สมาชิก

สุสานคนเป็น

ตอนที่ 15

ในเมื่อจรัลพยายามเข้ามาช่วยติดต่อกับวิญญาณลั่นทมให้คลายจากพยาบาทแต่ชีพไม่เชื่อ ทำให้อุษาเสียใจที่ช่วยทั้งคู่ไม่ได้ ส่วนธารินทร์สืบหาคดีอุบัติเหตุและพบว่าข้าวของที่ชีพกับรสสุคนธ์นำออกไปจากบ้านหายไประหว่างเกิดเหตุ

มีพยานรู้เห็นว่าชาวบ้านสองคนเอาสิ่งของนั้นไป ธารินทร์สอบสวนจนเขายอมบอกว่าขุดหลุมซ่อนของมีค่าเอาไว้ พอธารินทร์ไปตรวจสอบกลับพบแต่ความว่างเปล่า ทั้งตำรวจและชาวบ้านที่ยืนยันว่าซ่อนไว้จริงๆ ต่างพากันงุนงงว่าเป็นไปได้อย่างไร

อุษาเชื่อว่าเป็นฝีมือลั่นทม แต่นฤมลกลับคิดว่าธารินทร์ตุกติกมุบมิบเอาสิ่งของเหล่านั้นไว้เองหรือเปล่า

“เรื่องที่ผมเล่าเป็นความจริงทุกอย่างครับคุณนฤมล มีพยานรู้เห็นทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้าน กรุณาอย่าปรักปรำเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างนี้ มันผิดทั้งกฎหมายและจริยธรรม”

นฤมลไม่สนใจ ลุกเดินจากไปอย่างไม่เชื่อ หวานไม่ชอบใจเดินตามหลานสาวเข้ามาถึงในครัว นฤมลเห็นลูกๆของตนนั่งกินข้าวกับพื้น และกับข้าวก็มีแค่ไข่ทอดกับผัดผัก เธอโวยวายเล่นงานพวกสวาทราวกับตัวเองเป็นเจ้านาย ก็เลยโดนพวกสวาทศอกกลับเข้าให้ว่า

“จำใส่หัวไว้นะคุณนฤมล พวกฉันทุกคนรับเงินเดือนจากคุณอุษา ที่ทำกับข้าวให้ลูกหล่อนกินนี่ก็บุญคุ้มหัวหล่อนแล้ว”

“ถ้าอยากให้ลูกกินดีๆ ก็เข้ามาทำเอง ไม่ใช่ทำตัวเป็นคุณนาย...ที่แท้ก็แค่คนอาศัย”

นฤมลโกรธจี๊ด คว้าของใกล้มือเป็นอาวุธเตรียมทำร้ายพวกสวาท แต่หวานเข้ามาปรามเสียก่อน

“พอ นังมล...แกมันก็แค่คนอาศัยอย่างที่เขาพูดจริงๆนั่นแหละ รู้จักเจียมตัวซะบ้าง แล้วก็จำไว้นะ แกไม่มีสิทธิ์ไปต่อว่าคุณอุษากับคุณธารินทร์ ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งนั้น แกกับเขามันคนละชั้นกัน”

“ก็เดินดินเหมือนกันแหละวะ” นฤมลยอกย้อน

สวาทยอมไม่ได้ โกรธแทนอุษา อยากจะตบนฤมลสักฉาดถ้าหวานไม่ขอร้อง

“แม่หวานรู้ไว้เลยนะ นังนี่จะว่าอะไรพวกฉัน ฉันยังอดยังทนได้ แต่ถ้ารู้ว่ามันล่วงเกินคุณอุษาเมื่อไหร่ ฉันไม่ไว้มันแน่”

หวานพยักหน้าก่อนไล่นฤมลออกไป นฤมล

หน้าบึ้งตึงคว้าแขนลูกสองคน...ครั้นพ้นจากครัวมาแล้ว

ลูกคนหนึ่งถามแม่ว่าทำไมเราไม่ไปอยู่ที่อื่น  นฤมลตวาดเสียงเขียวว่า

“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะโหน่ง เราเสียพ่อไปคนหนึ่งแล้ว จะให้แม่ยอมแพ้พวกมันออกไปจากบ้านนี้โดยไม่ได้อะไรติดตัวไปเลยเหรอ แม่ไม่ยอมหรอก ไปๆๆ ไปห้องของเราได้แล้ว”

นฤมลหวังเต็มเปี่ยมว่าต้องได้สมบัติของลั่นทมถ้ารสสุคนธ์กับชีพมีอันเป็นไป เธอจึงไม่ยอมไปไหนอย่างเด็ดขาด...

เช้าวันถัดมา อุษาต้องไปทำงานที่โรงงานจึงฝากหวานเอาอาหารไปเยี่ยมชีพกับรสสุคนธ์ที่โรงพยาบาล เมื่อหวานกับนฤมลมาถึง รสสุคนธ์ขอให้ทั้งคู่พาเธอไปพบชีพที่ห้องพิเศษ เพราะตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุและเข้าพักรักษาตัว เธอกับเขายังไม่ได้เจอกันเลย

ทั้งคู่อาการดีขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะรสสุคนธ์เกือบหายเป็นปกติ แต่ชีพยังมีต้องระวังเพราะกระดูกสันหลังเคลื่อน เดินเหินยังไม่ได้ แต่เขาโวยวายไม่อยากอยู่ที่นี่เพราะลั่นทมคอยหลอกหลอนรังควาน

หวานฟังแล้วอึ้ง แน่ใจว่าเป็นจริงอย่างที่ชีพพูด แต่รสสุคนธ์กับนฤมลไม่แสดงอาการ เพราะงกพอกันเรื่องสมบัติที่ควรจะได้

ธารินทร์เพิ่งมาถึง ชีพถามเขาทันทีว่าจับคนร้ายได้หรือยัง ตนอยากได้เงินและของมีค่าคืน

“จับได้แล้วครับ แล้วก็รู้ที่ซ่อนทรัพย์สินที่ชิงไปจากคุณด้วย แต่พอไปเอาของทั้งหมดกลับหายไปอย่างน่ามหัศจรรย์ ผู้ต้องหาเองก็ตกใจ”

ชีพตาค้าง พอจะรู้สาเหตุ แต่นฤมลยิ้มหยัน หวานเลยหยิกแขนปรามเธอไม่ให้พูดมาก

“นังลั่นทม...เป็นมันแน่ๆ มันจะไม่ให้ฉันเหลืออะไรเลย นังผีบ้า จะตามจองล้างจองผลาญไปถึงไหนวะ” ชีพท่าทีอัดอั้น แล้วละล่ำละลักต่อไปอีก “รส น้าหวาน พี่มล ช่วยไปรวบรวมทรัพย์สินจากบรรดาญาติๆให้หน่อย... บอกว่าไม่เกินหกเดือนฉันจะใช้คืนให้หลายเท่า”

“ญาติที่ไหนล่ะคะ  ทั้งเนื้อทั้งตัวมีพี่เรวัตอยู่คนเดียวก็ตายไปแล้ว ก็เพราะทำงานให้คุณนั่นแหละ”

“อย่ามาพูดมั่วๆนะ ผัวเธอทำตัวเองตายเอง ฉันไม่เกี่ยว” ชีพตวาดอย่างร้อนตัว นฤมลฮึดฮัดจะตอบโต้แต่ถูกรสสุคนธ์ปรามเสียก่อน

“หยุดได้แล้วพี่มล ชีพคะ ตอนนี้เราไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียวเราจะไปไหนได้”

“ก็กลับไปอยู่ที่บ้านสิ จะได้เป็นเพื่อนกัน” นฤมลหาพวก...รสสุคนธ์หน้าเสียไม่อยากกลับไป เช่นเดียวกับชีพที่ร้องโวยวายไม่กลับ ตนไม่ยอมไปเป็นเหยื่ออีผีบ้าอีกแล้ว...

ชีพพยายามจะดิ้น หมอวิ่งเข้ามากับพยาบาล รีบเข้าไปยึดตัวเขาไว้ ธารินทร์ช่วยอีกแรง พยาบาลจึงฉีดยานอนหลับให้เขาสำเร็จ ครู่เดียวชีพก็ตาปรือ แล้วค่อยๆหลับลงเพราะฤทธิ์ยา

รสสุคนธ์สีหน้าเต็มไปด้วยความแค้น หันมาหาเรื่องธารินทร์ว่าเจ้าเล่ห์ไม่เบา จับคนร้ายไม่ได้ก็สร้างเรื่องว่าผีทำ นฤมลรีบผสมโรงทันทีว่าตนจะเล่าเรื่องนี้ให้น้องรสฟังอยู่พอดี

“ถ้าขืนพูดอีก ผมจะจับคุณในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน” ธารินทร์พูดฉุนๆ

“นังมล...ถ้าขืนแกยังไม่ยอมจบเรื่องนี้ ข้าจะไม่ให้แกอยู่ที่บ้าน”

“น้าหวานมีสิทธิ์อะไร” รสสุคนธ์สวนทันควัน

“ข้าน่ะไม่มีสิทธิ์หรอกโว้ย แต่คนที่มีสิทธิ์ก็คือคุณผู้หญิง ข้าพูดอย่างงี้หวังว่าแกสองคนจะเข้าใจ อย่าล้อเล่นกับคุณผู้หญิง”

“ขอโทษครับ กรุณาอย่ารบกวนคนไข้ ถึงคุณชีพจะหลับไปแล้ว แต่ก็อาจรบกวนคนไข้ห้องอื่นได้”

หมอเตือนเสียงเรียบก่อนกลับออกไปพร้อมพยาบาล รสสุคนธ์มองตามตาขวางแล้วหันมาที่ธารินทร์

“หวังว่าคดีนี้จะไม่ล้มนะคะคุณตำรวจ” พูดขาดคำ อุษาเดินเข้ามาพอดี รสสุคนธ์เมินไม่มอง ชวนน้าหวานกับนฤมลกลับห้องของตน นฤมลเข็นรถที่รสสุคนธ์นั่งออกไป ส่วนหวานละล้าละลัง อุษาจึงบอกให้เธอไปกับสองคนนั้น จะได้กลับบ้านพร้อมกัน...

ooooooo

ในห้องคนไข้รวม รสสุคนธ์นั่งหน้าตาบูดบึ้งบ่นเจ็บใจลั่นทมที่อาละวาดหลอกหลอน หวังจะต้อนให้ตนกับชีพจนตรอก หวานฟังแล้วไม่ชอบใจ แต่ก็ข่มใจเตือนหลานสาวด้วยความหวังดี

“รสเอ๊ย...ของของใคร ใครเขาก็ต้องหวง แกก็ยังสาว ยังแส้ เลิกกับคุณผู้ชายเสียเถอะ อะไรๆมันจะได้จบเสียที”

“น้าหวานนี่น่าจะเกิดเป็นน้านังลั่นทมมากกว่านะ เข้าข้างมันอยู่ได้ แหกหูแหกตาดูซะบ้างสิว่ามันทำกับหลานน้ายังไง ฉันเกือบตายคราวนี้ก็เพราะมัน ทำไมน้าไม่ไปสาปแช่งมัน แทนที่จะมาพูดเข้าข้างมันอยู่ได้”

“ที่จริงน้าหวานก็พูดถูกนะน้องรส พี่เองก็ชักกลัวๆ จนไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว”

“ใครจะไปไหนก็ไปเลย ใครจะกลัวนังลั่นทมก็กลัวไป แต่ฉันไม่...คอยดูฉันจะปักหลักสู้กับมัน ตอนเป็นคนมันยังแพ้ฉัน แล้วตายเป็นผีมันจะชนะฉันได้ยังไง ฉันไม่เชื่อหรอก ถ้าฉันได้สมบัติวันไหน ใครที่ไม่อยู่ข้างฉันอย่าหวังจะได้สักแดง”

นฤมลหน้าไม่ดี เปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลัน “พี่ไม่ใช่ไม่อยู่ข้างน้องรสนะจ๊ะ พี่แค่เป็นห่วง ถ้าน้องรสไม่กลัวพี่ก็ไม่กลัวจ้ะ พี่นี่แหละจะต่อสู้เคียงข้างน้องรสเลยเชียวล่ะ”

หวานมองนฤมลกับรสสุคนธ์อย่างเอือมระอาเต็มที...สองคนนี้เป็นไม้แก่ดัดยากจริงๆ

ด้านอุษาที่เห็นสภาพชีพหวาดกลัวแทบเสียสติ เมื่อสักครู่แล้วรู้สึกสลดใจ เธอปรึกษาธารินทร์ว่าจะทำยังไงดีที่จะยุติเรื่องพวกนี้เสียที

“ทุกอย่างมันยุติได้ง่ายๆ แค่น้าชีพกับรสสุคนธ์หยุดความโลภ แต่ษาก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่สุดเหมือนกันที่จะให้สองคนนั่นคิดได้”

“น้าชีพจะหยุดแน่ค่ะ ถ้ารสสุคนธ์ไม่คอยยุ ตอนนี้ษารู้สึกว่าน้าชีพกลัวจนแทบถอดใจแล้ว ยังเหลือแต่รส– สุคนธ์ที่ไม่ยอม”

“ก็นั่นน่ะสิ แล้วใครล่ะที่จะทำให้รสสุคนธ์คิดได้ เสียที”

อุษาตอบไม่ได้ นิ่งอึ้งไปด้วยความหนักใจ

ooooooo

เมื่อรู้ว่ารสสุคนธ์กับชีพจะกลับมาอยู่ที่บ้านลั่นทม พวกสวาทที่จงเกลียดจงชังรสสุคนธ์ก็เตรียมตัว ตั้งป้อมต่อต้าน หวานรู้เห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่าอีกไม่นานบ้านนี้ต้องลุกเป็นไฟอีกแน่

คืนนี้ ชีพถูกลั่นทมหลอกหลอนจนนอนไม่ได้ ส่วนรสสุคนธ์ที่ปากเก่งจะเอาหมอผีมาปราบลั่นทมก็โดนเล่นงานไม่ใช่น้อย แถมท้ายด้วยทั้งคู่ลุกขึ้นมาตบตีกันเองเพราะความเข้าใจผิด...

อุษาไม่ละความพยายามที่จะทำให้ชีพกับรสสุคนธ์ยุติเรื่องราวเพื่อวิญญาณลั่นทมจะได้เลิกอาฆาตพยาบาทสร้างบาป เธอปรึกษาธารินทร์ก่อนจะชวนเขามาเจรจากับชีพที่โรงพยาบาลในเช้าวันรุ่งขึ้น

“ษาจะให้เงินรสสุคนธ์แสนนึงให้ไปจากน้าชีพ แล้วน้าชีพก็ต้องเลิกยุ่งกับรสสุคนธ์ด้วย น้าจะว่ายังไงคะ”

“ตกลง...แต่เธอต้องมาเป็นเมียน้าแทนรสสุคนธ์นะ”

อุษาฉุนขาดตบหน้าชีพเต็มแรง ธารินทร์โมโหเช่นกันแต่เลือกที่จะข่มใจไว้ พูดดีๆกับชีพว่า

“อุษาทำแบบนี้เพราะหวังดีกับน้าชีพ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะรสสุคนธ์ ถ้ารสสุคนธ์ไปจากน้าชีพ ไปจากที่นี่ วิญญาณคุณน้าลั่นทมคงจะสงบ”

“เสียใจ ฉันรักรสสุคนธ์ เราจะไม่ยอมพรากจากกัน”

 “แม้ว่าน้าจะถูกทำร้ายจากวิญญาณคุณน้าลั่นทมหรือครับ น้าชีพไม่กลัวแล้วเหรอ”

“ฉันไม่กลัวมัน อีผีนรก ฉันไม่กลัวมันอีกแล้ว ฉันจะสู้กับมัน”

วิญญาณลั่นทมยืนมุมห้อง สีหน้าแววตาดุดันดุจดั่งผีร้ายที่กำลังจองเวร “คนไม่สำนึก ทำยังไงก็ไม่มีวันสำนึก ปล่อยให้น้าจัดการด้วยวิธีของน้าเถอะอุษา”

ไม่มีใครรู้เห็นว่าลั่นทมอยู่ในห้อง...และอุษาก็ไม่ถอดใจด้วย ธารินทร์จึงแนะนำให้เสนอเงินหนึ่งแสนไปทางรสสุคนธ์น่าจะได้ผลกว่า แต่ติดตรงที่ว่ารายนั้นไม่ชอบอุษา จึงต้องหาคนกลางมาช่วยพูด

 หวยออกที่จรัล! อุษาไว้วางใจให้เขาเจรจา...จรัลมาพบรสสุคนธ์ที่โรงพยาบาล สร้างความประหลาดใจให้เธอเป็นอย่างยิ่ง ถามเขาว่ารู้ได้ยังไงว่าตนอยู่ที่นี่

“เอาเป็นว่าผมรู้ทุกอย่างที่คุณทำก็แล้วกัน ที่ผมมานี่ก็เพื่อจะมายื่นข้อเสนอบางอย่าง”

“ข้อเสนออะไรคะ คุณมาช้าไปแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้รสมีสามีแล้ว และสามีรสก็รวยมากด้วย”

“คุณเข้าใจไปคนละเรื่องแล้ว เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว ตอนนี้ผมมีแค่ความปรารถนาดีให้กับคุณ”

“คุณพูดอะไร รสไม่เข้าใจ”

“พอดีผมติดต่อวิญญาณลั่นทมได้ ผมจึงเป็นห่วงคุณ ผมอยากให้คุณไปจากคุณชีพ”

“จะจ้างให้รสเลิกกับคุณชีพ...เพื่ออะไรคะ”

“ผมไม่ต้องการให้คุณมีอันเป็นไป และไม่ต้องการให้คุณนายลั่นทมสร้างบาปให้ตัวเอง ถึงตายแล้ววิญญาณที่ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ถ้าคุณยอมคุณจะมีเงินไปตั้งตัวหนึ่งแสนบาท”

รสสุคนธ์นิ่งไปนิดก่อนตอบตกลงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จรัลโล่งอก กลับออกมาเล่าให้อุษากับธารินทร์ฟัง โดยไม่รู้ว่าศรีพี่สาวของเขาแอบฟังอยู่ไม่ไกล

ผลจากการแอบฟัง ได้ยินเรื่องราวไม่ครบถ้วนทำให้ศรีเข้าใจผิดคิดว่าจรัลจะให้เงินหนึ่งแสนแก่รสสุคนธ์ เธอจึงบุกเข้าไปต่อว่าหล่อนถึงในห้องว่าอ่อยเหยื่อให้ท่าน้องชายของตน รสสุคนธ์เถียงฉอดๆ หวานกับนฤมลอยู่ด้วยช่วยกันห้ามเพราะเกรงใจคนไข้เตียงอื่นๆ

ศรีกลับออกมาด้วยความโมโห แล้วไปเล่าให้จรัลฟังที่บ้านในคืนนั้น ก่อนจะหน้าม้านเล็กน้อยเมื่อทราบว่าตัวเองเข้าใจผิด เงินแสนที่เสนอไปนั้นไม่ใช่ของจรัล แต่เป็นของอุษาที่ต้องการผลักไสรสสุคนธ์ให้พ้นจากชีพเพื่อวิญญาณของลั่นทมจะได้ยุติความพยาบาท

เมื่อแผนต้องมาสะดุดเพราะความเข้าใจผิดของศรีเสียแล้ว อุษาถึงกับกุมขมับอย่างกลุ้มใจ เร็วๆนี้รสสุคนธ์ต้องตามชีพกลับมาอยู่ที่บ้านอีกเป็นแน่...

หวานพยายามโน้มน้าวให้รสสุคนธ์กลับไปอยู่กับบรรจงผู้ชายที่รักเธอจริง ไปเริ่มต้นใหม่ดีกว่าอยู่กับชีพเพื่อรอวันตาย เพราะคุณนายลั่นทมไม่ยอมแน่

“ไม่! ฉันสู้มาขนาดนี้แล้ว น้าจะให้ฉันถอยง่ายๆเหรอ”

“จริงด้วย ถ้าคิดจะไปจริงๆก็ต้องไม่ไปมือเปล่า”

“นี่นังมล เลิกยุมันซะที ตัวแกเองก็ไม่เข็ดหรือไง ผัวตายไปทั้งคนแล้ว”

“ก็เพราะผัวฉันตายแล้วน่ะสิ นี่น้องรส พูดกันตรงๆ ถ้าเธอได้สมบัติต้องแบ่งพี่บ้างนะ อย่างน้อยก็ถือว่าชดเชยให้พี่เรวัต”

“พวกแกนี่มันยังไง เห็นแก่ได้เห็นแก่เงินจนไม่กลัวตายเลยเหรอ ถามจริงๆ ถ้าแกตายสมบัติที่อยากได้เอาไปได้หรือเปล่า”

“ฉันว่าคุณนายลั่นทมน่ะไม่คิดจะฆ่าน้องรสหรอก”

“เฮอะ คุณผู้หญิงจะเอามันไว้บูชาหรือไง”

“คิดให้ดีๆสิ ถ้าคิดจะฆ่าคงฆ่าไปนานแล้ว แต่นี่ฉันว่าก็แค่หลอกให้กลัว กลัวแล้วจะได้ไปให้พ้นๆไง”

“ที่พี่มลพูดก็มีเหตุผล ฉันก็เคยคิดว่าทำไมมันไม่หักคอฉันให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”

“อาจเป็นเพราะแกยังไม่ถึงฆาตน่ะสินังรส”

รสสุคนธ์ไม่สนใจฟัง ลุกขึ้นจะไปปรึกษาชีพเขา ว่ายังไงก็ว่าตามกัน...หวานมองตามพึมพำอย่างหนักใจ

“คุณผู้ชายก็คงต้องกลับบ้านอยู่แล้ว จะมีปัญญาไปไหนได้ เฮ้อ บ้านเพิ่งสงบได้ไม่กี่วันจะวุ่นวายโกลาหลกันอีกแน่”

ooooooo

ในที่สุดชีพกับรสสุคนธ์ก็หอบสังขารที่ยังไม่หายดีนักกลับมาอยู่บ้านลั่นทมอย่างเดิม แต่ก่อนเข้าบ้านหมอผันได้มาทำพิธีขอขมาวิญญาณลั่นทม โดยให้ทั้งคู่นำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้

ตอนแรกชีพดึงดันไม่ทำตาม แถมยังก่นด่าท้าทายลั่นทมอีกพักหนึ่งก่อนจะยินยอมเพราะคล้อยตามที่ไกรกับหมอผันช่วยกันพูดว่าทำแล้ววิญญาณลั่นทมจะได้เลิกหลอกหลอนและให้อภัยในสิ่งที่ทำผิดไป

ชีพกับรสสุคนธ์ขอขมาลั่นทมแบบขอไปที เพราะความจริงพวกเขาไม่เคยสำนึกอย่างปากพูด ดังนั้นลั่นทมจึงไม่ยกโทษให้ แสดงความโกรธเกรี้ยวบันดาลให้เกิดลมพายุจนทุกคนหวาดผวากันไปหมด บรรดาคนรับใช้กลัวหัวหดถึงกับตัดสินใจขอลาออก

รสสุคนธ์ยินดีไม่มีปัญหาเพราะอยากกำจัดคนพวกนี้มานานแล้ว แต่อุษาขอร้องให้ทุกคนอยู่ช่วยกันก่อน โดยที่เธอจะเป็นคนจ้างเอง ทุกคนจึงอ่อนลงเพราะเห็นแก่อุษา

หลังจากขอขมาลั่นทมแล้ว ชีพกับรสสุคนธ์เข้าใจไปเองว่าเธอให้อภัยถึงได้มีเพชรทองมากมายอยู่ในห้องนอน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนทั้งคู่หนีออกจากบ้านพยายามค้นหาแต่ไม่พบเลยสักชิ้น

รสสุคนธ์ดีใจมากตั้งใจเอาของมีค่าเหล่านี้ไปขาย แต่คืนนั้นจู่ๆชีพก็มาหายตัวไปโดยที่เธอและใครๆในบ้านไม่รู้เห็น ชีพโดนลั่นทมบังคับให้ไปนอนในโลงศพที่สุสานอีกครั้ง เขาโวยวายด่าทอและสาปแช่งลั่นทมด้วยความเคียดแค้นชิงชัง นั่นยิ่งทำให้ลั่นทมผูกใจเจ็บ ตั้งใจจะให้เขาอยู่ที่นี่ตราบนานเท่านาน หรือไม่ก็เอาไปอยู่ด้วยกันอีกโลกหนึ่ง

การหายตัวไปของชีพยังไม่มีใครเอะใจสงสัยว่าเป็นฝีมือลั่นทม ทุกคนช่วยกันตามหาทั่วบ้านแต่ไม่พบ จนกระทั่งหมอผันกับธารินทร์มาที่บ้านและแนะนำให้ไปดูที่สุสาน แต่รสสุคนธ์ไม่เชื่อ คิดว่าชีพไม่โง่ไปที่นั่นอย่างแน่นอน

อุษากับหวานนำเครื่องเซ่นไปที่สุสานตามปกติ แต่วันนี้รู้สึกมีกลิ่นเหม็นกว่าทุกวัน...ชีพนอนในโลงศพร่ำร้องขอความช่วยเหลือแต่ทั้งคู่ไม่ได้ยิน พากันกลับออกมาโดยเร็วเพราะทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว

รสสุคนธ์อยู่ที่บ้านเดินไปเดินมารอชีพเพื่อจะเอาเครื่องเพชรไปขาย แต่เมื่อยังไร้วี่แววจึงยินยอมให้นฤมลไปเป็นเพื่อน หวานไม่รู้ว่าสองสาวจะไปไหนแต่ไม่ยอมให้ใช้รถในบ้าน รสสุคนธ์ฮึดฮัดขัดใจ เปลี่ยนไปเรียกแท็กซี่แทน

สองสาวตระเวนไปตามร้านทอง แต่ไม่ว่าจะกี่ร้านก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าของที่ทั้งคู่นำมาเป็นของปลอม คนขับแท็กซี่ไม่รู้อะไร นอกจากกลัวจะไม่ได้ค่ารถเลยบ่นว่าทำไมไปหลายร้านนัก

“ฉันจะไปไหน ฉันก็มีเงินจ่าย มีหน้าที่ขับก็ขับไป” รสสุคนธ์แว้ดใส่คนขับรถ ขณะที่นฤมลเริ่มกระวนกระวาย กระซิบกระซาบว่า

“แต่พี่ว่ามันชักยังไงๆแล้วนะ หรือว่ามันจะปลอมจริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่านังลั่นทมมันใช้ของปลอม แต่อย่างว่าละนะ พวกผู้ดีมีเงินใช้ของปลอม คนก็คิดว่าจริงหมด”

“ไม่จริง...ฉันไม่เชื่อ”

“เอางี้มั้ย ทองเอาไว้ก่อน เราลองไปร้านเพชรดู”

“ก็ได้ นี่คนขับไม่ไปแล้วร้านทอง ไปร้านเพชรแล้วกัน”

“เอางั้นเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ ได้ยินไหมร้านเพชร ร้านทองไม่ไปแล้ว”

“ไอ้ที่ตระเวนไปแล้วก็ค่าโดยสารเยอะแล้วนะคุณ ว่าแต่พวกคุณมีจ่ายแน่นะ”

“เออน่า ขับไปเถอะ เดี๋ยวบวกเพิ่มให้ ไม่ต้องพูดมาก” รสสุคนธ์กระแทกเสียงหงุดหงิด นฤมลมองกระเป๋าใส่เพชรทองแล้วใจไม่ดี

ooooooo

วิญญาณลั่นทมอยู่ในสุสานแต่รู้เห็นการกระทำของรสสุคนธ์และนฤมลโดยตลอด ที่สำคัญเธอเองที่ทำให้สิ่งของเหล่านั้นกลายเป็นของปลอม!

เมื่อสองสาวไปถึงร้านเพชรก็พบกับความผิดหวังเหมือนเดิม แถมครั้งนี้เจ้าของร้านเพชรโมโหมาก นึกว่าพวกเธอเป็นสิบแปดมงกุฎจะเรียกตำรวจมาจับ นฤมลตกใจลนลานลากรสสุคนธ์ออกจากร้านโดยเร็ว ขึ้นรถปรึกษาหารือกันอย่างกังวล

 “จะเอาไงดีล่ะน้องรส”

 “พี่มลว่าไงล่ะ”

 “หรือว่ามันตาไม่ถึง มันเลยมองไม่ออกว่าของดีหรือไม่ดี”

 “ก็เป็นไปได้...ยังไงรสก็ไม่เชื่อว่าของนังลั่นทมจะปลอม”

“แต่ทองก็ปลอมนะ อย่าลืมสิ พี่ว่าชักยังไงแล้วล่ะ”

 “ไอ้ยังไงของพี่มลน่ะคืออะไร”

 “ก็แบบว่า...ของทุกอย่างปลอมหมดแบบนี้ ไอ้ข้าวของสมบัติทั้งหลายในพินัยกรรมมันไม่ปลอมหมดเหรอ ไม่ใช่ว่าก่อนตายยัยคุณนายลั่นทมยักย้ายถ่ายเทจนหมดแล้วนะ”

 รสสุคนธ์ไม่พอใจกระแทกเสียงใส่นฤมล “รสไม่โง่อย่างนั้นหรอกพี่มล ให้มันรู้ไปสิว่านังลั่นทมมันจะร้ายกาจได้ใจอย่างงั้น...พี่มลพูดแบบนี้ก็ดีแล้ว อีกหกเดือนสมบัติเป็นของคุณชีพทั้งหมด พี่มลก็ไม่ต้องได้อะไรเลย”

 “อุ๊ย ทำไมน้องรสพูดอย่างงั้นล่ะจ๊ะ”

 “ก็ของปลอม พี่มลจะเอาไปทำไม”

 นฤมลยิ้มเจื่อน รีบแก้ตัวว่าตนแค่สันนิษฐาน พูดไปก็เพราะเป็นห่วง

 “ถ้านังลั่นทมมันทำอย่างนั้น คุณชีพต้องพูดให้ฉันฟังบ้าง เรื่องไม่ดีของมันทุกอย่างคุณชีพเล่าหมด ไม่เคยปิดบังฉันเลย”

 “จริงเหรอน้องรส ว่าแต่อะไรบ้างล่ะ”

 “สารพัดแหละพี่มล เขาว่านังลั่นทมขี้เหนียว หน้าเลือด แล้วก็ร้ายน่าดู ที่ชาวบ้านมองมันว่าเป็นแม่พระน่ะ มันเสแสร้งทั้งนั้น จนชาวบ้านหลงเชื่อมากู้เงินแล้วมันก็หาทางยึดที่ดินยึดบ้าน คนอย่างมันน่ะไม่เคยปรานีใคร”

“ไม่น่าเชื่อเลยนะน้องรส”

“เชื่อเถอะ ก็เพราะมันทำแบบนี้ไง โฉนดที่ดินถึงกองท่วมหัว”

“คนเลวๆแบบนี้ น้องรสก็ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้วล่ะ ที่แย่งอะไรต่ออะไรมาจากมัน”

“คนอย่างฉันไม่เคยรู้สึกผิดอยู่แล้วล่ะพี่มล...ของแบบนี้ใครดีใครได้”

วิญญาณลั่นทมนั่งเบาะหน้าคู่คนขับแต่ทุกคนไม่เห็น เธอส่งเสียงว่าเห็นแก่ตัว เลวสิ้นดี!

รสสุคนธ์ได้ยินแว่วๆ เหลียวมองไปรอบตัวแล้วถามนฤมลว่าพูดอะไร พออีกฝ่ายปฏิเสธว่าไม่ได้พูด รสสุคนธ์เริ่มหวาดระแวง มองไปมองมาก่อนจะเห็นลั่นทมนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างตัวเองกับนฤมล

“ว้าย...นังลั่นทม” รสสุคนธ์แผดเสียงตกใจ

“น้องรสใจเย็นๆ ตาฝาดเห็นอะไรอีกล่ะสิ”

รสสุคนธ์กลัวจัดบอกคนขับเสียงร้อนรน “จอดๆๆๆ จอดเดี๋ยวนี้ จอดสิ”

รถยังไม่ทันจอด รสสุคนธ์จะเปิดประตู คนขับเลยต้องเบรกกะทันหัน รถคันที่ตามมาข้างหลังเบรกตามเกือบชนท้าย คนขับหันมาตวาดหญิงสาวอย่างหัวเสีย

“เป็นบ้าอะไรขึ้นมาล่ะ รถจะชนกันตาย เห็นมั้ย”

“น้องรส...กลัวอะไรเหรอ หรือว่า...” นฤมลหันมองรอบตัวกลัวผีลั่นทม รสสุคนธ์ได้สติ มองไปไม่เห็นอะไรรีบกลบเกลื่อน

 “ไม่...ไม่มีอะไรหรอกพี่มล รสแค่เจ็บใจนังลั่นทม คิดขึ้นมาทีไรอารมณ์มันขึ้นทุกที อยากจะไปฆ่ามันให้ตายคามือ”

ลั่นทมปรากฏร่างขึ้นที่เบาะหน้าคู่คนขับ หันขวับมาตอบโต้ว่า

“ก็เธอฆ่าฉันแล้วนี่ เหลือแต่ว่าฉันจะฆ่าเธอเมื่อไหร่ต่างหาก...รสสุคนธ์”

รสสุคนธ์มองไม่เห็น แต่เหมือนได้ยินแว่วๆ เหลียวมองรอบๆ สีหน้าไม่สู้ดี

นฤมลสลัดความกลัว พูดโพล่งขึ้น “โธ่เอ๊ย นึกว่าเรื่องอะไร ยังไงมันก็ตายไปแล้วนี่...ไปสิ จะจอดทำไม เจอร้านเพชรที่ไหนก็จอดให้ด้วย”

คนขับแท็กซี่ส่ายหน้าเบื่อๆ สตาร์ตรถขับออกไปอย่างสุดเซ็ง

ooooooo

สุสานคนเป็น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด