ตอนที่ 10
หมวดตุลย์เดินกลับมาที่รถ กระชากประตู
รถเปิด เขาถึงกับผงะเมื่อเห็นบุญทิ้งในสภาพถูกมัดมือมัดเท้าปิดปากอยู่ในรถ ตุลย์ดึงบุญทิ้งออกมา ถูกนายพ่วงใช้มีดแทงที่ท้อง แต่ตุลย์เอี้ยวตัวหลบเลยไปโดนแขนเลือดพุ่ง
นายพ่วงสั่งคนขับให้รีบออกรถ ทำให้ตุลย์ล้มลงข้างทาง เขากุมแผลที่แขนอย่างเจ็บปวด เฟื่องแก้วรีบเข้ามาประคองด้วยความตกใจ
ส่วนที่บ้านปานฟ้า พอปานฟ้ารู้จากป้าแก้วว่าส่งบุญทิ้งขึ้นรถไปกับคนขับที่พิมบอกว่ามาจากมูลนิธิ พิมสวนไปทันทีว่าอย่ามาโยนขี้ใส่กันแบบนี้ โทษว่าป้าแก้วนั่นแหละที่ปล่อยบุญทิ้งไป โวยวายว่าป้าแก้วแก่แล้วงง หยุดพูดได้แล้ว
ขณะนั้นเอง ภาคินมากดออดหน้าบ้าน เมื่อเข้ามาถึง เขาบอกว่า “บุญทิ้งถูกจับตัวไป” ทุกคนนิ่งอึ้ง ตกใจ ยกเว้นปานดาว ภูวดล และพิมที่ทำหน้านิ่งแต่แอบสะใจ
ภาคินเล่าถึงเหตุการณ์ที่ตุลย์ไปเจอบุญทิ้งในรถและถูกแทงได้รับบาดเจ็บ บอกทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงเพราะหมวดปลอดภัยแล้ว แต่ตำรวจยังตามหารถที่พาบุญทิ้งไปไม่เจอ
ปานดาวหาว่าภาคินกำลังวางแผนอะไรกับปานฟ้า
ปานฟ้าโต้ว่า นับแต่ปานเดือนไปอยู่โรงพยาบาล ตนรู้สึกถึงท่าทีแปลกๆ ของอนิรุทธิ์ เหมือนไม่พอใจและโกรธๆตนยังไงไม่รู้
“โกรธเหรอ เป็นใครก็ต้องโกรธทั้งนั้น” อนิรุทธิ์โพล่งออกมา ชี้ไปที่พิมบอกว่า “ก็นี่ไง คนที่เธอใช้ให้ไปทำ พิมบอกผมหมดแล้ว อย่าเล่นละครอีกต่อไปเลย ที่แท้ก็กะฮุบสมบัติทุกอย่างในบ้านนี้ โดยใช้บุญทิ้งเป็นเครื่องมือ จงใจทำร้ายจิตใจเด็กชัดๆ”
“อะไรนะคะ” ปานฟ้าตกใจ ยิ่งเห็นพ่อกับแม่มองขวับมาก็ถึงกับช็อก พิมนั่งตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้แต่แอบสะใจ
ooooooo
พ่วงได้รับคำสั่งให้ฆ่าบุญทิ้ง มันขออโหสิ แล้วชูมีดสุดแขน บุญทิ้งยกมือที่ถูกมัดขึ้นเหนือหัว ร้องสุดเสียง
“โอ๊ย...พ่อพ่วงอย่าทำผม...”
ทันใดนั้นประตูรถเปิดผัวะ นายพ่วงยันบุญทิ้งกลิ้งจากรถ บุญทิ้งลุกขึ้นวิ่งหนีสุดชีวิต นายพ่วงพูดเหมือนยังทำใจไม่ได้ว่า “มีคนสั่งฆ่าเอ็ง ข้าก็ไม่รู้เหตุผล แต่ข้าเลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่เล็ก จะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต เอ็งวิ่งหนีไปให้ไกลที่สุด ถ้ารอดก็เป็นบุญของเอ็ง แต่ถ้าข้าหาเจอ ก็นึกว่าถึงคราวก็แล้วกัน...” พูดแล้วพ่วงหลับตารอเวลาที่จะตามไป
ที่ลานโล่งใกล้โรงลิเก ไข่ตุ๋นเล่นทอยตัวตุ๊กตุ่นกับเด็กแถวนี้สองสามคน ไข่ตุ๋นทอยได้ใกล้ที่สุด แต่ถูกเด็กพวกนั้นไม่ยอม หาว่าไข่ตุ๋นยืนเหยียบเส้น เลยเกิดการแย่งตุ๊กตุ่นกันวุ่นวาย ไข่ตุ๋นวิ่งหนีท้าว่าอยากได้ก็ตามมา
บุญทิ้งกับไข่ตุ๋นวิ่งมาชนกันโดยบังเอิญ พอรู้ว่าต่างหนีภัยมา บุญทิ้งบอกไข่ตุ๋นให้พาหนีด้วยเพราะตนไม่รู้ทางแถวนี้ไข่ตุ๋นเลยพาหนีไปด้วยกัน
อาศัยความฉลาดมีเชาว์ไว เด็กทั้งสองหนีเอาตัวรอดได้ ไข่ตุ๋นพาบุญทิ้งไปอยู่ที่โรงลิเก ถูกช้อยด่าว่าแค่ที่มีอยู่ก็จะไม่มีกินอยู่แล้วยังจะพามาแย่งกินอีก บุษบาเวทนาบุญทิ้ง อีกทั้งรู้สึกเคยเห็นบุญทิ้งที่ไหนมาก่อน จึงบอกถมให้หักเงินตนไว้เป็นค่าข้าวบุญทิ้งด้วย พูดอย่างเวทนาว่า
“ตัวแค่นี้ปล่อยไปก็ตายเปล่า ให้เป็นเด็กรับใช้ในโรงลิเกก็ได้” แล้วเรียกบุญทิ้งมากินข้าวด้วยกัน
เมื่อเอาบุญทิ้งไปจากบ้านได้แล้ว ปานดาว ภูวดลและพิมก็สะใจกับผลงานของพวกตน เยาะเย้ยปานเดือนว่ามีลูกกี่คนก็หายหมด เราก็หมดเสี้ยนหนามเสียที ภูวดลบอกพิมต้องเล่นให้ปานเดือนกลับไปอยู่โรงพยาบาลให้ได้ และต้องสานต่องานนี้ จัดการพวกนั้นให้หมดจะได้รางวัลอย่างงาม
“รางวัลที่ว่า พิมไม่เอาตังค์ แต่ขอบอกธัญวิทย์ว่าพิมเป็นแม่” พิมเสนอจริงจัง ทำเอาปานดาวกับภูวดลอึ้ง แต่ยังใช้ไม้อ่อน โดยภูวดลบอกว่าได้ทุกอย่างในมือก่อน อย่าโง่นักเดี๋ยวจะเสียแผน ส่วนปานดาวก็ทวงสัญญาว่าเมื่อยกธัญวิทย์ให้ตนแล้วก็แล้วกันไปจะขอคืนได้ยังไง
“คุณดาวไม่เคยมีลูก ไม่รู้หรอกว่ามันทรมานแค่ไหนที่ต้องอยู่ในสภาพอย่างพิม มีลูกก็ให้รู้ว่าเป็นแม่ไม่ได้ เป็นได้แค่คนใช้” น้ำเสียงพิมขมขื่น แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากภูวดลและปานดาว เกี่ยงให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน แล้วย้ำกับพิมว่า ก่อนจ่ายเงินให้คนที่มาลักตัวบุญทิ้งไป ดูให้มั่นใจเสียก่อนว่าเด็กนั่น...
“ไม่ต้องห่วงพี่ จะไม่มีใครได้พบบุญทิ้งอีกแล้ว” พิมตัดบทก่อนที่ภูวดลจะพูดจบ ยังความพอใจแก่ภูวดลมาก
ooooooo
ที่มูลนิธิ ภาคิน เฟื่องแก้ว ตุลย์ และปานฟ้า ร่วมกันเล่าและวิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้น สรุปได้ว่า
เรื่องนี้ต้องมีคนในบ้านถือหางพิมอยู่ เพราะลำพังพิมที่เป็นคนใช้จะไม่กล้าทำถึงขนาดนี้
ตุลย์เสนอว่า เพื่อความแน่ใจ ต้องเริ่มสืบจากพิม สาวใช้ตัวแสบนั่นก่อน
หลังจากกำจัดบุญทิ้งไปแล้ว ธัญวิทย์ก็ถูกเสี้ยมสอนให้ทำตัวดี เพื่อให้คุณยายกับคุณตารัก ส่วนเติมบุญที่เคยรักเอ็นดูบุญทิ้งอย่างมาก ถึงกับเอ่ยปากว่า นึกไม่ถึงว่าบุญทิ้งจะขี้ขโมย แล้วก็บ่นถึงทินภัทรไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรแล้ว
“ดีไม่ดีคงไปเกิดใหม่แล้วล่ะค่ะ” ปานดาวโพล่งขึ้น แล้วหว่านล้อมว่า “พวกเราทุกคน ควรยอมรับความจริงได้แล้วนะคะคุณแม่ ทินภัทรไม่มีวันกลับมาแล้ว เลิกหวังลมๆแล้งๆกันสักทีเถอะ”
ooooooo
นับวันมูลนิธิก็ขาดสภาพคล่องทางการเงิน เพราะมีผู้บริจาคน้อยลงแต่เด็กที่รับอุปการะกลับมากขึ้น ภาคินหนักใจ แต่ไม่ต้องการให้ข่าวนี้แพร่งพรายออกไป เขาจึงเริ่มเข้าหาบริษัทใหญ่ เพื่อขอความสนับสนุน แต่ต้องเดินออกมาอย่างผิดหวังทุกที่ จนเริ่มรู้สึกท้อ
จู่ๆวิมลวรรณก็ไปที่มูลนิธิ ไปถามสภาพของมูลนิธิจากเฟื่องแก้ว แต่เฟื่องแก้วไม่พูดเพราะภาคินกำชับไว้ แต่ก็พลั้งปากพูดเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน บ่นให้ฟังว่า
“ตอนนี้การเงินของมูลนิธิแย่ค่ะ รายจ่ายเยอะ แต่ยอดเงินบริจาคมีแต่น้อยลง เดือนหน้ามีหวังติดลบ ยังไม่รู้เลยค่ะว่าจะหาเงินจากไหน”
วิมลวรรณฟังแล้วยิ้มร้าย แผนการร้ายบางอย่างผุดขึ้นทันที
ooooooo
หลังจากถูกปานฟ้าปฏิเสธเรื่องหมั้นแล้ว ก้อง-ภพก็ดื่มประชดจนเมามายทุกวัน วิมลวรรณจึงไปขอร้องปานฟ้าว่า
“ถ้าหนูยังไม่พร้อมเรื่องหมั้น เอาไว้ก่อนก็ได้ แต่ป้าขอร้องช่วยไปดูก้องหน่อย ถ้าเห็นหนูเขาคงดีใจ ป้าสงสารลูกเหลือเกิน แต่ไม่รู้จะช่วยยังไง เพ้อถึงแต่หนูเท่านั้น”
จากนั้นก็ไปหาภาคินที่มูลนิธิ ปรามภาคินว่า “ฉันมีเรื่องมาเตือน ก้องจะหมั้นกับปานฟ้าเร็วๆนี้ แกคงรู้ตัวนะว่าควรทำยังไง แม่แกเคยทำบาปทำร้ายจิตใจฉันมาแล้ว แกอย่าเป็นมารมาแย่งของรักลูกฉันอีกเลย”
ภาคินบอกว่าเรื่องนี้ต้องแล้วแต่ฝ่ายหญิง จะบังคับกันไม่ได้ ถามว่าแล้วถ้าตนไม่ยอมล่ะ ถูกวิมลวรรณด่าว่า
“จองหอง! จะลองดีกับฉันใช่ไหม ได้ แล้วถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตแกและแม่แก โทษฉันไม่ได้”
“คุณหญิงรู้...ว่าแม่ผมอยู่ไหน”
“คอยดูไปสิ ว่าฉันจะรู้หรือเปล่า” พูดแล้วมองภาคินอย่างเกลียดชังก่อนออกไป ภาคินมองตามอย่างครุ่นคิด เชื่อว่าวิมลวรรณต้องรู้ว่าแม่ตนอยู่ไหน
ooooooo
ปานฟ้าไปหาก้องภพตามคำขอร้องของวิมล-วรรณ เจอเขาเมาหน้าแดงก่ำมีขวดเบียร์เกลื่อนอยู่รอบตัว เธอเตือนสติเขาว่าถ้าไม่คิดถึงตัวเองก็ให้คิดถึงคุณแม่เขาบ้าง
ก้องภพตัดพ้อ ต้องการหมั้นกับเธอให้เร็วที่สุด เมื่อเธอบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ยิ่งเขาทำแบบนี้ตนก็ยิ่ง...เธอพูดแค่นั้น แต่ก้องภพถามว่าเซ็งมากใช่ไหม ประชดว่าเพราะตนไม่ใช่ภาคิน ถามว่าภาคินวิเศษตรงไหนเธอถึงได้หลงนัก
ปานฟ้าเห็นว่าเขาเมามากถึงพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่พอจะกลับก็ถูกก้องภพคว้าไปกอดปล้ำอย่างไร้สติ ปานฟ้าตบหน้าด่าเขาว่า “เลวที่สุด” แล้วเธอก็กลับไป บอกว่าเขาเมามากคุยไม่รู้เรื่อง ไว้พูดกันวันหลังเถอะ
ก้องภพร่ำร้องให้กลับมา เมื่อไม่สำเร็จก็เสียใจและกลายเป็นแค้นใจ เมื่อปานฟ้าขับรถไปถึงทางเปลี่ยวก็ถูกมอเตอร์ไซค์มาตัดหน้า คนขับล้มลง พอปานฟ้าลงไปดูก็ถูกโปะยาสลบแล้วอุ้มไป เธอรู้สึกตัวขึ้นมา ปรากฏว่าตัวเองอยู่ในคอนโดฯแห่งหนึ่งกำลังถูกก้องภพลวนลามอย่างหน้ามืด
ก้องภพยอมรับว่าตนเป็นคนว่าจ้างให้มอเตอร์ไซค์คันนั้นเอง และพยายามล่วงเกินเธอ ปานฟ้าบอกว่าตนไม่ได้รักเขา ก้องภพถามว่าแล้วรักใคร รักภาคินใช่ไหม พอเธอบอกว่าใช่ตนรักภาคิน รักเขาคนเดียว ทำให้ก้องภพยิ่งแค้นใจ โทร.ไปเยาะเย้ยภาคินให้เตรียมตัวมางานแต่งของตนได้เลย
ระหว่างที่ก้องภพโทร.ไปเยาะเย้ยภาคินนั้น ปานฟ้าพยายามส่งเสียงขอความช่วยเหลือ ภาคินได้ยินจึงรู้ว่าเธอตกอยู่ในอันตราย โทร.กลับไปที่เครื่องของเธอก็ไม่มีคนรับสายเพราะมือถือของปานฟ้าอยู่ในรถ เขาจึงขอให้บริษัทมือถือช่วยหาพิกัดให้จึงรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ กอปรกับเคยรู้ว่าก้องภพซื้อคอนโดฯไว้แถวนี้ ภาคินจึงไปช่วยปานฟ้าได้ทัน
หลังจากบุกเข้าไปต่อยก้องภพจนหมดสติและพาปานฟ้าออกมาแล้ว เขาถามเธอด้วยความรักและเป็นห่วงว่า ไม่เป็นไรใช่ไหม ปานฟ้าบอกว่าไม่เป็นไร
“ถ้าเป็น ผมคงตายแน่...” ภาคินดึงเธอเข้าไปกอดไว้อย่างทะนุถนอม
“ฟ้ารักคุณ” ปานฟ้าบอกในอ้อมกอดที่แข็งแรงและอบอุ่นของเขา
“ผมก็รักคุณ รักยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดในโลกนี้”
ปานฟ้ายิ้มทั้งน้ำตา ต่างกอดกันไว้ด้วยความรัก...
ooooooo
นอกจากวิมลวรรณจะหลอกให้ปานฟ้าไปให้ก้องภพรังแกแล้ว ยังหลอกให้เฟื่องแก้วพาเด็กชายไปหาฝรั่งแก่ โกหกว่าเป็นฝรั่งใจบุญที่จะบริจาคเงินสนับสนุนมูลนิธิที่กำลังขาดสภาพคล่องทางการเงิน
แต่เมื่อเฟื่องแก้วพาเด็กไป กลับกลายเป็นฝรั่งหลอกเอาไปถ่ายคลิปโป๊ พวกเด็กๆรู้ตัวจึงต่อสู้ไม่ยอมทำตาม เฟื่องแก้วพยายามช่วยเด็กๆเอาแจกันฟาดหัวฝรั่งลามกจนล้ม แล้วเอากุญแจจากมันไปไขประตูพาเด็กๆหนีออกมาได้
เมื่อเฟื่องแก้วไปแจ้งความที่โรงพัก เจอหมวดตุลย์รออยู่แล้ว ปรากฏว่าฝรั่งลามกไปแจ้งความจับเฟื่องแก้วไว้ก่อนแล้ว มันหาว่าเฟื่องแก้วสัญญาว่าจะหาเด็กมาให้ตน เงินก็รับไปแล้ว แต่มาทำผิดสัญญา
“เงินที่ไหน ใครไปรับเงินแกมา” เฟื่องแก้วแค้นจัด พุ่งเข้ากระชากผมมัน “แกตาย พูดความจริงมาเดี๋ยวนี้”
เฟื่องแก้วโทรศัพท์ไปต่อว่าวิมลวรรณที่หลอกให้ตนพาเด็กไปหาฝรั่ง วิมลวรรณทำไขสือไม่รู้เรื่อง เมื่อเฟื่องแก้วจะเอาเรื่องให้ได้ ก็ปิดโทรศัพท์ทิ้งเลย เฟื่องแก้วถามตุลย์ว่าแล้วตนจะทำยังไงดี
เฟื่องแก้วถูกตำรวจกักตัวไว้ชั่วคราว เธอร้องไห้ทั้งตกใจ เสียใจ ตุลย์บอกว่าเดี๋ยวตนจะติดต่อภาคินให้มาประกันตัว เธอห้ามไว้กลัวภาคินโกรธ รู้มีหวังเอาตนตายแน่
“ไม่ตายหรอกน่า ภาคินเป็นคนมีเหตุผล มันต้องเข้าใจคุณอยู่แล้ว ผมพาเด็กๆไปส่งก่อนนะ และเดี๋ยวผมจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
“อย่าทิ้งแก้วนะคุณตุลย์...อย่าทิ้งแก้วนะ” เฟื่องแก้วร้องไห้ จับมือตุลย์ไว้แน่น
“ครับ ผมสัญญา” ตุลย์สบตารับปากจริงจัง ค่อยๆดึงมือออก เฟื่องแก้วยิ่งร้องไห้เสียงดัง
ไม่นานตุลย์ก็กลับมาพร้อมภาคิน เฟื่องแก้วขอร้องให้ภาคินไปพูดกับวิมลวรรณ ขอให้พูดความจริงได้ไหม ภาคินบอกว่าไม่มีประโยชน์ แต่จะประกันตัวเธอก็ไม่มีเงินพอ
ขณะกำลังทุกข์กังวลกันอยู่นั่นเอง สิริโสภาก็มาถึงบอกว่าเรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ภาคินถามว่าเธอมาได้ยังไงเนี่ย
ตุลย์จึงบอกว่า ตนรู้ว่าภาคินไม่มีเงินประกันตัวเฟื่องแก้วแน่ จึงโทร.ไปรบกวนสิริโสภา พูดหยอกให้คลายเครียดว่า
“ไม่อยากเห็นคนสวยต้องนอนในห้องขังอีก แค่คืนเดียวหน้าก็แก่ไปสิบปีแล้ว”
“อะไรนะ” เฟื่องแก้วทำเสียงเคือง แต่ยิ้มในหน้าด้วยความดีใจที่ตุลย์เป็นห่วงและช่วยตนเต็มที่
ooooooo
ส่วนปานฟ้า หลังจากภาคินช่วยออกมาแล้ว เธอไม่เอาเรื่องก้องภพเพราะไม่อยากให้ผู้ใหญ่ต้องมาผิดใจกัน ภาคินทำขึงขังว่าเธอต้องให้สัญญาก่อนว่า ต่อไปนี้จะอยู่ห่างจากก้องภพและระวังตัวให้มาก เธอทำหน้าฉงนถามว่า ทำไมต้องสัญญา? ห่วงหรือ?
“ไม่ใช่ห่วงธรรมดานะ หึงด้วย” พูดแล้วจุ๊บที่หน้าผากเธอทันที ปานฟ้ารีบถอยก่อนจะโดนจุ๊บเป็นครั้งที่สอง ต่างหัวเราะกันอย่างร่าเริง
ส่วนปานเดือน หลังจากบุญทิ้งหายไปก็เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ร่ำร้องหาลูก เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ปีนรั้วจะหนีไปหาลูก อนิรุทธิ์กล่อมให้ลงมา บอกว่าเดี๋ยวตนจะพาลูกมาหา
“ไม่เชื่อ ทุกคนโกหก ไม่มีใครรักทินภัทร ลูกหายไปอีกแล้วก็ไม่มีใครสนใจ” ปานเดือนยังพยายามปีนรั้วออกไป
อนิรุทธิ์จับปลายเท้าเธอไว้ เติมบุญร้องเตือนให้ระวังโดนปลายรั้ว อนิรุทธิ์จึงไม่กล้าดึง ได้แต่จับไว้นิ่ง
“ยายบ้าเอ๊ย ก่อความเดือดร้อนไม่หยุด ทินภัทรหายสาบสูญจนหาชื่อไม่เจอ ไอ้เด็กบุญทิ้งก็ถูกโจรฆ่าไปเกิดใหม่ตามทินภัทรไปแล้ว” ปานดาวมายืนด่าโหวกเหวก ทำให้ปานเดือนยิ่งร้องไห้คร่ำครวญจะไปหาลูกให้ได้
ปานดาวตรงเข้าไปกระชากปานเดือนอย่างแรง ทำให้ตัวปานเดือนเกี่ยวกับเหล็กแหลมปลายรั้วตกลงมา ทุกคนร้องอย่างตกใจ แต่ปานดาวกลับพูดอย่างเลือดเย็นว่า “ร้องทำไมกัน ตกมาแค่นี้ไม่ตายหรอกน่า”
อนิรุทธิ์รีบเข้าจับตัวปานเดือนที่นอนคว่ำอยู่หงายขึ้นมา จึงเห็นว่าเลือดไหลเต็มตัวไปหมด ปานเดือนมองหน้าอนิรุทธิ์บอกว่า “เจ็บจังเลย...”
ooooooo
เมื่อพาปานเดือนไปโรงพยาบาล ปรากฏว่าเสียเลือดมาก และเลือดกรุ๊ปเอบีที่โรงพยาบาลก็ขาด หมอจึงให้ญาติๆหาคนเลือดกรุ๊ปเอบีเพื่อช่วยชีวิตปานเดือน
ปานฟ้าเลือดกรุ๊ปบี ส่วนปานดาวเลือดกรุ๊ปเดียวกับปานเดือน แต่เจ้าตัวไม่ยอมให้ อ้างว่ากลัวเจ็บและตัวเองก็หน้ามืดบ่อยๆ ปานฟ้าเจ็บปวดมากกับความเลือดเย็นของปานดาว
หลังจากเค้นสมองคิดอย่างหนัก ปานฟ้าร้องออกมาอย่างดีใจว่า “นึกออกแล้ว ยังมีอีกคนที่กรุ๊ปเลือดเอบี”
เขาคือก้องภพนั่นเอง! ปานฟ้าบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากก้องภพ แต่เขาก็อำมหิตจนเธอสะอึกเมื่อมีข้อแม้ว่า เธอต้องยอมรับหมั้นเท่านั้น เขาจึงจะยอมบริจาคเลือด!
ในขณะที่ปานฟ้ากำลังว้าวุ่นใจอย่างที่สุดนี่เอง มูลนิธิของภาคินก็ถูกสั่งปิดจนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่า ทางมูลนิธิไม่ได้ทำผิดตามที่ฝรั่งลามกกล่าวหา ภาคินจึงต้องส่งเด็กๆไปยังสถานดูแลเด็กอื่นชั่วคราวก่อน ดังนั้นเมื่อปานฟ้าโทร.มาเพื่อจะขอคำปรึกษาเขาจึงจำต้องนัดเป็นบ่ายๆค่อยคุยกัน
แต่เพราะกำลังยุ่งมาก เมื่อถึงเวลานัดภาคินลืมสนิท ปานฟ้ารออย่างกระวนกระวายใจ ตัดสินใจโทร.หาเขา ปรากฏว่ามือถือของภาคินวางอยู่ใกล้ๆ สิริโสภาที่มาคอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้ภาคิน เธอจึงรับสายแทน
“ขอสายคุณภาคินค่ะ” ปานฟ้าสะอึกไปนิดหนึ่ง เมื่อคนรับสายกลายเป็นสิริโสภา นิ่งฟังปลายสายสีหน้าไม่ไดี “ไม่ว่าง...ไม่ทราบมีธุระสำคัญอะไรเหรอคะ ถึงขนาดรับโทรศัพท์ไม่ได้...ไม่เป็นไรค่ะ ไม่สะดวกจะบอกก็ไม่เป็นไร...งั้นก็ไม่ต้องบอกเขาด้วยว่าฉันโทร.มา...สวัสดีค่ะ”
ความต้องการเลือดอย่างเร่งด่วนของปานเดือน ไม่อาจรอได้อีกแล้ว ปานฟ้าตัดสินใจยอมรับเงื่อนไขของก้องภพ เพื่อจะได้เลือดช่วยชีวิตปานเดือน ทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากปานฟ้า ก้องภพโทร.บอกวิมลวรรณทันทีว่า
“แม่เหรอครับ ผมกับปานฟ้าตกลงจะหมั้นกันแล้วครับ...เราจะหมั้นกัน...ด่วนที่สุด” ก้องภพยิ้มอย่างผู้ชนะ ในขณะที่ปานฟ้าน้ำตาตกใน กล้ำกลืนขื่นขมยอมทุกอย่างเพื่อช่วยชีิวิตปานเดือน...
ooooooo
บุญทิ้งทำงานทุกอย่างในคณะลิเกอย่างขยันขันแข็ง เมื่อมีเวลาก็แอบหัดรำลิเก จนบุษบาเวทนารับสอนให้ บอกบุญทิ้งว่า สำหรับครูลิเกแล้ว เขาไม่เรียกครู แต่เขาจะเรียกว่า “แม่” และ “พ่อ” แทน แล้วบอกบุญทิ้งให้ลองเรียกตนดู บุญทิ้งเรียกเธอว่า “แม่กัญญา” เต็มปากเต็มคำ
บุษบาซึ้งสะเทือนใจกับคำว่า “แม่” ที่บุญทิ้งเรียก แม้จะไม่ใช่จากปากลูกแท้ๆก็ตาม เธอดึงบุญทิ้งเข้าไปกอด ด้วยความรู้สึกประหนึ่งได้กอดลูกของตัวเอง...
ส่วนสิริโสภาอยู่ให้กำลังใจภาคินต่อสู้กับอุปสรรคและปัญหาที่กระหน่ำเข้ามาอย่างรุนแรง เธอปลุกใจเขาว่า
“อย่าท้อนะคะ ภาเชื่อมั่นในตัวคุณ เชื่อว่าคุณจะผ่านเรื่องร้ายๆ คราวนี้ไปได้ ภาอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
ภาคินแตะมือสิริโสภาอย่างขอบคุณและเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวที่จะสู้ต่อไป
เป็นเวลาที่ปานฟ้ามาหาเขาและเห็นภาพนั้นพอดี ทั้งเรื่องที่สิริโสภารับโทรศัพท์แทนภาคินตอนบ่ายและภาพที่เห็นตรงหน้า ทำให้ปานฟ้าตัดสินใจหันหลัง
เดินกลับด้วยหัวใจที่แตกสลายกับทุกเรื่องที่รุมเร้าเข้ามา
“อ้าวคุณฟ้า...มานานรึยังครับ” เสียงตุลย์ร้องทัก ทำให้ภาคินปล่อยมือจากสิริโสภาหันมอง เจอสายตาปานฟ้าที่เย็นชาและน้อยใจ เธอพูดเสียงเครือๆอย่างพยายามข่มความรู้สึกว่า
“คิดว่าคุณไม่สบายหรือมีปัญหาอะไรถึงไปตามนัด ไม่ได้ แต่เห็นแบบนี้แล้วคงไม่มีอะไร ขอโทษนะคะที่มารบกวน”
ภาคินอึ้งไปอึดใจ พอนึกได้ก็รีบตามไปขอโทษ พยายามชี้แจงว่า ตนยุ่งมากจนลืมนัด...
ปานฟ้าขัดขึ้นทันทีว่าไม่เป็นไร ธุระของตนไม่สำคัญ เมื่อภาคินถามอย่างเป็นห่วงว่า หน้าตาเธอไม่ค่อยสบายใจมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ปานเดือนเป็นอย่างไรบ้าง เธอตัดบทเรียบๆแต่ด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดว่า
“มันไม่สำคัญแล้วล่ะค่ะ” แล้วหันหลังเดินไปขึ้นรถขับออกไป ภาคินยืนมองหน้าเครียดกับปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา...
ooooooo
ภาคินไปขอร้องวิมลวรรณให้ช่วยพูดความจริงเพราะเวลานี้มูลนิธิถูกสั่งปิด เด็กๆหลายคนกำลังลำบาก พูดเพื่อให้เห็นใจว่า
“คุณก็รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องทั้งหมดผมถูกใส่ร้าย ทั้งเรื่องสายฝน จนถึงเรื่องนี้ คุณกับก้องภพเป็นคนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด”
“เหรอ...ฉลาดขึ้นมาแล้วนี่ ไงล่ะ เห็นรึยังว่าฉันจะทำอะไร ยังไงกับแก กับแม่ของแกก็ได้ แกสองคนแม่ลูกจะไม่มีวันได้อะไรทั้งนั้น ฉันจะเป็นคนทำลายทุกอย่างของพวกแกเอง เหมือนกับที่แม่แกเคยทำกับฉัน”
ไม่เพียงย้ำความอาฆาตมาดร้ายเท่านั้น วิมลวรรณยังทำเป็นนึกได้ บอกข่าวดีว่าปานฟ้าตกลงรับหมั้นก้อง– ภพแล้ว และจะรีบหมั้นเร็วๆนี้ ภาคินไม่เชื่อ วิมลวรรณเยาะเย้ยว่า
“ผู้ชายที่ตกต่ำลงทุกวันอย่างแก ใครเขาจะเอา เจียมกะลาหัวซะบ้าง อย่าคิดมาแข่งกับลูกชายฉัน”
แม้ปากจะปฏิเสธว่าไม่จริง ไม่เชื่อ แต่ภาคินก็อดช็อกกับข่าวนี้ไม่ได้ เขาผลุนผลันออกจากบ้านไปทันที
วิมลวรรณหัวเราะอย่างสะใจ แต่พอหันมาเห็นอานนท์ยืนมองหน้านิ่งอยู่ก็อึ้งไปนิดหนึ่ง แล้วพูดเยาะเย้ยว่าเมื่อกี้ทำไมไม่ออกมาช่วยลูกชายสุดที่รัก
อานนท์สุดที่จะทนต่อไปได้ ประกาศตัดขาดจากกันกับวิมลวรรณ บอกว่าสุดที่จะทนอยู่กับคนชั่วช้าอย่างเธอได้อีกต่อไป พูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า
“ผมจะออกจากบ้านนี้ จะไปตามหาบุษบา ไปหา ผู้หญิงที่ผมรัก จะไม่กลับมาบ้านนี้อีก”
“ไปเล้ย...จะไปไหนก็ไป คิดเหรอว่าจะหามันเจอ ชีวิตนี้แกไม่มีวันจะหานังบุษบาเจออีก” วิมลวรรณจ้องจิกอานนท์ราวกับจะให้มอดไหม้ไปกับสายตาที่เคียดแค้นของตน
ภาคินไปที่บ้านฟ้าเจอสายอุษา เขาขอพบปานฟ้า สายอุษาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาเรียบเฉยว่า
“คงไม่สะดวกให้พบนะ ฉันรู้ว่าคุณคิดยังไงกับลูกสาวฉัน ก็ต้องขอบคุณแทนยัยฟ้า รวมทั้งทุกคนในครอบครัว ที่คุณดีกับพวกเรามาตลอด แต่คุณคงจะรู้ฐานะของตัวเองดีว่า ตอนนี้คุณมีปัญหามากมายเหลือเกิน ในฐานะแม่ของลูก คงต้องบอกว่าฉันอยากจะเห็นลูกสาวได้อยู่กับคนที่พร้อมจะดูแลเขาให้มีความสุขได้ ถ้าคุณหวังดีกับฟ้าจริง คงจะเข้าใจนะ”
ภาคินรับฟังอย่างสงบนิ่ง แต่สีหน้าและสายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง เศร้ารันทดกับความต่ำต้อยของตัวเอง...
ooooooo
ภาคินลาสายอุษา เดินออกจากบ้านมาด้วยความเศร้าเสียใจกับโชคชะตาของตัวเอง หันมองไปที่หน้าต่างห้องเพียงหวังจะได้เห็นปานฟ้าอีกสักครั้ง
ปานฟ้าหลบอยู่ริมหน้าต่าง พอเห็นเขามองขึ้นมาก็หลบนั่งร้องไห้ด้วยความเสียใจ...
ความจริงเวลานี้คือ ภาคินเดินห่างออกไปทุกที แต่ความรู้สึกนั้นเจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อคิดว่า คงเป็นการจากกันอย่างไม่มีวันจะกลับมาเหมือนเดิมได้อีกแล้ว...
ooooooo
ฝ่ายวิมลวรรณ คอยจับผิดและอาฆาตแค้นป้านุ่มตลอดเวลา วันนี้เห็นป้านุ่มเดินขึ้นข้างบนก็ดักถามว่าจะไปไหน พอป้านุ่มบอกว่าจะขึ้นไปจัดห้องให้อานนท์ วิมลวรรณก็ปรามว่าสอดรู้สอดเห็นนัก คงจะรู้แล้วใช่ไหมว่าภาคินเจอกับอะไรบ้าง
“คุณหญิงคะ นุ่มขอร้องเลิกจองเวรจองกรรมกับสองแม่ลูกนี่เถอะนะคะ เลิกอาฆาตแค้นเถอะค่ะยิ่งแค้นเท่าไหร่ คุณจะยิ่งไม่มีความสุข”
“ฉันไม่สุข คนอื่นก็อย่าหวังจะได้อยู่กันอย่างสบายเลย”
“ถ้าคุณยังทำร้ายคุณภาคินไม่เลิกแบบนี้ นุ่มจะไปบอกคุณอานนท์เดี๋ยวนี้ว่าคุณบุษบาอยู่ที่ไหน”
วิมลวรรณเดินมาขวางหน้าทันทีด่าว่าปากสว่าง เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าพูดเรื่องนี้เมื่อไหร่ตายเมื่อนั้น แล้ววิมลวรรณก็ผลักป้านุ่มตกบันไดไปแน่นิ่งที่ชั้นล่าง วิมลวรรณมองลงไปอย่างสะใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ!
ooooooo
ที่โรงลิเก บุษบาสอนบุญทิ้งกับไข่ตุ๋นร้องเล่นลิเกอย่างจริงจัง ช้อยจะมาคอยกระแหนะกระแหนกระทั่งขู่ว่าถ้าถมมาเห็นต้องไม่พอใจแน่ แต่พอถมมา เห็นจริงๆกลับชม ยิ่งเมื่อบุญทิ้งเรียกถมว่า “พ่อถม” ก็ทำเอาถมปลื้ม บอกว่า
“เออ...เข้าใจเรียกจริงๆมีข้าเป็นครูอีกคนแล้วนะเอ็งน่ะ” พูดแล้วเอามือขยี้หัวบุญทิ้งอย่างเอ็นดู บุษบามองแล้วปลื้มแทนบุญทิ้ง
แล้วจู่ๆหนังสือพิมพ์ก็ลงข่าวพบศพเด็กชายอายุไม่เกินสิบปีลอยไปติดที่ท่าน้ำนนท์ จากการตรวจสอบคาดว่าถูกทำร้ายจนตาย
ข่าวนี้ยังความดีอกดีใจให้พิม ภูวดล และปานดาวมาก เชื่อว่าศพนั้นคือบุญทิ้งแน่นอน ปานดาวถึงกับบอกพิมให้เอาเงินส่วนที่เหลือไปจ่ายให้นายพ่วงที่ทำงานสำเร็จแล้วเสีย
ส่วนอนิรุทธิ์ตกใจ ปานเดือนถึงกับกรีดร้องคร่ำครวญ ถึงทินภัทร์ สายอุษาพยายามคิดว่าคงไม่ใช่บุญทิ้ง
นายพ่วงนั่งดวดเหล้าดูข่าว นึกภาวนาว่าขออย่าให้บุญทิ้งมาให้ใครแถวนี้เห็นเลย ไม่อย่างนั้นทั้งบุญทิ้งและตนได้เป็นศพจริงๆแน่ เพราะความจริงคือ นายพ่วงไปขโมยศพเด็กเอาไปทิ้งน้ำหลอกว่าตนทำงานสำเร็จแล้ว
ooooooo
แล้วก็มีเหตุให้บุญทิ้งต้องขึ้นเล่นลิเกแทนไข่ตุ๋น เพราะไข่ตุ๋นเกิดท้องเสียรุนแรงอย่างกะทันหัน บุญทิ้งตื่นเต้นมาก ร้องและรำผิดๆถูกๆแต่ก็ร้องรำได้อย่างน่ารัก จนได้รับความเอ็นดูจากผู้ชมที่พากันปรบมือ เกรียวกราว บ้างก็หยิกแก้มบ้างก็หอมกอดอย่างเอ็นดู
บุญทิ้งยืนยิ้มอยู่บนเวที มีพวงมาลัยเต็มคอ ท่ามกลางเสียงชื่นชมจากแฟนลิเกมากมาย
วันนี้ เติมบุญกับสายอุษา รวมทั้งปานฟ้า ปานดาว กับธัญวิทย์ไปทำบุญที่วัด เสร็จแล้วเดินผ่านตลาด ไข่ตุ๋นกับบุญทิ้งพากันวิ่งเล่นที่นั่น บุญทิ้งปวดท้องจะกลับบ้านก่อน ไข่ตุ๋นจึงวิ่งไปซื้อโอเลี้ยง วิ่งไปชนธัญวิทย์เข้าก็ถูก ธัญวิทย์ผลักอกจนล้มก้นกระแทก ไข่ตุ๋นโวยวายก็ถูกด่าว่ามาชนตนก่อนทำไม
ไข่ตุ๋นไม่ยอม ลุกขึ้นผลักอกคืน เด็กสองคนทะเลาะกัน พิมเข้ามาด่าไข่ตุ๋นไล่อย่ามายุ่งกับธัญวิทย์ เท่านั้นไม่พอยังจับไข่ตุ๋นไว้ให้ธัญวิทย์ตีด้วย
บุญทิ้งแอบดูเห็นพวกเติมบุญก็ไม่กล้าโผล่ออกไป แต่ทนเห็นไข่ตุ๋นโดนรุมไม่ได้เลยคว้าหน้ากากอุลตร้าแมนใส่แล้ววิ่งออกไปช่วยไข่ตุ๋น พิมเห็นบุญทิ้งเลยจะเข้าไปตี แต่เติมบุญกับปานฟ้าเห็นเสียก่อนจึงเข้าไปห้าม เติมบุญดุธัญวิทย์ว่าไม่ทันไรก็มาทะเลาะกับเขาอีกแล้ว บอกให้ขอโทษไข่ตุ๋นเสีย
ปานดาวออกมาปกป้องธัญวิทย์และด่าบุญทิ้งกับไข่ตุ๋นว่าเป็นเด็กจรจัด ไข่ตุ๋นบอกเติมบุญว่าไม่เป็นไรตนใจดีไม่ต้องขอโทษก็ได้ ขณะนั้น เติมบุญได้สบตากับบุญทิ้ง รู้สึกสะดุดตาว่าเคยเห็นกับแววตาแบบนี้ที่ไหน เหมือนคุ้นๆ
เมื่อพากันเดินกลับ เติมบุญบ่นธัญวิทย์ว่าใจร้อน ไม่น่าไปทะเลาะกับเขา ตาให้ขอโทษก็ไม่ยอม ดื้อจริงๆ
“พิมเองก็ด้วย เป็นผู้ใหญ่แล้วแทนที่จะห้ามยังไปช่วยตาวิทย์ทะเลาะกับเขา เรามีหน้าที่ดูแลไม่ใช่เหรอ ทีหลังอย่าทำอีกนะ” ปานฟ้าตำหนิ พิมทำเป็นพยักหน้ารับแต่ในใจโกรธแค้น
ooooooo
มูลนิธิของภาคินถูกตรวจสอบจากหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาหลักฐานตามข้อกล่าวหา สร้างความ เหน็ดเหนื่อยยุ่งยากแก่เฟื่องแก้วและตุลย์ที่ต้องมาคอยดูแลมาก
วันนี้เอง ตุลย์เห็นบัตรเชิญไปงานหมั้นของปานฟ้ากับก้องภพพึมพำว่า รวดเร็วจนผิดปกติ ภาคินเห็นแล้วรำพึงอย่างเศร้าใจว่า “สงสัยจะมีแต่ฉันคนเดียวที่ไม่ได้รับเชิญ”
แต่หารู้ไม่ว่า ปานฟ้าเขียนบัตรเชิญให้เขาแล้ว แต่ยังไม่ได้ส่ง เธอนั่งดูชื่อภาคินที่ซองอย่างเจ็บปวด ปานดาวมาเห็นถามเย้ยๆว่า เชิญกิ๊กเก่าขี้คุกด้วยหรือ
ปานฟ้าแย้งว่าเขาไม่ได้ติดคุก แต่โดนใส่ร้ายต่างหาก ปานดาวพูดเย้ยอีกว่า ปานฟ้ารวบทั้งพี่ทั้งน้อง แบบนี้ดีเหมือนกัน จะได้มีสมบัติติดตัว สมบัติของบ้านนี้จะได้เป็นของธัญวิทย์คนเดียว
ปานฟ้ามองพี่สาวอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
ตุลย์ถามภาคินว่าทำไมถึงยอมปล่อยให้ปานฟ้าหมั้นกับก้องภพ ภาคินบอกว่าตนไม่ได้ยอมแต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อปานฟ้าต้องการอย่างนั้น พูดอย่างน้อยใจในชะตาของตัวเองว่า “ชีวิตฉันตอนนี้แทบจะไม่มีอะไรเหลือแล้ว”
“ไม่ทันไรก็ท้อเสียแล้ว งั้นฉันถามอีกข้อเดียว นายได้พยายามจะดึงเขากลับมาจากไอ้ก้องภพหรือยัง แถมอีกข้อก็ได้ ตั้งแต่นายคบกับคุณฟ้ามา นายเห็นคุณฟ้าเป็นผู้หญิงที่จะทอดทิ้งผู้ชายที่เขารักในตอนที่นายลำบากเหรอวะ”
ภาคินบอกว่าตนอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่เธอรัก ตุลย์ถามว่า ผู้ชายที่ปล่อยหญิงคนรักไป ก่อนที่จะพยายามถึงที่สุดนี่มันบื้อไหม แล้วตอบเองว่า “อาจไม่บื้อแต่โง่ โง่มากถึงมากที่สุด”
นี่เองทำให้ภาคินเริ่มได้คิด สีหน้าแววตาเขาเริ่มมีความหวังขึ้นมา
ooooooo
จากนั้นภาคินไปหาปานฟ้าที่ทำงานถูกเลขา
กีดกันว่าไม่อยู่ ไปดักพบในห้างก็พลาดถูกเบียดเสียดจนเธอหายไป ตัดสินใจไปที่บ้าน พอปานฟ้ากลับจะเข้าไปหาก็ถูกพิมปิดประตูรั้วไม่ให้เข้า
ทั้งหมดนี้ปานฟ้าได้รู้ ได้เห็นแม้จะเศร้าแต่ก็เตือนตัวเองว่าต้องเข้มแข็ง
ภาคินถูกก้องภพเยาะเย้ยและไล่ให้ออกจากบ้านเพราะถ้าตนแต่งงานกับปานฟ้าแล้วก็ไม่อยากให้มีคนอื่นอยู่ด้วย
คืนนี้ภาคินจึงเก็บเสื้อผ้า อานนท์มาเจอถามว่าจะไปไหน เขาบอกว่าถึงตอนนี้ตนคงไม่ทนอยู่ที่นี่ต่อไปแล้ว ขอโทษพ่อที่ตัดสินใจแบบนี้ อานนท์บอกว่าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น เพราะบ้านนี้ก็เป็นบ้านของเขาด้วย เขา เป็นลูกที่ตนภูมิใจ เพราะเกิดจากความรักของตนกับแม่เขา บอกภาคินว่า
“ตอนนี้พ่อเองก็กำลังตามหาแม่บุษบาอยู่ อย่าเพิ่งออกไปเลย เรามาช่วยกันตามหาแม่เขากันก่อนดีไหม” ให้กำลังใจว่า “พ่อรู้ว่าลูกเจอปัญหาหลายๆอย่างพร้อมกัน ขอให้ลูกอดทนอย่างมีสติ ให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนของชีวิต คนเรายังมีเรื่องที่ต้องอดทนอีกมากมาย พ่อหวังว่าภาคินจะผ่านช่วงนี้ไปได้ ลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง”
อานนท์โอบไหล่ภาคินไว้ บอกเขาว่า “จำไว้...พ่อรักลูก” ภาคินกอดตอบน้ำตาคลอ
ooooooo
บุญทิ้งเล่นลิเกในฐานะลิเกเด็ก ได้รับความเมตตาเอ็นดูจากแฟนลิเกอย่างสูง จนกลายเป็นขวัญใจของผู้ชม ทำให้รายได้ของคณะดีขึ้นมาก
วันนี้ช้อยหิ้วตะกร้าเดินลอยหน้าไปตลาดกะจะซื้อของกินเสียให้สะใจหลังจากอดอยากปากแห้งมานาน ให้ไข่ตุ๋นกับบุญทิ้งตามไปช่วยหิ้วของ
ปรากฏว่าบรรดาพ่อค้าแม่ขายในตลาดพากันทักทายบุญทิ้งอย่างเอ็นดูหยิบจับอะไรก็ให้ฟรี แต่ช้อยที่ทำท่าผยองกลับถูกด่าอย่างเกลียดชังว่า ร้ายทั้งในบทและนอกบท จนถูกแม่ค้ารุมเข้าหาเกือบถูกตบกลางตลาด
ไข่ตุ๋นกับบุญทิ้งเห็นท่าไม่ดีเลยแวบไปก่อน พอกลับถึงบ้านพักถูกช้อยด่าหาว่าไม่ช่วยกัน ถมเลยถามว่า ก็ตัวเองไปด่าเขาก่อนไม่ใช่หรือ ตัวเองทำผิดแล้วยังจะโทษเด็กอีก แล้วพูดกับบุญทิ้งอย่างเอ็นดูว่า
“คนดูติดคณะเรากันแยะก็เป็นเพราะเจ้าบุญทิ้งจริงๆนั่นแหละ ไม่งั้นไม่มีเงินไปจ่ายตลาดหรอก แม่ครูกัญญากับช้อยแล้วก็ไข่ตุ๋นต้องช่วยกันดูแลพระเอกใหม่ของเราให้ดีๆแล้วกัน บุญทิ้งเองก็ต้องเป็นเด็กดี หมั่นซ้อมหมั่นฝึกฝนนะ”
ช้อยบ่นลับหลังอย่างแค้นใจว่า “ใช่สิ ไอ้บุญทิ้งตอนนี้มันขึ้นหม้อ กลายเป็นไอ้ลูกเทวดาไปแล้ว เชอะ! ฉันจะคอยดูว่าจะเห่อกันได้นานแค่ไหน!”
ooooooo
เพราะบัญชีของมูลนิธิถูกอายัด ภาคินจึงต้องเอาเงินส่วนตัวที่มีเพียงเล็กน้อยจ่ายเงินเดือนให้เฟื่องแก้ว เฟื่องแก้วร้องไห้อย่างรู้สึกผิด โผเข้ากอดภาคิน ขอโทษที่ตนทำให้มูลนิธิต้องประสบปัญหาหนักหน่วง
ภาคินโอบตบหลังเฟื่องแก้วเบาๆอย่างปลอบใจ เป็นจังหวะที่ปานฟ้าจะเอาการ์ดเชิญมาให้เขาเห็นพอดี เธอชะงักกึกรีบขอโทษอย่างน้อยใจ
“ขอโทษค่ะที่มารบกวน แต่คิดว่าควรเอาการ์ดงานหมั้นมาเชิญคุณด้วยตัวเอง”
ภาคินเข้าใจทั้งความรู้สึกของปานฟ้า และเจ็บปวดกับการ์ดที่บอกถึงความสูญเสียของตัวเอง ภาคินตัดสินใจถามตรงๆ ว่าเธอรักก้องภพหรือเปล่า ปานฟ้าบอกถึงความรู้สึกของตัวเองว่า เจ็บปวดกับการรอคอยคนที่ตัวเองรัก การรอคอยที่ถูกให้ความหวังลมๆแล้งๆนั้น ร้ายเสียยิ่งกว่าการรอคอยที่ไม่มีหวังเสียอีก และเวลานี้ตนก็ตัดสินใจแล้ว คงไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว
ภาคินยอมรับการตัดสินใจของเธอด้วยความเจ็บปวด ปานฟ้าเดินจากไปทั้งน้ำตา
ooooooo
อานนท์ออกตามหาบุษบาอย่างจริงจัง ถามชาวบ้านแถวบ้านพักลิเก ชาวบ้านแนะนำให้ไปถามคณะนายถมอาจจะรู้ดี อานนท์ตามหาจนเจอไข่ตุ๋นถามหานางเอกลิเกที่ชื่อบุษบา บุญทิ้งบอกว่าไม่มีคนชื่อบุษบา อานนท์จึงฝากเรื่องไว้แล้วจะมาถามถมอีกที
เมื่อถมรู้ว่าอานนท์มาตามหาบุษบาที่ตั้งชื่อใหม่ในคณะลิเกว่ากัญญา ถมบอกบุษบาว่าแต่นี้ไปให้ถือว่าบุษบาได้ตายจากไปแล้ว คณะนายถมนี้มีแต่กัญญานางเอกลิเกคนนี้เท่านั้น แล้วสั่งบุญทิ้งกับไข่ตุ๋นอย่างตึงเครียดว่า
“เรื่องคนที่มาวันนี้อย่าไปบอกใครเขาล่ะ ไม่มีใครรู้จักหรอก ดีไม่ดีอาจจะเป็นพวกโจรขโมยก็ได้ เข้าใจไหม ไข่ตุ๋น บุญทิ้ง”
วันต่อมา อานนท์มาที่บ้านพักลิเกอีก เจอถมพอดีถามถมว่าเป็นคณะลิเกเก่าแก่รู้จักนางเอกที่ชื่อบุษบาไหม
“ผมรู้จักบุษบา เขากลับมาเล่นลิเกเพราะผิดหวังเรื่องความรัก ผู้ชายคนนั้นทำให้เขาเสียใจมาก” อานนท์ถามอย่างตื่นเต้นว่า แล้วตอนนี้เธออยู่ไหนตนอยากเจอ “บุษบา...ตายไปแล้ว”
อานนท์กลับไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย บอกภาคินว่าเป็นความผิดของตนเองที่ไม่ได้ออกตามหาแม่ของลูกตั้งแต่ตอนนั้น ถ้าย้อนเวลาได้ แม่ของลูกก็คงไม่ต้องตายอย่างโดดเดี่ยวแบบนั้น
ทั้งอานนท์และภาคินต่างนิ่งเงียบอยู่ในความขมขื่น น้ำตาคลอ...
ooooooo
เติมบุญรู้ว่าปานฟ้าคิดอย่างไร บอกลูกว่ายังมีเวลาเปลี่ยนใจได้ แต่ปานฟ้ายืนกรานว่ามาถึงขั้นนี้แล้วยังไงตนก็ต้องหมั้น
ในงานหมั้น วิมลวรรณแกล้งภาคินให้ทำหน้าที่เสิร์ฟน้ำ เขาทำหน้าที่อย่างเจ็บปวดทรมานใจที่ต้องเห็นปานฟ้าเข้าพิธีหมั้นกับก้องภพ
สิริโสภาซึ่งรู้ใจทั้งปานฟ้าและภาคิน เธอหาโอกาสพูดกับปานฟ้าว่า
“คุณฟ้าควรจะเชื่อใจคนที่รักคุณนะคะ ภาบอกได้แค่นี้”
แต่พิธีก็ยังต้องดำเนินต่อไป ก้องภพเหลือบมองภาคินที่ทำหน้าที่เด็กเสิร์ฟอย่างสะใจ ก่อนบรรจงสวมแหวน หมั้นให้ปานฟ้า ก้องภพจับมือปานฟ้าเตรียมสวมแหวน เธอลังเลนิดหนึ่งแต่ก็ให้ก้องภพสวมแหวนหมั้นให้
พอแหวนหมั้นสวมสุดนิ้ว ปานฟ้าก็น้ำตาคลอ แขกในงานพากันปรบมือคิดว่าเธอตื้นตันใจ
ปานฟ้ามองภาคินที่ยืนเสิร์ฟน้ำอยู่ ต่างสบตากันด้วยแววตาเศร้า...เจ็บปวด...ไม่น้อยกว่ากัน...
ooooooo










