สมาชิก

สุสานคนเป็น

ตอนที่ 11

รสสุคนธ์พาชีพกลับมาที่บ้าน เป็นเวลาที่หวานกำลังตำหนินฤมลว่าทำไมไม่ห้าม ปล่อยให้ทั้งคู่ไปที่สุสานได้ยังไง นฤมลอึกๆอักๆ พอดีเหลือบเห็นรสสุคนธ์ประคองชีพเดินแอ่นหน้าแอ่นหลังมาแต่ไกล

“นั่นไงน้าหวาน มากันแล้ว”

หวานรีบวิ่งออกไป นฤมลกับเรวัตผู้เป็นสามีก้าวตามไปติดๆ

“นี่แกทำบ้าอะไรอีกนังรส พาคุณชีพไปสุสานทำไม” หวานต่อว่าเสียงเขียว

“ฉันไม่ได้พาไป คุณชีพต่างหากที่พาฉันไป...มากันก็ดีแล้ว มาช่วยกันประคองคุณชีพหน่อย เมาจนจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว”

“ม่ายเมา...ใครว่าฉันเมา ม่ายต้องประคอง...ม่ายต้อง” ชีพพูดอ้อแอ้ เรวัตส่ายหน้าน้อยๆก่อนเข้าไปประคอง

จู่ๆมีลมพัดมาค่อนข้างแรง ตามด้วยเสียงหมาหอนโหยหวนชวนขนลุก ทุกคนชะงักมองหน้ากัน หวานรีบพนมมือบอกกล่าว

“คุณผู้หญิงเจ้าขา...ฉันขอโทษแทนคุณชีพกับนังรสด้วยนะคะ อย่าถือสาคนเมาเลยค่ะ เอ้า ยืนตะลึงอะไรกันอยู่ได้ รีบๆพาคุณชีพกลับไปเร็วๆเข้า”

ทั้งหมดรีบพากันไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ลั่นทมปรากฏร่างมองตามไปอย่างโกรธแค้น!

อุษารู้เห็นการกระทำของชีพอย่างสังเวชใจ หลังจากธารินทร์พาหมอผันและต้อยติ่งกลับไป เธอเข้าห้องพักทั้งที่ใจพะวงห่วงความรู้สึกของน้าสาว ถึงแม้ลั่นทมตายกลายเป็นผีแต่อุษาก็ไม่อยากให้น้าต้องสะเทือนใจหรือเป็นทุกข์

ในเมื่อชีพยังไม่สำนึกต่อความผิดที่ทำให้ลั่นทมต้องตายแถมยังใจร้ายก่นด่าสาปแช่งศพเธอไม่เว้นแต่ละวัน และที่สำคัญคืนนี้เขาจัดงานแต่งงานซ้อนขึ้นมาทั้งที่ศพของเธอยังคาบ้าน ทำให้วิญญาณลั่นทมเจ็บช้ำและโกรธแค้นจนทนไม่ไหวแผลงฤทธิ์ใส่ชีพกับรสสุคนธ์จนบาดเจ็บฟกช้ำดำเขียวคนละเล็กละน้อยเพื่อเป็นการสั่งสอน  ไม่ได้เอาถึงตายเพราะเกรงจะเพิ่มบาปเวรให้ตัวเอง

การที่ชีพมีอาการเหมือนคนประสาทหลอนทำให้บรรดาคนรับใช้ในบ้านลงความเห็นกันว่าถูกผีคุณนายลั่นทมเล่นงานเข้าให้แล้ว หวานก็คิดเช่นนั้น จึงขอร้องรสสุคนธ์ให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แต่หลานสาวไม่ฟัง ซ้ำยังยอกย้อนอย่างถือดีว่า

“ทำไมฉันต้องไป นี่มันบ้านผัวฉัน”

“เชื่อข้าสักครั้งเถอะนังรส แกไม่เห็นเหรอว่ามันมีแต่เรื่องแปลกๆ ข้าสังหรณ์ใจชอบกล”

“มันไม่มีเรื่องแปลกหรอกน้า ที่คุณชีพเขาเพี้ยนๆก็เพราะนังอุษามันเอาอะไรให้คุณชีพกิน  ถึงมีอาการประสาท หลอน  มันวางแผนจะให้เรากลัวคิดว่าผีนังลั่นทมอาละวาด แล้วฉันก็ต้องไปจากที่นี่อย่างที่น้ากำลังบอกอยู่นี่ไง”

“คุณอุษาไม่ได้ทำ”

“งั้นใครทำ...น้าเหรอ”

“ไม่มีใครทำทั้งนั้น คุณผู้หญิงท่านคงเอาเรื่องแน่ แกอย่าอยู่ลองดีกับท่านเลย ไปเสียเถอะนังรส”

“ฉันไม่ไป คนที่จะต้องไปจากที่นี่ก็คือนังอุษา” รสสุคนธ์กระแทกเสียงแล้วเดินหนีไปทันที ทิ้งให้หวานกลัดกลุ้มใจ กลัววิญญาณลั่นทมจะอาละหวาดหนักขึ้นไปอีก

แต่สิ่งที่หวานหวาดหวั่นคงไม่เกิดขึ้น เพราะวันนี้อุษาไปทำบุญที่วัดโดยไม่รู้ว่าวิญญาณลั่นทมติดตามไปด้วย แต่หลวงพ่อเห็นจึงตักเตือนไม่ให้ลั่นทมสร้างเวรก่อกรรมเพิ่มบาปให้ตัวเองเพราะกรรมเก่าในชาตินี้ก็มีมากอยู่แล้ว 

วิญญาณลั่นทมรับปากหลวงพ่อ แต่ผ่านไปแค่วันเดียวก็เกือบจะผิดคำสัญญาเพราะอดรนทนไม่ไหวเมื่อรู้เห็นว่ารสสุคนธ์สั่งให้ฉลองลอบเข้าไปปลุกปล้ำอุษาขณะนำเครื่องเซ่นไปให้ลั่นทมที่สุสาน แต่เนื่องจากเป็นเวลากลางวันลั่นทมไม่มีพลังจัดการฉลอง จึงไปดลใจให้ธารินทร์มาช่วยอุษาได้ทันท่วงที

อุษาปลอดภัย ส่วนฉลองถูกธารินทร์เตะต่อยจนบอบช้ำ ซ้ำยังมาโดนพวกนายฉ่ำรุมยำต่อหน้าทุกคนจนสะบักสะบอมโดยไม่ฟังเสียงห้ามของชีพที่ขู่ว่าใครไม่หยุดจะไล่ออก  ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าออกเป็นออก เพราะทนไม่ไหวจริงๆกับความเลวระยำของฉลองที่ทำผิดซ้ำสองทั้งที่ครั้งแรกอุษาให้อภัยแต่มันไม่สำนึก

กว่าทุกคนจะยอมหยุดเพราะอุษาขอร้องฉลองก็น่วมไปทั้งตัว อุษาต้องการให้กฎหมายลงโทษฉลอง  ส่วนธารินทร์เสริมขึ้นด้วยสีหน้าขึงขังว่าคราวนี้ตนต้องเค้นเอาความจริงให้ได้  ใครร่วมมือกับไอ้หมอนี่ตนจะจับให้หมด

ฉลองหน้าเสียแอบมองรสสุคนธ์อย่างขอความช่วยเหลือ  จู่ๆรสสุคนธ์ก็แสดงความโมโหโวยวายไล่บรรดาคนงานในบ้านให้แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน  ไม่ต้องมามุงกันตรงนี้ แต่ทุกคนดึงดันไม่ไป กระทั่งอุษาขอร้องถึงยอมแยกย้าย

หลังจากไล่บรรดาคนงานออกไปหมดแล้ว รสสุคนธ์ก็ตะคอกฉลองอย่างดุดัน

“แกนะแก เลี้ยงไม่เชื่อง ฉันช่วยอะไรแกไม่ได้แล้ว หมวดเอาตัวมันไปโรงพักเลย”

นฤมลกับเรวัตตกใจ ฉลองหน้าซีดหน้าเสียหนักขึ้นไปอีก แต่พอเหลือบเห็นรสสุคนธ์ขยิบตาให้ก็พอจะเข้าใจ

ที่แท้รสสุคนธ์เปิดทางช่วยให้ฉลองหลบหนี ที่ต้องให้บรรดาคนงานไปจากตรงนี้เพราะจะได้ตามจับมันไม่ทัน  ธารินทร์คนเดียวก็เอาไม่อยู่  วิ่งไล่ตามฉลองออกไปนอกบ้าน แต่มาเจอชีพดักหน้าถ่วงเวลาทำให้ตามไม่ทัน

ธารินทร์เจ็บใจมากที่ฉลองหนีไปได้ กลับมาบอกอุษาว่าชีพกับรสสุคนธ์ต้องรู้เห็นเป็นใจอย่างแน่นอน แต่ถึงยังไงตนก็ไม่ยอมให้มันลอยนวล ตนสั่งลูกน้องดักไว้ทุกที่แล้ว

“ขอบคุณนะคะรินทร์ ถ้าคุณไม่มาช่วยษาคงแย่ ว่าแต่ทำไมคุณถึงรู้ล่ะคะ”

“ผมคิดว่าคุณน้าคงต้องการให้ผมมาช่วยคุณ ผมอธิบายไม่ถูกว่ามันเกิดอะไร รู้แต่ว่าคุณคงกำลังตกอยู่ในอันตราย ผมพูดแบบนี้คุณจะกลัวหรือเปล่า”

“ไม่เลยค่ะ ษาดีใจเสียอีกที่คุณน้าหักห้ามใจไม่ทำร้ายนายฉลองให้เป็นบาป แต่ยอมให้ใช้กฎหมายจัดการกับคนชั่วแทน”

“คุณต้องระวังตัวมากขึ้นนะษา เพราะตัวบงการยังอยู่ใกล้ตัวคุณมาก”

“ษารู้ค่ะ” พูดแล้วอุษามองขึ้นไปบนห้องนอนชีพ

ชีพ รสสุคนธ์ นฤมลและเรวัตกำลังปรึกษาหารือกันอยู่ในห้อง นฤมลชมรสสุคนธ์ฉลาดเป็นกรดที่ช่วยฉลองหนีไปจนได้ แต่หล่อนกลับกระแทกเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ว่า

“ถ้าไม่ติดว่ามันโดนจับแล้วพวกเราจะซวยไปด้วย รสไม่ช่วยหรอก หน้าโง่จริงๆ ผู้หญิงคนเดียวให้พลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก”

“มันก็ไม่เสียเปล่าซะทีเดียวหรอกรส อย่างน้อยมันก็ทำให้รู้ว่าวิญญาณลั่นทมไม่มีจริง ถ้ามีมันคงมาช่วยหลานรักของมันแล้ว”

“ก็ถูกค่ะ ทีนี้พี่มลกับพี่วัตก็สบายใจได้แล้ว ยังคิดจะไปจากที่นี่อีกหรือเปล่า”

“โอ๊ย...ถ้าไม่มีผีพี่ก็ไม่กลัวอยู่แล้ว สู้กับคนน่ะพี่สู้ได้สบายมาก ขอให้น้องรสบอกมาเถอะ”

“ดี! อีกไม่นานนี้รสคงต้องให้พี่มลกับพี่วัตช่วยแน่ๆ” รสสุคนธ์สรุปด้วยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ

ooooooo

เมื่อธารินทร์และลูกน้องยังตามจับตัวฉลองไม่ได้ วิญญาณลั่นทมจึงบังคับฉลองกลับมานอนในโลงศพของเธอที่สุสาน ฉลองหวาดกลัวสุดขีดร่ำร้องโวยวายไม่อยากนอนกับศพที่เน่าเฟะไปด้วยน้ำหนอง แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะผีลั่นทมสะกดมันไว้

ทุกคนที่บ้านใหญ่ยังไม่มีใครรู้เห็น รสสุคนธ์กับชีพทำทีเยาะเย้ยธารินทร์ไม่มีฝีมือ จนป่านนี้ยังจับฉลองไม่ได้

“แต่จะว่าไปเรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องถึงกับจับมันเข้าคุก”

“เรื่องแค่นี้เหรอคะ น้าชีพพูดออกมาได้ยังไง หรือว่าน้าชีพรู้เห็นเป็นใจกับนายฉลอง”

“เอ๊ะ เธอนี่ชอบหาเรื่องให้น้าอยู่เรื่อยเลยนะอุษา น้าแค่กลัวเธอจะเป็นขี้ปากคนอื่น”

“ช่างเถอะค่ะ ถึงจับไม่ได้แต่ษาเชื่อว่านายฉลองจะหนีเวรกรรมที่ทำไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”

อุษาลุกจากโต๊ะอาหาร ชีพชักสีหน้าไม่พอใจก่อนนึกอะไรได้รีบเรียกเธอไว้

“เดี๋ยว น้าขอเบิกเงินของโรงงานหน่อย น้าจะพาลูกค้าไปดินเนอร์แล้วจะถือโอกาสฮันนีมูนกับรสด้วย”

“ษาทำเบิกให้ได้เฉพาะงบดินเนอร์  แต่เรื่องฮันนีมูนเป็นเรื่องส่วนตัว น้าชีพคงต้องใช้เงินของตัวเอง”

“ก็แล้วน้ามีเงินของตัวเองเมื่อไรเล่า อะไรๆก็ใช้ไม่ได้ อะไรๆก็ต้องรอหกเดือน แล้วก่อนหกเดือนนี่น้าไม่ตายก่อนรึไง”

“ษาไม่จำเป็นต้องรับรู้เรื่องพวกนี้นี่คะ ษาขอตัวไปทำงานก่อน”

รสสุคนธ์โมโหขว้างผ้าเช็ดปากลงบนโต๊ะอย่างแรงแล้วเดินตามอุษาออกมาหน้าบ้าน กระชากแขนเธอถามเสียงแข็งว่า

“เธอจะทำตัวเป็นไอ้เข้ขวางสมบัติอีกนานไหมอุษา”

“ฉันไม่เคยเป็นไอ้เข้เลยไม่เข้าใจที่เธอพูด แต่เธอสงสัยจะเป็นลูกหลานไอ้เข้ล่ะมั้ง”

“ว้าย! นี่แกด่าฉันเป็นตัวเงินตัวทองเหรอ”

“ฉลาดเหมือนกันนี่”

รสสุคนธ์โกรธจี๊ดเงื้อง่าจะตบหน้าอุษา แต่ต้องชะงักเพราะอีกฝ่ายท้าทายอย่างไม่กลัวเกรง

“ลองดูสิ ฉันเอาคืนเธอสองเท่าแน่รสสุคนธ์”

 ชีพตามออกมาและพยายามพูดดีกับอุษาว่าลั่นทมตายไปแล้ว ตนควรจะมีสิทธิ์บ้าง ถึงไม่ทั้งหมดก็ไม่เป็นไร แต่ทำอย่างนี้มันเกินไปหรือเปล่า

“เสียใจจริงๆค่ะน้าชีพ ษาทำตามคำสั่งคุณน้าลั่นทม”

คำตอบของอุษาทำให้ชีพหมดความอดทน “ฉันพยายามพูดดีๆแล้วนะ ก็รู้ว่ามันแกล้งกันชัดๆ เธอก็รวมหัวกันด้วย ไม่ใช่เธอกตัญญูหรอกอุษา เธอก็หวังสมบัติเหมือนกัน”

“ใช่! เอะอะอะไรก็อ้างพินัยกรรม ระวังจะเจอดี”

“ถ้าเจอดีจะขอบใจมาก เพราะที่เจอน่ะมันเลว...เลวจริงๆ”

อุษาตอบโต้จนสองผัวเมียสะอึกอึ้ง กำมือแน่นอย่าง เจ็บใจ แล้วทันทีที่อุษาออกไปทำงาน ชีพกับรสสุคนธ์ก็มุ่งหน้ามาสุสานตั้งใจสาปแช่งลั่นทมไม่ให้วิญญาณไปผุดไปเกิด แต่ดันมาเจอฉลองโผล่พรวดออกจากโลงศพในสภาพเนื้อตัวเปรอะเปื้อนน้ำเหลืองน้ำหนองน่าสะอิด สะเอียนเป็นที่สุด

ฉลองหวาดกลัวมีอาการเหมือนคนเสียสติ ชีพกับรสสุคนธ์ตกใจมาก รวมถึงบรรดาคนรับใช้ที่มาเห็นกับตาก็พากันสยดสยอง เมื่อนายฉ่ำโทร.ตามอุษา เธอจึงรีบกลับมาพร้อมธารินทร์

ฉลองพูดจาวกวนว่าตนถูกผีหลอก ธารินทร์จึงสอบปากคำไม่ได้ พวกนายฉ่ำเลยเอาสายยางมาระดมฉีดน้ำใส่ฉลองก่อนให้มันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาเจรจากันดูอีกที

รสสุคนธ์กับชีพมั่นใจว่าต้องมีใครบังคับให้ฉลองลงไปนอนในโลง คาดคั้นให้เขาพูดออกมาว่าอุษาใช่ไหม ฉลองบอกว่าไม่ใช่อุษาแต่เป็นลั่นทม ชีพไม่เชื่อตะโกนลั่นว่าไม่จริง ผีลั่นทมไม่มี ธารินทร์จึงอยากรู้ว่าที่ฉลองเป็นแบบนี้เพราะอะไร

“มันต้องโดนยา อาจจะเป็นยานอนหลับ แล้วก็แกล้งเอามันไปไว้ในโลง หมวดจับตัวไอ้หลองได้แล้วแต่วางแผนนี้ขึ้นมาเพื่อจะหลอกว่าผีลั่นทมทำใช่ไหม”

“ผมจะมาเสียเวลาทำแบบนี้ทำไม ถ้าจับมันได้ก็ลากมันไปโรงพักสอบมันให้บอกว่าใครเป็นตัวบงการให้มันทำร้ายษาไม่ดีกว่าเหรอ”

“ก็เพราะมันสารภาพว่ามันทำเองไม่มีใครบงการ หมวดก็เลยจับมันยัดใส่โลงเพื่อให้ฉันกับคุณชีพกลัว คิดว่าผีลั่นทมอาละวาดจะได้ไปจากที่นี่ ทิ้งทุกอย่างให้อุษาตามแผนใช่ไหมล่ะ”

“ความคิดของเธอแต่ละอย่างมันช่างน่าทุเรศสิ้นดี” อุษาด่ารสสุคนธ์

“ช่างเถอะษา ใครจะคิดยังไงก็ปล่อยเขา ความจริงยังไงมันก็หนีความจริงไปไม่ได้ ผมจะจัดการเอง”

ธารินทร์ใส่กุญแจมือฉลองเอาตัวออกไป อุษาพูดขึ้นลอยๆว่าตัวบงการไม่รอดแน่ ก่อนเดินตามธารินทร์ ทิ้งให้พวกชีพยืนหน้าเสียอย่างหวั่นหวาด  หวานใจไม่ดีรีบเข้ามาดึงรสสุคนธ์ออกไปคุยกันมุมหนึ่ง

“นี่นังรส ถ้าแกยังไม่อยากตายก็ไปจากที่นี่ซะ ข้าเชื่อว่าไอ้หลองมันโดนคุณผู้หญิงเล่นงานจริงๆ”

“เห็นไหมน้าก็โดนพวกมันหลอกจนได้ ทุกอย่างน่ะเป็นฝีมือนังอุษากับหมวดธารินทร์ แผนมันแยบยลกว่าคนโง่อย่างน้าจะตามทัน แต่สำหรับฉันไม่มีทางหลงกลหรอก คิดจะทำให้ฉันกลัวไง บอกเลยว่าไม่มีทาง”

“คนที่โง่ยิ่งกว่าควายน่ะคือแกนังรส จนขนาดนี้แกยังคิดได้ไงว่าเป็นแผน ไอ้หลองมันโดนซะขนาดนั้น”

“ก็บอกว่ามันโดนยาๆ น้านี่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง เลิกมาวุ่นวายสั่งให้ฉันทำโน่นทำนี่ซะที ตัวน้าน่ะระวังไว้ให้ดี วันไหนไม่อยู่ข้างมันจะเจอยาสั่ง”

รสสุคนธ์เถียงฉอดๆ แล้วสะบัดพรืดจากไป ทิ้งให้หวานมองตามอย่างกลุ้มใจ นึกไม่ถึงว่าความโลภจะทำให้มันไม่กลัวตาย!

ooooooo

หลังจากพาฉลองไปส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจรักษาอาการแล้ว ธารินทร์นำปืนมาให้อุษาเก็บไว้ป้องกันตัว ฝ่ายรสสุคนธ์ผู้บงการกำลังกระวนกระวายอยู่ที่บ้านกลัวฉลองจะพูดความจริงกับตำรวจ ส่วนชีพก็เอาแต่ดื่มเหล้าเมามายพึ่งพาอะไรไม่ได้

ชีพกอดขวดเหล้าเดินเซไปนอนบนเตียง รสสุคนธ์กำลังเครียด หันรีหันขวางแล้วตามมาถามเขาว่า

“คุณว่าไอ้หลองมันจะบอกตำรวจไหมว่าเราบงการ”

“ไม่หรอก ถึงมันพูด คนบ้าให้การอะไรศาลที่ไหนเขาก็ไม่รับฟัง”

“หรือว่ามันจะโดนนังลั่นทมเล่นงานเข้าจริงๆ” พูดไปแล้วรสสุคนธ์ตกใจ นึกถึงคำบอกเล่าของลูกชายนฤมลกับเรวัตที่ว่าเห็นลั่นทมตรงหลังบ้านเมื่อวันก่อน “ชีพคะ หนุ่ยกับโหน่งบอกว่าเห็นนังลั่นทมด้วย หรือว่า...”

“ไม่ต้องกลัว ฉันคิดไว้แล้วฉันจะไปหาหมอผี เราต้องหาหมอผีมาปราบมัน เชื่อฉันสิ ไม่ต้องกลัว”

พูดจบชีพคอพับหลับไปทันที รสสุคนธ์ยังใจคอไม่ดี มองรอบๆแล้วรีบล้มตัวนอนหลับตา...ลั่นทมปรากฏร่างข้างเตียงด้านชีพนอน พูดกับเขาว่า

“คุณยังไม่สำนึกอีกหรือคะชีพ ฉันพยายามให้อภัยคุณ ไม่ทำร้ายคุณ แต่คุณยังไม่เคยเลิกคิดที่จะทำร้ายฉัน”

 ชีพขยับตัวเบาๆ ปรือตาแต่ไม่ลุกขึ้น ได้ยินเสียงลั่นทมเพียงในโสตประสาท เขาเข้าใจว่าเป็นเสียงรสสุคนธ์ ถามว่าพูดอะไร แต่เธอบอกว่าไม่ได้พูดสักหน่อย

“ฉันเองค่ะ ลั่นทม...ฉันมาเตือน คุณหยุดเสียนะชีพไม่อย่างนั้นคุณจะไม่มีโอกาสอีก”

เสียงนั้นดังเข้าหูชีพอีก เขาพูดทั้งที่หลับตาให้รสสุคนธ์เลิกพล่ามได้แล้วมันน่ารำคาญ แต่เธอก็ยืนยันว่าไม่ได้พูด พลางเหลียวซ้ายแลขวาก่อนคว้าผ้าห่มมาคลุมโปงด้วยความหวั่นหวาด วังเวง...

 ooooooo

เช้าขึ้น อุษาเกณฑ์คนงานผู้ชายไปเก็บกวาดทำความสะอาดสุสานเพราะเมื่อวานฉลองทำไว้เละเทะ ธารินทร์มาสมทบด้วยความเป็นห่วงคนรัก แต่กลายเป็นว่าตกเป็นเป้าสายตาของรสสุคนธ์ที่จ้องจะหาเรื่อง

หลังจากทุกอย่างเป็นระเบียบสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม ธารินทร์ขอตัวไปโรงพยาบาลอยากรู้อาการนายฉลองเป็นยังไงบ้าง ส่วนพวกนายฉ่ำที่ทำงานเสร็จแล้วอุษาจะให้หวานนำอาหารมาให้กินที่นี่ แต่รสสุคนธ์ไม่ยอม ตั้งหน้ามาเล่นงานอุษาอย่างวางอำนาจ

“เธอสำคัญตัวผิดหรือเปล่า คนที่เป็นเจ้าของบ้านคือฉัน เธอไม่มีสิทธิ์ให้ใครต่อใครมาทำอะไรต่ออะไรในบ้านนี้ แต่ถ้าเธออยากให้พวกนี้กินข้าวที่นี่ก็ต้องขออนุญาตฉันก่อน”

“คนที่สำคัญผิดน่าจะเป็นเธอมากกว่า ถ้าไม่แน่ใจเธอก็ลองถามคุณไกรดูสิ ฉันมีสิทธิ์พาคนมาค้าง มีสิทธิ์ทำอะไรทุกอย่าง เว้นแต่เอาบ้านหรือของในบ้านไปขาย แล้วอีกอย่างลุงพรหรือนายวิเวกก็เป็นคนเก่าของคุณน้า ตอนคุณน้าอยู่พวกเขาก็มากินมาอยู่ที่นี่บ่อยๆ”

“แกไม่ต้องเอานายไกรมาอ้าง”

 “แต่เธอน่ะสิ ถ้าคุณไกรรู้ว่าเอานายเรวัตกับเมียและลูกๆมาอยู่โดยไม่บอกก่อน คุณไกรอาจไม่ยอมก็ได้นะ”

รสสุคนธ์อึ้งแล้วเดือดดาล อุษาไม่สนหันไปกำชับพวกนายฉ่ำ

“ทุกคนอาบน้ำและทานข้าวที่นี่นะจ๊ะ เดี๋ยวษาจะไปบอกน้าหวานให้เอง ไม่ต้องสนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น”

อุษาผละไป พวกฉ่ำได้ทีซ้ำเติมรสสุคนธ์ว่าหน้าแตกจนหมอไม่รับเย็บ พูดแล้วหัวเราะกันสนุกสนาน รสสุคนธ์โกรธแทบเต้น กลับไปบ่นให้นฤมลและเรวัตฟัง สองผัวเมียเลยยุส่งว่าพวกมันทำแบบนี้ไม่ไว้หน้ากันเลย เราต้องหาทางกำราบอุษาให้ได้ ไม่งั้นพวกขี้ข้ามันจะยิ่งแข็งข้อ

“ใช่ ฉันต้องกำราบมันให้ได้ ฉันถึงมาปรึกษาพวกพี่ไง คุณชีพก็เอาแต่เมา ไม่รู้เป็นบ้าอะไร ดูสิเที่ยงวันแล้วยังไม่ตื่นเลย”

เรวัตสบโอกาสเสนอตัวจัดการอุษาเอง รับรองไม่มีทางพลาดอย่างฉลองแน่ แต่นฤมลหึงหวงไม่ยอมแถมยังฟาดหน้าสามีไปหนึ่งฉาด พร้อมกำชับขึงขังว่า “อย่าให้รู้นะ ฉันเอาแกตาย!”

ชีพเมามายหลับใหลได้ยินเสียงลั่นทมมาขอร้องให้กลับตัวกลับใจ เลิกกับรสสุคนธ์เพราะหล่อนไม่ได้รักเขา หล่อนรักแค่สมบัติ...ชีพสะดุ้งตกใจลุกพรวดเรียกชื่อลั่นทม เป็นจังหวะที่รสสุคนธ์เดินเข้ามาพอดี

“ตื่นมาก็เพ้อถึงเมียเก่าเลยนะ ตกลงคุณรักมันหรือเกลียดมันกันแน่”

“ฉันไม่ได้เพ้อถึงเขา เมื่อกี๊ลั่นทมมาพูดกับฉันที่เตียงนี่”

“คุณฝันอีกแล้วล่ะสิ”

“ไม่ได้ฝัน ฉันได้ยิน มันชัดมากๆ เขาบอกให้ฉันเลิก...”

“มันบอกให้คุณเลิกกับรสใช่ไหม ฮึ! ตายไปแล้วยังหวงผัว แบบนี้ระวังเถอะมันจะมาเอาตัวคุณไปอยู่ด้วย”

“เฮ้ย! ไม่นะ” ชีพผวาเฮือก

“ถ้าคุณไม่อยากไปอยู่ในโลงกับมันก็ต้องรีบหาทางกำจัดมันซะ”

ชีพพยักหน้าเอาไงเอากัน...ไม่เห็นวิญญาณลั่นทมยืนจ้องมาอย่างโกรธแค้น

ooooooo

สุสานคนเป็น

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด