ตอนที่ 12
ขณะทุกคนที่บ้านกำลังตกใจเป็นห่วงกับการ หายตัวไปของเติมบุญนั้น พอได้เห็นรูปของเติมบุญก็พากันช็อก ปานฟ้าจะโทร.บอกหมวดตุลย์ อนิรุทธิ์เสนอว่ารอก่อนดีไหม คาดว่ามันน่าจะมีข้อเสนออะไรตามมา
จริงดังคาด คนร้ายโทรศัพท์เข้ามา ยื่นเงื่อนไขให้เอาเงินไปไถ่ตัวเติมบุญเป็นจำนวนห้าสิบล้านบาท
หมวดตุลย์เอาเทปวงจรปิดไปดู เห็นคนร้ายอำพรางใบหน้าเข้าไปในตู้โทรศัพท์สาธารณะ ครู่หนึ่งรีบออกจากตู้โทรศัพท์ มือถือเทปอัดเสียงออกไปด้วยพลางรีบยัดใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ต
หลังจากหมวดตุลย์ดูเทปจากกล้องวงจรปิดแล้ว บอกภาคินกับปานฟ้าว่า มันโทร.จากตู้นี้แน่ ดูแล้วเห็นในมือเหมือนมีมือถือ แต่ดูดีๆแล้วมันเป็นเทปอัดเสียง ตรงกับที่ปานฟ้าเล่าว่าเสียงมันเหมือนไม่ได้พูดจากตู้โดยตรงแต่เหมือนเสียงจากเทป
“มันทำเพื่อปกปิด วางแผนสองชั้นเหรอเนี่ย มันเป็นใครกันแน่...” ปานฟ้าคิดหนัก
หมวดตุลย์ฟันธงว่ามันเป็นผู้หญิง ภาคินสรุปว่าถ้าอย่างนั้นมันต้องมากันสองคน
“แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีคะหมวด...” ปานฟ้าทำท่าจะร้องไห้...
ooooooo
ระหว่างถูกมัดขังไว้ในห้องนั้น จากเสียงข่มขู่ของผู้หญิง บุญทิ้งกับเติมบุญต่างรู้สึกคุ้นๆกับเสียงผู้หญิงคนนี้ แต่ยังนึกไม่ออก
ที่แท้มันคือพิมกับก้านนั่นเอง...
พิมร้อนใจจะให้ก้านจัดการกับบุญทิ้งคืนนี้เลย ก้านกระชากบุญทิ้งขึ้นมา บุญทิ้งดิ้น ก้านบอกให้พิมช่วยจับ เลยถูกบุญทิ้งถีบหน้าจนร้องด่า “โอ้ย...ถีบมาได้ไอ้นี่...ไอ้บุญทิ้ง!”
เติมบุญขอร้องอย่าทำอะไรเด็กเลย ต้องการเงินเท่าไรตนยินดีจ่าย แต่มันไม่เอา เมื่อเติมบุญพยายามขัดขวางก็ถูกก้านผลักไปชนเสาจนหัวแกเลือดไหล บุญทิ้งตกใจร้องเรียก
“คุณตา...”
ก้านกับพิมจะเอาบุญทิ้งไปให้ได้ เติมบุญในสภาพหัวแตกเลือดอาบเอาตัวบังบุญทิ้งไว้ บุญทิ้งเองก็กอดเติมบุญไว้แน่น พิมทั้งด่าทั้งฉุดบุญทิ้ง ทำให้เติมบุญยิ่งมั่นใจว่าเสียงผู้หญิงนี้คุ้นหูมาก
แต่ขณะที่เติมบุญกับบุญทิ้งกำลังอยู่ในอันตรายนี่เอง รถหวอตำรวจก็แว่วมา ก้านกับพิมมองออกไปทางหน้าต่างตึกร้างเห็นหมวดตุลย์นำกำลังมาพร้อมกับภาคิน มันถามกันว่า “มันมาทำไมแถวนี้?”
เติมบุญกับบุญทิ้งต่างดูแลปกป้องกันและกัน จนเติมบุญรำพึงว่า ถ้าทินภัทรยังอยู่ก็คงดูแลตนแบบนี้เหมือนกัน บุญทิ้งรู้แก่ใจดีว่าอะไรเป็นอะไร ลองถามว่า “คุณตาครับ...แล้ว...ถ้าผมเป็นทินภัทรจริงๆคุณตาจะ...”
“ตาก็คงดีใจที่สุด แต่เสียดายที่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะทินภัทรคงตายไปนานแล้ว ตาเลิกหวังแล้ว...”
ทั้งสองกอดกัน เติมบุญน้ำตาคลอ บุญทิ้งก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน แต่ไม่กล้าเผยตัว...
ooooooo
ตำรวจพากันตรวจหาหลักฐานบริเวณรอบห้องแถวร้าง พบผ้าเปื้อนเลือด จึงเอาไปพิสูจน์ว่าเป็นเลือดของเติมบุญหรือเปล่า ถ้าใช่ก็แสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว ภาคินกังวลว่า กลัวพวกมันจะทำร้ายเติมบุญ
“ไม่ต้องห่วง มันแค่ต้องการเงินค่าไถ่ ไม่ได้ต้องการฆ่าคนแก่ เพราะฆ่าไปมันก็ไม่ได้เงิน” ตุลย์วิเคราะห์และเชื่อว่า เลือดที่เห็นนี้อาจเกิดจากอุบัติเหตุนิดหน่อย แต่เชื่อว่าเติมบุญยังมีชีวิตอยู่
ส่วนเติมบุญเล่าเรื่องทินภัทรให้บุญทิ้งฟังอย่างเศร้าใจ บอกบุญทิ้งว่าปานเดือนเสียใจที่ลูกหายจนเสียสติไปอย่างที่เห็น บุญทิ้งถามว่าคุณตาคิดถึงทินภัทรมากไหม เติมบุญบอกว่า ตนเห็นเด็กทุกคนในวัยเดียวกันเป็นทินภัทรไปหมด รวมทั้งบุญทิ้งด้วย ถามว่า แล้วทำไมถึงอยากรู้เรื่องทินภัทรนัก
บุญทิ้งทำท่าจะบอกแต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวเติมบุญจะไม่เชื่อ
ที่หน้าตึกร้าง ตำรวจและภาคินเดินหาจนทั่วก็ไม่เจออะไรอีก จนหมวดตุลย์ผ่านห้องหนึ่งผิดสังเกตที่ลูกบิดประตูไม่มีฝุ่นจับเหมือนห้องอื่น หมวดตะโกนถาม “ใครอยู่ข้างใน เปิดประตูเดี๋ยวนี้ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”
ภายในห้องเงียบกริบ พิมเริ่มกลัว แต่ก้านบอกว่านาทีนี้ ตายเป็นตาย
บุญทิ้งได้ยินเสียงตำรวจแต่ถูกปิดปากไว้ จึงถีบเก้าอี้ล้มเสียงดัง ทำให้หมวดตุลย์เชื่อว่าข้างในต้องมีคน
พิมกับก้านเห็นข้างนอกเงียบก็นึกว่าตำรวจไปกันแล้ว พิมบอกก้านให้เอาบุญทิ้งไปจัดการเสีย ก้านลากบุญทิ้งขึ้นไปที่ชั้นบนของห้องแถว ระหว่างนั้นบุญทิ้งพยายาม ต่อรองเพื่อไม่ให้ก้านฆ่าตน สุดท้ายทิ้งไพ่ตายว่า
“รู้นะที่จะฆ่า เพราะผมคือทินภัทรใช่ไหม” พิมตกใจถามว่าทำไมรู้ บุญทิ้งไม่ตอบต่อรองอีกว่า “จะหนีไปไกลๆ ไม่กลับบ้านนั้นก็ได้”
พิมเผลอด่าบุญทิ้งว่าเป็นมารชีวิตลูกตน แล้วบอกก้านให้รีบจัดการเสีย
บุญทิ้งดิ้นสุดฤทธิ์มือป่ายปัดทำหมวกไหมพรมของพิมหลุด จึงรู้ว่าท่ีแท้ก็คือพิมนี่เอง แต่พิมไม่ยี่หระ คิดว่าเดี๋ยวบุญทิ้งก็ตายแล้ว
ที่ชั้นล่างพวกหมวดตุลย์ค้นเจอเติมบุญถูกขังอยู่ในห้องน้ำ เติมบุญบอกให้รีบไปช่วยบุญทิ้ง หมวดจึงนำกำลังขึ้นไปเจอก้านกำลังจะฆ่าบุญทิ้งพอดี
“หยุดเดี๋ยวนี้ นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ วางอาวุธ ยกมือขึ้น!”
พิมเห็นจวนตัวบอกก้านว่าหนีเอาชีวิตรอดก่อนดีกว่า ก้านเห็นอยู่ใกล้บันไดแล้วจึงผลักบุญทิ้งไปทางหมวดตุลย์กับภาคินแล้วพากันวิ่งหนีลงไป ภาคินมองตามพูดอย่างสะใจ
“ไม่รอดแน่พวกเอ็ง!”
ooooooo
ก้านกับพิมวิ่งลงมาถึงชั้นล่าง เจอเติมบุญยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ มันจับเป็นตัวประกันพร้อมกับเอาปืนที่ซ่อนไว้ออกมาเตรียมสู้ตาย หมวดตุลย์ตามลงมา สั่งให้ปล่อยเติมบุญ ก้านท้าว่าเราต่างก็มีปืน ตายกันหมดนี่ก็แล้วกัน
ภาคินพยายามหว่านล้อม เติมบุญก็ต่อรองให้สัญญาว่าตนจะไม่เอาเรื่อง แต่ก้านไม่เชื่อ บุญทิ้งใช้แผนเดิม ตะโกนขึ้นว่า “ระวัง...ตำรวจมา” ทำให้ก้านเสียสมาธิ หมวดตุลย์ลั่นไกเฉียดไหล่ก้านแล้วพุ่งเข้าเตะปืนมันทิ้ง แค่นั้นเอง ก้านที่ทำท่าจะสู้ตายก็ร้องขอชีวิต
พิมเห็นปืนก้านอยู่ใกล้ๆ ก็หยิบเล็งไปทางก้านกับหมวดตุลย์ สั่งให้ถอยไป จากนั้นหันไปยิงเติมบุญ ภาคิน กระโจนเข้าเอาตัวบังเติมบุญไว้ เขาถูกยิงที่หน้าอกครู่เดียวก็หมดสติไป...
รถพยาบาลมารับภาคินที่นอนหมดสติ ปานฟ้าขับรถมาถึงก็วิ่งไปดูภาคิน พรํ่าเรียกบอกเขาว่าตนอยู่นี่ จนตุลย์ต้องเข้ามาบอกว่าปล่อยเถอะ เพราะภาคินต้องรีบไปโรงพยาบาล
ปานฟ้าถามเติมบุญว่าภาคินจะเป็นอะไรไหม เติมบุญบอกว่าเขาต้องไม่เป็นอะไร เขาช่วยชีวิตพ่อไว้ พ่อเป็นหนี้บุญคุณเขา แล้วนึกได้หันมองหาบุญทิ้งว่าหายไปไหน ปานฟ้าถามอย่างตื่นเต้นว่าบุญทิ้งมาที่นี่หรือ พลางมองหา แต่ไม่เห็น
ที่แท้บุญทิ้งไปหลบอยู่ที่ซอกหนึ่ง แอบดูเติมบุญและปานฟ้าด้วยความรู้สึกที่ผูกพัน แต่ตัดสินใจไม่ไปหาเพราะกลัวพวกเขาจะเดือดร้อนเพราะตน ได้แต่แอบดูด้วยความเศร้าและโดดเดี่ยว...
ooooooo
พิมกลับมาบ้านแล้ว ถูกปานดาวด่าว่าลาไปเยี่ยมบ้านนึกว่าลาตายไปแล้ว บ่นว่าพิมไม่อยู่ตนถูกธัญวิทย์กวนจนเกือบจะตีตายแล้ว เพราะลำพังทำงานก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว
แต่พิมกลับมาครั้งนี้ไม่เหมือนเก่าแล้ว ไม่ยอมก้มหัวให้ปานดาวด่าเอาตามใจชอบ ทั้งยังพยายามจะแสดงตัวเป็นแม่ของธัญวิทย์ด้วย พอถูกปานดาวด่า ปราม ว่าอย่าปากมาก ก็ถูกย้อนว่า
“ไม่ให้พูดก็อย่าบ่น ถ้าวันไหนนังพิมมันเบื่อขึ้นมา ระวังจะพังกันหมด”
“นี่แกขู่ฉันเหรอ”
“ไม่ได้ขู่ แต่พิมบอกให้คุณดาว...เจียมกะลาหัว ต่างหาก!” พูดแล้วพิมเดินเชิดออกไป ปานดาวมองอย่างแค้นใจแต่ไม่กล้าทำอะไร
ooooooo
หลังจากทำแผลที่หัวแล้ว เติมบุญกลับมาพักผ่อนที่บ้าน สายอุษาเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ครํ่าครวญว่าถ้าเขาเป็นอะไรไปตนจะอยู่ได้อย่างไร ภูวดลสอพลอทำคะแนนบอกว่าตนกับปานดาวก็เป็นห่วงพ่อจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เติมบุญยิ้มให้ปานดาว ภูวดล และสายอุษาอย่างปลื้มใจ ลูบแผลที่หัวพูดอย่างซึ้งสะเทือนใจว่า
“รู้ว่าเมียลูกเป็นห่วงแบบนี้ ชื่นใจหายเป็นปลิดทิ้ง ตอนที่มันตบพ่อ จนหัวไปกระแทกได้เลือด ก็มีบุญทิ้งเป็นคนคอยช่วยดูแลตลอด ตัวนิดเดียว แต่มีนํ้าใจ จนตัวเองต้องลำบาก จะโดนมันฆ่า”
ปานดาวถามทันทีว่าแล้วบุญทิ้งตายไหม เติมบุญ ตำหนิว่าถามอะไรอย่างนั้น บอกว่า ตอนแรกโจรมันก็จะฆ่า แต่ภาคินกับหมวดตุลย์มาช่วยทัน
“แล้วตอนนี้บุญทิ้งอยู่ไหนคะ น่าจะให้รางวัลเด็ก” สายอุษาถาม
“ตอนหลังที่ชุลมุน ภาคินโดนยิง ก็ไม่รู้บุญทิ้งหายไปไหน ทำไมถึงไม่ยอมกลับมาด้วยกันก็ไม่เข้าใจ หรือจะโดนไอ้สองคนผัวเมียโจรมันจับไปอีกก็ไม่รู้ นังเมียโจรน่ะ ร้ายกาจที่สุด เด็กตัวเล็กนิดเดียว ยังจะทำได้ลงคอ ชั่วมาก”
พิมสะดุ้งจนเก็บอาการแทบไม่อยู่ ทำเครื่องดื่มที่จะเอามาให้เติมบุญแทบหลุดจากมือ พอถูกสายอุษาตำหนิ ก็บ่นว่าพักนี้ตนดวงตก ทำอะไรก็พลาดไปหมด แล้วทำเป็นปวดหัวขอไปพัก
ปานดาวยังติดใจเรื่องบุญทิ้ง พูดเปรยๆว่า
“เด็กนั่นไม่กลับมาบ้านเราก็ดีแล้ว มันเป็นตัวซวย ก่อแต่เรื่องไม่หยุดไม่หย่อน ดูสิคะ ตั้งแต่คุณพ่อรู้จักมัน มีแต่เคราะห์ตลอด แถมเดือนก็ผีเข้าผีออก ดาวว่า คุณพ่อลืมมันเถอะ ชีวิตนี้คงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว”
“จะลืมคนที่มีบุญคุณได้ยังไง พ่อเป็นหนี้ชีวิต
บุญทิ้ง พูดก็พูดเถอะ แปลกจริงๆกับหลานแท้ๆ อย่างธัญวิทย์ยังไม่รู้สึกผูกพันเหมือนที่รู้สึกกับบุญทิ้งเลย”
ปานดาวใจไม่ดี กลัวความจริงจะถูกเปิดเผย จนภูวดลต้องสบตาปรามไม่ให้มีพิรุธ
ooooooo
ปานฟ้าไปเฝ้าภาคินที่โรงพยาบาล พรํ่าภาวนา ขอเขาอย่าเป็นอะไรไป...ขอให้ตื่นมาพบหน้ากันเร็วๆ กระซิบบอกว่า
“ฟ้าอยู่นี่นะคะภาคิน...ฟ้าอยู่นี่ค่ะ...”
เฟื่องแก้วดูอยู่ข้างนอก เธอขยับจะเข้าไป
ถูกตุลย์รั้งไว้ถามว่าจะเข้าไปทำไม ปล่อยปานฟ้า
ให้อยู่กับภาคินตามลำพังดีกว่า เฟื่องแก้วอ้างว่าตนก็เป็นห่วงหัวหน้าตนเหมือนกัน
ตุลย์รำพึงรำพันว่าน่าน้อยใจ ตนก็เหนื่อยแทบตายแต่ไม่มีสาวไหนเห็นใจเลย แล้วคว้ามือเฟื่องแก้วชวนไปหาอะไรดื่มกันดีกว่า พูดแล้วกึ่งจูงกึ่งลากไป พอเฟื่องแก้วเอะอะ ก็ทำเสียงดุว่า
“เอาน่า...อย่าอยู่แถวนี้ เกะกะพยาบาลเขา”
เฟื่องแก้วค้อนๆแต่ก็ไปตามเขา เมื่อตุลย์พาไปนั่งที่มุมกาแฟบรรยากาศน่ารักสั่งกาแฟให้ตัวเองและนํ้าส้มให้เฟื่องแก้วแล้ว เขาพูดด้วยท่าทีที่ขรึม จริงจังขึ้นว่า
“ผมรู้นะว่าตลอดมาคุณคิดยังไงกับภาคิน ถึงผมจะหล่อน้อยกว่ามันนิดนึง พูดมากไปหน่อย แต่ผมอยากจะบอกคุณว่าหัวใจผมไม่เคยไปไหน ไม่เคยมีใคร นอกจากคุณ...เฟื่องแก้ว”
เฟื่องแก้วทำหน้าเป็นถามว่าจริงจัง จัดหนักไปรึเปล่า ตุลย์ทำตาเชื่อมถามว่า
“คุณจะเขินมากไหม ถ้าผมคุกเข่าขอแต่งงานกลางโรงพยาบาลนี้”
“หมวดบ้า...อย่าทำนะ อายเขา...ฟงแฟนยังไม่ได้เป็น จะมาขอแต่งงานได้ไง”
“งั้นก็เป็นแฟนกันตอนนี้เลย ต่อไปจะได้แต่งได้” ตุลย์กุมมือเฟื่องแก้วทำตาเยิ้ม
“หมวดนะหมวด...ไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแล้ว...” เฟื่องแก้วเขิน เมินไปทางอื่น แต่แอบอมยิ้มดีใจ...
ooooooo
ภูวดลเรียกพิมไปคาดคั้นถามว่า เธอกับก้านเป็นคนจับเติมบุญไปเรียกค่าไถ่ใช่ไหม พิมทำหน้าตายบอกว่าตนไม่รู้เรื่อง แต่พอถูกภูวดลขู่ว่าอย่าโกหก อย่าคิดว่าตนโง่ พิมก็โยนกลองว่าตนไม่ใช่คนต้นคิด
ภูวดลดันตัวพิมไปจนติดผนัง กระซิบเสียงเข้ม
“แกกับไอ้ก้านทำแล้วทำไมไม่จัดการให้สำเร็จ ปล่อยไอ้แก่นั่นรอดมาทำไม ถ้ามันตายป่านนี้สมบัติทั้งหมดก็เป็นของลูกแกแล้ว” พิมถามอย่างตื่นเต้นว่าเห็นพินัยกรรมแล้วหรือ ยกให้ธัญวิทย์ทั้งหมดใช่ไหม ถูกตะคอกว่า “ถามตอนนี้จะมีประโยชน์อะไรวะ คิดว่าตัวเองฉลาดนักรึไง ทำอะไรไม่ปรึกษาฉันก่อน ต่อไปไอ้แก่คงระวังตัวแจจนเล่นงานมันไม่ง่ายแล้ว”
ภูวดลกระแทกพิมใส่ผนังแล้วผละไปอย่างอารมณ์เสีย พิมมองตามอย่างเจ็บใจที่ถูกพี่ชายด่า
ooooooo
ปานฟ้าเฝ้าอยู่จนภาคินรู้สึกตัว รีบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ภาคินพยายามพูดเสียงอ่อนแรงเพราะยังไม่ฟื้นดี ปานฟ้ารีบถามว่า “มีอะไรคะ เจ็บตรงท้องเหรอคะ เดี๋ยวฟ้าเรียกพยาบาลให้”
ภาคินบอกว่าตนแสบท้อง หิวข้าว ปานฟ้ากลั้นหัวเราะ ขำทั้งนํ้าตา มองหน้าเขาอย่างเป็นห่วงบ่นเขินๆว่า
“คุณนี่ก็...ตกใจแทบแย่ เดี๋ยวจะจัดอาหารชุดใหญ่ให้หายหิวเลยค่ะ”
“คุณฟ้า...นี่คุณเฝ้าผมตลอดทั้งคืนเลยเหรอ”
“ต่อให้ตลอดไปฟ้าก็จะเฝ้า เฝ้าจนกว่าคุณจะฟื้นรู้สึกตัว”
ภาคินถามถึงคุณพ่อของเธอ ปานฟ้าบอกว่าท่านพักอยู่ที่บ้าน แล้วทำหน้าดุทำเสียงต่อว่าว่า เพิ่งฟื้นขึ้นมาก็ถามถึงคนอื่นแล้ว บอกเขาว่าห่วงตัวเองก่อนเถอะ เดี๋ยวจะให้เขารีบจัดอาหารมาเลยดีกว่า พูดอย่างร่าเริงว่า รอแป๊บเดียวนะคะ
ปานฟ้ายิ้มแย้มดีใจ เช่นเดียวกับภาคิน ที่มองเธออย่างซาบซึ้งใจ ที่ในยามนี้มีเธออยู่เคียงข้าง...
ooooooo
วันนี้ เติมบุญมานั่งที่ห้องรับแขกเหมือนตั้งใจจะคอยพิม เมื่อพิมมาปัดกวาดด้วยท่าทีหวาดระแวง เติมบุญเรียกให้เข้ามาหาบอกว่ามีอะไรจะพูดด้วย
พิมสะดุ้ง คลานเข่ามาหาถามโดยไม่กล้าสบตาว่า “คุณท่านมีอะไรให้พิมรับใช้คะ”
เติมบุญส่งหมวกไหมพรมให้ บอกว่าใส่ให้ดูหน่อย พิมมองอึ้ง หาทางเลี่ยงถามว่าใส่ทำไม ร้อนจะตาย เติมบุญบอกว่า เอาเถอะใส่ให้ดูหน่อยตนอยากเห็น
พิมส่ายหน้าปฏิเสธอย่างมีพิรุธว่า หมวกไหมพรมแบบนี้ตนใส่แล้วคัน ตนแพ้ขน แล้วอดถามอย่างระแวงไม่ได้ว่า คุณท่านให้ใส่ทำไมหรือ ถามแล้วไม่รอคำตอบรีบขอตัวไปอย่างร้อนรน ทำให้เติมบุญยิ่งมองอย่างสงสัย
เติมบุญตามพิมไปอีก พิมร้อนรนจนถอยมาชน อุทานอย่างตกใจ เติมบุญดักคอว่า เสียงนี้คุ้นหูจัง ถามอีกว่าบ้านอยู่ไหน พิมบอกว่าอ่างทอง เติมบุญถามว่าอ่างทองนํ้าท่วมหนักที่บ้านนํ้าลดหรือยัง
ขณะพิมอํ้าอึ้งนั่นเอง ภูวดลก็เดินเข้ามาทักเติมบุญ ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ติงว่าอย่าเดินมากเดี๋ยวแผลกระเทือน แล้วเข้าช่วยพยุงบอกว่าเข้าไปนั่งดีกว่า พลางแอบส่งสัญญาณให้พิมรีบไปเสีย
พิมรีบร้อนถอยไปจนเกือบชนปานฟ้าที่กำลังเดินมา ทำเป็นมองตาเขียวแล้วเลี่ยงไป ปานฟ้าไม่พอใจแต่ไม่อยากมีเรื่อง เดินเข้าไปหาพ่อ เติมบุญถามว่าภาคินเป็นอย่างไรบ้าง
“รู้สึกตัวแล้วค่ะ พ้นขีดอันตราย ตอนนี้นอนหลับ ฟ้าเลยกลับมาอาบนํ้า เดี๋ยวจะไปดูต่อ”
“โชคดีนะที่ไม่ตาย พี่ขอให้หายเร็วๆนะ คนสำคัญของฟ้าเสียด้วย” ภูวดลแดกดันยิ้มๆ
“ถ้าไม่ได้เขาเข้ามารับกระสุน ป่านนี้พ่อคง...กลับบ้านเก่าไปแล้ว พ่อเป็นหนี้ชีวิตภาคินกับบุญทิ้ง เขามีบุญคุณกับพ่อเหลือเกิน”
“คุณภาคินคงไม่นึกแบบนั้นหรอกค่ะ คุณพ่ออย่าคิดมาก ที่เขาทำไปเพราะต้องการช่วยเหลือคุณพ่ออย่างเดียว ไม่ได้คิดเป็นบุญคุณอะไร” ปานฟ้าพูดให้พ่อสบายใจ
“ใครจะนึกหรือไม่นึกไม่สำคัญ แต่พ่อจะต้องตอบแทนภาคินกับบุญทิ้งให้ถึงที่สุด”
ภูวดลฟังเงียบๆอย่างไม่พอใจ กลัวสมบัติจะถูกแบ่งไปให้คนอื่น
ooooooo
ระหว่างที่เติมบุญเดินคุยกับปานฟ้าที่สนามหน้าบ้านนั้น เขาตำหนิตัวเองว่า
“ครั้งก่อน พ่อไม่น่าใจร้อนให้บุญทิ้งออกจากบ้านไป พ่อทำพลาดมาก”
“ฟ้าดีใจที่คุณพ่อเข้าใจบุญทิ้ง เด็กดีอย่างนั้น ไม่คิดขโมยอะไรแน่ค่ะ”
ระหว่างนั้น บุญทิ้งมาแอบดูอยู่หน้าบ้าน เห็นเติมบุญกับปานฟ้าเดินคุยกันอยู่ ก็ได้แต่มองเศร้าๆ ใจอยาก เข้าไปหา แต่ไม่กล้า
“นั่นน่ะสิ ขนาดยอมเสี่ยงชีวิตช่วยพ่อ ทั้งที่ไม่ได้เป็นตาเป็นหลานกัน แสดงว่าเขาเป็นคนดีมีนํ้าใจ ไม่มีวันเป็นขโมยขโจรแน่นอน”
“เรื่องที่เกิดขึ้นคราวก่อน ฟ้าว่า...น่าจะมีคนใส่ร้ายบุญทิ้ง” ปานฟ้าตั้งข้อสังเกต
เติมบุญนิ่งคิด พลันก็สะดุดเมื่อได้ยินเสียงพิมร้องเรียกธัญวิทย์ที่หนีการป้อนข้าววิ่งเตะบอลผ่านมาที่สนาม พิมอ้อนวอนให้กินอีกคำเดียว ทานน้อยเดี๋ยวตนโดนเอ็ด
“สม...โดนเอ็ดก็เรื่องของแก บอกไม่กินก็ไม่กินสิ” ธัญวิทย์ไม่สนใจวิ่งเตะบอลต่อ
เติมบุญเห็นแล้วส่ายหน้า พึมพำอย่างระอาใจว่า
“ดูเด็กบ้านนี้สิ มีสมบูรณ์พร้อม ขนาดวิ่งเอาอาหารใส่ปากยังไม่อยากกิน เด็กอื่นตั้งกี่แสนกี่ล้านที่หิวแต่ไม่มีข้าวจะกิน” แล้วร้องบอกพิมว่า “ไม่กินก็ไม่ต้องตามไปป้อน โตขนาดนี้แล้ว”
พิมบอกว่าตามป้อนยังขนาดนี้ถ้าไม่ตามป้อนมีหวังไม่กินเลย เติมบุญบ่นว่าเอาใจกันจนเสียเด็ก บอกเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อ พิมยอกย้อนว่า “ท่านก็ไปบอกคุณดาวเองสิคะ พิมก็ทำตามคำสั่ง เลี้ยงให้ดีที่สุด”
ธัญวิทย์เตะบอลไปทางที่บุญทิ้งแอบดูอยู่ พอธัญ–วิทย์วิ่งไปเก็บบุญทิ้งรีบหลบ พิมเห็นแว้บๆ แต่พอเพ่งก็ไม่เห็นแล้ว เลยไม่ติดใจสงสัยอะไร
ooooooo
ภูวดลได้ยินเติมบุญพูดถึงบุญทิ้งอย่างเมตตาเอ็นดูและเป็นหนี้ชีวิต ทั้งยังจะตอบแทนความมีนํ้าใจด้วย ก็กังวล ขึ้นไปยุปานดาวที่ห้องนอนว่า
“สมบัติของพ่อคุณ ยกให้ตาวิทย์แล้ว ก็ให้คุณเป็นผู้จัดการมรดกเสีย”
“จ้างคุณพ่อก็ไม่ยอม ปานฟ้าต่างหากที่เป็นลูกรัก” พูดพลางหยิบแหวนเพชรที่กำลังขัดอยู่ขึ้นส่อง
ภูวดลเดินไปหยิบแหวนเพชรจากมือปานดาวไป เพื่อให้เธอหันมาสนใจเขาเต็มที่ ก่อนจะพูดเสียงเข้มว่า
“ถ้าคุณไม่จัดการ ผมจะทำเอง”
“คุณจะทำอะไร...พูดแปลกๆ”
ภูวดลแค่นยิ้มหน้าเหี้ยม แต่ไม่ตอบ
ปานฟ้าเฝ้าดูแลภาคินด้วยความเป็นห่วง เธอจะป้อนยาให้ ภาคินขอทานเอง เธอมองหน้าเขาทำเสียงดุแต่ตายิ้มว่า
“คนป่วยอย่าดื้อสิคะ ว่าง่ายๆ จะได้หายเร็วๆ”
ภาคินอ้าปากรับยาที่ปานฟ้าป้อนให้อย่างหวานชื่น พูดอย่างชื่นใจว่า
“จะหายเร็วก็เพราะมีคนป้อนนี่แหละ ไม่ใช่ยา” ภาคินนึกอะไรได้บอกเธอว่า “ผมเป็นห่วงคุณฟ้า ผมว่ามีคนร้ายจ้องเล่นงานที่บ้านคุณ เริ่มตั้งแต่จับทินภัทร
แล้วก็มาจับพ่อคุณอีก”
ทั้งคู่คุยกันอย่างสงสัยว่าเรื่องทินภัทร ทำไมมาเกี่ยวกับบุญทิ้งแล้วยังพัวพันกับบ้านเธออีก ภาคินถามว่าบังเอิญหรือเปล่าปานฟ้าคิดว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่ก็ฉุกคิดว่า “หรือสองเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกัน”
“คุณหมายความว่าไง”
“ไม่รู้เหมือนกัน ทำไมคนร้ายที่เล่นงานบ้าน
ปานฟ้ากับบุญทิ้งถึงเป็นพวกเดียวกันได้ มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า”
“นั่นสิ เราต้องรู้ให้ได้ว่า ความจริงคืออะไรกันแน่”
ภาคินที่นอนเจ็บอยู่ นิ่งขรึมไป
ooooooo
ขณะบุญทิ้งเดินอย่างเคว้งคว้างเศร้าสร้อยบนถนนเปลี่ยวนั้น หนูน้อยต้องตกใจผงะเมื่อจู่ๆก็มีคนมายืนดักหน้า ครั้นเงยมองเห็นเป็นนายพ่วง ก็โผเข้าหาด้วยความดีใจ “พ่อพ่วง...”
นายพ่วงมองบุญทิ้งดุๆ เยี่ยงผู้ใหญ่ที่เป็นห่วงเด็ก ตำหนิแกมบ่นว่า
“ไอ้ทิ้งนะไอ้ทิ้ง ไอ้เด็กดื้อ ข้าบอกให้เอ็งหนีไปให้ไกล หน็อย...ทำเป็นเก่ง ตัวกะเปี๊ยกจะช่วยเศรษฐี เป็นไงเกือบตายสิเอ็ง พูดไม่รู้ประสาคน”
บุญทิ้งชี้แจงว่าที่ตนช่วยเพราะเติมบุญเป็นคุณตาของตน นายพ่วงด่าว่าโง่...แล้วเขารู้หรือเปล่าว่าตัวเอ็งเป็นหลาน
“คุณตาไม่รู้ แต่ผมรู้ แล้วเมื่อผมรู้แล้ว จะให้ไม่ช่วยเขาได้ยังไง ผมทำไม่ได้หรอกพ่อพ่วง ไม่ว่ายังไง ผมก็ให้ใครทำร้ายคุณตาเติมบุญไม่ได้” บุญทิ้งพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาแสนซื่อ
“เฮ้อ...ข้าไม่รู้ว่าที่เอ็งเกิดมาเป็นลูกหลานบ้านนี้ มันโชคดีหรือเป็นกรรมของเอ็งกันแน่” นายพ่วงบ่นอย่างหนักใจ
ooooooo
ที่ห้องลับแห่งหนึ่ง ภูวดล พิม และก้าน สมคบกันวางแผนที่นั่น ภูวดลบอกสองผัวเมียว่า ตนไม่ต้องการให้เติมบุญมีชีวิตอยู่อีกต่อไป พิมตกใจถามพี่ชายว่าเอากันถึงขนาดนั้นเลยหรือ งานใหญ่เชียวนะ
“ทำเนียนๆ หน่อยสิวะ ให้เหมือนอุบัติเหตุมันตายเอง...แล้วฉันจะให้พวกแกสิบล้าน” ภูวดลเสนอ
ค่าจ้างวาน ก้านยังไม่พอใจเพราะเติมบุญมีเป็นพันล้าน ภูวดลกล่อมว่า “ทำงานนี้ให้สำเร็จก่อน ต่อไปจะได้อีกเยอะ แต่ต้องทำเท่าที่ฉันบอก ห้ามทำเกินคำสั่ง อย่าทำอะไรเองอีก...เป็นครั้งที่สอง”
ภูวดลมองก้านเหี้ยม พิมอึ้ง ส่วนก้านหน้าขรึมกับงานใหญ่ที่ได้รับ
ooooooo
ปานฟ้าดูแลภาคินอย่างใกล้ชิด ความรักความเห็นใจและความผูกพันนับวันซึมซับแนบแน่นอบอุ่น
ครู่หนึ่งพยาบาลเข้ามาวัดปรอทและให้ยา เปิดประตูแง้มไว้ โดยไม่รู้ว่า ที่หน้าห้องก้องภพมายืนจ้องทั้งปานฟ้าและภาคินอย่างอาฆาตแค้น
หลังจากหมอให้ยาภาคินไม่นาน เขาก็เริ่มง่วง บอกปานฟ้าว่าให้กลับบ้านเสียอย่าขับรถดึก มันอันตราย
“ค่ะ งั้นฟ้าไปก่อน นอนพักมากๆ นะคะจะได้หายเร็วๆ” ปานฟ้าจัดผ้าห่มคลุมให้ แล้วหันไปหยิบกระเป๋าและมือถือยิ้มหวานให้ภาคิน แต่พอจะหันไป ก็ถูกเขาจับแขนไว้ มองด้วยแววตาเว้าวอน พูดอ้อนว่า
“คุณฟ้า...ให้กำลังใจคนเจ็บหน่อยสิครับ” พูดแล้วทำแก้มป่องเอานิ้วชี้ที่แก้ม “นิดนึง...ตรงเนี้ย อยากให้ผมหายเร็วๆไม่ใช่เหรอ”
“ง่วงขนาดนี้ยังจะเล่นอีก คุณนี่...” ปานฟ้าเขิน แต่พอถูกอ้อนอีกที เธอบ่น “คนเจ็บคนนี้ ได้ทีเอาใหญ่เชียวนะ” แล้วก็ใจอ่อนกับสายตาเว้าวอนของเขา วางมือถือที่ปลายเตียง แล้วก้มจุ๊บแก้มที่ภาคินเอียงให้ด้วยความรัก
“อีกข้าง...” ภาคินเอียงแก้มอีกข้างให้ ปานฟ้าทำหน้าอำว่าขี้โกง แล้วคว้ากระเป๋าถือเดินไปอย่างอารมณ์ดี มีความสุขแต่ลืมมือถือเสียสนิท
ooooooo
ปานฟ้าออกจากห้องไปกดลิฟต์ เธอไม่ทันสังเกตชายที่นั่งยกหนังสือพิมพ์บังหน้าอยู่ ก้องภพนั่นเอง! เขามองปานฟ้าอย่างแค้นใจ กำมือแน่น ขยำหนังสือพิมพ์ทิ้ง ตาแดงก่ำ
ไม่นาน ก้องภพก็เข้ามาในห้อง ภาคินกำลังหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา เขามองภาคินอย่างอาฆาตแค้น ย่องไปหยิบหมอนที่วางบนโซฟา ตรงไปที่เตียง คำรามเบาๆ...
“แกเป็นมารฉันมาตั้งแต่เกิด...แย่งพ่อ แย่งตำแหน่งลูกชายคนโต แย่งทุกอย่าง แม้แต่ผู้หญิงที่ฉันรัก ถ้าไม่มีแกสักคน ฉันก็จะได้ทุกอย่าง อย่าอยู่ร่วมโลกกันต่อไปเลย!!”
ก้องภพกดหมอนปิดหน้าภาคินอย่างแรงหมายให้ตายคามือ ภาคินหายใจไม่ออก ดิ้นรนพยายามสู้ ทั้งที่อ่อนเพลียมาก...
ooooooo
ปานฟ้ามาถึงรถ ขึ้นนั่งปิดประตู หยิบกระเป๋าจะหาโทรศัพท์ ปรากฏว่าไม่มี เธอนิ่งนึกทบทวนว่า ลืมมือถือไว้ที่ไหน?
เป็นเวลาที่ภาคินกำลังดิ้นทุรนทุรายเพราะถูกหมอนกดหน้าแน่นจนหายใจไม่ออก จังหวะที่ดิ้นหลุดเห็นก้องภพกำลังพยายามเอาหมอนปิดหน้าอีก ภาคินถามเสียงขาดเป็นห้วงๆ
“ก้อง...แก...จะทำอะไรฉัน...”
“แกแย่งพ่อยังไม่พอ ยังแย่งฟ้าไปจากฉัน ถ้าแกตาย ฟ้าก็ต้องกลับมา”
“แกมันบ้าไปแล้ว ฉันไม่ได้แย่งคุณฟ้าไปจากแก เราสองคน...”
ก้องภพไม่ต้องการฟัง เขากระโจนไปกระชากสายน้ำเกลือที่ให้ยา เท่านั้นไม่พอ ยังกระหน่ำชกภาคิน
อย่างบ้าเลือด ปากก็ตะคอกอย่างแค้นใจ “ไม่ต้องแก้ตัว ไอ้ชั่ว...แกมันไอ้ตัวมาร!”
ภาคินทั้งบาดเจ็บทั้งถูกชกดิ้นจนอ่อนแรงลงทุกที ก้องภพได้ทีเอาหมอนปิดหน้าภาคินกดสุดแรงหมายให้ตายคามือ
ภาคินดิ้นอ่อนแรงลงทุกที...
ปานฟ้าย้อนกลับมาเพื่อเอาโทรศัพท์ พอออกจากลิฟต์ก็เห็นพยาบาลวิ่งกันหน้าตาตื่นไปทางห้องภาคิน เธอใจหายวาบถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
“ไม่รู้ในห้องเกิดอะไร เสียงดังเหมือนคนตีกันเลยค่ะ” พยาบาลบอกพลางวิ่งพลาง
ปานฟ้ารีบวิ่งตามพยาบาลไปอย่างเร็ว
ooooooo
ก้องภพกำลังกดหมอนใส่หน้าภาคินสุดแรง พลันก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงเอะอะและมีคนวิ่งมาที่ห้อง
พยาบาลกับปานฟ้าผลักประตูพรวดเข้ามาในห้อง เห็นภาคินนอนแน่นิ่ง สายน้ำเกลือห้อยหลุดจากแขน ข้าวของในห้องตกเกลื่อนกระจาย
“ภาคินคะ...คุณภาคิน...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...ใครมาทำอะไรคุณ” ปานฟ้าวิ่งเข้าหาภาคินที่นอนหมดสติอยู่
“คุณ...รู้สึกตัวไหมคะ...คุณภาคิน” พยาบาลจับตัวเขย่า
ปานฟ้ามองไปรอบห้องไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับภาคิน
ที่ระเบียง...ก้องภพหลบและแอบดู เห็นปานฟ้าห่วงใยภาคินมากเท่าไร ความสะใจความแค้นก็คุโชนขึ้นเท่านั้น
ooooooo
ภาคินอาการหนักจนต้องเข้าห้องไอซียู เฟื่องแก้วมาเยี่ยม มองผ่านประตูกระจกเข้าไปในห้อง ถามอย่างเข้าใจไม่ได้ว่า
“ทำไมอาการคุณภาคินถึงแย่ลงแบบนี้ ไหนหมอว่าอาการดีขึ้นแล้ว...”
“ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น” อานนท์ที่ยืนอยู่ด้วยเสียงเครียด
“ฟ้าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ พอเข้าไปในห้อง ก็เห็นคุณภาคินนิ่งไปแล้ว”
หมวดตุลย์มาถึง ทักทุกคนที่หน้าห้อง แล้วเชิญให้ตามตนไปเพื่อให้ดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับภาคิน
เมื่อทุกคนตามหมวดตุลย์ไปในห้องออฟฟิศของโรงพยาบาล หมวดเปิดเทปจากกล้องวงจรปิดให้ดู ภาพที่ปรากฏคือมีใครคนหนึ่งเดินเข้าไปในห้องภาคิน เฟื่องแก้วถามว่าใคร? อานนท์ก็เพ่งมองอย่างสงสัย
หมวดตุลย์บรรยายอย่างรู้เหตุการณ์แล้วว่า
“ชมกันต่อครับ หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถึงช่วงชุลมุนครับ พยาบาลวิ่งกันให้ควั่กเลย เพราะได้ยินเสียงโครมครามจากห้องภาคิน และคุณปานฟ้ากลับมาอีกครั้ง เพราะลืมโทรศัพท์มือถือ”
ในภาพ เห็นพยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวิ่งเข้าไปในห้อง เข็นเตียง พาร่างภาคินที่หมดสติอยู่ออกไปอย่างเร่งด่วน ปานฟ้าวิ่งตามเตียงไปด้วยความเป็นห่วง...
เฟื่องแก้วถามว่าเป็นตอนที่พาภาคินไปห้องไอซียูใช่ไหม หมวดบอกว่าใช่ ถามทุกคนว่า เห็นอะไรแปลกๆบ้างไหม
“ผู้ชายคนที่เข้าห้องภาคินเมื่อกี้ ไม่ได้ออกมาด้วย” อานนท์เห็นความผิดปกติ
“ครับผม คุณฟ้าลองคิดสิครับว่าตอนเข้าไปในห้องภาคิน เห็นใครบ้างไหม” หมวดถาม
“ไม่ค่ะ เห็นแต่ภาคินนอนไม่ได้สติ สายน้ำเกลือขาด ข้าวของกระจุยกระจายเต็มไปหมด”
อานนท์คาดว่า ผู้ชายคนนั้นเข้าไปทำร้ายภาคิน เฟื่องแก้วถามว่าแล้วมันหายไปไหน หนีไปตอนไหนไม่เห็น
“ไม่ได้หนีไปไหนครับ เดินออกมานั่นแล้วไง” หมวดตุลย์ชี้ให้ดูเป็นภาพชายคนหนึ่งออกจากห้องภาคินทำท่าเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น แล้วเดินย้อนกลับมาทางเดิม ทำให้เห็นหน้าตรงเต็มๆ แต่เป็นภาพระยะไกลมองไม่ชัด
หมวดบอกให้เจ้าหน้าที่ให้หยุดภาพตรงนั้น เฟื่อง-แก้วเขม้นมองถามว่านั่นใคร หมวดบอกให้เจ้าหน้าที่ซูมภาพใบหน้าชายคนนั้น พอเห็นชัดเต็มตา อานนท์อุทาน
“ก้องภพ!”
“คุณอานนท์ครับ ผมต้องขออนุญาตออกหมายจับก้องภพในข้อหาพยายามฆ่าครับ” หมวดเอ่ย
อานนท์ไม่ตอบ มองหน้าก้องภพในจอด้วยความรู้สึกเสียใจ ผิดหวังอย่างที่สุด
ooooooo
ก้องภพกลับบ้านเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางหิ้วกระเป๋าเดินลงมาอย่างร้อนรน เจอวิมลวรรณก็ขอเงินด่วนหนึ่งแสนบาท วิมลวรรณบ่นไปตามประสาว่าจะเอาไปทำอะไร มีบัตรเครดิตก็รูดไปสิ มองอย่างสำรวจถามว่า หิ้วกระเป๋าจะไปไหนอีก
“อย่าถามตอนนี้เลย ผมต้องการเงินสด ถ้ามีไม่ถึงแสน ตอนนี้มีเท่าไหร่ก็เอามาก่อน ผมรีบ”
วิมลวรรณถามว่าไปทำอะไรมา ทำไมดูลุกลี้ลุกลนชอบกล คาดคั้นถามว่าจะไปไหนเอาเงินไปทำอะไร
ก้องภพไม่ทันพูดอะไร เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น วิมล-วรรณชะเง้อมองทางหน้าต่าง ถามอย่างแปลกใจว่า
“ตำรวจนี่ ตำรวจมาทำอะไรที่นี่” ก้องภพรีบบอกว่าอย่าเปิดประตู วิมลวรรณมองขวับ “ไปทำอะไรมาใช่ไหม ตำรวจถึงตามมาที่บ้าน”
ก้องภพไม่ตอบ แต่ร้อนรนวิ่งพล่านจนทำอะไรไม่ถูก
ooooooo
หมวดตุลย์นำกำลังตำรวจเข้ามาในบริเวณโถงบ้าน ยื่นหมายจับให้วิมลวรรณดู แจ้งว่า เป็นหมายจับข้อหาพยายามฆ่าภาคิน วิมลวรรณตกใจหน้าซีดเผือด แต่ยังโวยวายหาว่าตำรวจพูดพล่อยๆ มีหลักฐานหรือเปล่า ขู่ว่าถ้าไม่มีตนจะฟ้องกลับ
ครั้นหมวดตุลย์ชี้แจงว่า ถ้าไม่มีหลักฐานก็คงออกหมายจับไม่ได้ แล้วเชิญก้องภพไปโรงพัก ก้องภพประกาศว่าตนจะไม่ไปไหนทั้งนั้น
“ถ้าไม่ไปไหนก็คงไม่เตรียมกระเป๋าเดินทางไว้หรอกมั้ง ผมเกรงว่าที่ที่คุณไปจะเป็นห้องขังเสียมากกว่า” พูดแล้วส่งสัญญาณให้ตำรวจอีกคนเข้าคุมตัวก้องภพ
วิมลวรรณขัดขวางไม่ยอมให้ตำรวจจับก้องภพ ส่วนก้องภพสะบัดหลุดจากตำรวจที่มาคุมตัว ชกตำรวจคนนั้นจนเซ หมวดตุลย์เข้าไปช่วย ถูกวิมลวรรณดึงไว้ เลยโดนก้องภพเสยหมัดใส่ไปอีกคน แล้ววิมลวรรณก็ตะโกนบอกก้องภพให้รีบหนีไป
หมวดตุลย์ลุกขึ้นจะตามไป ถูกวิมลวรรณพุ่งเข้ามาขวาง พอหมวดทำท่าจะผลักให้พ้นทาง วิมลวรรณก็โวยวายว่า
“จะทำร้ายร่างกายฉันเหรอ”
“โธ่เอ๊ย...จำไว้นะคุณวิมลวรรณ ลูกชายคุณไม่มีวันจะหนีรอดไปไหนได้เด็ดขาด คนทำความผิดต้องได้รับโทษ!”
หมวดตุลย์กับตำรวจจำต้องเดินกลับไปอย่างหัวเสีย ในขณะที่วิมลวรรณหน้าซีดเผือดด้วยเป็นห่วงลูกชาย
ooooooo
ปานฟ้าในชุดเยี่ยมผู้ป่วยในห้องไอซียู นั่งกุมมือ ภาคินน้ำตาไหลด้วยความเป็นห่วง สะเทือนใจ
ที่นอกห้อง เฟื่องแก้วมองผ่านกระจกเข้าไป มองดูความรักความห่วงใยที่ปานฟ้ามีต่อภาคินด้วยความเห็นใจในความรักของทั้งสอง
เมื่อปานฟ้าออกมาแล้ว เธอยังยืนเหม่ออย่างทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นกับภาคิน เฟื่องแก้วเอากาแฟมาให้ ปลอบใจว่าภาคินคงไม่เป็นอะไรมาก อีกไม่นานก็คงดีขึ้น อย่าเป็นทุกข์ไปเลย
ปานฟ้ามองหน้าเฟื่องแก้วนิ่งนาน จนเฟื่องแก้วถามว่าทำไมมองตนแปลกๆ ปานฟ้าบอกว่านึกว่าเธอจะไม่ชอบหน้าตนเสียอีก เฟื่องแก้วตัดสินใจคุยอย่างเปิดใจว่า
“ทั้งไม่ชอบ ทั้งหมั่นไส้เลยล่ะค่ะ” พูดแล้วก็หัวเราะเบาๆก่อนบอกว่า “แต่นั่นเมื่อก่อนนะคะ ก็ช่วยไม่ได้ค่ะ อยู่ดีๆผู้ชายที่แสนดีของฉันก็มาตกหลุมรักคุณหนูไฮโซอย่างคุณปานฟ้า” เฟื่องแก้วหยุดหัวเราะขำๆกับความคิดของตัวเอง เล่าว่า “ทีแรกคิดว่าคุณโปรยเสน่ห์เล่น แต่ตอนนี้ถึงรู้ว่าคุณรักคุณภาคิน”
“ค่ะ...ฟ้ารักคุณภาคินมาก มากสุดหัวใจเลยค่ะ และก็จะรักเขาคนเดียวตลอดไป” ปานฟ้ายิ้มอย่างมั่นใจ มีความสุขที่ได้เปิดเผยความรู้สึกลึกๆของตน
แม้ตัวเฟื่องแก้วจะเศร้า แต่ก็ยอมรับความจริง ได้แต่ยิ้มเศร้าๆ
ระหว่างทั้งสองคุยกันนั่นเอง ก้องภพแอบฟังอยู่อย่างโกรธแค้น
ooooooo
ปานเดือนยังอยู่โรงพยาบาล บุญทิ้งแอบไปหาร้องและรำลิเกให้ดูอย่างน่ารัก ด้วยเนื้อหาที่สะท้อนถึงความรู้สึกของแม่ลูกที่พลัดพรากจากกันและได้มาเจอกัน ปานเดือนดูและฟังบุญทิ้งร้องรำอย่างมีความสุข เมื่อบุญทิ้งร้องรำเสร็จก็เรียกเข้าไปหา
“เก่งที่สุดเลยทินภัทร มาให้แม่กอดทีลูก” บุญทิ้งเข้าไปให้กอด ถามว่าแม่ชอบดูลิเกหรือ “จ้ะ แม่ชอบดูลิเก โดยเฉพาะลิเกที่ลูกชายของแม่แสดง แม่มีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ทินภัทร สัญญากับแม่นะว่าจะไม่หนีไปไหนอีก จะอยู่กับแม่อย่างนี้ตลอดไป”
บุญทิ้งนิ่งไม่ตอบ แต่กอดปานเดือนไว้แน่นด้วยความรัก
ขณะนั้นเองประตูห้องเปิดออก อนิรุทธิ์เข้ามา บุญทิ้งตกใจผละจากปานเดือนทำท่าจะหนี อนิรุทธิ์ถามว่าจะไปไหนอีก พอบุญทิ้งอึกอัก อนิรุทธิ์เข้าไปหา ยิ้มอย่างเอ็นดูขณะพูดว่า
“เพราะเรานี่เองสองสามวันมานี่ เดือนถึงอาการดีขึ้นมาก”
“ทินภัทรจะไปไหนอีกลูก อย่าไปไหนนะ ข้างนอกอันตราย คุณคะอย่าไปบอกใครเรื่องลูกนะคะ มีคนใจร้ายมันจะจับลูกเราไป อย่าให้ลูกไปไหนอีกนะ” ปาน-เดือนขอร้อง อนิรุทธิ์มองด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับบุญทิ้ง?
ooooooo
อนิรุทธิ์พาบุญทิ้งไปนั่งคุยกันที่สวนหย่อมในโรงพยาบาล ถามบุญทิ้งว่า
“ไปทำอะไรมาถึงได้ต้องหนีหัวซุกหัวซุน แล้วทำไมถึงมีคนคอยไล่ล่าตามล้างตามเช็ดกันขนาดนี้”
“คือ...” บุญทิ้งอ้ำอึ้งอย่างไม่พร้อมจะตอบ อนิรุทธิ์อ่านใจออกบอกว่า
“อืมมม ถ้าไม่ไว้ใจฉัน งั้นไปแจ้งความกัน ไปบอกให้ตำรวจช่วยดีไหม”
บุญทิ้งรู้อยู่เต็มหัวใจว่า อนิรุทธิ์เป็นพ่อ หนูน้อยมองหน้าเขานิ่ง จนอนิรุทธิ์สงสัยมองบุญทิ้งด้วยแววตาที่อ่อนลง
บุญทิ้งบอกว่าตนไม่อยากให้ทุกคนมีอันตราย อนิรุทธิ์ถามว่าหมายถึงใคร ทุกคนในบ้านตนหรือใคร? แต่บุญทิ้งก็ยังนิ่งเงียบ อนิรุทธ์พูดอย่างผู้ใหญ่สอนเด็กว่า
“บุญทิ้ง...ฟังนะ ถ้าสิ่งที่เธอทำมันไม่ได้ผิด ไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้าย เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร ความจริง และสิ่งที่ถูกต้อง จะไม่ทำร้ายใคร”
“แต่ความจริงจะทำร้ายทุกคน...ผมขออะไรได้ไหมครับ” บุญทิ้งถาม มองอย่างชั่งใจ เมื่อเห็นอนิรุทธิ์สนใจฟัง จึงบอก “อย่าบอกใครว่าผมมาหา...คุณเดือน ได้ไหมครับ”
อนิรุทธิ์ถอนใจก่อนพยักหน้า แต่ยังมองบุญทิ้งอย่างสงสัยว่า หนูน้อยคนนี้ ต้องเก็บความลับอะไรไว้แน่ๆ
ooooooo
ที่หน้าห้องไอซียู ก้องภพใส่เสื้อผ้าอำพรางตัว เดินดิ่งไปที่ห้องไอซียู พลันก็ต้องชะงักเมื่อเจอปานฟ้าเดินมากับบุษบา ก้องภพรีบหลบแอบดู
ปานฟ้ากับบุษบาเดินมาถึงหน้าห้องไอซียู พบหมอเจ้าของไข้พอดี จึงหยุดคุยกันตรงนั้น
หมอบอกว่า ตอนนี้อาการของภาคินดีขึ้นมากแล้ว อีกไม่นานคงออกจากห้องไอซียูได้ แล้วหมอก็เอาฟิล์มให้ดูและคุยกันอยู่ตรงนั้น
หลังจากนั้น บุษบาเดินไปหยุดที่ประตูห้องไอซียู ยืนติดประตูกระจกเพื่อจะได้เห็นภาคินถนัดชัดเจนขึ้น เห็นภาคินนอนมีสายระโยงระยางรอบตัว สะเทือนใจจนรำพึงออกมาเบาๆ
“ลูกเอ๋ยลูก ทำไมต้องมาเจ็บหนักอย่างนี้ ลูกแม่อย่าเป็นอะไรไปเลยนะ...”
ก้องภพแอบฟัง เขาตะลึงงันกับความจริงที่ได้ยิน ที่แท้...ผู้หญิงคนนี้คือแม่ของภาคินนั่นเอง!
ooooooo
ที่ห้องรับแขกบ้านเติมบุญ...เติมบุญกำลังนั่งคุยกับทนายอยู่ ปานดาวเดินผ่านมาเห็นจึงแอบดูแอบฟัง เห็นทนายยื่นซองเอกสารให้เติมบุญ บอกว่า
“นี่ครับท่าน เอกสารและพินัยกรรมที่ท่านให้ผมจัดการ”
“ขอบใจมาก ตอนนี้ที่บ้านมีแต่เรื่องวุ่นวายมากมายเหลือเกิน ตั้งแต่ฉันถูกจับตัวไป ก็คิดว่า ฉันควรจะทำอะไรอย่างที่ควรทำจริงๆ จังๆ เสียที ยัยเดือนอาการก็ยังไม่ดีขึ้น ส่วนยัยดาว ก็...เฮ้อ...คงมีแต่ยัยฟ้านี่แหละ ที่ฝากฝังอะไรได้ ถ้าฉันตายวันตายพรุ่งขึ้นมาจริงๆ ก็คงมีแต่ยัยฟ้านี่แหละ ที่จะให้เป็นผู้ดูแลและจัดการมรดกของฉันทั้งหมด”
“ครับท่าน”
“ขอบใจมากนะคุณทนาย” เติมบุญยิ้มสบายใจขึ้น
ปานดาวกำมือแน่น ตาวาวโรจน์อย่างแค้นจัด!
ooooooo










