ตอนที่ 15
บริเวณหน้าเจดีย์ มีลูกน้องเสือสนธิ์เฝ้าอยู่แน่นหนา ฮวงเข้ามารายงาน ดร.วิทยาว่าได้ขับไล่พวกสตีเฟ่นหนีเข้าป่าไปแล้ว ดร.วิทยาพอใจมากเพราะพรุ่งนี้จะเริ่มการทดลอง ไม่อยากให้ใครเข้ามาขัดจังหวะ อินทร์รับรองแข็งขันว่าเขากับลูกน้องจะเปลี่ยนเวรยามทุกสามชั่วโมง
การสนทนานี้ ได้มาเข้าหูเดี่ยว เขาจึงบอกต่อเพื่อนๆเสาร์ห้า ดอนเสนอว่าต้องเข้าไปช่วยบุษกร ชลดาและยูกิภายในคืนนี้ มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายได้
“อันตรายจากการทดลองหรือครับ” กริ่งสงสัย
“ใช่ เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากการทดลอง บางทีอาจเป็นปฏิกิริยานิวเคลียร์” เทอดเดา
“ขออย่าให้เป็นแบบนั้นเลยครับ เพราะคนที่ตาย ไม่ใช่เฉพาะพวกเราแน่ อาจเป็นคนไทยทั้งประเทศก็ได้” ยอดกังวล
“แผนเป็นแบบนี้นะ พวกคุณแยกกันเจาะเข้าไปหลายๆจุดพร้อมๆกัน ทำให้พวกมันปั่นป่วน ถ้าตรงไหนเปิดจุดอ่อน ใครอยู่ใกล้ก็บุกเข้าไปเลย ส่วนนาตาชาให้เจ้าต่ำและบัวชุมคอยคุมเอาไว้ เข้าใจนะ” แต้มแจงแผนที่วางไว้ ทุกคนพยักหน้า และมัดนาตาชาไว้กับต้นไม้
ทุกคนแยกย้ายกันปฏิบัติหน้าที่ ดอนไปกับเจนนี่ ยอดไปกับกระแต เดี่ยว เทอด และกริ่งไปด้วยกัน เคนกับม่านฟ้าไปคู่กัน ส่วนแต้มแยกไปคนเดียว บัวชุมเอาผ้ามามัดปากนาตาชาไว้เกรงจะส่งเสียงให้เดือดร้อน
มุมหนึ่งในป่าที่ยอดและกระแตวิ่งมาซุ่มมองเข้าไปยังเจดีย์ เห็นมีเวรยามลาดตระเวน พอสบโอกาส กระแตจะวิ่งเข้าไป ยอดร้องเรียก “เดี๋ยว...”
“มีอะไรคะยอด”
“คือ...” ยอดเขินเล็กน้อย
“อะไรคะ...”
“ถ้าการทดลองพรุ่งนี้ทำให้เราต้องตาย ผมมีบางอย่างที่อยากจะบอกคุณ...กระแต”
กระแตรู้สึกถึงสายตาของยอดที่ส่งมา มันดูอบอุ่น ยอดดึงเธอเข้าไปกอด “ขอโทษนะครับกระแต บางทีนี่อาจเป็นกอดสุดท้ายที่ผมจะได้กอดคุณ”
“ค่ะ หากฉันเป็นอะไรไป ฉันก็อยากจะบอกว่าฉันแคร์คุณนะคะยอด ฉันอาจจะไม่หวาน สนใจแต่งานมากกว่าความรัก แต่คุณยังอยู่ในใจของฉันเสมอ”
สองคนกอดกันแนบแน่น ทันใด...มีคนฉายไฟส่องมา แล้วตะโกนถามว่ามาทำอะไรตรงนี้ ยอดบ่นพึม “โธ่ลูกพี่ขอเวลาสวีตกันก่อนก็ไม่ได้”
“เอ็งเป็นใคร” เวรยามเข้ามาถาม
ยอดตอบอย่างกวนๆว่าจำไม่ได้หรือ แล้วเดิน
เข้ามาชกเปรี้ยงเสยคางจนสลบ จากนั้นก็ดึงกระแตวิ่งลัดเลาะตรงเข้าไปยังเจดีย์...อีกด้าน เจนนี่ถือปืนเดินระแวดระวังมาที่ยามคนหนึ่ง แล้วซัดด้วยด้ามปืนล้มลง แต่กลับมียามอีกคนเอาปืนขู่ข้างหลังให้ทิ้งปืน ดอนเข้ามาช่วยซัดยามสลบ
“เกือบไปแล้ว” เจนนี่ถอนใจ
“ใครจะใจร้ายปล่อยให้คุณเป็นอะไรไปต่อหน้า”
“โปรยเสน่ห์ไปทั่ว มิน่าคนอื่นถึงได้...”
“อย่าพูดถึงคนอื่นเลยเจนนี่ ชีวิตที่เหลืออยู่เราจะมีกันแค่สองคน มาทำวันนี้ วินาทีนี้ให้ดีที่สุดนะ” ดอนเอานิ้วแตะปากเจนนี่ไม่ให้พูดต่อ
“ค่ะ อีกไม่กี่ชั่วโมง พระอาทิตย์ก็จะขึ้นแล้ว ถ้าโลกจะแตกก็ขอให้เราตายเคียงข้างกันนะคะดอน”
“ครับ ผมจะอยู่กับคุณเสมอ” สองคนเดินจูงมือกันตรงไปยังเจดีย์
ooooooo
บริเวณฐานเจดีย์ เทอด กริ่ง และเดี่ยวย่องเข้ามา มีเวรยามกำลังเดินตรวจตรา ทั้งสามคนหลบเข้ามุมมืด เมื่อยามเดินผ่านไป ทั้งสามออกมาปรึกษากัน
“พวกผู้หญิงคงถูกขังไว้ข้างในเจดีย์” เดี่ยวสงสัย
“แต่ทางเข้ามียามเฝ้าทุกประตูเลย” กริ่งกังวล
“ข้างบนมีช่องลม แทรกตัวเข้าไปได้ ผมรู้เส้นทาง”
“กริ่ง เดี่ยว ปีนกันสองคนนะ ผมขอทำอะไรง่ายๆดีกว่า ไปนะ” เทอดโบกมือหายตัวแวบ
“อ้าว...ทิ้งกันซะงั้น” กริ่งท้วง
“ไปกริ่ง เราสองคนมันลิงกลับชาติมาเกิด เอ้า ปีน”
เดี่ยวกับกริ่งพากันปีนขึ้นไปเข้าทางช่องลม...
ด้านหน้าองค์พระประธาน ฮวงกำลังเปิดภาพจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ซึ่งเป็นภาพวาดการสะท้อนแสง
ของทับทิมสยาม ดร.วิทยาหยิบทับทิมทั้งสามก้อนออกมาจากกล่อง ดร.ฟอร์ด บุษกร ชลดา และยูกิซึ่งถูกมัด มองอยู่เงียบๆ ฮวงกับ ดร.วิทยาจัดการวางทับทิมสยาม
“จากภาพวาด ผมว่าทับทิมสยามสีชมพูต้องวางไว้ตรงนี้ครับ”
“ใช่ ฉันว่าสีชมพูต้องอยู่ตรงนี้ ส่วนทับทิมสีแดงก็ต้องวางไว้ตรงนี้” ดร.วิทยาวางตามจุด
“แล้วสีม่วง...” ฮวงถาม
“สีม่วงก็อยู่ตรงโน้นไง”
“แต่ด็อกเตอร์ครับ ด็อกเตอร์จะเอาทับทิมสยาม
สีม่วงออกจากแท่นเรเดียมหรือครับ”
ดร.วิทยาลังเล เพราะก็เกรงปรากฏการณ์ภาพลวงตาอยู่เหมือนกัน ดร.ฟอร์ดฟังอยู่อดรนทนไม่ไหว ร้องบอก
“เรเดียมมันเป็นตัวสลายพลัง ถ้าไม่เอาออก การทดลองจะล้มเหลว”
“หุบปาก...” ดร.วิทยาไม่พอใจ
“แกต้องเอาแท่นเรเดียมออกไป เชื่อฉัน เพราะฉันเองก็อยากเห็นการทดลองครั้งนี้สำเร็จเหมือนกัน”
“แต่ถ้าไม่มีเรเดียม ทับทิมสีม่วงจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์ภาพลวงตา” ดร.วิทยาลังเล
“ก็ดีน่ะสิ ปรากฏการณ์ภาพลวงตาที่เกิดขึ้นจะได้กลายเป็นกำแพงคุ้มครองเจดีย์แห่งนี้จากโลกภายนอก การทดลองพรุ่งนี้จะได้ราบรื่น”
“ก็ได้ เรื่องนี้ฉันจะเชื่อแก แต่เอาไว้ใกล้เวลาก่อน” ดร.วิทยาเอาทับทิมสีม่วงซึ่งยังอยู่บนแท่นเรเดียม วางตรงจุดที่กำหนด
“เดี๋ยวผมออกไปตรวจดูเวรยามก่อนนะครับ ด็อกเตอร์” ฮวงขอตัว ดร.วิทยาพยักหน้า...
ในขณะที่เดี่ยวกับกริ่งกำลังปีนป่ายหาทางเข้าไปในเจดีย์ อินทร์กับลูกน้องเห็นเอาปืนเล็ง
กริ่งตกใจร้องบอก “ใจเย็นนะครับ เราแค่มาออกกำลังกายกัน เดี๋ยวไปแล้ว”
“ลงมาเดี๋ยวนี้” อินทร์สั่ง
เดี่ยวบอกกริ่งว่าท่าทางอินทร์เอาจริงเพราะพวกลูกน้องเตรียมเหนี่ยวไก...
ภายในเจดีย์ บุษกร ชลดา และยูกิซึ่งโดนมัดอยู่รวมกัน รู้สึกมีใครบางคนกำลังช่วยแก้มัดให้พวกเธอ แต่เมื่อเห็น ดร.วิทยาหันมามอง สามสาวก็ทำเป็นชวนคุยเบี่ยงเบนความสนใจ
“พรุ่งนี้อะไรจะเกิดขึ้นบ้างคะ บอกฉันหน่อยได้มั้ย” บุษกรถามขึ้น
“ได้สิ ไหนๆพวกเธอก็จะตายแล้ว ฉันจะบอกให้ก็ได้ ทันทีที่แสงอาทิตย์แรกส่องผ่านประตูเจดีย์มา ลำแสงของมันก็จะไปกระทบกับทับทิมสยาม แล้วสะท้อนกันไปมาตามจุดที่ฉันวางทับทิมสยามไว้”
“ก็แค่แสงสะท้อนไปมา ไม่เห็นจะมีอะไร” ชลดา สงสัย
“ลองคิดถึงแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านแว่นขยายดูสิ ทับทิมสยามสามก้อนเนี้ย มีพลังรุนแรงยิ่งกว่าแว่นขยายหลายล้านเท่า การที่มันสะท้อนแสงส่องกระทบ วนเวียนกันไปมาไม่มีวันจบสิ้นแบบนี้ อะไรจะเกิดขึ้น เธอลองคิดดูซิ ฮ่ะๆ”
“ลำแสงของมันจะคมยิ่งกว่าลำแสงเลเซอร์ พลังงานที่เกิดขึ้นอาจจะทำลายล้างสิ่งมีชีวิตยิ่งกว่าปรมาณู” ยูกิคาดการณ์
“หรือไม่ก็เป็นพลังงานใหม่ที่นักวิทยาศาสตร์ในโลกไม่เคยรู้จักมาก่อน” ดร.ฟอร์ดแทรก
“แต่คุณไม่น่าหลอกเสือสนธิ์กับเจ้าพ่ออินทร์ให้เข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย” บุษกรตำหนิ
“ฮ่ะๆ พวกมันอยากโง่เอง แค่เห็นฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์ มีหน้ามีตาในสังคม พูดอะไรพวกมันก็เชื่อไปหมด ฮ่ะๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีคนโง่แบบนี้ ฮ่ะๆๆ”
“แกมันเลวยิ่งกว่าฉัน ไอ้ด็อกเตอร์หัวขโมย” ดร.ฟอร์ด ระเบิดอารมณ์
ดร.วิทยาโกรธเข้ามาตบ ดร.ฟอร์ดจนเลือดกบปาก ข้างประตูทางเข้า เสือสนธิ์ยืนฟังสิ่งที่ ดร.วิทยาพูดอยู่เงียบๆ อินทร์กับลูกน้องพาเดี่ยวกับกริ่งเข้ามา
“พวกมันลอบเข้ามาครับ” อินทร์บอกเสือสนธิ์
“ดี เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“หมายความว่าไงครับ” อินทร์แปลกใจกับท่าทีของเสือสนธิ์ที่ยิ้มดูมีเลศนัย
เมื่อเสือสนธิ์คุมตัวเดี่ยวกับกริ่งเข้ามา ดร.วิทยาพอใจมาก ถามหาคนที่เหลือ กริ่งย้อนถามกวนๆว่าหมายถึงใคร ดร.วิทยาโมโหตบหน้ากริ่ง
“อู้...ตบแรงนะนั่น” เดี่ยวทำเสียงซู๊ด...เจ็บแทน
“ขอโทษครับ ผมขอคืนนะครับ” กริ่งบอกแล้วซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้า ดร.วิทยา
“เฮ้ย...ทำไมปล่อยมันทำ” ดร.วิทยาโวยเสือสนธิ์
“ผมจะไม่ทำผิดอีกแล้ว ด็อกเตอร์” เสือสนธิ์ตอบ
“นี่แกโดนมันหลอก พวกมันกำลังจะทำลายชาติของเรานะเสือสนธิ์”
“เลิกเล่นละครเถอะครับ เรารู้ความจริงกันหมดแล้ว” เสือสนธิ์บอก ดร.วิทยา
เทอดปรากฏตัวขึ้น จับกุม ดร.วิทยา บุษกร ชดลา และยูกิหลุดจากพันธนาการ เข้าช่วยจับ
“ฮ่ะๆในที่สุดแกก็ล้มไม่เป็นท่า ไอ้ด็อกเตอร์หัวขโมย” ดร.ฟอร์ดหัวเราะชอบใจ
ดร.วิทยาร้องลั่นให้ปล่อยตน แต่ไม่เป็นผล แถมยังโดนมัดคู่กับ ดร.ฟอร์ดอีกต่างหาก
ooooooo
ด้านหน้าเจดีย์ ฮวงซึ่งยังลาดตระเวนอยู่ เห็นเงายอดกับกระแต จึงสะกิดลูกน้องยิงเปรี้ยงเข้าใส่ ทันใดมีปืนมาจ่อหลัง ฮวงกับลูกน้องชะงัก เป็นดอนและเจนนี่ที่เข้ามาปฏิวัติเงียบ อินทร์เดินเข้ามาพร้อมลูกน้อง ฮวงโวยวายปล่อยพวกเสาร์ห้า เข้ามาได้อย่างไร
“เวลาของแกหมดแล้วฮวง จับมันมัดไว้” อินทร์สั่งลูกน้อง
ยอดกับกระแตออกจากที่ซ่อนเข้ามาสมทบ พวก
เสาร์ห้าทั้งหมด และเสือสนธิ์เดินออกมาจากด้านในเจดีย์ เสือสนธิ์หันมากล่าวกับทุกคน
“ผมต้องขอโทษทุกคนด้วย ที่ผ่านมาผมเข้าใจพวกคุณผิดมาตลอด”
“ผมก็เช่นกัน โดน ดร.วิทยาตุ๋นซะเปื่อยเลย โชคดีที่ไหวตัวทัน” อินทร์ขอโทษเช่นกัน
“พวกเรารู้ดีว่าคุณสองคนไม่ใช่คนร้าย” ดอนยิ้มให้
“ที่แล้วมาก็ให้มันแล้วไป พวกเราไม่ถือสาอะไรหรอกครับ” เดี่ยวเสริม
เสือสนธิ์กับอินทร์ปลื้มในน้ำใจของพวกเสาร์ห้า จึงสัญญาว่าจะให้ความร่วมมือถึงที่สุด อินทร์ถามถึงเรื่องการทดลองจะให้พวกตนทำอย่างไรต่อไป ยอดห้าม
“การทดลองจะเกิดขึ้นไม่ได้นะครับ เพราะเราไม่รู้ว่าผลของมันจะเป็นยังไง”
“ถ้างั้นก็ต้องรีบเอาทับทิมสยามทั้งสามก้อนออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะครับ” กริ่งเตือน
“แต่ตอนนี้กองกำลังของนายพลจางลี่กำลังปิดล้อมพวกเราอยู่” เสือสนธิ์ท้วง
“เจ้าพ่ออินทร์มีวิทยุติดต่อมั้ยครับ ผมต้องการขอกำลังเสริมจากหน่วยเหนือ” ดอนถาม
อินทร์ให้ดอนและทุกคนตามเขาไปที่บังเกอร์...ภายในบังเกอร์ พวกเสาร์ห้าและพวกผู้หญิงได้เห็นว่ามีอาวุธมากมาย และมีการติดตั้งวิทยุสื่อสาร ดอนรีบติดต่อหน่วยเหนือ
“เสาร์ห้าเรียกหน่วยเหนือๆ”
“หน่วยเหนือทราบ ผมผู้พันอาจณรงค์ ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหน”
“ที่เจดีย์กลางป่า นอกจากผมแล้ว เรามีกลุ่มเจ้าพ่ออินทร์และเสือสนธิ์อยู่ด้วย”
“แล้วต้องการให้หน่วยเหนือสนับสนุนอะไรบ้าง”
“ตอนนี้เราถูกปิดล้อมจากกองกำลังของนายพลจางลี่ ต้องการกำลังเสริมด่วน”
“รับทราบ กำลังเสริม 1 กองพันพร้อมอาวุธครบมือ จะไปถึงพวกคุณภายใน 3 ชั่วโมง”
“รับทราบ ขอบคุณมากครับ” ดอนกล่าวก่อนจะตัดการสื่อสาร
เทอดมองไปรอบๆนึกได้ “มีใครเห็นคุณเคน ม่านฟ้า ลุงแต้มแล้วคนอื่นๆหรือเปล่า”
“คุณเคน ม่านฟ้า ลุงแต้ม แยกออกไปทางเดียวกัน ส่วนพี่ต่ำ บัวชุมคงจะคุมตัวนาตาชาอยู่ที่เดิม” กริ่งรายงาน
เทอดพยักหน้ารับรู้ แต่สีหน้าอดห่วงทุกคนไม่ได้
ooooooo
ในขณะที่เปาชางกำลังบัญชาการลูกน้องให้กระจายตัวไปตามจุดต่างๆ โดยลักษณะเป็นการวางแผนแบบซุ่มโจมตี นายพลจางลี่กับอาเตียวเข้ามาสมทบ
“ผมกระจายหน่วยกล้าตายให้เข้าซุกตัวรอบฐานเจดีย์ให้สัญญาณเมื่อไหร่ พวกมันจะบุกพร้อมกันทันทีครับลุง” เปาชางรายงาน
“ลุงจะอยู่กับอาเตียวคอยบัญชาการ ถ้าต้องการอาวุธสนับสนุนก็วิทยุเข้ามา อาวุธใหม่ๆเรามีพร้อม”
นายพลจางลี่กางแผนที่ ชี้จุดตามที่วางแผน
มุมหนึ่ง เคน ม่านฟ้า และแต้มแอบซุ่มดูอยู่ แต้มบ่นว่าสงครามใกล้เริ่มแล้ว เคนว่าต้องรีบไปรายงานพวกเสาร์ห้า แต้มให้เคนไปกับม่านฟ้าก่อน ตนจะสอดส่องระวังหลังแล้วจะตามไป
นายพลจางลี่เห็นอะไรเคลื่อนไหวร้อง “เฮ้ย...นั่นใคร” แล้วคว้าปืนยิงกราดใส่
แต้มยิงตอบโต้แล้วถอยหนีไปพร้อมกับเคนและม่านฟ้า ทั้งสามวิ่งตรงมาที่เจดีย์ ทุกคนที่นั่นหันไปมอง ยอดรีบตะโกนบอกอินทร์เกรงลูกน้องจะยิงถูกเคน ม่านฟ้า และแต้ม
“ระวังอย่าเพิ่งยิงนะครับ พวกเดียวกัน”
มีระเบิดปาไล่หลัง เคน ม่านฟ้า และแต้มกระโจน
เข้ามาในบังเกอร์อย่างหวุดหวิด
“เอาละครับ ได้เวลาจัดหนักกันแล้ว ลุย” ดอนคว้าปืนกลยิงสวนออกไป
“สนุกเชียว ขอบ้างดิ” กริ่งมันมือ
“ขอจัดด้วยคน งานนี้พลาดไม่ได้” เดี่ยวคว้าปืนกลร่วมยิงด้วยอีกคน
เปาชางส่องกล้องทางไกลเข้าสอดแนม แล้วรายงานนายพลจางลี่ว่าพวกเสาร์ห้ามากันครบทีม นายพลจึงบอกให้ฆ่าให้ตายให้หมดแล้วปล้นเอาทับทิมมาให้ได้
“ล้อมเจดีย์ไว้แบบนี้ รับรองมันออกมาไม่ได้แน่”
เปาชางยิ้มกริ่ม
นายพลจางลี่สั่งเปาชางคุมลูกน้องไปซุ่มอีกด้าน
คอยเก็บทีละคน เปาชางนำทีมสไนเปอร์แยกตัวออกไป
นายพลจางลี่หยิบปืนเอ็ม 79 ออกมาแล้วยิงตูมเข้าไปที่พวกเสาร์ห้า...พวกเสาร์ห้า อินทร์ เสือสนธิ์ และลูกน้องหลบอยู่หลังบังเกอร์ ยิงตอบโต้ เดี่ยวฉุกใจถาม
“เสือสนธิ์ครับ ด้านในเจดีย์ตอนนี้มีใครดูแล”
“ให้ไอ้อ้วนดูแลอยู่ มีอะไรหรือเปล่าคุณเดี่ยว”
“ผมรู้สึกไม่ค่อยวางใจเลยครับ อยากให้ส่งกองกำลังไปเพิ่ม”
เสือสนธิ์จึงสั่งลูกน้อง จัดกำลังไปช่วยอ้วนรักษาเจดีย์ แต่พอลูกน้องเสือสนธิ์โผล่ออกจากบังเกอร์ ก็โดนยิงล้มลงทีละคน
“กระสุนปืนมาจากด้านหลังป่า” เสือสนธิ์ร้องบอก
ดอนใช้ตาทิพย์มองออกไป “มันมีพวกสไนเปอร์คอยซุ่มยิงจากทางด้านโน้นครับ ผมเห็นเปาชางเป็นหัวหน้า”
“พวกเราหมอบลงก่อน อ้อมไปออกอีกด้าน” เสือสนธิ์สั่งลูกน้อง
สไนเปอร์ พากันวิ่งกระจายตัวไปตามต้นไม้ เพื่อซุ่มยิงจากระยะไกล เปาชางปีนขึ้นไปบนต้นไม้ เล็งปืน
ไปยังเป้าหมาย คือ เทอด เปาชางจะเหนี่ยวไก ดอนสังหรณ์ใจใช้ตาทิพย์มองไปพอดี เห็นเปาชางจึงร้องบอกเทอดระวัง พร้อมกับดึงร่างเทอดก้มลง กระสุนปืนเปาชางเฉี่ยวไปโดนกระสอบทรายทะลุ เทอดตะลึงหันมาพูดกับดอน
“พวกสไนเปอร์เหรอครับ”
“ใช่ ฝีมือเปาชางกับพวก”
แต้มถอนใจที่เทอดปลอดภัย เทอดถามดอนว่าเห็นไหมว่าอยู่ตรงไหน ดอนชี้ไปที่ต้นไม้ที่เปาชางอยู่ เทอดเจ็บใจจะไปจัดการเอง เดี่ยวขอไปช่วยด้วยคน อินทร์อาสายิงคุ้มกันให้...เทอดกับเดี่ยววิ่งซอกแซกออกไป แล้วมาซุ่มมองเงียบๆ เทอดถามเดี่ยว
“ได้ยินเสียงมาจากทางไหนครับเดี่ยว”
“มีเสียงอื่นๆรบกวนเต็มไปหมดเลยครับ”
“บางทีอาจอยู่ทางโน้น” เทอดจะวิ่งไป แต่เดี่ยวรั้งไว้เพราะได้ยินเสียงขยับตัว
“เดี๋ยวครับ...หลบเร็ว” เดี่ยวได้ยินเสียงลูกปืนวิ่งเข้ามา
เดี่ยวดึงเทอดหลบ เพราะมีสไนเปอร์สามคนระดมยิงใส่ สองคนพากันวิ่งหลบ สักพักทุกอย่างเงียบลง เทอดถามเดี่ยว พวกมันอยู่ตรงไหนบ้าง
“น่าจะเป็นต้นไม้ต้นนั้น 1 คน อีก 2 คนน่าจะเป็นทางโน้น”
เทอดให้แยกกันไปจัดการ และแล้วทั้งเทอดและเดี่ยวก็จัดการสอยสไนเปอร์ทั้งสามคนได้สำเร็จ...
ooooooo










