันได นฤมลถูกมือของลั่นทมคว้าหมับที่ข้อเท้าจนเสียหลักเกือบหล่นลงมา
“ว้าย! ใครทำอะไรฉัน...ใคร...บอกมานะ” นฤมลกรีดร้องพลางมองไปข้างล่างก็เห็นทุกคนยืนตะลึงอยู่
“เดินไม่ดีก็โทษผีเหรอพี่มล”
“แต่เมื่อกี้นี้มีคนมาจับขาพี่จริงๆนะน้องรส...มันคงกะให้พี่ตกบันไดตาย”
“เหลวไหล...ฉันไม่กลัวมันหรอก แน่จริงก็ออกมาสิ ฉันไม่กลัวหรอก”
“นังรส...ปากเสีย” หวานปรามเสียงเขียว
“กลางวันแสกๆอย่างงี้ ถ้าเฮี้ยนจริงก็ต้องทำให้ฉันเชื่อสิ”
“รสสุคนธ์...เธออย่าก้าวร้าวต่อวิญญาณคุณน้านะ”
อุษาหน้าตึงไม่พอใจ แต่รสสุคนธ์ไม่ใส่ใจ ก้าวขึ้นบันไดอย่างท้าทาย ทันใดนั้นมือของลั่นทมผลักรสสุคนธ์อย่างแรง!!
รสสุคนธ์เสียหลักกลิ้งลงมา ธารินทร์รีบวิ่งไปประคองไว้ได้ หวานปิดปากตกใจ เช่นเดียวกับสวาท จิ้มลิ้ม และยาใจ
นฤมลหน้าซีด เหลียวมองรอบทิศแต่ไม่เห็นอะไร...รสสุคนธ์ได้สติสะบัดธารินทร์ออกเพราะเสียหน้า แล้วก้าวขึ้นบันไดไปโดยไม่เห็นลั่นทมยืนจ้องมองด้วยแววตาดุดัน อาฆาต
ooooooo
หลังจากผ่านเหตุการณ์ประหลาดชวนขนหัวลุก กันมาหยกๆ นฤมลรีบตามรสสุคนธ์เข้าไปในห้องนอน เอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆว่า
“น้องรส...พี่ว่าเราย้ายไปอยู่ที่อื่นกันเถอะ พี่บอกตรงๆนะว่าพี่กลัว ถ้าวันนี้น้องรสหรือพี่คอหักตายจะว่ายังไง”
“ก็ดีน่ะสิ ฉันจะได้มาหลอกหลอนพวกมัน โดยเฉพาะนังอุษา เอาให้มันกลัวจนขาดใจตายไปเลย”
“แล้วนี่น้องรสยังคิดจะไปหาคุณชีพที่คอนโดฯ อีกหรือเปล่า”
“คงไม่แล้ว”
นฤมลระบายลมหายใจอย่างโล่งอก “ดีแล้วน้องรส พี่ว่ารักษาชีวิตไว้ดีกว่า เงินทองน่ะมันของนอกกาย
ไม่ตายก็หาเอาใหม่ได้”
“เหรอ...ถ้างั้นพี่มลจะเสนอหน้าอยู่ทำไม อยากหาศักดิ์ศรีก็ออกไปหาข้างนอกสิ โน่น...ไปเลย ถ้าใจบุญนัก ไม่โลภ ไม่อยากได้สมบัติของใครก็ไปอยู่วัดซะ ผัวก็ไม่มีแล้ว ฉันจะติดต่อตาลุงสัปเหร่อให้เอาไหมล่ะ”
นฤมลยิ้มแหยเพราะตนไม่มีที่ไป พูดอ้อมแอ้มแก้เก้อว่า “ยังไงก็ต้องกลัวไว้บ้าง โบราณว่าจิ้งจกทักยังต้องฟัง”
“จิ้งจกน่ะฉันฆ่าตายคามือมาหลายตัวแล้ว รู้ไว้ด้วยว่าคนอย่างนังรสลองได้ก้าวไปข้างหน้าแล้วอย่าหวังว่าจะยอมแพ้ มันต้องตายกันไปข้างเลย”
รสสุคนธ์กล่าวจริงจังดุดันเสียจนนฤมลนิ่งเงียบ ไม่กล้าตอแยอีก
ooooooo
ขณะเดียวกันนั้นที่ห้องโถง อุษา ธารินทร์ และหวานนั่งเผชิญหน้ากัน
“ษายังแปลกใจอยู่ดี คุณน้าจะมีอำนาจมากขนาดบังคับร่างกายของรสสุคนธ์กับนฤมลไปที่ป่าช้าได้ยังไง”
“เป็นไปได้สิ อย่าลืมนะคะคุณอุษา คุณผู้หญิงไม่ได้เป็นคนอย่างพวกเราแล้ว แต่ว่าท่านเป็น...”
“เป็นอะไรก็ไม่ต้องพูดหรอกน้าหวาน” อุษาขัดขึ้นจนหวานชะงัก “แต่ถึงคุณน้าจะไม่ใช่คน แต่คุณน้าก็ไม่น่าจะทำแบบนั้นได้ ษาไม่อยากเชื่อ”
“ป่าช้ารถยนต์กับที่เกิดเหตุไม่ได้ไกลกันเลยนะษา ตรงที่ใช้เป็นป่าช้ารถยนต์น่ะทางตำรวจใช้ที่โล่งข้างถนนสำหรับเก็บซากรถที่ยังอยู่ในคดี ท่านอาจจะสะกดจิตทั้งสองคนนั่นให้เดินไปได้”
“เชื่อเถอะค่ะคุณอุษา”
คำพูดของธารินทร์และหวานทำให้อุษานิ่งคิด สีหน้ากังวลใจ
“ถ้าคุณน้ายิ่งมีอิทธิฤทธิ์ ความน่ากลัวของคุณน้าจะต้องมากขึ้น...ษาหวั่นใจจังเลยค่ะรินทร์”
“อะไรเหรอษา”
“สักวันคนที่จะตกเป็นเหยื่อของคุณน้าต้องมีมากขึ้น”
ธารินทร์ชะงัก หวานหน้าตาตื่น เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าต้องเป็นอย่างนั้น!
ooooooo










