ตอนที่ 12
เสียงเล็กๆดังมาจากบนโต๊ะหนังสือในห้องแนนนี่ ภวัตมองไปเห็นมีแต่หนังสือ เครื่องเขียนและตะเกียงแก้ว เขาตั้งสติถามว่าเสียงใคร เขามองไม่เห็น เสียงเล็กๆบ่นอุบ
“งี่เง่า...พวกมนุษย์นี่งี่เง่าจริงๆ”
“จะให้ผมเข้าใจว่าตะ...ตะเกียงพูดได้หรือครับ”
“พ่อคู้ณ พ่อคิดว่ามีแต่มนุษย์เท่านั้นหรือยะที่พูดได้ วิสัยทัศน์สั้น จิตใจคับแคบ ดูถูกผู้อื่น แหม...มันน่าสาปนัก”
“เอาละครับ ผมมาที่นี่เพื่อจะถามว่า ผมจะไปตามหาแนนนี่ได้ที่ไหน”
“อะโฮ้ ไหนว่าเก่งเลิศนักไง เก่งแล้วทำไมต้องมาถามตะเกียงด้วยล่ะ”
“ถ้าคุณยังขืนโยกโย้ แนนนี่เป็นอะไรไป ทุกคนจะพากันตำหนิคุณ และคุณก็จะต้องโทษตัวเองไปจนกว่าจะถูกขายไปเป็นของเก่าแล้ว...”
ตะเกียงรีบบอกให้พอได้ แล้วเสกพรมเล็กๆออกมาปูตรงหน้า ให้เขาขึ้นไปนั่ง ภวัตหน้าเหวอไม่อยากเชื่อ แต่พอขึ้นนั่งต้องเกาะแน่นเพราะพรมเหาะออกไป
อย่างรวดเร็ว...
อสูรในร่างสดับ มัดแนนนี่ไว้ด้วยโซ่อาคม มันคำรามใส่ “นังแม่มด หัวใจของเจ้าคืออาหารอันโอชะของอสูรน้อย เมื่อนางมาถึง นางจะควักดวงใจของเจ้าออกมา”
“อสูรน้อย...เดี๋ยวสิ แนนนี่นี่แหละอสูร” แนนนี่แปลกใจรีบบอก แต่สดับเลือนหายไป...
ทาฮิร่ากับชิกเก้นค่อยๆย่องเข้ามาดูในบ้านร้างที่เห็นรถของปีเตอร์จอดอยู่ ไม่ทันไร ทาฮิร่าสะดุดร่างปีเตอร์ซึ่งนอนหมดสติอยู่ เขาฟื้นขึ้นมาอย่างงงๆ อุทานออกมา “ชิกเก้น คนแก่...”
“นี่ ฉันยังไม่แก่ขนาดให้ใครอุทานยังงั้นหรอกนะยะ” ทาฮิร่าโวย
“ขอประทานโทษครับ ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หรือว่าคุณอาลักพาตัวผมมา”
ชิกเก้นพึมพำน่าจะเรียกคุณยายทวดมากกว่า... ปีเตอร์ตกใจใครพูด ชิกเก้นรีบร้องเมี้ยวๆ ทาฮิร่าตัดบทแนะนำตัวว่าเป็นยายของแนนนี่ แล้วถามว่าแนนนี่อยู่ไหน ปีเตอร์ตอบ
“ก็อยู่บ้านไงครับ...ใช่แล้ว ผมก็อยู่ที่บ้านแนนนี่ ติวหนังสือให้เธอ แล้วทำไม...คุณยายจับผมมาเรียกค่าไถ่ แก่แล้วยังทำบาปทำกรรมอีก”
ทาฮิร่าตาโพลง แนนนี่มีเพื่อนโง่ๆแบบนี้ได้อย่างไร ปีเตอร์สะดุ้งและบอกว่าเขาเป็นคนติวให้แนนนี่ก่อนสอบทุกครั้ง ทาฮิร่าสบถ ถึงว่า...แนนนี่เอาผลสอบไปฝังดินอย่างกับลายแทง
“เวรก๊ำ...เวรกรรม” ชิกเก้นเปรย
ปีเตอร์หันขวับมาจ้องมั่นใจว่าแมวพูดได้ ทาฮิร่าเห็นว่าไปกันใหญ่แล้ว จึงร่ายมนตร์ให้ปีเตอร์สลบไปอย่างเดิม...เสียงแนนนี่ร้องช่วยด้วย ทำให้ทาฮิร่ารีบวิ่งเข้าไปหา แนนนี่ยังร้องเรียกภวัตให้ช่วย เสียงแนนนี่เข้ามาในโสตประสาทภวัต เขากำลังเกาะพรมหลับหูหลับตา
“ฝันไป ฉันต้องฝันไปแน่ๆ เครื่องบิน จรวดยังต้องมีเครื่องยนต์ ถึงจะขึ้นบนฟ้าได้ นี่พรมทอมาจากผ้าล้วนๆไม่มีแม้แต่ล้อ ทำไมแล่นฉิว...เสียงแนนนี่...พรมวิเศษ รีบไปช่วยแนนนี่...”
พรมพุ่งทะยานไปตามคำสั่งภวัต...ดารกากำลังดูหนังสืออยู่กับเพื่อนๆที่มหาวิทยาลัย มีเสียงเรียกเธอมากับสายลม ดารกาชะงักมองออกไป เห็นร่างสดับยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เธอลุกเดินไปหาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ เพื่อนมองอย่างแปลกใจ แต่เข้าใจว่าเธอคงไปเอาของบนหอพัก ดารกาเดินมาที่ลับตาคน สดับกำลังจะจับมือเธอ พลันเขารู้สึกบางอย่างทำให้หายตัวกลับไป ดารการู้สึกตัว แปลกใจว่าตนมาทำอะไรตรงนี้
สดับกลับมาที่ขังแนนนี่ พบทาฮิร่ากำลังช่วยเธอ สดับจึงจับทาฮิร่าและชิกเก้นมัดด้วยโซ่อาคมไว้ด้วยกัน...
พรมวิเศษร่อนลงอย่างนุ่มนวล ภวัตหายใจหายคอโล่งขึ้น พรมหดตัวเป็นผืนเล็ก ขยุกขยิกส่งเสียงหงุงหงิงๆจะให้ภวัตเก็บตนไปด้วย ภวัตกลับบอกให้นำทางไปดีกว่า พรมจึงลอยนำทางภวัตไปที่กระท่อมร้าง พรมรับรู้ว่ามีอสูรอยู่รีบดันภวัตให้หลบ สดับได้กลิ่นมนุษย์เดินออกมา
กวาดตามอง ภวัตเห็นสดับเดินมาใกล้รีบกระซิบบอกพรม
“จะทำอะไรก็ทำซักอย่างสิ เป็นพรมวิเศษไม่ใช่เรอะ...เฮ้ ฉันถูกจับอีกคนก็จบเลยนะ”
พรมขยับมาบังร่างภวัตให้เลือนหายไปได้อย่างเฉียดฉิว สดับสูดกลิ่นแต่ไม่เห็นใครเดินหงุดหงิดผ่านไป
ooooooo
ปัทมน ป้าผาด และพรเข้ามาปลุกธานีในห้อง ซึ่งหลับโดยมีแฟ้มงานเกลื่อนบนที่นอน แต่ปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น ปัทมนใจเสีย หลุดปากออกไปว่า เหมือนถูกสะกด ป้าผาดกับพรตกใจ
“แบบในพวกนิยายมหัศจรรย์พันลึกไง” ปัทมนเห็นสายตาสองคนจึงกลบเกลื่อน
“แต่มันก็มีเค้าเหมือนกันนะคะ” ป้าผาดเห็นด้วย
“ฮื้อ...ฉันก็พูดไปยังงั้นเอง ธานีเพิ่งจะฟื้นตัว แล้วก็หักโหมงานเลยเหนื่อยมาก ผาดกับพรจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ” ปัทมนตัดบทให้สองคนลงไป หลังจากนั้นเธอก็เรียก “คุณยายคะ คุณยาย...อยู่แถวนี้หรือเปล่าคะ...คุณยาย หนูชักจะเริ่มกลัวแล้วนะคะ” ปัทมนน้ำตาคลอ แต่พยายามปลอบตัวเองว่า ทาฮิร่าอาจจะอยู่กับแนนนี่ก็ได้
ปัทมนใจไม่ดีจึงเดินเข้าห้องพระ มีแสงสีเขียวพุ่งออกมาจะรวบร่างของเธอ กลุ่มควันสีนวลจากห้องพระลอยเป็นเกลียวมามัดแสงสีเขียวไว้ จนปัทมนเข้าไปในห้องพระเรียบร้อยจึงปล่อยแสงสีเขียวพุ่งกลับคืนสู่เทวรูปอสูรในห้องดารกา
ปัทมนจุดธูปปักในกระถางธูป ตั้งสมาธิภาวนา ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกทุกคนของเธอให้แคล้วคลาดจากอันตราย...ด้วยเหตุนี้ เมื่อภวัตโผล่มาช่วยแนนนี่ ทาฮิร่าร้องห้าม
“หยุดอยู่ตรงนั้น ฉันไม่เชื่อว่าจะเป็นนายภวิต ตัวจริง”
“ผมชื่อภวัตครับ ไม่ใช่ภวิต”
“จะชื่ออะไรก็แล้วแต่ เธอเป็นมนุษย์ เธอไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ภายในพริบตา”
“แล้วที่แม่มดผู้เก่งกล้าสามารถอาจหาญชาญสนามอย่างคุณยาย ถึงได้ถูกจับหมดท่าอย่างนี้ได้ล่ะครับ” ภวัตย้อนจนทาฮิร่าเถียงไม่ออก
แนนนี่ให้ภวัตช่วยแก้มัดให้ก่อนที่อสูรจะกลับมา ภวัตเห็นโซ่ที่มัดแล้วถอนใจ แต่พอแค่เขาขยับโซ่ที่มัดแนนนี่ก็เกิดแสงสีนวลวาบขึ้น โซ่หลุดออกอย่างมหัศจรรย์ ชิกเก้นอุทาน
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...”
ทาฮิร่างุนงง แนนนี่โผกอดภวัต ชิกเก้นโวยอย่าเพิ่งมาซึ้ง ช่วยตนกับทาฮิร่าก่อน ภวัตแค่จับขยับๆโซ่ก็เกิดควันสีนวลโซ่หลุดออกอย่างง่ายดาย เขาบอก
ทุกคนให้รีบหนี เสียงอสูรคำรามดังมา ทุกคนสะดุ้ง ภวัตดันทุกคนมาอยู่ด้านหลังเขา อสูรปล่อยแสงสีแดงสาดใส่ ทุกคนล้มระเนระนาด พรมวิเศษลอยออกมาขยายตัวคลุมทุกคนหายวับไปในทันใด
ทุกคนนั่งบนพรม เหาะออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน แนนนี่นึกได้ว่าลืมปีเตอร์ จึงขอให้กลับไปช่วย ทาฮิร่าบอกว่าปีเตอร์เป็นคนจับตัวแนนนี่มา แนนนี่เชื่อว่าปีเตอร์โดนสะกด
“เป็นห่วงเขามากนักหรือ” ภวัตหึง
“แน่นอน ปีเตอร์เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของแนนนี่ ถ้าพี่ภวัตไม่ไป แนนนี่จะขี่ไม้กวาดไปช่วยเขาเอง”
“แนนนี่ นายเปอร์ตี้เขาเคยถูกอสูรสิงแล้ว ย่อมถูกสิงได้อีกนะลูก”
“โอ๊ย คุณยาย คนเขาชื่อปีเตอร์ไม่ใช่เปอร์ตี้” ชิกเก้นหน่ายใจ
แนนนี่ไม่สนใจ ถึงอย่างไรตนต้องช่วย ภวัตฮึดฮัดสั่งพรมวกกลับไปช่วยปีเตอร์ แต่พอไปถึงเห็นรอยรถปีเตอร์แล่นกลับไปแล้ว แนนนี่จึงยอมกลับ...
อิงอรยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ เห็นพรมเหาะผ่านไป แนนนี่กับทาฮิร่าโบกมือและยิ้มให้ อิงอรตาเหลือก พึมพำคราวนี้มีภวัตด้วย...โป่งตาโพลงเห็นพรมลงจอดและทุกคนก้าวลงจากพรมแล้วหายตัววับไป รวมถึงภวัตที่ลงคนสุดท้าย โป่งพึมพำอย่าหายตัวไปอีกคนนะ ภวัตทำหน้าเจื่อนๆพลันร่างเขาก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาโป่ง
ภวัตปรากฏร่างขึ้นในห้องพักแพทย์ด้านหลังไชย ภวัตตกใจรีบหลบลงใต้โต๊ะ แต่เกิดสะดุดเก้าอี้ ไชยหันมา เห็นภวัตโผล่ขึ้นมายกมือไหว้ยิ้มๆเพราะไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้
“หมอภวัต...คุณหายไปไหนมา แล้วมาได้ยังไง”
“ก็...ก็มาได้ยังงี้แหละครับ...”
ไชยขอคำอธิบายมากกว่านี้ ภวัตส่ายหน้าไม่มี ไชยกุมขมับเดินออกไป ภวัตร้องเรียกทาฮิร่า ไชยเปิดประตูกลับเข้ามาทำหน้างงๆภวัตยิ้มแหยๆแก้ตัวว่า
“คือ...อยู่ดีๆผมเกิดคิดถึงคุณยายขึ้นมาน่ะครับ ก็...ก็เลยลองเรียกท่านดู”
“หมอ ผมว่า...เราต้องคุยกันเสียแล้ว”
“ได้...ได้ครับ”
“การเอาใจใส่คนไข้เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ควรหมกมุ่นจนเกินไป ไม่อย่างนั้น หมออาจต้องเปลี่ยนสถานะเป็นคนไข้แทน”
ภวัตพยักหน้ารับเซ็งๆ ไชยกลับออกไป...ภวัตรีบไปล็อกประตู หันมาเจอทาฮิร่านั่งไขว่ห้างอยู่บนโต๊ะ เขาต่อว่าทันทีที่ทำให้ใครๆเข้าใจเขาผิด
“ฉันช่วยไม่ให้เธอต้องผจญกับรถติด ยังไม่ดีอีกเรอะ”
“ได้โปรดเก็บความหวังดีของคุณยายไว้ในตู้เหล็กแล้วใส่กุญแจให้แน่น จะเป็นการดีที่สุดสำหรับผมเลยครับ”
ทาฮิร่าย้อนว่าตนเป็นแม่มดใจดี ภวัตว่านั่นทำให้เขาเหมือนคนบ้าในสายตาคนอื่น ทาฮิร่าโต้ว่าช่วยไม่ได้แล้วหายตัววับไป ภวัตแช่งให้ลืมคาถาบ่อยๆ...ในขณะที่ไชยมาเล่าให้บุษบาฟังว่าควรให้ภวัตพบจิตแพทย์บ้าง บุษบาไม่เชื่อและยืนยันว่า ภวัตเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟกต์ที่สุด
ooooooo
กลับมา แนนนี่นอนซมจนปัทมนเป็นห่วงเอาอาหารมาให้ทานบนห้อง แนนนี่กลุ้มใจถามปัทมนว่า ตกลงตนเป็นแม่มดหรืออสูรกันแน่ เพราะเป็นแม่มดแต่อยู่เมืองเวทมนตร์ไม่ได้ แถมอสูรจับตัวไปจะฆ่าอีก หรือตนเป็นตัวประหลาดที่ไม่มีใครต้องการ ปัทมนกอดแนนนี่และปลอบว่า เธอเป็นลูกรักของตน แต่แนนนี่อยากรู้ว่าตนเป็นใคร พ่อแม่อยู่ไหน
“ฟังแม่ให้ดีนะ แนนนี่ แม่เคยทำอะไรให้หนูรู้สึกน้อยอกน้อยใจหรือเปล่า...แม่เคยแสดงสักนิดว่าไม่รักหนู หรือว่ารักหนูน้อยกว่าคนอื่นไหม”
แนนนี่กอดปัทมนน้ำตาร่วง ส่ายหน้าว่าไม่เคย ปัทมนจึงถาม “แค่นี้ไม่พอหรือลูก ที่จะพิสูจน์ว่าหนูเป็นลูกแม่” แนนนี่พยักหน้า “งั้นก็สัญญากับแม่สิว่า หนูจะไม่คิดมากอีกแล้ว เพราะหนูเป็นลูกของแม่”
ปัทมนเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ปลอบอย่าคิดเรื่องไร้สาระ ควรดูหนังสือสอบดีกว่า...
ทาฮิร่ากับชิกเก้นปรึกษากันเรื่องที่ผ่านมาว่า แนนนี่ไม่ใช่อสูรแล้วเป็นใครมาจากไหน ทำไมอสูรถึงจับตัวไป แล้วในวันที่ 9 เดือน 9 มีเด็กเกิดอีกคนหรือ...
บาบาร่ารู้เรื่องจากโป่งว่าเห็นภวัต แนนนี่กับคุณยายนั่งพรมเหาะมา จึงมาเอาเรื่องทาฮิร่าจะเอาตัวไปรายงานท่านผู้นำ ทาฮิร่าเตือนว่า นั่นจะทำให้หมดโอกาสจับอสูรเพราะแม่มดตนอื่นๆ จะแห่กันมา บาบาร่า ย้อนถามว่า ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าแนนนี่เป็นอสูร ทาฮิร่าส่ายหน้า...
ในคืนนั้น หลังจากที่ปัทมนสวดมนต์ ธานีก็ฟื้นขึ้นมา เดินออกจากห้องเจอปัทมนออกมาจากห้องพระพอดี ปัทมนดีใจที่ธานีไม่เป็นอะไร ธานีครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นจึงโทร.หารัดเกล้า
“พี่มีเรื่องแปลกๆจะเล่าให้ฟัง”
“พี่ธานีไปผ่าตัดแปลงเพศมาเหรอ”
“บ้า...เฮ้ย นี่พี่พูดจริงนะ ออกมาพบพี่หน่อยได้ไหม อย่าบอกนะว่าง่วง นี่เพิ่งจะสองทุ่มครึ่งเอง”
“จะจีบเค้าล่ะซี...”
“เฮ้ย...เกล้าไม่ใช่สเปกพี่”
“ไอ้พี่ธานี...”
“เอาน่า พี่จะออกไปรับนะ” ธานีตัดบทวางสาย
ธานีพารัดเกล้าไปนั่งร้านไอศกรีม รัดเกล้าถือโอกาสกินเสียหลายถ้วย ฟังธานีเล่าเรื่อง
“นี่เกล้าไม่แปลกใจเลยเรอะ ที่พี่เล่ามาทั้งหมดนี่น่ะ”
“ไม่...พี่ธานีขี้เซา”
“จะขี้เซายังไงก็คงไม่หลับโดยไม่รู้เรื่องราวขนาดนั้นหรอก”
“แล้วคุณอาปัทไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ฟังหรอกหรือคะ”
ธานีส่ายหน้าแล้วทบทวนความจำ ว่าตนได้ยินเสียงสวดมนต์ของปัทมน ทำให้เขาตื่นขึ้น แต่พอเขาถามปัทมนว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็ไม่บอก
“เกล้าจะบอกให้คุณพ่อถามให้ บางทีผู้ใหญ่เขาก็ไม่อยากเล่าอะไรให้เราฟัง แต่ชอบจะคุยกันเองมากกว่า” รัดเกล้าพูดไปกินไอศกรีมตุ้ยๆ ธานีเผลอมองอย่างเอ็นดู...
คืนเดียวกัน ขณะที่แนนนี่นอนอยู่ในตะเกียงแก้ว ปีเตอร์ถูกอสูรเข้าสิง ปีนเข้ามาในห้องแนนนี่ ชิกเก้นเห็นรีบซ่อนตัว เห็นปีเตอร์ตาขาวโพลนมองไปรอบห้อง ฟ้าแลบแปลบปลาบส่งเสียงครืนๆอย่างน่ากลัว ชิกเก้นเป็นห่วงแนนนี่จะรีบไปคว้าตะเกียงแต่พลาดทำหล่นกลิ้งไปแทบเท้าปีเตอร์ “ตายแล้ว...”
ปีเตอร์แสยะยิ้มจะก้มเก็บแต่แล้วต้องสะดุ้งสะบัดมือเร่าๆ เพราะมีประกายไฟออกมาจากตะเกียง ปีเตอร์ฮึดฮัด พยายามอยู่สองสามครั้งก่อนจะกระโดดกลับออกไป ชิกเก้นโดดออกมาจากที่ซ่อน ร้องเรียกแนนนี่เบาๆให้ออกมา
แนนนี่ซึ่งตกจากเตียงร้องโอดโอย “อูย...เสียศูนย์เหรอพี่ตะเกียง”
“มีผู้บุกรุก”
แนนนี่ตกใจ พลันได้ยินเสียงชิกเก้นเรียกจึงรีบออกมา “เกิดอะไรขึ้น ชิกเก้น”
“ก็เพื่อนแนนนี่น่ะสิ อีตาเปอร์ตี้ ปีเตอร์น่ะ ปีนเข้ามาในห้องนี้”
แนนนี่แปลกใจว่าปีนมาได้อย่างไร สูงออกปานนี้ ชิกเก้นเองก็แปลกใจ...
แนนนี่รี่มาปลุกภวัตกลางดึก ภวัตลุกขึ้นมาหาวหวอดๆ แนนนี่บ่น “อย่าหาวสิคะ...”
“เอ๊ะ...ก็เราเข้ามาปลุกพี่ตอนตีหนึ่ง มันก็ต้องมีหาวบ้างสิ”
“อสูรมันเข้ามาจะจับตัวแนนนี่ถึงในห้องนะคะ...
เคราะห์ดีที่แนนนี่อยู่ในตะเกียงแก้ว ก็เลยไม่เป็นอะไร แนนนี่น่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ห่วงแต่ปีเตอร์”
ภวัตหน้าเสียไม่พอใจ แนนนี่ว่าอสูรใช้ร่างปีเตอร์มาทำร้ายตน “พี่ตะเกียงบอกว่า ถ้าเป็นอย่างนี้นานเข้า ปีเตอร์จะถูกกลืนเป็นอสูรไปเลย...แนนนี่...แนนนี่คงไม่ให้อภัยตัวเองเลย”
“ก็ไม่ดีเรอะ...เธอเป็นอสูร ปีเตอร์ก็เป็นอสูร...” ภวัตพูดด้วยความหมั่นไส้
“ใจร้าย...พี่ภวัตใจร้าย แนนนี่เกลียดพี่ภวัต” แนนนี่
ร่ายคาถาจะหายตัว
“เดี๋ยว...” ภวัตคว้าแขนแนนนี่ไว้
พลันร่างเขาหายวับไปกับแนนนี่ ทั้งสองมาปรากฏตัวในตะเกียงแก้ว และอยู่ในชุดอาหรับราตรีทั้งคู่ แนนนี่ตกใจที่ภวัตตามมาได้อย่างไร...
ภวัตในชุดอาหรับยังจับแขนแนนนี่อยู่ สีหน้าเขาตื่นตกใจว่าตัวเองอยู่ที่ไหน พลันเสียงตะเกียงแก้วร้องว่า “ตายแล้ว แนนนี่ เธอพาผู้ชายเข้ามาในตะเกียง”
“เปล่านะ”
“ฉันมีความลับจะบอกเธอ”
“ความลับอะไร...”
“ถ้าบอกตอนนี้ก็ไม่ใช่ความลับน่ะสิ”
ระหว่างที่แนนนี่กับตะเกียงโต้ตอบกัน ภวัตมองสำรวจไปทั่ว แล้วมาหยุดจ้องหน้าตะเกียง จนตะเกียงหน้าแดง ต่อว่ามาจ้องทำไม ว่าแล้วก็เลือนหายไป ภวัตผงะหันมาหาแนนนี่
“นี่พี่ฝันไปหรือเปล่า”
“ถ้าคิดว่าใช่ ก็ตื่นขึ้นสิ” แนนนี่อดพาลไม่ได้
ภวัตเคืองเข้ามาจ้องหน้า แนนนี่เขินถามว่ามีอะไร ภวัตเสียงเข้ม “พาพี่กลับห้องได้แล้ว”
แนนนี่เงยหน้ามองอย่างผิดหวัง ภวัตย้ำว่าเดี๋ยวนี้แนนนี่ไม่ยอม ภวัตเริ่มโกรธ
“เธอจะมาขังพี่ไว้ในนี้ไม่ได้”
“ก็ลองดู...” แนนนี่นั่งลงอย่างงอนๆ
“ทุกคนเขาจะตามหาพี่”
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ แนนนี่จัดการเอง”
“อย่าทำอย่างนี้นะแนนนี่”
“เสียใจ แนนนี่ทำไปแล้ว เชิญพักผ่อนนอนหลับให้สบายนะคะ อับดุล” แนนนี่หัวเราะก่อนจะหายตัวออกไป
แนนนี่มาบังคับเสกชิกเก้นให้เป็นภวัตแล้วส่งกลับไปห้องของเขา ชิกเก้นโวยวายไม่ยอม แต่แนนนี่ไม่ฟังเสียง “โธ่เอ๊ย แนนนี่ ทำไมทำกับชิกเก้นยังงี้เวรก๊ำ...เวรกรรม”
แนนนี่ยกชามข้าวต้มมาให้ภวัต พยายามป้อนเอาใจแต่เขาเมินหนี แถมถามอย่างโกรธๆว่าจะบอกคนอื่นๆอย่างไรว่าตนหายไปไหน แนนนี่บอกตามตรงว่าส่งชิกเก้นไปเป็นเขาแล้ว
“หา!...ไอ้ชิกเก้นน่ะนะ” ภวัตตกใจ
“ค่ะ พี่ภวัตไม่ต้องเป็นห่วง”
“พี่ไม่ได้ห่วงชิกเก้น แต่ห่วงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับพี่ โดยเฉพาะคนไข้...บาปนะแนนนี่ที่ให้แมวไปรักษาคน เผื่อเคราะห์หามยามร้าย คนไข้เป็นอะไรไปล่ะก็...”
“แนนนี่คงบาปเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะแนนนี่เพิ่งได้เวทมนตร์กลับคืนมา...”
ภวัตรีบตะล่อมว่าจริง แนนนี่งอนหาว่าซ้ำเติม ภวัตปลอบไม่อยากให้เธอบาป แนนนี่ครุ่นคิด...ในขณะที่ชิกเก้นในร่างภวัต มักทำท่าเป็นแมว จนโป่งแปลกใจ แถมขอให้โป่งหาข้าวคลุกปลาทูมาให้ โป่งผลัดเป็นมื้อเย็น ภวัตโดดแผล็วออกไปจากโต๊ะอาหาร พอจักรวาลกับรัดเกล้าลงมานั่งทานอาหารเช้า จึงถามหาภวัต โป่งตอบไปตามที่เห็นว่าโดดแผล็วออกไปแล้ว จักรวาลเอ็ดโป่งที่หาว่าลูกตนเป็นแมว โป่งย้ำว่าภวัตทำแบบนั้นจริงๆ
ooooooo
ด้วยความที่แนนนี่เพิ่งฝึกคาถาบทนี้ จึงทำให้มนตร์จะคลายได้ภายในครึ่งชั่วโมง ภวัตหงุดหงิดงุ่นง่าน เกรงชิกเก้นทำเรื่องวุ่นวาย แนนนี่จ๋อยลงเมื่อเห็นภวัตดุดัน พยายามบีบนวดเอาใจ ภวัตจึงให้ดูหนังสือเป็นการแก้ตัวแทน
ชิกเก้นเริ่มสนุก ขับรถภวัตมาโรงพยาบาลอย่างคึกคะนอง แต่ก็อดทำท่าเป็นแมวคลานสี่ขาไม่ได้ บุษบาเห็นแปลกใจเข้ามาถามว่าทำอะไร ภวัตทำทีเป็นหาของบุษบาจะช่วย ภวัตรีบชวนเข้าไปในโรงพยาบาล เขาไม่รู้ว่าห้องทำงานอยู่ไหน จึงเกาะบุษบาแจจนเธอแปลกใจ
“จำได้หรือยังคะ” บุษบาเดินนำภวัตเข้ามา
“ก็โอเคมั้ง...ไม่เห็นมีอะไรกินเลย” ภวัตมองไปรอบห้อง
บุษบาจึงถามว่าหิวหรือ แล้วโทร.สั่งแม่บ้านจัดหาให้ “อยากทานอะไรล่ะคะ...”
“ข้าวคลุกปลาทู ไม่เอาตัวเล็กๆ นะ”
บุษบางงๆบอกแม่บ้านไปตามนั้น แล้วหันมาถามภวัตว่าเอาน้ำพริกด้วยไหม ภวัตตอบว่า ไม่เอา เผอิญร่างภวัตกลับคืนเป็นชิกเก้น บุษบาตกตะลึงเป็นลมล้มตึงไป...ขณะที่ภวัตนั่งดูแนนนี่อ่านหนังสือเรียนพอเห็นว่าผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วจึงเตือน ไม่ทันไร ชิกเก้นโดดแผล็วเข้ามา
“โฮ้ย...เกือบตาย...” ชิกเก้นโอดโอย แนนนี่รีบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งคุยกัน ส่งพี่ไปทำงานก่อน” ภวัตขัด
“ได้เลยค่ะ” แนนนี่เสกปิ๊งส่งภวัตกลับไป แต่ลืมเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา
ภวัตปรากฏตัวในห้องทำงาน พบบุษบานอนสลบอยู่ ก็รีบมาปลุก บุษบาฟื้นขึ้นมาเห็นภวัตอยู่ในชุดอาหรับยิ่งตกใจ ภวัตนึกได้รีบแก้ตัวว่า แนนนี่ให้เขาลองสวมชุดนี้แทนปีเตอร์ บุษบาจะซัก ภวัตรีบตัดบทให้เธอช่วยหาชุดทำงานมาให้ใหม่ บุษบาเดินออกไปอย่างงงๆ
ooooooo
พรเข้ามาทำความสะอาดในห้องดารกา ต้องตกใจเมื่อเห็นดารกาอยู่ในห้องด้วยท่าทีน่ากลัวดุดัน ที่สำคัญเธอไม่เห็นว่าดารกากลับมาเมื่อไหร่ ดารกาอ้างว่าลืมหนังสือ แล้วทำทีเป็นอ่อนหวานปกติ ขอให้พรเตรียมอาหารกลางวันเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อสดๆให้และเผื่อปีเตอร์ด้วย พรงงรีบมารายงานแนนนี่ว่าปีเตอร์นัดกับดารกา
แนนนี่แปลกใจรีบลงมาข้างล่าง พบปีเตอร์ยืนอยู่จะเล่นงาน ปีเตอร์หันมากล่าวทัก
“สุรีย์สวัสดิ์ แนนนี่”
“ไปเอาคำพูดนี้มาจากไหน”
“คิดเอง ก็ตอนนี้เป็นเวลาของดวงอาทิตย์”
“เรามีเรื่องต้องพูดกันเยอะ...” แนนนี่จะซัก
ดารกาเดินเข้ามาบอกว่าวันนี้ปีเตอร์เป็นแขกของตน แนนนี่ถามว่าไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่
ดารกายิ้มเยาะว่า ปีเตอร์เป็นเพื่อนแนนนี่ก็เหมือนเพื่อนตน แนนนี่รู้สึกปีเตอร์แปลกไปจึงเตือนดารกาว่านี่ไม่ใช่ปีเตอร์ตัวจริง ระวังจะโดนหลอกเหมือนที่ตนโดน ดารกาทำเป็นขำๆและให้ปีเตอร์กลับไปก่อน ปีเตอร์เดินออกมาหน้าบ้านแล้วหายตัวแวบไป โป่งเห็นตะลึงพึมพำ
“คนเดี๋ยวนี้จะไปไหนมาไหนเขาใช้วิธีหายตัวกันแล้วเหรอ...”
ดารกาทำเป็นซักไซ้แนนนี่ว่าปีเตอร์ทำอะไร แนนนี่ตอบว่าเล่าไม่ได้ ดารกาถามว่าทำไม
“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่เล่าไปพี่ดาอาจจะคิดว่าแนนนี่เป็นบ้า”
“พี่ดาไม่เคยและจะไม่มีวันคิดอย่างนั้นเด็ดขาด” ดารกาลูบผมแนนนี่อย่างอ่อนโยนถาม “ทำไมมองพี่ดาอย่างนั้นล่ะจ๊ะ”
“เพราะแนนนี่ไม่รู้จะไว้ใจใครได้แล้ว”
ดารการีบบอกว่าไว้ใจตนได้ แนนนี่ตัดบทขอไปอ่านหนังสือต่อ ดารกามองตามหลังด้วยสายตา
เข่นเขี้ยว...แนนนี่เข้ามาในห้องบอกชิกเก้นว่าเดี๋ยวตนมา ว่าแล้วก็หายตัวแวบไป ชิกเก้นถามไม่ทันว่าจะไปไหน พลันมีเสียงคนบิดลูกบิดประตู ชิกเก้นรีบคว้าตะเกียงแก้วหมอบ ดารกาโผล่เข้ามาอย่างเงียบๆกวาดตามองไปรอบห้อง พึมพำออกมา
“ตะเกียงหายไปไหน...แนนนี่ต้องเข้าไปในตะเกียงอยู่แล้ว แต่มันซ่อนตะเกียงไว้ที่ไหน”
ชิกเก้นกอดตะเกียงไว้แน่น กลั้นหายใจกลัวดารกาได้ยินเสียง “พ่อแก้วแม่แก้วช่วยด้วย...”
ดารกาเดินใกล้เข้ามา พยายามสอดส่ายสายตาหา ดวงตาเธอวาววับขึ้นอย่างน่ากลัว เธอย่อตัวลงมองเข้าไปที่ชิกเก้นซ่อนตัวอยู่ ชิกเก้นมองเธอตาแป๋วแล้วร้องเมี้ยว หมอบทับตะเกียงไว้
“เจ้านายเจ้า เขาไปไหนหรือชิกเก้น...คงจะเอา ตะเกียงน้อยไปด้วยละซี”
ชิกเก้นเอาแต่ร้องเมี้ยวๆดารกาผละลุกขึ้น มองไปรอบห้องก่อนจะเดินออกไป ชิกเก้นถอนใจเฮือก ตะเกียงส่งเสียง
“สงกะสัย...น้องดาคนสวยเข้ามาในห้องแนนนี่ทำไม”
“อาจจะมาหาแนนนี่ แต่ชิกเก้นไม่ไว้ใจใคร เลยขอเอาตะเกียงมาแอบไว้ก่อน”
“โอ๊ย น้องดาเขาคงไม่คิดจะขโมยตะเกียงหรืออะไรหรอกย่ะ ทั้งสวยทั้งรวยขนาดนั้นพูดจาก็เพราะ...” ตะเกียงปลื้ม
ชิกเก้นรีบเตือนอย่าพูดให้แนนนี่ได้ยิน มีหวังระเห็จไปอยู่เชียงกงแน่ ตะเกียงสะบัดเสียงว่ารู้แล้ว... แนนนี่ไปดูปีเตอร์เห็นยังอยู่ในอำนาจอสูร ก็กลัดกลุ้ม ตัดสินใจมาปรึกษาภวัต พอดีเขากำลังทานอาหารกับบุษบาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บุษบาตักหมูนุ่มๆใส่จานภวัต เขาขอบคุณก่อนจะตักขึ้นมา แล้วต้องสะดุ้ง เมื่อหมูชิ้นนั้นกลายเป็นแนนนี่โบกมือให้ ภวัตรีบวางชิ้นหมูลง หันไปหยิบแก้วน้ำจะมาดื่ม กลับมีแนนนี่นอนเท้าคางยิ้มอยู่ในแก้ว
“แนนนี่เก่งมั้ยคะ ที่หาพี่ภวัตเจอ...”
ภวัตรีบวางแก้วน้ำ รวบช้อนส้อมหมดความอยากทาน บุษบาแปลกใจ “เป็นอะไรไปคะ”
“ผมกินไม่ลง เอ้อ...คือมันรู้สึกจุกขึ้นมากะทันหันน่ะครับ คุณบุษทานต่อเถอะ ผมรอได้”
“คุณอิ่ม บุษก็อิ่มค่ะ...”
“โอ้ย...อะไรจะเหมือนกันขนาดนั้น” แนนนี่สบถเสียงดัง
บุษบาสะดุ้งรีบมองหาว่าเสียงใคร ภวัตกลบเกลื่อนว่าเสียงโต๊ะอื่น ภวัตถลึงตาปรามแนนนี่...กลับมาที่ห้องทำงาน ภวัตรีบล็อกประตูเรียกแนนนี่ให้ปรากฏตัวออกมา เธอยืนทำหน้าจ๋อยๆ
“มันจะมากไปแล้ว...นึกยังไง...” ภวัตเอ็ด แนนนี่ขัด
“แนนนี่มีเรื่องด่วนต้องปรึกษาพี่ภวัตค่ะ”
ภวัตว่ารอให้เขากลับบ้านก่อนก็ได้ แต่แนนนี่เถียงว่า ถ้ารอก็ไม่ใช่เรื่องด่วน ภวัตทำท่าหงุดหงิด แนนนี่รีบโพล่งออกไปว่า “อสูรมันพยายามจะยึดร่างปีเตอร์”
เห็นภวัตเมินหน้าหนี แนนนี่คุกเข่าอ้อน “แนนนี่เป็นห่วงปีเตอร์มากเลย...”
“เธอมาผิดที่แล้ว นี่เป็นโรงพยาบาลรักษาโรคภัยไข้เจ็บมนุษย์ ไม่ใช่สถานที่ปรึกษาปัญหาหัวใจของพวกแม่มดหรืออสูร” ภวัตพูดด้วยน้ำเสียงหมางเมิน
“แล้วทำไมพี่ภวัตต้องโกรธแนนนี่ด้วย แนนนี่แค่ต้องการคำปรึกษา...ปีเตอร์ต้องเป็นอย่างนี้เพราะแนนนี่ ถ้าเขาเป็นเพื่อนคนธรรมดา ก็คงไม่ต้องกลายเป็นที่สิงของอสูร”
ภวัตคิดสักพักก่อนจะถาม “...อสูรกลัวอะไรบ้างล่ะ”
แนนนี่นิ่งคิด ภวัตย้ำว่าให้ไปถามทาฮิร่า แล้วเอาสิ่งนั้นไปให้ปีเตอร์ติดตัวไว้ แนนนี่ดีใจ
“จริงด้วย พี่ภวัตเก่งจัง แนนนี่ไปก่อนนะคะ” แนนนี่ลิงโลดก่อนจะหายตัวแวบไป...
พอกลับมาที่ห้อง รู้จากชิกเก้นว่าดารกาแอบเข้ามา แนนนี่โกรธจะไปเอาเรื่อง ตะเกียงกับชิกเก้นร้องห้ามพร้อมกัน เพราะจะทำให้ดารกาสงสัยว่ารู้ได้อย่างไร ในเมื่อห้องนี้มีแค่แมวกับตะเกียง แนนนี่ครุ่นคิด...ถึงเวลา อาหารเย็น ปัทมนกับธานีนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ดารกาเดินเข้ามาขอโทษขอโพยที่ลงมาช้า มัวดูหนังสือเพลินไปหน่อย เหลือบเห็นแนนนี่เดินมา
“อ้าว แนนนี่ก็เพิ่งลงมา คงท่องหนังสือหนักเหมือนกันใช่มั้ยจ๊ะ...คุณแม่ขา น้องดากับแนนนี่ตกลงกันว่า เราจะเรียนหนังสือแข่งกัน” ดารกาทำเป็นยิ้มแย้มมองแนนนี่
“ใครไปตกลงกับพี่ดา” แนนนี่โวย ดารกาก้มหน้าเสียใจ
ปัทมนเอ็ดแนนนี่ แนนนี่กระฟัดกระเฟียดทำให้ธานีเอ็ดเอาอีกคน ดารกาแก้ตัวแทนว่าแนนนี่ไม่ได้ตั้งใจ แนนนี่เหลืออดลุกพรวดขึ้นตวาดดารกาก่อนจะเดินสะบัดไป
“พอที...ไม่ต้องทำแอ๊บดีหรอก แค่นี้แนนนี่ก็เลวจะแย่อยู่แล้ว ในสายตาของทุกๆคน”
ดารกาทำน้ำตาซึม ปัทมนตามไปจูงแนนนี่เข้าไปคุยในห้องอย่างอ่อนโยน
“แนนนี่เกลียดพี่ดา แนนนี่ไม่รู้ว่าทำไม แต่แนนนี่ไม่ชอบพี่ดา” แนนนี่โพล่งออกมา
“จุ๊ๆ ไม่เอาลูก แนนนี่กับพี่ดาเป็นพี่น้องกัน ต้องรักกันสิจ๊ะ แม่เชื่อว่าพี่ดาเขารักแนนนี่”
“แต่แนนนี่ไม่เชื่อ”
“แม่อยากให้แนนนี่ค่อยๆดูพี่ดา อย่ามีอคติแล้วจะรู้ว่า พี่ดาเขาไม่มีอะไรเลย แต่เขาอาจจะจู้จี้กับแนนนี่มากเกินไป แล้วแม่จะพูดกับเขาให้นะลูกนะ”
แนนนี่นิ่งอึ้ง ปัทมนเตือนให้สวดมนต์ก่อนนอน เพื่อพลังพุทธคุณจะได้คุ้มครอง
ooooooo
หลายวันผ่านไป ภวัตพาดารกามาเลี้ยงที่ทำเกรดสี่ได้ ดารกาทำของขวัญมาให้ภวัต แต่ไม่ทันจะให้ แนนนี่โผล่เข้ามานั่งข้างๆพร้อมดอกกุหลาบดอกใหญ่สองดอกยื่นให้ภวัต
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ค่ะ ดอกกุหลาบสีขาวคือตัวแทนของความรักอันบริสุทธิ์ ส่วนสีแดงคือความรักที่ร้อนแรง” แนนนี่ยิ้มหวานส่วนดารกาสีหน้าขุ่นมัว
ภวัตว่าแนนนี่แก่แดด ดารกาฝืนยิ้มถามว่าความรักของแนนนี่เป็นแบบไหน แนนนี่แกล้งตกใจเพิ่งเห็นว่าดารกานั่งอยู่ด้วย แล้วขอโทษที่มาโดยไม่ได้รับเชิญ
“พี่ดาเขาไม่ขี้อิจฉาเหมือนเราหรอก” ภวัตเถียงแทน
“แหวะ น้อยไปน่ะสิคะ”
ดารกาเสียใจ ภวัตเอ็ดแนนนี่ถ้าหาเรื่องดารกาอีกจะให้กลับ ดารกาตัดบทถามแนนนี่ว่า บอกภวัตหรือยังว่าสอบได้เกรดเท่าไหร่ แนนนี่ถลึงตาใส่ก่อนจะเชิดหน้าตอบ
“แนนนี่ก็ได้เกรดสี่เหมือนกัน”
ภวัตถามว่าจริงหรือ แนนนี่ตอบอย่างกะล่อนว่า เอาสองเทอมรวมกัน ดารกาส่งสายตาเยาะ ภวัตส่ายหน้าแกมเอ็นดู...
กลับถึงบ้าน แนนนี่ต่อว่าดารกาที่หักหน้าตน ถามเกรดต่อหน้าภวัต ดารกาทำหน้าใสซื่อขอโทษขอโพย แนนนี่หมั่นไส้บีบคางดารกา ธานีออกมาเห็นดุแนนนี่ยกใหญ่ แนนนี่น้อยใจกระแทกเท้าเดินเข้าห้อง ธานีส่ายหน้าระอาใจ
ส่วนภวัตนั่งมองดอกกุหลาบอมยิ้มกับคำอวยพรของแนนนี่ พลันต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อแนนนี่โผล่เข้ามาดอกกุหลาบหลุดมือ แนนนี่ร่ายคาถาให้ดอกไม้กลับมาอยู่ในแจกันอย่างดี ภวัตต่อว่าเรื่องคืนนี้ แนนนี่โต้ว่าตนอยากทำอะไรก็จะทำ ภวัตเอ็ดแม้ว่าสิ่งนั้นจะผิดกาลเทศะหรือ
“อาจจะผิดกาลเทศะของคนอื่น แต่ว่าถูกของแนนนี่ก็แล้วกัน”
“ดื้อ...ดันทุรัง...เอาแต่ใจตัว...ขี้อิจฉา...”
“ก็แนนนี่เป็นอสูรนี่คะ พี่ภวัตจะเอาอะไรกับอสูร” แนนนี่สวนด้วยความน้อยใจ
“เธอจะทำดีก็ได้ แต่ไม่ยอมทำเองต่างหาก”
“เปล่าค่ะ แนนนี่มันเลวตามเผ่าพันธุ์ต่างหาก มีใครเคยได้ยินว่าพวกอสูรดีบ้าง รามสูรก็พยายามจะแย่งลูกแก้วของเมขลาอย่างไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ แล้วยังมี...”
“ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น”
“ก็ดี เพราะแนนนี่ก็จะมาพูดเรื่องของเรา ต่อไปนี้ ห้ามพี่ภวัตเจ๊าะแจ๊ะกับยัยพี่ดาหรือเจ๊บุษบานั่นเด็ดขาด เพราะพี่ภวัตเป็นของแนนนี่คนเดียว”
“เข้าใจเสียใหม่ว่า พี่ไม่ได้เป็นของใคร โดยเฉพาะเธอ”
“อย่ามาเถียง” แนนนี่ขึ้นเสียง ภวัตโต้ด้วยเสียงดัง เช่นกัน
รัดเกล้าผ่านมาได้ยินเสียง เคาะประตูถาม ภวัตให้แนนนี่กลับไปก่อน แนนนี่ไม่ยอมไปจนกว่าเขาจะบอกว่ารักตน ภวัตเกรงรัดเกล้าจะเข้ามา จึงรีบบอกไปว่าเขารักแนนนี่ เธอยิ้มแล้วหายตัวแวบไป...รัดเกล้าเข้ามาสำรวจทั่วห้องก่อนจะถามภวัตว่าคุยกับใคร เขาทำหน้าไม่รู้ไม่มี รัดเกล้าถอนใจมองไปเห็นดอกกุหลาบในแจกัน มีการ์ดห้อยอยู่จึงเข้ามาอ่าน
“กุหลาบแดงแจ้งรักประจักษ์ว่า ชั่วดินฟ้ารักเธอเสนอสนอง กุหลาบขาวคือหัวใจที่ใฝ่ปอง รักของน้องอสูรน้อยคอยเรื่อยมา...ใครคะอสูรน้อยของพี่ภวัต”
สีหน้าภวัตกระอักกระอ่วน แก้ตัวว่าเพื่อนล้อเล่น รัดเกล้ารีบถามว่าเพื่อนหญิงหรือชายภวัตตัดบทไล่เธอออกไปจะทำงานต่อ รัดเกล้าขำท่าทีเขินของพี่ชาย...รัดเกล้าออกไปแล้ว ภวัตมาหยิบการ์ดดูรู้ว่าเป็นฝีมือแนนนี่ แต่ก็แอบยิ้มสุขใจ
ooooooo
วันรุ่งขึ้นบนโต๊ะอาหาร ดารกาแกล้งเอาเกรดให้ปัทมนกับธานีดู แนนนี่หมั่นไส้อารมณ์เสียพาลพาโลใส่พร ก่อนจะเดินหนีไป ดารกาตามไปง้อ ปัทมนจะไปด้วยแต่ธานีห้ามไว้...ดารกาทำทีชวนแนนนี่มาติวหนังสือกับตนแทนปีเตอร์ แนนนี่โมโหวีนใส่ ธานีออกมาปรามและเห็นด้วยที่จะให้ดารกาเป็นคนติวหนังสือให้ แนนนี่ยิ่งโกรธเดินหนีไปไม่ขึ้นรถ
“น้องดาเสียใจค่ะ น้องดายอมแลกทุกอย่างเพื่อให้แนนนี่เข้าใจ แล้วนี่เขาจะไปมหาลัยยังไง...” ดารกาน้ำตาคลอเป็นห่วง
ธานีปลอบว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว บาบาร่ายืนมองด้วยสายตามีเลศนัย...แนนนี่ออกจากบ้านมาเจอรถแท็กซี่แล่นมาจึงโบก บาบาร่าปลอมเป็นโชเฟอร์ขับพาแนนนี่ออกนอกเส้นทางไป แนนนี่มัวแต่ร้องไห้ พอรู้สึกตัวก็บอกให้จอดรถ แนนนี่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ บาบาร่าหัวเราะน่ากลัว เห็นมีรถตู้แล่นออกมาขวางหน้า จึงบังคับรถจะให้ลอยข้ามแต่เหมือนมีบางอย่างล็อกล้อให้หยุดนิ่ง สดับลงจากรถตู้มาเรียกแนนนี่ให้ไปขึ้นรถตน มาลีเปิดประตูร้องเรียก
“นั่นมันพวกนักล่าอสูร ขึ้นรถเร็วเข้าลูก...แนนนี่”
แนนนี่ตัดสินใจไปขึ้นรถมาลี...ปัทมนร้อนใจที่ติดต่อแนนนี่ไม่ได้ โทร.บอกให้ธานีช่วย ธานีโทร.หาดารกาขอเบอร์ปีเตอร์เพื่อถามว่าแนนนี่อยู่ที่มหาวิทยาลัยหรือเปล่า ปีเตอร์ตอบว่าไม่ได้มา ธานียิ่งร้อนใจ ดารกาโทร.หาภวัตทำทีเป็นห่วงแนนนี่ ภวัตปลอบ
“แนนนี่เกเร เขาอาจจะเรียกร้องความสนใจก็ได้”
“ชะ ช้า...พ่อภวิต...บังอาจมาว่าหลานฉันเรียกร้องความสนใจ” ทาฮิร่าปรากฏตัวขึ้นพร้อมชิกเก้น
ภวัตตกใจรีบถามทาฮิร่ารู้ใช่ไหมว่าแนนนี่อยู่ที่ไหน ดารกาแปลกใจถามว่าเขาคุยกับใคร ภวัตตัดบทว่ามีแขกแล้ววางสายจากเธอ ทาฮิร่าโต้ว่าตนเป็นแม่มด ไม่ใช่แขก...
“แนนนี่หายไปจริงๆหรือครับ”
“งั้นสิยะ พ่อลาโง่”
ภวัตร้อนใจเกรงพวกนักล่าอสูรจับตัวไป ชิกเก้นดักคอเชื่อแล้วใช่ไหม ภวัตไม่สนใจขอให้ทาฮิร่าเรียกพรมวิเศษมาพาเขาไป ทาฮิร่าตอบว่า เขาคนเดียวที่จะเรียกมันมาได้ ส่วนตนจะขี่ไม้กวาดไป ชิกเก้นโดดเกาะไปด้วย ภวัตกระวนกระวายทำไม่ได้...
ระหว่างอยู่ในรถ แนนนี่พร่ำถามมาลีว่าตนเป็นลูกจริงหรือ ทำไมต้องทิ้งตน สดับโวยวายใส่ด้วยความรำคาญ แนนนี่ชักเอะใจ จึงแกล้งทำเป็นปวดท้อง
ขอให้จอดข้างทาง มาลีตามไปคุมแต่แนนนี่ก็ใช้เวทมนตร์เรียกไม้กวาดมาขี่หนี อสูรสิงร่างสดับออกมาขวาง แนนนี่ขี่ไม้กวาดหลบหลังก้อนเมฆ อสูรพ่นไฟทำลายก้อนเมฆนั้น แนนนี่กำลังเพลี่ยงพล้ำ พลันกลุ่มเมฆรวมตัวเป็นร่างผู้นำแม่มด ปล่อยแสงสู้กับอสูร อสูรสู้ผู้นำแม่มดไม่ได้ กล่าวอาฆาตก่อนจะเลือนหายไป
แนนนี่ตกใจขี่ไม้กวาดหนีมาเจอกับทาฮิร่าเข้าพอดี ทั้งสองโผจะกอดกัน ทาฮิร่าหวิดหล่น แนนนี่ช่วยดึงขึ้นมาไว้ได้ รีบเล่าให้ทาฮิร่าฟัง “ยายจ๋า...มีใครก็ไม่รู้มาสู้กับอสูร หนีเปิดไปเลย”
ทาฮิร่าถามว่าใคร แนนนี่ตอบว่าเป็นผู้หญิงแก่ๆ ทาฮิร่าเอะใจรีบบอกให้แนนนี่กลับ...
ปัทมนรู้เรื่องโทร.บอกธานีให้รีบกลับบ้านไปรอรับแนนนี่ เพราะตนยังติดงานอยู่ ธานีรีบเก็บของจะออกจากห้องทำงาน รัดเกล้าเปิดประตูชนโครมเข้ามา ทั้งสองทะเลาะกันอีก รัดเกล้าถามถึงแนนนี่ ธานีบอกว่ากำลังจะกลับไปรอรับ รัดเกล้าวิ่งตามไปขึ้นรถด้วยคนทิ้งรถตัวเองไว้
บาบาร่ามารอทาฮิร่าที่บ้านเพื่อบอกว่าตนไปรายงานผู้นำแม่มดแล้วว่าอสูรอยู่แถวนี้ ทาฮิร่าทำเป็นไม่สนใจขอตัวไปนอน บาบาร่าเจ็บใจต้องจับให้มั่นคั้นให้ตายถึงจะยอมรับ...ชิกเก้นตามเข้ามาในห้อง ปรึกษาทาฮิร่าจะเตรียมตอบคำถามท่านผู้นำแม่มดอย่างไร ทาฮิร่ายิ่งกลัดกลุ้ม
ปัทมนกอดปลอบขวัญแนนนี่ ดารกาเข้ากอดน้ำตาคลอดีใจที่แนนนี่กลับมา แนนนี่ผลักดารกาออกโวยให้เลิกเสแสร้งเสียที แล้ววิ่งไป บุษบาเข้ามาพร้อมปีเตอร์ ได้ยินปัทมนปลอบ
“น้องดา อย่าถือสาน้องเลยนะลูก น้องเพิ่งผ่านเรื่องร้ายๆมา จิตใจยังไม่ปกติ”
“แนนนี่ถูกข่มขืนมาหรือคะ” บุษบาถามโพล่งขึ้นมา ทุกคนมองอย่างตำหนิ
ดารกาตาวาวขึ้นมาแวบหนึ่ง...
เจ็บใจกับความเสแสร้งของดารกา แนนนี่นอนเศร้าอยู่ในตะเกียงแก้ว จนตะเกียงอดถามไม่ได้ ให้ระบายออกมาเสียบ้าง ก่อนจะอึดอัดตาย แนนนี่พลิกหันหลังให้บ่นอย่างน้อยใจ
“ดี ตายเสียได้ก็ดี ทุกวันนี้ก็มีแต่คนอยากให้แนนนี่ตายอยู่แล้วนี่ ทั้งอสูร ทั้งแม่มดต่างช่วยกันรุมฆ่า พวกมนุษย์ก็ไปรุมรักรุมโอ๋ยัยพี่ดาแอ๊บดีกันหมด ชีวิตเหมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย นี่ก็เพิ่งรอดมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าสิบ”
“แล้วคุณยายทาฮิร่าล่ะ แกรักแนนนี่จะตายไป...”
“ก็มีแค่นั้นแหละ อ้อ คุณแม่ปัทมนอีกคน” แนนนี่ลุกพรวดขึ้นสวน
“เขาถึงมีคำพังเพยว่า...คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ...”
“เงียบได้มั้ย แนนนี่อยากอยู่เงียบๆขืนพูดมาก แนนนี่จะเอาเทปกาวปิดปาก”
ตะเกียงบ่นอุบว่าแนนนี่เอาแต่หงุดหงิดทั้งปี...
ดารกาเห็นภวัตเดินไปส่งบุษบาหน้าบ้าน จึงรีบวิ่งออกมาหา บุษบาชักสีหน้าใส่
“เย็นนี้พี่ภวัตมีธุระที่ไหนหรือเปล่าคะ...” ดารกาถามอย่างอ่อนโยน
“น้องดาจะทำไมหรือ”
“น้องดาอยากให้พี่ภวัตติวให้หน่อยค่ะ มีเรื่องที่ไม่เข้าใจสองสามเรื่อง”
บุษบาหมั่นไส้แขวะไหนว่าเก่งนักเก่งหนา และจะให้ไชยมาติวให้แทนเพราะมีเวลาว่างมากกว่าภวัต ดารกาเบือนหน้ามองภวัตขอให้ช่วย ภวัตจึงปฏิเสธแทน
“ไม่เป็นไรหรอกคับ ผมจะติวให้แกเอง บ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้”
“แต่ว่าพี่ไชยเขาเต็มใจติวให้น้องดาจริงๆนะคะ”
“อย่าเลย รบกวนหมอไชยเปล่าๆ” ภวัตตัดบท
ดารกาขอบคุณภวัตแล้วบอกว่าตนจะรอและจะทำขนมไว้ให้ทาน ดารกาไหว้บุษบาก่อนจะวิ่งกลับเข้าบ้าน บุษบาพยายามให้ภวัตเปลี่ยนใจ พลันเกิดรองเท้าส้นสูงหักทั้งสองข้างล้มลง ภวัตตกใจหันไปมองในบ้านเห็นผ้าม่านไหวๆเอะใจว่าจะเป็นฝีมือแนนนี่อีก
ดารกาเดินยิ้มๆเข้ามา ปัทมนนั่งคุยอยู่กับจักรวาล ธานี และรัดเกล้า ดารกาขอตัวไปอ่านหนังสือต่ออยากเรียนให้ดี ไม่อยากให้ปัทมนผิดหวัง จักรวาลชมว่ามีลูกแบบนี้นอนตายตาหลับ รัดเกล้าถามขึ้นว่า แล้วลูกอย่างตนล่ะ ธานีตอบแทนว่า
“ก็ไม่กล้าตายเลยน่ะสิ กลัวว่าต้องตาเบิกโพลงตลอด”
รัดเกล้าลืมตัวทุบธานีพลั่กใหญ่ จักรวาลกับปัทมนสบตากันยิ้มๆ...
บุษบาเดินกะเผลกเข้าบ้าน ไชยแปลกใจรองเท้าแพงๆไม่น่าหักง่าย บุษบารู้สึกเหมือนอารมณ์เดียวกับที่ตนกินสปาเกตตีแล้วกลายเป็นหนอนที่บ้านภวัต ไชยส่ายหน้าว่าคิดไปเอง บุษบาบอกไชยให้จัดการดารกาให้พ้นทางตนเสียที เพราะชักไม่ไว้ใจภวัต
ooooooo
โป่งถือถุงมะม่วงมาวางในครัว พอหันมาเจอบาบาร่ายืนอยู่ก็ตกใจ บาบาร่าถามว่าบ้านนั้นไปไหนกันหมด โป่งเล่าว่า แนนนี่ถูกลักพาตัว ตนก็กำลังจะไปตามข่าว แล้วโป่งก็เตือนบาบาร่าอย่าลืมทำความสะอาดบนบ้าน บาบาร่าขึ้นมาข้างบน เสกให้อุปกรณ์ทำความสะอาดไป ตัวเองเดินสำรวจห้องภวัต เห็นดอกกุหลาบและการ์ดของแนนนี่ที่ลงท้ายว่า อสูรน้อย ยิ่งมั่นใจว่าแนนนี่เป็นอสูร ไม่ผิดตัวแน่
บาบาร่ามาหาทาฮิร่า ซึ่งนอนซมอยู่บนเตียง จึงประชดประชันว่าคงจะเพลียเพราะช่วยแนนนี่ ทาฮิร่าลุกพรวดขึ้นถาม
“เธอใช่มั้ย ที่พยายามทำร้ายแนนนี่”
บาบาร่าส่งการ์ดของแนนนี่ให้อ่านว่าแนนนี่ยอมรับตัวเอง ทาฮิร่าย้อนถามว่าแล้วไง...
“แล้วไง...ช่างพูดออกมาได้ แนนนี่เป็นอสูร แล้วเธอก็กำลังปกป้องมัน”
“ถ้าแนนนี่เป็นอสูรแล้วทำไมถูกอสูรตามล่า”
“เพราะมันต้องการตบตาเรา”
ทาฮิร่าอ่อนใจร่ายคาถาหายตัวไป บาบาร่าโกรธกลับเข้ามาในบ้าน พบดารกานั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก ดารกายิ้มให้ พูดจาอย่างอ่อนหวานว่าตนนัดกับภวัตไว้
“เห็นพี่เกล้าชมว่าป้าทำกับข้าวอร่อยมาก”
บาบาร่ายิ้มปลื้มเดินเข้าครัว แล้วดึงการ์ดของแนนนี่ออกมา เสกให้ลอยให้ไปวางบนโต๊ะในห้องนอนแนนนี่...ไม่ทันไร ภวัตกลับมา ดารกาเอาสละลอยแก้วที่ทำมาให้เขาทาน
แนนนี่ออกมาจากตะเกียงแก้วดูสดใสขึ้น บิดตัวไปมา “ไม่เจอหน้ามนุษย์สองสามชั่วโมงแล้วค่อยยังชั่ว... หิวจัง ต้องไปหาอะไรกินหน่อย”
ชิกเก้นรีบสั่งปลาทูกับน้ำพริกเอาไม่เผ็ดมาให้ตนด้วย แนนนี่ยิ้ม แต่พอเห็นการ์ดของตัวเองก็หุบยิ้ม โกรธขึ้นมาทันที ถามชิกเก้นว่ามันมาได้อย่างไร ชิกเก้นส่ายหน้า แนนนี่กำการ์ดแน่นพรวดพราดออกไป ชิกเก้น สบถ...อาละวาดอีกแล้ว เวรก๊ำ เวรกรรม
ในห้องรับแขก ภวัตกำลังติวหนังสือให้ดารกา แนนนี่เดินหน้าหงิกหน้างอเข้ามาขัดจังหวะ ภวัตนิ่วหน้า ดารกาทำยิ้มหวานถามว่า มาให้ภวัตติวให้เหมือนกันหรือ แนนนี่สะบัดเสียง
“ไม่จำเป็น แนนนี่ไม่อ้อล้อเหมือนพี่ดาร้อก นิดก็พี่ภวัตคะ หน่อยก็พี่ภวัตขา สงสัยเว่อร์...”
ดารกาน้ำตาคลอ ภวัตเอ็ด “มากไปแล้วแนนนี่... น้องดาขยัน เขาถึงได้เรียนดี ไม่เหมือนเราที่นอกจากไม่เรียนแล้ว ยังอิจฉาคอยตามแขวะพี่เขาอีก”
“พี่ภวัต...น้องดาขอร้องเถอะค่ะ”
แนนนี่ทำหน้าล้อว่า...น้องดาขอร้อง...ดารกาเสียใจ ภวัตให้แนนนี่ขอโทษ แนนนี่เถียง
“ไม่ พี่ภวัตนั่นแหละ ต้องขอโทษแนนนี่” แนนนี่ชูการ์ด “แนนนี่อุตส่าห์ทำการ์ดให้พี่ภวัตด้วยมือของแนนนี่เอง แต่พี่ภวัตกลับทิ้งมัน”
“พี่ไม่ได้ทิ้ง...” ภวัตแปลกใจ
“แล้วมันมาอยู่กับแนนนี่ได้ยังไง พี่ภวัตก็ตีสองหน้าเหมือนยัยพี่ดานั่นแหละ แนนนี่เกลียดทั้งสองคนเลย” แนนนี่ฉีดการ์ดทิ้งแล้ววิ่งออกไป
ดารกาผวาจะตาม ภวัตห้ามไว้ ต้องดัดนิสัยเด็ก เกเรให้โดดเดี่ยวเสียบ้าง บาบาร่ายืนมองอย่างสะใจ...แนนนี่วิ่งออกมาถึงประตูหน้าบ้าน บาบาร่าปรากฏตัวขึ้น แนนนี่สะดุ้ง
“อาจารย์...” แนนนี่โผกอดบาบาร่าร้องไห้โฮ
“ใครทำให้เจ็บช้ำน้ำใจหรือศิษย์รักของครู” บาบาร่ายิ้มมุมปากตาวาวเป็นประกาย
แนนนี่สะอื้นฮั่กๆ บาบาร่าจึงชวนไปคุยกันในห้อง ว่าแล้วก็หายตัวไปที่ห้องนอนแนนนี่ โป่งเดินมาเห็นขยี้ตาเพราะเห็นไม่ถนัดว่าเป็นบาบาร่า ก่อนจะเปรยๆ
“สงสัยว่าจะเป็นอาจารย์ของอาจารย์อีกที...อีกหน่อยหายตัวกันได้ทั้งโลกก็ดี รถจะได้ไม่ติด แถมไม่ต้องเปลืองเงินซื้อรถ โป่งต้องพยายามทำให้ได้...”
สองแม่มดปรากฏตัวขึ้นในห้อง ชิกเก้นตกใจ บาบาร่าทักสบายดีหรือ
“ก็สบายดีตามอัตภาพของแมวครับ คุณยายบา”
“ดูเหมือนทาฮิร่าจะไม่ค่อยสบาย ไม่ไปดูแลนายของแกหน่อยเรอะ”
แนนนี่ตกใจว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า บาบาร่าตอบว่าไม่มาก แต่ชิกเก้นน่าจะไปอยู่เป็นเพื่อน ชิกเก้นเตือนแนนนี่ “อย่าหูเบานะแนนนี่”
บาบาร่าถลึงตาใส่ ชิกเก้นโดดหนีแผล็วหายไป บาบาร่าหันมาบอกแนนนี่ว่า ตนกับทาฮิร่าเคยมีเรื่องไม่ถูกกัน ชิกเก้นจึงพลอยเขม่นตนไปด้วย ว่าแล้วก็ให้แนนนี่เล่าเรื่องที่เสียใจมา...
ชิกเก้นแลนด์ดิ้งลงมาบนตัวทาฮิร่าซึ่งนอนหลับอยู่ สะดุ้งตื่นโวยวายใส่
“ไอ้ชิกเก้น ไอ้แมวซุ่มซ่าม”
“ชิกเก้นกะระยะผิดไปหน่อย ซอรี่...”
“อืม...แคท กรรม” ทาฮิร่าพยักพเยิด
“ฟังเหมือนกรรมของแคทยังไงก็ไม่รู้” ชิกเก้นบ่น
ทาฮิร่าหมั่นไส้ เสกให้ชิกเก้นตัวแข็งแล้วล้มตัวลงนอนต่อ ชิกเก้นร้องลั่นว่าถอนคำสาปเร็ว เดี๋ยวขัดขวางบาบาร่าไม่ทัน...
ooooooo
บาบาร่ากำลังซักไซ้แนนนี่ว่ามีใครรู้บ้างว่าเป็นอสูร แนนนี่ตอบว่าภวัตรู้ว่าตนเป็นแม่มด แต่ตนจะบอกความจริง...บาบาร่าสวนขึ้นมาว่าเป็นอสูรใช่ไหม แนนนี่อึ้ง
“บอกมาเถอะ ครูไม่มีทางเป็นอันตรายกับ เธอหรอก”
“แนนนี่...แนนนี่คิดว่าตัวเองเป็นอสูร แต่คุณยายทาฮิร่ายืนยันว่าไม่ใช่”










