สมาชิก

ดุจดาวดิน

ตอนที่ 11

ที่ประตูรั้วมูลนิธิ มีป้ายติดไว้ว่า “มูลนิธินี้ถูกสั่งปิดชั่วคราว” ภาคินไขกุญแจเข้าไป มองบริเวณมูลนิธิที่เกลื่อนไปด้วยใบไม้และของเล่นเด็กที่ถูกทิ้งระเกะระกะอย่างหดหู่ใจ คิดไม่ถึงว่าชีวิตจะตกต่ำถึงเพียงนี้

เขาเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงาน  จิตใจของเขาเวลานี้ เจ็บปวดกับความรักและเรื่องแม่  งานก็เสียหายอย่างร้ายแรง  เขารำพึงอย่างเจ็บร้าว...

“ทำไมชีวิตเป็นแบบนี้ ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว”

แต่ที่โรงลิเก ทุกชีวิตที่นั่นกำลังสดชื่นมีชีวิตชีวา เมื่อลิเกเด็ก “จอมทอง ศิษย์ถมทอง” หรือบุญทิ้ง ที่ถมบอกว่าเป็นตัวนำโชค มาพลิกฟื้นชีวิตของคณะที่ซบเซามานานให้ได้รับความนิยมขึ้นมาอีกครั้ง

ถมเอาเงินของบุญทิ้งที่ได้จากการเล่นลิเกและพวงมาลัยที่บรรดาแม่ยกมาคล้องให้ไปเข้าธนาคาร ถามอย่างเอ็นดูว่าได้เงินแล้วอยากได้อะไร บุญทิ้งบอกว่า จะเก็บไว้ให้แม่ ถมหยอกว่า กว่าจะเจอแม่บุญทิ้งก็เป็นเศรษฐีแล้ว

“มีเงินก็เท่านั้น ไม่รู้แม่อยากเจอผมไหม” บุญทิ้งพึมพำเศร้าๆ

“อยากเจอสิ ต้องอยากเจอแน่ แม่ทุกคน รักลูกทั้งนั้น” บุษบาตอบด้วยความรู้สึกของคนเป็นแม่ ครั้นบุญทิ้งถามว่ารักแล้วทำไมแม่จึงทิ้งตนไป บุษบาตอบหน้าเศร้าว่า “บางที...เพราะรัก ถึงจำเป็นต้องทิ้ง ถึงจำเป็นไม่ให้รู้”

บุญทิ้งยังไม่เข้าใจและเข้าใจไม่ได้ บุษบาบอกตรงๆว่า “บุญทิ้ง...แม่ครูนี่แหละ ทิ้งลูกแท้ๆเหมือนกัน”

ooooooo

เพราะปานเดือนเห็นบุญทิ้งเล่นลิเกในทีวี แต่นั้นมาก็คร่ำครวญถึงแต่ลูกทินภัทรตลอดเวลา จนอนิรุทธิ์เศร้าใจ ส่วนปานดาวพูดเยาะเย้ยสะใจว่าปานเดือนจะกู่ไม่กลับเสียแล้ว แต่ภูวดลคิดลึกกว่านั้น เอะใจสงสัยนายพ่วงขึ้นมา

ปานฟ้าที่มาเยี่ยมปานเดือนกับก้องภพ ปรารภว่าเห็นปานเดือนดีขึ้นแล้ว จู่ๆก็มาแย่ลงอีก ก้องภพบอกว่า ก็แค่อาการเพ้อของคนเป็นโรคประสาทเท่านั้น อาการแบบนี้หมอก็ยังส่ายหน้าเลย

ปานฟ้าฟังแล้วเซ็งมาก เลยขอแยกตัวไปทำงาน ก้องภพไม่ยอมจะไปด้วย อ้างอย่างปัญญาอ่อนว่า เธอไปไหนก็จะไปด้วย เลยถูกปานฟ้าถามว่าถ้าตนไปห้องน้ำหญิงจะตามไปด้วยไหม เลยได้แต่ยิ้มแหยๆ

ปานฟ้าไปที่มูลนิธิ เห็นสภาพแล้วก็นึกเป็นห่วง แต่พอเปิดประตูเข้าไปยิ่งสะเทือนใจ เมื่อพบภาคินเมาฟุบหลับอยู่ มีขวดเหล้าเบียร์เกลื่อนรอบตัว

เธอเข้าไปจับตัวเขย่าถามอย่างตกใจว่า ทำไมเป็นแบบนี้ ถูกภาคินโงหัวขึ้นมาพูดเสียงอ้อแอ้ว่า “นี่มันชีวิตของผม ถึงผมทำร้ายตัวเองก็ไม่เคยทำร้ายคนอื่น ไม่เคยทำให้ใครเสียใจ” แล้วไล่เธอให้กลับไปหาคู่หมั้นเสีย

ทั้งสองต่อว่าต่อขานกันเล็กน้อยประสาคนมีเรื่องบาดใจกันอยู่ สุดท้ายปานฟ้าพูดประชดว่า

“คุณเคยถามสักคำไหมว่าทำไมฉันต้องหมั้นกับก้อง เชิญคุณทำตัวแย่ๆต่อไปเถอะเดี๋ยวก็มีคนมาปลอบใจเยอะแยะ”

“ชีวิตผมไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว” ภาคินเป็นฝ่ายลุกเดินหนีออกไป ปานฟ้าตามไปอย่างสะเทือนใจ แต่เขากลับไล่ว่าต่อไปไม่ต้องมายุ่งกับตนอีก จะไปไหนก็ไปเลย

“ก็ได้ ถ้าคุณอยากให้ฉันไป ฉันจะไป และจะไม่กลับมาหาคุณอีก” ปานฟ้าน้ำตาร่วงหันหลังเดินออกไปด้วยหัวใจปวดร้าว ภาคินมองตามด้วยความรู้สึกเดียวกัน...

ooooooo

ภาคินกลับเมาหลับอยู่ที่พื้นบ้านชั้นล่าง อานนท์มาปลุกถามว่าทำไมเมาขนาดนี้ เรียกให้ไปนอนข้างบนเสีย วิมลวรรณมาเจอมองอย่างสะใจ ด่าว่า เมาแล้วเหมือน ขยะเน่า ขยะที่ประจานความมักง่ายของคนเป็นพ่อ

อานนท์ถามอย่างสุดทนว่าด่าพอหรือยัง ไม่เหนื่อยบ้างรึไง วิมลวรรณพูดอย่างอาฆาตว่าจะด่าจนกว่าเขากับภาคินจะตาย ครั้นอานนท์บอกว่าตนไม่ตายง่ายๆหรอก รอเธอตายไปก่อน ก็ถูกปรามว่าเดี๋ยวนี้ต่อล้อต่อเถียงหรือ ร้ายขึ้นทุกวันนะ อานนท์ย้อนถามว่า “คุณดีแต่โทษคนอื่น เคยหันไปมองตัวเองบ้างไหม”

อานนท์พยุงภาคินที่หมดสภาพแล้วขึ้นมา วิมลวรรณจ้องจิกแผดเสียงกรี๊ดๆอย่างแค้นใจ

ooooooo

ภูวดลเอะใจว่าบุญทิ้งยังไม่ตาย ทำทีไปเยี่ยมปานเดือนให้ร้องลิเกที่เธอเห็นบุญทิ้งร้องในทีวีวันนั้น จำเนื้อเพลงไว้ แล้วให้ก้านไปตามหาลิเกเด็กที่ร้องเพลงนี้ให้ได้ สั่งเหี้ยมว่า “เจอเมื่อไหร่ คงรู้นะว่าต้องทำยังไง”

พิมถามอย่างตกใจว่า บุญทิ้งก็ตายไปแล้วจะต้องฆ่าใครอีก ภูวดลยิ้มเหี้ยมสั่งให้ฆ่าทุกคนที่ปานเดือนคิดว่าเป็นทินภัทร!

พิมจึงไปบอกก้าน ย้ำว่ามาถึงขั้นนี้แล้วถอยไม่ได้ ถ้าเจอเด็กที่น่าสงสัยก็จัดการให้หมด อย่าให้ใครมาแย่งสมบัติลูกเราได้ ดังนั้น ก้านจึงตระเวนไปตามคณะลิเกต่างๆ ไม่นานก็มีข่าวเด็กถูกฆ่าปาดคออย่างเหี้ยมโหดออกมา

ถมอ่านข่าวแล้วสั่งให้ไข่ตุ๋นกับบุญทิ้งให้ระวังตัวเพราะยิ่งดังๆอยู่ด้วย โดนมันหมายตาไว้หรือเปล่าก็ไม่รู้

ก้านตระเวนฆ่าเด็กจนมาถึงลิเกคณะถมทอง เห็นไข่ตุ๋นรำลิเกได้รับเสียงปรบมือจากคนดูถูกหมายหัวว่า

นี่ก็ปล่อยไว้ไม่ได้ จากนั้นก็ซุ่มคอยจังหวะ จนลิเกเลิก

ไข่ตุ๋นออกมาเตะบอลเล่นประสาเด็ก ขณะไข่ตุ๋นวิ่งไปหาบอลที่พงหญ้านั่นเอง ถูกก้านเอาลูกบอลยื่นออกมาถาม “หาลูกบอลนี่หรือเปล่าไอ้หนู”

ไข่ตุ๋นเห็นหน้าโหดๆของก้านก็กลัว แต่เสียดายบอล บอกให้เอาคืนมา เลยถูกก้านพยายามจะจับตัว ไข่ตุ๋นกลัวถอยหนี ช้อยออกมาร้องเรียกไข่ตุ๋นบ่นอุบอิบว่าหายไปไหนจะใช้ทีไรหาตัวไม่เจอทุกที

บุญทิ้งมาเห็นก้านกำลังไล่จับไข่ตุ๋น เลยแกล้งตะโกน “ตำรวจ...ตำรวจมา!”

ก้านชะงักถูกไข่ตุ๋นกัดมือมันเลยปล่อย ไข่ตุ๋นกับบุญทิ้งถามกันว่าเอาไงดี ตัดสินใจวิ่งหนีแต่สะดุดล้มเลยถูกก้านคว้าคอเสื้อหิ้วขึ้นมาทั้งสองคน เมื่อไข่ตุ๋นกับบุญทิ้งหนีไม่พ้นก็ตะโกนขอความช่วยเหลือ ช้อยถือสากกะเบือที่กำลังตำน้ำพริกวิ่งออกมาเจอ เลยขว้างสากกะเบือเข้าเบ้าตาก้านพอดี

ก้านปล่อยเด็กทั้งสองเอามือกุมเบ้าตาทั้งปวดทั้งแสบ ช้อยแค้นใจถลกผ้าถุงวิ่งเข้าไปเตะผ่าหมากเข้าอีกป้าบ คราวนี้มันเลยไม่รู้จะกุมเบ้าตาหรือกุมเป้าดี มันพุ่งเข้าบีบคอช้อย

ไข่ตุ๋นกับบุญทิ้งเห็นช้อยถูกทำร้ายจึงวิ่งเข้าไปช่วย ทั้งสามช่วยกันร้องขอความช่วยเหลือ ถมได้ยินเสียงวิ่งออกมา ก็ไม่เห็นก้านแล้ว

เมื่อพากันไปแจ้งความ ตำรวจเตือนให้ดูแลเด็กๆให้ดีด้วย ส่วนทางเจ้าหน้าที่ก็จะส่งสายตรวจมาดูแลให้ถี่กว่านี้

“ใช่สิแม่กัญญา ฉันว่าเราโดนแกล้งแน่ ไอ้พวกนั้นมันหมั่นไส้เห็นเราดังกว่าเลยอิจฉา ส่งคนมาจัดการเด็กๆ”ช้อยเอ่ย

“ฉันว่าไม่ใช่ กลัวเป็นคนโรคจิตที่ชอบทำร้ายเด็กที่เล่นลิเกที่เป็นข่าวน่ะสิ ว่าแต่ว่า มันจะฆ่าเด็กไปทำไม” บุษบาตั้งข้อสงสัย แล้วผู้ใหญ่ทั้งสองก็มองหน้ากันอย่างกังวล

ooooooo

ก้านกลับไปให้พิมทำแผลให้ คุยว่าเด็กที่เล่นลิเกนั้นตนจะจับได้อยู่แล้ว ไม่น่าพลาด พิมเอารูปไข่ตุ๋นที่ลงหนังสือพิมพ์มาชี้ให้ดูบอกว่าเด็กนั่นทั้งอ้วนทั้งดำปานเดือนคิดว่าเป็นลูกได้ไง แต่พอดูรูปอื่นที่มีบุญทิ้งติดมาด้วย พิมก็จำได้ อุทาน

“ไอ้...ไอ้บุญทิ้ง...มันยังไม่...”

พิมเครียดขึ้นทันที ลิ่วไปหานายพ่วงเอารูปไปยืนยันว่าบุญทิ้งยังไม่ตาย คาดคั้นจนนายพ่วงยอมรับ ถามว่าเด็กคนเดียวทำไมต้องไล่ฆ่าแกงกันขนาดนั้นปล่อยไปเถอะ เด็กมันไม่กลับมาอีกหรอก แล้วถามเป็นการเป็นงานว่า ทำไมต้องพยายามเอาชีวิตเด็กนั่นนัก ตัวเองก็เห็นมาตั้งแต่เกิด ตอนนั้นยังไม่ฆ่ามาตอนนี้จะฆ่าทำไม

พิมเอะใจถามว่าเด็กไหน นายพ่วงไม่อยากบอก แต่ถูกพิมคาดคั้นจนในที่สุดบอกว่า

“เด็กที่เอ็งอยากจะให้ตาย มันก็ไอ้คนเดียวกะที่เอ็งอุ้มมาให้ข้า 10 ปีก่อนโน้น บอกให้ข้าเอาไปขาย เอ็งจำได้ไหม”

“อย่าบอกนะว่า บุญทิ้ง...คือ...ทิน...ภัทร!”

“ก็เออซิวะ มันเป็นเด็กคนเดียวกัน”

พิมกลับไปเล่าให้ภูวดลฟัง ภูวดลบอกว่าอย่างนี้ยิ่งต้องจัดการเด็ดขาด พิมบ่นว่าตนไม่น่าไว้ใจนายพ่วงเลย เพราะนายพ่วงเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กเลยฆ่าบุญทิ้งไม่ลง ภูวดลสั่งให้เก็บนายพ่วงเสีย เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องนี้อีก

หลังจากนั้น ภูวดลก็นำสมุนไปหานายพ่วงที่บ้านเช่าด้วยตัวเอง ให้สมุนสองคนซ้อมนายพ่วงปางตาย แล้วเอาเชือกรัดคอจนนายพ่วงแน่นิ่ง มันแน่ใจว่าตายแล้วก็ทำลายหลักฐานก่อนพากันหนีไป

ที่แท้นายพ่วงแกล้งตาย พอพวกภูวดลไปแล้ว ก็รีบฮุบอากาศหายใจ กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ คำราม

“ไอ้ชั่วเอ๊ย...จะตัดตอนเหรอ...ไม่ได้กินข้าร้อก...”

ooooooo

ภาคินได้รับการเตือนสติจากอานนท์สอนให้เขามีสติในการดำเนินชีวิต และให้คิดถึงแม่ว่า ถ้าแม่เห็นเขาเป็นเยี่ยงนี้จะเสียใจแค่ไหน จนภาคินได้คิด ลุกขึ้นมาเป็นคนเดิม บอกว่าจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง ต้องไม่ท้อ ยังความปลื้มปีติแก่อานนท์มาก

สิริโสภาเพื่อนที่แสนดี ดีใจมากที่ภาคินคนเดิมกลับมาแล้ว เมื่อภาคินยังไม่มีอะไรทำ เธอจึงชวนไปช่วยงาน เพราะเธอได้เป็นคณะกรรมการในการประกวดความสามารถของเด็กที่ปานฟ้าจัดที่ห้าง เธอจึงให้ภาคินซึ่งเคยทำงานเกี่ยวกับเด็กมาเป็นตัวแทนเธอในงานนี้

ปานดาวไม่พอใจที่ภาคินมาทำงานนี้ หาว่ากำลังถูกสอบสวนอยู่ไม่เหมาะสม แต่ปานฟ้าไม่เห็นด้วย ต้องถือว่าภาคินยังเป็นผู้บริสุทธิ์เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด

หลังจากนั้นภาคินขอบคุณปานฟ้าที่พูดช่วยตนในที่ประชุม ปานฟ้าตอบอย่างไม่ยินดียินร้ายว่า

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้เอง คุณควรจะขอบคุณคุณสิริโสภามากกว่า เขาดีกับคุณเหลือเกินคอยช่วยเหลือทุกอย่างแบบนี้สิถึงจะเรียกว่ารักกันจริง”

“คุณยังติดใจเรื่องนี้อยู่ ทั้งๆที่ผมกับภา...”

“ฉันไม่คิดอะไรแล้ว ขอให้คุณสองคนโชคดี”

“ผมก็ขอให้คุณกับก้องภพโชคดีเช่นเดียวกันครับ คุณพูดก็ถูกนะ ภาเขาคอยดูแลช่วยเหลือผมตลอด ทำให้ผมสบายใจอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้...ยังไงก็ตาม สำหรับโครงการประกวด ผมจะทำหน้าที่กรรมการอย่างเต็มที่นะครับ”

แล้วต่างก็จากกันเหมือนหมางเมิน  แต่ต่างก็เจ็บปวดอยู่ลึกๆ

ooooooo

ลิเกคณะทองถม ได้รับเชิญเข้าร่วมประกวดความสามารถเด็กด้วย ถมถามบุญทิ้งกับไข่ตุ๋นว่าไหวไหม ไข่ตุ๋นคุยโวตามเคยว่า “คนเกิดมาเพื่อจะดังใครห้ามได้พ่อถม จริงไหมไอ้ทิ้ง”

“พ่อถมว่าไงก็ว่าตามกัน ผมเล่นเต็มที่อยู่แล้ว” บุญทิ้งตอบเรียบๆแต่มั่นใจ

ภูวดลกับก้านมาแอบดูอยู่ ภูวดลมองบุญทิ้งอย่างชิงชัง พึมพำ “ใช่มันจริงๆตายยากนัก ไอ้ตัวมารนี่” ก้านบอกว่าไม่ต้องห่วง มันไม่มีทางแย่งสมบัติลูกตนแน่

ส่วนที่ห้องประชุมที่ห้าง กำลังมีการพิจารณาส่วนต่างๆที่ส่งเข้าประกวด ปานฟ้าสนใจลิเกเด็กถมทองกับไข่ตุ๋น แต่ภาคินเสนอว่าเด็กที่แข่งตอบคำถามด้านวิทยาศาสตร์ก็น่าสนใจไม่น้อย

ปานฟ้าสรุปว่าถ้าอย่างนั้นลิเกเด็กเอาไว้เรียกรอบหลังก็แล้วกัน แล้วหย่อนเอกสารของบุญทิ้งกับไข่ตุ๋นไว้ในกล่อง

ooooooo

ต่อมา ก้านลงมือลักพาตัวบุญทิ้ง บุญทิ้งดิ้นรนและวิ่งหนี แต่ขณะที่กำลังจะเสียท่านั่นเอง ก็มีชายใส่หมวกไหมพรมพุ่งเข้ามาช่วย ไข่ตุ๋นเองก็มาเจอจึงเป่านกหวีดร้องว่า “ตำรวจมา...หนีเร็ว” ก้านจึงรีบหนีไป

ชายใส่หมวกไหมพรมลุกขึ้นจะวิ่ง บุญทิ้งจำได้

ร้องเรียก “พ่อพ่วง” นายพ่วงจึงหันมาถอดหมวกไหมพรมออก บุญทิ้งวิ่งไปกอดร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ

“ข้าช่วยเอ็งไม่ได้ทุกครั้งแน่ เอ็งหนีไปให้ไกลซะ อย่าให้พวกมันตามเจอ พวกมันจะตามฆ่าเอ็งไปทุกแห่ง เข้าใจไหมไอ้ทิ้ง” บุญทิ้งถามว่าจะฆ่าตนทำไม ตนไปทำอะไรให้ “เพราะเอ็งคือ ทินภัทร เอ็งคือหลานของเจ้าสัวเติมบุญ!”

บุญทิ้งอึ้ง คิดไม่ถึง และจากนั้นมา บุญทิ้งก็เงียบหงอย เป็นกังวล เป็นห่วงว่าตนเองจะนำอันตรายมาสู่ทุกคนในคณะใครๆพากันสงสัยว่าทำไมบุญทิ้งจึงเงียบหงอยผิดปกติ

นอกจากนี้ บุญทิ้งยังพูดเป็นปริศนาระหว่างกินข้าวด้วยกันว่า

“ขอบใจนะไข่ตุ๋น ขอบคุณพ่อครู น้าช้อย แม่ครูกัญญาด้วยนะครับ ที่ช่วยดูแลผม”

ตกกลางคืน บุญทิ้งแอบจัดกระเป๋าและเอาของเล่นที่เคยหวงมากให้ไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นดีใจแต่ก็แปลกใจที่บุญทิ้งให้ของรักของหวง รับไปแต่ไม่วายปากดีว่า นี่เพราะยัดเยียดหรอกนะถึงรับไว้

ooooooo

ปานฟ้ารื้อกล่องที่ใส่ใบสมัครของผู้ที่เข้าร่วมประกวด เจอรูปบุญทิ้งในนั้น เธอดีใจมาก ชวนภาคินไปหาบุญทิ้งตามที่อยู่ที่ระบุในใบสมัคร ทั้งสองพูดถึงปานเดือนที่จำบุญทิ้งได้จากทีวีและพร่ำเรียกบุญทิ้งว่าทินภัทรตลอดเวลาว่า อาจเป็นเพราะบุญทิ้งทำให้นึกถึงทินภัทรและถูกชะตากับบุญทิ้งมากจนจำได้แม่นขนาดนั้น

ภาคินเตรียมการเดินทางอย่างดี เขาเซตเครื่อง จีพีเอส เพื่อสะดวกในการค้นหา

เพราะความรักที่มีต่อบุญทิ้ง ทำให้ทั้งสองเดินทางไปด้วยกันอย่างสนิทใจและที่น่ายินดีคือ ระหว่างทางทั้งคู่ได้คุยถึงความรู้สึกของกันและกันที่ต่างก็รักและผูกพันกันอย่างไม่เสื่อมคลาย จนในที่สุดเข้าใจกันและกลับมารู้สึกดีๆต่อกันอย่างไม่มีทิฐิและความระแวงใดๆติดค้างคาใจเลย...

ooooooo

ดึกคืนนี้ บุญทิ้งตัดสินใจหนีออกจากบ้านแต่เจอบุษบาที่ห้องโถง บุญบาเป็นห่วงจึงไปด้วยกัน

ไม่นาน ภาคินกับปานฟ้าก็มาถึงบ้านเช่าของถม เมื่อเข้าไปถามหาเจอแต่ไข่ตุ๋นยืนเกาพุงอยู่ ส่วนถมกับช้อยช่วยกันออกตามหาบุญทิ้งกับบุษบาที่หายไป ทำให้ปานฟ้ากับภาคินมืดแปดด้านไม่รู้จะไปตามหาบุญทิ้งที่ไหนอีก

กลับถึงบ้าน ปานฟ้าเล่าเรื่องบุญทิ้งให้เติมบุญฟังว่า บุญทิ้งยังไม่ตายแถมยังกลายเป็นลิเกเด็กที่มีชื่อเสียงด้วย ทั้งสายอุษาและเติมบุญต่างดีใจกับข่าวนี้ เติมบุญพูดอย่างชื่นชมว่า บุญทิ้งเป็นเด็กดี สมกับที่ว่าคนดีผีคุ้ม

ปานดาวแอบได้ยิน กลับไปเล่นงานพิมว่าไม่ได้เรื่อง ใช้ให้ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสักอย่าง พิมโทษว่านายพ่วงต่างหากตนไม่ได้เป็นคนทำ แต่ก็สงสัยว่าปานฟ้าโกหกหรือเปล่า บุญทิ้งอาจจะตายไปแล้วจริงๆก็ได้แล้วพูดอย่างสะใจว่า

“มันกลับมาก็ดี ทีนี้จะได้มีคนเดือดร้อนไม่เป็นสุขแน่ เฮอะ...รู้ไหมเพราะอะไร เพราะไอ้เด็กบุญทิ้งคือทินภัทรหลานแท้ๆของพ่อคุณไงล่ะ มันเป็นทายาทตัวจริงของบ้านนี้”

ทั้งปานดาวและภูวดลต่างทุกข์ร้อนกันอยู่ไม่ติด กลัวภัยมาถึงตัว หงุดหงิดหนักเข้า ปานดาวกับภูวดลก็ทะเลาะกันเองต่างโทษว่าอีกฝ่ายไม่ได้เรื่อง ปานดาวดูถูกภูวดลว่ามาเกาะตนกิน มาจากข้างถนนแท้ๆ แล้วยังไม่เจียมตัว  เลยถูกภูวดลตบปากด่าว่าอย่ามาลำเลิก ซ้ำยังดูถูกปานดาวว่าเพราะมีตนกับพิมเธอถึงไม่ถูก

คนบ้านนี้เหยียบติดดิน

พิมนั่งสะใจที่ปานดาวโดนตบโดนด่าส่วนปานดาวมองภูวดลที่ตบตนแล้วเดินออกไป กุมแก้มตัวเองน้ำตาคลอ...

ooooooo

เรื่องของบุญทิ้งกลายเป็นประเด็นที่ทั้งตุลย์ ภาคิน และปานฟ้าพากันค้นหาว่าเป็นปัญหาอะไรกันแน่ ทำไมบุญทิ้งจึงถูกตามล่าทั้งที่เป็นแค่เด็กกำพร้า ทำไมบุญทิ้งจึงไปเล่นลิเกไม่กลับมาที่มูลนิธิหรือบ้านเติมบุญ และทำไมเมื่อปานฟ้ากับภาคินไปตามบุญทิ้งจึงหนีไปอีก เป็นปริศนาที่ต่างคิดค้นหาคำตอบ

ส่วนพิม เมื่อรู้ความจริงว่าบุญทิ้งคือทินภัทรแล้ว ก็ยิ่งระแวงว่าบุญทิ้งจะกลับมากลายเป็นผู้รับมรดกตัวจริงของตระกูลแล้วธัญวิทย์ก็จะไม่ได้อะไรเลย

ทั้งปานดาวและพิมจึงใส่ร้ายป้ายสีปานฟ้ากับภาคินที่เป็นตัวตั้งตัวตีออกตามหาบุญทิ้ง หาว่าทั้งสองคบหากันทำไม่งามทั้งที่ปานฟ้าก็มีคู่หมั้นแล้ว พิมเหิมเกริมถึงขนาดด่าปานฟ้าว่าเหลวแหลก มือถือสากปากถือศีล จนถูกปานฟ้าตบหน้า

พิมไม่ยอมต้องให้ปานฟ้าขอโทษตน เมื่อปานฟ้าไม่ยอมขอโทษก็ประกาศจะออกจากบ้านนี้โดยเอาธัญวิทย์มาบีบเพราะธัญวิทย์ที่ติดพิมจะตามไปด้วย

ทั้งคู่ต่อล้อต่อเถียงกันรุนแรง โดยปานดาวคอยถือหางพิมตลอดเวลาจนกลายเป็นปานดาวทะเลาะกับปานฟ้าไปด้วย

สุดท้ายปานฟ้าตัดปัญหายอมขอโทษพิม และพิมก็ถูกเติมบุญสั่งให้ขอโทษปานฟ้ามิฉะนั้นจะไล่ออก พิมจึงกระชากเสียงขอโทษอย่างขอไปที แต่อาฆาตในใจว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้แก่!”

ooooooo

ขณะที่ปานฟ้าเดินออกมาส่งภาคินนั้น ปานดาวเดินตามมาดูอย่างจับผิด พอปานฟ้าถามว่ามีอะไรไหม ก็ลอยหน้าตอบเยาะหยันว่า

“เปล๊า...ฉันก็แค่มาดูเฉยๆ กลัวใครทำอะไรประเจิดประเจ้อในบ้านเหมือนที่นังพิมมันพูดไว้”

ปานฟ้าตั้งข้อสังเกตถามว่า พิมเป็นคนใช้แต่ทำไมปานดาวจึงต้องทำเหมือนกลัวขนาดนั้น ก็ถูกปาน–ดาวแหวใส่ว่าอย่ามาหาเรื่องกัน แล้วแว้งเอาว่า ตัวเองต่างหากที่ต้องกลัวเพราะทำตัวตกต่ำไม่มียางอายให้คนใช้ดูถูกเอาได้ พาลถึงขั้นว่าประพฤติตัวแบบนี้พนักงานที่ห้างจะนินทาเอา สรุปใส่หน้าว่า

“ฉันว่าเธอไม่เหมาะที่จะดูแลศูนย์การค้าแล้ว อย่าให้พวกเราต้องตกต่ำไปกว่านี้เพราะเธอเลย”

เมื่อภาคินบอกว่าเธอกำลังเข้าใจผิดปานฟ้า ปานดาวก็ท้าให้สาบานกันไหมว่าเขากับปานฟ้าไม่ได้ชอบกัน ด่าภาคินว่า

“อย่าคิดว่าคนอื่นเขาโง่ดูไม่ออก คนอย่างแกดีแต่เกาะผู้หญิงรวย สนใจเงินของน้องสาวฉันล่ะสิ ออกไปจากบ้านนี้ดีกว่าที่นี่ไม่ต้อนรับ!”

ooooooo

ภาคินกลับไปถึงบ้าน ก็ถูกก้องภพมาขวางหน้าหาเรื่อง เอารูปภาคินกับปานฟ้าในโทรศัพท์มือถือ กล่าวหาว่าเขายุ่งกับปานฟ้าทั้งที่อีกไม่กี่วันเธอก็จะเป็นเมียตนแล้ว กล่าวหาแค่นั้น ภาคินทนได้ แต่ก้องภพด่าลามปามถึงแม่เขาว่า

“แกคิดเกาะผู้หญิงกิน ไอ้แมงดา ไอ้ลูกไม่มีแม่!”

ภาคินต่อยเปรี้ยงทันทีจนก้องภพล้มคว่ำ มองภาคินช็อก ร้องตาเหลือก “ไอ้...ไอ้...”

“ผมไม่ใช่แมงดา แล้วผมกับคุณฟ้าก็ไม่เคยทำผิดกับใคร อย่าเอาความคิดต่ำๆ ของคุณมาทำให้เขาเสียหาย”

“แก...ไอ้ภาคิน ไอ้เลว กล้าชกลูกฉันเหรอ ไอ้เนรคุณ” วิมลวรรณลงมาด่าและจะตบภาคิน แต่ถูกเขาจับมือยึดไว้แน่น “ปล่อย...ไอ้ภาคินแกถือดียังไงถึงกล้ามาทำกันแบบนี้ ไอ้ลูกนังลิเกชั้นต่ำ ปล่อยนะ อย่าเอามือต่ำๆ ของแกมาโดนฉัน”

“ถ้าคุณว่าแม่ผมอีกคำเดียว ผมไม่ยอมแน่ ผมยอมพวกคุณมามาก อดทนมามาก แต่ความอดทนผมมันมีจำกัด อย่านึกว่าพวกคุณจะทำผมได้ฝ่ายเดียว”

วิมลวรรณอึ้งเพราะไม่เคยถูกภาคินแข็งข้ออย่างนี้มาก่อน แต่พริบตาเดียวก็แว้ดใส่

“อ๋อ...เหรอ...ทำไมฉันจะว่าแม่แกไม่ได้ แกกับแม่ก็เหมือนกัน คิดเกาะคนรวยๆ แม่เป็นยังไงลูกเป็นอย่างนั้น เชื้อไม่ทิ้งแถว...โอ๊ย...”

วิมลวรรณร้องอย่างเจ็บปวดเพราะถูกภาคินบีบแขนแน่น ก้องภพที่ทำกร่างตลอดมา ได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ ภาคินสะบัดวิมลวรรณเข้าไปกระแทกก้องภพ ภาคินพูดอย่างอัดอั้นมานานว่า

“ใครกันแน่ที่คิดจะเกาะคุณฟ้า หวังจะฮุบสมบัติยัดเยียดให้หมั้น ทั้งๆ ที่ไม่ได้รัก พวกคุณน่ะ ทำตัวเป็นผู้ดี แต่ก็มีแค่เปลือกนอกกลวงๆ ลูกชายเป็นอันธพาล ดีแต่ลอบกับคนอื่น ไม่กล้าสู้ซึ่งหน้า แม่ก็ให้ท้ายตามใจกันจนเสียคน ผมถามหน่อยใครกันแน่ที่คิดจะหลอกคุณฟ้า ใครกันแน่ที่เห็นแก่เงินจนหน้ามืด ทำได้ทุกอย่าง”

“แก...แกกล้าด่าฉันเหรอวะ” ก้องภพฮึดฮัด

“ผมพูดเรื่องจริงต่างหาก เรื่องจริงที่พวกคุณทำ!”

ภาคินเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่แยแส วิมลวรรณจิกตามองตามอย่างแค้นใจ

ooooooo

วิมลวรรณไม่ยอมให้ภาคินไปไหน สั่งให้มา

กราบตนกับก้องภพก่อน ภาคินไม่ยอมกราบเพราะตนไม่ได้ทำผิดอะไร วิมลวรรณจึงประกาศจองล้างจองผลาญไปตลอดชีวิต ภาคินถามว่าเหมือนอย่างที่เอาฝรั่งเกย์กับผู้หญิงนั่นมาใส่ร้ายตนใช่ไหม

“ใช่! แล้วแกจะทำไม บอกไว้ก่อนว่าครั้งหน้าฉันจะเล่นงานแกไม่ให้รอดแน่”

เลยทำให้ภาคินได้หลักฐานว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดกับมูลนิธิเป็นฝีมือของวิมลวรรณทั้งสิ้น พลั้งปากไปแล้ววิมลวรรณจึงรู้ตัว ด่าภาคินว่าเจ้าเล่ห์ ลูกผีลูกมาร

“พูดผิดแล้ว ผมเป็นเด็กที่เกิดมาจากความรักของพ่อกับแม่ พ่อยังรักแม่ผมจนถึงทุกวันนี้ และจะรักตลอดไปโดยที่ไม่มีใครมาทำลายมันได้ แม้แต่คุณ...”

ภาคินเดินขึ้นไปสวนกับอานนท์ที่เดินลงมา อานนท์มองวิมลวรรณด้วยสายตาที่ว่างเปล่า วิมลวรรณกำลังสติแตกท้าเขาว่าจะด่าจะว่าอะไรก็ว่าก็ด่ามาเลยอย่าทำเย็นชาแบบนี้ อานนท์ไม่พูดแต่เดินผ่านไปเลย วิมลวรรณได้แต่กรี๊ดๆอย่างเจ็บใจ

สายอุษาเองก็ถูกปานดาวยุยงเป่าหูจนไม่พอใจปานฟ้าหาว่าไปยุ่งเกี่ยวกับภาคินทั้งที่มีคู่หมั้นแล้ว ปานฟ้าบอกแม่ว่าตนไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ตนคบกับภาคินแล้วสบายใจ เธอบอกแม่ตามตรงว่าตนรักภาคินและจะไม่แต่งงานกับก้องภพ ทำเอาสายอุษาตะลึงอึ้งไป

ooooooo

บุญทิ้งกับบุษบาไปเยี่ยมปานเดือน เห็นปาน-เดือนหลับอยู่ ก็เข้าไปยืนที่ข้างเตียง เรียก “แม่...

แม่จ๋า...” แล้วโผเข้ากอดปานเดือนร้องไห้ด้วยความดีใจ สะเทือนใจที่ได้พบแม่ที่โหยหามานาน...

ภาคินมาเยี่ยมปานเดือน เขาเดินคุยกับอนิรุทธิ์อยู่ข้างนอก เล่าเรื่องบุญทิ้งให้อนิรุทธิ์ฟัง อนิรุทธิ์ดีใจที่บุญทิ้งไม่เป็นอะไรบอกภาคินว่าถ้าพาตัวบุญทิ้งกลับมาได้เมื่อไร ปานเดือนคงดีใจมาก

ทั้งคู่คุยกันโดยไม่รู้ว่าถูกภูวดลสะกดรอยตามและแอบฟังอยู่ จนเมื่อทั้งสองเข้าไปในห้องปานเดือนแล้ว เจอปานเดือนนั่งอยู่ เธอเล่าอย่างตื่นเต้นว่า เมื่อกี้นี้ลูกมาหาตน มากอดตนและร้องไห้ แล้วก็คร่ำครวญถึงลูกอีก อนิรุทธิ์ปลอบใจว่าเธอแค่ฝันไปเท่านั้น แต่ปานเดือนยืนยันว่าตนไม่ได้ฝัน ลูกมาหาตนจริงๆ

ภาคินฟังแล้วสงสัยว่าบุญทิ้งจะมาหาปานเดือนจริงๆและภูวดลที่แอบฟังอยู่ก็นึกรู้ว่าบุญทิ้งกลับมาหาแม่แล้ว

บุญทิ้งกับบุษบายังไปหาตุลย์ที่สถานีตำรวจแต่ไม่เจอเพราะตุลย์ออกไปข้างนอก บุษบาถามบุญทิ้งว่าจะไม่ไปหาภาคินกันหรือ บุญทิ้งเกรงภาคินจะเดือดร้อนเพราะตนอีกบอกว่าอย่าเพิ่งไปดีกว่า

ขณะทั้งสองเดินกลับไปนั่นเอง ถูกชายสองคนที่ยกหนังสือพิมพ์ปิดหน้าทำทีอ่านอยู่นั้น สะกดรอยตาม

และเข้าชิงตัวบุญทิ้ง บุษบาปกป้องบุญทิ้งยื้อชายทั้งสองไว้ร้องบอกบุญทิ้งให้หนีไป บุญทิ้งหนีรอดไปได้แต่บุษบาถูกชายลึกลับสองคนนี้ทำร้ายบาดเจ็บ หลังจากนั้นเธอออกตามหาบุญทิ้ง ด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่เจอ

ที่แท้บุญทิ้งหนีจากบุษบาไปเพราะไม่ต้องการให้เธอต้องเดือดร้อนและเป็นอันตรายเพราะตน

ooooooo

ด้วยการยุยงของปานดาว ทำให้สายอุษาออกจดหมายเวียนแจ้งการหยุดพักงานชั่วคราวของปานฟ้าทั้งที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง ครั้นเธอไปถาม สายอุษาให้เหตุผลว่าเพราะต้องการให้เธอมีเวลาหยุดคิดตั้งหลักว่าควรทำอย่างไรต่อไป และเรื่องงานที่ศูนย์การค้าก็ไม่ต้องห่วงจะให้ปานดาวมาดูแลแทน ปานฟ้าติงว่างานกำลังยุ่งและปานดาวก็ไม่เคยทำ จะให้ตนทิ้งไปเลยได้อย่างไร

เติมบุญเสนอให้อนิรุทธิ์มาช่วย อนิรุทธิ์ขอตัวเพราะปานเดือนอาการยังไม่ดีตนต้องคอยดูแลใกล้ชิด ปานดาวจึงเสนอให้ภูวดลมาช่วยตน เติมบุญอึ้งไป แต่ก็ให้โอกาสลองดู

เมื่อภาคินรู้เรื่องนี้ เขาขอโทษปานฟ้าที่เป็นตัวการทำให้คุณแม่ไม่พอใจจนสั่งพักงานเธอ แต่ปานฟ้าเห็นว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะตั้งแต่เรียนจบตนก็ทำงานมาตลอดไม่ได้หยุดเลย จะถือโอกาสนี้พักผ่อนให้หายเหนื่อยสักที

ภาคินจึงบอกว่าตนก็ถูกปานดาวให้คนโทร.มาบอกว่าไม่ต้องไปเป็นกรรมการตัดสินรายการที่รับมอบทำแทนสิริโสภาแล้ว ปานฟ้าไม่พอใจเกรงงานจะเสีย บอกว่าจะโทร.ไปถามปานดาวว่าทำไมทำอย่างนี้

“ว่างอย่างนี้ก็ดีครับ ผมอยากอยู่กับคุณมากกว่าอะไรทั้งนั้น” ภาคินยับยั้ง ปานฟ้าชะงัก สบตาด้วยความรู้สึกเดียวกัน

กลายเป็นว่าแทนที่จะกีดกันให้ปานฟ้ากับภาคินห่างเหินกัน กลับทำให้ทั้งคู่มีเวลาที่จะอยู่ด้วยกันยิ่งขึ้นไปอีก...

ooooooo

ก้องภพตามมาอาละวาดปานฟ้าถึงที่บ้าน ต่อว่าตำหนิอย่างรุนแรง หาว่าเธอไปไหนมาไหนกับภาคินเป็นการไม่ไว้หน้าตน ถ้าเป็นคนอื่นตนจะไม่โกรธเท่านี้ แต่นี่เป็นภาคิน ตวาดถามว่าทำไมต้องเป็นภาคิน!

ก้องภพทั้งด่าว่าและใช้กำลังกระชากลากเธอไปหาสายอุษาที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น สายอุษารับไม่ได้ที่ก้องภพทำรุนแรงกับปานฟ้า เติมบุญก็สั่งให้หยุดพูดจาหยาบคายกับลูกสาวตนและไล่ให้ก้องภพกลับไปสงบสติอารมณ์ที่บ้านเสีย

“ผมไม่กลับ เป็นเพราะพวกคุณลุงคุณป้านี่แหละที่ให้ท้ายกัน เลี้ยงลูกประสาอะไรไม่รู้จักดูแล ปล่อยให้แล่นไปกับผู้ชายคนอื่น ให้คนนินทาทั้งเมือง ผมถามหน่อยเถอะพวกคุณไม่อายมั่งรึไง”

ก้องภพสามหาวกับผู้ใหญ่ทั้งสอง จนปานฟ้าตวาดให้หยุดก้าวร้าวพ่อแม่ตน เขาไม่ยอมหยุดกลับด่าว่าทำเป็นหน้าบางทีตอนทำไม่รู้จักอาย ด่าจนปานฟ้าถอดแหวนหมั้นขว้างใส่เขา บอกว่าเราจบกันแค่นี้!

ก้องภพไม่ยอม บังคับให้ปานฟ้าใส่แหวนไว้ตามเดิม เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ตะโกนว่า

“อย่าคิดว่าจะถอนหมั้นกันได้ง่ายๆ ผมไม่มีวันยอมปล่อยคุณ...จำไว้!”

ก้องภพหุนหันไปแล้ว ปานฟ้ามองแหวนหมั้นที่พื้นไม่คิดจะเก็บขึ้นมา แต่ปานดาวหยิบขึ้นมาหมุนเล่นยิ้มร้ายขณะพูด...

“เสียใจด้วยนะยัยฟ้า ดูเหมือนว่าเรื่องรักของแกกับไอ้กระจอกนั่นคงไม่ง่ายซะแล้ว”

ooooooo

มูลนิธิของภาคินเปิดได้แล้ว ตุลย์บอกข่าวดีแก่ภาคินว่าเป็นเพราะเขาหลอกให้วิมลวรรณพลั้งปากว่าเป็นคนจ้างฝรั่งมาสร้างเรื่อง และอีกทางหนึ่ง อานนท์ก็สืบในทางลับจนรู้ว่าฝรั่งเกย์นั้นรับจ้างคุณหญิงมา เมื่อภาคินไปขอบคุณพ่อ อานนท์บอกว่า

“ที่จริงพ่อก็รู้นิสัยเขาดี แต่ขนาดรู้บางทีก็กลัวที่จะยอมรับ สักวันวิมลวรรณจะได้รู้ว่ากรรมเวรมันมีจริง”

“ผมดีใจครับที่พ่อเป็นห่วงผม”

“แล้วสักวันลูกจะได้รู้ว่าพ่อรักลูก...รักมากกว่าที่ลูกคิด” อานนท์มองภาคินอย่างรักใคร่ ภาคินมองพ่ออย่างซาบซึ้งและเคารพ...

ส่วนบุญทิ้งหนีไปจนคิดว่าไม่มีใครตามแล้ว รู้สึกหิวจึงเข้าไปสั่งข้าวในร้านข้าวแกง เปิดกระเป๋าหยิบสตางค์โดยไม่ทันระวัง ถูกขี้ยาสองคนเห็นเข้า มันแย่งกระเป๋าสตางค์ของบุญทิ้งไป บุญทิ้งไล่ตามจะเอาคืนก็ถูกมันทำร้ายและแย่งกระเป๋าไปจนได้ บุญทิ้งเห็นแต่เหรียญสิบที่หล่นอยู่ หยิบขึ้นมาดูอย่างคับแค้นใจ

บุญทิ้งกระเซอะกระเซิงไปอย่างบอบช้ำร่างกาย จิตใจ หิวจนแสบไส้ มาถึงตลาดเห็นลุงคนหนึ่งสีซอขอทานอยู่ ฉุกคิดได้จึงร้องลิเกบ้าง ลุงคนนั้นจึงสีซอให้จังหวะเข้ากันดี

ปรากฏว่า ชาวบ้านพากันมาให้ทานมากมาย ลุงขอทานแบ่งให้บุญทิ้งครึ่งหนึ่งถามว่า มาจากไหนทำไมถึงมอมแมมอย่างนี้ บุญทิ้งบอกว่าหลงทางมา ลุงเลยชวนไปอยู่ด้วยกันที่เพิงเล็กๆของแก ในชุมชน

ooooooo

บุษบาเป็นห่วงบุญทิ้งที่หายไป จึงไปหาภาคินที่มูลนิธิเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ปานฟ้าเป็นห่วงบุญทิ้ง ตุลย์คาดว่าป่านนี้ชายลึกลับสองคนนั้นคงจับบุญทิ้งไปแล้ว ทำให้บรรยากาศในห้องเงียบงัน ด้วยความเป็นห่วงบุญทิ้งกันทุกคน

ภาคินให้บุษบาพักที่มูลนิธิ ทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทสนม บุษบารู้อยู่เต็มอกว่าภาคินเป็นลูกแต่ก็ไม่กล้าเผยตัว ภาคินถามว่าแล้วมีลูกหรือเปล่า ทำให้บุษบาสะเทือนใจร้องไห้ออกมา โผกอดภาคินร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความอัดอั้นที่ไม่เคยได้กอดลูกเลย ภาคินกอดปลอบ

เฟื่องแก้วมาเห็นก็ไม่พอใจคิดว่า ภาคินกับบุษบามีอะไรกัน ส่วนปานฟ้าก็เลี่ยงออกไปด้วยความไม่สบายใจ

เมื่อภาคินตามออกมาคุยด้วยเธอจึงยังปั้นปึ่งใส่ พอดีตุลย์เข้ามาแทรก ชวนภาคินไปตามหาบุญทิ้งกันเถอะ ภาคินพยักหน้าเดินตามกันไป เฟื่องแก้วกับปานฟ้าเดินออกมาส่ง จากนั้นปานฟ้าขับรถกลับบ้าน

ระหว่างทางกลับบ้านปานฟ้าคิดถึงคำพูดของปานดาวที่ว่าภาคินหวังมาเกาะคนรวย ด่าปานฟ้าว่าโง่ อย่างเธอถ้าไม่มีเงินจ้างให้ภาคินก็ไม่มอง

แต่ความจริงที่ตัวเองได้สัมผัสสัมพันธ์ทำให้ปานฟ้าเชื่อมั่นภาคิน รำพึงกับตัวเองว่า “ฟ้าเชื่อใจคุณ...คุณภาคิน”

ooooooo

วิมลวรรณพาก้องภพมายืนกรานกับสายอุษาและเติมบุญว่า ตนไม่ยอมให้ปานฟ้าถอนหมั้นเด็ดขาด สายอุษาเจรจาขอให้เลื่อนการแต่งงานออกไปแต่ยังไม่ถอนหมั้นเพื่อดูกันไปอีกระยะ แต่เติมบุญไม่เห็นด้วย ยืนยันว่า เรื่องการแต่งงานต้องให้ทั้งสองฝ่ายยินยอมพร้อมใจและด้วยความรักที่มีต่อกัน มิฉะนั้นแต่งไปก็ไม่มีความสุข

เมื่อไม่มีเหตุผลที่จะเอาชนะได้ วิมลวรรณอ้างว่าถ้าเช่นนั้นตนขอเรียกค่าเสียหายที่ทำให้ลูกตนเสื่อมเสียชื่อเสียง

“สุดท้ายก็เรื่องเงิน ไม่มีปัญหาครับ จะเรียกเท่าไหร่ก็เรียกมา ถ้าไม่มากเกินไปนัก ก็จะถือว่าเจียดเงินเลี้ยงข้าว แต่ถ้ามากก็คงต้องตกลงกับทนายของผม” เติมบุญตัดบทวิมลวรรณแค้นภาคินหาว่าเป็นตัวมาร ก้องภพบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วงตนจะทำให้ศัตรูชีวิตของเราหายไปโดยไม่ทิ้งหลักฐานไว้ให้สืบ บอกวิมลวรรณว่า “แม่คอยดูแล้วกันว่าไอ้ศัตรูชีวิตเรามันจะหายไปเมื่อไหร่”

ooooooo

ปานฟ้าขอบคุณพ่อที่ช่วยจัดการปัญหาของตนกับก้องภพ ในขณะที่สายอุษายังกังวล กระทั่งถามปานฟ้าว่าแน่ใจหรือว่าภาคินรักจริง เมื่อปานฟ้ายืนยันก็ติงอีกว่าฐานะไม่เหมาะสมกัน และการถอนหมั้นก็ทำให้ต้องเสียหน้าในสังคมด้วย

เติมบุญติงว่าเราเสียหน้าดีกว่าลูกเสียใจ ทั้งยังยืนยันว่าภาคินเป็นคนดี ขอให้คุณหญิงมองด้วยใจเป็นธรรม อย่าห่วงแต่หน้าตาหรือฐานะเงินทองเลย เมื่อเห็นคุณหญิงยังไม่หายกังวล กลัวว่าจะถูกนินทาไปทั้งเมือง เติมบุญพูดให้คิดอีกว่า

“คุณแคร์คนอื่นมากกว่าความสุขของลูกรึไง เราสองคนรักลูกมาก แล้วทำไมถึงจะไม่เชื่อใจเขา ปล่อยให้เขาตัดสินใจเอง การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของชีวิต ให้ลูกเลือกด้วยตัวเขาเองเถอะ อย่าให้ความรักของเราทำร้ายให้เขาต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเลย”

“ไม่ว่ายังไง ฉันก็ทนไม่ได้ที่จะให้ฟ้าแต่งงานกับคนที่มีแต่ตัวอย่างภาคิน” สายอุษายังยืนกรานในความคิดของตัวเอง

ปานฟ้าไม่สบายใจที่ตนเป็นเหตุให้พ่อกับแม่ขัดแย้งกัน เธอขอบคุณพ่อแต่ก็ไม่อยากให้พ่อกับแม่ทะเลาะกัน

เติมบุญปลอบใจว่าไม่เป็นไรตอนนี้แม่เขากำลังร้อน  เราก็อย่าไปยุ่งเลย เดี๋ยวเย็นลงแม่เขาก็คิดได้เองแหละ

ooooooo

อาหารเย็นที่มูลนิธิวันนี้อร่อยเป็นพิเศษเพราะได้แม่ครัวฝีมือดีที่ทำด้วยใจคือบุษบา ระหว่างกินข้าว  ตุลย์ เฟื่องแก้ว และภาคินได้พูดคุยถามถึงครอบครัวของบุษบา จึงรู้ว่าเธอตัวคนเดียว มีลูกอายุรุ่นราวคราวเดียวกับภาคิน แต่ลูกไม่รู้หรอกว่าตนอยู่ไหน เพราะลูกอยู่กับพ่อเขา
ภาคินบอกว่าถ้าตนมีแม่อย่างนั้น ตนจะออกตามหาแม่แน่ๆ

ตุลย์หยอกภาคินว่า รู้สึกเขาคุ้นเคยกับบุษบาราวกับรู้จักกันมาเป็นสิบปี ภาคินเองก็ตอบไม่ถูก รู้สึกแต่ว่า บุษบาเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง อยู่ใกล้แล้วอบอุ่น เขาพูดอย่างโหยหาว่า...

“ฉันยังเคยคิดว่าถ้าแม่ยังอยู่ แม่ก็คงจะน่ารักอบอุ่นเหมือนคุณน้ากัญญา”

ooooooo

ภูวดลยุยงปานดาวให้เอาใจพ่อแม่ อย่าทำตัวแบบเมื่อก่อน เพราะถ้าเราขอเป็นคนลงชื่อเซ็นเช็คแทนปานฟ้าได้ก็จะสบายกันไปทั้งชาติเลย ปานดาวบอกว่าจะพยายาม ภูวดลย้ำว่าแค่พยายามไม่พอ

ต้องทำให้ได้ ยุว่าทำอะไรก็ได้ให้แม่เธอยอมให้เธอเซ็นเช็ค พูดขู่ทิ้งท้ายว่า “อย่าให้ถึงมือผม เข้าใจไหม”

เพราะปานดาวเคยถูกภูวดลตบมาแล้ว ทำให้เธอขยาดหวาดหวั่นกับคำขู่นั้น

พิมเล่าให้ก้านฟัง ก้านบอกว่าภูวดลนั้น หวังจะฮุบสมบัติเองทั้งหมด ธัญวิทย์ลูกของเราคงไม่ได้อะไร จึงวางแผนหาเงิน ถามพิมว่า พวกคนรวยๆ จะมีเงินจ่ายค่าไถ่เท่าไหร่ พิมถามอย่างรู้กันว่า “แล้วพี่ว่าในบ้านนี้ใครมันจะค่าตัวสูงสุดล่ะ”

ก้านวางแผนจับเติมบุญเรียกค่าไถ่ทันที มันสะกดรอยตามเติมบุญที่ไปคุยกับภาคินที่สวนสาธารณะ ถามว่ารักปานฟ้าจริงหรือ เมื่อได้รับคำยืนยันว่ารักจริง เติมบุญถามว่ารับปากได้ไหมว่าจะไม่ทำให้ลูกสาวตนผิดหวัง

เมื่อภาคินสัญญา เติมบุญจึงกลับ ระหว่างผ่านตลาดเห็นคนมุงดูลิเกเด็กจึงแหวกผู้คนเข้าไปดู เติมบุญดีใจมากที่เจอบุญทิ้ง บุญทิ้งเองก็ดีใจ แต่ขณะเติมบุญจะเข้าไปหาบุญทิ้ง ก็ถูกก้านเอามีดจี้จับตัวไป บุญทิ้งเห็นเหตุการณ์จึงวิ่งตามไปช่วย

แต่เพราะความเป็นเด็กด้อยประสบการณ์ ทำให้บุญทิ้ง ถูกจับตัวไปมัดขังไว้ด้วยกันกับเติมบุญ แม้จะอยู่ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน แต่ตาหลานก็ดีใจที่ได้เจอกัน

บุญทิ้งหาทางแก้มัดเชือกที่มือให้เติมบุญ จากนั้นเติมบุญก็แก้ให้บุญทิ้ง แล้ววางแผนหนีออกจากห้องแถวร้างที่ถูกขังโดยเอาถังสีไปไว้บนประตู เมื่อก้านมาเปิดประตูถูกถังสีหล่นใส่หัวจนหน้าคว่ำนอนมึน เติมบุญกับบุญทิ้งพากันหนีออกไป แต่บุญทิ้งหนีไม่พ้นถูกก้านที่หายมึนแล้วดึงขาไว้

ในที่สุด เติมบุญกับบุญทิ้งก็ถูกจับไปมัดและเอาไปขังไว้ตามเดิม

หลังจากนั้น ที่บ้านเติมบุญก็มีคนขี่มอเตอร์ไซค์มาโยนรูปเติมบุญถูกมัดเข้าไปในรั้วบ้าน ธัญวิทย์วิ่งไปเก็บดู อุทานอย่างตกใจ

“คุณตา!”

ดุจดาวดิน

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด