สมาชิก

เพลงรักบ้านนา

ตอนที่ 18

สายแล้ว ขณะศรีไพรกับศรีแพรกำลังจะออกไป

ท้องนานั้น แสนก็วิ่งนำหน้าหมอกกับทอกมาร้องบอกอย่างตื่นเต้นดีใจว่ามีข่าวดีมาบอก

ศรีไพรไม่สนถามน้องว่าหายไปไหนมาทั้งคืน

“ฉันกับไอ้แสน ไอ้หมอกไปสืบข่าวที่บ้านเศรษฐีบุญช่วยมา” ทอกชิงตอบแทนแสน หมอกก็รีบบอกว่า

“ใช่ ไม่มีงานแต่งงานแล้ว พี่ทวนเขาไม่ได้แต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีบุญช่วยแล้ว”

ทั้งศรีแพรและศรีไพรต่างไม่สนใจ พากันเดินออกไป หมอก ทอก และแสนดีใจเก้อ บ่นกันอุบว่าไม่มีใครสนใจเลย เขาอุตส่าห์วางแผนก่อกวนพวกนั้น

“ยังไงพี่ทวนเขาก็ปฏิเสธไม่แต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีบุญช่วยแล้ว...เฮ้ย...แล้วพี่ทวนจะเป็นยังไงวะ” หมอกนึกห่วง ทวนขึ้นมา

ooooooo

ทวนกำลังถูกชิงชัยกับหลิม และเลิศคุมตัวไปที่ป่าเปลี่ยว ทวนถามว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ชิงชัยตะคอกว่า

“แกไม่ยอมแต่งงานกับน้องสาวของฉัน กล้าขัดคำสั่งพ่อของฉัน”

ทวนโต้ว่าเรื่องแต่งงานมันเป็นเรื่องของมนุษย์ไม่ใช่ของสัตว์ ชิงชัยสะอึก เข้าไปหาจะเล่นงาน ทวนบอกตรงๆว่า

“ผมแต่งงานกับชาริณี เพื่อให้ชาริณีเลิกยาไม่ได้หรอก สำคัญมันอยู่ที่พวกคุณต้องหยุดวงจรนี้เสีย”

ทันใดนั้น เมินส่งเสียงร่าเริงมาแต่ไกล ถลาเข้ามาชนชิงชัยกระเด็นไป ก่อนบอกเขาว่า

“เดี๋ยวก่อนครับคุณชิงชัย ไอ้ทวนคนนี้มันยังมีประโยชน์อยู่ เพราะว่าตอนนี้...อ้า...เอ้อ...เพราะว่าตอนนี้น้องสาวของคุณกำลังมีอาการ...ลงแดง...ครับพ้ม!”

ooooooo

ที่ห้องนอนชาริณี ตัวเธอกำลังดิ้นพราดๆเพราะเสพยาอย่างหนัก โดยมีสไบกับแหว่งยืนมองอยู่อย่างสะใจ

ทันใดนั้น เศรษฐีบุญช่วยวิ่งพรวดเข้ามาเห็นอาการของชาริณีแล้วตวาดถามอย่างเกรี้ยวกราดว่า

“ใคร...ใครเป็นคนเอายาให้ชาริณี แกหรือ...นังสไบ”

ส่วนชิงชัยผวาเข้าไปดูน้อง ร้องเรียกให้ได้สติ ประคองน้องขึ้นมาถามพ่อว่าจะทำยังไงดี

เศรษฐีปราดเข้าไปเงื้อมือจะตบสไบ ตวาดถามว่า “แก... แกขัดคำสั่งฉัน เอายาให้ชาริณีใช่ไหม”

“ก็ลูกท่านเศรษฐีกำลังจะลงแดงตาย จะให้ฉันทำยังไง” สไบจ้องเขม็ง แล้วแผดเสียงถาม “รักลูกนักไม่ใช่หรือ มียาตั้งเยอะแยะแล้วทำไมไม่ให้ลูกของตัวเองเสพล่ะ ทีกับลูกคนอื่นละยัดเยียด!”

เศรษฐีจะฟาดมือตบ ก็พอดีชิงชัยร้องให้พ่อช่วย

ชาริณีด้วย เศรษฐีหันมาตะโกนอย่างสติแตกว่า

“ไม่ช่วยโว้ย ฉันจะช่วยอะไรได้ เอามันไปไว้ในห้องขัง จะได้ไม่รู้...ไม่เห็นว่าลูกติดยา...” เสียงเศรษฐีสะท้านอย่างสะเทือนใจ แล้วผลุนผลันออกไป

ชิงชัยกอดชาริณีไว้ พยายามเขย่าตัวเรียกสติน้อง...ในขณะที่สไบหันไปยิ้มกับแหว่งอย่างสะใจอยู่ใกล้ๆ

ooooooo

แสนยังติดใจไม่หาย ไปแอบสอดแนมใกล้ๆบ้านเศรษฐีบุญช่วยอีก ขณะกำลังจ้องเขม็งไปที่บ้านนั้น ก็ต้องสะดุ้งเมื่อศรีไพรย่องมาอยู่ใกล้ๆ แสนหันมองบอกพี่สาวว่า

“ฉันนึกว่าพี่ศรีไพรจะไม่สนจริงๆเสียอีก”

“ก็ใครสนล่ะ พี่มาตามแกกลับบ้านนะแสนแสบ ตั้งแต่ไปคบพวกเด็กวัด ซนใหญ่นะเราน่ะ”

แสนบอกว่าพวกตนอยากรู้เรื่องในบ้านเศรษฐี สงสัยว่าจะไม่มีงานแต่งงานแล้วจริงๆด้วย ศรีไพรตัดบทว่าใครสน ถูกน้องดักคอว่า

“นี่ขนาดไม่สนพี่ยังมาด้อมๆมองๆ” เลยถูกเขกหัวบอกว่ามาตามตัวเองกลับบ้านต่างหาก แล้วดึงแสนให้ลุกขึ้น แสนขืนตัวไว้ชี้ให้ดู “พี่ศรีไพร...ดูนั่น...”

ศรีไพรชะงัก มองไปที่บ้านเศรษฐีตามที่แสนชี้

ooooooo

ที่นั่น...ที่บ้านเศรษฐี ทวนก้าวออกมาเผชิญหน้าเศรษฐีที่นั่งกุมหัวอยู่ด้วยความโกรธแค้น ผิดหวังเสียใจในตัวลูกสาว ทวนเสนอขึ้นว่า

“ส่งตัวชาริณีไปบำบัด เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ชาริณีรอดตาย ปล่อยไว้อย่างนี้เท่ากับท่านเศรษฐีฆ่าลูก”

เศรษฐีค่อยๆเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยน้ำตา ลุกขึ้นยืน ชี้หน้าทวน กล่าวโทษว่า

“แกต่างหากล่ะที่ไม่ยอมแต่งงานกับลูกสาวของฉัน

ลูกของฉันรักแก ถึงฉันจะเกลียดแกยังไงฉันก็ยอม...เพื่อลูก” ทวนบอกว่าตนไม่ได้รักชาริณี เศรษฐีตวาดว่า “ไม่รักก็ต้องแต่ง แต่งงานแล้วชาริณีอาจจะดีขึ้น ฉันรักลูกของฉัน ฉันยอมให้มันเป็นยังงี้ไม่ได้”

“ผมก็แต่งงานกับชาริณีไม่ได้จริงๆ เชื่อผมเถอะ...ส่งชาริณีเข้าสถานบำบัดเสีย”

“ไม่ๆๆๆไม่โว้ย!” เศรษฐีตะโกนอย่างคลุ้มคลั่ง “ฉันจะขังลืมมัน...มันจะได้ไม่ออกไปประจานฉันว่าฉันค้ายาแต่ลูกของฉันกลับติดยานรกนั่น ฉันจะขังลืมมัน!!”

เศรษฐีปัดและเตะข้าวของใกล้ตัวกระจุยกระจาย ทั้งแผดเสียงทั้งร้องไห้อย่างคลุ้มคลั่ง ทวนได้แต่จ้องมองเศรษฐีอย่างกังวล หลังจากนั้นเศรษฐีก็ป่วยเป็นอัมพฤกษ์

ooooooo

ที่ห้องขังเดิม...แหว่งพยุงร่างของชาริณีเข้าไปทิ้งไว้ที่พื้น ชาริณีฟุบหมดสติหมดสภาพ สไบยืนยิ้มสะใจ พูดเยาะหยันว่า

“ถูกขังอีกแล้วนะ คราวนี้ฉันเห็นจะต้องแสดงความเมตตากับแกในฐานะที่ฉันเป็นแม่เลี้ยง” พูดจบแล้วหันไปสั่ง “นังแหว่ง ไม่ต้องใส่กุญแจ”

“ก็...ถ้า...”

“ฉันรู้แล้วว่านายทวนเขาไม่ได้รักมัน เขาคงจะไม่เสี่ยงชีวิตมาช่วยมันออกไปหรอก ในเมื่อไอ้แก่นั่นมันกำลังบ้า”

แหว่งถามอย่างขยาดว่าจะเอาอย่างนั้นหรือ

“จ้างให้ก็ไม่มีใครกล้าขึ้นมาช่วยมันหรอก เพราะไม่มีใครอยากจะหาเรื่องใส่ตัว”

พูดแล้วสไบกับแหว่งพากันเดินออกไปปิดประตูแต่ไม่ใส่กุญแจ ทิ้งให้ชาริณีนอนฟุบกับพื้นน่าสังเวช

ooooooo

คืนนี้ ขณะทวนไปด้อมๆมองๆที่หน้าต่างห้องขังชาริณีนั้น เมินเข้ามาเรียก ทวนสะดุ้งถามเมินว่ามาทำอะไรแถวนี้

“แกล่ะ...อย่า...อย่าแม้แต่จะคิด นี่มันเรื่องในครอบครัวเศรษฐีบุญช่วย เขาต้องจัดการกับปัญหาของเขาเอง... แหม...ทีให้เป็นลูกเมียล่ะไม่ยอม อ้างว่าไม่รัก...ไม่รัก ทีนี้จะมายุ่งอะไรอีกล่ะ”

ทวนมองหน้าเมินฉุนๆที่มาพูดเยาะเย้ย เมินบอกว่าคราวนี้จะไม่ช่วยอีกแล้วนะ พูดอย่างตัดเยื่อใยว่า

“แกจะทำอะไรเชิญเลย แต่อย่าให้เดือดร้อนถึงฉันเป็นอันขาด”

เมินกระแทกเสียงเคืองๆแล้วเดินออกไป ทวนมองตามก่อนเงยหน้ามองไปที่หน้าต่างห้องชาริณีอีกที

ooooooo

ที่บ้านเรือนไทย มุ้งหลังใหญ่กางอยู่กลางห้อง ทุกคนนอนในมุ้งหลังเดียวกัน ศรีไพรออกมาที่ระเบียงร้องถามแสนว่า

“แสน...แสน สุมไฟให้ไก่เสร็จรึยัง ไม่ต้องสุมกองโตหรอกเดี๋ยวมันเป็นไก่ย่าง สุมแค่ไล่ยุงก็พอ”

“ปิดประตูหน้าต่างเถอะ เดี๋ยวน้องก็ขึ้นมาเองแหละน่ะ” ศรีแพรร้องบอก

“พี่ศรีแพรไม่รู้อะไร เดี๋ยวนี้ไอ้แสนมันริอ่านไปคบพวกไอ้ทอก ไอ้หมอกทำตัวเป็นหัวโจก”

“มันเป็นเด็กผู้ชายน่ะ มันก่อเหตุป่วนซะบ้างมันจะได้เป็น อีกหน่อยพอโตขึ้น แสนแสบต้องเป็นผู้นำครอบครัว” ศรีแพรคาดหวังกับน้องชายคนเดียว ศรีไพรฟังแล้วถามอย่างสงสัยว่า

“พี่ศรีแพรจะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตหรือ”

ศรีแพรอึ้งไปนิดหนึ่ง ตัดบทบอกน้องว่าให้ปิดประตูหน้าต่างเสียเถอะ พูดแล้วเลี่ยงเดินเข้าบ้านไป

ศรีไพรมองตามพี่สาว ถอนใจยาว...แววตาหม่นหมองลง เมื่อคิดถึงเรื่องราวของทั้งสองคน...

ooooooo

ทวนซุ่มดูจนแน่ใจว่าปลอดคนแล้ว จึงย่องขึ้นไปที่ห้องของชาริณี แปลกใจที่ห้องไม่ได้ใส่กุญแจ เขาร้องเรียกเบาๆพลางเดินเข้าไป พบชาริณีหายใจแผ่วๆอยู่ที่พื้น อาการหนักมาก พอเห็นทวนเธอพูดเสียงเบาจนเกือบไม่ได้ยินว่า

“ช่วย...ช่วยด้วย...พาฉันออกไปจากที่นี่ที...”

ทวนถามว่าแน่ใจเหรอว่าอยากให้ตนพาหนีจริงๆ เธอตอบอย่างอ่อนแรงว่า

“ฉันอยากเลิกมัน คุณพูดถูก ฉันต้องเลิกมันด้วยตัวของฉันเอง ฉันต้องเข้มแข็ง ฉันจะเลิกมันให้ได้”

“ผมพูดกับพ่อคุณแล้ว แต่พ่อคุณไม่ยอมฟังผม มีทางเดียวที่คุณจะเลิกคือหนี...คุณพร้อมนะ”

เมื่อชาริณีบอกว่าตนพร้อม ทวนจึงประคองเธอขึ้น พาร่างอันสั่นเทาเพราะต้องการยา เดินลงบันไดไปอย่างยากลำบาก...

ooooooo

ที่บ้านเรือนไทย ศรีไพรถือไม้เรียวคุมแสนมุดมุ้งเข้ามานอน ปรามน้องว่าแล้วไม่ต้องคลานหนีออกไปอีกล่ะ ไม่งั้นจะฟาดให้หลังลายเชียว

แสนบ่นว่านอนไม่หลับก็ไม่ได้ ศรีไพรสั่งว่านอนไม่หลับก็ต้องนอนให้หลับ กลางวันมีไว้ทำนา กลางคืนมีไว้นอนไม่ใช่ออกไปสุมหัวกันท้ายป่าช้า สั่งให้นอนเดี๋ยวนี้

สดสวดมนต์เสร็จพอดี ทุกคนเข้านอน สดมุดมุ้งเข้ามาห่มผ้าให้แสนก่อนล้มตัวลงนอน...

ศรีไพรสะดุ้งตื่นในยามดึก เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกตนเบาๆ อยู่หน้าบ้านทวนนั่นเอง เขาตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจาก

ศรีไพรอีกตามเคย ศรีไพรเปิดประตูออกมาดูมองทวนที่ให้ชาริณีขี่หลังมาอย่างครุ่นคิด...

ooooooo

กลายเป็นเรื่องตื่นตระหนกกันไปหมด เมื่อปรากฏว่าศรีไพรหายตัวไป บรรดาผู้ใกล้ชิดจึงระดมกันออกตามหาทั้งคืน รวมทั้งเจ๊กตง มหาเฉื่อย และชาวบ้าน

หากันจนกระทั่งเช้าก็ยังไม่เจอ เจ๊กตงบอกมหาที่ไปตามหาด้วยกันว่าฟ้าสางแล้ว เห็นมหาทำจมูกฟุดฟิด เจ๊กตงถามว่าได้กลิ่นอะไรหรือ

“ได้กลิ่นคาวเลือดว่ะ นี่แสดงว่ามีคนเลือดตกยางออกผ่านมาทางนี้” มหาพูดพลางมองไปตามพื้น เจ๊กตงมองตามจึงเห็นรอยเลือด มหาบัญชาการทันทีว่า “แกะรอยไปเจ๊กตง”

“ว้า...ไม่มีรอยแล้ว มันหยุดอยู่แค่ดงหญ้านี่ มันชักจะไม่ชอบมาพากลนะท่านมหาเฉื่อย”

“หรือว่า...จะมีคนจับตัวไอ้ศรีไพรไป ไอ้ศรีไพรน่ะโจทก์เยอะซะด้วยซี พวกเรากระจายกันออกหาให้ทั่ว” มหาบัญชาการต่อ เมื่อชาวบ้านแยกย้ายกันไปแล้ว เจ๊กตงจึงนึกได้ ร้องลั่น

“ไอ๊หยา...” มหาตกใจถามว่าอะไรหรือ เจ๊กตงทำท่าจะร้องไห้บอกว่า “อาม่วยเนี้ยวลูกอั๊ว อีไปกับแขก แล้วไอ้แขกน่ะมันไว้ใจได้เสียที่ไหน...”

มหาฟังแล้วพลอยเป็นห่วงเนี้ยวไปด้วย

ooooooo

ที่ป่าอีกมุมหนึ่ง สุมิตรกับเนี้ยวไปตามหาศรีไพรด้วยกัน ช่วยกันป้องปากร้องเรียกก็ไม่มีเสียงตอบ สุมิตรร้องเรียกแล้วป่าวประกาศขายของไปตามความเคยชิน จนถูกเนี๊ยวเอ็ดว่า

“นี่...มาตามหาคนนะ ไม่ได้มาขายของ ไม่งกสักชั่วโมงได้ไหม ไอ้แขก”

“อีนี่เวลาเป็นของมีค่าจ้ะอาม่วยเนี้ยวคนสวย ตามหาอาศรีไพร ทำประชาสัมพันธ์ไป ไม่เสียเที่ยวจ้ะ”

เนี้ยวด่าว่างก ทำท่าจะซัดสักป้าบ แต่ตัวเองก้าวพลาดเลยกลิ้งตกลงไป สุมิตรผวามาช่วยเลยกอดกันตกลงไปทั้งคู่

พอกลิ้งลงไปถึงที่ราบ ทั้งคู่ก็ยังกอดกันแน่น ต่างสบตากันเขินๆ

ooooooo

ที่บ้านเรือนไทย สดคอยฟังข่าวศรีไพรอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ จนสายศรีแพร แสน ทอก และหมอกพากันกลับมาหน้าแห้งๆ สดถามทันทีว่าเจอไหม

“ไม่เจอน้องเลยแม่ ที่บ้านเศรษฐีบุญช่วยไม่มี หากันทั้งคืนก็ไม่มี” ศรีแพรเสียงเศร้า

“โธ่...ศรีไพรลูกแม่ หายไปทั้งคืนยังงี้มันต้องไม่ใช่เรืองดีแน่ แล้วเจอไอ้ทวนกับไอ้เมินไหม”

ศรีแพรหน้าตึงไม่ตอบ  ทอกบอกว่าไม่เห็นทั้งสอง ศรีแพรจึงพูดอย่างไม่หายแค้นใจว่า

“อย่าคิดพึ่งคนพวกนี้เลยแม่ เขาไปเป็นสมุนรับใช้เศรษฐีบุญช่วย พอเศรษฐีบุญช่วยเสียใจเรื่องชาริณีจนป่วยเป็นอัมพฤกษ์ นังสไบเป็นใหญ่ เขาคงจะ...”

“ศรีแพร ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดเรื่องพี่ทวนเลย ไอ้ชิงชัยมันไม่อยู่ ไอ้เลิศ ไอ้หลิมก็ไม่เห็น มันอาจจะไปที่ไหนสักแห่งแน่” หมอกเอ่ยขึ้น พอศรีแพรถามว่าไปไหน หมอกบอกว่า “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ถ้าค้นทั้งบ้านนาแล้วไม่มีไอ้ศรีไพร เราเห็นจะต้องขอความช่วยเหลือจากพี่เมิน พี่ทวน”

“มันอาจจะเห็นแก่สิ่งดีๆที่คนบ้านนาเคยให้ ถ้าไม่มีทางเลือก แม่นี่แหละจะคุกเข่าขอให้มันช่วย” สดพูดเสียงสั่นเครือ ศรีแพรห้ามแม่ แต่สดยืนยันว่า “แม่ทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ให้ได้ลูกคืนมา ขืนปล่อยให้เวลาผ่านไปมันยิ่งอันตรายนะ”

ฟังแม่แล้วศรีแพรถอนใจอย่างลังเล...

ooooooo

ที่แท้ศรีไพรรับชาริณีเพื่อพาเธอไปยังที่ปลอดภัยและรักษาอาการติดยาให้ได้ ชาริณีอาการดีขึ้นช่วยตัวเองได้ ทำให้การเดินทางไม่ยากนัก

ระหว่างทางนั่นเอง ทั้งสองเจอจ่าสินในสภาพบาดเจ็บ แต่ในมือยังถือปืน มันเอาปืนจ้องมาที่ศรีไพรอย่างอาฆาต ศรีไพรหว่านล้อมอย่างใจเย็นว่า

“ทำตามที่ฉันแนะนำเถอะ มอบตัวเสียจ่าสิน แผลยังเลือดไหลไม่หยุดแบบนี้ขืนไปต่อแกตายแน่”

“หุบปาก ฉันถลำเข้าลึกยังงี้แล้ว ฉันสู้ตาย แต่ก่อนตาย ฉันจะเอาเธอไปต่อรองกับไอ้เมิน ถ้าไอ้เมินมันเป็นพวกเจ้าหน้าที่ มันต้องยอมแลก”

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพี่เมินจะเป็นอะไร มอบตัวเสียเถอะ แกอาจรอด!”

“พูดไม่รู้เรื่อง!” จ่าสินคลั่งถลันเข้ากระชากศรีไพรจ่อปืนที่หน้าผาก “อยากตายนักใช่ไหม ไม่อยากรู้หรือว่าไอ้เมินกับไอ้ทวนมันเป็นใคร มันหายไปจากบ้านนาสิบปี ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันไปทำอะไรมา ตายแล้วไม่รู้นะ”

ศรีไพรตั้งหลักไม่ทัน แววตาตื่นตระหนกเมื่อเห็นอาการคลุ้มคลั่งของจ่าสิน

ชาริณีก้าวมาข้างหลังจ่าสิน เอาท่อนไม้ฟาดหัวมันเต็มแรงจนมันล้มลง ชาริณีพุ่งเข้ากระหน่ำซํ้า ทั้งตีทั้งด่า

“แก...ไอ้สารเลว แกทำลายฉัน แกทำกับฉันเหมือนสัตว์ แกบังคับให้ฉันทำในสิ่งที่แกต้องการเพื่อแลกกับยานรก

นั่น แก...ฉันจะฆ่าแก ฉันต้องเอาคืน!!”

ศรีไพรพยายามห้ามชาริณี แต่เธอแค้นจนหยุดไม่ได้ ทั้งฟาด ทั้งด่าทั้งร้องไห้ ตะโกนแต่ว่า “ฉันต้องฆ่ามัน! ฉันต้องฆ่ามัน!”

ชาริณีกระหนํ่าท่อนไม้ใส่จ่าสินจนแน่นิ่งไป ศรีไพรร้องบอกว่ามันตายแล้ว ชาริณีทิ้งท่อนไม้โผเข้ากอดศรีไพรร้องไห้โฮเหมือนคนสติแตก...

ooooooo

ที่ถนนเข้าหมู่บ้าน หลิมขับรถพาชิงชัยกับทวนและเมินเดินทางกลับบ้าน เป็นเวลาที่กลํ่ากับชาวบ้านกำลังออกตามหาศรีไพรกันอยู่ด้วยความห่วงใย ชิงชัยตวาดไล่พวกชาวบ้านหาว่าเกะกะ ให้รู้ซะมั่งว่าใครเป็นใคร

“รู้! แต่ไม่เห็นจะต้องหลีกเลย ถนนตั้งกว้าง ใครอยากไปทางไหนก็ไปซีโว้ย ไอ้พวกสมุนรับใช้เศรษฐีบุญช่วย” กลํ่า

สวนไปอย่างฉุนเฉียว ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็พากันพูดว่า บารมีตกแล้วยังจะทำเบ่งอีก ไม่มีใครกลัวแล้ว

“ไอ้พวกนี้ เดี๋ยวพ่อก็ยิงกรอกปากเสียหรอก” ชิงชัยขยับปืน ทวนรีบห้ามไว้ ถูกชิงชัยตวาดว่า “ห้ามทำไมวะ มันจะได้รู้ว่า เศรษฐีบุญช่วยเป็นอัมพฤกษ์ แต่ลูกชายยังอยู่ ยังใหญ่คับฟ้าอยู่โว้ย”

เมินเห็นกลํ่ากับชาวบ้านท่าทางเหมือนหาอะไรอยู่ ถามว่าน้ากลํ่าหาอะไรอยู่หรือ ถูกกลํ่าตอบอย่างชิงชังว่า

“เอ็งจะรู้ไปทำไมวะไอ้เมิน เอ็งเป็นพวกเศรษฐี

บุญช่วย ถึงรู้ว่าพวกเราหาใคร เอ็งก็ช่วยไม่ได้หรอก” ทวนเอะใจถามว่าน้าตามหาใคร

“อย่าไปเสียเวลากับไอ้พวกนี้เลย ไปตามหาไอ้ศรีไพรกันเถอะ” ชาวบ้านคนหนึ่งตัดบทแล้วพากันรีบไป

ทวนตกใจเมื่อรู้ว่าศรีไพรหายไป แต่ชิงชัยไม่สนใจ สั่งลูกน้องว่า

“ไปโว้ย...กลับ กูจะกลับไปคิดบัญชีไอ้จ่าสิน!”

ooooooo

ริมหนองนํ้าที่เต็มไปด้วยจอกแหนจนแทบไม่เห็นผิวนํ้า...

ศรีไพรกับชาริณีนั่งอยู่ริมหนองนํ้า ชาริณียังร้องไห้อย่างขวัญไม่อยู่กับตัว ศรีไพรโอบกอดปลอบว่า

“ฉันเช็ดเลือดของจ่าสินออกไปจากตัวคุณแล้ว”

“ไม่มีใครล้างความชั่วของมันที่ติดอยู่ในใจของฉันได้หรอก มันยํ่ายีฉันเหมือนสัตว์ มันสมควรตาย...”

“ชาริณี ฉันเข้าใจว่าคุณเจ็บปวดแค่ไหน จ่าสินทำกับ

คุณเหมือนผักปลา แต่ชีวิตน่ะ มันเหมือนนํ้ากับแหน...คุณดูนั่น...” ศรีไพรชี้ให้ชาริณีดูแหนในนํ้า โยนก้อนหินลงไป แหนแตกกระจายออกเป็นวง แล้วเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ พลางบรรยายว่า “วันหนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะลืมมันได้ ความทรงจำของคนมีขีดจำกัด จะจำได้เท่าที่อยากจำ คุณจะลืมมัน...”

“ศรีไพร...” ชาริณีพูดไม่ออก

“ถ้าเรายังมีลมหายใจอยู่ ก็หมายถึงเรามีชีวิต เมื่อเรามีชีวิต เราก็มีหน้าที่ต้องให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ชีวิต เพื่อเราจะมีชีวิตที่ดีต่อไป”

ศรีไพรดึงชาริณีเข้าไปกอด เอ่ยอย่างซึ้งใจว่า “ขอบใจที่ช่วยฉัน ชาริณี...”

ooooooo

ระหว่างเดินทางกลับบ้านเศรษฐีบุญช่วยนั้น หลิมเป็นคนขับรถ ทวนกับเมินนั่งอยู่คู่คนขับ เมื่อถึงทางเปลี่ยว ทวนคว้าพวงมาลัยเบี่ยงรถเข้าชนต้นไม้ข้างทาง สั่งให้หลิมหยุด

ชิงชัยโวยวายว่าหยุดทำไม ส่วนหลิมด่าทวนว่าเป็นบ้าอะไรขึ้นมา เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก

เมินถามทวนว่าจะไปไหน จะไปตามหาศรีไพรใช่ไหม ชิงชัยหูผึ่งถามว่า

“หมายความว่ายังไง แกกับมันยังเป็นพวกเดียวกันใช่ไหมไอ้ทวน งั้นไอ้ที่ฉันเข้าใจว่าจ่าสินหักหลังฉันอาจจะไม่ใช่ อาจจะเป็นแกก็ได้” ชิงชัยยกปืนเล็งใส่ทวน เมินที่กำลังจะห้ามก็หยุดทันที ชิงชัยตวาดอย่างเกรี้ยวกราดว่า

“แกทำลับๆล่อๆ เข้ามาอยู่ในบ้านฉันด้วยการหลอกชาริณี มิน่าล่ะ ไม่ว่าฉันกับพ่อจะทำอะไรถึงได้พังหมด แม้แต่โรงงานผลิตยานั่น ก็ฝีมือแกใช่ไหม...ตายเสียเถอะ...”

เมินยกมือแตะปืนในมือชิงชัย ทำหน้าทะเล้นห้ามว่า “อย่าเพิ่งให้ไอ้ทวนตาย ผมยังไม่รู้เลยว่ามันเป็นใคร”

“ไอ้เมิน!” ชิงชัยหันไปตวาด ทวนอาศัยจังหวะนั้นกระชากคอเสื้อเมินพุ่งลงจากรถไปด้วยกัน

ชิงชัยกับหลิมยิงกราดใส่ทวนกับเมิน แต่ทั้งสองพากันวิ่งหายไปในป่าข้างทางแล้ว...

ooooooo

เพลงรักบ้านนา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด