สมาชิก

ดุจดาวดิน

ตอนที่ 13

เติมบุญเดินออกมาส่งทนายที่หน้าห้อง เจอปานดาวยืนหน้าถมึงทึงอยู่ ทนายไหว้ลา  ปานดาวไม่รับไหว้แต่หันไปต่อว่าเติมบุญทันทีว่า

“คุณพ่อยกมรดกให้ฟ้าคนเดียวเหรอคะ”

“แกได้ยินผิดไปแล้ว พ่อให้ฟ้าเป็นผู้จัดการมรดกต่างหาก”

ปานดาวตะแบงว่ามันก็ความหมายเดียวกัน นั่นแหละ ตัดพ้อว่า ตนยังอยู่ทั้งคน พ่อทำอย่างนี้ได้ยังไง

“ก็แล้วไง” เติมบุญย้อนถาม

“ก็ดาวเป็นพี่ ถ้าจะมีการแต่งตั้งผู้จัดการมรดก คนคนนั้นก็ต้องเป็นดาวไม่ใช่ฟ้า คุณพ่อทำอะไรทำไมไม่เห็นหัวดาวมั่ง ทำเหมือนดาวไม่ใช่ลูก”

เติมบุญบอกพอได้แล้ว ยืนยันว่าตนทำในสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสมแล้ว ถูกปานดาวโต้ว่าพ่อลำเอียงมาตลอด ไม่เคยเห็นตนเป็นลูก พูดเหมือนแช่งว่า “จนวันที่ใกล้จะตายก็ยังไม่คิดถึงดาว”

“เลิกพูดอย่างนี้เสียทีได้ไหม ฉันไม่เคยคิดลำเอียงเข้าข้างใคร แกโตจนเป็นแม่คนแล้ว น่าจะเข้าใจบ้างนะ”

“ดาวไม่รู้ ดาวไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น คุณพ่อและทุกคน รวมหัวกันทำร้ายดาว ต่อจากนี้ไป ถ้าเกิดอะไรขึ้น อย่าหาว่าดาวร้ายก็แล้วกัน คุณพ่อจำไว้ด้วย”

ปานดาวเดินสะบัดไป เติมบุญได้แต่มองตาม ถอนใจและส่ายหน้า...

ooooooo

ที่ห้องพักของภาคินที่โรงพยาบาล ปานฟ้าพาบุษบาเข้าไปเยี่ยมภาคิน บุษบามองหน้าภาคินด้วยความรักและเป็นห่วง พอเห็นภาคินขยับตัว ก็ร้องออกมาอย่างดีใจ

“ลูก...เออะ...คุณภาคิน  คุณฟ้าคะ  คุณฟ้าคะ  คุณภาคินรู้สึกตัวแล้วค่ะ”

ปานฟ้ารีบมาหา ร้องเรียกภาคิน พร่ำบอกว่า “ฟ้า อยู่นี่ค่ะ...คุณภาคิน ฟ้าอยู่นี่...” ภาคินมองบุษบาแล้วมองปานฟ้าเชิงถาม เธอบอกเขาว่า

“คุณน้ากัญญามาหาคุณที่มูลนิธิ พอรู้เรื่องก็รีบมาเยี่ยมเลย เป็นไงบ้างคะ  ตอนคุณนอนไม่ได้สติ  พวกเราทุกคนห่วงคุณมากเลย แต่ตอนนี้หมอว่าปลอดภัยแล้ว อีกหน่อย  เทวดาคนเก่งของฟ้าก็ลุกขึ้นมาบินได้แล้วล่ะค่ะ”

ภาคินทำตาหวานอ้อนว่าตนหายเร็วเพราะมีนางฟ้าอย่างเธอคอยดูแล ปานฟ้าหันไปเห็นบุษบานั่งเช็ดน้ำตาอยู่ เธอบอกภาคินว่าน้ากัญญาก็ห่วงเขา หน้าซีดพอๆกับตนเลย บุษบาบอกว่าเห็นภาคินเจ็บตนก็เจ็บไปด้วย ขอเขาอย่าเป็นอะไรเลย

“ขอบคุณครับคุณน้า ผมไม่เป็นอะไรแล้ว เออ...ฟ้า แล้วก้องภพล่ะ”

“ตำรวจรู้แล้วค่ะ ว่าคนที่เข้าไปทำร้ายคุณคือก้องภพ แต่ตอนนี้เขาหนีไปได้ หมวดตุลย์กำลังตามหาตัวอยู่”

“ถึงเขาจะไม่เคยนับผมเป็นพี่ แต่เราก็มีพ่อเดียวกัน ทำไมพี่น้องถึงต้องทำร้ายกันแบบนี้ด้วย” ภาคินพึมพำอย่างขมขื่นเศร้าใจ บุษบาที่รู้แก่ใจดี ได้แต่นิ่งเงียบเป็นห่วงความปลอดภัยของภาคิน

เมื่อออกจากห้องภาคิน ขณะปานฟ้ากับบุษบาเดินคุยกันไปตามทางเดินนั้น เห็นอานนท์เดินมาแต่ไกล ปานฟ้ารีบเดินไปรับ อานนท์ถามว่าอาการของภาคิน เป็นอย่างไรบ้าง ปานฟ้าบอกว่าดีขึ้นมากแล้ว พลางหันมาจะแนะนำบุษบาให้รู้จักกัน ปรากฏว่าบุษบาหายไปแล้ว

ที่แท้บุษบาหลบไปแอบดูทั้งสองอยู่อีกมุมหนึ่งด้วยความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจเปิดเผยตัวแก่ใครได้

ส่วนภูวดลกับพิม สมคบกันอย่างเหิมเกริม พิมหัวเราะสะใจ บอกพี่ชายว่า

“เมียพี่นี่โง่จริงๆเลย นอกจากโง่แล้วยังปากมากอีกด้วย พอรู้ว่าไอ้แก่ยกสมบัติให้นังฟ้าจัดการ ก็ทำจะเป็นจะตายขึ้นมา ก็มันทำตัวอย่างนี้ไง พ่อมันถึงไม่ยกสมบัติให้ ใครจะโง่ยกสมบัติให้คนบ้า คุ้มดีคุ้มร้ายอย่างมัน”

ภูวดลยิ้มร้าย บอกว่าแบบนี้แหละดี เกิดอะไรขึ้นทุกคนจะได้คิดว่าเป็นฝีมือปานดาว บอกพิมว่า ตอนนี้ไม่เพียงเติมบุญคนเดียวที่เราต้องจัดการ อีกคนหนึ่งคือปานฟ้า ที่เราจะให้มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้

“ได้เลย หมั่นไส้มันมานานแล้ว คราวนี้ไม่รอดทั้งพ่อทั้งลูกแน่ๆ ต่อไปสมบัติทั้งหมดต้องเป็นของธัญวิทย์คนเดียว”

พูดแล้วพิมยิ้มอย่างสะใจ ภูวดลยิ้มอย่างหมายมาด

ว่าจะต้องจัดการทั้งพ่อทั้งลูกคู่นี้ให้ได้

ooooooo

เมื่ออาการของภาคินดีขึ้น ปานฟ้าพานั่งรถเข็นลงมาเปลี่ยนบรรยากาศข้างล่าง เธอจะเข็นภาคินไปอีกฟากหนึ่งของสนาม

ที่นั่นก้านนั่งอยู่ในรถกระบะ วางแผนจะกำจัดทั้งคู่ในคราวเดียวกันเลย เมื่อปานฟ้าเข็นรถภาคินจะข้ามถนน ก้านก็ขับรถหมายพุ่งชน จู่ๆก็มีรถคันหนึ่งโผล่พรวดมาจนมันต้องเบรกกะทันหันเสียงสนั่น

ปานฟ้ากับภาคินรอดตายโดยไม่รู้ตัว เมื่อข้ามถนนไปแล้วยังหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น

ส่วนพิม จ้องทำร้ายปานฟ้าที่บ้าน เมื่อเห็นปานฟ้ากลับมาก็คว้าแจกันแอบจะทำร้าย ก็พลาด เมื่อเงื้อแจกันก้าวออกไป เท้าสะดุดพรมจนตัวเองล้มไม่เป็นท่า

ปานฟ้าหันมาเห็นรีบเข้าประคองถามว่าเจ็บมากไหม ทั้งที่ฝ่ายนั้นหมายเอาชีวิตตน

พิมเจ็บใจมากที่ทำงานพลาด

ooooooo

ป้านุ่มถูกวิมลวรรณผลักตกบันไดเข้าโรงพยาบาล

จนวันนี้ยังไม่ฟื้น อานนท์มาเยี่ยม มองป้านุ่มพึมพำ

“นุ่มเมื่อไหร่จะฟื้นขึ้นมาสักที นี่แม่นุ่มรู้ไหม ตอนนี้ฉันกับภาคินเราเข้าใจกันมากเลยนะ ฉันอยากให้นุ่มได้มาเห็นว่าคุณผู้ชายกับคุณหนูของแม่นุ่มเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เสียดายที่แม่นุ่มไม่ตื่นขึ้นมาเห็น และก็...เสียดายที่ครอบครัวนี้ขาดบุษบาไปอีกคน...รีบฟื้นขึ้นมานะแม่นุ่ม คุณหนูของนุ่มรออยู่นะ”

เยี่ยมป้านุ่มแล้ว อานนท์ลุกขึ้นเตรียมกลับ หันไปบอกพยาบาลว่า

“ฝากดูแลแม่นุ่มให้ดีที่สุดด้วยนะครับ แล้วผมจะแวะมาอีก”

แต่พออานนท์หันหลังเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงป้านุ่มแว่วมาแผ่วๆ “คุณผู้ชาย...” อานนท์รีบเดินกลับมาที่เตียงด้วยความดีใจสุดๆ

ooooooo

ภาคินกลับมาอยู่บ้านแล้ว อานนท์บอกข่าวดีนี้แก่ภาคิน บอกด้วยว่าป้านุ่มพยายามจะพูดอะไรหลายๆอย่างแต่ยังพูดไม่ได้มาก หมอบอกว่า อีกไม่กี่วันก็คงจะดีขึ้น

ภาคินดีใจมากบอกว่าถ้าป้านุ่มกลับมาเหมือนเดิมได้เมื่อไร ตนมีเรื่องอยากจะถามมากมาย อานนท์บอกว่าก็มีแต่ป้านุ่มคนเดียวเท่านั้นที่ติดต่อกับบุษบาได้

“ถึงแม่เขาจะจากไปแล้ว แต่ผมก็อยากรู้ว่าตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เป็นยังไงบ้าง เคยพูดถึงผมบ้างไหม” ภาคินหน้าเศร้าจนอานนท์ตบบ่าลูกชายเบาๆ อย่างให้กำลังใจ มองหน้าภาคินก่อนพูดอย่างหมายมาดว่า

“ภาคิน พ่อมีเรื่องจะขอแรงลูกให้ช่วยหน่อย”

ภาคินมองหน้าพ่ออย่างสงสัยว่า จะให้ตนทำอะไร...

ooooooo

จากนั้นไม่นาน ภาคินก็ไปนั่งในห้องทำงานที่จัดใหม่อย่างโอ่โถงดูดีมากในฐานะผู้บริหาร ถูกวิมลวรรณเข้ามาด่าถึงในห้องว่า

“มูลนิธิยังร่อแร่ แล้วนี่ยังมีหน้าจะมาบริหารงานที่นี่อีกงั้นเหรอ ฉันไม่ยอมให้แกมาทำบริษัทฉันเจ๊งแน่ มาทางไหนก็ไปทางนั้นเลย ไป๊!”

อานนท์เดินเข้ามาพอดี เขาสวนวิมลวรรณไปอย่างแข็งกร้าวว่า เธอนั่นแหละมาทางไหนก็ไปทางนั้นเลย วิมลวรรณโวยวายว่าตนไม่ยอมให้เขาเอาลูกเมียน้อยมาชูคอที่นี่เด็ดขาด อานนท์โต้ว่านี่เป็นบริษัทของตน

“แต่มันไม่ใช่บริษัทของคุณคนเดียว อย่าลืมสิว่าฉันก็มีส่วนทำให้บริษัทนี้ใหญ่โตขึ้นมา”

อานนท์โต้ว่าเธอก็ได้รับส่วนที่ต้องได้อยู่แล้ว ส่วนของการบริหารเป็นหน้าที่ของตนและตนได้ตัดสินใจแล้วด้วย

“ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอมเด็ดขาด” วิมลวรรณแผดเสียง แล้วหันไปทางภาคิน “ไอ้ภาคิน แกกับแม่แกเป็นมารจริงๆเกิดมาเพื่อทำลายและแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันรึไง”

“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะ คนที่เป็นมาร แย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากภาคินคือคุณเองต่างหาก” อานนท์ตอบโต้แล้วเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง วิมลวรรณตามไปอาละวาดอีก ยืนกรานว่าบริษัทนี้ต้องเป็นของก้องภพไม่ใช่ภาคิน

“คุณยังคิดว่าก้องภพจะได้อยู่นอกคุกงั้นเหรอ ผมมีลูกชายสองคน เลี้ยงดูให้ความรู้มาแต่เล็ก คนหนึ่งโตมาเลือกที่จะทำงานเพื่อสังคม กับอีกคนหนึ่งเลือกที่จะเป็นฆาตกร คุณคิดว่าผมควรจะไว้วางใจคนไหน”

วิมลวรรณหาว่าเขารักลูกไม่เท่ากัน ไม่รักลูกตนเพราะอะไร เพราะตนใช่ไหมพาลถามว่า “คุณเคยรักฉันบ้างไหม”

“ผมว่าแทนที่คุณจะยืนโวยวายอยู่ตรงนั้น คุณควรจะพาก้องภพไปมอบตัว ก่อนที่มันจะหมดอนาคตมากไปกว่านี้”

ทั้งสองทะเลาะกันรุนแรง อานนท์เดินกลับไปที่ห้องทำงานของภาคินอีกครั้ง บอกภาคินว่าไม่ต้องคิดมาก ภาคินไม่สบายใจที่เห็นพ่อทะเลาะกับวิมลวรรณ บอกอานนท์ว่า ถ้าตนมาทำงานแล้วทำให้พ่อลำบาก...

“ไม่มีคำว่าลำบาก” อานนท์ขัดขึ้น “ลูกต้องทำงานที่นี่ ทำให้ทุกคนเห็นว่า พ่อตัดสินใจถูกแล้ว ลูกเป็นลูกคนโตของพ่อ ก็ต้องดูแลทุกอย่าง พ่อเชื่อว่าลูกจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง” อานนท์มองหน้าภาคินอย่างมั่นใจ และฝากความหวัง

เมื่อปานฟ้ากับภาคินขึ้นไปบนดาดฟ้า ทั้งสองยืนมองไปรอบๆ อย่างสบายตาสบายใจ ยิ้มให้กันอย่างมีความสุขที่มีวันนี้ ภาคินบอกว่าเห็นเธอยิ้มแล้วมีความสุข ปานฟ้าก็บอกว่า ตนยิ้มเพราะเห็นเขายิ้มต่างหาก บอกเขาว่า

“คุณพ่อคุณท่านดีกับคุณและรักคุณมากเลยนะคะ”

“ครับ...ผมยังเสียใจมาถึงตอนนี้ ที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าใจท่านผิดมาตลอด แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วครับว่า ท่านรักผม และแม่ของผมมากแค่ไหน เสียดายที่ตอนนี้ แม่ไม่ได้อยู่กับเรา ไม่งั้น ทุกอย่างคงจะดีกว่านี้”

ปานฟ้ามองภาคินด้วยความรักและเข้าใจความรู้สึกของเขา เอื้อมมือไปคล้องแขนเขาลูบเบาๆ แล้วซบหน้ากับไหล่เขาอย่างให้กำลังใจพร้อมจะยืนเคียงข้างเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ภาคินมองเธอด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก...

ooooooo

นับแต่บุษบาออกมากับบุญทิ้ง ถมก็ออกตามหาทั้งด้วยความรักและคณะลิเกขาดนางเอก ถามชาวบ้านจนรู้บริเวณที่มีบ้านเช่าเยอะๆจึงไปด้อมๆมองๆด้วยความหวังว่าบุษบาอาจจะไปหาห้องเช่าแถวนั้น

แล้วก็ได้เจอจริงๆบุษบายอมรับว่าตนมากับบุญทิ้งเพราะสงสารที่เป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียวต้องเผชิญชะตากรรมที่หนักหน่วง แต่ไม่นึกว่ามาด้วยกันแล้วกลับต้องพลัดหลงจากกัน รำพึงอย่างเป็นห่วงว่า ป่านนี้ไม่รู้เป็นยังไงแล้ว

“มันก็คงเอาตัวรอดได้ แม่กัญญาก็...กลับไปคณะของเราเถอะนะ...ฉันยังรอนางเอกของฉันอยู่นะ”

“ขอบใจพี่มากจ้ะ พี่ถมดีกับฉันเหลือเกิน แต่...แต่...ฉันคงยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้”

“ทำไม...ทำไมไม่กลับไปกับฉัน...หรือแม่กัญญา มีคนอื่นให้ห่วงแล้ว...”

บุษบาไม่ตอบ หลบตาด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้เขาผิดหวัง เพราะในใจเธอเวลานี้มีแต่คิดเป็นห่วงภาคิน ไม่มีใจที่จะกลับไปเล่นลิเกได้อีกแล้ว...

ooooooo

นายพ่วงพาบุญทิ้งไปที่ห้องเช่าโทรมๆของตัวเอง นายพ่วงถามบุญทิ้งว่าจะมีชีวิตอยู่ด้วยการหนีตลอดอย่างนี้ได้อย่างไร หว่านล้อมว่า ลำบากมามากแล้ว กลับบ้านนั้นเถอะ ตนจะพาไปหาเศรษฐีเติมบุญเอง

บุญทิ้งปฏิเสธอย่างหวาดกลัวว่า ถ้าตนกลับไปที่นั่นต้องถูกพวกนั้นฆ่าตายแน่ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่อพิมนั้นร้ายกาจแค่ไหนพ่อพ่วงก็รู้

“นังพิมน่ะเหรอ นังนี่มันใจคอโหดเหี้ยมดีแท้ ข้ารู้จักมันดี นังตัวแสบนี่เดี๋ยวข้าจัดการเอง คนบ้านนั้นรวยจะตายชักเขาไม่ยอมให้เอ็งถูกฆ่าตายหรอกน่า”

“ไม่นะพ่อพ่วง ถ้าผมกลับไป ก็มีแต่จะทำให้คนที่บ้านนั้นลำบาก ผมไม่กลับไปหรอก” บุญทิ้งยืนกรานจนนายพ่วงหนักใจ และไม่เข้าใจ

แล้วนายพ่วงก็ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเติมบุญบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะบอก พอปลายสายสนใจ ก็บอกว่า

“ทินภัทรยังมีชีวิตอยู่” เติมบุญผงะถามว่าอะไรนะ แล้วนั่นใครพูด “ผมบอกว่า ทินภัทรหลานชายของท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านอยากเจอเขาไหมล่ะ”

เป็นข่าวที่นำความยินดีอย่างที่สุดแก่บุญเติม แต่ก็ยังระแวงระวังอยู่

ooooooo

ปานฟ้านัดภาคินมาที่ร้านอาหารเล่าให้เขาฟังก่อนที่จะไปสังเกตการณ์การมอบตัวทินภัทรคืนให้ครอบครัว เธอตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องมันแปลกๆ ที่ทิน-ภัทรหายไปถึง 6 ปีแล้ว จู่ๆก็โผล่มาตอนนี้ ภาคิน

บอกว่าอาจมีคนมาสวมรอยเพื่อหาประโยชน์ก็ได้

ทั้งสองนั่งรอหมวดตุลย์อยู่ที่ร้านอาหาร ด้วยหวังว่าหมวดตุลย์จะได้ไปช่วยดูว่ามีเงื่อนแง่อะไรในนี้หรือเปล่า ปานฟ้าบอกว่าตนตื่นเต้นมาก ขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่

พอปานฟ้าลุกไป ก้านที่มาซุ่มดูอยู่ก็สะกดรอยตามไป หมายจัดการ

ooooooo

เมื่อหมวดตุลย์มาถึง ภาคินบอกให้เขาไปที่บ้านเติมบุญก่อน ดูว่าคนที่บอกว่าจะพาทินภัทรมานั้นเป็นพวกที่จับเติมบุญไปหรือเปล่า

แต่ไม่ทันทำอะไร ทั้งสองก็เห็นคนประคองปานฟ้าในสภาพหมดสติไปขึ้นรถ ทั้งสองพากันวิ่งไปแต่ไม่ทันเพราะปานฟ้าถูกเอาตัวขึ้นรถออกไปแล้ว ภาคินจึงกลับมาเอารถไล่ตามไป

ก้านรู้ว่าถูกตามสั่งคนขับเหยียบให้มิดเลย

ooooooo

พิมได้ข่าวว่าจับตัวปานฟ้าได้แล้ว ก็รีบออกจากบ้านไป ป้าแก้วสงสัยว่าพิมรีบไปไหน พิมก็ไม่บอก พูดอย่างยโสว่ามีธุระสำคัญต้องรีบไป

ปานฟ้าถูกเอาตัวไปที่บ้านกลางสวน ถูกหมวดตามไปเอาปืนจี้สั่งให้ปล่อยปานฟ้าถ้าไม่อยากตาย

ก้านจวนตัวส่งสัญญาณให้สมุนวางร่างปานฟ้าไว้ที่แคร่หน้าบ้าน

ภาคินถลาเข้าไปหาปานฟ้า พยายามเรียกแต่เธอก็ไม่รู้สึกตัว หมวดตุลย์บอกให้ภาคินรีบพาปานฟ้าออกไปก่อน แล้วหมวดตุลย์ก็หันไปถามก้านที่ยืนอยู่ว่า

“พวกแกใช่ไหม ที่ลักพาตัวคุณเติมบุญไปเรียกค่าไถ่ ทำไมถึงจงใจทำร้ายคนในครอบครัวนี้ บอกมาเดี๋ยวนี้ ว่าใครเป็นคนบงการเรื่องทั้งหมด”

พิมมาเห็นเหตุการณ์รีบหลบไปแอบดูแอบฟัง เห็นก้านไม่ตอบหมวดตุลย์ แต่แอบชักปืนออกมา ถูกลูกน้องหมวดตุลย์เตะสกัดเสียก่อน ก้านตั้งหลักได้จะยิงสู้ ถูกหมวดตุลย์ยิงเข้าที่กลางอกและลำตัวล้มคว่ำไป

พิมที่แอบดูอยู่ตกใจร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียง

ooooooo

นายพ่วงพาบุญทิ้งไปยืนที่หน้าบ้านเติมบุญ บุญทิ้งไม่อยากเข้าไป นายพ่วงทั้งดุทั้งหว่านล้อม บอกว่าเรื่องพิมนั้นไม่ต้องกลัวตนจะจัดการให้เอง บ่นว่าบุญทิ้งทุกข์ยากมานานแล้ว ควรมีชีวิตที่สุขสบายเสียที

เมื่อนายพ่วงเข้าไปในบ้าน ถูกพาไปยืนที่กลางห้อง ส่วนคนในบ้านทั้งเติมบุญ สายอุษา และอนิรุทธิ์นั่งจ้องนายพ่วงด้วยแววตาที่สงสัย นายพ่วงอ่านสายตาเหล่านั้นออก บอกทุกคนว่า

“ผมรู้ว่า สภาพอย่างผมพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ แต่ที่ผมจะเล่าให้พวกคุณฟัง เป็นความจริงทุกอย่าง ทินภัทรถูกคนในบ้านลักพาตัวมาให้ผมเพื่อให้ไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน แต่พอดีผมเห็นว่ามันผิวพรรณหน้าตาดี ก็ไม่อยากจะขาย เลยแอบเลี้ยงมันไว้ให้เป็นขอทาน”

สายอุษาทำท่าจะเป็นลม เติมบุญบอกให้ใจเย็นๆ แล้วถามนายพ่วงว่าแล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอกพวกตนตอนนี้ นายพ่วงบอกว่าตนเองก็เพิ่งรู้ว่า เด็กคนนี้

คือทินภัทร ลูกหลานเศรษฐี อนิรุทธิ์ถามว่าแล้วทำไมเพิ่งรู้

“ก็อีนังโหดนั่น ไล่ตามฆ่าเด็กมันอย่างกับเกลียดกันมาจากชาติไหน นี่มันก็ตามฆ่าปิดปากผมด้วยนะ...

แต่ผมดวงแข็งรอดมาได้ทุกที”

“ทำไมพวกเราต้องเชื่อสิ่งที่นายพูดด้วย เรื่องอย่างนี้ใครจะโกหกเพื่อหาเงินจากการหายตัวของทินภัทรยังไงก็ได้” อนิรุทธิ์ตั้งแง่

“เงินน่ะผมก็อยากได้ แต่บอกตามตรงนะว่า

ผมได้เงินจากการเป็นขอทานของไอ้ทิ้งมันมามากแล้ว มันน่ะตัวทำเงินเลยนะคุณ หน้าตามันน่ารักใครเห็นก็สงสาร”

สายอุษาทำท่าจะเป็นลมอีก เติมบุญได้ยินนายพ่วงเรียกทินภัทรว่า “ไอ้ทิ้ง” เลยถามอย่างร้อนใจว่า

“ไอ้ทิ้ง...แล้วไหนล่ะ ทินภัทร”

“เอ้า เข้ามาได้แล้ว นี่ไง ทินภัทรของพวกคุณ” นายพ่วงหันไปเรียกบุญทิ้ง

บุญทิ้งเดินก้มหน้าเข้ามาช้าๆอย่างหวดกลัวและประหม่า กลัวว่าจะไม่มีใครเชื่อสิ่งที่นายพ่วงพูด

ทุกคนมองบุญทิ้งตะลึง อุทานเกือบเป็นเสียงเดียวกัน

“บุญทิ้ง!”

“แกโกหก!!” ปานดาวจูงธัญวิทย์เข้ามา ตะโกนด่านายพ่วงว่า “ไอ้พวก 18 มงกุฎ หน็อย!เอาไอ้เด็ก บุญทิ้งมาสวมรอยเป็นทินภัทร คิดว่าพวกฉันโง่รึไง ทินภัทร น่ะตายไปแล้ว ได้ยินไหมว่าทินภัทรตายไปนานแล้ว!”

นายพ่วงยืนยันว่า ทินภัทรยังไม่ตายและยืนอยู่ตรงนี้ พลางชี้ไปที่บุญทิ้ง ปานดาวจ้องจิกบุญทิ้งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ปฏิเสธอย่างคุมสติแทบไม่อยู่ว่า ไม่ใช่ บ้านนี้มีหลานอยู่คนเดียวคือลูกชายตน คนอื่นไม่ใช่

“ดาว...พอแล้ว...” เติมบุญห้ามปานดาวแล้วบอกนายพ่วง “เล่ามาให้หมดว่าเรื่องจริงมันคืออะไร”

นายพ่วงเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังว่า...

“เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว ผู้หญิงในบ้านนี้ขโมยเด็กมาให้ผม มันบอกให้เอาไปขายแถวชายแดน แต่ผมเห็นหน้าตาน่ารักดีเลยเลี้ยงไว้ พอโตขึ้นหน่อยก็ให้ไปขอทาน หาเงิน เด็กคนนั้นก็คือ ไอ้บุญทิ้ง”

ooooooo

ปานดาวตั้งหน้าตั้งตาปฏิเสธว่าบุญทิ้งไม่ใช่ทินภัทร หาว่านายพ่วงรวมหัวกันมาหลอกเพื่อจะเอาสมบัติบ้านนี้ แต่ไม่มีใครสนใจ เติมบุญบอกนายพ่วงอย่างเยือกเย็นว่า

“นายพ่วง บอกฉันมาสิ ผู้หญิงที่เอาทินภัทรไปให้เมื่อ 7 ปีที่แล้วคือใคร ใครมันเป็นคนขโมยหลานฉันไป”

นายพ่วงมองหาไปรอบห้องก็ไม่เห็น ปานดาวทั้งโกรธทั้งกลัว หลบตานายพ่วงอย่างมีพิรุธ พอดีพิมเดินมาธัญวิทย์ร้องว่าหิวข้าว สั่งพิมให้เอาข้าวมาให้กิน

พิมเห็นนายพ่วงก็ตกใจแทบช็อก นายพ่วงหันไปเห็นพิมพอดี ยิ้มออกมาอย่างสะใจ ชี้หน้าพิมบอกทุกคนว่า

“นังตัวแสบนี่ไง มันนี่แหละ ที่เป็นคนเอาตัวทินภัทรมาให้ผม!”

พิมจังงังกับที่...

ooooooo

ระหว่างที่ภาคินขับรถพาปานฟ้ากลับบ้านนั้น เขาได้รับโทรศัพท์จากอนิรุทธิ์แจ้งว่าทินภัทรมาที่บ้านแล้ว เขารีบบอกข่าวดีแก่ปานฟ้าที่ยังอ่อนเพลียเพราะถูกวางยาอยู่ เธอดีใจมาก คาดหวังต่างๆนานาว่าหน้าตาหลานจะเป็นอย่างไร และใครพามา

ที่ห้องรับแขกบ้านเติมบุญ ป้าแก้วจ้องพิมอย่างแค้นใจที่เป็นคนลักพาทินภัทรไป พิมไม่ยอมรับหาว่านายพ่วงใส่ร้าย ปานดาวเองก็ใจคอไม่ดี พยายามพูดให้ร้ายนายพ่วงเพื่อช่วยพิม จนบุญทิ้งถามขึ้นว่า

“ถ้าไม่ได้ขโมยทินภัทรไป แล้วทำไมพี่พิมถึงได้จับตัวคุณตาไปขัง แล้วยังจะฆ่าผมอีก”

เติมบุญชะงัก นึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงใส่หมวกไอ้โม่งที่จับตนไปนั้น คลับคล้ายคลับคลาว่าเสียงคุ้นหู แต่ตอนนั้นนึกไม่ออกพอบุญทิ้งพูดก็จำได้ทันที ขอบใจบุญทิ้งที่ทำให้ตนนึกได้

“ไอ้ทิ้งมันปั้นเรื่องโกหก พูดจาเลอะเทอะเหมือนไอ้พ่วง อย่าไปเชื่อนะคะ มันสองคนเป็นพวกเดียวกัน” พิมตกใจลนลาน เลยพลาด ถูกเติมบุญจับโกหกได้ถามว่า

“เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาชื่อพ่วง ฉันยังไม่ได้เอ่ยชื่อของเขาเลย”

พิมชะงักอ้ำๆอึ้งๆ ปานดาวช่วยแก้ต่างให้ ถามพ่อว่าเชื่อนายพ่วงหรอ พิมจะทำเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้ยังไง

“นังพิมมันไม่ได้ลงมือทำคนเดียวนะครับ มันรวมหัวกับไอ้ก้านผัวมันอีกคน” นายพ่วงยืนยัน หมวดตุลย์บอกว่านายก้านตายไปแล้ว ตอนมันพยายามลักพาตัวปานฟ้าเลยถูกยิงตาย

พิมปฏิเสธเสียงหลงว่าตนไม่รู้จักนายก้าน นายพ่วงมองพิมอย่างสะใจค่อยๆเดินเข้าหาหมายขู่ให้พิมยอมสารภาพ แต่พิมไม่เพียงไม่รับสารภาพ หากยังคว้ามีดปอกผลไม้แทงนายพ่วงจนตายต่อหน้าทุกคน พอแทงนายพ่วงตายก็ร้องไห้โวยวายว่า

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันจะฆ่าฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแทงมันนะ”

ooooooo

บุญทิ้งร้องไห้เสียใจมากกับการจากไปของพ่อพ่วง คนที่เลี้ยงดูตนมาแต่เล็กและช่วยชีวิตตนไว้หลายครั้ง

สายอุษาจะเป็นลมให้ได้ จนพยาบาลต้องคอยให้ยาดมอยู่ตลอดเวลา รำพึงรำพันว่าอยู่ดีๆมีคนมาตายในบ้าน เราต้องทำบุญใหญ่กันแล้ว ทำไมถึงได้มีแต่เรื่องวุ่นวาย

“ทำใจดีๆไว้ค่ะคุณแม่ เรื่องร้ายๆกำลังจะผ่านไปแล้วค่ะ” ปานฟ้าปลอบใจ

เติมบุญมองบุญทิ้งที่ร้องไห้อย่างหนักด้วยความสงสารจับใจ ประคองหนูน้อยลุกขึ้นนั่งบนโซฟากอดปลอบ

“อย่าร้องไห้ไปเลยบุญทิ้ง นายพ่วงไปดีแล้ว อย่างน้อย ก่อนตายนายพ่วงก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องและดีที่สุด สำหรับเราทุกคนต่อไป ตาจะดูแลหลานเอง”

“คุณตาเชื่อที่พ่อพ่วงพูดเหรอครับ”

“เชื่อตาตัวเองต่างหาก สายตาคนแก่ มองอะไร

ไม่ผิดหรอก ต้องคนมีสายเลือดเดียวกันเท่านั้น ถึงจะยอมตายแทนกันได้ ไม่งั้นเจ้าคงไม่เสี่ยงชีวิตช่วยตาหรอกจริงไหม ตาดีใจที่สุดที่บุญทิ้งคือทินภัทรหลานชายที่แท้จริงของตา”

บุญทิ้งกอดเติมบุญน้ำตาคลอ สายอุษาพลอยตื้นตันจนน้ำตาคลอไปด้วย อนิรุทธิ์มองบุญทิ้งไม่วางตานึกไม่ถึงว่าจะได้ลูกคืนมา เขาเอื้อมมือมา บุญทิ้งส่งมือให้ เขาดึงเข้าไปกอด บุญทิ้งเรียก “คุณอนิรุทธิ์...” เขาขอให้เรียกว่า “พ่อ” บุญทิ้งนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนเรียก “พ่อ...พ่อครับ...”

“ลูกพ่อ...” อนิรุทธิ์กอดบุญทิ้ง พึมพำออกมาด้วยความตื้นตันใจจนร้องไห้ออกมา

ooooooo

พิมถูกหมวดตุลย์เอาตัวไปสอบสวนที่มุมหนึ่งในบ้าน โดยมีปานดาวยืนอยู่ด้วย ภูวดลเพิ่งกลับเข้ามา เขารีบตามไปสมทบอย่างร้อนใจ

พิมยังคงแก้ตัวว่าตนไม่ได้ตั้งใจ เพราะนายพ่วงจะทำร้ายตนก่อน ตนจึงป้องกันตัว หมวดถามว่า

“แน่ใจ ว่าไม่ใช่การฆ่าปิดปาก”

“ก็เห็นกันอยู่ว่ามันเดินเข้าไปหานังพิม นี่ถ้าคนของฉันไม่เฉลียวใจ เอามีดแทงมันเสียก่อน ป่านนี้ คนที่ไปเฝ้ายมบาลก็เป็นนังพิมไปแล้ว” ปานดาวแก้ต่างปกป้องพิม เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม

“คุณปานดาวพูดเหมือนพยายามปกป้อง ทั้งที่พวกเราทุกคนก็เห็นว่า นายพ่วงมามือเปล่า ไม่ได้มีท่าทีจะทำร้ายใครเลย” หมวดตุลย์แย้ง สบตาปานดาวย้ำว่า “แค่มาพูดเรื่องจริงให้พวกเรารู้เท่านั้น”

ภูวดลเห็นพวกตนถูกรุกหนัก เกรงจะไม่รอด พูดแทรกขึ้นว่า

“พูดอย่างนี้ก็เกินไปนะหมวด พิมทำงานกับเรามานาน เลี้ยงลูกผมมาตั้งแต่เกิด ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหมวดละก็...ผมคงต้องให้ทนายช่วยจัดการ”

หมวดตุลย์ฟังแล้วเอะใจว่า ทั้งภูวดลและปานดาวต่างก็มีท่าทีแปลกๆ ที่เข้าข้างและปกป้องพิมเกินเหตุ

ส่วนปานฟ้ากับภาคินยืนคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง ภาคินเห็นว่าข้อแก้ตัวของพิมที่ว่าทำเพื่อป้องกันตัวอ่อนมากฟังไม่ขึ้น เพราะนายพ่วงไม่ได้จะทำร้ายพิมเลย พิมไม่น่าตกใจขนาดต้องฆ่า ปานฟ้าเห็นด้วย ทั้งยังตั้งข้อสังเกตว่า ตอนนั้นเหมือนนายพ่วงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง

ooooooo

ภาคินทบทวนเหตุการณ์ขณะนั้น เขาฉุกคิดได้ว่า เหมือนนายพ่วงกำลังจะบอกว่าธัญวิทย์เป็นลูกคนอื่นไม่ใช่ลูกปานดาว แต่ปานฟ้าเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะคนอย่างปานดาวหรือจะเอาลูกคนอื่นมาเลี้ยง ขนาดธัญวิทย์เอง ตั้งแต่เกิดมาก็มีแต่พิมนี่แหละที่เป็นคนเลี้ยงมาตลอด

เติมบุญบอกปานดาวว่าคงให้พิมอยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ปานดาวอ้างว่าตอนนี้พิมก็ได้รับประกันตัวแล้ว แต่เติมบุญเห็นว่าพิมเป็นฆาตกร และตนยังสงสัยว่าพิมจะเป็นคนที่จับตนกับทินภัทรไปเรียกค่าไถ่ตอนนั้นด้วย

เติมบุญยืนกรานว่าให้พิมออกไปพิสูจน์ตัวเองก่อน จากนั้นค่อยว่ากัน ธัญวิทย์ร้องไห้ไม่ยอมให้พิมไป พิมถูกกดดันมากทนไม่ได้ เลี่ยงไปยืนร้องไห้อยู่อีกมุมหนึ่ง ภูวดลเดินไปกระซิบว่า

“ช่วงนี้แกหลบไปไหนสักที่ก่อน รอให้เรื่องเงียบ แล้วฉันจะทำให้แกกลับมาเอง”

“ก็ลองฉันไม่ได้กลับมาที่นี่อีกสิ ธัญวิทย์ก็ต้องไม่อยู่ที่นี่เหมือนกัน” พิมกระซิบตอบทั้งน้ำตาอย่างอาฆาตแค้น

ooooooo

เมื่อเด็กสองคนมาอยู่บ้านเดียวกันและเป็นหลานด้วยกันทั้งคู่ เติมบุญเรียกทั้งสองมายืนตรงหน้า สอนให้รักกัน เพราะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน สายเลือดเดียวกัน เป็นพี่น้องกัน แล้วบอกให้เด็กทั้งสองจับมือกัน

บุญทิ้งยื่นมือออกไป ทีแรกธัญวิทย์มองเฉย จนภูวดลบอกให้จับมือกับพี่เขาหน่อย ธัญวิทย์จึงยื่นมือออกไปจับอย่างเสียไม่ได้ กระชากบุญทิ้งเข้าไปกอดกระซิบด่า “ไอ้ขอทาน ฉันเกลียดแก!”

ooooooo

เพราะหวาดกลัวกังวลว่าความจริงจะถูกเปิดเผยออกมา ทำให้ปานดาวเก็บไปนอนฝันร้ายว่านายพ่วงในสภาพเลือดท่วม เพราะถูกพิมแทง ตามมาจะเอาธัญวิทย์ไป ทั้งยังสาปแช่งว่า

“บาปกรรมมันตามทันแกแล้ว นังปานดาว แกต้องช้ำใจจนตาย...ฮ่าๆๆๆ”

“อย่า...อย่าเอาลูกฉันไป...ไม่นะ...วิทย์...วิทย์...” ปานดาวสะดุ้งตื่นจากเสียงร้องของตัวเอง เหงื่อแตกพลั่ก รีบหันมองข้างตัว เห็นธัญวิทย์หลับอยู่ก็ปลุกขึ้นมากอด จนธัญวิทย์ถามว่าเป็นอะไร บอกให้ปล่อย ตนหายใจไม่ออก

พอรู้ตัว ปานดาวปล่อยธัญวิทย์แล้วจะไปห้องน้ำ พลันก็หันกลับบอกให้ธัญวิทย์ไปเป็นเพื่อน บอกว่าไม่กล้าไปคนเดียว

“วิทย์ง่วง ไม่เอา...เดินสองก้าวก็ถึงห้องน้ำแล้ว ให้วิทย์ไปทำไม” ธัญวิทย์งอแง

พอดีภูวดลเปิดประตูเข้ามา ปานดาวจึงโล่งใจแต่สีหน้ายังหวาดกลัว บ่นว่ากลับมาเสียดึก ตนฝันร้ายว่านายพ่วงจะมาเอาตัวธัญวิทย์ไป

“ป่านนี้ไอ้พ่วงลงนรกขุมไหนไปแล้วก็ไม่รู้ คุณก็กลัวเรื่องไม่เป็นเรื่อง ไอ้ที่ควรกลัวมากกว่าผีกลับไม่กลัว” ภูวดลทำเป็นหัวเราะขำๆ แต่จงใจพูดให้ปานดาวคิด พอปานดาวถามว่าพูดถึงเรื่องอะไร ก็เข้าทางภูวดลพอดี เขายุว่า “ก็ไอ้พวกผีฮุบสมบัติไง น้องสาวคุณกับคู่รักมันน่ากลัวยิ่งกว่าผีไอ้พ่วงเยอะ”

อนิรุทธิ์รีบพาบุญทิ้งไปหาปานเดือนที่โรงพยาบาล บอกบุญทิ้งอย่างสนิทปากสนิทใจว่า

“ไปหาแม่สิลูก”

บุญทิ้งที่มีความรักปานเดือนอยู่แล้ว เข้าไปจับมือปานเดือนที่นั่งเหม่ออยู่ เรียก “แม่ครับ” ปานเดือนหันมาเห็นบุญทิ้งก็ผวาเข้ากอดด้วยความดีใจ เรียกทินภัทร...ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา...

อาการของปานเดือนดีขึ้นอย่างทันตาเห็น จนหมออนุญาตให้กลับมาอยู่บ้าน เธอมีความสุขมาก บอกอนิรุทธิ์ขณะกอดบุญทิ้งไว้ไม่ยอมปล่อยว่า

“ในที่สุด ลูกก็ได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของแม่ แม่จะไม่ให้ใครมาเอาลูกไปไหนอีกแล้ว...”

“พ่อก็ไม่ยอมเหมือนกัน” อนิรุทธิ์มองบุญทิ้งอย่างแสนรัก ส่วนบุญทิ้งก็บอกกับพ่อและแม่ว่าตนก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น

ส่วนเติมบุญพูดกับสายอุษาอย่างดีใจ ปลื้มใจว่า นับแต่ได้ทินภัทรกลับมา อาการของปานเดือนก็ดีวันดีคืน

“ฉันว่าแล้ว เด็กบุญทิ้งมีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนแม่เดือนกับพ่ออนิรุทธิ์แล้วมันก็ใช่จริงๆ โถ...หลานยาย ไประหกระเหินเสียตั้งนาน”

“ดาว...ต่อให้ตกลงมาบนพื้นดิน ก็ยังส่องแสงให้คนเห็น เพราะดาวก็คือดาววันยังค่ำ” เติมบุญปลื้มหลานชาย ปานฟ้าเสริมว่า บ้านเราได้กลับมาเป็นปกติสุขเสียที เติมบุญหันมองหน้าปานฟ้าถามว่า “แล้วเราล่ะยัยฟ้า พาคุณภาคินเขามาบ้านบ่อยๆสิ” พูดแล้วหันไปหยอกสายอุษาว่า “ลูกเขยบ้านนี้ไม่ต้องรวยหรอก ขอให้เป็นคนดีก็พอ แต่ตอนนี้ คนดีเขาก็รวยแล้วเสียด้วยสิ ว่าที่คุณแม่ยายเขาคงไม่รังเกียจแล้วมั้ง”

สายอุษาทำเสียงงอนๆใส่เติมบุญว่า ตนไม่ได้งก ถามว่าผิดด้วยหรือที่กลัวลูกสาวจะลำบาก แล้วสรุปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “เอาเข้าจริง ลูกรักใคร ฉันก็รักด้วยค่ะ”

“คุณแม่ไม่รังเกียจภาคินแล้วใช่ไหมคะ” ปานฟ้าดีใจโผเข้ากอดแม่

“คนดีที่ช่วยชีวิตคุณพ่อ ช่วยครอบครัวเราไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แม่จะรังเกียจเขาลงเหรอจ๊ะ...ยัยฟ้า”

“ฟ้าดีใจที่สุดเลยค่ะ” ปานฟ้ากอดแม่ไว้แน่น ดีใจจนน้ำตาคลอ...

ooooooo

ฝ่ายก้องภพ ทำลายข้าวของในห้องรับแขกที่บ้านพังพินาศอย่างคลุ้มคลั่ง วิมลวรรณกับอานนท์ลงมาเห็นก็ตกใจ วิมลวรรณรีบเข้าไปห้าม ขอให้ลูกใจเย็นๆ บอกว่าเรื่องมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ บอกก้องภพว่า

“คนอย่างคุณสายอุษาเหรอจะยกลูกสาวให้ไอ้ลูกเมียน้อย”

ก้องภพไม่เชื่อ บอกแม่ว่าเลิกหลอกตนและหลอกตัวเองได้แล้ว เพราะใครๆก็รู้กันทั่วว่าปานฟ้าจะแต่งงานกับภาคิน

“รู้อย่างนี้แล้วแกยังจะโวยวายทำไม ผู้หญิงเขาไม่ได้รักเรา จะยังไปรั้งไปอะไรนักหนา เลิกบ้าสักที” อานนท์พูดขึ้นอย่างเหลืออด

ก้องภพยังโวยวายถามว่า ทำไมปานฟ้าจึงทิ้งตนทั้งที่ ตนดูแลเธออย่างดีมาตลอด แทนที่วิมลวรรณจะพูดให้ลูกคลายเครียดทำใจได้ กลับยุว่าเป็นเพราะภาคิน ด่าภาคินว่าเกิดมาเพื่อทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของก้องภพ ด่าว่าเหมือน “แม่มัน” ที่เกิดมาเพื่อทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของแม่

“ไปกันใหญ่แล้วคุณ แทนที่จะสอนลูกให้รู้จักมองตัวเองแล้วยอมรับความจริง นี่กลับโทษคนอื่น”

วิมลวรรณหันมาโต้อานนท์เอาเป็นเอาตาย อานนท์หน่ายที่จะพูด ระอาที่จะโต้ เลยเดินออกไปอย่างหัวเสีย

ก้องภพบ่นกับวิมลวรรณว่าทำไมทั้งพ่อทั้งปานฟ้าถึงไม่รักตน พูดอย่างอาฆาตแค้นว่า

“คอยดูนะ ผมจะไม่ยอมแพ้ ฟ้าจะต้องเป็นของผมให้ได้ ผมจะทำทุกอย่างกำจัดมันให้พ้นทาง”

“ดี...แต่จะทำอะไร อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงหรือออกหน้านะ จะทำลายคนอย่างมันต้องคิดแผนให้รอบคอบ รับรองมันเสร็จเราแน่!” วิมลวรรณยุอย่างอาฆาตแค้น

ooooooo

ถมยังตามหาบุษบาอย่างไม่ย่อท้อ เขาพาช้อยกับไข่ตุ๋นไปเช่าโรงแรมจิ้งหรีดอยู่ เฝ้าคิดหาทางตามบุษบา จนช้อยหมั่นไส้ ชวนถมกลับไปเล่นลิเกทำมาหากินกันเถอะ ถมบอกว่าใครอยากกลับก็กลับไปก่อน และถ้าช้อยจะออกไปตนก็ไม่ห้าม

ไข่ตุ๋นถือหนังสือพิมพ์เข้ามาบอกช้อยให้ตรวจลอตเตอรี่เสีย เผื่อถูกรางวัลที่หนึ่ง ช้อยโยนให้ไข่ตุ๋นตรวจแทน ไข่ตุ๋นเปิดหนังสือพิมพ์ไปเจอหน้าข่าวสังคม มองแวบหนึ่งก็ร้องอย่างตื่นเต้น ช้อยแย่งไปดู อ่อนออกเสียง...

“เจ้าสัวเติมบุญแห่งสหกรุ๊ป เลี้ยงรับขวัญทายาทคนเดียว ทินภัทร” ช้อยไม่อ่านต่อและไม่ได้ดูรูปด้วย บ่นว่าเศรษฐีรวยๆ ก็ดีแต่เลี้ยงกัน ไม่เห็นแบ่งมาให้นังช้อยคนนี้บ้าง

ไข่ตุ๋นจ้องดูภาพร้องบอกว่า “ถูกแล้ว ใช่เลย น้าช้อยดูสิ นี่มันใคร”

พอช้อยรับไปดูก็ร้องอย่างเหลือเชื่อ เมื่อเห็นหลานคนเดียวของเจ้าสัวเติมบุญคือบุญทิ้ง

ooooooo

ไข่ตุ๋นกับช้อยไปหาบุญทิ้งที่บ้าน บุญทิ้งต้อนรับด้วยความดีใจ พาไข่ตุ๋นไปรำและร้องลิเกให้เติมบุญ และสายอุษาฟังจนได้รางวัลเป็นแบงก์พัน ไข่ตุ๋นดีใจมาก แต่ที่ดีใจยิ่งกว่าคือช้อย ปากหวานบอกบุญทิ้งว่า พวกแม่ยกพากันถามถึงไม่ขาดปาก

ไข่ตุ๋นตื่นเต้นกับบ้านที่ใหญ่โต บุญทิ้งจึงพาเดินชมบ้าน จนกระทั่งถึงห้องนอน ไข่ตุ๋นฝากเนื้อฝากตัวกับบุญทิ้งว่า หวังว่าได้มาอยู่แบบนี้แล้วคงไม่ลืมกันนะ ช้อยขอขึ้นไปนอนบนเตียงสักครั้ง แต่ไข่ตุ๋นไวกว่ากระโดดขึ้นไปนอนกลิ้งก่อนแล้ว

ทั้งสามสนุกสนานเพลิดเพลินกับห้องแอร์เย็นฉ่ำ และที่นอนหนานุ่มอย่างเพลิดเพลิน

เวลาเดียวกัน ภาคินก็ดีใจจนยิ้มเต็มหน้าเมื่อปานฟ้าไปบอกข่าวดีที่แม่เปิดทางให้เขาแล้ว ปานฟ้าถามว่าเขายังจะทำงานที่มูลนิธินี้ต่อไปหรือ

“ผมจะทำที่นี่ คู่ไปกับงานบริษัทของคุณพ่อ ผมทิ้งมูลนิธินี้ไม่ได้หรอก ยังมีเด็กๆที่ต้องการความช่วยเหลืออีกมาก”

“ฟ้าดีใจนะคะ ที่รักผู้ชายอย่างคุณ” ปานฟ้ามองเขาอย่างชื่นชม

บุษบาที่แอบดูภาคินอยู่ไกลๆ เห็นลูกกับปานฟ้ามีความสุขก็น้ำตารื้นด้วยความปลื้มใจ แต่ข้างหลังบุษบานั้น ถมแอบมองเธออยู่ ถมไม่พอใจคิดว่าบุษบายังผูกพันกับภาคินแบบชู้สาวอยู่

ooooooo

ก้องภพลุยไปหาปานฟ้าฝ่าด่านเลขาเข้าไปในห้องทำงาน ถามอย่างไม่พอใจมากว่า จะแต่งงานกับภาคินจริงๆใช่ไหม เมื่อปานฟ้ายืนยันว่าเขาฟังมาไม่ผิด ตนกำลังจะแต่งงานกับภาคินจริงๆ ก้องภพตวาดถามว่า

“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง แล้วผมล่ะฟ้า คุณเอาผมไปทิ้งไว้ที่ไหน”

“เรื่องของเรามันจบไปนานแล้วนะก้อง คุณน่าจะเข้าใจอะไรบ้าง ลืมฉันเสียเถอะ” ก้องภพคลั่งขึ้นมาอีก ด่าว่าเป็นเพราะภาคินคนเดียวทำให้เธอเปลี่ยนใจ ปานฟ้าชี้แจงว่า “ภาคินไม่เกี่ยวนะก้อง แต่เพราะคุณเป็นอย่างนี้ไง ฟ้าถึงรักคุณไม่ได้ คุณไม่เคยรู้จักความรัก เพราะถ้าเรารักใคร  เราก็พร้อมที่จะให้  ไม่ใช่คิด

แต่จะครอบครองโดยไม่นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย”

“ไม่จริงหรอก เพราะไอ้ภาคินคนเดียว ที่ทำให้ฟ้าต้องเป็นอย่างนี้ เมื่อก่อนฟ้ายังดีกับผมอยู่เลย พอไอ้ภาคินเข้ามา คุณก็เปลี่ยนไป เพราะมันคนเดียวและ

ทางเดียวที่ฟ้าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมคือ โลกนี้ต้องไม่มีมัน...ไอ้ภาคิน!”

ก้องภพเดินออกจากห้องไปอย่างโกรธแค้น ส่วนปานฟ้ามองตามก้องภพไปด้วยความกังวลว่าเขาจะไปก่อเรื่องอะไรอีก

ooooooo

ถมผิดหวังเสียใจกับท่าทีของบุษบาที่มีต่อภาคินมาก ถามบุษบาว่าคิดอย่างไรกับภาคิน เมื่อบุษบาบอกว่าภาคินเป็นคนที่มีความสำคัญกับตนมาก เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตตน ถมก็ยิ่งผิดหวัง

พูดก่อนเดินจากไปว่า

“ไม่นึกเลย ว่าแม่กัญญาจะคิดอย่างนี้ได้ ฉันผิดหวังในตัวแม่กัญญาจริงๆ”

บุษบาไม่อาจพูดอะไรได้มากกว่านี้ ได้แต่มองตามถมไปน้ำตาคลอ เสียใจที่ตนทำให้ถมผิดหวัง

เมื่อถมกลับมาที่ห้องเช่า ช้อย ไข่ตุ๋นพาบุญทิ้งมากราบ ถมลูบหัวบุญทิ้งอย่างเอ็นดู แสดงความยินดีด้วยที่จะได้มีชีวิตที่ได้อยู่กับพ่อแม่จริงๆเสียที ส่วนพวกตนก็ได้เวลาที่ต้องกลับกันแล้ว ไข่ตุ๋นถามว่าแล้วแม่กัญญาล่ะไม่ไปด้วยหรือ

“แม่กัญญาเขาไม่กลับกับเราหรอก เขามีคนอื่น... อืมมม...อย่างอื่นที่สำคัญกว่าเราแล้ว” ถมตัดบทหน้าเศร้าซึม

ช้อยได้ทีซ้ำเติมว่าต้องเป็นเรื่องพ่อหนุ่มภาคินอะไรนั่นแน่ๆเลย บุญทิ้งฟังแล้วครุ่นคิดสงสัย...

ooooooo

บุญทิ้งไปหาบุษบาที่บ้านเช่า ก้มกราบที่บนตักด้วยความรักและเคารพ บุษบาลูบหัวบุญทิ้งพูดอย่างเอ็นดู สอนว่า

“เป็นบุญของเราแล้วที่ได้มีวันนี้ เพราะความดีและความกตัญญูแท้ๆที่คอยปกป้องบุญทิ้ง เอ้ย...ไม่ใช่สิ ...ทินภัทร จากเรื่องร้ายๆ”

“ขอบคุณแม่ครูมากๆนะครับที่คอยดูแลผมมาโดยตลอด แล้วแม่ครูจะไม่กลับไปกับพ่อครูด้วยเหรอครับ แม่ครูไม่สงสารพ่อครูเหรอครับ”

“สงสารสิ พ่อครูเขาเป็นคนดี เป็นผู้ให้โอกาสคอยช่วยเหลือยามที่แม่ลำบากไม่มีใคร แต่แม่มีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำก่อน” บุษบาพูดด้วยความสงสารถมจับใจ แต่ต้องตัดใจมีบางอย่างสำคัญกว่าที่ต้องทำ

ooooooo

สายอุษาเอาสร้อยเพชรชุดใหญ่ออกมาหมายให้ปานฟ้าใส่ในงานแต่งงาน แต่ปานฟ้าขอเอาเส้นเล็กๆดีกว่า พูดติดตลกว่าเส้นใหญ่มันหนักคอ เติมบุญที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ใกล้ๆพูดแทรกขึ้นว่า เอาแค่พองามก็พอ พูดอย่างภูมิใจว่า ปานฟ้าของเรา

งามกว่าเพชรเป็นไหนๆ ไม่ใส่อะไรก็สวยอยู่แล้ว

ปานดาวตาวาวอยากได้สร้อยเพชรชุดใหญ่ บอกว่าเมื่อปานฟ้าไม่เอางั้นตนขอ แต่สายอุษาเอากลับไป บอกว่า เดิมทีตั้งใจจะให้ปานเดือนใส่ แต่ปานเดือนก็มาไม่สบายเสียนาน พอปานฟ้าจะแต่งก็ให้น้องใส่ก่อน ติงว่า “ดาวจะยึดไปแบบนี้ไม่ถูกนะ”

ปานดาวหาว่าแม่ลำเอียง สายอุษาติงว่าที่ให้ไปนั้นก็มากมายแล้ว เติมบุญแทรกขึ้นว่า ปานดาวเอาไปใส่ทีไร พ่อไม่เห็นแม่ได้คืนสักที

“เอาเถอะ ตอนนี้ได้เท่าที่แบ่งไปก่อน อย่าโลภนักเลยยัยดาว แค่นี้ก็มีจนไม่มีตัวจะใส่อยู่แล้ว” สายอุษากล่อม

ปานดาวมองสร้อยเพชรด้วยความเสียดาย นั่งตะบึงตะบอนให้แม่รู้ว่าตนไม่พอใจ

แต่พอกลับไปเล่าให้ภูวดลฟัง ก็ถูกยุแยงว่า มัวแต่โวยวายไม่เข้าท่าอยู่อย่างนี้จะได้อะไร ไม่เห็นมีปัญญาจะทำอะไรได้

“แล้วจะให้ทำยังไง ให้ไปฆ่านังปานฟ้ารึไง” ปานดาวแหวใส่ ภูวดลยั่วยุว่าแล้วทำได้ไหมล่ะ หรือว่าเก่งแต่ปาก ปานดาวโต้ว่า “ฉันไม่ได้เลวขนาด

ฆ่าน้องตัวเองหรอก เอาแค่ให้มันบ้าแล้วกัน จะได้เป็นเพื่อนยัยเดือน”

“เอาจริงแน่นะ” ภูวดลย้ำ ปานดาวถามว่าจะทำอะไรปานฟ้า ภูวดลพูดเหี้ยมว่า “ไม่ทำหรอก ทำคนที่น้องสาวคุณ...รักดีกว่า!”

ปานดาวตาลุก มองหน้าภูวดลอย่างรู้แผนการของเขา

ooooooo

ดุจดาวดิน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด