สมาชิก

เพลงรักบ้านนา

ตอนที่ 16

ที่ร้านเจ๊กตง วงหมากรุกยังคงมีขาหมากรุกเดิมๆคือ มหาเฉื่อยกับทอกนั่งโขกกันอยู่ โดยมีเจ๊กตงกับหมอกยืนดูและลุ้น ส่วนเนี้ยวก็ง่วนอยู่กับการชงกาแฟ

ที่หน้าร้าน รถของชิงชัยที่มีเลิศเป็นคนขับมาจอดตายอยู่หน้าร้าน เลิศพยายามสตาร์ตก็มีแต่เสียงเครื่องดังครืดๆ แล้วเครื่องก็ดับ

“รถเป็นอะไรวะ ไอ้เลิศ” ชิงชัยถาม

“น้ำมันหมด...อีกแล้ว...ครับคุณชิงชัย...แฮะๆ”

“ขับยังไงถึงน้ำมันหมดทุกที ไปเอาน้ำมันร้านเจ๊กตงมาเติมเร็วๆโว้ย จะรีบไป” ชิงชัยสั่งอย่างยิ่งใหญ่ตามเคย

หลิมตะโกนเรียกเจ๊กตง ได้ยินเสียงเจ๊กตงร้องมาว่า “ม่ายรู้...ม่ายชี้...” แต่มันก็สั่งอย่างวางอำนาจ

“เจ๊กตง...เอาน้ำมันมาเติมรถหน่อยโว้ย เร็วๆคุณชิงชัยมีธุระสำคัญในเมืองโว้ย”

เจ๊กตงยังคงบอกว่า “ม่ายรู้...ม่ายชี้...” หลิมเอาปืนไปจ่อที่ปลายคางเจ๊กตงถามเหี้ยม

“เมื่อกี้เอ็งว่าอะไรนะ ไอ้เจ๊กตง” เจ๊กตงยังคงพูดคำเดิม หลิมคำรามขยับปืนจี้ติดคอ “เอ็งได้...ม่ายรู้...ม่ายชี้แน่ ถ้าเอ็งทำกำแหงขัดคำสั่งของคุณชิงชัย”

ทันใดนั้น มหาเฉื่อยลุกจากวงหมากรุก บิดขี้เกียจ พูดยานคางว่า

“ไอ้หลิม อย่าว่าแต่เจ๊กตงจะม่ายรู้...ม่ายชี้ เลยวะ พวกข้าก็ม่ายรู้...ม่ายชี้กับพวกเอ็งเหมือนกัน”

ทันใดนั้น สุมิตรก็ส่งเสียงมาแต่ไกลอย่างร่าเริงมีชีวิตชีวาประสาแขกว่า

“อีนี่อยู่กันพร้อมหน้า นมัสเตจ้ะลุงมหาเฉื่อย ม่วยเนี้ยวจ๋า...”

ชิงชัยหันไปไล่บี้เอากับสุมิตร “ไอ้แขก เอาน้ำมันมาเติมรถให้หน่อย”

ปรากฏว่าสุมิตรก็ “ม่ายรู้...ม่ายชี้” กับเขาเหมือนกัน ซ้ำยังพูดเย้ยชิงชัยว่า “แขกม่าย...สน” อีกด้วย

ชิงชัยหัวเสียมาก ถามอย่างเอาเรื่องว่า นี่มีแต่คนม่ายรู้... ม่ายชี้ ทั้งบ้านนาเลยหรือ ทอกกับหมอกเลยสะอึกออกมาบอกว่า ตนสองคนก็ม่ายรู้...ม่ายชี้ อีกทั้งม่ายสนอีกด้วย

อึดใจเดียว เนี้ยวก็ออกมากวาดตามองพวกชิงชัยอย่างชิงชัง ตวาดไล่

“ไปให้พ้นนะ ไม่มีใครเขาอยากจะคบพวกแกหรอก เงินเยอะก็เชิญเอาเงินไปใช้ที่อื่น เงินสกปรกของแกน่ะ เอามาใช้ในบ้านนาไม่ได้...ไม่เอา!” พอชิงชัยหันมาตวาดปราม เนี้ยวสวนไปเสียงดังกว่าว่า “จะไปหรือไม่ไป...ไม่ไปโดนน้ำร้อนชงกาแฟม่ายรู้...ม่ายชี้นะ”

เนี้ยวตักน้ำร้อนในหม้อเตรียมสาด ชิงชัยยกมือป้อง ถอยกรูด ร้องห้ามเสียงหลงว่าอย่าเล่นของร้อน เลิศก็เร่งให้รีบไปกันเถอะ ชิงชัยเป็นห่วงรถ หลิมจึงหันไปเรียกทอก แล้วออกคำสั่ง

“ไอ้ทอก...ในนามของคุณชิงชัย ขอสั่งให้เอ็งกับไอ้หมอก เข็นรถคันนี้ไปส่งที่บ้านเศรษฐีบุญช่วย”

เนี้ยวร้องปรามว่ายังไม่ไปอีกหรือ พลางขยับจะสาดน้ำร้อนใส่ ชิงชัยกับลูกน้องทั้งสองพากันเปิดแน่บ พวกที่ร้านเจ๊กตงพากันขยับออกมาหัวเราะเยาะเย้ยกันอย่างสนุกสนาน ทอกมองรถของชิงชัยทำนองถามว่ารถคันนี้จะทำยังไง

หมอกพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “เรามีบริการส่งถึงที่ครับพ้ม!”

ทุกคนมองหน้าอย่างรู้กัน ยิ้มสะใจกับแผนเด็ดของพวกตน

ooooooo

ค่ำวันนี้เอง ที่ลานกว้างหน้าบ้านของเศรษฐีบุญช่วย ก็มีชิ้นส่วนรถยนต์กองเป็นพะเนิน เมินกับทวนออกมายืนดูอย่างสงสัย เมินจำได้บอกว่า “นี่มันรถนายชิงชัยนี่”

“แล้วทำไมมากองเป็นเศษเหล็กยังงี้วะ” ทวนสงสัย

ขณะนั้นเอง ชิงชัยเดินสบถอย่างหัวเสียกลับมาพร้อมกับเลิศและหลิม

“นังเนี้ยวลูกสาวเจ๊กตง เพิ่งจะโตเต็มที่ไม่เท่าไหร่ หน็อย...มาทำโอหังไล่คนอย่างฉัน”

หลิมกับเลิศสอพลอแบบนายว่าขี้ข้าพลอย ประสานเสียงกันด่าเนี้ยวหาว่าไม่มีมารยาทเพราะเจ๊กตงไม่รู้จักสั่งสอน หลิมพูดอย่างมั่นใจว่า

“ยังไงเสียไอ้หมอกกับทอกก็ยังกลัวเกรงบารมีของคุณชิงชัยครับ สั่งให้มันเข็นรถมาส่งที่นี่ ป่านนี้คงจะ...”

หลิมหยุดกึกเมื่อมองไปที่ลานหน้าบ้านเห็นชิ้นส่วนรถกองเป็นพะเนิน ทั้งสามมองกันอย่างตระหนก

“นี่รถของฉันนี่...” ชิงชัยร้องลั่น แล้วคำรามอย่างแค้นใจ “ไอ้สองตัวนั่นมันถอดรถฉันออกเป็นชิ้นๆ” แผดเสียงสั่งสมุนทั้งสอง “ไปจัดการสับมันเป็นชิ้นๆ!!”

ooooooo

ขนรถที่ถอดเป็นเศษเหล็กไปกองไว้ที่ลานบ้านเศรษฐีแล้ว ทอกกับหมอกเดินกลับ ระหว่างทางก็คุยกันอย่างสะใจว่า ให้รู้ซะบ้างว่าใครสั่งได้ ใครสั่งไม่ได้ หมอกคาดว่า ป่านนี้ชิงชัยคงติดต่อเชียงกงขายอะไหล่รถราคาเป็นล้านแล้ว

“แล้วแกคิดว่ามันจะตามมาล้างแค้นเราไหม” ทอกถาม หมอกพูดสบายๆว่าถ้ามันมาจะไปยากอะไร ทอกถามว่า “ทำยังไงวะ”

“วิ่ง...” หมอกตอบทันทีอย่างมั่นอกมั่นใจ ทอก

ถ่มถุยอย่างผิดหวัง หมอกถามว่า “มีแค่สองแรง ไอ้พวกนั้นมาเป็นสิบ สู้มันไหวหรือ สมัยนี้จะวิ่งหนีวิ่งสู้เขาไม่ถือเรื่องเสียศักดิ์ศรีแล้วละโว้ย ต้องเห็นความสำคัญของการเอาตัวรอดก่อน” หมอกชี้แจงหน้าตาเฉย

ทันใดนั้น ชายสองคนมีผ้าคลุมหน้าโผล่จากที่ซุ่มข้างทาง พุ่งเข้าล็อกตัวหมอกกับทอกเอามือปิดปากแล้วลากเข้าข้างทาง ทั้งสองพยายามดิ้นแต่สู้แรงของชายลึกลับทั้งสองไม่ได้

ครู่หนึ่ง ชิงชัย กับเลิศ หลิม และสมุนอีกนับสิบ มีมีดกับไม้เป็นอาวุธ เดินเป็นฝูงมาหมายแก้แค้นหมอกกับทอก เสียงชิงชัยสั่งการอย่างแค้นจัดว่า

“ไอ้ทอก ไอ้หมอก เจอหน้ามันไม่ต้องถามทุกข์สุขเลยนะ สับมันเป็นชิ้นๆ!”

ทอกกับหมอกที่ถูกล็อกตัวอยู่ข้างทางต่างตาเหลือกตกใจ ได้ยินหลิมถามว่า สับแล้วส่งเชียงกงเลยไหม ชิงชัยบอกว่า “สับแล้วส่งชิ้นส่วนไปให้หลวงตาฉุน”

พวกชิงชัยเดินผ่านไปแล้ว ทอกกับหมอกจึงถูกปล่อยตัว ชายลึกลับสองคนก็เอาผ้าคลุมหน้าออก จึงเห็นว่าคือทวนกับเมินนั่นเอง

ทอกกับหมอกยังไม่หายเคืองทวนกับเมิน ถามทั้งสอง อย่างหมางเมินว่า ในเมื่อไปเป็นพวกของเศรษฐีบุญช่วยแล้วมาช่วยพวกตนทำไม

ทวนกับเมินไม่ตอบ แต่เร่งทั้งสองคนให้รีบไปคุ้มกันหลวงตาเดี๋ยวนี้เลย ทอกกับหมอกตกใจเป็นห่วงหลวงตา

ทอกบอกหมอกให้ไปตามเจ๊กตงกับชาวบ้าน ตนจะไปเตือนลุงมหาเฉื่อย แล้ววิ่งแยกกันไป

ทวนกับเมินมองหน้ากันแล้วถอนใจด้วยความกังวล

ooooooo

ชิงชัยนำสมุนขึ้นไปที่ศาลาวัดทั้งกลางคืน ร้องเรียกมหาเฉื่อยกับหลวงตาฉุนลั่นศาลา มหาถามว่าใครมากันดึกๆ ดื่นๆ บอกว่าตอนนี้วัดปิดทำการแล้ว ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยมาทำบุญตักบาตรกัน

หลวงตาถามมหาว่าใครหรือ มหาลดเสียงลง บอกเสียงสั่นว่า “พวกเศรษฐีบุญช่วย” หลวงตาบอกว่าศรัทธาแรงกล้าจนรอถึงเช้าไม่ไหว ก็ให้มหาไปเอาตู้รับบริจาคมา

“ไม่ต้อง! ไม่ได้มาทำบุญ แต่จะมาลากตัวไอ้ทอกกับไอ้หมอกไปสับเป็นชิ้นๆ” ชิงชัยพูดอย่างก้าวร้าว

“อ้าว...นึกว่าจะมาทำบุญ” หลวงตาพึมพำ มหาเลยนึกได้ว่ามีเรื่องอะไรกันอยู่

ชิงชัยบอกว่าให้ส่งตัวสองคนมาเสียโดยดี แล้วจะส่งชิ้นส่วนคืนมาให้จะเผาหรือฝังก็ตามใจ

ทันใดนั้น ทอกกับหมอกเดินยิ้มเผล่เข้ามา ชิงชัยพุ่งเข้าใส่ด้วยความแค้น แต่หารู้ไม่ว่า ข้างหลังทอกกับหมอกยังมีเจ๊กตง สุมิตร และชาวบ้านอีกมากมาย ดังนั้น พอพวกชิงชัยรุมกันเข้าเล่นงานหมอกกับทอก ชาวบ้านก็พากันกรูออกมารุมยำพวกชิงชัยเสียจนคางเหลืองไปตามกัน

สุดท้ายพวกชิงชัยก็ถูกเมินกับทวนเก็บกลับไปในสภาพสะบักสะบอม เอาไปโยนกองเขละที่ลานหน้าบ้าน

ooooooo

เมื่อเศรษฐีบุญช่วยอาการดีขึ้น ก็คิดหาทางที่จะทำให้ชาริณีเลิกยาให้ได้ เมื่อรู้ว่าเธอรักและต้องการกำลังใจจากทวน   เศรษฐีจึงสั่งปล่อยเธอ  บอกชิงชัยว่า

“ยังไงพ่อก็ฆ่าลูกไม่ได้หรอก ปล่อยตัวชาริณี แล้วให้ไอ้ทวนไปพบฉันที่ห้องทำงาน”

เมื่อเมินรู้ข่าว ถามทวนว่าเศรษฐีเรียกไปพบเรื่องอะไร ทวนเองก็ยังไม่รู้ เมินเตือนว่าให้ระวังตัวด้วย เพราะเศรษฐีอาจจะรู้ก็ได้ว่าทวนเป็นคนพาชาริณีหนี

ทวนถามว่าเป็นห่วงตนด้วยหรือ เมินทำเป็นไม่แยแสถามทวนว่า ตนจะห่วงไปทำไม ไม่มีทวนสิดีตนจะได้ทำอะไรได้โดยไม่มีคนมาคอยจับผิด แล้วบอกให้ทวนรีบไปเสีย ตนจะอยู่แถวนี้ มีอะไรก็ร้องดังๆ ทวนเลยแกล้งถามว่า

“ไหนว่าไม่ห่วง”

“ก็เพื่อน ถึงยังไงก็เป็นเพื่อน ไม่ห่วงได้ยังไงวะ” เมินตัดบททำเหมือนไม่แยแสตามเคย

ooooooo

เมื่อทวนเข้าไปพบเศรษฐีบุญช่วย เศรษฐีสั่งว่า “แกต้องแต่งงานกับชาริณี” ทำเอาทวนตกใจ เศรษฐีพูดอย่างไม่อยากพูดนักว่า

“แกเป็นคนที่ชาริณีไว้ใจที่สุด ลูกฉันรักแก แกต้องทำให้ลูกของฉันเลิกยาให้ได้”

ทวนทำหน้าซื่อมองหน้าเศรษฐีตาใสถามว่า ถ้าอย่างนั้น ตนทำให้ใครเลิกยาได้ มิต้องแต่งงานกับเขาไปหมดหรือ เศรษฐีโมโหขึ้นมา จ้องหน้าปรามว่า

“ไอ้ทวน ฉันไม่เคยไว้ใจแกเลยนะ ที่ฉันเอาตัวแกมาอยู่ด้วย เพราะฉันต้องการตัดกำลังไอ้ศรีไพรแล้วฉันก็ไม่อยากให้แกแต่งงานกับลูกของฉันด้วย ไอ้ทวน...ไอ้คนขี้คุก แต่มันเป็นทางเดียวที่จะดึงชาริณีกลับมาเป็นลูกฉัน”

เมื่อเศรษฐีสั่งให้ทวนต้องแต่งงานกับชาริณีแล้ว สไบก็ให้แหว่งไปปล่อยข่าวป่าวประกาศในหมู่บ้าน แหว่งไปที่ร้านเจ๊กตง จีบปากจีบคอป่าวร้องว่า

“ท่านเศรษฐีกำลังจะจัดพิธีแต่งงานให้คุณทวนกับคุณชาริณี” แล้วลอยหน้าบอกว่า ทวนที่เป็นเด็กวัดนั้นกำลังจะได้เป็นลูกเขยเศรษฐีแล้ว

ป่าวร้องจนคอแห้งแล้ว แหว่งสั่งซื้อโอเลี้ยงหนึ่งถุง เนี้ยวบอกว่าไม่ขาย ไม่พูดด้วย และไม่มีใครคบหากับพวกเศรษฐีทั้งโคตรแล้วด้วย แหว่งบอกว่าไม่ขายก็ไม่ง้อ แล้วหันไปซื้อกับสุมิตร ปรากฏว่าสุมิตรก็ไม่ขายให้ สุดท้ายแหว่งก็แผดเสียงแล้วเดินกระทืบเท้าออกไป เลียนแบบสไบไม่มีผิด

การมาป่าวประกาศเรื่องทวนจะแต่งงานกับชาริณีของแหว่ง ทำให้ทุกคนในร้านเจ๊กตงเซ็งกันไปหมด

ทอกกับหมอกรับไม่ได้ หมอกโวยวายว่าทำอย่างนี้มันมากไปแล้ว เนี้ยวก็พูดกับเจ๊กตงอย่างรับไม่ได้ว่า

“เนี้ยวไม่นึกเลยนะเตี่ย ว่าเขาจะเป็นคนเห็นแก่เงินขนาดนี้”

“เก๋า...เจ้ง...ว่ะ” เจ๊กตงด่าอย่างเจ็บใจ

มีแต่มหาเฉื่อยคนเดียวเท่านั้น ที่พึมพำออกมาว่า “แต่ข้าสงสัย ไอ้ทวนมันทำยังงั้นทำไม??”

ooooooo

ความผิดหวังจากทวน ทำให้ศรีไพรกลายเป็นคนเงื่องหงอยเซื่องซึม ตรงกันข้ามกับศรีแพร ที่วันนี้กลับเข้มแข็งเห็นศรีไพรซึมเศร้าเมื่อได้ข่าวว่าทวนจะแต่งงานกับชาริณี ก็ปลอบใจน้องที่นั่งเศร้าอยู่ที่ท้องนาว่า

“ถ้าจะเสียใจก็เสียใจแต่พอประมาณเถอะ รักได้ ก็ต้องเกลียดได้ น้องต้องทำใจให้ได้อย่างพี่”

“พี่ศรีแพรทำได้ยังไงน่ะ”

“คิดถึงสิ่งเลวๆ ที่ผู้ชายคนนี้ทำกับเรา” ศรีแพรตอบด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง

กลับถึงบ้านคืนนี้ ศรีแพรทำอาหารแล้วตักมาตั้งสำรับ ศรีไพรมองหน้าพี่สาวด้วยสีหน้าหม่นหมอง ถามว่าจะตั้งสำรับแล้วหรือ

ศรีแพรเรียกแสนให้ยกสำรับไปตั้งแล้วให้เรียกแม่ด้วยจะได้กินพร้อมๆ กัน เมื่อแสนไปเรียกแม่ให้มากินข้าว สดบอกลูกๆว่า

“กินข้าวกันเถอะลูกขยับที่นั่งข้างๆ ไว้ให้พ่อด้วย”

ศรีไพรอุทานเรียกแม่อย่างสะเทือนใจ ในขณะที่ศรีแพร ถามว่า แม่ยังไม่ลืมพ่ออีกหรือ สดตอบลูกอย่างหนักแน่นว่า

“จะลืมกันทำไมล่ะ ในเมื่อพ่อน่ะเป็นรักแรกของแม่ คนตายไม่ใช่คนที่ควรถูกลืม คนเลวต่างหากล่ะที่สมควรจะลืมมัน กินข้าวกันเถอะลูก”

ทุกคนกินข้าวใต้แสงตะเกียงวอมแวมกันเงียบๆ ศรีไพรตักข้าวเข้าปากด้วยความรู้สึกฝืดคอ...

หลังจากกินข้าวแล้ว ศรีไพรไปนั่งข้างนอกมีผ้าขาวม้าคลุมไหล่ แหงนมองพระจันทร์ รำพึงเศร้าๆ

“พ่อ...พ่ออยู่ที่ไหน หนูคิดถึงพ่อ หนูอยากให้พ่อกลับมาอยู่กับพวกเรา หนูคิดถึงพ่อเหลือเกิน...พ่อจ๋า...” รำพึงถึงพ่อแล้วก็ซบหน้ากับเข่าร้องไห้เงียบๆ

ooooooo

ชาริณียังเลิกยาไม่ได้ เมื่อรู้สึกอยากยาก็ปวดท้องรุนแรง หลบไปนั่งกอดเข่าอย่างทุกข์ทรมาน สไบจับตาดูอยู่ พูดเยาะๆว่า เอาแต่หลบหน้าท่านเศรษฐีอยู่อย่างนี้ เดี๋ยวก็ไม่ได้อยู่ถึงวันแต่งงานหรอก พูดยั่วว่า ตนรู้ ว่าต้องการอะไร ถ้าต้องการจะเสพมันละก็...ตนพอมี

ถูกสไบอ่อยยั่วเช่นนี้ ทำให้ชาริณีทำท่าจะใจอ่อน แต่แข็งใจไล่สไบให้ไปเสีย อย่ามายุ่งกับตน

“แน่ใจนะ...ว่าคุณเอาชนะมันได้ ถ้าลงแดงละก็...ไปหาฉันที่ห้องก็แล้วกัน”

แหว่งคอยสังเกตชาริณีตลอดเวลา เมื่อสไบกรีดกรายไปแล้ว จึงรีบเดินตามไป

อาการของชาริณีรุนแรงขึ้น เธอกลัวตัวเองจะใจอ่อนไปหาสไบจึงวิ่งลงจากเรือน เจอจ่าสินเข้าอย่างจัง จ่าพูดเยาะๆว่าเธอเอาชนะมันไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั่นมันจะฆ่าคนทั้งโลกได้หรือ

“ไม่...ฉันจะเลิกให้ได้ ฉันต้องเลิก...” พูดแล้วหันกลับวิ่งขึ้นบ้านไปอีก จ่ามองตามอย่างหมายมาด

ทวนเดินเข้ามาถามจ่าว่า

“ทำไมจ่าไม่ให้กำลังใจคุณชาริณี ถ้าคนทั้งโลกต้องตายเพราะไม่มีกำลังใจสู้มันละก็ โลกจะอยู่ได้ยังไง”

จ่าหันมาด่าทวนทันทีว่า อย่าอวดดีว่าเศรษฐีจะรับไว้เป็นเขย ทวนย้อนสวนไปว่าจ่าเองก็อยากได้ตำแหน่งเขยขวัญ ท่านเศรษฐีจนตัวสั่นไม่ใช่หรือ พูดอย่างรู้ทันว่า

“จ่ากับท่านเศรษฐี เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ดีกว่าเศรษฐีกับเด็กวัดเสียอีก นอกเสียจากว่า...จ่าเลวเสียจนอย่าว่าแต่จะเป็นลูกเขยของเศรษฐีบุญช่วยเลย ลูกสะบ้าก็ดีไปนะ!”

“ไอ้ทวน!!” จ่าคำรามด้วยความแค้น แต่ทำอะไรทวนไม่ได้

ooooooo

สไบยังตามรังควานพวกศรีไพร ศรีแพรไม่เลิก วันนี้ก็พาแหว่งที่พกปืนไปหลายกระบอก ไปเยาะเย้ยศรีแพรกับแสนที่กำลังหาปลาในลำคลอง พูดกระแนะกระแหนเยาะเย้ยศรีแพรที่เป็นเจ้าสาวค้างปี แต่งงานแต่ไม่ได้ร่วมหอลงโรง มีเรื่องราวเข้ามาไม่ได้หยุด พูดเยาะๆว่าแบบนี้ทำให้ “ข้าวของเลยไม่ได้ใช้”

ศรีแพรไม่ตอบโต้ แต่แสนทนไม่ได้ด่ากลับไป จนศรีแพรปรามน้องไม่ให้ยุ่ง แต่เมื่อสไบหาเรื่องไม่หยุด ศรีแพรเลยชวนน้องกลับ แสนเจ็บใจ ด่าพลางมองหาวดงหมามุ่ยว่า “อีนังคุณนายเชียงกง”

แสนด่าเพื่อล่อให้สไบโมโหแล้วหลอกให้วิ่งไล่เข้าไปในดงหมามุ่ย พอรู้ตัวก็คันคะเยอเกากันยุกยิก

ศรีแพรกลับถึงบ้าน สดถามว่าได้ปลาไหม ศรีแพรยังโมโหสไบที่มาเยาะเย้ยตนว่าเป็นเจ้าสาวค้างปี จนสดถามว่าเป็นอะไร ทำไมทำหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำแบบนี้

“ฉันจะไปตบมัน!” ศรีแพรผลุนผลันจะออกไป สดเรียกศรีไพรให้ช่วยฉุดศรีแพรไว้ อย่าไปหาเรื่องใครอีกเลย ศรีไพรฉุดพี่สาวไว้ ถามว่าจะไปทำอะไร

ศรีแพรดิ้นสะบัด พูดอย่างแค้นใจว่า “ฉันจะไปตบมัน!”

“ไม่ต้องไปตบนังสไบของบ่าวขาหรอกพี่ศรีแพร ป่านนี้มันคงจะ...” แสนพูดทิ้งไว้แค่นั้น แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างสะใจ

ooooooo

ปรากฏว่า สไบกับแหว่งกลับไปถึงบ้านก็คันคะเยอไปทั้งตัว เกาไปด่าแสนไปที่หลอกพวกตนวิ่งเข้าไปในดงหมามุ่ย

เมินมาเห็นก็เข้าไปถามว่า “เป็นอะไรครับคุณสไบ ทำไมถึงได้ทำท่ายึกยักยึกยือแบบนั้น”

“ก็ไอ้แสนแสบน้องนังศรีแพรน่ะซิ มันหลอกฉันกับนังแหว่งเข้าไปในดงหมามุ่ย” สไบกระชากเสียงอย่างหงุดหงิด เมินพูดเหมือนเห็นใจแต่ขำๆว่าเชื่อเลยว่าคันจริงๆ

สไบพูดไปเกาไปอีกว่า

“แค่ฉันจี้จุดที่มันกลายเป็นเจ้าสาวค้างปี แต่งงานแล้วไม่ได้เข้าหอเท่านั้นแหละ”

“ศรีแพร...” เมินอุทานอย่างสะเทือนใจ

“ก็รึไม่จริงมันแต่งงานกับคุณแล้ว แต่ยังไม่ได้เป็นอะไรกับคุณเลย ไม่เป็นเจ้าสาวค้างปีแล้วจะเรียกว่าอะไร สงสัยว่ามันคงยังรักคุณอยู่นะ ไม่ยังงั้นมันคงจะไม่....” สไบต้องหยุดเกาจนพูดไม่ได้

“ศรีแพร...” เมินพึมพำอย่างสะเทือนใจ ดีใจ เมื่อได้ยินสไบพูดว่า ศรีแพรยังรักตนอยู่...

ooooooo

คืนนี้ เมินแอบไปซุ่มที่พุ่มไม้ข้างหน้าต่างห้องนอน ของศรีแพร ที่ที่เมื่อก่อนนี้เคยมาซุ่มอยู่บ่อยๆ มองไปที่หน้าต่าง ส่งเสียงออดอ้อน

“ศรีแพรจ๋า....ศรีแพรยังรักพี่อยู่ไหม ถ้าศรีแพรไม่รักพี่ ศรีแพรคงไม่โกรธ ถึงกับให้เจ้าแสนแสบแกล้งคุณสไบของบ่าวขา จนคันหมามุ่ยไปทั้งตัวหรอก รู้ไหม...พี่เห็นศรีแพรปั้นปึ่งใส่พี่ทีไรหัวใจของพี่มันหายวับ เข้าใจพี่นะ พี่มีความจำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในบ้านเศรษฐีบุญช่วย เพราะว่า....เพราะว่า...พี่มีเหตุผลที่บอกใครไม่ได้จริงๆจ้ะ”

จู่ๆก็มีของขว้างออกมาจากหน้าต่างถูกหน้าเมินเข้าอย่างจัง แล้วศรีแพรก็โผล่หน้าต่าง ยกกระป๋องน้ำสาดโครม ลงมาแล้วปิดหน้าต่างทันทีด้วยความเกลียดชังและไม่หายแค้นใจ

“ศรีแพร...” เมินครางออกมาอย่างเจ็บปวด...

ooooooo

ที่โต๊ะอาหารบ้านเศรษฐี ระหว่างเตรียมทานอาหาร เศรษฐีถามสไบเมื่อไม่เห็นชาริณีลงมาร่วมโต๊ะ สไบบอกว่าไปเรียกแล้วแต่ไม่เปิดประตู ชิงชัยถามอย่างเป็นห่วงว่า น้องจะฆ่าตัวตายไหม เศรษฐีบอกว่า

“คนเราน่ะมันรักชีวิตด้วยกันทุกคน ฉันจะเร่งเรื่องแต่งงานเพื่อชาริณีจะได้ดีขึ้น” สไบถามว่าแล้วชาริณีจะพร้อมหรือ “ไม่ต้องสาระแนออกความเห็นเรื่องลูกของฉัน แค่นี้ฉันก็ทั้งเจ็บทั้งอายจนไม่มีหน้าจะพบใครแล้ว ค้ายา แต่ลูกตัวเองกลับติดยา ทั้งที่มีพ่อมีพี่แล้วก็มีแม่เลี้ยงอย่างเธอ”

สไบโต้ว่ามาโทษตนได้ยังไง ตนทำหน้าที่แม่เลี้ยงสุดความสามารถแล้ว ถามว่า ชาริณีแต่งงานไปแล้วเชื่อได้ยังไงว่าจะ....

“ไอ้ทวนมันอาจจะช่วยให้ชาริณีเลิกยาได้” เศรษฐีขัดขึ้นทันที ชิงชัยถามว่าพ่อไว้ใจทวนหรือ เศรษฐีบอกว่าตนไม่มีทางเลือก แล้วสั่งสไบ “เธอไปบอกไอ้ทวนเตรียมตัวไว้ ฉันจะจัดการแต่งงานให้เร็วที่สุด”

สไบรับคำ ยิ้มเยาะในหน้า แต่แววตาเริ่มกังวล...

ooooooo

เพลงรักบ้านนา

ละครแนะนำ

ข่าวละครวันนี้ดูทั้งหมด